เบื้องหลังภัยพิบัติของโลก ก็คือพวกเรา (หรือพวกมีพลังจิตแรงๆ) ที่ตอกย้ำภาพน่ากลัวให้กลายเป็นจริงหรือเปล่า ?

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย Gow27, 28 พฤษภาคม 2009.

  1. U2

    U2 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2008
    โพสต์:
    33
    ค่าพลัง:
    +21
    กงเกวียนกรรมเกีวียน ทุกสิ่งในโลกมีเกิดก็ย่อมมีดับ อย่าคิดมาก ทำวันนี้ให้ดีที่สุดก็พอแล้วจ้า ^^
     
  2. อัสติสะ

    อัสติสะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    184
    ค่าพลัง:
    +392
    ภัยที่น่ากลัวที่สุดก็อย่างที่เราทราบกันว่ามาจากกิเลสตัณหาของมนุษย์ทั้งนั้น
    เราก็รู้กันอย่างเต็มอก ไม่ต้องไปถามใครที่ไหน ภัยธรรมชาติมันเกิดจากเราทั้งนั้น
    สิ่งที่ท่านทั้งหลายย้ำเตือนนั้นไม่ได้มีจุดหมายให้ท่านเตรียมตัว เพื่อสร้างเรือ สร้างยานหนีไปจากโลก
    แต่เราต่างต้องเตรียมใจรับกับความเปลี่ยนแปลง และยอมรับเหตุที่มันจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้

    ทุกครั้งที่เราดื่มกิน เที่ยว สตาร์ทรถ หรือ หรือกิจกรรมต่าง ๆ เรามีส่วนในการสร้างดุลของธรรมชาติให้เกิดการ
    เปลี่ยนแปลง ตามหลักของเทอร์โมไดนามิกส์ครับ

    เมื่อโลกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ตามธรรมชาติ เพื่อรักษากฎแห่งความสมดุล
    โลก(ธรรมชาติ)ก็ต้องปรับตัวอย่างรวดเร้วเพื่อเข้าหาจุดสมดุลอีกครั้ง กลาบเป็นภัยพิบัติอย่างที่เราประสบกัน

    มันก็เป็นอย่างนั้น
     
  3. น้oJwoใจ

    น้oJwoใจ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    53
    ค่าพลัง:
    +20
    สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรมค่ะ....มนุษย์คือผู้สร้างและในขณะเดียวกันคือผู้ทำลาย...หินดินทรายไม้ที่คนนำมาสร้างที่อยู่อาศัย.....ก็ต้องไปทำลายธรรมชาติเพื่อที่จะให้ได้มาซื้งความต้องการของคน....พอถึงเวลา....ธรรมชาติเค้าจะปรับความสมดุลย์ของธรรมชาติโดยอัตโนมัติ....

    พระพุทธเจ้าท่านถึงได้บอกสัตว์โลกทั้งหลาย....ว่าทุกอย่างไม่เที่ยง...ทุกอย่างมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ....ถ้าคนเรารับการเปลี่ยนแปลงในสิ่งต่าง ๆ ได้....ก็จะเป็นสุข....ถ้าคนเรารับการเปลี่ยนแปลงในสิ่งต่าง ๆ ไม่ได้....ก็จะทำให้เกิดทุกข์....

    ถ้าวันนั้นมาถึง.....จะได้บอกกับตัวเองว่า "....รู้แล้วว่าวันนี้จะต้องมาถึง...."
     
  4. chevasit

    chevasit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    175
    ค่าพลัง:
    +424
    โลกเราเป็นไปตามจิต มนุษย์ (โดยรวม)
    ถ้ากระแสสังคมโดยส่วนใหญ่ในโลก ส่งเสริืมความดี และการเกื้อกูลกัน ให้อภัยกันก็ดี แต่น่าเสียดาย นโยบายเกือบทุกรัฐบาล ในโลกนี้ส่งเสริมการมีเงินมากๆ ให้คนในประเทศหาเงินให้เก่งๆ โดยมองคนดีแต่ไม่ค่อยมีเงินนั้นเป็นพวก ไม่มีเพาเวอร์ และไม่น่าเอาเยี่ยงย่างเพราะมันไม่เพิ่ม GDP ของชาติ ซึ่งเอาไปอวดชาติอื่นๆ ไม่ได้ เพราะฉะนั้นเงินต้องมาก่อน ความดีงาม นี้คือนโยบาย ที่ประเทศในโลกนี้ส่วนใหญ่ เขาคิดกัน ซึ่งจะนำพาไปสู่ผล อันใดนั้น ก็คงจะเดาไม่ยากนัก เพียงแต่จะช้าหรือเร็ว เท่านั้นเอง
    เมื่อพิจารณาโลก แล้ว พิจารณาประเทศไทยเรา พิจารณาครอบครัวเรา พิจารณาตัวเรา กระแสโลกเป็นอย่างนี้ เราจะเดินเช่นไร จะเดินสวนกระแส หรือตามกระแสโลก ....ไม่ว่าคุณจะเลือกเส้นทางใหน ก็ไม่มีใครว่าได้เพราะนั้นเป็นสิทธิ์ ของคุณ พระพุทธเจ้า พระศาสดาจารย์ และพระอริยะทั้งหลาย เพียงแต่ชี้ให้คุณให้เหตุและผล ของกรรม ของแต่ละเส้นทางเท่านั้น
    ทว่า ในเมื่อ คนส่วนใหญ่ ในโลกซึ่งเป็นเืพื่อนทุกข์ ของเรา เขาเลือกเส้นทางนั้นๆ แล้ว และกำหนดผล ไ้ว้แล้ว(ไม่ว่าเขาจะรู้เรื่อง กฎแห่งกรรม หรือไม่ก็ตาม) เราซึ่ง เกิดมาในสมัยเดียวกัน ก็คงทำบุญ หรือสัมพันธ์ กันมาบ้าง จะเป็นอย่างไรก็ต้อง ได้รับผลกระทบ ไปด้วยไม่มากก็น้อย ซึ่งต้องยอมรับความจริงและมีสติ เสมอ ไม่ว่าสิ่งใดๆ จะเกิดขึ้น

    โดยส่วนตัวแล้ว ผมเป็นคนที่ไม่ชอบความอ่อนแอ หรือต้องให้คนอื่นมา สงสารหรือเวทนา ในกรรมที่เราได้รับ ผมเชื่อในกฎแห่งกรรมและชอบใจ คนที่มีความมานะ พยายาม ไม่ว่า จุดมุ่งหมายจะลำบากยากเย็น ยังไง ก็ตาม จะไม่ย่อท้อ เพราะว่าอุปสรรคจะทำให้เราเข้มแข็งขึ้น ผมเชื่อว่า ผู้ที่มีเป้าหมายในชีวิตนั้น มันทำให้ชีิวิตในแต่ละัวันมีค่าและน่ารื่นรมย์ อยู่เสมอ ไม่ว่าจะอยู่ภพใหนก็ตาม

    .
     
