ไม่ใช่นะครับที่มักกล่าวว่า “สมถะเหมือนการหลบภัย วิปัสสนาเหมือนการผจญภัย”

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมภูต, 26 พฤษภาคม 2009.

  1. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    มีหวงกิเลสด้วย ... เอาเพิ่มอีกมั๊ยbubu
     
  2. ..กลับตัวกลับใจ..

    ..กลับตัวกลับใจ.. Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    325
    ค่าพลัง:
    +96
    ...พอแล้วจ้า..ไม่เอาอีกแล้วbubu
     
  3. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
  4. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846

    คนที่เดินทางมาทางธรรมและศึกษาธรรมะ ก็ได้ขึ้นชื่อว่าเดินมาถูกทางแล้ว ก้ถูกแล้วนี่ครับ ผมไม่ได้ไปรับรองว่า ท่านนิวรณ์ ได้ธรรมนั้นธรรมนี้ อุปสรรค์ในระหว่างทางนั้นอีกเรื่องนึง
     
  5. ธรรมะสวนัง

    ธรรมะสวนัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,305
    ค่าพลัง:
    +1,255
    มายกมือสนับสนุน

    ธรรมส่วนธรรม ว่าตามเหตุผล
    ส่วนตัวเรื่องเค้า คนอื่นไม่เกี่ยว


    (smile)
     
  6. ธรรมะสวนัง

    ธรรมะสวนัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,305
    ค่าพลัง:
    +1,255
    55+ขออภัย เผอิญมีงานอื่นที่ต้องทำ สำคัญกว่า
    ค่ะ ก็อย่างที่บอกมาแล้วว่า

    สิ่งที่ควรพูดก็ได้พูดไปหมดแล้ว
    สิ่งที่เหลืออยู่นั้นก็ขึ้นกับตนเอง
    จะน้อมนำมาสมาทานหรือไม่ก็ตามแต่
    ขึ้นกับวาสนาบารมีจะรับของแท้หรือของเทียม

    เพราะรู้จักแต่แบงค์ปลอมไปเทียบแบงค์กับใคร
    ก็เที่ยวกล่าวหาว่าของอื่นนั้นปลอมหมด
    เพราะไม่รู้จักของแท้จริง รู้จักแต่ของเท็จเทียม
    ถกไปก็ยืดเยื้อไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ตนและประโยชน์ท่าน

    (smile)
     
  7. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    อาจานนิฯครับ โดยส่วนตนเองแล้ว ผมเป็นคนทำอะไรตรงๆ
    ใครผิดใครถูกก็ว่าไปตามเหตุตามผล

    ผมยกตัวอย่างง่ายๆนะครับ มีท่านอาจารย์ท่านหนึ่งเป็นคนดีมากๆ
    แต่ท่านเกิดในครอบครัวที่มีปัญหา
    ที่พ่อชอบกินเหล้าเมายา ลักเล็กขโมยน้อย
    ส่วนแม่นั้นชอบเล่นการพนันขันต่อ
    ยอมทำอะไรก็ได้ ขอให้มีเงินมาเล่นเท่านั้น

    เมื่อมีคนคิดทำลายเครดิตท่านอาจารย์
    โดยไปขุดคุ้ยประวัติท่านอาจารย์
    แล้วเอาเรื่องพ่อแม่ท่านที่ล่วงไปแล้วมาโพทนา

    คุณเห็นว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่สมควรแก่การกระทำหรือไม่
    โดยเฉพาะคนขุดคุ้ยนั้นได้ชื่อว่าเป็นนักดูจิตที่มีคนให้ความเชื่อถือครับ

    ;aa24
     
  8. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    แบบนี้เค้าเรียก วิชามาร ครับ

    พวกนักการเมืองใจสกปรกนิยมทำกัน...
     
