เรื่องเล่า ก่อนนอนคืนนี้..ของเหล่าคนผู้มีตาทิพย์

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย The Third Eyes, 12 พฤศจิกายน 2008.

  1. The Third Eyes

    The Third Eyes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +51,007
    เรื่องเล่าก่อนนอนคืนนี้ (ต่อ)
    .....................................................
    ข้าพเจ้าเคยมาที่ อนุสาวรีย์วีรชนบางระจัน สองครั้ง
    แต่ละครั้งที่ มา ...ก็มากราบถวายดอกไม้แล้วก็ไป
    มาคราวนี้..สนใจมาก จึงต้องดูรายละเอียดมากกว่า ปกติ
    จบจากรายละเอียดเกี่ยวกับชื่อ แล้ว..ก็มามองรูปปั้นวีรชนทีละคน
    ...................................................................
    พบว่า ส่วนใหญ่..ไม่ใส่เสื้อ..ส่วนบนว่างเปล่า
    ร่างกายแต่ละคน หนา ทะมึน แข็งแรง
    หลังจะเกรียมด้วยแดด.. แบบที่เรียกว่า หลังสู้ฟ้า..หน้าสู้ดิน
    อันเป็นสัญญลักษณ์ของ ชาวนา และการทำกสิกรรม
    ............................................................
    การนุ่งผ้า ช่วงล่าง ก็ต่างๆๆกันไป..ตามการประกอบอาชีพประจำวัน
    บางคนนุ่ง หยักรั้ง/ขาก๋วยสั้น/ กางเกงเลสั้น/..เพื่อความคล่องตัวในการศึก
    จากรูปรอย..ผ้าที่ใช้เป็นผ้า ทอด้วยฝ้าย และป่าน..
    เพราะยุคนั้นไม่มี ใยสงเคราะห์ ประเภทโพลีเมอร์ หรือ เท็กไทล์
    ..........................................................................
    สีของผ้า คงเป็นแบบผ้าขาวดิบ/หรือ ย้อมเป็นสีดำ กับสีกรมท่า
    เพราะ สีที่ว่า มีอยู่แล้วในธรรมชาติ..จากพืช เช่น ไม้มะเกลือ
    เอวคาดด้วยเชือกด้ายดิบ หรือ สายหนังจากสัตว์คล้ายๆๆเข็มขัดเส้นเล็ก
    ........................................................................
    รองเท้า เป็นรองเท้า สานด้วยหนังสัตว์จาก วัว /ควาย/
    แบบรองเท้า แตะในปัจจุบัน..ที่คีบด้วยนิ้วเท้า..มีสายรัดส้นกันหลุด
    พื้นรองเท้า หนาพอสมควรเพราะต้องลุยป่า และพงหนาม
    จึงต้องเป็นหนังสัตว์ หนาๆๆๆเหนียวและทนทาน..
    ไม่ใช่หนังเทียมในปัจจุบันที่ ราคาถูกกว่า เมื่อ เทียบกับ หนังแท้
    .........................................................................
     
  2. The Third Eyes

    The Third Eyes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +51,007
    ดูทรงผม ของ แต่ละวีรชน.แน่ละต้องสั้น.เพราะในการศึกประชิดตัว..
    อาจจะถูกอีกฝ่าย คว้ากระชากผมให้เสียหลักได้
    ทรงผมทุกคนจึงสั้นแบบรองทรง..แล้วแยกกลางศีรษะ ออกเป็นซ้าย/ขวา
    แยกผมออกเป็นปีก ที่เรียกว่า ทรง มหาดไทย..ถ้าอยากดูอย่างชัดเจน
    ให้ดูที่ภาพยนต์ ที่กำลัง ดัง เกี่ยวกับ พระนเรศวรมหาราช
    .........................................................................
    ทรงผมมหาดไทย สมัยนี้ หาดูได้ ยาก..
    นอกจาก กำนันแก่ๆๆบางคนตามต่างจังหวัด
    ในยุคสามสิบ-สี่สิบปีก่อน..ทรงผมที่ ฮิต คือทรง ผมเป๋/เอลวิส
    เดี๋ยวนี้ ต้องทรงยูนิเซ็ก..ผมยาวชนบ่า ทั้งหญิงและชาย
    ที่กำลังมาแรง คือ ทรงวัยรุ่น ดาราเกาหลี..ที่ยาวปิดหู
    ..................................................................
    ปัจจุบันวัยรุ่นบางคนไปไกลมาก
    ตัดแบบทรงสกินเฮด..ให้เกือบเกรียน แบบนักเรียนเตรียมทหาร
    แล้วใช้ปัตตาเลี่ยนพิเศษ ไถตามหัว ให้เป็น รูปรอย
    มีแคตตาล๊อคให้เลือกรูป .ลายรอยเชือก /รอยเกลียวเป็นทางๆๆ
    ลายดอกไม้/ลายทรงเรขาคณิต สามเหลี่ยม แปดเหลี่ยม ...ฯลฯ
    ....................................................................
    ค่าตัดแพงกว่า ปกติ 2-3 เท่า..และอยู่ได้ไม่นาน ลวดลายก็จะหาย
    ลายนั้นจะสวย ต้องมีสีขาวเป็นทางบนหนังหัว
    แต่ผมคนยาวเร็วมาก ..แค่อาทิตย์เดียว ผมก็หายขาวแล้ว
    ก็จะหมดสวย..ต้องมีเงินมาก .เพราะ ต้องทำถี่ๆๆ เพื่อ ความสวยงาม
    ..........................................................................
     
