เรื่องเล่า ก่อนนอนคืนนี้..ของเหล่าคนผู้มีตาทิพย์

ฟังเรื่องเล่า ไป เชียงใหม่ ของ " วิษณุ"
เตือนเขาก่อนไป ว่า..ให้ระวังมากๆๆ
เพราะในอดีต ที่ผ่านมากว่า 700 ปี..เชียงใหม่ เป็นของพม่า
คนไทยสยามบุกเข้าตีเชียงใหม่..ตีเชียงใหม่แตก.
.วิษณุ ก็เป็น ทหารสยาม ในตอนนั้น
ไปตั้งค่าย และฆ่า ทหารพม่า ไว้แยะ
................................................
วิญญาณ เขารออยู่..พอโผล่ไป คนเดียว..จึงถูกกรุมยำแทบเละ
บอกเคล็ดให้เขาว่า...ที่ ปาย ตรง วัด น้ำฮู้.
.มีศาล สมเด็จพระนเรศวร พร้อม หน้า ทั้งองค์ดำ องค์ ขาว
กำลัง ทำพิธี หลั่งน้ำสิโนทก..ประกาศ..ไม่ขื้นกับพม่า
และทรง ชนช้าง กระทำยุทธหัตถี..ชนะ พระมหาอุปราช..พม่า เลยแพ้
..................................................................
ให้ขอพร และ เอามือ รอง ที่ น้ำ ทีทพระองค์กำลัง เท น้ำ หลั่งสิโยทก
แล้ว เอามาลูบหัวใส่ตัว
....................................................................
พอได้ ที่ ก็ กลับมา เชียงใหม่ อีก ที..
.วิญญาณ พม่า ที่รุมล้อม..ไม่กล้า มารุมยำเละ..หมือย ตอนแรก
เพราะ แพ้ ทาง ฤทธิ ของ สมเด็จ พระ นเรศวร นั่นเอง
.............................................................
ต่อ ไป กลุ่ม นักพลัง จิต..เมื้อไป ที่ เชียงใหม่ /พิษณุโลก
มีอาการเวียนหัว/ ท้องเสีย ตลอด...ก็แปลว่า.ในอดีตชาติ
เคยฆ่าพม่า มาก่อน...ต้องแก้เคล้ด..
ด้วยการไป ขอพร จาก สมเด้จ พระ นเรศวร มหาราช
ที วัดน้ำ ฮู้ อำเภอ ปาย..บนเส้นทางไป แม่ฮ่องสอน

 

00ท่านพี่มังกร00

คงเป็นจังหวะไม่ดี ที่พี่นึกอยากจะรู้จัก แวะมาเยี่ยมเยือน
บางครั้งผู้ เจริญวิชาใด วิชาหนึ่ง หรือแม้แต่การ เจริญ-ไล่ฌาณขั้นสูง
ก็ก่อให้เกิดสนามพลังชนิดหนึ่งรอบบริเวณ

เคยมีกรณีที่ คนอยากลองดู เพราะไม่เชื่อ
ไปนั่งสมาธิติดกับผู้ที่กำลังสูง
ก็เกิดปฏิกิริยา เหมือนไฟฟ้าช๊อต
นี่เรื่องจริง คนโดนช๊อตโดนจริง

เมื่อพลังสองสายปะทะกัน จึงเกิดการแปรปรวนได้
ถ้าหากไปเจอผู้ที่เก่งมากๆ ลมฟ้าฝนก็เปลื่ยนแปลงได้

ฝากบอกน้องที่กำลังฝึกและชอบสายฤทธิ์
ว่า การสอดส่องผู้อื่นนั้นไม่ใช่จะปลอดภัยเสมอ
ถึงแม้ว่า เขาเหล่านั้นไม่มีเจตนาก็ตามที
หากไปในขณะที่เขาผู้นั้นกำลังเจริญเมตตาอยู่ก็คงไม่มีอะไร

