เรื่องเล่า ก่อนนอนคืนนี้..ของเหล่าคนผู้มีตาทิพย์

อนูโมทนาครับ ดีใจด้วยเด้อ อิอิ...
อยากเจออาจารย์สุวิจังครับ ปวดคอ
กรรมเก่า

 

อีกในไม่ช้านี้การรักษาจะเป็นเวลาของทิศตะวันออกเเล้ว
ทิศตะวันตกก็จะตกลงตามชื่อ ตอนนี้เเพทย์เเผนปัจจุบันเริ่มหันมาสนใจการรักษาเเบบภูมิปัญญาดั้งเดิมอย่างจริงจังมากขึ้น
จนมีการจดลิขสิทธิ์สูตรตำรับยาของภูมิปัญญาต่างๆอาทิเช่น สูตรตำรับของเผ่าอินเดียเเดง
เเล้วตอนนี้ก็มีหลายสถาบันก็ริ่มฟื้นฟูเเพทย์เเผนไทยกันเเล้ว
เเต่ไฉนโรงพยาบาลที่มีเเผนไทยล้วนมีเเต่นวด การรักษาเเบบตำรับของยาสมุนไพรมีตามโรงพยาบาลน้อยมาก การรักษาสมุนไพรจริงๆก็จะไปอยู่กับเเพทย์พื้นบ้านเเละคลีนิคเเพทย์เเผนไทยเป็นส่วนมาก ส่วนคนที่รู้จริงอย่างหมอวุฒิ วุฒิธรรมเวช หรืออย่างหมอสุวินันท์ ต่างก็เปิดสถานรักษาพยาบาลเป็นของตนเอง ทำให้ผู้ที่อยู่ในวงการเท่านั้นเข้าถึงได้
การที่จะนำยาเข้าโรงพยาบาลได้ก็เป็นเรื่องยากไหนจะต้องผ่าน มาตราฐาน GMP (Good manufactering pratice) ] อีก ซึ่งการลงทุนก็ไม่ใช่น้อยๆ ซึ่งเป็นปัญหาตามมาของเหล่าเเพทย์เเผนไทยอีก ซึ่งการทำ GMP นี้จะทำให้การทำยาเเบบภูมิปัญญาพื้นบ้านไทยหายไปมากเลยทีเดียว การทดสอบคุณภาพก็ต้องมี paper ที่ทดลองในห้องเเลป (การทดสอบคุณภาพเเบบเเผนไทยก็ตรวจสอบด้วยจิต)
ไม่อย่างงั้นก็ไม่สามารถพิสูจน์ฤทธิ์ได้ว่ายาออก Action ยังไง เมื่อให้มันเป็มาตราฐานสากลก็ที่ฝรั่งรับรองได้ต้องทำอย่างนี้เเหละครับ
ตอนนี้กระเเสเเพทย์เเผนไทยมาเเล้วเเต่การทำให้เป็นรูปอธรรมยังไม่เกิดขึ้น
ผมเเละชาวเเพทย์เเผนไทยทุกคนก็รอเวลาที่ให้เเพทย์เเผนไทยได้ยอมรับกันภายในประเทศอย่างเเพร่หลาย
เเละจนบางครั้งเเอบอิจฉาเเพทย์เเผนจีนด้วยว่าเค้ามีภูมิปัญญาที่เเข็งมากๆ
จนอยากทำให้เเพทย์เเผนไทยเป็นอย่างนั้นบ้าง
อยากให้คนไทยหันมาสนใจสมุนไพรไทยเเละเเพทย์เเผนไทยกันมากๆเพราะถ้าเราไม่สนใจเเล้ว ใครหละจะมาสานต่อให้ภูมิปัญญาไทยให้เข็มเเข็งกว่านี้ครับ

 

^
^
^
^
เห็นด้วยค้าบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ

 

ขอบคุณ อาจารย์ตาที่สาม และคุรุทุกๆท่าน ที่ให้ความรู้ ให้กำลังใจ ให้วิชาการ ชักจูง จูงใจ เผยแพร่ วิชาการให้เป็นที่ประจักษ์แก่ผู้ที่ค้นหาและหลงทาง

ขอกำลังบุญและกุศลเจตนาที่ท่านทั้งหลายร่วมกันทำอยู่ให้ย้อนเป็นผลบุญกุศลให้ทุกๆท่านได้รับแต่สิ่งที่ดี บรรลุวัตถุประสงค์ตามที่ตั้งใจทุกท่าน ตลอดไป

 

สวัสดีปีใหม่ค่ะทุกท่าน ....

..กลับมาจากสมุยได้สองวันเองค่ะ...มีเรื่องมาเล่า!!....5555 แต่ยังไม่ใช่เรื่องที่บอกว่าจะเล่านะคะ....อันนี้สด ๆร้อน ๆๆตรงจากสมุยเลยค่ะ...555
.......................เราไปเริ่มกันเลยดีกว่า.....................

