เราไม่มีในกาย กายไม่มีในเรา

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย ขันธ์, 26 ธันวาคม 2008.

  1. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    เรื่องนี้ ถ้าจะมองให้ลึกๆ แล้วจะมองเห็นว่า เมื่อเราสอนในแนวทางของเรา
    ในการดูจิต ท่านก็แค่เพียงสอนว่า นี้คือ จิตตานุสติปัฎฐาน
    หรือท่านบอกว่า นั่นคือ อนุสสติ ก็น่าจะเพียงพอที่ให้คนปฏิบัติ ไปดำเนินการต่อ

    ซึ่ง ความเป็นจริง ผมก็กำลังพูดอยู่ว่า ปัญหาที่คนปฏิบัติไม่ก้าวหน้าเพราะกำลังกุศล นั้นไม่เพียงพอ คือ กำลังของจิตของสมาธิ และ กำลังกุศลต่างๆ ซึ่งนี้แหละคือ ต้นเหตุที่ทำให้คนไม่ก้าวหน้า
    แต่เมื่อผมกล่าวให้คนทำตามนั้น ซึ่งมิใช่เรื่องผิดเลย และเป็นเรื่องที่คนส่งเสริม ท่านนิวรณ์ก็กลับสอนไปในทิศทางที่บอกว่า ฌาณเป็นเรื่องกรรมฐานหัวตอบ้าง ฌาณเป็นเรื่องทั่วไปไม่ใช่เฉพาะของพุทธบ้าง หรือ การพิจารณาธรรมไม่ดีบ้าง ต้องให้มันดับไปเอง ประหารไม่ได้
    ท่านไม่คิดหรือว่า นั่นคือการปฏิเสธ ในสิ่งที่ผมพูด

    ท่านนิวรณ์ คำพูด ในสถานการณ์หนึ่งๆ นั้นชี้เจตนาทั้งปวงได้ แม้คำพูดนั้นจะกินความไม่หมด ในเวลานั้น

    ก็ฝากตรงนี้เอาไว้อีกเรื่อง
     
  2. Sujinno

    Sujinno Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    174
    ค่าพลัง:
    +90
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 5 คน ( เป็นสมาชิก 5 คน และ บุคคลทั่วไป 0 คน ) </TD><TD class=thead width="14%">

    </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>Sujinno, nunnapath, ขันธ์ </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">"เธอจงระวังความคิดของเธอ
    เพราะความคิดของเธอจะกลายเป็นความประพฤติของเธอ
    เธอจงระวังความประพฤติของเธอ
    เพราะความประพฤติของเธอจะกลายเป็นความเคยชินของเธอ
    เธอจงระวังความเคยชินของเธอ
    เพราะความเคยชินของเธอจะกลายเป็นอุปนิสัยของเธอ
    เธอจงระวังอุปนิสัยของเธอ
    เพราะอุปนิสัยของเธอจะกำหนดชะตากรรมของเธอชั่วชีวิต"
    ( หลวงพ่อชา สุภัทโท วัดหนองป่าพง ) </TD></TR></TBODY></TABLE>ขอยก คำสอนพระอริยเจ้าอีกท่านหนึ่งมา เพื่อบอกให้รู้ว่า การปฏิบัตินั้นมิใช่การนั่งรู้ดูเฉย
    และ การปฏิบัตินั้นควร ทำอะไรเป็นหลัก

    สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 ธันวาคม 2008
  3. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    คุณขวัญครับ นั่นเป็นเพราะอะไร เพราะว่า กุศลที่มีสมาธิ มีสติเป็นกำลัง นั้นยังไม่มากพอที่จะทำให้คุณขวัญเสถียรนะสิ คุณขวัญถนัดแบบดูจิตก็ทำไป แต่อย่าลืมว่า
    คุณขวัญจะต้อง ประพฤติชอบ คือ การดำเนินการออกจากกิเลส คือ ฝืน ละ ในวิถีประจำวันด้วย นั่นเป็นคำสอนของสมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า

    ไม่ใช่ว่าดูเฉยแล้วมันจะดับไป แล้วมันจะเสถียร กว่านี้
    สวดมนต์ไหว้พระ ทำบุญตักบาตร การฟังเทศฟังธรรม ในชีวิตประจำวัน เป็น เรื่องประพฤติชอบ การงานชอบ เลี้ยงชีพชอบทั้งสิ้น นี้คือทางเดิน ที่ถูกต้อง

