เรื่องเล่า ก่อนนอนคืนนี้..ของเหล่าคนผู้มีตาทิพย์

การใส่พระไม่ถูกกับตัวเองมีจริงค่ะ ตามที่ดิฉันได้เคยเล่าเอาไว้ดังยกมาจากคำตอบที่ 2352 หน้า 18

อย่างที่คุณพรปู่ และคุณ haha4959 ได้รับรู้

น้องๆ มหาลัยที่ดิฉันเคยจับพลังพระให้ ก็เคยถามอะไรเทือกนี้

แล้วก็ให้พวกเขาให้ลองกับตัวเอง ให้รับรู้ความรู้สึกด้วยตัวเอง เราไม่ปิดบัง

เขาก็ได้เรียนรู้ด้วยตัวเองอย่างเต็มที่ ได้วิชากันไป

อนาคตเขาคงเลือกใส่พระได้ตามที่ร่างกายเขารับได้ โดยไม่ต้องพึ่งพาเราอีก

เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องลึกลับ ใครๆ ก้เข้าถึงได้ ถ้าฝึกสมาธิ และมีสติระลึกรู้ตัวทั่วพร้อมเพียงพอ

 

เรืองเล่าก่อนนอนคืนนี้ เรื่องที่ สามสิบเก้า
วัดในเมืองไทย
............................................................
ศานาพุทธ เริ่มต้น โดยพระพุทธองค์ สมณโคดม โคตมะ
ต้นแหล่งกำเนิด อยู่ในชมภูทวีป..ในปัจจุบัน คือ อินเดีย และเนปาล
โดยมีพุทธมามกะ จะเดินทางไป เยี่ยมชมและสักกระ
สังเวณียสถาน ทั้งสี่..ตลอดเวลาที่ผ่านมา
คนไทยที่ศรัทราเดินทางไปกันมากมาย
บางคนไป สามสี่เที่ยว
เยี่ยงเดียวกับที่ มุสลิม เดินทางไป บูชา
หินศักดิ์ สิทธิ์ กาบาอะ ที่ เมกกะห์.
.....................................................................
หลังพระพุทธองค์ปรินิพพาน ศานาพุทธ จึง ค่อยๆๆ กระจายออกไป
เส้นทางที่ สำคัญ คือ ไป ตามเส้นทางสายใหม
ที่ พุ่งไป จีน จนถึงญี่ปุ่นและเกาหลี
.................................................................
แผ่ทั่วอินเดีย แล้วลงใต้สุด ไป ที่ ศรีลังกา
จากลังกา..มีกลุ่มพุทธ รุ่นแรก ที่ นำโดยพระโสณะ อุตตระ
เดินทางข้ามมา ที่ เอเซียใต้.ปักหลักที่ อาณาจักร ศรีวิชัย
และ อาณาจักร สุวรรณภูมิ...ซึ่งกินขอบเขตพื้นที่
ตั้งแต่ นครศรีธรรมราช /สุราษฎร์ธานี/นครปฐม/อ่างทอง เขตสุพรรณ
......................................................................
ลพบุรี ยุคแรก เป็น เมืองของ ขอม..ที่นับถือไศวนิกาย
ที่นับถือ เทพ องค์พระศิวะ
ต่อมาอิทธิพล ของ ศาสนาพุทธจึงเริ่มเข้ามาในลพบุรี
เจ้าหญิง จามเทวี ได้ถูกสั่งให้ ย้ายขึ้นไป สร้างเมืองใหม่
ทางภาคเหนือ นั่นคือ เมือง หริภุญชัย
..............................................................
ศาสนาพุทธ ถูกนำมาเผยแพร่ ในภาคเหนือ
แถบเชียงใหม่ ลำปาง
...........................................................
เมื่ลพบุรี เสื่อมลง
สุโขทัย เริ่มเรืองอำนาจ ขยายใหญ่
จึงเป็นเมืองสำคัญ แทน หริภุญชัย
ศาสนาพุทธ ยังคงขยายตัวออก
.............................................
ความรุ่งเรือง ของศาสนา พุทธ จึงเด่นชัด
ตามวัด และโบราณ สถานในประวัติศาสตร์
เราจึงได้ มี อุทธยานประวัติศาสตร์ สุโขทัย
อุทธยานศรีสัชนาลัย...อันโดเด่น งดงาม
แม้เวลาจะผ่านมาเกือบ หนึ่งพันปี
.......................................................