หากอยากแวะเยี่ยมผู้ใด อราธนา พระครูอาจารย์นำหน้า
จะปลอดภัยกว่า
บางบ้านมีเจ้าที่เป็นยักษ์ บางมีเป็นเทวดา บางก็เลี้ยงผี เต็มไปหมด
บางก็มีพญานาค บางก็มีการลองวิชาในด้านไสย์ บางก็เจ้ากรรมนายเวรเพียบ

หากเราอยากไปเยี่ยมใคร และติดต่อกับเจ้าตัวไม่ได้
ก็ควรแน่ใจว่าเราเห็น-รู้ถึง เจ้าที่- เทวดา
แล้วขออนุญาติท่าน จึงจะปลอดภัย
หากยังไม่สามารถมองเห็นหรือสนทนากับเจ้าที่ต่างๆได้
ก็ไม่อยากแนะนำให้ถอดจิต หรือ ไปไหนไกล ๆ

เรื่องพวกนี้ หากใครชอบศึกษา จะพบว่า มีการบันทึกมาเป็นประวัติศาสตร์
ตั้งแต่ในรั้วในวัง เจ้าขุนมูลนาย นักรบ หรือแม้แต่พระ


ด้วยความเคารพเช่นกัน

 

มิน่าล่ะ
เมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว
ตอนที่ไปเชียงใหม่
ไม่ว่าจะไปที่ไหนในเชียงใหม่
ผมถึงได้เหม็นแต่กลิ่นศพ ตลอดสัปดาห์เลย...

ตั้งแต่นั้นมา ไม่กล้าไปอีกเลยครับ กลัว

 

รออาจารญ์มาเล่าต่อเนอะ

 

เพิ่งจบจากงาน ทั้งงานหลวง งานราช..ก็พอมีเวลาว่าง
ก็จะมาเล่า ต่อ ไปเรื่อยๆๆ จากที่ มีอยู่กว่า 100 เรื่อง.
.คงจะเป็นหนังยาว อีก ครั้ง..ยาวแต่สนุกก็น่าตาม..จะได้ รู้ อะไร ดีดี แยะ

เรื่องเล่า ก่อนนอน คืนนี้ ตอนที่ 7
ทีแรกว่า จะเล่า เรื่อง เบื้องหลังการยุทธหัตถี
ของ สมเด็จ พระ นเรศวร มหาราช ในการ ชนช้าง กับ พระมหาอุปราชา
และพระองค์เป็นผู้ชนะ.
.และ ทำให้ สยาม ปลดแอกจากพม่า หรือ ตะเลง..ได้ อย่างเด็ดขาด
ก็พอดี..มีคน มาตามอ่านเรื่อง งานถวายพระศพ
สมเด็จพระพี่ นางเจ้าฟ้า กัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์
ซึ่งรายละเอียด ได้ เล่า ไปแล้ว ตั้งแต่ตอนที่ 6
..................................................................................
ผู้ที่ ยังไม่ได้ อ่าน ก็ ไม่ต้องกลับไปอ่าน.
.เห็นคุณ "วิษณู " เอาขึ้นมาทบทวน
และทวงเรื่อง ที่ได้ บอกไว้ว่า จะมาเล่าต่อ
....................................................................................

 

เรื่องเล่า ก่อนนอนคืนนี้ ของ ตาที่สาม เรื่องที่ 7
การถวายเพลิง พระศพ สมเด็จพระพี่นางเธอ ฯ...( ภาคสวรรค์)

