เรื่องเล่า ก่อนนอนคืนนี้..ของเหล่าคนผู้มีตาทิพย์

อยากจะถามอ.สามตากับพี่ๆทั้งหลายอะครับ ว่าถ้าเราจะสื่อสารกับต้นไม้นี้ต้องทำอย่าไงหรือครับ
ความจริงไปที่บูทน่าจะได้คำตอบง่ายกว่า แต่ตอนนี้ทรัพย์จางคงต้องรอเดือนหน้า ไปหาแน่นอน

ช่วงนี้ผมลองนั่งสมาธิเยอะขึ้นเพราะว่างๆ แล้วเรื่องเสื้อผ้า ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่า ผ้าสีแดงจะรู้สึกอืดอัดมาก
พึงสังเกตตอนห่มผ้าผ่มสีแดง กับตอนไม่ห่ม ทดสอบหลายรอบอยู่เหมือนกัน ส่วนเรื่องกระทู้อ่านจิตข้ามฟ้า
ลองไปแอบอ่านแอบเล่นแต่ไม่ค่อยรู้เรื่องเพราะมึนหัวเลย แปลกจริงๆลองวัดพลังของแต่ละคนใน
กระทู้ห้องอื่นๆ สัมผัสมันไม่เท่ากันจริงๆ บางคนสบายๆ บางคนแน่นๆอืดอัด อึ้งเลย
แล้วระดับผมนี้พอจะฝึกอะไรได้มั่งละครับ ใจจริงอยากคุยกับต้นไม้และสัตว์มากกว่า

จริงน่าจะไปถามในกระทู้ตาที่สามอีกสองอัน แต่เห็น อ. บอกให้ปล่อยตกไป เลยมาถามทางนี้ครับ ขอบคุณมากครับ

 