 

ราชวงศ์ พระร่วงปกครอง สุโขทัย ได้ แค่ 4 พระองค์ ก็ถึงยุคเสื่อม
พระเจ้าอู่ทอง ทรงเริ่มตั้งกรุงศรีอยุธยา
และ กรุงศรีอยุธยา ได้ เป็น เมืองหลวง อยู่ เกือบสี่ร้อยปี
มีพระมหากษัตริย์ ที่ ผ่านแผ่นดิน มากมาย
..................................................................
แต่ละพระองค์ ก็ ต้อง สร้างวัด สร้างเจดีย์
อย่างน้อยองค์ ละ หนึ่งแห่ง..อันเป็นธรรมเนียมของ รัชสมัย
เพื่อ เสริมบุญ บารมี...ให้ยิ่งๆๆ ขึ้นไป
ช่วงแรก การสร้างวัด ต้องใช้ทุนสูง
จึงมีแต่พระเจ้าแผ่นดิน เท่า นั้นที่ จะทำได้
................................................................
ต่อมาเมื่อมีการค้าขายกับต่างประเทศ
โดยเฉพาะ ช่วงกลาง ของ กรุงศรีอยุธยา
ทำให้ อำมาตย์ เสนา และ คหบดี มีเงินทุนมากพอ
จึงพากันสร้างวัด เพื่อ เอาบุญ..เกิดมาจะได้ ดีกว่า เก่า
...........................................................
นโยบายเช่นนี้..จึงมีการสร้างวัดในเมือง
/ รอบเมืองกันเป็นจำนวนมาก
จึงทำให้ กรุงศรีอยุธยา เป็น เขต
ที่ มีวัดมากที่ สุดในประเทศไทย
..................................................
พศ 2310 กรุงศรีอยุธยาแตกเป็น ครั้งที่สอง
เสียหายยับเยิน ด้วยฝีมือ พม่า ที่ จะลอกเอาทองกลับไป
ผสมด้วย โจรคนไทยเอง ก็ ลักลอบขุดทำลาย
เราจึงได้ เห็น ทรากสลักหักพัง ของ วัด และเจดีย์ในกรุงศรีอยุธยา
ที่เมื่อมองแล้ว เศร้า ในเรื่อง ของ อดีต
.ที่ไม่มีทางเอาคืนมาได้
....................................................

 

<TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>สมาชิก 1 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ The Third Eyes ในข้อความที่เขียนด้านบน </TD><TD class=tcat><CENTER>[ อานิสงค์การอนุโมทนา[.23/COLOR] ]</CENTER></TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2 height=29> ป๋าปี๋ปู้ (วันนี้)





แค่อยากบอกว่า เจิม คนแรก ><
</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ยุคสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงกู้ชาติได้
ก็ทรงย้ายเมืองหลวงลงมาทางใต้..คือกรุงธนบุรี
เมื่อลงมาแล้ว ทั้งผู้คนที่เหลือ จากสงคราม
และจาก ชุมชนต่างก็ตามมา
.......................................................
เมื่อมีชุมชน ก็ต้องมีกิจกรรมทางศาสนา
จึงจำเป็น ต้องมีวัด..เพื่อเป็นศุนย์กิจกรรมทางศานา
และเป็นโรงเรียน เผยแพร่ ความรู้ ทางวิทยาการ โดยอ้อม
การสร้างวัด จึง เริ่มต้น โดยทางการ
ทางเอกชน ยังไม่พร้อม เพราะ สงครามเพิ่งจะเลิก
เงินทอง และทุน ยังไม่มี
...............................................................
กรุงธนบุรี ตั้งอยู่ได้ 15 ปี
ก็ต้องย้ายมาทางฝั่งตะวันออก
เพื่อให้เหมาะกับการป้องกันเมืองจาก สงครามพม่า
.................................................................
ย้ายมาแล้ว ก้ยัง ไม่มีเวลา สร้างเมือง สร้างวัด
ต้องไปลุยเขมร ที่ ชอบแอบมาตีท้ายครัว เวลา สยามลำบาก
ทำสงครามใหญ่กับพม่า..ที่มาหลายครั้งหลายหน
โดยเฉพาะ สงครามเก้าทัพ ในสมัย พระเจ้าผดุง เป็น กษัตริย์พม่า
เป็นการรบขั้นเด็ดขาด..ที่พม่า แพ้แล้ว ก็ ไม่มาอีกเลย
............................................................
เราจึงได้ เห็นตัวเอก เด่น หลายคน
ท้าวเทพสตรี ท้าวศรีสุนทร
ในการป้องกัน เกาะถลางหรือ ภูเก็ต จากพม่า
............................................................
ท้าวสุรนารี..ในการป้องกันราชสีมา หรือ โคราช
โดยเจ้าอนุวงศ์ จากลาว ยกมารุกรานกวาดต้อนคนไทย
เพราะ คิดว่า ไทยอ่อนแอ..ที่ ต้องทำศึกหนัก กับพม่า
..............................................................
(ยังมีต่อ)