    อย่าไปทำแต่วงแคบ และปิดกั้นวิถีชีวิตประจำวันที่ถูกต้องด้วยความสับสนหรือกลัวว่าจะดำเนินการผิด หรือละเลยต่อ การพิจารณาธรรมเลย เมื่อนิวรณ์คุณขวัญดับไป ก็จะเห็นทาง
    ที่เหมาะสม เอง

    สุดท้าย ธัมมวิจย คือ องค์ธรรมที่เหมาะสมต่อพระอริยะเจ้า
    ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา คือ องค์ธรรมที่เป็นกำลัง และสนับสนุนให้เราเดินไปถูกต้อง อย่าลืม ทำชีวิตให้ประกอบไปด้วยสิ่งเหล่านี้
     
  4. Sujinno

    Sujinno Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    174
    ค่าพลัง:
    +90
    ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา คือ องค์ธรรมที่เป็นกำลัง และสนับสนุนให้เราเดินไปถูกต้อง
     
  5. eddy1965

    eddy1965 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    369
    ค่าพลัง:
    +475
    ผิดใจอะไรกันหรอ
    นักปฏิบัติธรรมขั้นสูงนะ เขามองว่าเป็นเรื่องธรรมดาๆ
    สภาวธรรมอันหลากหลายมิติ เก่งๆ กันทั้งนั้น
    ถนนหลายสาย สุดท้ายก็บรรจบที่เดียวกัน
    โกธรกันไปใย บริหารความโกธร ด้วยกันไม่โกธร
    โอ๋ จิตจ๋า จิตเจ้าอยู่ เจ้ารู้ไหม ข้านี้ตามเจ้าไม่ค่อยจะทัน
    เจ้าฉลาดและลึกล้ำกว่าที่ข้าคิดแฮ่ะ
    เอาเถิดๆ ขอให้ทุกท่านเจริญในธรรม
     
  6. eddy1965

    eddy1965 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    369
    ค่าพลัง:
    +475
    คุณเอกวี ไม่นำเสนอข้อคิดเห็นบ้างหรือ
    เห็นจดๆ จ้องๆ เมื่อไรจะเริ่มสักทีละ พ่อมหาจำเริญ
     
  7. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ^.^ --

    สัมมาทิฏฐิ มีได้โดยเจริญสติปักฐาน รู้กาย รู้ใจ รู้ทันจิตตนเอง รู้ดี รู้ชั่ว รู้ละอายอาย ต่อบาป ก็พอแล้วสำหรับเรา
    ของคนอื่น จะเอา ออฟชั่นเพิ่มเติมขนาด ก็แล้วแต่ใจ วาสนาและ บารมีของตน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 ธันวาคม 2008
  8. เกสท์

    เกสท์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    765
    ค่าพลัง:
    +18
    ผมคิดว่ามีฌาณก็ดีครับ
    เพราะเป็นปัจจัยต่อ
    เตวิชโช ฉฬภิญโญ จตุปฏิสัมภโท
    เป็นเครื่องมือช่วยคนอื่นพ้นทุกข์ได้ด้วยครับ
    ก็แล้วแต่ใคร ตั้งจิตอธิษฐานอย่างไรครับ
     
  9. เกสท์

    เกสท์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    765
    ค่าพลัง:
    +18
    คุณ ขวัญ ครับ

    เดี๋ยวนี้หลังการโพสต์ข้อความ
    คุณขวัญเคยรู้สึกอย่างนี้มั้ยครับ

    "เอ๊...ทำไมเราโพสต์ข้อความอย่างนี้นะ"
     
  10. eddy1965

    eddy1965 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    369
    ค่าพลัง:
    +475
    กล่าวได้ถูกต้องแล้วครับ จริตมันคนละสาย คุยกันลำบาก
    โดยปกตินักปฏิบัติส่วนใหญ่ เขาปฏิบัติคู่กันไปเสมอ เหมือนเงาตามตัว
    เจริญปัญญามาก อัตตาก็มาก ชักเพี้ยน ตราบใดยังต้องทำมาหากินทางโลกอยู่
    ก็ให้มันสมดุลทั้งทางโลกและทางธรรมไม่ดีกว่าหรือ ปล่อยให้พระอริยะเจ้าเขาทำกันเถอะ
    อยากหลุดพ้น ก็ไปบวชเสีย จะได้อนุโมทนาเต็มกำลัง
     