เรื่องการสวดมนต์ในมุมมองผมก็แล้วกันครับ
เนื่องจาก มุึมมองของผมอาจจะไม่เหมือนคนอื่น เพราะผมเห็นบางอย่างที่คนอื่นมองไม่เห็น
ก็เล่าคร่าวๆแล้วกัน ผมก็เป็นคนที่สวดมนต์เป็นประจำ(เมื่อก่อน) หนังสือสวดมนต์ก็มีคนพิมพ์
แจกกันเยอะก็สวดไป อ่านไปบทนั้นดีอย่างนั้นดีอย่างนี้ สรุปดีหมด ก็สวดทั้งเล่มเลย ก็ใช้เวลา
ในการสวดมนต์ที่ละชั่วโมงครึ่งทุกวัน ก็ทำมาหลายปีไม่ได้คิดอะไรเพราะเราก็ไม่รู้และไม่เห็นอะไร
ก็ทำไปโดยนึกถึงว่าเป็น เรื่องของพุทธบริษัททั่วไป ต่อมาตอนได้อภิญาก็นังสมาธิอย่างเดียว
ไม่ได้สวดมนต์เลยเนึ่องจากตอนนั้นทุกข์มาก พอกลับมาสวดอีกทีเลยเห็นอะไรดีๆ ครับ
เนื่องจากเราท่องอ่านบทสวดมนต์ นะตอนนั้นจิตเราได้รวมเป็นอุปจาระในบ่างท่านจิตอาจะไปถึง
อรูปพรมห์ เมื่อจิตนิ่งขนาดนั้นรวมทั้งบทสวดเป็นการสรรเสริญพระพุทธองค์ ด้วยแล้ว เทพ เทวดา
และท่านผู้ที่เจริญด้วยบุญ ในสวรรค์ชั้นตั่งแต่เสมอดินจนถึงดุสิต ย่อมมาอนุโมธนาในบุญที่เราสร้าง
ยิ่งเรามีความตั่งมั้นที่จะทำกระแสบุญยิ่งแรง
เข้าเรื่องดีกว่า ผมสวดมนต์ ก็ตามบทเลยครับเริ่มปุ๊บ เทวดารุชเทวดารอบบ้านมาก่อนเลย
ต่อมาก็ชั้นสูงขึ้น เราจะรู้ได้ไงว่าสูงขึ้นเค้าก็ไม่มียศบอกด้วย ส่ฃิ่งที่บอกคือ แสงที่เราเห็น
คือค่อยๆสว่างจ้าขึ้นเลื่อยๆ กลิ่นหอมจางๆเย็นๆ ความรู้สึกอบอุ่น กระแสพวกนี้จะมามากขึ้น
ผมก็ไม่ได้สนใจเนื่องจากเรามีสมาธิในการสวดมนต์อยู่ แต่พอสวดมนต์เสร็จเท่านั้นแหละ
สิ่ที่เห็นคือ เทพเทวดาเต็มห้อง ไม่ได้ยืนเบียดกันอย่างที่เราคิด คือชึ่นที่มีบุญมากหน่อยก็จะอยู่
ใกล้ตัวเราที่สุด แล้วจึงเว้นตามลำดับไปในขนะนั้นต้องบอกเลยพวกที่ชั้นตำ่พวกผีหรือ
สัมเวสีไม่มีเลย เพราะอยู่ไม่ได้ แล้วพอเราเห็นท่านเราก็ต้องตั้งจิตเชิญท่านเหล่านั้นเพราะ
ในขนะที่เราสวดมนต์นั้นจิตจะถึงขั้นพรมห์ก็จริง แต่ด้วยเราเป็นมนุษย์แค่เพียงเรื่องที่เข้ามาในหัว
เราเรื่องเดียว จิตเราก็เกิดด่างพร้อยขึ้นทันที แล้วพอรู้ว่าจะเป็นเช่นนั้นเราจึงรีบส่งท่านเหล่านั้น
กลับขึ้นข้างบนก่อน เนื่องจากท่านเหล่านั้นเป็นผู้ที่มีศักดิ์ใหญ่ทางบุญการมาไปย่อมต้องน้องส่งและรับ
เป็นธรรมดา เราทำก็ได้บุญแล้วครับ ตอนแรกๆเห็นก็รู้สึกดี แต่แค่คิดว่าสมมุติเราไม่เห็นละ
มากันเต็มเลยแล้วถ้าเราไม่สำรวมละหรือทำอะไรที่ไม่ดีละ แค่คิดก็แย่ละ
เรื่องเล่า หรือทุกอย่างที่ผมเขียนนั้นเกิดขึ้นจากการเห็นและทำตาม ที่องค์พระสัมมาท่านได้สอน
ได้แสดงไว้ให้เราทราบแล้วทุกประการ ดังนั้นเราทำตามท่านย่อมสำเร็จได้ตามแต่เนื้อนาบุญ
ของแต่ละคน แต่ทุกอย่างต้องใช้ปัญญา แล้วปัญญาเกิดได้อย่างไรก็เกิดจากสมาธิ สมาธิก็เกิด
ได้จากการนั่งวิปัสณา ถ้าไม่นั่งไม่ทำย่อมไม่เกิด ปัญญา ไม่มีปัญญาก็ไม่สามารถแยกแยะ อะไรผิด
อะไรถูก เห็นผิดเป็นชอบเห็นชอบเป็นผิดตามแต่จริตและบุญจะพาไป ถ้าบุญน้อยเจอพระอรหัน
ก็ย่อมไม่ทราบ แต่ถ้ามีปัญญาย่อมรู้ได้เอง

 

รู้สึกเสียดาย ถ้าอาจารย์จะปิดบูช042 ไป อ.จะไปที่ไหนช่วยบอกด้วยนะครับ จะได้ไปหาถูก และ จะได้แจ้งข่าวให้คนอื่นทราบที่อยู่ใหม่ของ
อาจารย์ด้วยตรับ

 

(ข้อความดั้งเดิมของคุณ VISNU)

เรื่องการสวดมนต์ ในมุมมองผมก็แล้วกันครับ

เนื่องจาก มุึมมองของผมอาจจะไม่เหมือนคนอื่น เพราะผมเห็นบางอย่าง ที่คนอื่นมองไม่เห็น

ก็เล่าคร่าวๆแล้วกัน ผมก็เป็นคนที่สวดมนต์เป็นประจำ(เมื่อก่อน) หนังสือสวดมนต์ก็มีคนพิมพ์