 

ยุคสร้างวัดมาเริ่มอย่างขนานใหญ่ ใน รัชกาลที่สี่
ร.4 ท่านมีส่วนสำคัญในการสร้างวัด ราชาธิวาส
ที่ อยู่ ข้างๆๆ หอสมุดแห่งชาติ ท่าวาสุกรี
.....................................................
ขณะที่พระองค์ จำพรรษา อยู่ที่ วัดราชาธิวาส
ใกล้ๆๆ กันนั้น เป็น ศุนย์ ของมิชชันนารี่
มีบาทหลวงฝรั่งอยู่ใกล้ๆๆ กัน
จึงมาพบกัน..พระองค์ จึงได้มีโอกาส
ฝึกเรียนเขียนพูดภาษาอังกฤษ
..............................................
พระองค์ ทรงเห็นความจำเป็นที่ จะต้อง เก่ง ภาษา อังกฤษ
เพราะ มีแนวโน้ม ว่า พวก ฝรั่งกำลัง จะล่า เมืองขึ้น
.............................................................
พระองค์ เข้าใจล่วงหน้า ของ ความจำเป็น
ที่ ราชวงศ์ในอนาคต จะต้อง เก่ง ภาษา อังกฤษ
............................................................
พระองค์ จึงให้ หาครูมาสอน ภาษาอังกฤษ ให้แก่ โอรส และ พระธิดา
จึงเป็น ที่ มา ของ แหม่น แอนนา ที เลียวโนเวนส์..จากสิงค์โปร
แหม่มแอนนา มาสอนในวัง..มีศิษย์ราชวงศ์มาเรียน หลายองค์
..................................................................
ที่ สำคัญ..คือ องค์ รัชทายาท..ซึ่งต่อมา
ก็ คือพระพุทธเจ้าหลวง หรือ ร. 5 นั่นเอง
.........................................................
กลับไป อยู่ที่ อังกฤษ แหม่มแอนนา ก็เขียนหนังสือ เล่ม หนึ่ง
"แอนนา และ พระเจ้ากรุงสยาม หรือ The King and I "
และได้ ดัดแปลงเป้น ลครเพลง ในแนวตลก
ที่ ทางราชการไทย รับไม่ได้ และ
ไม่ให้ เรื่องนี้ ที่ ต่อมาสร้างเป้นภาพยนตื เข้ามาฉายในประเทศไทย

 