  5. ROJKAJORN

    ROJKAJORN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,144
    ค่าพลัง:
    +5,350
    เห็นด้วยกับเจ้าของกระทู้ในแง่ กรรมแต่อดีตที่สะสมหมักหมมมานานเป็นเหตุให้เกิดภัยพิบัติทั้งปวงคงแก้ไขไม่ได้ แต่กรรมปัจจุบันคงพอช่วยกันได้ครับ โดยอาศัยการอธิษฐานจิต โดยเฉพาะผู้ที่ได้ฌานตามแต่กำลัง เมื่อเจริญฌาณได้สูงที่สุดแล้วถอยจิตลงมาเพื่ออธิษฐาน แม้จะหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ก็คงพอให้หนักให้กลายเป็นเบาได้ครับ
    ปล กรรมครั้งนี้เลี่ยงไม่ได้ ผมคิดว่าไม่ควรอธิษฐานให้ไม่เกิด แต่ให้ค่อยๆผ่อนใช้ครับ เพราะ กรรมต่างๆไม่หายไปไหน ถ้าใช้อธิษฐานฤทธิ์เลื่อนไปก็มีแต่จะสะสมกันให้เกิดทีเดียวหนักครับ ขอโมทนา

    หากข้าพเจ้าได้กล่าวคำใดแม้ด้วยเจตนาดี แต่อาจเป็นเหตุให้ล่วงเกินต่อพระรัตนตรัย เทพพรหมเทวดา หรือผู้ใดด้วยความโง่เขลา อันเป็นเหตุให้เข้าใจผิดบิดเบือนขอทุกท่านได้โปรดอโหสิกรรมและอดโทษแก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด
     
  6. ผีมังคุด

    ผีมังคุด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    85
    ค่าพลัง:
    +350
    เพ้อเจ้ออีกแล้ว ยายบ๊องค์เอ้ย

    งั้นพี่ชอบรวย ก็จะเจอแต่ความรวยสินะ ...ยายติ๊งต๊อง
    งั้นพี่ชอบพระอรหันต์ ก็ก็คงจะเป็นพระอรหันต์สินะ ...ยายติ๊งต๊อง
    งั้นพี่ชอบผู้หญิงสวย ก็จะเจอแต่ผู้หญิงสวยสินะ ...ยายติ๊งต๊อง
    งั้นพี่ไม่อยากตาย ก็คงจะไม่ตายสินะ ...ยายติ๊งต๊อง

    เพ้อเจ้อทุกวัน สันโดดเอ้ย ไปเช็คประสาทบ้างนะจ้ะ
    คนเราจะเจอกับอะไรมันขึ้นกับ กรรม ไม่ใช่ขึ้นอยู่กับความชอบ หรือ ไม่ชอบ

    ยายติ๊งต๊อง สงสัยคงกลัวตาย จนฟั่นเฟือนไปแล้ว เอิ๊กๆๆ
     
  7. namaste

    namaste Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    121
    ค่าพลัง:
    +55
    แสดงว่าคุณมังคุดไม่เคยอ่าน the secret
    ถ้าง่ายแบบนั้น หนังสือเล่มนั้นก็ไม่สร้างกระแสได้ขนาดนี้หรอกค่ะ
    แรงดึงดูดจากความคิดมันไม่มีชีวิต มันฟังภาษาเราไม่ออกหรอกค่ะ ฟังแต่กระแสความคิด

    ดูจากตอนนี้แสดงว่าคุณมังคุดเห็นว่าความรวยเป็นเรื่องที่แค่คิดๆจะให้เป็นก็เป็นไม่ได้หรอก นั่นแหละ ความรวยห่างจากคุณไปอีกแล้ว

    แต่ถ้ายิ่งไม่อยากตาย นั่นแหละ จะยิ่งดึงดูดความตาย

    ยิ่งกลัวไม่อยากให้ภัยพิบัติเกิด มันก็ยิ่งจะเกิดชัวร์ๆ

    (หรือกรณีที่ฝังใจว่ามันจะเกิด มันก็เกิดแน่ล่ะ)

    เพราะงั้นทำไงดีน้อ

    ทำใจสบายๆดีกว่าค่ะ
    (แต่ก็ชอบเข้ามาห้องนี้เหมือนกันค่ะ สนุกดี ^^;;)
     
  8. Likely

    Likely เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    4,151
    ค่าพลัง:
    +3,821
    ผีมังคุด สุดที่รัก+++