เช้า วันที่ 16 พย 2551
ขณะที่ เบื้องล่าง เริ่ม อัญเชิญ พระโกศ ออกมา นอก วัง
และ ทำการประกอบ พระโกศ และ เตรื่อง อิสริยยส อย่างเต็ม แบบ
ราชประเพณี ปฏืบัติ แบบโบราณ บนท้อง ถนน มหาราช
ผู้ชมทางบ้าน และ ผู้คนทั้งโลก ได้ เห็น
วิธีการ ราชประเพณือย่างสมบูรณ์แบบ และ ส่ง่า งาม สมพระเกรียรติยศ
.......................................................................
ก่อนหน้า ..นั้น
พระวิญญาณ ของ พระพั่นางเธอฯ ซึ่งมีแต่ธาตุ ลม
โดยพระศพ เหลือเพียง ธาตุดิน และธาตุ น้ำ
ที่ ยังค้างอยู่ รอการ ถวายพระเพลิง
..................................................................
ธาตุไฟ ได้ แตกสลายออกไปก่อน...พระวรกายพระศพ จึง นิ่ง และ เย็น
พระศพ ยังคงบรรทม อยู่ในพระโกศ ที่เป็น โลง ยาว..
ไม่ได้ประทับ นั่งอยู่ในโกศ..ที่ออกในทางสุง
เป็น พระประสงค์ ของ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่จะให้องค์ พระเซษฐภคินินาถ
ทรงบรรทมยาว สบายๆๆ เช่นเดียวกับ งานถวายพระเพลิง สมเด็จย่า.
.ที่เป็นงานใหญ่มาก่อนก่อนหน้านั้น
........................................................................
ดังนั้น พิธีการอัญเชิญ พระโกศ ไป ตามริ้ว ขบวนทั้งหมด..
จึงเป็นการเคลื่อน ขบวน กอง อืสะริยศ.อย่างสมพระเกีรติ.
โดยพระศพ ยังคงอยู่ ที่ ปราสาทมหาดุสิต.
.รอการขนย้ายในการถวายพระเพลิง จริง ในตอน หลัง
....................................................................

 

จากการมองในอีกมิติ..ที่เป็นภาคสวรรค์
ขณะที่ พิธีเบื้องล่างกำลัง ดำเนินการ ย้ายพระโกศ ออก ไป ด้านนอก
พระวิญญาณ พระพี่นางเธอ ฯ ในชุดขาวสะอาด
ได้ ลอย อย่างช้าๆๆ ออกมาจาก ปราสาท มหาดุสิต..
ลอยไปสายลม อย่างบางเบา
.................................................................
จุดแรก ที่ ทรงเสด็จ คือ
ลอยเข้าไป ยัง อุโบสถ์ วัดพระแก้ว มรกต..อันศักดิ์ยิ่ง
ณ ที่ นั้น..สูงในระดับ ประมาณ 1.20 เมตร
มีแถวของ เทพ เทวดา ประมาณ 120-140 องค์
ลอย เรียงกันเป็น แถว สอง ข้างทางเสด็จ
....................................................
เทวดา ทั้งหมด เป้น เทวดา ที่ มาเฝ้า ประจำ
อยู่ โดบรอบ อุโบสถ วัดพระแก้ว
และได้ ปฏิบัติ ธรรม และเสริม บารมีของ ตนเองมานานแล้ว
เทวดา เหล่า นี้ สถิตย์ อยู่ ตามชายคาของ พระ อุโบสถ
......................................................................
เหล่า เทวดา..แต่งองค์ ในชุดขาว แบบเสื้อ ครุย ยาว ด้วยไหมเงิน
ใส่หมวก ทรงสุง แบบกรวยแหลม
เช่น การแต่งกายของ ราชฑูต สยามไสมัยป ฝรั่งเศล ยุค
สมเด็จ พระนารายณ์ มหาราช.
.แต่ ความยาวของ หมวก ที่ เรียกว่า ลอมบ๊อก Lmbogนั้น สั้นกว่า
...................................................................