แจกกันเยอะ ก็สวดไปอ่านไป บทนั้นดีอย่างนั้นดีอย่างนี้ สรุปดีหมด ก็สวดทั้งเล่มเลย ก็ใช้เวลา

ในการสวดมนต์ที่ละชั่วโมงครึ่งทุกวัน ก็ทำมาหลายปีไม่ได้คิดอะไร เพราะเราก็ไม่รู้และไม่เห็นอะไร

ก็ทำไปโดยนึกถึงว่าเป็น เรื่องของพุทธบริษัททั่วไป ต่อมาตอนได้อภิญา ก็นั่งสมาธิอย่างเดียว

ไม่ได้สวดมนต์เลย เนึ่องจากตอนนั้นทุกข์มาก พอกลับมาสวดอีกที เลยเห็นอะไรดีๆ ครับ


เนื่องจากเราท่องอ่านบทสวดมนต์นะ ตอนนั้นจิตเราได้รวมเป็นอุปจาระ ในบางท่านจิตอาจะไปถึง

อรูปพรหม เมื่อจิตนิ่งขนาดนั้นรวมทั้งบทสวด เป็นการสรรเสริญพระพุทธองค์ ด้วยแล้ว เทพ เทวดา

และท่านผู้ที่เจริญด้วยบุญ ในสวรรค์ชั้นตั่งแต่เสมอดินจนถึงดุสิต ย่อมมาอนุโมธนาในบุญที่เราสร้าง

ยิ่งเรามีความตั่งมั้นที่จะทำ กระแสบุญยิ่งแรง


เข้าเรื่องดีกว่า ผมสวดมนต์ก็ตามบทเลยครับ เริ่มปุ๊บ เทวดารุขเทวดารอบบ้าน มาก่อนเลย

ต่อมาก็ชั้นสูงขึ้น เราจะรู้ได้ไงว่าสูงขึ้นเค้า ก็ไม่มียศบอกด้วย สิ่งที่บอกคือแสงที่เราเห็น

คือค่อยๆสว่างจ้าขึ้นเลื่อยๆ กลิ่นหอมจางๆเย็นๆ ความรู้สึกอบอุ่น กระแสพวกนี้จะมามากขึ้น

ผมก็ไม่ได้สนใจ เนื่องจากเรามีสมาธิในการสวดมนต์อยู่ แต่พอสวดมนต์เสร็จเท่านั้นแหละ

สิ่งที่เห็นคือ เทพเทวดาเต็มห้อง ไม่ได้ยืนเบียดกันอย่างที่เราคิด คือชั้นที่มีบุญมากหน่อยก็จะอยู่

ใกล้ตัวเราที่สุด แล้วจึงเว้นตามลำดับไป ในขนะนั้นต้องบอกเลย พวกที่ชั้นตำ่พวกผีหรือ

สัมภเวสีไม่มีเลย เพราะอยู่ไม่ได้ แล้วพอเราเห็นท่าน เราก็ต้องตั้งจิตเชิญท่านเหล่านั้นเพราะ


ในขนะที่เราสวดมนต์นั้น จิตจะถึงขั้นพรหมก็จริง แต่ด้วยเราเป็นมนุษย์ แค่เพียงเรื่องที่เข้ามาในหัว

เราเรื่องเดียว จิตเราก็เกิดด่างพร้อยขึ้นทันที แล้วพอรู้ว่าจะเป็นเช่นนั้น เราจึงรีบส่งท่านเหล่านั้น

กลับขึ้นข้างบนก่อน เนื่องจากท่านเหล่านั้น เป็นผู้ที่มีศักดิ์ใหญ่ทางบุญ การมาไป ย่อมต้องน้องส่งและรับ

เป็นธรรมดา เราทำก็ได้บุญแล้วครับ ตอนแรกๆเห็นก็รู้สึกดี แต่แค่คิดว่า สมมุติเราไม่เห็นละ

มากันเต็มเลย แล้วถ้าเราไม่สำรวมละ หรือทำอะไรที่ไม่ดีละ แค่คิดก็แย่แล้ว


เรื่องเล่า หรือทุกอย่างที่ผมเขียนนั้น เกิดขึ้นจากการเห็น และทำตามที่องค์พระสัมมาท่านได้สอน

