เรื่องเล่า ก่อนนอนคืนนี้..ของเหล่าคนผู้มีตาทิพย์

ขออนุญาตขัดตอนครับ
เมื่อวานได้ไปบู๊ทอาจารย์มา
ได้พระบิดมาครับ
สุดยอดมากครับ
ขอบคุณพี่ชยามากๆครับผม
เหมือนได้ร่างกายใหม่เลยครับ.. ฟิตเปรี๊ยะๆ เลย
เอ้าา.. บิดๆๆๆๆ

 

อยากไปนั่งเฝ้านอนเฝ้าที่บูทเหมือนกันค่ะ บันเทิงดี แต่ว่าม่ายรู้จะคุยกะใคร ไปก็เขินๆ เลยเฝ้าบอร์ดแทน อิอิ

 

คิดถึงกันบ้างมั้ย เอิ๊ก ๆ ๆ ไม่มีเวลาเข้ามาเลย

 

วัดสวนแก้ว จ .นนทบุรี ถูกกล่าวหา ใครสามารถยืนยันข้อมูลนี้ได้บ้าง

 

เอารูปมาประกอบครับ

 

รบกวนถามนิดหนึ่งค่ะ ก่อนจะถึงสิ้นเดือน ยังคงให้บริการปกติใช่ไหมคะ

ขอบคุณค่ะ

 

คุณ เต๊ะจุ๊ย ขึ้นมา พูดเรื่อง พระ บิด
ผู้คนก็จะงง ว่า เป็น พระ วัดไหน แรงใหม/ ยิงไม่เข้า หรือ ว่า เมตตามหานิยม
ก็ต้อง ขอ อธิบายว่า..บรรดา พระเครื่อง /วัตถุนิยม
ที่พวกเราพากันแขวน/ห้อยคอ/ เหน็บ เสื้อ ชั้นใน
เรามักจะรู้ อำนาจ เด่น คือ คงกระพัน (ยิงไม่เข้า)/
แคล้ว คลาด ยิงไม่ถูก/ เมตตามหานิยม/
โชคลาภ และ ป้องกันคุณไสย / พุทธ บารมี
...................................................................
และที่ มีอำนาจและผู้คนไม่รู้จัก คือ พระเครื่อง
บางองค์ จะ รัก ษาโรค ได้ เช่น แก้ ภูมิแพ้ / แก้ ปวด หัว
และ บางองค์มีพลังแก้ กระดูก/ เอ็น/ ในทางเดียวกับที่เรียกว่า กายภาพ บำบัด
Terapy
..................................................................
ที่เด่น และ รักษาได้ อย่าง ชัดเจน คือ พระ บิด
เมื่อ ผู้ใด กำพระบิด ที่ ว่า ไว้ในมือ
ร่างกายจะ ร้อนผ่าว และ อึดอัด หาวเรอ
จะบังคับ ให้ ผู้จับ จะต้อง บิด ตัว แบบ บิดขี้เกียจ
บิด ตัว แบบโยคะ/ แบบมวยจีน / แบบจี้ กง/ ฝ่า หลุนกง
แอ่นหนา แอ่นหลัง เต้น โยก และคลึง..
....................................................................
ขณะที่ ทำ จะมีเสียงกระดูก ลั่น กร๊อบ แกร๊บ..แล้ว ที่อะไรๆๆ เคลื่อน อยู่ ก็ จะลงตัว
ทำให้ หายปวด หายเมื่อย หายเคล็ด ขัด ยอก
ทำแค่ สามนาที..จะเหมือนไป วิ่ง ร้อนเมตรมา..พัก สามนาที..ทุกอย่าง หายหมด
ไม่ต้องไป อาบอบนวด /ไม่ต้องไป นวด แผนโบราณ วัดโพธิ
ที่ บู๊ธ มีให้เช่า พระ บิด ที่ ว่า...มีคนมาเช่า ไป หลายคนแล้ว
ก็ขอขยายความ ของ คุณ เต๊ะจุ๊ย ตาม ที่ได้ เล้า ไว้
................................................................
หมอสุวินันท์ SUWI ที่เชี่ยวชาญ เรื่อง เอ็นกระดูก.
.ก็ยัง ยอมรับ..และ ใช้ พระ บิด ในการรักษา ตัวเอง..เช่นกัน
.................................................................