 

อ่า...อ่านแล้ว เหมือนอ่านนิยายเลยค่ะ บรรยายซะเห็นภาพคิดว่าเราอยู่สวรรค์ด้วยเลยอ่ะ
เคลิ้มไปเหมือนกันนะ ต่อๆๆๆ ค่ะ กำลังเคลิ้มเลย

 

เมื่อ ลอยเข้าไป ในอุโบสถ.
.พระพี่ นางเธอฯ ก็ ทรง ลอย ต่ำ ลงมาอยู่ในระดับพื้น ปกติ
ทรงคุกพระณุ ลง..
กราบงาม พระแก้ว มรกต ที่ เรือง แสงสีเขียวมรกต.
.สว่าง ขึ้นเป็นการต้อนรับ
.."...ลูกมากราบ ขอ ลา..องค์พระแก้ว ผู้เป็นมิ่งขวัญ แก่ ประชาราษฏ์
ที่ ทรงแผ่ไพศาล ออกไปอย่างกว้างขวางและมากด้วย พระบารมี
บัดนี้..ถึงเวลา ที่ ลูกจะต้องกลับไป ยัง เบื้องบน แล้ว
..ลูก จึงมาขอกราบลา..และ ขอให้ พระแก้ว มรกต ได้โปรด
ทรงมีพระเมตตา ต่อ มวลชนขาวไทยสยาม.
.สืบต่อไปด้วยเถิดต่อไป ด้วยเถิด"..

ทรงติดต่อ..ด้วยพระกระแสแห่งจิต....
เมื่อได้ เวลา..ก็ ถวาย บังคมลา อย่าง งาม อีกสามครั้ง
ทรง ประทับยืน..แล้ว ลอย พระองค์ออกมาทางประตูอุโบสถ เบื้อง ขวา
..........................................................................

 

ทรงลอยออกมาด้านนอก อุโบสถ วัดพระแก้ว มรกต
แถว เทวดา มีการแปร ขบวนรอ เรียบร้อยแล้ว
แถวเรียง โค้ง ไป ยัง ประสาทพระเทพบิดร
.......................................................
ประสาทหระเทพบิดร เป็น มหาปราสาท
ที่ ประทับ ของรูป และ พระสริงคาร บางส่วน
ของ บรรพ์ปฐม บรมพระมหากษัตริย์ ตั้งแต่ ต้น ราชวงศ์ จักรี
ตั้งแต่ รัชกาลที่ 1 เรื่อยมา.. จนถึงรัชกาลปัจจุบัน
..........................................................
พระวิญญาณ ลอย องค์ อย่าง ช้าๆๆ เข้าไปในมหาปราสาท พระเทพบิดร
เพื่อ ทรง ถวายบังคมกราบลา..บรรพชนม์ ของ สกุล ราชงวงศ์จักรี
อันเป้น ธรรมปฏิบิติ..เมื่อ จะไป..จะมา ก็ ต้องไหว้
......................................................................
กราบลาเสร็จ..ก็ลอยองค์ ตามขบวนพระโกศจริง ที่ นำอยู่ ข้างล่าง
ลอยผ่าน ประตูวัง ศรีสุนทรซึ่งเป็น ชั้นใน
และออกมา มายัง ประตู ชั้นนอก " ประตูเทวาภิรมย์ .."
ออกมาสู่ กลางถนน มหาราช...
ขณะที่เบื้องล่าง กำลัง ทำพิธี ประกอบพระโกศ ทอง
อย่างตั้งใจและระมัด ระวัง..
.หลังจากที่ได้ มีการซ้อมจริง มาไม่นเอยกว่า สาม ครั้งแล้ว
.............................................................
เมื่อ ลอยองค์ออกมา..
ณ ที่กลางถนน..ในตำแหน่ง ของ การประกอบ พระโกศ
ด้านบน มี บุษบกแก้ว คันงาม ลอยอยู่
บุษบกแก้ว งามระยับ ด้วยแสงแห่งเพชร.วูบวาบ
กระจายสีรุ้งออกมาสู่ บริเวณ โดย รอบ
เป็นสวรรค ที่ จำแลง ลงมาอย่างสวยงาม
แบบที่ ตามนุษย์ ธรรมดา จะไม่เคยเห็น
นอกจาก จะตาย แล้ว ได้ ขึ้นสวรรค์
.......................................................
ขณะที่ด้านล่าง กำลัง ตั้ง ขบวนกองอิสริยยะญส ยาวเหยียด
มีกองหหาร กองม้า ทหารในชุดโบราณ /
ขบวนของ ราชวง้ศ์ที่ จะเดิน ตามเสด็จ
ทั้ง ด้านหน้า และ ด้านหลัง
..................................................................
ในที่ สูง ลอย ขึ้นไป ในอากาศ
จุดกลาง ที่เด่น เป็น สง่า คือ บุษบก แก้ว..ราชพาหนะ ลอย เลื่อน
ตรงกลาง เป็น ที่ประทับ..ของพระพี่นางเธอ..
ในทรงพระภูษ ขาวสะอาด ยาว.
.พระพักตรฺ มีความสง่า งาม ด้วยแรงบุญ..
ที่ได้ ทรง ปฏิบัติ ต่อ มวลชนชาวไทย
..............................................................
บรรดา เทพเทวา/ และ สิ่งศักดิ์ มีอำนาจ ก็ ออก มาตั้งแถว..เช่นกัน
คู่หน้า สุด..คือ ช้างเผือก คู่พระบารมี ราชวงศ์จักรี
ที่ เฝ้า อยู่ หน้า พระ ที่นั่ง จักรีมหาปราสาท
.......................................................................