    สมมุติง่ายๆๆไงพี่ เราคิดว่าอยากนอน ถ้ามีเหตุปัจจัยเหมาะสม เราก็ได้นอน
    ก่อนจะเกิดกรรมมันไม่ใช่เพราะความคิดหรอ
    ตัวอย่างนะ
    เช่นคนๆๆนั้นชอบที่จะตกปลา จิตเราก็จะจำว่า
    การได้เห็นปลาถูกทรมานเป็นเรื่องที่น่าสนุก (ถูกโปรแกรมลงไปในจิตใต้สำนึก)
    ชอบ ที่จะเห็นนั่นเอง
    ถ้าว่าตามกฏแห่งกรรมเค้าอาจจะได้เกิดไปเป็นปลาให้เจ้ากรรมตกอีกครั้ง
    เพราะมีข้อมูลในจิตใต้สำนึกเองว่า ชอบการที่เห็นปลาถูกทรมาน
    ดังนั้นจิตใต้สำนึกก็จะผลักไปให้เค้าได้เจอในสิ่งที่ชอบ
    เช่นเดียวกันกับการชอบทำบุญ คือมีความรู้สึกยินดีเมื่อได้เห็นผู้คนทำแบบนี้
    ก็กรณีเดียวกัน ข้อมูลจะถูกเม็มไว้ในจิตอีก
    เมื่อเค้าชอบสภวะแบบนี้ ก็ย่อมได้เจอ เมื่อเหตุเหมาะสม
    .
    .
    .
    อ่านเดอะซีเคร็ทอาจจะเป็นสำนวนต่างชาติมากไป
    แนะนำ เดอะท็อปซีเคร็ท ของทันตแพทย์สม ฯ ดีกว่า
    เพราะจะมีส่วนอธิบายเชื่อมโยงกะหลักพุทธศาสนา คงจะเข้าใจง่ายกว่าละมัง
    ขอให้โชคดี กับความคิดตัวเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 พฤษภาคม 2009
  9. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    เดอะซีเคร็ต (The Secret) ฉบับปกแข็งโดย: รอนดา เบิร์น : Rhonda Byrne / จิระนันท์ พิตรปรีชา สำนักพิมพ์: Amarin Printing


    The Secret หนังสือที่จะเผยความลับ ทำให้ชีวิตคุณสมความปรารถนาในทุกประการ เป็นการรวมข้อแนะนำ

    ประสบการณ์จากผู้เชี่ยวชาญ ผู้นำทางความคิดมากมาย

    หนังสือว่าด้วยเรื่อง ความลับสำคัญของชีวิต คือ กฎแห่งการดึงดูด

    ความลับที่จะทำให้คุณสมความปรารถนาทุกประการ รวมข้อแนะนำ

    ประสบการณ์จากผู้เชี่ยวชาญ ผู้นำทางความคิดมากมาย

    ความลับสำคัญของชีวิต คือ กฎแห่งการดึงดูด

    กฎแห่งการดึงดูด บอกเราว่า สิ่งที่เหมือนกันจะมีแรงดึงดูดเข้าหากัน ดังนั้น เมื่อเราคิดอะไรสักอย่าง

    เรากำลังดึงดูดความคิดแบบเดียวกันเข้ามาหาตัวเรา

    ความคิด มีแรงดึงดูดเหมือนแม่เหล็ก และ ความคิดมีคลื่นความถี่ เวลาที่คุณคิดอะไรสักอย่าง

    คลื่นความคิดจะถูกส่งกระจายออกไปในเวิ้งจักรวาล และดึงดูดสิ่งที่อยู่ในแถบคลื่นความถี่เดียวกัน

    แล้วทุกอย่างก็จะถูกส่งกลับมายังแหล่งต้นกำเนิด ซึ่งก็คือคุณ

    ตัวคุณเป็นเสมือนเสาส่งสัญญาณที่ส่งกระจายคลื่นความคิดของคุณเองออกไป

    ถ้าต้องการเปลี่ยนแปลงอะไรๆในชีวิต คุณต้องเปลี่ยนคลื่นความถี่ ด้วยการเปลี่ยนความคิดของคุณเอง

    อะไรก็ตามที่คุณกำลังคิดอยู่ในเวลานี้ จะสร้างชีวิตในอนาคตของคุณ

    สิ่งที่คุณคิดถึงมากที่สุดและบ่อยที่สุดจะปรากฏเป็นชีวิตรูปธรรมของคุณ ความคิดของคุณ

    จะกลายเป็นวัตถุที่จับต้องได้

    ปรากฎการณ์พิเศษในแวดวงหนังสือ

    ขายดีอันดับ 1 New York Time Best Seller กว่า 35 สัปดาห์ติดต่อกัน

    ยอดขาย มากกว่า 5 ล้านเล่ม ภายใน 6 เดือน

    ใครๆ ก็ต้องอ่าน The Secret แม้แต่ Paris Hilton ยังต้องอ่าน

    ผู้เขียน Rhonda Byrne ได้รับคัดเลือกจากนิตยสาร Time ให้เป็น 1 ใน 100 ผู้ทรงอิทธิพลของโลก

    หนังสือที่สร้างปาฏิหาริย์และแรงบันดาลใจให้กับชีวิตคนนับล้านทั่วโลก ทั้งด้านความรัก การงาน ความมั่งคั่ง และสุขภาพ

    ที่มา http://forums.thaieurope.net/index.php?topic=4264.0;prev_next=prev
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 พฤษภาคม 2009
  10. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    <TABLE class=tborder id=post1233514 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">28-05-2008, 05:04 PM </TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #33 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->สันโดษ<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1233514", true); </SCRIPT>
    ผู้สนับสนุนบริจาค</FONT< div>
    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Oct 2007
    ข้อความ: 8,887
    Groans: 94
    Groaned at 364 Times in 308 Posts
    ได้ให้อนุโมทนา: 26,711
    ได้รับอนุโมทนา 61,884 ครั้ง ใน 9,453 โพส
    พลังการให้คะแนน: 1277 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]



    </TD><TD class=alt1 id=td_post_1233514 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- google_ad_section_start -->(sing) ถูกใจ คน อัด แต่ ไม่รู้ ถูกใจ คนฟังไหมหนอ....?
    ติดขัด ภาษา บ้าง คำ อ่านยาก ก็ ขออภัย นะขอรับ







    แต่ สันโดษ ตั้งใจ มากมายนะเอย นะเอย
    <!-- google_ad_section_end -->
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  11. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    เดอะท็อปซีเคร็ต (The Top Secret)