  11. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    ท่านนิวรณ์ ที่ท่านกล่าวว่าผมไม่เป็นกลาง ไปเห็นทางเดียวกับธรรมภูตินี่ ยิ่งแล้วไปใหญ่
    เพราะผมด่ากับธรรมภูติมาตลอด

    และผมแทบจะไม่ได้อ่านที่ท่านทะเลาะอะไรกับธรรมภูติมากนัก เป็นเพียงอ่านผ่านๆ เพราะว่าผมไม่อยากจับประเด็นรายละเอียด เอาแ่ค่ว่า ใครพูดอะไรไม่เป็นธรรมผมก็แสดงความเห็นของผม ก็เลยตำหนิธรรมภูติไปมาก

    ทีนี้มาถึงประเด็นตัวท่านเอง ผมพยายามพูดหลายครั้งแล้วแต่ท่านไม่เข้าใจประเด็น ท่านยังหลงประเด็นของตัวท่านเอง เพราะท่านมองไม่เห็น ทิฎฐิของท่าน
    ส่วนทะเลาะอะไรกับท่านผมไม่ได้ทะเลาะหรอก และ ลงให้ธรรมมาตลอด

    ส่วนที่ผมกล่าวว่า ท่านวิมุตติ ไขว้เขวในตอนนั้น เพราะว่า ก่อนหน้านั้นวิุมตติเคยมาถามผมว่า ดูเฉยๆ ดีหรือไม่ดี ผมก็ว่าไปว่า ดูเฉยๆ มันจะไปดับกิเลสอะไรได้ เขาก็ไม่ฟังผม จนมาเดี๋ยวนี้ ฟังหรือไม่ฟังก็ไม่รู้ เลยลูกผีลูกคนอยู่อย่างนั้น

    ท่านนิวรณ์ ธรรมของท่านหรือของผมอธิบายครอบกว่า ท่านควรลงให้ธรรมอันนั้น
    ธรรมอันใด แคบกว่า ก็ควรยอมรับ ธรรมอันกว้างกว่า มาพิจารณา
    ผมไม่ได้ปฏิเสธ ธรรมของท่าน แต่ผมปฏิเสธ มิจฉาทิฎฐิของท่านที่ ไปที่ไหนท่านก็จะยกแนวมองรู้ดูเฉยตะพรึดตะพรือไป โดยไม่ได้มองอรรถรอบข้าง และแถมยังไปบอกว่า ทำสมาธิ ไม่จำเป็น ข้อนี้คงไม่ต้องอธิบายกันหลายครั้ง

    ผมก็ยอมให้ท่านตั้งหลายครั้งว่า ก็แล้วแต่ท่าน และ ชวนท่านมาสนทนา แล้วจะหาว่าผมไม่เป็นกลางอย่างไร ท่านนิวรณ์

    ผมแนะนำให้ท่านพิจารณาดีๆ แล้ววางอัตตาลง แล้วท่านจะเห็นความจริง

    สำหรับ เกสท์ ที่กล่าวว่า

    นี้เป็นสัญญาณ ที่ดีและไม่ดี ที่ว่าดีคือ มีสติหลังกาล และยังคำนึงถึงถูกผิด

    ที่ว่าไม่ดี คือถ้ามากไปก็จะกลายเป็น ลังเลในธรรม ยังเกรงต่อ คำครหา เพราะนั่นไม่ได้ออกด้วยธรรมจากใจ

    ก็ไม่ผิดอะไรที่จะรู้สึกอย่างนั้น เพียงแต่ผมชี้ให้เห็น เท่านั้น
     
  12. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    ท่านนิวรณ์ พูดประชดประชัน โดยไม่ได้คำนึงถึงอรรถธรรม

    มันคนละเรื่องไปเลย กับความชั่ว

    คุณนิวรณ์ ธรรมะ ที่คุณมี มันไม่ได้ขัดเกลาเลยหรือ ว่าให้มีสติระลึกว่า อะไรคือธรรม อะไรไม่ใช่ธรรม หรือว่า คุณปล่อยให้กิเลสมันเพ่นพ่าน แล้วตามรู้ดูเฉย