ตั้งแต่รัชกาลที่ เป็นต้นมา จนถึงปัจจุบัน
จึงมีการสร้างขึ้นมาใหม่ ทั่วประเทศ
ทั้งวัดหลวง และวัด ที่ ชุมชน และ กลุ่มผู้มีทรัพย์
ช่วยกัน สร้าง เพื่อ หวังบุญ สูง สุด
.........................................................
เราจึงได้ อ่าน ...ได้เห็น เอกสาร สิ่งตีพิมพ์
เชิญ ชวนผู้ คน ออกกำลัง ทรัพย์ ในการสร้างวัดใหม่ กันมากมาย
จนในปัจจุบัน มีวัด มากกว่า เจ็ดพันวัด (7,000 )ในประเทศ ไทย
มากมายเหลือ คณา...และโดยเฉลี่ยแล้ว
จำนวนวัด ที่ มากขึ้น...ก็ไม่ทำให้ จิตใจผู้คนในปัจจุบัน ดี ขึ้นเท่าใด
.........................................................................
ที่ชมรมคนตาทิพย์ เลขที่042
เรามีสมาชิก ที่ มีพลังจิต สัมผัสที่ดี และแรง หลายคน
ความสามารถ พิเศษ คือ เมื่ออ่าน รายชื่อวัด ที่อยู่ในแผนที่ ท่องเที่ยว
ที่ เขียนไว้มากมาย ตามเส้นทางถนน / ตามเขต/อำเภอ/ ตำบล
........................................................................
จากรูปที่ รวบรวมวัด / จาก รายชื่อวัดที่ พิมพ์เรียงไว้ เป็น จังหวัดๆๆ ไป
จากจิตที่ มั่น เรารู้ได้ ทันที ที่เห็น...ว่า วัดเหล่า นั้น เป็นอย่างไร
เป็นวัดที่ดีมาก.... เป็นวัด ที่ไม่น่าจะเป็นวัด ก็มากหลาย
..........................................................................
เราสามารถแยกวัด ออกเป็นกลุ่มๆได้..ตามที่จิตบอก

1. กลุ่มวัดที่ ไม่น่าจะเป็น วัด

2. วัดของชุมชนและชาวบ้าน..ที่ ทำกิจทางศาสนา ตามฤดูกาล

3. วัดที่ แก่กล้า ทางอภิญญา เสก พระเครื่อง ของ ขลัง/ดูหมดดูได้ ดี

4. วัดที่ สง่างาม ก่อสร้างนับร้อยนับพันล้านบาท

5. วัด ฝ่ายปฏิบัติ แบบวัดป่า..ที่ร่มเย็น ของสายปฏิบัติ

6. วัด แห่ง ยุค พระศรีอริยเมตไตร..ที่ พระองค์ได้ เลือกไว้

........................................................................
(มีต่อ)

 

ตามที่ได้ เล่าไว้ตั้งแต่ต้น
ว่า กลุ่มนักพลังจิต เมื่อ ดูชื่อวัด บนแผนที่ ที่ ค่อนข้างละเอียด
ดูจากรูปวัด /ดูจากรายชื่อที่เรียงพิมพ์ ตามรายจังหวัด
.................................................................
เราก็จะรู้ได้ เลยว่า วัดนั้นๆๆ ป็นอย่างไร
เป็นวัดแบบไหน...สมควรที่เราจะเข้าไปใหม
เราจะค่อยๆๆ อธิบายอย่างละเอียดว่า ดู และรู้ได้ อย่างไร
................................................................
กลุ่มแรก วัดที่ไม่น่าจะเป้นวัดที่ดี
เมื่อใดที่เรา อ่านชื่อวัด หรือดูรูปวัดแบบนี้
เราจะมีอาการเหมือน มีของหนักมาทับบนหัว
หายใจฝืด หรือ อึดอัด...และมีกลิ่นคาวปนมา

วัดกลุ่มนี้ มีไม่มากนัก
เป็นวัดที่มีปัญหา เรื่อง พระ กับสีกา..เป็นปาราชิก
เป็นวัดที่มีลูกวัด เป็น เกย์ /เป็นตุ๊ด/เป็นกันมากกว่า ครึ่งวัด

ดูง่าย..เพราะจะไม่ค่อยมีคนเข้าวัด
เขารู้ และรู้สึก สะอิด สะเอียน
ถ้ามากเกินไปมากๆๆ..ก็จะมีขบวนการมาขับไล่
ตามที่เป็นข่าวตาม นสพ บ่อยๆๆ
โดยเฉพาะ กรณีย์ เจ้าอาวาส เอาสีกาเข้าไปในกุฏิด้วยกัน
อย่างไรก็ตาม คาดว่า จะมีวัดแบบนี้ ไม่มากนัก
ประมาณ 10-20 วัด เมื่อเทียบกับจำนวนวัด ทั้งหมด
ที่ มีมากกว่า 7000 วัด
.................................................................