( ขออนุญาตเล่าตามแบบฉบับตัวเองนะคะ...บางที่ภาษาอาจจะดูบกพร่องไปบ้าง ต้องขออภัยไว้ก่อนะคะ )

..คือว่าดิฉันรับงานต้อนรับปีใหม่ที่ สมุยไว้..ซึ้ง จะต้องเดินทางคืนวันที่ 29 ธ.ค...ไปถึงสมุยก็ราวๆๆ 11.00 น. ของวันที่ 30 ธ.ค...ไปถึงที่พักก็ประมาณว่ามิใช่โรงแรม แต่ออกแนว คล้าย ๆๆ อาพาร์ทเม้น ..แต่ก็ไม่ได้อะไร..ขอแค่มีที่นอนที่ไม่แย่มากก็พอ...

สรุปดิฉันได้นอนกับพี่ทีมงานอีกสองคน ห้อง 107 ในสุด และกว้างสุด....

ระหว่างทางเดินที่จะไปยังห้องของตนนั้น ...มันช่างมืดซะไม่มี .. ทั้งที่เป็นกลางวัน ..แถมไม่พอยังมีเสาโผล่ออกมา..ซึ่งเท่าที่สังเกตุแล้ว พบว่าทุกเสาที่ที่พัก..จะมีช่องเปิดที่เห็นท่อน้ำ หรือท่ออะไรสักอย่างของทางที่พัก...สงสัยเอาไว้เช็ค แต่ก็งงว่า ทำไมไม่ปิดช่องอะไรเลยเหรอ..ก็พอดีเสาอยุ่ตรงข้ามเยื้องๆๆ ห้องที่จะพักไปหน่อย ...

..สายตาก็แว็บๆๆ...เห็นเป็นหน้าคนอยู่ในนั้น ...ก็ไม่ได้คิดอะไร...คิดว่าตัวเองหลอนไปเองมากกว่า...ท่อทั้งนั้น... แล้วจึงเอากุญแจมาเปิดประตู.....แต่บิดเท่าไร่ก็ไม่ออก...สองคนกับพี่ช่วยกันก็ไม่ออก...ดิฉันเลยทำการเคาะประตูไปสามที....ไหว้แบบว่า มาขออาศัยสักพัก ด้วยความเคารพ..... เท่านั้นแหละ... ง่ายขึ้นมาทันที...

 

..แหะๆๆ.กดผิด ..เล่าต่อนะคะ ...

.................................................................

...เข้าไปในห้องก็มืดพอๆๆกับข้างนอก...ต้องเปิดไฟตลอด....อีกอย่างไม่มีหน้าต่างเจ้าค่ะ...แม่เจ้า....มีประตูระเบียงกับห้องน้ำเท่านั้น ...ภายในห้องกว้างตามแนวยาว..มีสองเตียง เป็นเตียงคู่และเดียว ..ก็ให้พี่ที่อวุโสสุดนอนเตียงเดี่ยวไป...ดิฉันกับพี่อีกคนก็นอนด้วยกัน...

......
คืนแรก ..ดิฉันกับพี่ อ้อม ( ที่นอนเตียงเดียวกัน ..ส่วนอีกคนชื่อ พี่ กี้ค่ะ ) ก็นอนโดยมิได้อาบน้ำ เนื่องจากเพิ่งไปซ้อมเต้นมาเหนื่อยมากก..กะว่าสักงีบ แล้วค่อยอาบ..( สกปรกมั้ยค่ะ...55.) ผลปรากฎ ยาว...แต่ก่อนนอน..ดิฉันก้เอาบทสวดมนต์กับลูกประคำ มาไว้หัวเตียงกะว่าจะสวดแผ่เมตตาให้เจ้าของที่นี่สักหน่อยจะได้นอนสบาย... ก็สวดเอาเท่าที่ตัวเองไหว ...ก็หลับไป...แต่ตั้งใจว่าคืนวันที่ 31 หากเสร็จจากงานแล้วจะมาสวดมนต์กรวดน้ำ ..เพราะถ้าไม่ได้ไปใส่บาตร ก็สวดก็ยังดี...อย่างน้อยก็ทำบุญวันเกิดด้วยการสวดละกัน..( เกิด 1 มกราคมนะคะ ฮี่ๆ )..

...............................
คืนที่สอง...เอาหล่ะสิ ...กลับมาห้องประมาณ 02.00 ของวันที่ 1 พอดิบพอดี...อาบน้ำเสร็จ ..ไม่ไหว..สวดมนต๋รีบนอนดีกว่า เพราะต้องออกแต่เช้า ...ระหว่างที่จะสวด พี่อ้อมไปอาบน้ำ ส่วนพี่กี้แกนอนดูทีวีรออาบน้ำอยู่ ... ขณะที่ดิฉันเริ่มสวดไปสักพัก ...ก็ได้ยินเสียงหวีดร้องโหยหวน..และดังชัดเจน ..เป็นเสียงก้องๆๆ..ร้องบอกว่า .." ช่วยยยยยยยยย...ด้วยยยยยย....." แล้วก็มีเสียงเอฟเฟกประกอบคล้าย ๆๆดนตรีในผับ ...ดิฉันชะงักการสวดไปสักครู่คิดว่าใครมาทำเอฟเฟก ในตึกเวลานี้เนี่ย ...หันไปมองพี่กี้ แก้ดูทีวีอยู่..คงไม่ได้ยินมั้ง...หรือได้ยินแต่ไม่อยากทัก....ดิฉันก็สวดต่อจนจบ....แผ่เมตตา กะว่าจะกรวดน้ำ แต่สถานที่ไม่เอื้อำนวยเลยกะว่า เอาไว้สะดวกจะกรวดเลยทีเดียว......