    <TABLE style="MARGIN-TOP: 10px" cellSpacing=0 cellPadding=0 width=550 border=0><TBODY><TR style="PADDING-BOTTOM: 15px"><TD vAlign=top width=250>โดย: ทันตแพทย์สม สุจีรา <!-- --></TD><TD vAlign=top width=250>สำนักพิมพ์: สำนักพิมพ์อมรินทร์ธรรมะ</TD></TR><TR style="PADDING-BOTTOM: 15px"><TD vAlign=top>พิมพ์ครั้งที่: 1 </TD><TD vAlign=top>หมวดหนังสือ: ธรรมะ/ปรัชญา/ข้อคิด <!-- --></TD></TR><TR style="PADDING-BOTTOM: 15px"><TD vAlign=top>ราคา: 215 บาท</TD><TD vAlign=top>ISBN: 9789740481003</TD></TR><TR style="PADDING-BOTTOM: 15px"><TD vAlign=top>ปก: อ่อน</TD><TD vAlign=top>จำนวนหน้า: 267 หน้า </TD></TR><TR style="PADDING-BOTTOM: 15px"><TD colSpan=2>รายละเอียด: รู้จักสุดยอดความลับของ กระบวนการสร้าง ภาพแห่งความรู้สึก สู่ทุกจุดมุ่งหมายในชีวิต เดอะ ท็อป ซีเคร็ต อธิบายว่าภาพแห่งความรู้สึก มีอานุภาพมาก พลังของมันมาจากจิตใต้สำนึก... ถ้าเราสามารถกำหนดภาพในใจให้เป็นภาพแห่งความรู้สึกทุกครั้ง ทุกสิ่งก็จะเป็นจริงเสมอ

    เดอะ ท็อป ซีเคร็ต จะทำให้คุณเข้าใจเทคนิค การสร้างภาพแห่งความรู้สึก สู่ ภาพแห่งความสำเร็จ ด้วยการวิเคราะห์ด้วยหลักเหตุผล เห็นผลชัดเจนเมื่อนำไปปฏิบัติ ซีเคร็ต คู่มือเล่มสมบูรณ์ในการใช้ชีวิตให้สมความปรารถนา จาก ทันตแพทย์สม สุจีรา ผู้เขียน “ไอน์สไตน์พบ พระพุทธเจ้าเห็น” หนังสือขายดี ปี 2550
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ที่มา
     
  12. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    A NEW EARTH

    Awakening to Your Life's Purpose

    [​IMG]

    Building on the astonishing success of The Power of Now, Eckhart Tolle presents readers with an honest look at the current state of humanity: He implores us to see and accept that this state, which is based on an erroneous identification with the egoic mind, is one of dangerous insanity.

    Tolle tells us there is good news, however. There is an alternative to this potentially dire situation. Humanity now, perhaps more than in any previous time, has an opportunity to create a new, saner, more loving world. This will involve a radical inner leap from the current egoic consciousness to an entirely new one.

    In illuminating the nature of this shift in consciousness, Tolle describes in detail how our current ego-based state of consciousness operates. Then gently, and in very practical terms, he leads us into this new consciousness. We will come to experience who we truly are—which is something infinitely greater than anything we currently think we are—and learn to live and breathe freely.


    ที่มา Eckhart Tolle - A New Earth
     
  13. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    THE POWER OF NOW

    A Guide to Spiritual Enlightenment

    [​IMG]


    The Power of Now has been widely recognized as one of the most influential spiritual books of our time. A #1 New York Times bestseller, it has been translated into over 30 languages. The book has helped countless people around the globe awaken to the spiritual dimension in their lives, find inner peace, increased joy and more harmonious relationships


    To make the journey into The Power of Now we will need to leave our analytical mind and its false created self, the ego, behind. From the beginning of the first chapter we move rapidly into a significantly higher altitude where one breathes a lighter air, the air of the spiritual. Although the journey is challenging, Eckhart Tolle offers simple language and a question and answer format to guide us. The words themselves are the signposts.

    For many of us there are new discoveries to be made along the way: we are not our mind; we can find our way out of psychological pain; authentic human power is found by surrendering to the Now. We also find out that the body is actually one of the keys to entry into a state of inner peace, as are the silence and space all around us. Indeed, access is everywhere available. These access points, or portals, can all be used to bring us into the Now, the present moment, where problems do not exist. It is here we find our joy and are able to embrace our true selves. It is here we discover that we are already complete and perfect.

    Many of us will find that our biggest obstacle to this realization is our relationships, especially our intimate relationships. But again, we are in new territory and all is not what it had seemed before. We come to see that our relationships are yet another doorway into spiritual enlightenment if we use them wisely, meaning if we use them to become more conscious and therefore more loving human beings. The result? Real communion between self and others.

    If we are able to be fully present and take each step in the Now; if we are able to feel the reality of such things as the inner-body, surrender, forgiveness, and the Unmanifested, we will be opening ourselves to the transforming experience of The Power of Now.

    ที่มา Eckhart Tolle - The Power of Now


    <TABLE class=tborder id=post1586117 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">17-10-2008, 08:09 PM </TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #1 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->สันโดษ<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1586117", true); </SCRIPT>
    ผู้สนับสนุนบริจาค</FONT< div>
    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Oct 2007
    ข้อความ: 8,892
    Groans: 94
    Groaned at 364 Times in 308 Posts
    ได้ให้อนุโมทนา: 26,711
    ได้รับอนุโมทนา 61,895 ครั้ง ใน 9,454 โพส
    พลังการให้คะแนน: 1278 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]



    </TD><TD class=alt1 id=td_post_1586117 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><CENTER><!-- google_ad_section_start -->POWER OF NOW พลังแห่งจิตปัจจุบัน หนังสือขายดีตลอดกาลที่อเมริกา<!-- google_ad_section_end -->

    </CENTER>
    <HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- google_ad_section_start -->
    การฝึกปฏิบัติพลังแห่งจิตปัจจุบัน


    แก่นแท้คำสอน สมาธิภาวนา และแบบฝึกปฏิบัติ

    จากหนังสือ พลังแห่งจิตปัจจุบัน

    [​IMG]



    โดย เอ็กค์ฮาร์ท โทลเลอ


    แปลและเรียบเรียงโดย พรรณี ชูจิรวงศ์

    สารบัญเรื่อง พลังแห่งจิตปัจจุบัน


    .....