 

พระยืดค้ำฟ้า
นอกจากพระบิด ที่ เมื่อใช้จะต้องบิด ตัวแล้ว
ก็มี อีกแบบคือ พระ ยืด ค้ำฟ้า
เป็น พระ ที่บำบัด เอ็นกระดูกเช่นกัน
แต่ต่างกัน ตรงที่ ห้าม บิด ตัว..ถ้า บิด จะปวด ร้าว.
ยืนเฉยๆๆ นิ่งๆๆ..ร่างกายจะ เคลื่อน เข้าที่..ตัวจะแข็ง
อะไร ที่ นิ่ม ก็จะแข็ง..ดีไป คนละอย่าง
มาทดลองดูได้..ว่า จริง หรือ ไม่...ทั้งสองแบบ
พระบิด และ พระยืดค้ำฟ้า
..........................................................

 

เรื่องเล่า ก่อนนอนคืนนี้ ตอนที่ สิบสี่ (ต่อ)
เย็นกลับถึงบ้าน ก็ นอน อย่างสะบายใจ
องค์พระนเรศวร คง จะ จัดการปัญหา ทางใต้ ได้ อย่างราบคาบ
พอถึง ตีห้า เศษ ของ วันรุ่งขึ้น..กำลัง เคลิ้มๆๆ
ก็ได้ ยินเสียง ลั่นมาทาง จิต..อย่าง ชัดเจน
................................................................
..." ไอ้ บ้า เอ๊ย...ให้ กูไป คนเดียว..แล้วกูจะรบกับมันได้ ยังไง
ต้องให้ ทหารไปกับกูด้วยสัก สามสี่พันคน..ถึงจะรบได้..."
..เราก็ถาม ต่อ.."ก็ พระองค์เป็น สุดยอด ของ ขุนพล.
.พระองค์ก็ สั่งเองได้ ไม่ใช่หรือ พะย่ะ ค่ะ..."
.............................................................
..." เฮ่ย... กูเป็น พระเจ้าแผ่นดิน..กูไม่มีหน้า ที่ เกณฑ์ คน เกณฑ์ ทหาร
พวกแม่ทัพ..เขาทำกันหมด..กูเคยเกณฑ์กับเขา..ที่ไหน.."
................................................................
เอาล่ะ พะย่ะ ค่ะ..ข้าพระพุทธเจ้า จะ ทำ พิธีใหม่..
เกณฑ์ ทหารให้ พร้อม สี่พันคน
แล้ว ลงไป ลุย กันใหม่
.................................................................
เอ้อ...จนป่านี้ มัวแต่ทำโน่น ทำนี่..จนลืมไป เลย..
ต้องหาเวลาว่าง เหมาะ จะทำ พิธีที่ ว่า..ภาคใต้จะได้ เรียบ ร้อย เสียที
.......................................................................
ตอนที่ ได้ เฝ้า องค์พระนเรศวร..คราวนั้น.
.ก็ มัว แต่ ห่วงเรื่อง ปักษ์ใต้
ไม่ได้ถามพระองค์ เรื่อง การทำยุทธหัตถี ในครั้ง นั้น
....................................................................