......

..เช้ามาก็ไม่ได้คุยอะไรกับใครเรื่องนี้ เพราะลืมไปแล้ว ...55 ...พอกลับมากรุงเทพ ..ต่อรถแท๊กวซี่กลับห้องตัวเอง พี่แท๊กซี่ก็เล่าข่าวซานติก้าให้ฟังว่ามันโหยหวน เท่านั้นแหละ....นึกได้.....ถึงห้องปุ๊ป...โทรถามพี่อ้อมก่อนเลย ...พี่ๆๆ คืนก่อนออกจากเกาะ ตอนช่วงก่อนถึงหลังอาบน้ำพี่ได้ยินเสียงอะไรมั้ยค่ะ ....พี่อ้อมบอกว่า ไม่หนิ ได้ยินแต่เสียงทุ๊บน้ำแข็งที่เพดานห้องทั้งคืนเลย ...แล้วดิฉันก็โทรไปถามพี่กี้อีก.....พีแกบอกว่าไม่ได้ยิน ..ได้ยินเสียงทุบน้ำแข็งเหมือนพี่อ้อม ...ฉันก็เล่าให้พี่กี้ฟังเพราะแกเป็นคนเห็นบ่อย.... พี่แลยบอกว่า ...ก็เราบอกว่าจะกรวดน้ำ แต่ดันไม่มีดินเลย ..เค้าคงมารอเราแหละ....ป๊าดดดดดดดดดดดดดด......เท่านั้นแหละค่ะ ขนลุกซู่ๆๆๆ ...ไม่เคยได้ยินจะ จะ แบบนี้มาก่อน...อะไรจะขนาดนั้น ..และคืนนนี้ดิฉันก็จะไหว้พระอีกแล้วค่ะ ....

............................

จบแล้วค่ะ ...ขอบคุณทุกท่านที่สละเวลาอ่านนะคะ ..หากไม่ถูกใจประมาการใด ขออภัยจริงๆๆนะคะ ....แต่หากว่าท่านใดรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับดิฉันก็ช่วยแจ้งแถลงไขด้วยนะคะ ...ขอขอบพระคุณค่ะ ....

 

เล่าบ่างดีกว่าเรื่องของผม ออกแนวผีนิดๆครับ

คือเนื่องจากการทำงานของผมเองที่ต้องทำงานกลางคืนแล้ว

ต้องกลับบ้านดึกๆ เป็นประจำคือประมาณตี3 ปรกติกลับมาจะอาบน้ำและนั่งสมาธิ

ประมาณ ตีสามครึงทุกวันแต่มีวันหนึงกลับช้าเพราะไปแวะหาเพื่อน พอตอนตี 4ก็มี

โทรศัพท์ มาจากที่บ้าน คือพี่สาวโทรมาด้วยเสียงสั่นๆเหมือนมีอะไร ฉุกเฉิน

ผมก็รีบกลับมาเลยปรากฏว่าพอมาถึงก็ไม่เห็นมีอะไรผมก็อาบน้ำแล้วก็นั่งสมาธิแล้วนอน

พอเช้ามาก็ไม่พมีใครพูดอะไร แต่คลาวนี้ก่อนไปทำงานโดนสั่งให้รีบกลับ ผมก็เลยงง

แล้วพอตอนตี 2ก็โทรไปย้ำให้รีบกลับเลยยิ้งงไปใหญ่ ผมเลยมีขอแม้เพื่อเค้นเอาความจริง

ว่ามีอะไรกันแน่ พีผมเลยยอมพูดว่าตอนประมาณ ตี3กว่าๆทั่งบ้านได้ยินเหมือนเสียงมโหรี

วงค์ใหญ่ เสียงระนาทปีฆ้องเต็มเลย ดังจนนอนกันไม่ได้ทั้งบ้านจนเค้าตืนกันทั้งบ้าน

ไม่ได้นอนเลยแต่พอเปิดไปมาดูกันเสียงก็หายไป แต่ไปคุยกับเพื่อนบ้านก็ไม่ได้ยินอะไรกัน