  9. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    ปรุงกันไปนู้น... ผมไม่ได้ทำอะไรนอกกรอบนอกเหตุนะครับ

    ต้องเปิดตาดูดีๆ เรื่อง id ที่มันมาเป็นประเด็น ก็เพราะเขาเอามา จุ๊บ จุ๊บ ผม

    ผมเสียหายสิ อยู่ดีๆ ใครก็ไม่รู้ มาทำแปลกๆ ผมก็ต้องสืบให้ได้ว่าใคร !?

    ก็ไม่ใช่อยู่ดีๆ ผมจะไปทำอะไรแบบนั้น ที่นี้สืบเจอแล้วว่าใคร มันก็ต้องหา
    น้ำหนักมายืนยันให้ครบ โดยผูกกับคุณธรรมที่ชื่อ สัจจวาจา ซึ่งก็เป็นการดี
    ที่จะเตือนเพื่อนให้แสดงสัจจวาจา เพราะมันเป็นบารมีที่นักปฏิบัติต้องมี

    ด้วยข้อมูลที่ผมหามา ซึ่งก็เอามาแสดงเพียงบางส่วน พอแก่การชี้ว่าผมรู้

    แต่เขาก็ปฏิเสธไปมา ผมก็เลยต้องเผยข้อมูลทีละเปาะ เพราะเกรงใจอยู่แล้ว

    แต่เขาก็ยังปฏิเสธ ก็เลยต้องเผย การเผยก็เผยข้อมูลเฉยๆ ไม่ได้ด่าว่าอะไร
    ให้เสียๆ หายๆ สักหน่อย อย่างมากก็ล้อมกรอบด้วยการถามถึง สัจจ ตามที่
    ผมจั่วเอาไว้แต่ต้น ...ไม่ได้นอกกรอบเลยนะ

    ซึ่งสุดท้ายนี้เขาก็บอกออกมาว่าเขาชื่อ เชียร ซึ่งเติม วิ พยางค์แรกของชื่อ
    จริงก็กลายเป็น วิเชียร ซึ่งผมก็อนุมานแล้วหละว่าคือเขานั่นแหละ ที่แอบมา
    จุ๊บ จุ๊บ ผม ...ช่วยไม่ได้ หากเป็นพี่ชาย น้องชายผู้เป็นเจ้าจอง id เขาก็ต้อง
    รับผิดชอบ

    ชายข้าวสุก หญิงข้าวสาร

    ข้างนอกสุกใส ข้างในต๊ะติ๊งโหน่ง เอ้ย ข้างในเป็นโพรง

    นะเอย นะเอย
     
  10. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ขออนุญาติท่านธรรมภูติ ชี้แจงเรื่อง จิตกระด้างต่อกิเลส ตามความเข้าใจของเรานะ

    การรู้ทุกข์ด้วยความอดทน ไม่ได้ทำให้จิตกระด้างต่อกิเลส
    แต่ในทางกลับกัน การรู้ทุกข์ ทำให้จิตสะดุ้ง สะเทือนต่อกิเลส
    ตอนแรกที่ยังไม่รู้ทุกข์ เมื่อทำชั่วก็ไม่รู้สึกว่าชั่ว ไม่สะเทือนต่อบาป ไม่มีละอายต่อบาป
    เมื่อรู้ทุกข์ รู้ความจริง ตามที่เป็นจริง(มีสติรู้ทุกข์) เมื่อทำชั่ว ก็จะเริ่มสะดุ้งสะเทือน เพราะ รู้
    เพราะสติ มันทำให้ตัวเราตาสว่าง เห็นว่าทำชั่ว ทำให้เกิดทุกข์