  3. ZeGiNe_SiN

    ZeGiNe_SiN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    164
    ค่าพลัง:
    +270
    ตามอ่านอยู่ค่ะอาจารย์ ^^
     
  4. The Third Eyes

    The Third Eyes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +51,007
    หมดจากทรงผม..ก็เป็นอาวุธที่ ใช้ .และพาหะที่ใช้
    ที่เด่นข้างหน้าสุด..เป็นวีรชนขี่ควายออกศึก
    ควายนั้นเป็นควายพิเศษ ที่ มีเขากว้างและยาวโง้ง เรียกว่า "ควายตู้"
    คนไทยออกศึก ด้วยควาย...พวกฝรั่งเมืองนา มาเห็นก็คง งง พิลึก
    เคยได้ ยินได้เห็น การศึกเขาใช้ม้ากับช้างเป็นหลัก.แต่ที่นี่ใช้ควาย
    ฝรั่งคงนึกไม่ออกว่า..ควายมันจะรบได้ ยังไง
    .......................................................................
    พอมาไล่ดู อาวุธที่ ถือในมือ..โอ้โฮ..กองทัพอะไร
    แต่ละคน ใช้อาวุธ ไม่เหมือนกันเลย มีดาบสั้น/ดาบยาว/ดาบคู่
    มีดอีโต้/หอก /แหลน/ฉมวกแทงปลา/มีดพร้าหวด..ฯลฯ
    เป็นกองทัพที่แปลกที่จัดอาวุธ ต่างไปจากศึกที่เราเห็นกัน
    ยืนธนูเป็นแถว/เดินราบด้วยดาบเหมือนๆๆกัน..มีโล่ห์ป้องกัน
    ..................................................................
    ศึกที่เราได้เห็นกัน พวก รบ โรมัน/ไวกิ้ง/ศึกแองโกล แซกซอน
    สงครามคาเธตท์/ศึกกรุงทรอย/สงครามกุหลาบ/
    ที่เดินแถวเรียงหน้า เข้าปะทะกัน...ตายข้างละมากๆๆ
    .....................................................................
    การที่ วีรชนบางระจันมีอาวุธไม่เหมือนกันเลย..
    เพราะเป็นการ รวมทัพ สามัคคี..จากคนรักชาติ ทุกสายอาชีพ
    ที่มีความคิดรักชาติบ้านเมือง เหมือนกัน..
    อาวุธจึงแล้วแต่ว่า ใครจะคว้าอะไรได้
    แตกต่าง ทั้งการแต่งกาย /การใช้อาวุธ..แต่ก็สู้พม่าได้ ถึง 7 ครั้ง
    ก็นับว่าเยี่ยมยอดแล้ว..สมควรที่ จะสร้างอนุสาวรีย์
    เพื่อเป็นเกียรติประวัติ แก่ อนุชนรุ่นหลัง
    ไชโย...ไชโย ...ไชโย ..ให้แก่ วีรชนแห่ง บ้านบางระจัน
    ..................................................................ง
     
  5. klaichid

    klaichid เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    234
    ค่าพลัง:
    +807
    อาจารย์ หายไปไหนแล้ว สงสัย เครื่องรวนอีกหรือเปล่าหนอ
     
  6. ดาวทะเลทราย

    ดาวทะเลทราย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    3,424
    ค่าพลัง:
    +13,166
    พอ อาจารย์สามตา เล่าถึงเรื่อง ชาวบ้านบางระจัน ทำให้ รู้สึก เลือดมันฉีด
    ร้อนขึ้น ในกาย พอควร

    จึงต้อง ขอ แจม สักนิดหนึ่ง

    ขาวบ้านบางระจัน เขาเป็นชาวบ้าน ทำนา ทำไร่ เป็นกสิกร พอพม่ายกมาทำศึก
    ด้วย เลือดรักชาติ รักแผ่นดินเกิด
    จำต้อง วางจอบวางเสียม มาจับอาวุธ
    ทีนี้ อาวุธ ก็มีกัน แบบ ชาวบ้าน ๆ ไม่ได้ เป็นทหาร อาชีพ นี่นา จะได้ มีอาวุธยุทโธปกรณ์ ที่ทันสมัย เตรียมพร้อมไว้ได้อย่างไร