    ส่วนที่ 1 สัมผัสอำนาจแห่งความเป็นปัจจุบัน


    บทที่ 1 สิ่งที่เป็นอยู่จริงกับการรู้แจ้ง


    บทที่ 2 รากเหง้าของความกลัว


    บทที่ 3 เข้าสู่ปัจจุบัน


    บทที่ 4 สลายความไม่รู้ตัว


    บทที่ 5 ความงามบังเกิดเมื่อใจนิ่งในปัจจุบัน


    ส่วนที่ 2 ความสัมพันธ์ในฐานะเป็นการฝึกใจ


    บทที่ 6 สลายตัวทุกข์


    บทที่ 7 จากการยึดติดสู่ความสัมพันธ์ที่เข้าใจอย่างลึกซึ้ง


    ส่วนที่ 3การยอมรับและการยอมจำนน


    บทที่ 8การยอมรับปัจจุบัน


    บทที่ 9แปลงสภาพทุกข์และโรคภัยไข้เจ็บ



    การเริ่มต้นของอิสรภาพ คือ

    การตระหนักได้ว่า

    คุณไม่ได้เป็นผู้คิด




    เมื่อคุณเริ่ม จับตาดูผู้คิด มันจุดประกายที่ยกระดับความรู้ตัวสูงขึ้น

    คุณเริ่มตระหนักว่า อาณาจักรแห่งปัญญานั้นกว้างใหญ่ไพศาลนักมากไปกว่าการคิดซึ่งเป็น

    เพียงเศษเสี้ยวเล็กๆ ของปัญญาเท่านั้น

    คุณตระหนักว่า ทุกสิ่งล้วนมีสาระในตัวเองไม่ว่าจะเป็นความงาม

    ความรัก ความคิดสร้างสรรค์ ความหรรษาความสงบนิ่งภายใน


    ทุกอย่างเกิดขึ้นเมื่อพ้นไปไกลจากความคิดและแล้วคุณจะ ตื่น



    <!-- google_ad_section_end -->
    __________________
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->"ฤดูบวชใจ"รับใช้พระพุทธศาสนา<!-- google_ad_section_end -->
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 พฤษภาคม 2009
  14. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    ทั้งสอง เล่ม มีภาษาไทยขายคะ ตามร้านหนังสือชั้นนำทั่วไป
     
  15. narayana2514

    narayana2514 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2009
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +90
    ที่ เพื่อนๆ เล่ามา ทำให้ ผม นึกถึง พุทธภาษิต ว่า
    เห็น สักแต่ว่าเห็น รู้แจ้ง สักแต่ว่ารู้แจ้ง เข้าใจ สักแต่ว่าเข้าใจ ทราบชัด สักแต่ว่าทราบชัด
    รู้แล้ววาง เห็นแล้ววาง ว่างตลอด ครับ แต่ผม ยังทำไม่ได้หรอกครับ แค่ คิด ว่าครับ
    (หากผิดพลาด ขอขมา กรรมกับพระรัตนตรับ ด้วยเทอญ)
    ก็ อนุโมทนา กับทุกท่าน ด้วย ครับผม
     
  16. แสงมณีจินดา

    แสงมณีจินดา สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2009
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +0
    สนใจปัจจุบันดีกว่าทสนใจอนาคต ที่มาไม่ถึง ถ้าปัจจุบันดี อนาคตก็ต้องดี มิสติ กับรมหายใจ รู้ตัวทั้วพร้อม ดีกว่าตีตนไปก่อนไข้
     
  17. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    <TABLE class=tborder id=post2141275 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">วันนี้, 08:06 PM </TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#1 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->VANCO<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2141275", true); </SCRIPT>
    ทีมงานเว็บพลังจิต (เต้)

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Feb 2007
    ข้อความ: 20,255
    Groans: 9
    Groaned at 17 Times in 16 Posts
    ได้ให้อนุโมทนา: 103,390
    ได้รับอนุโมทนา 139,074 ครั้ง ใน 19,316 โพส
    พลังการให้คะแนน: 6382 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_2141275 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><CENTER><!-- google_ad_section_start -->ผลกรรมของการส่งจดหมายลูกโซ่<!-- google_ad_section_end -->

    </CENTER>
    <HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- google_ad_section_start --><SCRIPT type=text/javascript><!--//<=!=[=C=D=A=T=A=[ var m3_u = (location.protocol=='https:'?'https://www.palungjit.org/ads/www/delivery/ajs.php':'http://www.palungjit.org/ads/www/delivery/ajs.php'); var m3_r = Math.floor(Math.random()*99999999999); if (!document.MAX_used) document.MAX_used = ','; document.write ("<scr"+"ipt type='text/javascript' src='"+m3_u); document.write ("?zoneid=86"); document.write ('&cb=' + m3_r); if (document.MAX_used != ',') document.write ("&exclude=" + document.MAX_used); document.write ("&loc=" + escape(window.location)); if (document.referrer) document.write ("&referer=" + escape(document.referrer)); if (document.context) document.write ("&context=" + escape(document.context)); if (document.mmm_fo) document.write ("&mmm_fo=1"); document.write ("'><\/scr"+"ipt>");//]=]=>--></SCRIPT><SCRIPT src="http://www.palungjit.org/ads/www/delivery/ajs.php?zoneid=86&cb=74504675909&loc=http%3A/palungjit.org/threads/ผลกรรมของการส่งจดหมายลูกโซ่.189902/&referer=http%3A/palungjit.org/search.php%3Fsearchid%3D2958968" type=text/javascript></SCRIPT>[​IMG] [​IMG]
    <NOSCRIPT> [​IMG]</NOSCRIPT>
    ดังตฤณ
    กุมภาพันธ์ ๒๕๕๐



    ถาม – ผลกรรมของการส่งจดหมายลูกโซ่ไปแหกตาประชาชนจะเป็นอย่างไรคะ?