    วิถีจิตเคยชินไปในทางไหน มันก็วิ่งไปทางนั้น ดุจดังน้ำป่าไหลหลากและมีกำลัง
    ช่องทางไหนเป็นทางน้ำ มันก็ไหลไปวิ่งไป

    ผมพูดเสมอว่า ปิดทางอกุศล ด้วยการยับยั้ง ฝืนระงับ นั้นแหละเสมือนค่อย ปลูกป่ากั้นทำเนียบ ทางใดเป็นทางกุศลให้ถางทางนั้นให้มาก ให้ลึก ให้ตรง แล้วทางน้ำนั้นจะไหลไปสู่ทะเลอย่างไม่มีพิษมีภัย เรียบง่ายและมั่นคง
     
  13. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    อีกประการหนึ่ง ที่จะฝากไว้คือ การทำสมาธิ การพิจารณาธรรม การต่อสู้กับกิเลสด้วยปัญญา หาใช่เป็นทางแห่งฤทธิ์ เพราะผมไม่ได้พูดให้คนมีฤทธิ์ทำ แต่พูดให้ทุกคนว่า ใครที่จะปฏิบัติธรรม หรือใช้ชีวิตในวิถีของมนุษย์ ก็ล้วนแล้วแต่ควรจะต้องทำตามในสิ่งที่ผมพูด คือ อย่าตามกิเลส ต้องฝืน ต้องทวน และ เจริญ สติ สมาธิ เพียงแต่ คนไม่ตระหนัก มักจะไปตามทางแห่งกิเลส เช่นว่า วิถีประจำวันเรายังดีไม่พอ เราจะไปคว้าธรรมระดับสูง

    วิถีชีวิตประจำวันเรายังขี้เกียจอยู่ แล้วจะไปคว้าธรรมไตรลักษณ์
    วิถีชีวิตประจำวันเรายัง ไม่ซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกตน แล้วจะไปคว้าธรรมแยกรูปนาม

    นี่เหล่านี้มันได้ไปแต่สัญญา มันไม่ได้ที่จิตเลย

    เมื่อทำสิ่งเหล่านี้ดีระดับหนึ่งแล้ว จึงค่อยๆ ดูสรรพสิ่งให้ละเอียดลึกซึ้ง

    ทุกอย่าง เพราะอำนาจกิเลส เราจึงทำอะไรไม่ตรง ผิดทิศผิดทาง เรียกว่า สีลพตรปรามาส
    จะทำก็ทำไปผิดๆ เพราะเขาบอกว่า ทางนี้แหละ ดูเฉยนี่แหละดี ที่สุด บรรลุธรรมได้
    สติปัฎฐานนี้แหละดีสุด บรรลุธรรมได้

    ก็ยังเห็น คนมีธรรม มากมายที่ เกลียดแค้น คนอื่นไม่ทำหน้าที่ตนให้ดี ทำนั่นโปะนี่ เพราะนี่แหละอำนาจสีลพตรปรามาส

    เพราะฉะนั้น กุศล นี้อย่าลืม ทำให้พร้อม ฝึกจิตฝึกใจ อย่าบอกว่า ทำอยู่แล้วเป็นธรรมง่ายๆ

    ถ้าดีครบทุกอย่างแล้ว ไม่มีขี้เกียจเลย ไม่มีฟุ้งซ่านเลย ไม่มีขลาด ไม่มีกลัว
    ไม่มี ข้อวัตรที่จะต้องปรับปรุงและฝืนเลย นี่มันพระอรหันต์แล้ว
    ศีล 5 นี้ทำให้บริบูรณ์ยังเป็นเรื่องยากที่สุด
    สมาธิ ให้ดี ให้นิ่ง ปราศจากนิวรณ์ก็เรื่องยาก

    นี่เรื่องเหล่านี้ ควรพิจารณาให้มาก
     
  14. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    เดี๋ยวผมขอตัวไปทำธุระ เลยขอตอบติดๆ กันไปเลย แล้วพรุ่งนี้จะมาอ่านใหม่

    มิจฉาทิฎฐินี้ แก้ยากหรือง่าย ขึ้นอยู่กับว่า เขาปักใจลงไปในสิ่งที่เขาเป็นลึกเพียงใด