ได้แสดงไว้ ให้เราทราบแล้วทุกประการ ดังนั้น เราทำตามท่านย่อมสำเร็จได้ ตามแต่เนื้อนาบุญ

ของแต่ละคน แต่ทุกอย่างต้องใช้ปัญญา แล้วปัญญาเกิดได้อย่างไร ก็เกิดจากสมาธิ สมาธิก็เกิด

ได้จากการนั่งวิปัสณา ถ้าไม่นั่งไม่ทำ ย่อมไม่เกิดปัญญา ไม่มีปัญญาก็ไม่สามารถแยกแยะ อะไรผิด

อะไรถูก เห็นผิดเป็นชอบ เห็นชอบเป็นผิด ตามแต่จริตและบุญจะพาไป ถ้าบุญน้อยเจอพระอรหันต์

ก็ย่อมไม่ทราบ แต่ถ้ามีปัญญาย่อมรู้ได้เอง <!-- google_ad_section_end --> __________________
<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->

เหตุที่เกิดทุกสิ่ง หาใช่เรื่องบังเอิญไม่

---------------------------------------------------------------------------------------------

สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทนากับตาบาส visnu

เรื่องดีดีแบบนี้ สมควรจะเล่านานแล้ว ทำไมเพิ่งมานึกออก อาบิ๊กจับข้อความมาเรียงใหม่

เพื่ออ่านง่ายขึ้น กันไม่ให้มีอาการตาลาย เผื่อใครต้องการเซฟไว้ในเครื่อง คนที่มาอ่าน

ต้องจับจุดให้ดีว่า เขาสอนอะไร บอกถึงอะไร แล้วใช้ปัญญาไตร่ตรองเอง อย่าไปหมักหมม

กับสิ่งเก่า ๆ ในเรื่องเหลวไหลไร้สาระ ไม่เข้าท่า ใช้ปัญญาฉีกตัวเองออกมา จากสิ่งที่ละโมบ

อยากได้โน่นได้นี่ วางได้ก็วางซะ ตัดออกได้ก็ยิ่งดี


มีบางสิ่ง ที่ผมอยากจะบอกเหมือนกัน แต่ไม่ต้องดีกว่าครับ หลายท่านใจยังไม่เปิด

เมื่อไม่มีความพร้อม บอกไปก็ไร้แก่นสาร เท่านี้อ่ะ



​

​

 

ขอนอกเรื่องเล็กน้อยครับ
เมื่อวานไปงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติมา เดินผ่านไปบู๊ทหนึ่งมีนักเขียนมานั่งให้ลายเซ็นอยู่ครับ รู้สึกแปลกเพราะนักเขียนท่านนี้มีพลังแผ่ออกมาจากตัวจนรู้สึกได้(ผมไม่ได้มีตาที่สามอะไรนะครับ ) เลยแอบไปดูชื่อท่านนักเขียนหน่อย เลยหายสงสัย ท่านคือ ดร. อาจอง ชุมสาย นั่นเองครับ

แต่พอดีตังหมดแล้ว ไม่งั้นคงได้หนังสือพร้อมลายเซ็นมาแล้วครับ

 

ตารางอัญเชิญ ตามวันที่ ระบุ ..เวลา กิจกรรมระหว่าง 10.-11.0 น

เสาร์ 24 ตค หลวงปู่ มั่น ภูริทัตโต / หลวงปู่ขาว อนาลโย
อาทิตย์ 25 ตค. หลวงปู่สุก ไก่ เถื่อน (วัดพลับ) / หลวงปู่ โตพรหม รังสี

พรุ้งนี้แล้วครับ 5-5-5

 