    ไม่ว่าจะเป็นการก่อกรรมใด เราไม่ดูรูปแบบเป็นหลัก แต่เล็งกันที่ความตั้งใจของผู้กระทำ และผลลัพธ์ที่เกิดกับใจของผู้อื่นเป็นสำคัญ การเอาความฉลาดมาคิดหาเรื่องหลอกลวงชาวบ้านจำนวนมากๆนั้น ก็เหมือนกับเด็กเลี้ยงแกะที่ใช้ความหวังดีของคนอื่นเป็นเครื่องมือ

    นิทานเรื่องเด็กเลี้ยงแกะได้แสดงให้เห็นผลของบาปที่เกิดจากการมุสา กล่าวคือครั้งแรกเด็กเลี้ยงแกะตะโกนโหวกเหวกขอความช่วยเหลือจากชาวบ้าน โดยกุเรื่องว่ามีหมาป่าจะมากินแกะ พอชาวบ้านแห่มาถึงก็หัวร่อร่าชอบอกชอบใจ ถูกเด็กหลอกให้รีบร้อนกันเก้อเปล่า ครั้นวันต่อมามีฝูงหมาป่ามาเยือนเข้าจริงๆ เด็กเลี้ยงแกะตะโกนจนคอหอยแทบแตกก็หาชาวบ้านมาช่วยไม่ได้ ต้องสูญเสียแกะทั้งหมดไปในที่สุด

    ผลของการโกหกในนิทานเรื่องเด็กเลี้ยงแกะตรงกับความจริงส่วนหนึ่ง คือทำให้ผู้โกหกไม่น่าเชื่อถือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากการโกหกนั้นทำให้คนอื่นเสียหาย เสียงาน เสียเวลา เสียความรู้สึก หรือกระทั่งเจ็บใจรุนแรง ธรรมชาติที่ย้อนเข้าตัวทันทีคือกลิ่นเหม็นของบาป ซึ่งได้กลิ่นกันด้วยจิต ใครเห็นใครก็อยากเบือนหน้าหนี ไม่อยากรับฟัง ไม่อยากเชื่อถือใดๆทั้งสิ้น แม้ว่าจะพูดคำจริงก็ตาม ตราบใดผลกรรมยังส่งกลิ่นเหม็นอยู่ ตราบนั้นคำพูดจะขาดน้ำหนัก หรือฟังแล้วน่าเมินมากกว่าน่าสน

    อย่างไรก็ตาม ถ้าสมมุติว่านิทานเรื่องเด็กเลี้ยงแกะเป็นความจริง ก็แปลว่ามีกรรมเก่าบีบคั้นให้เด็กต้องสูญเสียแกะทั้งหมดพอดี และต้องประจวบกับที่แกะทั้งหมดก็ถึงคราวฆาตในวันเดียวกันด้วย กรรมของการโกหกเอาสนุก ไม่มีกำลังมากพอจะบีบให้ต้องเสียแกะทั้งฝูงไปในวันเดียว

    เมื่อยกกรณีเด็กเลี้ยงแกะในนิทานมาเป็นตัวตั้งแล้ว คราวนี้ก็มาถึงเด็กเลี้ยงแกะในโลกความจริงกัน ขอให้พิจารณาว่าเจตนาส่งจดหมายลูกโซ่เป็นไปได้หลายข้อ การแจกแจงเป็นข้อๆต่อไปนี้ ขอให้คำนึงว่ายืนพื้นอยู่บนเจตนาให้คนจำนวนมากเข้าใจผิด และมุ่งหมายให้ความเข้าใจผิดแพร่หลายลุกลามอย่างต่อเนื่องไม่มีที่สิ้นสุด ก็ย่อมได้รับผลยืดเยื้อหาที่สิ้นสุดยากเช่นกัน

    ๑) ปั้นน้ำเป็นตัว หรือไม่ก็คิดทำเรื่องจริงให้บิดเบือน ในที่ที่กรรมเผล็ดผล วิบากของความตั้งใจชนิดนี้จะทำให้เป็นผู้ต้องถูกใส่ไคล้ เหตุเพราะเป็นผู้ทำความจริงให้บิดเบี้ยว จึงต้องโดนดีด้วยการถูกทำภาพความจริงในตนให้บิดเบี้ยว ซึ่งโดยรูปแบบสามัญก็คือการถูกใส่ไคล้นั่นเอง โดยมากผลกรรมมักมาในรูปที่ว่าอยู่ดีๆก็มีคนสร้างข่าวลือในทางเสียหายให้กับเรา แล้วเราก็ถูกเข้าใจผิดแบบแพร่กระจายเป็นไฟลามทุ่งไปจนชั่วลูกชั่วหลาน ถึงตายแล้วก็อาจจะยังมีคนด่าทอ ใส่สีตีไข่กันไม่เลิกรา

    ๒) คิดขู่ให้กลัว หรือใช้อุบายแยบยลให้คนอื่นหลงกล ในที่ที่กรรมเผล็ดผล วิบากของความตั้งใจชนิดนี้จะบีบให้เป็นผู้มีความสะดุ้งไหวง่าย กล่าวคือเป็นคนหูเบา ตื่นข่าวลือง่าย ถูกหลอกง่าย เชื่อคำลวงง่าย แม้มีสติปัญญาดีในเรื่องเรียนและเรื่องงาน ก็จะไม่เป็นผู้ฉลาดเรื่องคน ตามเกมไม่ค่อยทัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อชะตาสร้างกับดักให้ต้องไปเผชิญหมู่มิจฉาชีพ ก็จะเป็นช่วงที่ใจอ่อน รับฟังอะไรแล้วเชื่อทันที แม้ตั้งใจว่าจะไตร่ตรองให้ดี ก็เหมือนสมองไม่ทำงานไปชั่วขณะ ตัดสินใจปุบปับไม่ปรึกษาใครเสียก่อน ลุกลี้ลุกลนเหมือนช่วยให้คนอื่นเอาเปรียบตัวเองได้ง่ายขึ้น

    ๓) หวังอาศัยความหวังดีของคนอื่นเป็นเครื่องมือแพร่กระจาย เช่น ขึ้นต้นจดหมายด้วยคำว่า ‘รีบบอกคนที่คุณรักให้รับรู้ทั่วกันโดยด่วน…’ ในที่ที่กรรมเผล็ดผล วิบากของความตั้งใจชนิดนี้คือถูกหลอกให้ทำดี โดยมีผลตอบแทนเป็นความเจ็บปวด หรือเป็นผู้ทำดีไม่ขึ้น หวังดีแต่คนกลับเข้าใจผิดคิดว่าหวังร้าย ลองนึกดูว่าถ้าคุณอยากหลอกให้ใครหลงเชื่อผิดๆ หากทำสำเร็จคุณย่อมคิดว่าเขาโง่ ถ้าฉลาดคงไม่เชื่อ และถ้ารู้ว่าใครเป็นเหยื่อคงอยากหัวเราะเยาะ สมน้ำหน้าที่เกิดมาโง่กว่า ในที่ที่กรรมเผล็ดผล วิบากของการดูถูกว่าใครต่อใครโง่เง่าเต่าตุ่นจะบีบให้สมองทึบ และมักกลายเป็นตัวตลกเด๋อด๋าให้ใครต่อใครหัวเราะเยาะเอา ความภูมิใจแบบผิดๆที่คิดว่าตนเองเป็นต้นเหตุความโกลาหลได้นั้น มักย้อนกลับมาเป็นการสูญเสียความภูมิใจในตนเองอย่างหนักเสมอ