    และในทางกลับกัน คนที่ขาดสติเมื่อรู้ทุกข์ ย่อมไม่รู้ว่าทุกข์
    เห็นกิเลสเป็นสิ่งที่ทำให้ตนมีความสุข เอากิเลสเป็นที่มั่นสร้างความสุข โดยที่ไม่รู้ความจริง
    เช่น ทำชั่วแล้วมีความสุข ทำความดีแล้วกลับเป็นทุกข์ อย่างศีล5 พระท่านสอนให้รักษา
    เพราะเป็นหนทางเดินไปสู่ความสุข แต่คนหลงคนขาดสติไม่เห็นความเห็นจริงเคยเห็นแต่
    ศีล5คือหนทางขัดขวางความสุขของตนเอง เห็นว่าศีล5คือข้อบังคับทำให้ตนอึดอัด ขัด
    ขวางความเคยชินที่ทำด้วยกิเลสแล้วมีความสุข

    กิเลสก็มีหยาบและละเอียด
    การรู้ทุกข์ ก็มีลำดับขั้น แรก ก็รู้กิเลสหยาบ เรื่องของกาย เรื่องของศีล เรื่องของอารมณ์
    หยาบๆ เช่น อิจฉา ริษยา โทสะ หงุดหงิด รำคาญ ถ้ารู้เรื่องพวกนี้ด้วยสติได้ กิเลสก็แทรก
    เราไม่ได้ มีสติ จึงเห็นตามจริง เห็นงูเป็นงู ไม่ใช่เห็นงูเป็นน้องหมาน่ารักกอดรักฟัดเหวี่ยง
    กันไม่เลิก จริงๆคนเราส่วนใหญ่ไม่รู้ขาดสติหน้ามืดตามัวอยู่มันก็เห็นงูเป็นน้องหมานะ
    เป็นเรื่องปกติของคนไม่รู้นะ เราก็ยังเป็นอยู่เหมือนกัน แต่ถ้าฝึกมีสติ ตั้งตนปวารนาจะมีสติ
    หัดรู้ หัดดู หัดสังเกต พอกอดน้องหมาไปกอดฟัดไปมาซักพักมันจะแสดงธรรมชาติของตน
    ออกมาเช่น กลิ่น สี เสียง รส สัมผัส โชยออกมาให้เรารับรู้ ถ้าเราจำกลิ่นงูได้ หรือ จำ
    สัมผัสของหนังงูได้ หรืออื่นๆ ที่กระตุ้นเตือนเราให้รู้ตัว รู้ความจริงของธรรมชาติของงู
    เราย่อมรู้ มีสติเห็นว่า ที่กอดๆอยู่นี่มัน งู นะ ไม่ใช่น้องหมาน่ารักอย่างที่คิดไว้ตามที่เห็น
    ครั้งแรก เราก็ปล่อยงูทิ้งได้ ถ้าตัวเรามีปัญญา เห็นความจริงแท้ของสิ่งใดๆ และเราเชื่อมั่น
    ศรัธทาในปัญญาของเราเอง เราย่อมเชื่อใจในปัญญาของเราว่า เขาจะเลือกทำในสิ่งที่ถูก

    ทีนี้คนยังไม่เชื่อมั่นในปัญญาของตน ว่าจะเป็นคนดี จะทำได้ถูก ก็คงใช้วิธีแบบนี้ไม่ได้
    ก็ต้องไปหาอุบายอื่น เพื่อจะได้ทำได้ถูก ถ้าเรามีสติรู้ตนเองเป็นอย่างดี เราย่อมรู้ได้ว่า
    ตัวตนของเรา ปัญญาของเราเชื่อได้ ไว้ใจได้หรือไม่ได้ และแนวทางจะทำให้เกิดปัญญา
    รู้ผิด รู้ถูก นั้นย่อมไม่ใช่เราอ่านแล้วจะรู้ได้ นึกเอาแล้วจะรู้ได้ บังคับเอาแล้วจะรู้ได้
    เพราะปัญญาก็ไม่ใช่เรา อยู่เหนือการควบคุมของเราที่สั่งให้เขาให้เขาฉลาดรู้โลกตามจริง
    ได้ด้วยการอยู่นิ่งๆ ไม่รู้โลก มีแต่บังคับให้อยู่กรอบพอได้ แต่จะบังคับให้รู้ทุกข์ด้วยการ
    ลอยตัวอยู่เหนือทุกข์คงไม่ได้ ใครจะบังคับตัวตนให้อยู่เหนือทุกข์ได้ตลอดกาล แม้แต่
    อรูปพรหม ยังมีอายุตามกาล เมื่อถึงเวลาหมดอายุ ก็ต้องหล่นลงมาวัดดวง เพื่อทำใหม่