เนื่องจาก ตอนเริ่ม จะเป็นการอัญเชิญ หลวงปู่แหวน สุจิณโณ
แห่ง วัดดอยแม่ปั๋ง..ท่านเป็น อริยะสงฆ์ ที่อยูในสายปฏิบัติ.
รวมทั้ง หลวงปู่ขาว อนาลโย
......................................................................
เนื่องจาก ท่านไม่สร้างวัตถุมงคล..แบบต่างๆๆ...ที่เป็นฤทธิ์
...............................................................................
แต่ทั้งสองพระเกจิอาจารย์..สามารถ อวยพร
ให้ เรามีความสุข สดชื่น สบายใจ ตาม อำนาจแห่งพุทธะ
ทางชมรมจึงจัดหา เหรียญ สลึง /เหรียญ หาสิบ สตางค์ ทอง
ที่ได้ รับทอนมา..และหาโอกาสใช้ยาก..
มากองรวมกัน แล้ว อัญเชิญ พลัง แห่งพุทธ สายปฏิบัติลงไป..
.ให้ เป็นศิริมงคล เป็นพลังเย็น.ไม่ใช่ ร้อน แบบ คงกระพัน
...................................................................
ผู้ใดที่มาร่วมกิจกรรม..ถ้า มีเหรียญทอง สลึง/ ห้าสิบสตาวงค์ ที่ใช้ยาก
ให้เอามาบริจาคด้วย เพื่อ แจกคนอื่นต่อไป
..............................................................................
.................................................

 

วันอาทิตย์ ที่25 ตค 52 เป็น วัน อัญเชิญ หลวงปู่สุก ไก่เถื่อน วัดพลับ
และกับหลวงปู่โต พรหมรังสี..ใครที่มีเหรียญ ของ ท่าน แล้ว
ไม่แน่ใจว่าพลังเต็ม...ให้มาให้ หลวงปู่ เคิม ให้ เต็มได้
ทั้งสอง วัน ระหว่าง 10.00-11.00น
.................................................................
..................................................................................................

 

อนุโมทนาด้วยค่ะ

 

เสาร์ ที่ 31 ตค. 52
10.30-11.00 อัญเชิญ พลังบารมี ของ หลวงปู่แหวน สุจินโณ
และ หลวงปู่สิม..วัดถ้ำผาปล่อง
.........................................................................
อาทิตย์ ที่ 1 พย. 52
10.30-11.0 อัญเชิญ หลวงพ่อ ปานวัดคลองด่าน) /หลวงพ่อปานวัดบางนมโค
ผู้ที่ สนใจ เชิญ มาร่วมกิจกรรมได้

 

อยากให้ท่านที่ร่วมพิธีที่ผ่านมาเล่า

เหตุการณ์ในวันนั้น ให้ฟังบ้างคร้าบ

 

ขอบคุณครับ

 

เนื้องจากมีภาระกิจด่วน ต้องไป เปิด บู๊ธ ตรวจออร่าที่จังหวัดชลบุรี
ที่ปั๊มน้ำมันใหญ่ ข้างถนนบายพาส ไป บ้านบึง..ตั้งแต่ 10.00-15.00น
ในวันอาทิตย์ ที่1 พย 52
................................................................................
จึงขอแจ้งเปลี่ยนแปลงรายการกิจกรรม อัญเชิญ หลวงปู่ ดัง นี้
วันเสาร์ที่ 31 ตค ยัง คง..เดิม อัญเชิญ หลวงปู่แหวน สุจิณโณ
กับ หลวงปู่สิม แห่ง วัดถ้ำผาปล่อง
.......................................................................
ส่วนวันอาทิตย์ ที่ 1 พย 52
ราบยการอัญเชิญ หลวงพ่อ ปาน วัดคลองด่าน (บางเ******ย)
กับ หลวงพ่อ ปานงวัด บาง นมโค เลื่อนเป็น อาทิตย์ ถัดไป

จึงแจ้งมาเพื่อทราบทุกท่าน.ที่สนใจ
......................................................................

 

มีคนถามมาเรื่อง ประสบการณ์จากการอัญเชิญ

หลวงปู้มั่น ภูริทัตโต
พลังแรง แข็ง/เคร่ง...ทำให้เรารูสึกเหมือนนักเรียนตัวเล็กๆๆ.
.มานั่งต่อหน้าครูใหญ่ที่ดุเอามากๆๆๆ
..................................................................
หลวงปู่ขาว อนาลโย
ท่านมาแบบ..เหมือนเราเป็นหลานปู่ หลานตา.
..เย็นใจ...สบายใจ..อบอุ่นใจ
...................................................
หลวงปู่สุกไก่ เถื่อน..วัดเครือวัลย์

มาแบบ หนึ่งไม่มีสอง ด้าน คงกระพัน...พวกเราหลายคนที่เรียงรายล้อมอยู่ ลอง ยกมือ กระแทก ออกไป....กลับถูกดันกลับ อย่างแรง ในรัศ มี 5 เมตร โดยรอบ

หลวงปู่โต พรหม รังสี
พลังดันมาแบบนิ่มๆๆ หนืดๆๆ/ หยุ่นๆๆใน รัศมี 3 เมตรโดยรอบ
แปลว่า เน้น ด้าน แคล้วคลาด...พลังอ่อน กว่า หลวงพ่อสุก ไก่ เถื่อน
.............................................................................