 

กลุ่มวัดแห่งชุมชน
วัดประเภทนี้ มีจำนวนมากที่สุด เกิน 80 %
กระจายอยู่ทั่วประเทศ
เป็นวัด ประจำตำบล /ประจำหมู่บ้าน/ประจำจังหวัด
.......................................................
เป็นวัดสายกลาง ที่มีกิจกรรมทางศาสนา ค่อน ข้างดี
มีกิจกรรม ตามเทศกาล /วันมาฆบูชา/ วิสาขบูชา/
วันอาสาฬหบูชา/เข้าพรรษา/ สงกรานต์ /ปีใหม่
งานเมรุศพ ฯลฯ
..........................................................
วัดแบบนี้ จะมีความสัมพันธ์ กับชาว บ้าน
เพราะคนต้องพึ่งวัดในกิจกรรม
วัดต้องพึ่งคน ในงานเทศกาล และการใส่บาตร
...................................................
ความสัมพันธ์ ของวัด กับชาวบ้าน
จะขึ้นอยู่กับว่า พระปฏิบัติตนอย่างไร
เจ้าอาวาส มีพฤติกรรม ต่อ ชาวบ้านเช่นไร
ดังนั้นความสัมพันธ์ กับชาวบ้าน จึงขึ้นอยู่กับ
มรรคทายก และ เจ้าอาวาส
ถ้าเจ้าอาวาสดี..ชุมชนก็ร่วมมือด้วยดี
บางช่วง อาจจะมี เจ้าอาวาสที่ไม่ค่อยดี
ความสัมพันธ์ ระหว่างคนกับวัด..ก็จะห่างกันไป
....................................................
(มีต่อ)

 

ขอชมภาพไม้เท้าประดับมุกเป็นบุญตาสักหน่อยเถอะครับ...

อ้อที่อาจารย์ประเมินราคาว่าหลายพันน่ะคงจะเอาไม่อยู่แล้วครับ ช่วงนี้วัตถุมงคลหลวงปู่ดู่ราคาเพิ่มสูงขึ้นอย่างไม่ทราบสาเหตุ วันก่อนแวะพันทิพย์งามวงศ์วานเห็นล็อคเก็ตหลวงปู่ดู่/หลวงปู่ทวด หลังฉาบผงและเกสา ถามดูเปิดราคากัน 9 พันบาทเข้าไปแล้วครับ ;aa40

 

รออ่านต่อครับ

 

ไม้เท้าหลวงปู่ดู่ครับ



ยันต์ทั้งไม้ครับ



พูดถึงยันต์ก็มีมาเลย คือยันต์หลวงปู่ดู่ครับ



นี่ก็ของหลวงปู่อีชิ้นครับ
รูปภาปของบ้านอาจิรศักดิล้วนๆครับ........5-5-5

 

เห็นแล้วตาร้อนครับ555

 