มีแต่บ้านผมที่ได้ยินเค้าเลย ว่าจะต้องมีอะไร ผมได้ยินดังนั้นเลยต้องรีบกลับไปดูเลย

ในใจคืออยากรู้เพราะผมเป็นคนไม่กลัวผีอยู่แล้ว กลับมารอตั่งนานไม่เห็นมีอะไรเลย

ผมก็เซ็งเลยกะจะเจออะไรดีๆซักหน่อย วันตอมาเกิดเพลียจัดเนื่องจากเมื่อคืนรอดูเลย

ไม่ได้นอน พอทีนี้กลับจากทำงานก็เลยนอนเลยปรากฏได้ยินเสียจริงๆครับ ชัดเจน

และดังมากผมเลยเดินดู พอเดินดูเสียงก็หายไปก็ไม่ได้คิดอะไรคิดว่าหูคงแว่ว ก็กลับ

ไปนอนต่อคลาวนี้ก็มาอีก ผมก็เลยต้องลุกมาดูอีก คลาวนี้มีคนรอที่ขาเตียงเลยสวมชุด

โบราณ ยืนยิ้มแล้วบอกว่าเรารอท่านนานแล้วจะเริ่มหรือยังละ ผมก็งงว่ารออะไร

แต่แล้วก็นึกอ่อ เรานั่งสมาธิทุกวันเค้าคงจะมารอเอาบุญมั้งผมเลยบอกไปว่าเอาเริ่มก็ได้

ก็เลยต้องนั่งสมาธิครับ และหลังจากนั้นมาเลยต้องนั่งสมาธิทุกวัน เพราะไม่นั่งวันใดได้โดน

ที่บ้านด่าเพราะเค้าก็ไม่ได้นอนกันทั้งบ้าน ผมก็เลยรู้ว่าทุกสิ่งที่เราทำไม่ใช่ว่ามีใครที่ไม่รู้

ทุกสิ่งทุกอย่ามีคนรับรู้ตลอด ไม่ว่าสิ่งดีและไม่ดีแล้วเราต้องรับผลของการกระทำนั้น

แน่นอนครับ

 

ถ้าวันไหนพี่ visnu ไม่นั่งเค้าก็มาหาตลอดใช่ไหมครับเนี่ย

 

mhutom... เจ๋งไปเลย หนึ่งจัง...เรื่องนี้ต้องจารึก...



อิอิ...


ลืมโทรไป เบิ๊ดเดย์.... ครบ 7 วันก่อนละกัน ..จะโทรไป.. เอิ้กๆๆๆ

 

วันก่อน" วิษณุ" แวะมาที่บู๊ธ 042
บอกว่า ตัวสั่นและ ร้อนๆๆ หนาวๆๆ แบบจะเป็นไข้
ก็ลอง ตรวจดู..อ้าว ในตัว กำลังมีศึก ภายใน
เป็นผล ที่ทำให้ พลัง เสียศูนย์
หรือ ตำราจีนเรียกว่า หยิน-หยาง ไม่บาลานซ์
ร่างการเสียสมดุลย์ ทั้ง กายหยาบ และกายใน /กายทิพย์
............................................................
ก็เลยตัดสินใช่วยแก้ ปัญหา โดยกำหนดจิตให้มั่น
แบ่งกาย วิษณุ ออกเป็น ซ้าย กับขวา.
.แยกกันเป็นอิสระ.เหมือนแบ่ง ประเทศ..ไม่ยุ่งเกี่ยวกัน
..............................................................
พอแบ่ง ปั๊ป..รุ่งขึ้น "วิษณุ" มาแต่เช้า
สบายแล้ว อาจารย์
ข้างในไม่ทะเลาะกันแล้ว
แยก ข้างกันเลย
ซ้าย เขต พระศิวะ / ขวา พระ นารายณ์
ต่างองค์ ต่างแข่ง กัน ทำ คะแนน
สององค์ ร่วมมือ กัน..วิษณุ ก็เลย กลายเป็น ดับเบิ้ล เทวดา
...............................................................
ใครทำะไร ไว้ไม่ดี / คิด ไม่ดี / มีแผนคิด ไม่ดี/ ความลับแยะ
อย่าได้ เข้าใกล้ วิษณุ..เขาจะรู้หมด..แล้วจะ ด่า เอาด้วย
.................................................................
ขอเตือนๆๆๆๆๆๆ

 

ความคิดเห็นที่เหมือนกัน

คิดแบบเดียวกันเลยค่ะ
ตอนแรกคิดว่าสับสนอยู่คนเดียว

ขณะนี้ดิฉันรับราชการที่จังหวัดกระบี่ค่ะ

มีเรื่องมาเล่าให้ฟังค่ะ ปี2549 ไปเชียงใหม่มาค่ะ ไปที่วัดๆหนึ่งต้องเดินขึ้นเขาไปไกลค่ะ รู้สึกเหนื่อยมาก เลยนั่งพักที่ป้อมยามเล็กๆเหยียดเท้าไปข้างหน้า รู้สึกเหมือนมีใครมองด้วยความเคียดแค้น โกรธๆ ทั้งๆที่ไม่มีใครอยู่ในบริเวณนั้นเลยค่ะ