    ปีน ไม่ต้องพูดถึง เพราะสมัยนั้น เป็นปืนอีโป๊ะ ( ปืนไฟ ) ของฝรั่ง นำเข้ามา ชาวบ้านธรรมดา คงไม่มีหรอก

    ดาบ มีด ธนู หน้าไม้ พอหาได้ แต่ก็มีไม่พอใช้
    มีดดายหญ้า เล่มยาวๆ พอใช้แทนดาบ ได้ ก็นำมาใช้ ฉมวก แทงปลา ก็ยังดี
    จึงเห็น ว่าชาวบ้านบางระจัน เค้านำ เครื่องมือกสิกรรม ใช้เป็นอาวุธ ต่อสู้ พม่าข้าศึก กันตามมีตามเกิด

    จำนวน ชาวบ้านบางระจัน ถึงจะรวมตัวกัน อย่างไร ก็มีจำนวนไม่มาก สู้กันจริงๆ กับ กองทัพพม่า คงสู้กันไม่ไหว
    จึงใช้แผน กองโจร คอยสุ้ม โจมตี ตัดกำลัง อยู่ เนืองๆ
    ปล้ม กองเสบียง พม่า บ้าง เป็นการ ยังชีพ ไปในตัว รวบรวม ทั้งอาหาร และอาวุธ ไปพลางๆ

    แต่น้ำน้อย ย่อมแพ้ ไฟ เป็นธรรมดา
    นานวันเข้า พม่า ชัก รำคาญ ที่ถูก ลอบ โจมตี บ้าง ปล้นเสบียงบ้าง
    จึงจัดทัพ มา ถล่ม บางระจัน เสียที
    ในครั้งแรกๆ ดูหมิ่น ฝึมือ ชาวบ้านบางระจัน ไปบ้าง จัดเป็นกองพัน ย่อมๆ มาบุกตี จึง โดน ชาวบ้าน ถล่ม กลับไป
    โดนถล่มไป หลายครั้งหลายครา

    .........จนถึง ครั้งสุดท้าย
    พม่า โดนไปหลายคราว ได้ บทเรียนไปมาก
    คราวนี้จัด ทัพศึก อาวุธยุทโธปกรณ์ มา พร้อม
    ทั้งปืนใหญ่ ทั้งช้าง แล้ว กองทหารเคลื่อนที่เร็ว ม้าศึก

    เข้า ถล่ม จน หมู่บ้านบางระจัน จนพินาศไป

    ( เขียนมาถึงตอนนี้ ปวดหัว จี๊ ขึ้นมาเลย ตามด้วยมึน อีกหน่อย....... 55 )

    ใครจะไปทนไหว ละ เล่น มากัน เป็นกองทัพ เต็มอัดตราศึก สู้ กับชาวบ้านหยิบมือเดียว

    น้ำน้อย ย่อมแพ้ ไฟ เป็นธรรมดา

    วันนี้ ไปตักบาตรตอนเช้ามา พอดี ขอบุญกุศลนี้ ขอจงมีถึง
    ชาวบ้านบางระจัน
    ท่านวีรชน ผุ้กล้า รักษาผืนแผ่นดิน บ้านเกิด นี้ไว้ ด้วยชีวิต ด้วยเลือดเนื้อ
    ขอทุกท่าน จงมีสุข มีสุข ยิ่งๆ ขึ้นเถิด ได้รับสุข ตามภพภูมิ ที่สูงขึ้นเทอญ ... สาธุ
     
  7. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,920
    ค่าพลัง:
    +6,434
    เมื่อวานเพิ่งไปสิงห์บุรีมา ไปวัดพระนอนจักรสีห์ วัดพิกุลทอง จบที่อนุสาวรีย์วีรชนบ้านบางระจัน

    ตอนค่อยๆพิจารณารูปปั้นแต่ละท่าน แล้วดูอาวุธที่แต่ละท่านถือ น้ำตาไหล มันไม่ใช่อาวุธออกรบ มันเป็นเครื่องมือกสิกรรม

    เห็นรูปนายทองเหม็น ขี่ควาย ถือขวาน พอดีเพิ่งผ่านไปดูควายที่ศูนย์อนุรักษ์ควายเขางามที่วัดพระนอนจักรสีห์ เห็นควายเหล่านี้แล้ว ไม่อยากจะเชื่อว่าเจ้าพวกนี้เคยถูกใช้ออกรบในสงครามค่ายบางระจัน
    พอดูรูปนายทองเหม็นขี่ควาย น้ำตาไหล วีรชนเสียสละกันมาก ควายที่ว่ามันไม่ฉลาด แต่มันก็เคยออกสงครามสู้เพื่อชาติกันมาแล้ว ในยามยากเข็ญควายยังต้องสู้ด้วย น่าสรรเสริญ

    ขอสดุดีวีรกรรมหาญกล้าที่พวกท่านๆวีรชนได้กระทำแล้วด้วยหัวใจที่มีขนาดใหญ่กว่าผืนฟ้า