    แต่ถ้าจะมีคนเชื่อว่า การลอยตัวอยู่เหนือความทุกข์ โดยที่ยังไม่รู้ทุกข์ตามจริง
    จะทำให้อวิชชาเจือจาง ห่างจากอวิชชา แล้วจะบริสุทธิ์ขึ้นมาได้ไม่มีวันหมองได้
    ไม่มีวันเสื่อมได้ เที่ยงแท้ได้ ก็ไม่ใช่เรื่องผิด เพราะทุกอย่างก็มีทางเดินไป มีแต่เราที่ควรรู้
    ที่ตนเอง ว่าทำอย่างไรถึงดีกับตัวเราเอง ถ้าท่านตั้งปรารถนาไว้ที่พระนิพพาน สักวันหนึ่ง
    ในอนาคตข้างหน้าท่านย่อมถึงได้อยู่ดี ถ้าท่านไม่เปลี่ยนความตั้งใจระหว่างทางนะ ย่อม
    มีความสำเร็จ มีนิพพาน รออยู่ ให้ทุกคนได้สัมผัส (รวมทั้งตัวเราด้วย)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มิถุนายน 2009
  11. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    ดีครับ อย่าให้หลงมันบังบาป อย่าเพลิดเพลินที่ทำชั่ว เพียรต่อไปเมื่อบารมีถึงพร้อม ความหลงหายไปสักส่วน คงได้ลิ้มรสที่สุดแห่งทุกข์ ^-^
     
  12. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    หมดทุกข์ก็ถึง นิพพาน นิพพานก็คือการดับทุกข์ได้
    แต่ถ้าพูดกับชาวบ้าน ก็ต้องพูดภาษาที่ชาวบ้านพอฟังได้
    จึงพูดภาษาชาวบ้านว่าเป็นความสุข แต่ถ้าพูดภาษาชาววัด
    หรือภาษาธรรมะ เรียกว่ามันเป็นที่สุดของความทุกข์
    ความทุกข์ มันไปหยุดหมดที่ตรงนั้น แล้วเราไม่ต้องทุกข์ต่อไป
    การทำตนให้ถึงจุดหมาย.......... คือไม่มีความทุกข์


    ����ش��觷ء��
     
  13. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
  14. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    โห..รับรองเสียด้วย..[​IMG]
    ครับตามนั้นเลย ...
     
  15. nanakorn

    nanakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +155
    ทิฐิ ทำให้เกิด โลภ โกธร หลง หากไม่มีทิฐิแล้วอะไร ก็ย่อมเป็นไปได้
    ของไม่ดี อย่าเอาไว้กับตัว
     
  16. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    เอ้า..นานากรเอาไปเล๊ย โยนให้ อิอิ
     
  17. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    ไม่ลด ไม่แลก... แจก กับแถมอย่างเดียว อิ .. อะ .. อิ
     
  18. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ตัวเรานี้แหละหนา แบงค์ปลอม ของจริง
    ปัญญาของเรานี่สิ แบงค์ตัวจริง(ทองคำหนุนแบงค์) เก็บอยู่ในตู้เซฟของธนาคารอย่างดีเลยนะ
    ยังไม่รู้วิธีใช้ มีแบงค์ปลอม ก็รู้ตัวว่าเป็นแบงค์ปลอม ก็ใช้ได้แต่แบงค์ปลอมๆ
    ตำรวจเขาก็รู้ว่าเราใช้แบงค์ปลอมๆ เขาก็อนุโลมให้ใช้ไปก่อน
    เพราะไม่มีของจริงให้ใช้ นินา คุณสมบัติไม่ถึง เขาก็ไม่ให้ใช้ ง่ะ
    อนาทใจตนเอง ก็เรามันเลว จะให้ใช้ของดีได้อย่างไร ของดีก็คู่ควรกะคนดี เนอะ