 

จากช้างเผือคู่บารมี ราชวงศ์จะกรี
มีเชือกไหม ทอง โยงไป ยัง บุษบกแก้ว
อันเป็นที่ ประทับ ของ พระอ พั่นางเธอฯ
เส้นไหมทอง มี สอง ข้างๆ ละเส้น
การโยงเส้นใหม เป้นเพียงแค่ สัญญลักษณ์..
ไม่ได้ เป็น ที่ ลากโยง จูง จริงๆๆ.
.เพราะ ทุกอย่างมีแต่ธาตุลม..ลอยไปมาได้ อยู่แล้ว
โดยไม่ต้องออกแรงลากกันแม้แต่น้อย
........................................................
ด้านหน้า ตรงกลาง ขบวนแห่ง สวรรค์ คือ
หลวงปู่ ชีวก.โกมาลภัทท์..ที่ปกติ จะ ประทับ ช่วยรักษาโรค
แก่ ผู้ มาขอบุญ อยู่ ตรงหหน้า อุโบสถ วัดพระแก้ว
...........................................................
สองข้างเชือกไหมทอง..มีเทวดา ในชุดครุย ยาว.
.สวมหมวก กรวย ลอมบ๊อก..
ตั้งแถว จับเชือก อยู่ด้านนอก ข้าง ละ8 ทวดา
ทำหน้า ที่เป็น ประหนึ่ง..หน่วยรักษาความปลอด ภัย
............................................................
ท้ายขบวน..มีแถวยาว ของ บรรดา กินรี/ กินร/ คนธรรพ์/
โดยมี แถวเทวดา ที่เหลือ อีกกว่า ร้อยองค์..ยืนเรียงสาม
.ปิด ท้ายขบวน ด้วย ยักษ์ ขนาด ใหญ่ สุง กว่า3 เมตร
เป็นยักษ์ ที่เฝ้า ประตูเข้า ทั้ง4 ด้านของ วัดพระแก้ว มรกต
..............................................................
ขณะที่ เบื้อง ล่าง..กำลัง จะตั้งขบวนเสร้จ
และ จะเรื่ม เดิน ริ้ว ขบวนที่ หนึ่ง
........................................................
ด้านบนที่ สูง ขึ้นมา..
ขบวนบุษบกแก้ว พร้อม เทวดา / ช้างคู่บารมี/
และ ขบวนยักษฺ ปิด ท้าย..ก็ พร้อม ที่ จะเดิน ริ้ว ขบวนที่ หนึ่ง เช่นกัน
.........................................................................
เสียงแตรสัญญาณ เรื่มแล้ว
ริ้วขบวน ทั้ง บนพื้นดิน และ บนฟ้า เคลื่อนไป พร้อมๆๆ กัน
อย่างสวยที่ สุด แบบ โลกๆๆ และ สวยงามที่สุดแบบสวรรค์
..............................................................
ขบวนเริ่มเดินไป สู่จุดหมายที่ สอง คือ หน้า วันเชตุพน วิมลมังคลาราม
เพื่อ ไปต่อ กับ ริ้ว ขบวนที่ สอง ที่ รอ รับอยู่..ณ ที่ไม่ไกลนัก
.....................................................................