เรื่องเล่าก่อนนอน ตอนที่ สามสิบเก้า (ต่อ)
..................................................
รูปแบบที่ สาม
วัดแห่งพลัง ในการสร้างอภิญญก ปลุกเสก วัตถุนิยม และ ของขลัง
.........................................................................
วัดกลุ่มนี้ เริ่มจาก มีพระสงฆ์ บางรูป นั่งทำสมาธิ จนมีญาณแก่กล้า
สามารถกำหนดพลังจิต แล้วอัดลงไปใน วัตถุต่างๆๆ
เหมือนอัดไฟแบตเตอรี่...ใครแก่กล้า ก็ จะอัดได้ แรง มีพลังสูง
......................................................................
พระสงฆ์ หรือ ฆราวาสที่ ทำสมาธิ สามารถอัดพลังลงได้
ตามแต่จริต ของ ผู้ที่อัดลงไป...และตามปราถนาของผู้ต้องการใช้
เราจึงได้ ยิน ได้เห็น วัตถุนิยม เครื่องรางของขลัง..นานาชนิด
คงกระพัน ยิงไม่เข้า/ แคล้ว คลาด/ เมตตามหานิยม/โชคลาภ//
กันคุณไสย/ เข้าเจ้า เข้าทรง/ปลุกเสก /ทำเสน่ห์/ฝังรูปรอย ฯลฯ
......................................................................
ทั้งหมดนี้.พระพุทธองค์ ไม่ได้ สนับสนุน..ถือเป็น อวิชชา
......................................................................
วัดที่ดัง ทางปลุกเสก กลุ่มอภิญญา..จะเริ่มจาก พระที่แก่กล้า
ปลุกเสก แล้ว ดัง เช่นใส่หรือ แขวนแล้วยิงไม่เข้า /แคล้วคลาด
รถคว่ำ..แบบพังยับเบิน แต่คนขับไม่เป้นอะไร..ก็จะยิ่งดัง
..................................................................
คนจะยิ่งแห่ เข้าไปแสวงหาในวัด จนลันหลาม
และ ของขลังนั้นจะยิ่งมีราค่าเช่าแพง
และจะดังยิ่งๆๆขึ้น เมื่อ พระองค์นั้นใกล้ อาพาธ
และจะยิ่งดัง เมื่อ ละสังขารไปแล้ว
...........................................................
อย่างไรก็ตาม เมื่อ เวลาผ่านไป นานๆๆ
ความดังของ พระ และวัด จะค่อยๆ ลดลง
ในที่สุดก็จะเหลือ แค่ความทรงจำ
..............................................................
ที่เป็นเช่นนั้น เพราะ ความดัง อยู่ที่ พระ ไม่ใช่ เนื้อนาบุญ ของ วัด
ถ้าดีด้วย ไตรลักษณ์....ความดัง จะคงอยู่ ตลอดไป
........................................................................

 

รูปแบบที่ สี่ วัดใหญ่และสวยงาม
วัดกลุ่มนี้ จะเริ่มจาก วัดเล็กๆๆ มี พระสงฆ์ ชุดแรกๆๆ ปฏิบัติดี
ผู้คนมีจิตศรัทรา..และพร้อมใจกันเข้าวัด..จนดังติดตลาด
วัดกลุ่มนี้ จะมีการติดป้ายโฆษณา เรื่องกิจกรรม
เรียกคนเข้าทำบุญ ตลอด ปี ไม่พัก
.................................................................
จากวัดเล็กๆๆ เนื้อที่วัด หลายสิบไร่ บริเวณกว้างขวาง
อยู่ไป ก็สร้างกันไป..เดี๋ยว ศาลาการเปรียญ/ หอระฆัง/หอฉัน/
หอสมุด/ห้อวน้ำ/กุฏิ..ฯลฯ
....................................................................
ผ่านไป หลายปี..พื้นที่วัด ก็แคบลง /
เต็มไปด้วยอาคารและตึก ยี่สิบ สามสิบหลัง ทั้งเล็ก และใหญ่
พระทั้งวัด มี ไม่ถึง ยี่สิบ องค์..แต่จำนวนตึกมากกว่า จำนวนพระ
อาคารส่วนใหญ่ สร้างแล้วปล่อยทิ้ง ร้าง..เปล่า ประโยชน์
.................................................................
เมื่อ ไม่มีการาร้างขยายต่อ เพราะ ล้นแล้ว
และยังคงเรียกคนเข้าวัดทำบุญ ต่อไป
ทีนี้ เงิน ก็ จะกองเต็ม บัญชีวัด..เงินทำบุญ ล้นบัญชี
..............................................................
หน้าที่ ของ มรรคทายกวัด /กรรมการวัด..
คือ หาทางหมุนเงิน เพื่อให้ เงินงอก
พอเงินมาแยะ.. ก็จะเข้า ทาง คำที่พูดกันเสมอ ว่า
"วัด ครึ่งหนึ่ง..กรรมการ ครึ่งหนึ่ง "
..........................................................
ซึ่งก็คือ ผิดศีล ข้อ ลักทรัพย์ นั่นเอง
วัดแบบนี้ กลุ่มพลังจิต ตาทิพย์. จะเข้าไปในวัดไม่ได้
เพราะ พลัง แห่งวิญญาณ จะไม่ให้เข้า
โดย จะมีอาการถูกบีบคอ..หายใจไม่ออก
.........................................................
แค่จอดรถ หน้า ป้ายวัด ที่อยู่ทางเข้า วัด..ก็แย่กันแล้ว
วัดแบบนี้ ผู้คนไปทำบุญ..จะไม่ขึ้น
เพราะเงินไม่ได้ ไป สร้างวัด..ตามที่ จิตปราถนา
...........................................................