    ผมเห็นคนหลาย คนในที่นี้ ก็คิดว่าเขามีสัมมาทิฎฐิกันทั้งนั้น เพราะเป็นเรื่องปกติของมนุษย์ที่จะเข้าข้างตนเองก่อน แต่ว่าพอเริ่มจะเห็นว่า ธรรมของเขายังไม่ครอบคลุม เขาก็พัฒนาตน ยังฟังคนอื่น ยังน้อมใจเชื่อคนอื่น นี้เรียกว่า ประเสริฐ ยังมีทางพัฒนา
    แต่หากว่า ไม่ฟังใครเลย ไม่เชื่อธรรมของใครเลย เชื่อแต่ตรรกะตน แบบนี้ เมื่อมีมิจฉาทิฎฐิเข้ามาแล้ว พัง และพญามารชอบคนประเภทนี้
    ผมทำตัวอย่างให้ดูตั้งหลายครั้ง เวลาใบไม้นอกกำมือพูด เรายังต้องเอามาคิดบ้างในบางเรื่อง ก็พยายามทำให้เป็นตัวอย่าง เวลาคนที่เป็นอริกับผมพูดผมก็ยังต้องเห็นตรง เมื่อธรรมนั้นตรง

    นี้คือ การมองตามธรรมอย่างไม่เอนเอียง ซึ่งจะเป็นกุศลที่คอยปิดไม่ให้เราเดินทางผิด

    แต่ ถ้าหากว่า ปักใจเหนียวแน่น ยิ่งคนๆ นั้นเป็นคนที่มีทิฎฐิสูงแล้วละก้อ จบทาง

    ธรรมะอยู่ที่ใจ ดังนั้น คนที่ฝึกละกิเลส ทำสมาธิ ฝืนกิเลส สุจริตต่อความรู้สึกตน ไม่ไปตามทางแห่งความคิดที่มาจากกิเลสแล้ว เขาจะไม่มีทางไปในทางฝ่ายมิจฉาทิฎฐิ
    และถึงแม้ไป ก็ดึงกลับไม่ยาก

    และการคิดว่าตนถูก ไม่ใช่เรื่องผิด แต่ต้องไม่ปักใจ เพราะนั่นเท่ากับว่า เราไม่ประพฤติตามหลักกาลมสูตร
     
  15. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    คุณหล่อ คุณไม่จำเป็นต้องรู้มากเรื่องพระพุทธศาสนาหรอก
    แต่คุณควรรู้เรื่องทั้งหมดเกี่ยวกับใจคุณ ว่ามันเป็นอย่างไร มันหลอกหรือมันจริง
    อะไรหลอกก็ต้องรู้ อะไรจริงก็ต้องรู้ เพราะจิตใจคนมันเป็นเช่นนั้น จึงต้องศึกษาเกี่ยวกับใจตนให้ดี

    สวัสดีปีใหม่เช่นกัน
     
  16. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ก็รู้สึก แต่ก็ปล่อยไป แล้วตามด้วย อุเบกขาบ้าง หลงยินดีบ้าง หลงไปชอบบ้าง
    แต่มักจะรู้ตัว ถ้าไม่รู้ตัวเพราะเพลิดเพลิน สนุกไปแล้ว ก็จะรู้ตัวอีกทีตอนที่รู้ว่าเผลอ

    ตั้งแต่ เริ่มดูจิต ดูอาการของจิต ได้บ้าง มีสติรู้ทันจิตตัวเอง ได้บ้าง
    และไม่ได้บังคับ ข่มจิตข่มใจ ปล่อยจิตให้เป็น อิสระ โล่ง โปร่ง เบา
    เวลาโพสท์ข้อความ ก็คือดูคิดมันทำงานไป ตอบสนองต่อสิ่งกระทบ
    รู้ทัน อารมณ์ ความรู้สึกยินดี ไม่ยินดี ชอบใจ ไม่ชอบใจ
    สิ่งที่โพสท์ออกมาจากความคิด จะเปลี่ยนไปจากเราที่เป็นคนเดิม
    จนบางที ก็ไม่อยากจะเชื่อว่า นี่เป็นความคิดของเรา