 

มีคนถามมาเรื่อง ประสบการณ์จากการอัญเชิญ

หลวงปู้มั่น ภูริทัตโต
พลังแรง แข็ง/เคร่ง...ทำให้เรารูสึกเหมือนนักเรียนตัวเล็กๆๆ.
.มานั่งต่อหน้าครูใหญ่ที่ดุเอามากๆๆๆ
..................................................................
หลวงปู่ขาว อนาลโย
ท่านมาแบบ..เหมใอนเราเป็นหลานปู่ หลานตา.
..เย็นใจ...สบายใจ..อนอุ่นใจ
...................................................
หลวงปู่สุกไก่ เถื่อน..วัดเครือวัลย์

มาแบบ หนึ่งไม่มีสอง ด้าน คงกระพัน...พววกเราหลายคนที่เรียงรายล้อมอยู่ ลอง บกมือ กระแทก ออกไป....กลับถูกดันกลับ อย่างแรง ในรัศ มี 5 เมตร โดยรอบ

หลวงปู่โต พรหม รังสี
พลังดันมาแบบนิ่มๆๆ หนืดๆๆ/ หยุ่นๆๆใน รัศมี 3 เมตรโดยรอบ
แปลว่า เน้น ด้าน แคล้วคลาด...พลังอ่อน กว่า หลวงพ่อสุก ไก่ เถื่อน
.............................................................................

 

มีคนถามมาเรื่อง ประสบการณ์จากการอัญเชิญ

หลวงปู้มั่น ภูริทัตโต
พลังแรง แข็ง/เคร่ง...ทำให้เรารูสึกเหมือนนักเรียนตัวเล็กๆๆ.
.มานั่งต่อหน้าครูใหญ่ที่ดุเอามากๆๆๆ
..................................................................
หลวงปู่ขาว อนาลโย
ท่านมาแบบ..เหมใอนเราเป็นหลานปู่ หลานตา.
..เย็นใจ...สบายใจ..อนอุ่นใจ
...................................................
หลวงปู่สุกไก่ เถื่อน..วัดเครือวัลย์

มาแบบ หนึ่งไม่มีสอง ด้าน คงกระพัน...พววกเราหลายคนที่เรียงรายล้อมอยู่ ลอง บกมือ กระแทก ออกไป....กลับถูกดันกลับ อย่างแรง ในรัศ มี 5 เมตร โดยรอบ

หลวงปู่โต พรหม รังสี
พลังดันมาแบบนิ่มๆๆ หนืดๆๆ/ หยุ่นๆๆใน รัศมี 3 เมตรโดยรอบ
แปลว่า เน้น ด้าน แคล้วคลาด...พลังอ่อน กว่า หลวงพ่อสุก ไก่ เถื่อน
.............................................................................

 

ไม่มีใครอ่านเลยตอนนี้...แล้วจะเขียนให้ใครอ่านดีนะ..อิอิ (มีเรื่องเล่าเยอะนา) เป็นสมาชิกใหม่ค่ะ ยังไม่ได้ศึกษาหรืออ่านเท่าไหร่ แต่พอรู้ว่าให้ใครๆเล่าเรื่องที่อยากเล่า ก็เลยว่าจะเล่าให้ฟังน่ะอะ