เลยเดินตรงออกไปดูพบว่า มี่รูปปั้นพระแม่ธรณีกำลังบีบมวย แต่หญ้าบังเอาไว้ เลยขออภัยตามธรรมเนียม
กลับจากเชียงใหม่ไปเที่ยววัดแก้วฟ้ากับคุณทรู และน้องนกน้อย เจอคุณกาหลิบ(น่าจะใช่ อ.โคมฉาย)ตามไปสมทบด้วยด้วย ที่นี่มีองค์พระพิฆเณศดูขลัง อลังการณ์ดี ในฐานะศิษย์เก่า ม.ศิลปากร เลยกราบท่านงามๆ กราบท่านด้วยใจ
กลับมาหา อ.อาชวินทร์ ที่จ.นนทบุรี อ.อาชวินทร์ บอกว่ามีเทพคุ้มครองสามองค์ (เดิมมีพระแม่ลักษมีองค์เดียว) มีพระพิฆเณศ พระแม่ลักษมี และพระแม่ธรณี ค่ะ เลยร่วมทำบุญไถ่ชีวติโค-กระบือไปค่ะ

ปีนี้ไปงานมหกรรมวิทย์5-7 ธํนวาคม 2551 ที่ผ่านมา
ไปถ่ายภาพออร่ามาค่ะ (ครั้งที่ 2 ครั้งแรกถ่ายในปี 2549 อยู่ที่ภาพแทนตัวภาพล่างด้านซ้ายมือไงคะค่ะ)ปีนี้ออร่าเปลี่ยนมีสีม่วงมากกว่าปี 2549 แต่ที่น่าสังเกตุมีรอยเว้าที่ด้านบน 3 อัน

ปีนี้ก็เช่นกัน พอแวะไปหาอ.อาชวินทร์ อ.ดูภาพออร่าแล้วบอกว่ามีเทพคุ้มครอง 3 องค์ แต่พอดูแล้วรอยเว้าด้านบนตรงกันค่ะ

แล้วจะมาเล่าเรื่องประสบการณ์พระแม่ลักษมีให้ฟังค่ะ

 

สวัสดีปีใหม่ ขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัีย จงดลบันดาลให้ อาจารย์ตาที่สาม และ
เพื่อนๆสมาชิกทั้งหลาย มีแต่ความสุขกาย สบายใจ คิดหวังอะไรได้ตามใจหวังนะคะ

ไปต่างจังหวัดชาร์ทแบ็ตมาเต็มที่ หุๆ หยุดยาวก็รู้สึกขี้เกียจนิ เพิ่งได้เจอพี่มีนตอนวันวิทยาศาสตร์
คราวที่ผ่านมา รู้จักกันแต่ทางเวปบอร์ดสมัยอ่านเรื่อง อ.ตาที่สามห้องลึกลับพันทิพ แล้ว
งานวันนั้นก็ถ่ายรูปออร่าระหว่างรอคิว แล้วค่อยก็มาตรวจกับอาจารย์ หุๆ อาจารย์อธิบายได้
ละเอียดกว่าที่บูธเจ้าของกล้องเสียอีก แต่ถ่ายด้วยกล้องแพงกว่า 2เท่า 400 ส่วนอาจารย์
พูดซะเยอะ 200 คุ้มเลยเรา

ส่วนเทพคุ้มครองของข้าน้อย ไม่รู้ทำไมเปลี่ยนทุกปีเลย รอพี่มีนเล่าเรื่องพระแม่ลักษมีค่ะ
ปีนี้เป็นเทพคุ้มครองสะด้วย แต่ตอนท่านมาให้พร ตัวกลมก็ขนแขนขนขาสแตนอัพ

เต๊ะจุ๊ยมีเรื่องมาเล่ายาวเลย ดีจังเลยนะคะที่สุดท้ายก็มาเจอคนที่ช่วยแก้ไขได้ ยังไงก็ให้แฟน
ทำบุญไปให้เจ้างูกัปปะที่ทำให้เราเจ็บขา เจ็บท้องด้วย ถ้าไม่เคยทำเขามาก่อน เขาก็คงไม่มา
เป็นนายเวรให้เราเจ็บอย่างที่เคยเป็น

เรื่องเจอชาวทิพย์นี่ ตัวกลมๆยังทำใจไม่ค่อยได้ แบบว่า มันเหมือนคนช็อค นิ่ง ขนหัวตั้ง
หัวใจเต้นเร็ว ก็พยายามคิดว่า ตัวก็เคยเป็นผี ยังจะมากลัวผีอีก ถ้าเห็นแบบอาจารย์ หรือท่านอื่นๆที่เล่ามา ก็ยังไม่แน่ใจว่าจะชินหรือเปล่านะคะ

 