    การยอมโพสท์ข้อความที่ล่อแหลม และรู้ว่าจะมีผลกระทบตามมา
    แต่ยังทำ เพราะต้องการให้ จิตเรียนรู้ และเราเองต้องการฝึก อุเบกขา
    ต่อความรู้สึก ของจิต ส่งออกมา ให้จิตรู้ ให้จิตอ่าน ให้จิตเห็นผลกระทบ
    เรามีแต่ อุเบกขา ต่อความรู้สึกที่เกิดขึ้น ใครจะเห็นเรา ดี ไม่ดี ถูก ไม่ถูก
    เห็นด้วย หรือไม่เห็นด้วย ก็อุเบกขาไป ถ้าอุเบกขาไม่ได้ ก็ให้รูตัวไป ว่า
    จิตมียินดี ยินร้าย มีชอบ ไม่ชอบ

    เมื่อทำได้ระดับหนึ่ง ความคิดของเรา จิตของเรา จะเรียนรู้ และทำได้ถูกต้อง
    ต่อสถานการณ์ ขึ้นมาได้เอง เพียงแต่เรารู้เท่าทันจิต จิตจะปรับปรุงตัวเอง

    ถ้าเรารู้ไม่ทันจิต บ่อยๆ มันก็เป็นนิสัยติดตัวไปเหมือนกัน ก็ต้องกล้าลงทุน
    อยู่ที่จริต ส่วนตน แต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน บางคนก็ปล่อยไม่ได้ เพราะ...
    เหตุผลส่วนตัว บางคนปล่อยแล้ว เข้าป่าไปเลย ก็มี ก็ต้องรู้ตัวเอง

    เรื่องฌาณนั้น พระอาจารย์ที่เรานับถือ ท่านแนะนำว่า กิจกรรมที่ทำแล้วจิต
    อิ่มเอิบเป็นสุข ทำแล้วมีจิตโปร่ง โล่ง เบา ก็มีผลเป็นสมถะ ก็ได้ฌาณเพียงพอ
    ที่จะช่วยให้จิตตั้งมั่นพอแก่การดูจิตได้เช่น การทำบุญตักบาตร ระลึกถึงความดี
    เช่น การนึกถึงศีลที่ได้ทำไว้ดีแล้ว การเสียสละ การทำกุศลแบบต่างๆ
    การอาสาสมัคร เสียสละเพื่อผู้อื่น การตอบแทนบุญคุณผู้มีคุณ พ่อแม่
    หรือแม้แต่การดูภาพ ระลึกถึง ครูบาอาจารย์ ก็ได้ผลให้จิตมีความสุข
    ได้ผลเป็นการทำสมถะ

    เรื่องอารมณ์ ความรู้สึกทั้งหลาย อัตตา ตัวตน ภาพลักษณ์ของตน
    ล้วนไม่มีสาระให้ยึดมั่นถือมั่น ได้แต่ ดู รู้ อุเบกขา ปล่อยใจ แต่ไม่ปล่อยกาย
    เราก็พยายาม ตั้งมั่นให้ได้แนวนี้ ถ้าหลุดไปบ้าง ก็ปล่อยไป แล้วตามรู้ใหม่ให้
    ทัน ไม่ดัดแปลง ไม่แทรกแซง เพราะ เรากำลัง ดูผู้ร้ายในตัวเรา
    ให้แสดงตัวตนออกมา แต่ก็มีทั้งร้าย และดี ก็อย่าไปหลง ชอบหรือเกลียด
    เพราะ ที่เป็นไปนั้น ก็เพราะจิตไม่รู้ตัว นั้นเอง เราจะช่วยให้ จิตรู้ตัว
    เพื่อ ละสิ่งไม่ดี และทำสิ่งที่ดีที่ควร ต่อไป อาจไม่ตรงแนวทางของคนอื่น
    แต่เราก็ทำดังนี้อยู่ ทำด้วยวิจารณญาณส่วนตน

    ปล. อยากจะบอกว่า อย่าเพิ่งแน่ใจในตัวเอง ทิฏฐิใดในเรา จะรู้แจ้งว่าสัมมา
    หรือมิจฉา ควรเข้าปรึกษาครูบาอาจารย์ ที่รู้แจ้งเห็นจริง ท่านจึงจะปรับ ทิฏฐิ
    ในตน ให้เข้าตรงทางได้ ทิฏฐิในตน ก็จะปรับเข้าทาง อาจารย์ที่ตรงจริตเรา
    ได้เอง ถ้าจะคิดเอง รู้เอง นึกได้แล้วตรงทางเอง ก็ไม่แน่ใจนะ ว่าจิตมันจะพา
    เข้าป่า หรือ ถึงฝั่ง พูดจากประสบการณ์ส่วนตัวนะ คนอื่นก็อาจเป็นแบบอื่น
     