 

6 มค 2552
ข้าพเจ้าตื่นแต่เช้า ไป ที่ บู๊ธ เร็ว กว่า ปกติ
ในใจรู้ว่า วันนี้ ต้องมีเรื่อง แน่ๆๆ..ที่เกี่ยวกับ องค์พระนเรศวร
.................................................................
สักพัก คุณ จักรพล ฯ ก็โผล่มา..บอกว่า อาจารย์ ไป พนมทวนใหม
..กูว่า แล้ว..เหมือนที่ ถูกสั่งมาเลย.
.อีก สักพัก วิษณุ ตัวเก่ง โผล่มาอีก คน.
ก็เลยครบสามทหารเสือ ตาทิพย์..พร้อมที่จะไป ลุย พนมทวน กาญจนบุรี
...........................................................................
ออกจากบู๊ธ 042. เวลา ประมาณ 11.00 น
.ลุยผ่าน สะพานพระรามห้า มุ่งตรงไป บางใหญ่
เพื่อ ไป เข้า ถนน สาย บางใหญ่- สุพรรณบุรี
.........................................................................
พอมาได้ สักพัก ก็ มองเห็น วัดใหญ่ ทางขวามือ.ในช่วงตลิ่งชัน
จำได้ ว่า นี่ คือ วัด คงคา ที่ มีเรื่อง ดังมาก เมื่อ สามปี ที่ผ่านมา
..........................................................................
เป็นวัดเก่า แก่ ยุคปลาย กรุงศรีอยุธยา
เมื่อ พระเจ้าตาก ทรงยกทัพ แหก ค่ายออกมาก่อนกรุงแตก
และ กำลัง ทำการกู้ชาติ..พระองค์ก็ได้ ให้ หทารกองหนึ่ง
ลำเลียง พระประธาน (หลวงพ่อแดง) มาด้วย
และสั่งให้ ทหารหน่วยนั้นดู และ พระให้ดี
เมื่อกู้ชาติได้ แล้วก็จะมารับ
..............................................................
พอกู้ชาติได้ ก็ ทรงกำลัง วุ่นวาย และพอดี เปลี่ยนรัชกาล
มาเป็น สมเด็จพระพุทธยอดฟ้า จุฬาโลก
ก็เลยไม่มีการ มาขนย้าย หลวงพ่อแดง ต่อ
ทหารหมู่ ที่ ถูกสั่งให้ ดูแล หลวงพ่อ..ก็ดูแลต่อ อย่าง ซื่อ สัตย์ ต่อ คำสั่ง
จนถึง ปัจจุบัน..ต้นตระกูล ตายไป แล้ว กว่า 4 ชั่วคน.
.ลูกหลานก็ ยัง ดูแลต่อ และ ตั้ง บ้านเรือน อยู่ รอบๆๆ วัด
....................................................................

 

วัดคงคา เป็นวัด ที่ มีความพิเศษ อยู่ที่ ว่า
ในโบสถ์เก่า..จะมีพลังวิญญาณ
ของ หลวงพ่อ ทวด แห่ง วัด ช้างไห้ มาอยู่
ในโบสถ์ จะมีรูปปั้นหล่อบูชา หลวงพ่อ ทวด
ขนาด 9 นิ้ว วางเรียงมามาย..เวลา ใคร จะไป เช่า
จิตขอ บูชา..ก็จะแลเห็น เหมือนกับว่า ท่านกวักมือเรียก
ให้ มายก ท่านไป..ท่านจะไป ด้วย..เป็นที่ ขนลุกแก่คนทั่วไป
..................................................................
ต่อมา วันดี คืนดี..หลังสองยามผ่านไป.
พอ ท่านเจ้าอาวาสว องค์ปัจจุบัน ปิด ประตู โบสถ์.
.หลวงปู่ ทวด จะ ลอยออกมา..และ สนทนา
หลวงปู่ บอกว่า..วัด ของ ท่าน อยู่ ปักษ์ใต้..
ท่านยังไม่มีวัดใน เมือง หลวง กทม เลย
ท่านจึง ขอให้ วัด นี้ เป็น วัด ของ ท่าน
..........................................................
แล้ว หลวงปู่ ก็ สั่งเจ้าอาวาส ลงไป ที่ ภาคใต้ ไป ที่ สงขลา.
.ให้ไป ที่ วัดแห่งหนึ่ง..ให้ไปหา พระภิกษุ รุปหนึ่ง..
บอกว่า หลวงปู่ให้มาเอา ผงวิเศษ ที่ ฝากไว้
เจ้าอาวาสก็ได้ มาเป็นจำนวนมาก
...................................................................
ต่อมา หลวงปู่ทวด ก็ สั่งให้ เจ้า อาวาส ไป ที่ๆๆแห่งหนึ่ง
ใกล้ วัด ที่ จังหวัด บุรีรัมย์..บอกวัน เวลาที่จะต้องไป
และเครื่องมือ ที่ จะต้องใช้ไว้ อย่างแน่นอน
ท่านเจ้าอาวาสก็ไป..อย่างไม่แน่ใจนัก..เพราะ หลวงปู่ ไม่บอกว่า เป็น อะไร
บอกว่า..ไปแล้ว จะเห็นเอง
...........................................................................
พอได้ วันเวลาที่กำหนด คือ 1 ทุ่มตรง
ที่ ตรงนั้น เป็นที่ โล่ง เป็น ทุ่งนาเก่า ใกล้วัด
ก็มองเห็น เหมือนหิงห้อย บินขึ้น จากพื้นดิน
จำนวนมหาศาล นับหมื่นตัว..
......................................................................
ท่านเจ้าอาวาส ก็ เอา ถุงผ้า และ สวิงไล่ช้อน
พอ ช้อนปั๊บ จับดู..กลายเป็น เศษผงเหล็ก ชิ้นเล็กๆๆ
นี่ คือ เหล็กไหล บินได้..เป็น ของ วิเศษ
ตาม คำบอก ของ หลวงปู่ ทวด แห่ง วัด ช้างไห้..นั่นเอง
..........................................................................