( จะมาต่อ อีก สอง ริ้ว ขบวน)

 

ขอบพระคุณอีกครั้งครับท่าน จันทรุปราคา...เรื่องถูกไฟฟ้าช๊อตจนสดุ้งทั้งตัว

เคยมีประสบการณ์แล้วครับ ผมได้แอบ P.M. ถามคุรุชยาและน้อง visnu

ซึ่งได้คำตอบตรงเหมือนท่าน...แต่อันที่จริงแล้ว ผมไม่เคยตั้งใจสอดส่อง

ใครเลยครับ คือไปเผลอนึกถึงชื่อของเขาเท่านั้นเอง


ต่อแต่นี้ไป ผมคงต้องระวังตัวเองให้มาก หากพลั้งเผลอไปล่วงเกินจิตที่เป็น

พระอริยะเข้า บาปกรรมคงตามมา มิน่าล่ะครับ... ถึงมีการสอนว่า ไม่ให้เอา

จิตออกนอกตัว ให้ดูรู้อยู่แต่ตัวเอง ขออนุโมทนาในความรู้ที่นำมาสอนครับ

 

เฮ้อ...เมื่อไหร่หนอ ผมจะเห็นแบบอาจารย์สามตาได้

เดี๋ยวพรุ่งนี้มังกือ มาปูเสื่อรอครับ

 

ต้วกลมไปงานเกษตรค่ะ เรื่องดูออร่า ไปดูกะอาจารย์ทุกปี เก็บแผ่นที่อ.ตรวจไว้
เทียบดูก็มีพลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ปีนี้เยอะแบบปรี้ดเลย จริงๆทีเกษตรที่จอดรถเยอะดีค่ะ แต่ว่าน่าจะมี
แผนที่มหา"ลัยหน่อย เข้าได้ตั้ง 4ประตู เข้าทางถ.วิภาวดีง่ายหน่อย

เพิ่งกลับเข้ามาอ่านได้ไม่นาน เวลาโพสหลุดมั่ง ไม่ได้มั่ง อาศัยอ่านเอา ทุกท่านเล่าได้สนุก สมกับหัวข้อเลย

หัวข้อเรื่องพญานาค จากหนังสือที่อ.บอกว่า เป็นสุภาพสตรี เฉลยในนี้ก็คือน้องปุี๊๊กกี้น่ะเอง
มิน่า เอานาคแถมมาพร้อมหินพญานาค(หินแม่น้ำ)ได้ กลมได้มาเหมือนกัน ป่านนี้ไปที่อื่นแล้วมั้งคะ
เพราะว่าไม่ได้เติมน้ำหรือบูชาเลย แต่ีที่แน่ใจว่ามี คือ เราสัมผัสที่แขนได้ และลูกสาวเขา
อยากเห็น พอไหว้พระเสร็จ เขาขอเห็น ตอนนอนเธอก็เลยละเมอหนีเขา(นาค) เขา็ก็ว่าอยากเห็นไม่ใช่เหรอ
อีกอย่างก็คือ ถ้าน้ำแห้งจากขันเมื่อไหร่ ผิวขาก็จะเป็นแบบเหมือนผื่น อะ ขี้กลากรึป่าว T_T พอเอาน้ำใส่
ก็หาย เป็นอย่างนี้ 3-4ครั้ง ก็เลยเอามาวางเฉยๆเลย ให้เขาไปที่ๆสะดวก แหะๆ หัวล้านได้หวีก็งี้แหละค่ะ