 

การใช้หนี้ กฎแห่งกรรมก็ยังมีเส้น

วันพุธที่แล้ว ได้แวะที่บูท 042 ให้พบคนไข้เก่ารายหนึ่ง เธามาขอความช่วยเหลือจาก อ.สามตา
ท่านผู้นี้ ในอดีตกาล อันไกลโพ้นนนนนน...
ท่านได้ก่อวีรกรรม ไว้มากมาย ทำให้มีโจทย์ ตามทวงหนี้เป็นหางว่าว
หมอสุวิเคยช่วยเรื่องโรคภัยไข้เจ็บได้เรื่องหนึ่ง โรคเก่าหาย โรคใหม่ก็มาแทนที่ เป็นดังนี้ผ่านมาหลายวาระ

ณ. ปัจจุบันถึงคิวของยักษ์ท่านหนึ่งไล่กระทึบยอดอกเธอ วันละสามเวลาหลังอาหารและก่อนนอน (อาการจุกยอดอก หายใจไม่ออก ปวดเสียดหัวใจ)
เธอก็เพียรทำบุญ ขออโหสิ ทำทุกอย่างตามแต่ที่เจ้าหนี้จะร้องขอ
แม้จะยอมรับในกรรมที่ก่อไว้ แต่เธอก็ไม่วาย มีใจร้องขอบ้างว่า ทำบุญให้แล้วนะ เพลาๆการเหยียบยอดอกเธอลงบ้าง เอาแค่วันละครั้งสองครั้งก็พอ หรือวันเว้นวันก็ยังดี
และนี่คือเหตุที่เธอมาหา อ.สามตา ช่วยๆหน่อยเถอะ ขอให้อาการโรคบันเทาลงบ้าง(หายได้เลยยิ่งดี) ให้พอได้หายใจหายคอกันได้บ้าง

อ.สามตา และคุณวิษณุ มองไปมองมา ก็แนะนำให้คุณเธอไปที่ วังพญาไท
ให้ไปไหว้ขอพร ท่านท้าวหิรัญฮู
นัยว่า กาลครั้งหนึ่งเธอเคยอยู่ที่นี่ เป็นลูกหลานเหลนโหลน ท่านเจ้าของวัง
ท่านท้าวหิรัญฮู จึงเป็นดุจดังญาติผู้ใหญ่ การกลับไปกราบไหว้ขอพรจะทำให้โรคภัยเธอดีขึ้น
หมายเหตุ
ท้าวหิรัญพณาสูร(หิรัญฮู)-เป็นพญายักษ์ท่านหนึ่งมีอำนาจและศักดิ์ใหญ่ควบคุมยักษ์ทั้งหลาย ท่านเป็นดุจมือเท้าในการทำงานของท่านท้าวเวสสุวรรณ ในดินแดนสุวรรณภูมิตอนล่าง

สุวิฟังความแล้วให้นึกรู้ทันทีว่า แบบนี้เป็นการใช้เส้นนี่หว่า
เพียงท่านยื่นมือเข้ามา ไอ้ยักษ์ที่ไล่กระทืบยอดอกอยู่ ก็ต้องหยุด
แต่กฏแห่งกรรมก็ยังต้องชดใช้
แล้วจะใช้กันยังไงหละ
ตกลงยังต้องไล่กระทืบอยู่แต่ก็ต้องเบาตีนลงหน่อย ด้วยความเกรงใจ

เฮ้อ...ใช้หนี้กรรม..ก็ยังมีเส้นวุ้ย

 

ไม่อยากใช้หนี้ ใช้กำ
ง่ายมาก..ก็อย่าไป กำ..ให้นอนหงายแบบมือ
รอรดน้ำใส่มือ..ยกใส่โลง ก็หมด กำ แล้ว
เด็กทารกทุกคนเกิดมากำมือแน่น..ฉันจะเอา จะเอา..มาตั้งแต่แบเบาะ
พอโตขึ้นมา ก็จะกำ อีก..แต่ว่า กำเล็ก หรือ กำใหญ่
ขึ้นอยู่กับมโนธรรม
แต่พอ ตาย แบมือ ปล่อยหมด..
เอาอะไร ไปด้วยไม่ได้..แม้แต่วิญญาณ ก็ไม่รู้ว่า จะรอด หรือ เปล่า
..........................................................................