 

พอรุ่งเช้าก็เข้าไปในวัด..ถามว่า ที่ดิน ข้างวัด นั้นเป็นของใคร
ก็พอดี ถามถูก ตัว เจ้า ของ พอ ดี..คือ เป็น มรรคทายกวัด นั้นเอง
ท่านบอกว่า เมื่อ คืน มาไล่ช้อนเหล็กไหล บินได้
ตามคำสั่ง ของ หลวงปู่ ทวด แห่ง วัด ช้างไห้
มันเหมือน หิงห้อย บินได้..พอช้อนได้ก็จะกลายเป็น เศษ เหล็ก เล็กๆๆ
.......................................................................
มรรคทายก เจ้าของที่ ถึงกับ ขนลุก..บอกว่า บรรพบุรุษ เคย สั่งไว้ว่า
วันดี คืนดี..จะมีหิงห้อยเหล็ก บินได้..จะมาบินให้ดู
แกบอกว่า ตั้งแต่เกิดมา ป่านนี้ ก็ หกสิบ กว่า แล้ว.
.ยังไม่เคยเห็น จนลืมไป แล้ว.
.จนวันนี้ จึงเชื่อ ว่า สิ่ง ที่ บรรพบุรุษ สั่งไว้ เป็น ความจริง
................................................................
ท่านเจ้า อาวาสก็ มอบ เหล็กไหล บินได้
ให้ แก่ เจ้า ของ ที่ไว้ กำมือใหญ่ๆๆ
ส่วนที่เป็นถุง มีนับหมื่นชิ้นก็ เอากลับมาที่วัดคงคา
................................................................

 

กลับมาที่วัดคงคา แจ้ง ต่อ หลวงปู่ทวด ว่า..ของได้ ครบแล้ว
หลวงปู่ทมวด ก็สั่งทำแบบหล่อ เพื่อ สร้างพระเครื่อง ขนาดห้อยคอ
โดยใช้ผง ที่ได้ มาจาก ปักษ์ใต้ พิมพ์ออกมาเป็น รูป
หลวงปู่ทวดได้ นับหมื่นองค์..ด้านหน้า ทุกองค์
ฝัง เหล็กไล บินได้ ไว้องค์ ละ ชิ้น
...............................................................
เป็นพระเครื่อง ที่เด่น ด้านแคล้ว คลาด..และมีเมตตาสุง
เสียดายที่ คนไทย..ไม่ค่อยรู้ จัก..และแสวงหา
แต่ขาวฮ่องกง..จัดทัวร์ กันมาตลอด..
มาที่วัดคงคา เช่า เหมา พระเครื่อง หลวงปู่ทวด
รุ่นเหล็กไหล บินได้ กลับ ไป คนละ20-30 องค์
.......................................................
เวลาผ่านไป กว่า สามปี..ป่านนี้ คงหมดแล้ว
ได้ เงินมาสร้างโบสถ์ใหม่ มูล ค่า นับ ร้อยล้านบาท
มองข้างนอก จะเห็นวัด ใหญ่โต สวยงาม
สมกับเป็นวัด ของ หลวงปู่ทวดแห่ง วัด ช้างไห้
ที่ หลวงปู่ ใช้ อำนาจและฤทธิ ทำการสร้าง วัด
จนเสร็จ สมบูรณ์ในปัจจุบัน
.............................................................