แวะเข้ามาอ่าน..
คุณ ตัวกลมๆ เล่า เรื่องเก่าๆๆ
ชื่อ มีน / ทรุ / นกน้อย..3 ท่านนี่ ชินๆๆหู
เคยพบกัน เมื่อ 3-4 ปี ที่ ผ่านมา
................................................
ถ้าจำไม่ผิด น่า จะเป็น ก๊วนหนึ่ง ที่ อ. พาไปทัวร์
วัด สังฆทาน และ วัดแก้วฟ้า บางกรวย..แล้วถ่ายรูปหมู่ไว้
ชุดนี้ ตัวกลมๆๆ เป็น มือ กล้อง..วิ่งถ่ายไม่หยุด
คุณนกน้อย จำง่าย..ตัวผอมๆๆ ทำงานอยู่แถว สีลม/ สามย่าน
คุณ ทรู ก็ผอมๆๆ..ศาสนาคริสต์..????
คุณ มีน..สันทัด ดำ แดง ????..พูดน้อย
ใช่ใหม ครับ..เพราะ นานมาแล้ว
.................................................................

 

เรื่องเล่า ก่อนนอนคืนนี้ เรื่องที่ สิบสาม
มนต์มหาเสน่ห์
.................................................

ในวันปีใหม่ ทุกปี..พอเปิด ขึ้นมา
ผู้คนที่ รู้จัก และนับถือ จะพากันมา สังสรรค์และเยี่ยม อวยพร แก่กัน
ที่ ชมรมคนตาทิพย์ บู๊ธ 042..สถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน กำแพงเพชร
ทะยอยกันมา ตั้งแต่ วันที่ 2 /3/4 และ น่า จะ 5 มค. 52 ด้วย
..........................................................................
บางคนไปเที่ยว ต่างจังหวัด ที่ ชอบ และอยากไป
และเมื่อกลับมา ก็ ชอบที่จะซื้อ ของดี พวกโอท๊อป
หรือ ของดี ประจำแต่ละจังหวัด..มาฝากที่บู๊ธ
เกือบ 90 % มักเป็นพวก กลุ่มอาหารแห้ง ที่เก็บได้ หลายวัน
..................................................................
จากเหนือ ก็จะเป็น แคบหมู / หมูหย่อ /ขนมเปี๊ยะ เจ้าดัง

จาก อิสาน..ก็จะเป็น ถั่วตัด /หมูแผ่น /หมู หยอง/
ไก่ อบ.กุนเชียง....จาก ขอนแก่น โคราช

จาก ตะวันออก ก็จะเป็น ข้าวหลาม หนองมน/ขนมจาก/ขนมกรอบ

จากใต้ ก็จะเป็น..ลูกหยี / มะม่วงหิมพานต์/ กล้วยเล็บมือ นาง..ปลาหมึก แห้ง
...................................................................................

 

Server ทำงานหนัก..จอค้าง..ต้องหยุดเล่น ก่อน ละ ครับ

 

ของฝากเหล่า นี้ ดูๆๆก็เป็นของธรรมดา
ที่ผู้ที่นับถือ จะซื้อกลับมาฝาก จาก ต่างจังหวัด ที่ ตนไปเที่ยวมา
เวลากลับมาแล้ว ก็ แวะ ที่ฐู๊ธ 042 บนสถานีรถไฟฟ้า ใต้ดิน กำแพงเพชร
...........................................................................
ที่ นั่น จะมีผู้ที่ มีพลังจิตสูงมากๆๆ มาร่วมกลุ่มสนทนา
เพื่อ แลกเปี่ยน และรับรู้เรื่อง ใหม่ๆๆ ที่ประเทืองปัญญาได้
กลุ่มคนเหล่า นี้ มักจะผลัดกันมา พร้อมๆๆ กัน4-5 คน สลับกันไป
...........................................................................
พอมีของแปลก / อาหารแปลก มาวาง
ซึ่งส่วนใหญ่ จะเป็น ของ กิน และ พระเครื่อง วัตถุบูชา.ให้สัมผัส
แต่ละคน พอ แตะ ปั๊ป จะรู้ทันที ว่า สิ่งนั้น มีพลัง หรือ ไม่
เป็น ของ ปลอม หรือ เปล่า
................................................................................
ถ้าเป็นของกิน..พอแตะ ปั๊ป ก็ จะรู้ทันที ว่า กินได้ หรือ ไม่
มีของแปลก มาให้ ชิม..พบว่า กินได้ บ้าง ..ไม่ได้ บ้าง
ที่ กินไม่ได้..ไม่ได้ แปลว่า เป็น ของ บูดเน่า
แต่เป็น ของ ที่ ถูกกระทำมา...ส่วนใหญ่ เป็น พวกมนต์เสน่ห์
กินเข้าไป..เดี๋ยว มีเรื่อง..ต้องแก้กันวุ่นวาย
เลยแก้ไข..โดยการไม่กิน..ส่งตรงลงถังขยะ
ถ้า หมาเอาไป กิน..หมาคงไม่เป็นไร..
เพราะ เขาใส่เสน่ห์ สำหรับคน
.............................................................................