    อยากให้ลูกหลานไทย สำนึกถึงความเหนื่อยยากของบรรพบุรุษที่สู้ด้วยเลือด เนื้อ พวกท่านเหล่าวีรชนก็ใช้เลือดใช้เนื้อที่รู้จักเจ็บ รู้จักตาย เข้าแลกมา ลูกหลานไทยต้องไม่ลืมเรื่องราวของท่านเหล่านี้

    สังเกตุว่าสมเด็จพระเจ้าตากสินจะมีศาลอยู่ที่สิงห์บุรีหลายที่ อาจจะเพราะสงครามบ้านบางระจันคงจะอยู่ในสมัยที่พระองค์ท่านทำสงครามกู้บ้านกู้เมือง

    ขอกราบระลึกพระคุณบรรพบุรุษผู้เสียสละ ทุกท่านยิ่งใหญ่ในใจลูกไทยหลานไทยมากๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 พฤษภาคม 2009
  8. ZeGiNe_SiN

    ZeGiNe_SiN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    164
    ค่าพลัง:
    +270
    อ.สุวิ แนะนำยาดีมาค่ะ

    วันก่อนซินเห็นอาจารย์ออนไลน์อยู่ ก็เลยPM จดหมายทักทายอาจารย์สุวิ
    พร้อมทั้ง ขอสูตรยาเด็ดๆ ได้คำตอบมาแบบนี้ค่ะ
    ...............................................................................
    (ZeGiNe_SiN)>>> ซินขอถามอาจารย์ค่ะ ว่าอาจารย์สุวิ พอจะมียาอะไรให้สามารถฝึกกสินสำเร็จเร็วๆบ้างคะ หรือไม่ก็ ยาอะไรที่ทำให้เราสวยมากๆ ได้บ้างคะ ^0^ (โฮ๊ะๆ)
    ................................................................................
    อาจารย์สุวิ ตอบซินมาว่า >>>>>

    ตัวยาหลัก ชื่อความเพียร
    นำมาประกอบยา ชื่อ วิริยะบารมี
    ทุกอย่างสำเร็จหมด

    ยาที่ทำให้สวยและมีสุขภาพดี ชื่อศีลห้า
    ................................................................................
    ใครได้อ่านก็ลองนำตัวยาที่อาจารย์บอกไปใช้ดูนะ ตัวยาหาได้ไม่ยากแถม
    สรรพคุณแน่นปึ๊ก รับรองทั้งสวย(หล่อ) ทั้งเก่ง
    ขอบคุณจริงๆค่ะ ^^ อาจารย์ สุวิ __/\__ อนุโมทนาค่ะ
     
  9. aprilguardian

    aprilguardian Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +48
    ;k07ปาฎิหารย์เหมือนขนมหวาน
    เพื่อเข้าสมาธิ
    เหมือน พูดถึงตัวเองเลยค่ะ (เข้าตัวค่ะ) -__-!

    ตอนนี้ก็พยายามศึกษา แล้วก็เริ่มสวดมนต์
    แผ่ส่วนบุญส่วนกุศลให้ เจ้ากรรมนายเวร วิญญาณ (อยากทำทุกวัน แต่ทำไม่ได้ทุกวัน)

    สมาธิไม่ค่อยได้นั่ง ฝึกท่องแต่ เกศา โลมา นขา ธันตา จะโต จะโต ธันตา นขา โลมา เกศา
    ท่องไป ท่องกลับ
    ค่อยๆไป ตามกำลัง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 พฤษภาคม 2009
  10. visnu

    visnu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,844
    ค่าพลัง:
    +23,778
    จุดเริ่มต้นของผมก็มาจากตรงนี้ จนวันนี้สามารถทำได้ดั่งใจนึกทุกอย่าง
    ก็เริ่มมาจากนี้ ฉะนั้นเพียงแค่ติดที่จะเริ่มและทำก็ประสบผลแล้วครับ
     
  11. The Third Eyes

    The Third Eyes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +51,007
    เรื่องเล่าก่อนนอนคืนนี้ ตอนทัวร์วัด (ต่อ)
    ........................................................
    ไทยสยาม ช่วง300 กว่าปีที่ผ่านมา มีศึกตลอด
    กับประเทศ เพื่อนบ้าน...ที่หนักที่สุดคือ กับ ตะเลง หรือ พม่า
    เคยแพ้มาแล้ว สอง ครั้ง ในพศ. 2212 ยุคพระมหาจักรพรรดิ์
    และ พศ 2310ในยุค พระมหิน..ซึ่งเป็นครั้งที่สอง
    ที่กรุงศรีอยุธยาเสียหายยับเยิน..ต้องย้ายเมืองหลวงลงใต้
    .................................................................
    ส่วนอีกสามประเทศ คือ ลาว เวียงจันทร์ และ เขมร
    บางครั้งก็มี อันนัม หรือ ญวน..เข้ามาเกี่ยวข้องบ้าง
    แต่การศึก กับ สามชาติ นั้นไม่หนักหนา.
    เพียงแต่ ถ้า ไทยสยามอ่อนแอ เมื่อไหร่..
    ก็จะย่อง เขามาแอบตีท้ายครัว
    แล้ว..ไทยก็จะ ตามตีคืน ทุกที
    .......................................................
    ที่น่าสนใจ..เรารบการศึกกับพม่า ตั้งแต่สมัย พระไชยราชาธิราช
    ที่เรียกว่า ศึกเชียงกราน.เป็นสงครามคั้งแก ที่เจอกับพม่า
    และทำให้พม่า รู้ว่า กองทัพไทยไม่แข็ง..ที่ไม่แข็ง เพราะ กรุงศรีอยุธยา
    เป็นยุคทอง แห่ง การพาณิชย์..ถนัดแต่ค้าขาย ทั้งในและต่างประเทศ
    เราจึงแทบจะไม่มีการศึก..พอเจอศึกหนักๆๆ จึง รบไม่เป็น
    ........................................................................
     