    นอกจากปัจจัยทางฝั่งของผู้ส่งจดหมายลูกโซ่แล้ว ยังต้องพิจารณาความเสียหายที่เกิดขึ้นในวงกว้างด้วย จดหมายลูกโซ่ส่วนใหญ่ต้องสร้างความเชื่อที่แข็งแรง จึงมักมาในรูปของการกุเรื่องให้แรงพอจะฝังใจและอยากร่ำลือต่อๆกันไป หากเป็นเหตุให้สูญทรัพย์ หรือเสียเวลามากๆ เช่น ระบุที่ท้ายจดหมายว่าต้องเขียนจดหมายด้วยลายมือ และส่งต่อไปยังคนรู้จักไม่ต่ำกว่า ๗ ฉบับ ไม่เช่นนั้นจะต้องตายภายใน ๗ วัน ผู้ส่งย่อมคาดหมายได้ว่าจะเกิดการซื้อซอง ซื้อกระดาษ ซื้อแสตมป์ กับทั้งเสียเวลานั่งเขียนจดหมายเป็นชั่วโมงๆ

    ใจที่รู้สึกว่าจะมีผู้เสียทรัพย์และเสียเวลาอย่างมากมายนั้น ย่อมย้อนกลับมาเป็นเหตุให้ผู้ส่งจดหมายเสียทรัพย์และเสียเวลาโดยใช่เหตุอย่างยืดเยื้อ หาที่สุดไม่เจอ แต่อาจเป็นการสูญเสียแบบตอดนิดตอดหน่อยน่ารำคาญมากกว่าจะเดือดร้อนสาหัส เพราะตอนส่งจดหมายลูกโซ่ก็คาดเดาได้ว่าผู้เสียหายจะเสียหายไม่มาก

    อย่างไรก็ตาม การสร้างคำขู่ให้เกิดความกลัวตายในวงกว้างนั้น จัดเป็นคำสาปแช่งชนิดหนึ่ง ถ้าเขียนได้เนียน เขียนได้สมจริง ก่อให้เกิดความรู้สึกว่าถ้าไม่ทำตามอาจตายอย่างลึกลับได้จริงๆ เช่นนี้ก็เหมือนคุณไปชกให้เขามึน เมื่อกรรมเผล็ดผล วิบากย่อมย้อนเข้าหาตัวต้นคิดส่งจดหมายเหมือนโดนชกคืน อาจจะในรูปของแรงบีบคั้นให้เผชิญเรื่องถึงชีวิต ต้องดิ้นรนเอาตัวรอดด้วยเงื่อนไขน่าเหน็ดเหนื่อยมากมาย หรือตกอยู่ภายใต้แรงกดดันให้หวาดกลัวไปนานๆ เป็นต้น

    หากคุณได้รับจดหมายลูกโซ่หลายครั้ง ก็จะเห็นข้อแตกต่างได้อย่างชัดเจน คือเล่ห์ที่ใช้ต้มตุ๋นนั้นมีความสมจริงสมจังผิดกัน ยิ่งคิดเขียนลวงให้เชื่อได้ฉลาดแนบเนียนเพียงใด ผลก็ยิ่งสะท้อนกลับมาแรงเพียงนั้น

    นี่เป็นสัดส่วนที่น่าสลดใจ ถ้าใช้ความฉลาดประมาณเดียวกันไปบำเพ็ญประโยชน์ ชักชวนชาวโลกให้คิดดีทำดีด้วยอุบายแยบคาย เขาย่อมได้บุญมากหลาย แต่เมื่อรักจะเอาความฉลาดมาใช้ในทางผิด ทั้งความคิดและเวลาที่สูญเสียไปย่อมแปรเป็นพลังร้าย ที่จะย้อนกลับมากระแทกคืนได้เร็ว แรง และหนักหน่วงยิ่ง เนื่องจากคาดหมายได้ว่าจะมีผู้เสียหายเกิดขึ้นมากมาย

    พวกหลอกแบบไม่แนบเนียนเสียอีก น้ำหนักกรรมเบากว่า วิบากย่อมเบากว่า ประเภทหลอกแบบโง่ๆหาคนเชื่อยาก เหมือนเรื่องโจ๊กที่เอาไว้ขำมากกว่าจะเชื่อและทำตาม อย่างนี้ผลจะกลับมาช้า มีกำลังอ่อนกว่ากัน เพราะผู้เสียหายมีจำนวนน้อยหรือไม่มีเลย

    สรุปโดยรวมแล้ว การเขียนจดหมายลูกโซ่กุเรื่องหลอกนั้น จัดเป็นวจีทุจริตชนิดหนึ่ง และผลของวจีทุจริตก็ร้ายแรงเกินกว่าที่พวกคึกคะนองจะคาดได้ สร้างจดหมายลูกโซ่ฮอตฮิตติดตลาดครั้งเดียว อาจมีน้ำหนักมากกว่าที่คนทั่วไปโกหกกันทั้งชีวิตเสียอีก เนื่องจากการคิดก่อเรื่องร้ายให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นลูกโซ่ ย่อมย้อนกลับมาก่อเรื่องร้ายให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นลูกโซ่ หาที่จบยากแก่เจ้าของกรรมเช่นกัน

    ถาม – เคยหวาดกลัวคำขู่ในจดหมายลูกโซ่ ยอมทำตามคำสั่งโดยดี เพราะคุณแม่เตือนว่าท่านเคยได้รับจดหมายแล้วไม่ยอมส่ง ก็ปรากฏว่าโดนโกงเงิน และมีเหตุให้เสียทรัพย์ไปต่างๆนานา เป็นไปตามที่จดหมายขู่ไว้ว่าถ้าไม่ช่วยส่งต่อจะเสียลาภ แต่หากทำตามโดยดีจะเกิดลาภอย่างใหญ่ อย่างนี้ดิฉันจะต้องพลอยติดร่างแห ในฐานะผู้ส่งจดหมายลูกโซ่กับเขาด้วยหรือเปล่าคะ?