 

มีหลายชิ้น ที่พบว่า มีการกระทำ มา
ล่าสุด ที่พบกันวันนี้ (4มค 52)
ของฝาก จาก คนกลับจากทางเหนือ
คือ ขนม"โมจิ" จาก นครสวรรค์
.................................................
ขนมโมจิ ที่ ว่า หน้า ตากลมๆๆ คล้ายขนมเปี๊ยะ ที่ มีขนาดเล็ก
แต่ใส้ในเป็น สูตร แบบเอามาจาก ประเทศ ญี่ปุ่น
เรียก ขนมโมจิ เช่นกัน..
ที่ญี่ปุ่นมีขนมโมจิ ที่ ทำเป็น กล้วยหอมเป็นใบๆๆ
มองดู เหมือนกล้วยหอม จริงๆๆ
กินแล้ว หอม และ อร่อย มาก
น่า จะมีคน ไป ลอก แบบเอามาทำขายในประเทศ ไทย
รับรอง ว่า..จะตีตลาด ขนมโมจิ
แบบ ขนมเปี๊ยะ ที่มีอยู่เดิมขาด ลอย
........................................................................
เมื่อประมาณ กว่า 30 ปี มาแล้ว
มีแม่ค้า เชื้อ สายจีน สมอง ใส..
คิด ทำ ขนมโมจิ สูตรญี่ปุ่น..ขึ้นมาขายที่ นครสวรรค์
ทนขายอยู่ หลายปี กว่า จะติด ตลาด..เพราะ ที่ยากเนื่องจาก
เหมือนขนมเปี๊ยะ ที่ ดังๆๆ อยู่ แล้ว หลายเจ้า ทั่วประเทศ
ผู้คน จึงไม่ชิน
..........................................................................

 

เวลาผ่านมา..ขนมโมจิ จึงเป็นที่ รู้จักกันทั่วไป
เจ้ เจ้าแรก..ตอนต่อ มาจึง ขายดี เทน้ำ เทท่า
พอ ขายดี..คนอื่นๆๆ ที่อยู่ ใกล้ บนถนน สายเดียวกัน.
.ก็เอามั่ง เพราะ อยาก รวย..มีมากมายเกือบ สิบเจ้าในปัจจุบัน
.....................................................
เมื่อ มีมากเจ้า..ก็เกิด การแย่ง ตลาด
คนที่ มาก่อน..ใครก็รู้ จัก และเชื่อในคุณ ภาพ..ก็ขายดี ต่อไป
....................................................................
แล้ว...พวกหน้าใหม่..ล่ะ..จะทำยังไงจึงจะ ขายแข่ง กับ เขาได้
สูตรเดิมๆๆ ก็ มา.."..เมื่อไม่ได้ กล..ก็ต้องใช้ มนต์ คาถา.."
ก็ไป แสวงหา วัด หา หลวงพ่อ ดัง ด้าน ทำ เสน่ห์/ ให้ คนติด
.........................................................................
หลวงปู่ หลวงพ่อ ในปัจจุบัน ก็ แสนเก่ง กาจ
ทั้งปลุก ทั้งเสก ทั้ง ผ้ายันต์ วัตถุบูชา..ที่ ทำให้ ขายดี..ได้ จริงๆๆ
ร้านใหม่ๆๆ..ก็พอ สู้ได้ ในการขาย..แข่งกับ ร้านเก่า
........................................................................
มนต์เสน่ห์ที่ ทำทุกวิถีทางที่จะใส่ลงในอาหาร.
.เมื่อลงไปในของที่ จะขายแล้ว..ก็จะมีอาถรรพ์.
.ทำให้ คนซื้อไป กิน ต้องกลับมาซื้แ ที่ ร้านนั้นใหม่
เหมือนคนถูกของ
............................................................
พวกเราหลายคน ทีมีตาทิพย์ ก็ ช่วยกันมอง
ว่า..มนต์เสน่ห็ ที่ ว่า..มันมีกลไก...ในการทำเสน่ห์ ยังไง
ก็ช่วยกันมอง..ก็จะเห็น เส้นใยใสๆๆเส้นเล็กๆๆ อยู่ในโมจิ ที ว่า
พอใครกินเข้าไป..มันก็เหมือน เราเป็นปลาอมเบ็ดไว้ในปาก
เขาสามารถ ผูกมัด สาวเรากลับไปหาเขาได้
..................................................................