  12. The Third Eyes

    The Third Eyes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +51,007
    ตั้งแต่นั้นมา พม่า หรือ ตะเลง..มาตีเมืองสยามตลอด
    ตั้งแต่ยุค พระเจ้าจักรพรรดิ์...จนมาจบที่ สงครามเก้าทัพเป็นครั้งสุดท้าย
    ในต้นกรุงรัตนโกสินทร์...ถ้าพม่าไม่แพ้และตกเป็นเมืองขึ้นของ อังกฤษ
    ทั้งสองชาติคงจะรบกันอีกนาน...อย่างน้อยก็น่าจะถึง ยุค ร.5
    ..........................................................................
    สิ่งที่น่าคิด คือ ในระหว่างการศึกยุคกรุงศรีอยธยา..รวมทั้งศึกบางระจัน
    ทหารไทยสยาม น่า จะอยู่ระหว่าง แปดหมื่น ถึง หนึ่งแสนสอง
    กำลังพลเป็นอย่างน้อย...ถ้าแต่ละคน มีอาวุธ มีดดาบ คนละอัน
    ก็ต้องมี มีดดาบเท่ากับ จำนวนคน..คือ เป็นหมื่น เป็นแสนชิ้น
    มีด/ ดาบ/อาวุธ โลหะ..เอามาจากไหน..ใครเป็นคนทำ
    ...................................................................
    ครั้งแรก คิดว่า หมู่บ้าน ไผ่ทอง/ หมุ่บ้านต้นโพธิ์
    ซึ่งเป็นกลุ่มลาวอพยพมาจากเวียงจันทร์..และมีช่างฝีมือ ตีเหล็ก
    ทำมีด และดาบมาขายที่ บ้าน อรัญญิก อ.ท่าหลวง จ. พระนครศรีอยุธยา
    จน เป็นแหล่งทำมีดที่ดีที่สุดในประเทศ ในปัจจุบัน..แทบทุกครัวเรือนไทย
    จะใช้มีด ที่เรียกว่า "มีด อรัญญิก".เป็นแหล่งทำมีดสำหรับสงครามที่ สำคัญ
    .................................................................................
    แต่พอเช็คประวัติ พบว่า กลุ่มช่างฝีมือ ลาวอพยพ
    เพิ่ง จะเข้ามาในช่วงรัชการที่ 5..นี้เอง..
    จึงไม่เกี่ยวข้องการการทำอาวุธ สงครามสำหรับ ตลอดยุค กรุงศรีอยุธยา
    ปัญหา มีว่า.แล้ว.ใครทำ ???????
    ...............................................................................
     