 

บริเวณทางเข้าครับ

 

สาธุ ขออนุโมธนาด้วยครับ อย่าได้สักองค์จังแต่ตังไม่มี

เมื่อวานก่อนผมฝันแปลกๆทั้งที่ไม่เคยคิด อย่าคิดมากมันเป็นแค่ความฝัน

ฝันว่าได้ไปเจออาจารย์นะครับ ไม่รู้ในฝันที่เจอว่าที่ไหนแต่จำความฝันไม่ค่อยได้

ฝันก้คือฝันละครับทั้งที่ผมไม่เคยเจอหน้าสักครั้ง ไม่รู้ด้วยว่าอาจารย์รูปร่างหน้าตายังไง

หลังจากอ่านเวปพลังจิตเรื่องการเปิดตาที่3ของจารย์ แล้วผมก็ทำสมาธิสักชั่วคราว

แล้วผมก็นอนแล้วก็ฝันครับ ฝันว่าผมได้ไปที่ชมรมแล้วเห็นอาจารย์มาเปิดตาที่3ให้ผม

อาจารย์บอกผมว่าตาของผมพร้อมเปิดแล้วอยู่ประมาณ89เปอร์เชนฝันยังนี้และครับแล้วก็

จำความฝันไม่ได้อีกนะครับหลงลืมๆ อาจารย์ในแบบที่ผมเห็นฝันนะ เป็นคนผิวขาว

ผมบางๆ อายุประมาณ สี่สิบขึ้นไปนะ อย่าว่ากันนะครับเป็นแค่ความฝันครับ

ผมก้อยากพบอาจารย์แต่ตังไม่มี บ้านก้อยู่ไกล สงสัยไม่มีวาสนาได้ไปแน่น

ที่ฝันสงสัยจะอ่านเรื่องนี้มากไปหน่อยเลยเอาไปคิดจึงเกิดเป็นความฝัน

เหมือนดูหนังแล้วฝันว่าเราไปอยู่ในหนังตอนที่เราดูครับสงสัย

จะเป้นแบบนี้ อยากไปหาอาจรย์มากครับ อยากเข้าชมรมด้วยครับ

ถ้าใครว่าอาจารย์บ้าผมก็ขอเป็นบ้าด้วยอีกคนครับ

ผมไม่สนใครจะว่าไง แต่วาสนาคงไม่ได้พบอาจรย์แน่นๆ

ผมสนใจในตัวอาจรย์มากๆๆเลยครับสนใจขนาดเอาไปฝัน

ยิ่งได้ฟันเรื่องอาจรย์เล่ายิ่งสนใจใหญ่เลย ติดตามอ่านอยู่นะครับ

จะปูเสื่อรอครับ ซื้อตั๋วมานั่งหน้าจอแล้วครับ

 

..............................ลองดูตามลิงค์น่ะครับ จะมีวิธิเปิดด้วยตนเอง และวิธีเช็คว่าเปิดกี่เปอร์เซ็นต์ครับ อยู่ไกลก็ลองช่วยตัวเองก่อนครับ ทุกคนก็ฝึกฝนด้วยตนเองมาก่อนทั้งสิ้นครับ
http://palungjit.org/showthread.php?t=144159

 

......มาอ่าน.....เงียบๆ


ก่อนจิตจะวิปลาส....