 

ขบวนการแบบนี้.เท่าที่พบ..ไม่ได้ มีเฉพาะกลุ่มของกิน
มีทุก สินค้า ที่เราต้องกิน ต้องใช้..และ มีคนผลิตมากราย
มีการแย่ง ตลาดสูง..เพื่อ ความอยู่รอด
.............................................................
เท่าที่ พบมีมาก..แต่จะขอเล่า บางส่วน.เพื่อเป็นความรู้
ของชำร่วยแต่งงาน..มีการแข่งขันสูง..
เพราะ นานๆๆ จึงจะมีคู่แต่ง แบบไฮโซ..แกรนด์
สั่งของ ชำรวยที ละ 2000-3000 ชิ้น
...............................................................
ทำยังไง จะ ขายได้ อีก ล่ะ...ก็ไปหาอาจารย์ ทำเสน่ห์.
.ใส่ในของ ชำร่วยทุกชิ้น
พอถึงวันงาน..ก็แจก แขก ทั้งหมด ที่ มา
ประมาณ 3/4 จะเป็น หนุ่มสาว ที่ มาในงาน และ ยังไม่ได้ แต่งงาน
พอได้ ก็ เอากลับบ้าน..ใส่ตู้ โชว์ ของที่ ระลึก
พอ ตัวเองจะแต่งมั่ง...เอาสั่งของ ชำร่วย ร้านไหนดี หว่า
ก็ ต้องมาดู ที่ตู้โชว์..หยิบมาดูทีละชิ้น..และดู ชื่อ ร้านที่ ทำ
พอ แตะก็เสร็จ มนต์ มหาเสน่ห์ ที่เขาใส่ไว้ในของนั้น
...................................................................
เวลา พวกพลังจิต ไป ตรวจบ้าน ตรวจฮวงจุ๊ย..
จะเจอ ของ พวก นี้ แยะ
ถ้ามี มากๆๆ จะทำให้ บ้านเสื่อม..
ผู้ อยู่ อาศัย ไม่เจริญ..เพราะ เสมือน ถูกของ นั่นเอง

ดังนั้นผู้ใด พอมีพลังจิต อยู่ บ้
ลอง เอา ของ ชำร่วยที่คาด ว่า แต่ละบ้านจะมีไม่น้อยกว่า 20 ชิ้น
มาสัมผัสดู..ถ้า มีอาการอึด อัด หายใจไม่ออก / เหมือน ถูกบีบ คอ
ใจสั่นหวิวๆๆ จะเป็น ลม...นั่นเขาแหล่ะ..โยนทิ้งได้ เลย
..........................................................................
อย่า แจก ต่อ..ทำลายดีที่ สุด..ถ้าลงถัง ขยะไม่ได้ ทำลาย
ที่ปลายทาง ชุมทางขยะ..จะมีหมู่ คนมาคุ้ย ขยะ เอาไปขาย
จะเอาไปไว้ในบ้าน..บ้านก็ จะเป็น โรคติด ต่อ เสื่อมตามไปด้วย
..........................................................................

 

สองสัปดาห์ ที่ผ่านมา กลาง ธค 51
ก็พบมนต์เสน่ห์ อีกราย..คราวนี้ เล่นแรง ตามที่ได้ เคยเล่าไป แล้ว
คือ ตลาดสดแห่งหนึ่งในซอย อ่อนนุช
ในตลาด มี เขียงหมู อยู่ สามเจ้า..หัว กลาง และ ท้าย ตลาด
เจ้า หัว กับ ท้าย ตลาด ยืนหงอย ไม่มีคนมาซื้อ
แต่เจ้ากลาง คนยืนรอ คิว 4-5 ตลอด เวลา
เราจะเดินผ่านก็ ยาก..เพราะ คิวยืนสองฝาก
.......................................................
ที่แรก ก็สังเกตุว่า คนยืนรอ..
วันต่อ มา..คนรอ อีก ก็ แปลกใจ.
เพราะ เขียงหมู อีก สอง เจ้า..ก็ ขายหมู เหมือน กัน ราคาเดียวกัน
แต่ทำไม..คนไม่ซื้อ
และต่อ มาได้ ข้อมูลว่า
ตอนเช้า ถึง บ่ายเศษ..เจ้ากลางที่ ว่า จะขายหมด และปิด ร้าน
ต่อ จากนั้น..สอง ร้านที่ ว่า จึง จะ ขายได้
................................................................
พอ วันที่ สาม เราก็ ไป ยืนเพ่ง ดู ว่า..มันเป็นยังไง
ทำไม เจ้า นี้ จึงขายดี นัก
พอ เพ่ง ดู ก็ เข้าใจได้ ทันที
เขียงหมู ที่ ว่า ขายดี นี้..ใช้ มนต์เสน่ห์
เป็น มนต์ ที่ แรงและน่ากลัว
..............................................................
จากเขียงทั้งร้าน..เรามองเห็น สายใสๆๆ ขนาดเล็ก ในอีกมิติ
ที่ ยืดออกมา..และที่ปลายสาย..มีขอเบ็ดตกปลา
เสียบอยู่ ที่กระดูก สันหลัง..ระดับเอว
ไอ้สายที่ ว่า..พอคนเดินออกไป...มันสามารถสาวคนกลับมาได้
เหมือนคนสาวปลาติดเบ็ด...คนที่ ถูกเบ็ด อาคมเกี่ยวหลังไว้
จึงไม่สามารถไปซื้อ หมู ที่เขียงอื่นได้..ด้วยประการฉะนี้
......................................................................