  17. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    ถูกต้องครับ ว่าเป็นการประชดประชัน

    แต่ทั้งนี้ ก็เพื่อชี้ว่า อ.ขันธ์ จะกล่าวธรรมะชนิดประโยชน์ต่อบุคคล
    เพียงคนเดียว โดยมุ่งไปที่คุณขวัญเป็นการเฉพาะ ด้วยประโยคที่เป็น
    ธรรมทั่วไปทำไม

    คนๆเดียว ได้รับธรรมแบบกว้างๆ นี่หรือครับการชี้เฉพาะประโยชน์
    ส่วนบุคคล แบบนี้ไม่ต้องระบุชื่อก็ได้ ผมจะไม่เอามาประชดประชัน
    เลย

    การกล่าวธรรมะแบบกว้างๆ เพื่อลงที่คนๆ เดียว ก็คือ การกระทำของ
    บุคคลที่หวังผลให้เกิดความถูกต้องเป็นแม่นมั่นแน่นอน มั่นใจว่าไม่มี
    ทางผิดไปได้ เหมือนเหวี่ยงแหเพื่อจับลูกกุ้งเพียงตัวเดียว

    พูดง่ายๆ ก็เหมือนที่ใครๆ เขาตั้งข้อสังเกตุไว้กับ อ.ขันธ์ เช่น

    คุณเกสท์ " อ.ขันธ์ มีแต่ speech (สุนทรพจน์)"

    เต้าเจี้ยว ธรรมภูติ November ฯลฯ "อ.ขันธ์ ไม่รู้จริง"

    ส่วนตัวผม หากจะชี้กันตรงๆ ก็ต้องบอกว่า "อ.ขันธ์ ยังไม่ตื่น"
    (เพราะ สติ ที่เกิดเอง ที่เป็น สังขาริกัง ตามพระไตรปิฏก ยังไม่รู้จัก
    ก็แปลว่าไม่เคยตื่น -- ซึ่งตีความไปถึง ระดับที่ อ.ขันธ์ พยายามบอก
    ว่าเป็น ว่ามี ว่าถ้าปรามาสอาจารย์แล้วต้องตกนรก ผมเห็นว่า ไม่มีฐานะ )

    พูดอีกอย่างแบบประชดประชันเต็มๆ ก็คือ ต่อไปนี้ผมจะเรียก อ.ขันธ์
    ว่า ธรรมภูติ#2

    ซึ่งก็หมายถึง ต่อไปนี้ มีแต่ ธรรมภูติ#2 ถูกแต่ผู้เดียว นอกนั้นผิดหมด
     
  18. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    ความที่อยากข้ามฐานะ มันก็เหมือนกับอยากหนีทุกข์ ความอยากตรงนี้ก็ควรพิจารณา แล้วพยายามเลิกสนใจ หันมาดูกิเลสที่มีให้ครบถ้วน ถ้ายังไม่เห็นกิเลส ก็พิจารณาตรงทุกข์นั้นให้มาก

    อะไรเกิด อะไรปรุง อะไรทุกข์ ก็เพียรละทำ

    อนุสัย เห็นได้ไม่ยาก แต่เห็นแล้วไม่รู้จะทำไงกับมัน เพราะมันล่ะได้ยาก บางทีก็คล้อยตาม บางทีก็เศร้าหมอง บางทีก็เพลินสักพัก

    อนุสัย มันดำรงอยู่เป็นรากลึก ต้องเพียร ต้องพิจารณา ต้องเห็นมันตามจริงให้ได้ก่อน ^-^
     
  19. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    อ้างถึงคุณจินนี่

    ต้องเห็นมันตามจริงให้ได้ก่อน ^-^

    อนุโมทนา เป็นอย่างยิ่ง เจ้าค่ะ<!-- / message --><!-- sig -->
     
  20. เกสท์

    เกสท์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    765
    ค่าพลัง:
    +18
    ที่ถามไม่ได้มีเจตนาที่เป็นอคติต่อ คุณขวัญ ครับ
    เพียงแต่เห็นว่าข้อความ ของคุณขวัญ ระยะหลัง
    เหมือนผู้โพสต์มี กำลังสติมากขึ้น ครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...