  13. The Third Eyes

    The Third Eyes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +51,007
    หลังจาก เยี่ยมคารวะอนุสาวรีย์ วีรชนบ้านบางระจัน จนจบถ้อยความ
    ก็ออกรถ มายังฝั่งตรงข้าม..ซึ่งเป็นวัด"โพธิ์เก้าต้น..อยู่ไม่ไกล
    จอดรถอย่างง่ายๆๆเพราะ ลานวัดกว้างมาก..
    เห็นผุ้คน กลุ่มวัยรุ่นเดินขวักไขว่กันเต็ม..อยู่ที่มุมหนึ่งของวัด
    แสดงว่า ต้องมีกิจกรรมอะไร พิเศษบางอย่าง ที่เราจะต้องไปดูใกล้ๆๆ
    .......................................................................
    เดินเข้าไปใกล้ ๆๆที่ เขากำลัง ทำกิจกรรมอยู่..เห็นแต่ไกลว่า เดินเรียงแถว
    ผ่านหน้า ศาลใหญ่..มีคนรอกันเต็ม.เราจึงเข้าไป ด้วย
    เห็นรูปปั้น ของ หลวงปู่ เป็น พระ ..อ่านชื่อ ที่ บอกไว้
    " หลวงปู่ ธรรมโชติ"แห่ง บางระจัน...ก็เลยถึงบางอ้อ
    ......................................................................
    หลวงปู่หรือ พระอาจารย์ ธรรมโชติ เป็น พระ สงฆ์ ที่อยู่ในค่าย
    บางระจัน ..คอยให้ กำลัง ใจ และ แจกสิ่งของวัตถุมงคล แก่ ชาวบ้าน
    ให้ยืนหยัดสู้พม่า มาตลอด 7 ครั้ง..ไม่มีใครรู้ว่า ตอน บางระจันแตก
    พระอาจารย์ ธรรมโชติ เป็น อย่างไร...อย่างน้อยพม่า
    ซึ่งเคร่งศาสนาพุทธ..ไม่น่าจะทำร้ายพระ..
    อาจจะเพียง กักตัว ในทำนอง เชลยชั้นดี
    ...................................................................
    ออกมาด้านข้างๆๆ..มีตู้และโต๊ะ จำหน่ายวัตถุ มงคล
    มีพระห้อยคอ/เหรียญ/ตะกรุด..ฯลฯ.. แบบที่ เห็นทั่วไป ตามวัด
    มี กองผ้าสีแดงอยู่มุมตู้..เอ๊ะ!!! น่า สนใจ
    ก็เลยขอให้เจ้าหน้าที่ ลองหยิบขื้นมา คลี่ แผ่ออกดู
    ............................................................
    ปรากฏว่า เป็น เสื้อกั๊กสีแดง แบบยี่เก..คือ มีชายผ้านสอง ข้าง
    สวมทางศีรษะ...มีเชือกด้านข้างให้ ผูกเป็นเสื้อ บางเบา
    เป็นเสื้อยันต์ ของ พระอาจารย์ธรรมโชติ.เป็นเสื้อที่ น่าสนใจมาก
    ....................................................................
    เมื่อหลายปี ก่อน ในงานวิทยาศาสตร์ทางจิต ที่ จัดที่ หัวหมาก
    สามตา ไป ออกบู๊ธ ตรวจพระเครื่อง และวัตถุมงคล
    ตรวจอยู่ สามวัน..ตรวจออร่า มากว่า 400 คน
    ตรวจวัตถุมงคลมากกว่า 2,000 ชื้น
    ...................................................................
    มีอยู่ชิ้นหนึ่ง ..เป็นเสื้อแดงยี่เก..เหมือนที่ กำลังดูที่วัด โพธิเก้า ต้น
    พอยกขึ้นมา วัดพลัง ตอนคลี่ ...พลังออกมา มากว่า 25 เมตร
    ปกติ แต่ 18-20 เมตร ก็แย่แล้ว..จะมีแรงอัด ผู้คนหายใจไม่ออก
    พอยก ขึ้นมา ผู้คนที่ ยืนมุงอยู่โคยรอบ มากกว่า 30 คน
    ต้องยืนนิ่งตัวแข็ง ขยับไม่ได้..เพราะถูกพลังกดไว้
    นานกว่า 2 นาที จึง คลี่คลายลงไปได้..ขยับตัวได้
    .................................................................
     
  14. The Third Eyes

    The Third Eyes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +51,007
    มาเจอเสื้อ ยี่เกแดงที่นี่น่าสนใจว่าจะเหมือนที่เคยเจอที่หัวหมากหรือไม่
    พวกเราสี่คน ก็เลยต้องลอง เอามาสวม..แล้วทดลอง ยิงอาวุธด้วยจิต
    กระสุนที่ออกไป มันกระเด้งกลับ ทำให้คนยิงอึดอัดเหมือนถูกตี
    แปลว่า..ผ้ายันต์แดงยี่เก นี้..คงกระพัน ยิงไม่เข้าแน่นอน
    .................................................................
    พวกเราก็เลย เหมากัน หมดตู้เลย.
    .เพราะ สาแก่ใจ ในอนุภาพ ของ อภิญญา
    นานๆๆเจอที..ของเด็ดๆๆอย่างนี้
    .........................................................

    (มีต่อ)
     
  15. The Third Eyes

    The Third Eyes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +51,007
    วันนี้ 4 พค 52 ได้ไปขึ้นเวที ที่ ท้องสนามหลวง
    ของกลุ่มวิทยาศาสตร์ทางจิต..บรรยายเรื่อง ตาที่สาม
    และพลังออร่าสัมผัส
    มีผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรม ประมาณ 70คน..