 

เรื่องเล่าก่อนนอน คืนนี้ (ต่อ)
วัดในเมืองไทย
...........................................
รูปแบบวัดที่ ห้า "วัดแห่งแสงธรรม"
เป็นวัด อยู่ในกลุ่ม พระปฏิบัติ เน้น วิปัสสนา กรรมฐาน
เป็เนวัดแบบวัด ป่า /วัดสวนธรรม
.......................................................
ไม่เน้นการก่อสร้างที่ ใหญ่โต งดงาม
เป็นวัดที่อยู่กับธรรมชาติ
ฝึกปฏิบั้ติ เพื่อ ความว่าง/ การหลุดพ้น
........................................................
เป็นกลุ่มวัดที่มีอยู่มาก ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
กลุ่มสาย หลวงปู่ มั่น ...หลวง พ่อ ชา
...........................................................
เป็นสายที่ พุทธมามกะ อยากเดินสาย กราบพระ
ได้ เห็น ได้ กราบ เพื่อ บารมีของ ตน
ที่ได้ มากราบพระผู้ ปฏิบัติ อันดี ยิ่ง
...........................................................
(ยังมีต่อ)

 

ถ้าเป็นอย่างที่อาจารย์สุวิบอก สงสัยคราวนี้คงมีการใช้เส้นกันอีกมากมายเลยนะครับ แล้วคนที่ลำบากไม่ใช่ใครหลอกครับ อาจารย์สามตากับคุณวิษณุนั่นแหละครับ แต่ช่วยคนก้อถือว่าเป็นบุญกุศลใช่ไหมครับ ถึงแม้ว่าจะช่วยได้หรือไม่ การที่มีใจคิดที่จะช่วยเหลือคนก้อทำให้เป็นกุศลกรรมแล้วไม่ใช่หรือครับ ผมขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่ได้ช่วยเหลือผู้ที่มีทุกข์ทุกคนนะครับ สาธุ สาธุ สาธุ

 

ใช้หนี้กรรม..ก็ยังมีเส้น 2

ตอนที่ คุณวิษณุเอ่ยปาก พูดถึงเรื่องวังพญาไท และเริ่มแนะนำเธอ
อ.สามตา รีบบอก เฮ้ยๆ ระวังตีนมันโตนา พูดไปพูดมา บอกวิธีการให้เธอผู้นั้นโหม้ด เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย

แหม อ.นะ อาจารย์ น่าจะสะกิดสุวิซะหน่อยนะว่าตีนมันโต้โต

เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เขาฟิตซ้อมกระทืบกันยกใหญ่ แบบว่า เขาแถมรอบเที่ยงคืนนะ
ทำเอาเธอไม่รู้อยู่ รีบโทรหาสุวิกลางดึก ด้วยรู้สึกมันจาอกแตกตายแล้ว

สุวิงัวเงียมะงุมมะงาหลา โผ่ลเข้าไป หวังช่วยบันเทาทุกข์ เลยถูกลูกหลงเข้าที่กลางหลัง จุกไปหลายวัน
ตีนมันโต้โตจริงๆ

งานนี้แต่แรก สุวิเข้าใจว่าเธอถูกเบียดเบียนรังแก เลยยุให้แกฟ้องศาล
ให้อีเป็นโจทย์
แต่เรื่องกลับตาละปัด จากโจทย์ กลับกลายเป็นจำเลยเสียฉิบ
เธอถูกฟ้องเป็นบัญชีหางว่าวยาวเหยียด
วีระกรรมเธอสุดยอด สุดยอดจริงๆ

เฮ้ย..ตูช่วยคนผิดเป่าวะเนี่ย