    เราพูดงี้ จะมีใครรู้เรื่องกะเราไหม เนี่ย

    เอ่อ ... ลืมไป มีแบงค์ปลอมแท้ อีกอย่างเรียกว่า ก๊อปปี้ อันนี้ตำรวจเขาจับ ถ้าเอามาใช้ซื้อของ
    แล้วเรานี่มันแบงค์เป็นระดับไหนกันเนี่ย งง ทองคำ แบงค์ทำเทียมทองคำ แบงค์ทำเทียมแบงค์
    เราอยู่เลเวลไหน สงสัยตำรวจเขาให้เราเป็นรุ่นแบงค์ทำเทียมแบงค์ ซะละมั้งเนี่ย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มิถุนายน 2009
  19. nanakorn

    nanakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +155
    โยน อะไรเหรอ ? กลองไม่เอานะ มันหนัก
     
  20. nanakorn

    nanakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +155
    ตอบท่านภูต
    หรือครับ แต่ผมไม่เคยเห็นคุณแสดงออกมาให้เห็นแม้ส้กนิดว่าได้
    ฐานที่ตั้งอันสมควรแก่การทำงานทางจิตคุณอยู่ที่ไหนครับและตั้งขึ้นได้อย่างไร?
    ผมว่าแม้แต่อาจานขันธ์และคุณวิสุทโธก็คิดเช่นเดียวกับผมครับ แสดงออกเพื่ออะไรเหรอคะ การงานของคุณกับการงานของนานาคงไม่เหมือนกัน การหวังผลไม่เหมือนกัน ต่างกัน แล้วจะวัดกันได้อย่างไร


    สัมมาสมาธิคือจิตตั้งมั่นชอบ ขอย้ำว่าต้องตั้งมั่นชอบครับ
    เมื่อตั้งมั่นชอบ ก็ต้องมีที่ให้จิตตั้งมั่น จิตตั้งมั่นลอยๆไม่ได้ครับ
    ค่ะ การตั้งมั่นคือไปในทางที่ถูกที่ควร ไม่ใช่ถือมั่นคือเอาตัวเองเป็นมาตราฐานจะถูกหรือไม่ ขึ้นอยู่กับวาสนา ของแต่ละคน

    คุณแจกแจงแสดงเรื่อง “กรรมฐานก่อนสิครับ” ผมต่อเรื่องให้แน่นอน
    เอ๊า แจกแจงกรรมฐานก็ได้ การทำกรรมฐานนั้นเอาสมถะนะ ทุุกครั้งที่ทำอย่าได้หวังผลแค่ดูลมไปเท่านั้น อ้ออีกอย่างอย่างได้หวังไปสงบในการนั่งสมาธิเพียงอย่างเดียว เราต้องทำให้จิตเราพร้อมอยู่ตลอดเวลา ตอนนั้นนั่งกรรมฐานแค่ต่อยอด แค่นั้น เพราะปัญญาทำให้เกิดสมถะ สมถะทำให้เกิดปัญญา เพื่อเข้ากระบวนการวิปัสนากรรมฐาน แล้่วไปวิปัสนาฌาน
    เอาแค่นี้นะคะ


    ถ้าทุกวันนี้ยังมีพฤติกรรมแบบ 1112หรือ 1145 โดยไม่ออกกำลัง
    พึงระวัง cholesterol และ triglyceride ก็แล้วแต่มุมมองไม่มีผิดถูก
     

แชร์หน้านี้

Loading...