    ช่วงบ่าย ร่วมกับสมาชิกชมรมคนตาทิอพย์ อีกสองท่าน ..
    รวมกันเป็น 3 คน.ไปที่ เสาชิงช้า..
    เพื่อ เลือกเช่า พระบูชาขนาดใหญ่ ที่จะเอาไป ตั้งที่ วัดป่า เนรัญชลา
    จังหวัดยะโสธร ต่อ อำนาจเจริญ...เพื่อเป็นบุญ กุศล ครั้งใหญ่
    เงินที่ไปเช่า เป็น เงินที่ บรรดาสมาชิก ของ ชมรมได้ ร่วมบริจาค
    ด้วยการส่งบุญแบบ อี เอ็ม เอส ที่ บู๊ธ ชมรม 042 มานานร่วม4 เดิอน...
    .......................................................................
    บัดนี้ได้ นำ องค์พระ ที่เช่าซื้อ กลับมาตั้งไว้ที่บู๊ธ 042 จนถึงวันศุกร์ ที่ 8 พค.52
    แล้วจะนำไปเก็บไว้ที่ บ้าน มัคคทายกวัด ที่ บางกรวย.งและจะนำไปวัดวันที่ 11 พค. 52
    สมาชิกชมรม และบุคคลทั่วไป สามารถมาเยี่ยมชมและบูชาได้
    ..............................................................................................
    ที่วัด ป่า เนรัญชลา ยะโสธร..วันที่ 11 พค.52 จะมีพิธีปลูก ต้นฝ้าย เป็นการเริ่มงานกฐิน
    เมื่อครบ 6 เดิอน ก็จะมีการทำ จุลกฐิน" แก่วัด
    ก็จะมีการเก็บฝ้ายมาปั่น มาทอ ให้เป็นผืน ผ้ายาวประมาณ 20เมตร...กว้างขนาดผ้าสบง
    ต้องปั่นฝ้าย ต้องนำมาทอให้เสร็จภายในวันเดียว
    ต้องใช้หญิงสาวพรมจรรย์ 3-4 คนมาช่วยกันทอ ทั้งคืน
    คืนนั้นเช่นกันจะมีพิธี กวนข้าว ธุปายาส ด้วย
    เป็นการทำ กฐินที่ได้ บุญ สูงสุด เพราะ ทำยาก
    ...........................................................
    งานดังกล่าวอีก 6 เดือนข้างหน้า
    ถ้าเป็นไปได้ กลุ่มชมรม คนตาทิพย์ อาจจะไปร่วมงานด้วย
    ...............................................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 พฤษภาคม 2009
  16. man20040

    man20040 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    64
    ค่าพลัง:
    +74
    ขอนุโมทนาบุญร่วมกับอาจารย์ด้วยครับ วันนี้ผมกำลังจะไปสนามหลวงเหมือนกันครับ น่าเสียดายจัง อาจารย์น่าจะไปวันนี้จะได้ดูอาจารย์ทอล์ค โชว์ซะหน่อย อิอิ
     
  17. เต๊ะจุ๊ย

    เต๊ะจุ๊ย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    212
    ค่าพลัง:
    +695
    วัยรุ่นสมัยนี้นี่ แปลกจริงๆ.. ตัดผมทรงอะไรกันก็ไม่รู้..
    เฮ้อ..
    ใครกันที่มันผมแบบนี้นะ..
    นึกไม่ออกเลยเนอะพี่บาส (smile)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 พฤษภาคม 2009
  18. ดาวทะเลทราย

    ดาวทะเลทราย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    3,424
    ค่าพลัง:
    +13,166
    เต๊ะจุ้ย จะลอง ตัดผม ทรง สกินเฮด บ้าง ก็ คง พอได้
    ยังหนุ่มๆ อยู่ พอดูได้

    แต่ คนแก่ ๆ นะซิ ไป ทำเข้า แถม ถ้า ใส่ เครืองหมาย ประจำ แก๊ง บนหัว ด้วย

    คง ไม่ค่อยน่าดู เดี๋ยว คน เค้าจะ เข้าใจผิด คิดว่า เป็น
    พวกยากูซ่า บุก กรุงเทพฯ ...............555
     