ก่อนนอนก็คงอยากให้ทุกคนสวดมนต์ ไหว้พระนะ เพราะพลังแห่งการสวดมนต์น่ะ มีจริงๆ ในกรณีที่คนเราส่วนมากไม่ค่อยมีเวลาไปทำบุญที่วัด
เรื่องนี้ เราเชื่อ เชื่อในเรื่องกรรมดี กรรมชั่วเลยแหละ เจอมาหลายเรื่องแล้ว กับตัวเอง เจ้ากรรมนายเวร น่ะ มีจริงๆ ตามเราให้เห็นๆ (เราคิดว่าเป็นเจ้ากรรมนายเวรเองนะ) ถ้าใครเป็นแบบเรา มาเล่าให้เราฟังหน่อยนะ เขาจะมาในทุกรูปแบบที่จะขัดขวางความสุขของเรา จนเราและคนที่เกี่ยวข้อง จับผิดได้ เขาเป็นใครนะ อยากรู้จัง แต่เรารู้ ว่าเขาตามเราไปเป็นเงาเสมอ บางทีก็คอยก่อเรื่องวุ่นวาย หรือบางที พอเขาเห็นเรากำลังจะความสุข เขาก็จะมาขัดขวาง เราบอกไม่ได้ แต่เรารู้ เรายิ้ม จนเราพูดว่า ขอเวลาให้เรามีความสุขมั่งเหอะนะ ขอร้องเหอะ อยู่เฉยๆ ได้ไหม จนเราได้เอ่ยปากพูด คนที่อยู่ใกล้ๆเรา เขาก็งง แต่พอเล่าให้ฟัง เขาก็ว่า เออ..มันใช่ เพราะเหตุการณ์ มันเกิดขึ้นเหมือนๆกัน เวลาเดียวกัน แต่คนละวัน งงงง จะทำกับเขายังไงดีนะ ช่วยบอกทีค่ะ

 

เมื่อล็อคอินเรียบร้อยแล้ว ต้องการส่งข้อความไปหาใคร เป็นการส่วนตัว ให้คลิก

ที่ชื่อของผู้นั้น (อยู่เหนือรูปแทนตัว) จะปรากฏรายละเอียดให้เลือก

 

ผมได้ทำตามที่ท่านมังกรฯบอกแล้วครับ กระทู้ของผมก็หายไปแล้ว โทรศัพท์ติดต่อได้เฉพาะบางคน อีเมลล์เขียนหาได้แค่บางคน
ผม ปลงตก แล้วครับ อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิดครับ ทุกครั้งที่ไปกราบหลวงพ่อคูณหรือหลวงปู่บุญฤทธิ์ ท่านหัวเราะ อารมณ์ดี ยิ้มให้อย่างมีเมตตาทั้งสองท่านเลยครับ และตอนที่ผมตายคราวก่อน พระโพธิสัตว์และท่านท้าวเวสสุวรรณ ท่านก็ยิ้มให้เหมือนที่พระเกจิทั้งสองท่านยิ้มให้เลยครับ ผมเลยมีกำลังใจทุกครั้งเมื่อนึกถึงรอยยิ้มของทุกท่านที่เมตตาผม ตอนนี้พยายามประคองสติให้นานที่สุดครับ คิดแบบวันต่อวัน เท่านั้นพอครับ
***********
ป.ล.ผมได้รับพีเอ็มท่านมังกรฯแล้วครับ ผมตอบไปไม่ทราบท่านได้รับหรือเปล่า เพราะเป็นแบบนี้ประจำหากไม่ผ่านเซนเซอร์ครับ และยินดีรับใช้ทุกท่านนะครับ หนูตัวเล็กๆ ตัวนี้ยินดีเสมอหากสามารถกัดบ่วงให้ท่านราชสีห์ทั้งหลายได้ครับ ขอบคุณครับ

 

เหะๆ ขอบคุณค่ะอ.สุวิ เวนคืนที่ดิน เจ้ากลมไม่มีปัญหาหรอกค่ะ
กะไปอยู่ต่างจังหวัดอยู่แล้ว เล็งหลายๆที่ 55555 ได้แต่เล็ง

อาจารย์สามตาบอกว่า หนังสือ2เล่มกำลังรวมเล่ม เสร็จเมื่อใด
แจ้งด้วยนะคะ แต่เห็นอาจารย์รวบรวมแบบที่ทำอยู่ ก็เหนื่อยแทนค่ะ
เดี๋ยวหาวิธีง่ายกว่านั้นให้นะคะ