เรื่องงานพระพี่นาง เป็นเรื่องอัศจรรย์ค่ะสำหรับคนปกติ รู้สึกดีใจที่พระองค์จากไปอย่างงดงาม ในภูมิสูงกว่าเดิม
ขอบพระคุณที่อ.ตาที่สามเอามาเล่าค่ะ

 

ทำไมรอบกรุงศรีจึงปลูกต้นพุทรา

ได้ไปเที่ยวกรุงเก่าอาผม---เป็นหมอเห็นรอบกรุงเก่าปลูกต้นพุทราจึงหันมาถามเรา---จะรู้ไหมเนี่ย เขาสงสัยพม่าปลูกไว้กินผล---ก็เดินทางกลับกรุงเทพ---แยกกันแล้วเรานั่งรถเมล์มาติดหน้าเอกมัย---ตอนนั้นเป็นสหกรณ์เอกมัย รถติดมาก--เราจะไปอ่อนนุชแต่ร้อนมาก---ร้อนใจจึงลงมาหาห้องแอร์----เจอสหกรณ์เดินเข้าร้านหนังสือไปเจอของท่านหลวงพ่อจรัล อาจารย์เราเอง----มีเขียนเล่าเรื่องนี้พอดี----มีคนถามเหมือนกันเด๊ะ---จำได้ว่าแม่ชีเป็นคนตอบท่านตอบว่า-----ตอนพระนรเศวรชนช้างยุทธหัตถีนั้นและกำลังพลาดท่าเสียทีโดยเสยให้อยู่ข้างบนแล้วถอยกรูดมานั้น----เท้าหลังได้มายันตอพุทราไว้----จึงยันกลับไปได้----พระองค์ท่านจึงว่าต้นพุทรานี้มีคุณต่อเราทรงให้ปลูกไว้รอบกำแพงเมือง----ได้คำตอบวันนั้นเลย----ในหนังสือ พระนเรศวร ของทันตแพทย์สม บรรยายตอนนี้ไว้ละเอียดอีกแบบว่าตอน---พระนเรศยกง้าวจะฟันพระอุปราชนั้น---หูของช้างพระอุปราชนั้นบังไว้---พอพ้นหูจึงเพิ่งเห็นซึ่งมาถึงตัวแล้วจึงหลบไม่ทัน---เมื่อเห็นแม่ทัพตายจึงรุมยิง---กลางช้างพระเอกาฯ-พระนเรศจึงตาย---พระนเรศโดนที่พระหัตถ์ด้วย

 

หลังจากกลับไปที่หงสาวดี---พระพี่นางสุพรรณกัลยาก็รู้ตัวแต่คิดว่าเจ้าหงสาอาจเปลี่ยนใจหากเห็นตนกับลูก---จึงเอาสะไบลงแล้วนอนกับลูกน้อย---แต่ด้วยโทษะเจ้าหงสาจึงเดินเข้ามาในห้องแล้วฟันคอขาดทั้งสองในทันที---ส่วนนายทัพที่ไปด้วยให้ปิ้งย่างตายตกไปตามกัน

 

.............................เป็นคำเตือนที่ดีมากครับ .................ส่วนผม เลิกยุ่งกะชาวบ้านมานานแล้วครับ...........ดูตัวเองให้ดีก่อน ก่อนที่จะดูชาวบ้านเค้าดีที่สุดครับ...........;aa13

 

ยินดีต้อนรับพี่ชยาคร้าบบบ
ว่าแต่ว่า มาอุดรคราวนี้ สนุกบ่???

 

ผ่านหลายจังหวัด แวะกินกาแฟทุกที่ เรียกว่ากินเป็นอาชีพ แต่ ที่อร่อยที่สุด ก็ที่น้องโจเลี้ยงพี่นี่ล่ะครับ ปีหนึงได้พักผ่อนไม่กี่วันหรอกน่ะ สนุกมากครับ ขอบคุณในมิตรภาพและน้ำใจจากน้องมากครับ;aa13