 

ตกลงในรถคันใหญ่ก็มีเราสามคน
ผม /วิษณุ และ จักรพลฯ เป็น โชเฟอร์
เราขับเลยวัดคงคา ไป ตามถนน กาญจนาภิเษก
มุ่งไป ทางบางใหญ่-ไทรน้อย
ไปเลี้ยวที่ แยกถนนที่ มุ่งไป สุพรรณบุรี
ขับเลยไป 5-6 กม. บนถนน ไป สุพรรณ..
ก็แวะ ทานอาหารเที่ยง ที่ ร้าน ข้างทาง
ใช้เวลาไม่มากนัก ก็เดินทางต่อ..ไปเลี้ยวที่ แยก นพวงศ์
มุ่งสู่กำแพงแสน เพื่อผ่านไป ยัง พนมทวน
.............................................................
ความเจริญในพื้นที่ ภาคตะวันตก ไปไกลมาก
ถนนหนทาง มีกระจาย ไป ทั่ว แบบ ร่างแห
การเดินทางจึงเลือก เส้นทาง ที่ สั้น และรถไม่หนาแน่นมากนัก
เข้าใจว่า พอดี เข้าฤดูกาล หีบอ้อย..จึงมีรถสิบล้อใหญ่
บรรทุกแท่งอ้อย และ ลำ ต้นอ้อย กันเต็ม รถ..วิ่งไปมามากมาย
....................................................................
ไม่ได้ มานาน..ก็เพิ่งเห็น ความเปลี่ยนแปลง..ในขบวนการขนอ้อย
แต่ก่อนเขาจะ จ้างแรงงาน ส่วนใหญ่ จาก อิสาน เรียงหน้า กระดาน
ตัดฟัน อ้อยเป็น ลำๆๆยาวๆๆ..ริดใบ แล้ว ยกใส่รถ สิบล้อ
ภาพที่เห็น ก็ จะเป็น อ้อยเป็นมัดๆๆ..วางซ้อนๆๆ เต็ม รถ สิบล้อ
พอ ถึง สี่แยก ติดไฟแดงที..พวก ชาวบ้านก็ จะ หักส่วนที่ ยาวเกินท้าย.
ขอ.เอาไป กิน..แบบมีกะมิตร มีกะใจ...ไม่ว่า กัน..ขอกันกินนิด หน่อย
.........................................................................
อีกแบบเป็น รถสิบล้อ มีตระแกรง ปิดโดยรอบ
เห็น อ้อยถูก ตัดเป็น ท่อน สั้นๆๆ ยาวประมาณ ศอก
โกยใส่จนเต็ม รถ..จักรพลฯ อธิบายว่า เดี๋ยวนี้
การเก็บอ้อย รุ่นใหม่ เขามีเครื่อง เก็บ อ้อย
แบบ ระบบคล้าย รถเกี่ยวข้าว..วิ่งไป เกี่ยวไป ตัดไป
แปลงหนึ่งเดี๋ยวเดียวก็ เสร็จ..ของใหม่มา มัน ทุ่นแรงจริงๆๆ
..................................................................
มีข้อเสียอย่างเดียว..คนงานจะตกงานกันหมด
ยิ่งตอนนี้เศรษฐกิจ กำลัง แย่..คนจะตกงานกันเป็น ล้าน
คิดแล้ว น่าสงสาร บ้านเมือง และผู้คน เสียจริงๆๆ
....................................................................

 

ขับรถวนไป วนมา..ในที่สุดก็มาถึง พนมทวน.เป้าหมายของ วันนี้
เข้าไป จอด ที่หน้าตูทางเข้า.
.ที่ ทำเป็น พระมาลา หมวก นักรบโบราณ ที่คล้ายหมวกกะโล่
ก่อสร้างขนาดสูงใหญ่ เหมือนเป็น ประตูเมือง
เลยจอดรถ..ถ่ายรูป เป็น รูปแรก ของการมาเยือน
ยืนที่ ป้าย ต้อนรับ..ที่ วิษณุ เอามาลงก่อนหน้า นี้ แล้ว
เสื้อ สีฟ้า คือ ผู้เล่า ...เสื้อเหลือง คือคุณ จักรพล โชเฟอร์ ในวันนี้
..........................................................................