  19. The Third Eyes

    The Third Eyes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +51,007
    เรื่องเล่าก่อนอนคืนนี้ ตอนทัวร์ วัด (ต่อ)
    ................................................
    จากตู้เช่า เสื้อยี่เกแดง คงกระพันที่พวกเราเหมาหมดตู้..
    ก็มองไปยังแถวกลุ่มคนที่เดินเรียงแถวกัน
    ในใจก็ถาม..เขาทำอะไร กัน..ดูไม่ชัด ต้องไปดูใกล้ๆ
    ..........................................................
    พอเข้าไปใกล้..อ้อ เขาเรียงแถว หาบน้ำ
    แบบมีกระป๋อง สองใบมีคานหาบ ขนาดไม่ใหญ่มาก แบบปี๊ปสมัยก่อน.
    มีทั้งหญิงชาย..ส่วนใหญ่เป็น วัยรุ่น..
    เขาหาบน้ำจากบ่อ อยู่ใกล้ ห่างไป ประมาณ20 เมตร
    เอาน้ำมาใส่ที่ สระน้ำในวัด..เพื่อให้น้ำเต็ม สระ..
    ปลาจะได้ไม่ตาย เพราะ สระ แล้งน้ำ
    ...................................................
    เขาพากันตักและหาบน้ำ จากบ่อมาเทใส่สระ
    เป้าหมาย คงจะเป็นแรงบุญชนิด หนึ่ง..ที่เพิ่งจะเคยเห็นที่ นี่
    คงจะเป็นแรงบุญเดียวกับ ทำบุญ ด้วยการก่อพระเจดีย์ ทราย
    ที่ชาวบ้านขนทรายเข้าวัด ในงานวันสงกรานต์..ในวัดบางแห่ง
    .................................................................
    มีวัยรุ่น ขนหาบน้ำกัน ประมาณ10-12คน
    มีคนมาตั้งโต๊ะ..ติดป้ายว่า .."รับจ้างขนน้ำ"
    เออ!!! มีการรับจ้างขนน้ำแทน..เพราะเจ้าตัวขนไม่ไหว
    คนจ้างก็คงจะหวังได้บุญ นั่นเอง
    เราสี่คนก็มองดู..และคิดในใจว่า เป็น พิธีบุญที่แปลก..
    ที่ไม่เหมือนใคร
    .....................................................
    มองไปด้านข้างกำแพงวัด..เห็นประตูใหญ่ แบบประตูวัดทั่วไป
    เป็นทางเข้า ทางด้านข้าง..ขณะที่จ้อง พวกเราก็รู้สึกถึงพลังชนิดหนึ่ง
    ลอยมากระทบ ค่อนข้างแรง..น่าสนใจ..
    ก็เดินเข้าไปยัง จุดที่ มีพลัง ออกมา
    ......................................................................
    พบว่าที่เสาประตู ทางซ้าย (เมื่อมองออกไปจากภายในวัด)
    มีพลังพุ่งออกมาแรง..ก็เข้าไปชิดๆๆ..เพื่อจะดูว่า เป็นอะไร
    เมื่อมองด้วยตาใน..ปรากฏว่า..เป็นวีรชนบางระจันยุค กรุงศรีอยุธยา
    เป็นศิษย์ ของ พระอาจารย์ ธรรมโชติ ที่ยังไม่ยอมไปไหน
    มายืนเฝ้า ประตู..คอยตรวจคนที่ไม่ดี..ไม่ให้ เข้าไป
    .......................................................
    เห็นเขายืนนิ่งๆๆ..เราก็ไม่พูดอะไร..ในใจเราก็คิดว่า
    ถ้าคนไทยที่ในอดีตเป็นพม่า มาตีกรุงศรีอยุธยา
    ตายแล้วมาเกิดเป็นคนไทยในชาตินี้..
    วิญญาณที่เฝ้าประตูนี้..จะยอมให้เข้าใหม???
    .............................................................
    เพราะในปัจจุบัน วิญญาณ วีรชนบางระจัน
    พอผ่านมายังที่ แนวค่ายพม่า ในเขต บางปะหัน
    ก็ยังรบกันไม่เลิก..ก็เลยมีคำถามว่า
    .."วิญญาณที่ ตายแล้ว..เมื่อมาพบกัน..ฆ่ากันอีก"
    ภาวะการตายครั้งที่ สอง จะเป็น อย่างไร ????
    ...........................................................
    (มีต่อ)
     
  20. ดาวทะเลทราย

    ดาวทะเลทราย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    3,424
    ค่าพลัง:
    +13,166
    อาจารย์ ตั้งโจทย์ ให้ คิด อีกแล้ว...........

    วิญญาณ ในอดึต หากมา เจอ คนที่ ในชาติที่แล้ว เป็นศัตรู กัน
    ยิ่ง เป้นทหาร เคย รบลาฆ่าฟัน กันมา ด้วย

    ซานุก แน่ โดน ล๊อคคอ ขึ้นเข่า เขย่าศอก กัน คงได้ ฟาดฟัน กันอีกยก

    ทีนี้ ถ้าคน ๆนี้ ชาตินี้ ไม่มี วิชาติดตัว หรือ ไม่มี พลังคุ้มครอง ตัวได้ พอ คง
    งอม แย่ เหมือนกัน แหละ

    อีก อย่าง หนึ่ง วิญญาน เหล่านี้ เค้ามี สิทธิ์ ที่จะทวง สัญญา แค้น กัน ได้ ด้วยซิ
    เหมือน เป้น เจ้าเวรนาย กรรม กัน ได้ ด้วย........ เฮ้อ

    ขออย่าได้ เจอ กันเลย............... สาธุ

    เพื่อนร่วมทุกข์ เกิดแก่เจ็บตาย ด้วยกัน ทั้งหมด ทั้งสิ้น ขอจง เป็นสุขเป็นสุข เถิด
    จง เป็นสุข เป็นสุข เถิด
    จง ได้ รับ สุข ยิ่งๆ ขึ้น ตามภพภูมิ ที่ สูง ขึ้น เทอญ......... สาธุ

    อโหสิ กรรม ต่อกัน ... ณ แต่ บัดนี้ เป็นต้นไป
    จะได้ ไม่ต้อง มา จองเวร กันอีกต่อไป

    สาธุ สาธุ สาธุ
     

แชร์หน้านี้

Loading...