 

ที่หน้า ประตู..ตามธรรมเนียม คือ สงบจิต.
.ขออนุญาต เจ้าที่เจ้าทาง..ขอเข้าไปในพื้นที่
ท่านก็ไม่ว่า อะไร
..............................................
ห่างเข้าไป ประมาณ 300เมตร ก็ไป ถึง วงเวียนเล็กๆๆ
กลางวงเวียน เป็นแท่นสูง ประมาณ สามเมตร
บนแท่น มีรูปหล่อ องค์ สมเด็จ พระนรศวร มหาราช ทรงช้างศึก
พร้อม ศาสตราวุธ เต็ม ร้อย..ในท่าทางสง่า และพร้อมที่จะรบ
.................................................................
เราสามคนก็ เข้าไป ทำการสักการะ พระมหากษัตริย์ ผู้ ยิ่งใหญ่
ที่ ทรงงานหนัก ทำสงครามกู้ ชาติ..
จนสามารถทำให้ไทยเป็นไทย อยู่ได้ ถึงปัจจุบัน
........................................................................
พอเสร็จ ก็ มอง มาทางขวา
เป็นอาคารแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับ การศึก /และ อาวุโบราณ
ทางขวามือ มี แถวไก่ ชน สูง ขนาด ตัวคน ..
เรียงราย ต้อนรับเข้าสู่ อาคาร พิพิธภัณฑ์..มีอยู่ หลายตัว
................................................................
เดินไป ก็คิดไป..นี่ คงเป็น กลุ่มไก่ ชน ของ องค์ มหาราช
แล้ว ตัวไหนล่ะ ที่ เป็นเขา..ทันใด กายก็ถูกกระตุกที่ ขา เหมือนดึงไว้
ก็หยุดมอง..ใช้ตาที่สามเพ่ง..เขาอยู่เป็น ตัว ที่ สอง จากหัวแถว
......................................................................
ถามไป ..."เจ้าหรือ เป็นไก่ชน ของ องค์ มหาราช.."
มีเสียงตอบมาในจิตว่า.." ใช่แล้ว."
ในใจก็คิดถึงเรื่องเล่า..ที่เคยได้ ยินมา ว่า ไก่ ที่ ดี ที่ สุด
ที่ ชนไก่ ชนะ กับไก่ ของ มังสามเกียด ที่หงสา ..สมัยเป็นตัวประกัน
ชื่อ .." เจ้าหางเหลือง..จึงถามต่อ..จริงๆๆแล้ว เจ้า ชื่อ อะไร
......................................................................
.."พระองค์ เรียก ข้า ว่า ม่อญลาย..ข้าเป็น พันธ์ จาก มอญ
ข้าเก่งที่ สุด"....
.อือๆๆ.ข้าพเจ้าคิด.. ถ้า อยู่ ในยุคปัจจุบัน ต้อง เรียก ว่า.
."คุณ ม่อญลาย..ในทำนองเดียวกับ ."คุณทองแดง.."
ถามต่อ..เจ้ารู้เรื่อง การยุทธหัตถีใหม??
ตอบ..คนละยุคกัน ข้าๆไม่รู้หรอก..ท่านสั่งให้ ข้าๆ มาเฝ้าที่ นี่ เท่านั้น
แล้วข้าๆ ก็ มา
คุยกันเสร็จ ก็ พอดี..คุณ จักรพล เข้ามาใกล้.
.ก็ลอง ให้ เขาคุยกับคุณไก่ม่อญลายดู บ้าง
ไม่รู้คุยกันยังไง..เห็นคุณ จักรพล..ตัวสั่นเอาสั่นเอา
........................................................
...........................................................................