    กรรมคือเจตนา เจตนาคือกรรม ในที่นี้เจตนาของคุณไม่ได้คิดหลอกลวง แต่ตั้งต้นด้วยความกลัว กับทั้งเชื่อจริงๆว่าถ้าไม่ทำตามคำขู่แล้วจะเดือดร้อน

    เมื่อใจคุณไม่ได้เล็งไปที่การคิดหลอกลวง กรรมของคุณจึงไม่ใช่การมุสา อีกทั้งคุณไม่ได้เป็นต้นคิดมุขหลอกลวงด้วยตนเอง กรรมของคุณจะไม่ใช่ข่มขู่หรือใช้ความหวังดีของใครเป็นเครื่องมือ

    แต่แน่นอนจดหมายย่อมเขียนเสร็จด้วยกรรม ไม่ใช่เสร็จโดยการไม่ทำอะไรเลย ในที่นี้คุณต้องทำกรรมอะไรบางอย่างแน่นอน ประการแรกคือจำเป็นต้องคัดเลือกรายชื่อคนรู้จักหรือคนแปลกหน้า อันจะเป็นเป้าหมายของการรับจดหมายลูกโซ่ ตรงนี้คุณสร้างผู้เคราะห์ร้ายขึ้นมากลุ่มหนึ่งด้วยการตัดสินใจเลือกของคุณเอง

    เมื่อสร้างผู้เคราะห์ร้ายที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ คุณย่อมกลายเป็นผู้เคราะห์ร้ายที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ในภายหลังเช่นกัน หากคุณฝืนใจ จำใจ ไม่สบายใจ รู้สึกผิด และนึกสงสารกลุ่มเหยื่อของคุณ กับทั้งจำกัดภาระของคุณอยู่แค่กลุ่มเป้าหมายไม่ถึงสิบคน หาได้มีความอยากให้พวกเขากระจายจดหมายต่อไปอีก อันนั้นก็นับว่าเจตนามีกำลังอ่อน ผลของกรรมจะไม่รุนแรงนัก เช่น อาจถูกหลอกให้เสียประโยชน์ในทางใดทางหนึ่งอย่างน่าเจ็บใจ แต่ไม่ถึงกับเสียหายย่ำแย่เท่าใดนัก

    แต่หากคุณทำไปด้วยความรู้สึกอยากผลักภาระ ไม่รู้สึกผิด ไม่มีความเห็นใจกลุ่มเหยื่อ อันนั้นเจตนาก็มีกำลังมากขึ้นกว่าข้อก่อน ผลของกรรมอาจหนักขนาดทำให้จุกจนหน้าเขียวเข้าให้ได้เหมือนกัน

    แต่สมมุติว่ารู้ทั้งรู้ อ่านจดหมายลูกโซ่ครั้งแรกก็ทราบทันทีว่าเป็นเรื่องหลอก แล้วยังอุตส่าห์ชื่นชมตามต้นคิดว่ามีไอเดียลวงโลกที่สมจริงสมจัง เกิดนึกสนุกอยากส่งไปหลอกชาวบ้านตามต้นคิด ด้วยเจตนาให้เกิดความแพร่หลายยิ่งๆขึ้น อย่างนี้กำลังเจตนาจะกล้าแข็งเทียบเท่ากับต้นคิดเองทีเดียว เพราะครบองค์ประกอบกรรมของผู้ริเริ่ม ตั้งต้นจากความยินดีเต็มใจ ตามด้วยการมีเจตนากล่าวคำมุสา มีการพยายามลงมือเขียน มีการลงมือส่งจดหมาย และแน่ใจว่าจดหมายจะต้องถึงผู้รับ กับทั้งคาดหมายได้ว่าอย่างน้อยต้องมีสักหนึ่งในสิบที่หลงเชื่อ แล้วเผยแพร่ถ้อยคำลวงโลกต่อไปอีก (กรรมจะสมบูรณ์ครบวงจรจริงๆเมื่อมีผู้เสียหายเกิดขึ้นด้วย สมมุติว่าคุณส่งจดหมายแล้วเผอิญผู้รับทั้งหมดตายไปแล้ว ก็ได้ชื่อว่าคุณยังทำกรรมไม่สำเร็จ แม้ว่าริเริ่มด้วยเจตนาที่กล้าแข็งก็ตาม)

    กรณีของคุณ ขอให้ทำใจให้สบายเถิดครับ แน่นอนว่ามันเป็นกรรมที่ไม่ค่อยสู้ดี แต่คุณก็ทำกรรมดีเพื่อละลายมันได้ กรรมที่เป็นปฏิปักษ์กับการหลอกลวง คือการให้ความรู้ที่ถูกต้อง และความเข้าใจที่ถูกต้อง หากเคยส่งจดหมายให้ ๗ คน ก็อาจส่งกลับไปอีกทีเป็นคำขอโทษ บอกพวกเขาว่าคุณเพิ่งรู้ว่าที่แท้จดหมายลูกโซ่ไม่มีมูลความจริงใดๆ ถ้าให้ดีกว่านั้นคืออาจส่งหนังสือธรรมะเล็กๆแนบไปสักเล่มหนึ่ง ที่คุณเห็นว่าทำให้คุณตาสว่างได้ มีความกระจ่างในสัจจะอันประเสริฐที่พระพุทธเจ้าค้นพบได้ ผมคิดว่าจะลบมลทินทางใจออกไปได้อย่างหมดจด เพราะคราวนี้คุณทำอย่างรู้ ทำอย่างมีความเบิกบาน ซึ่งตามธรรมชาติแล้ว พระพุทธเจ้าตรัสว่ากำลังของกุศลย่อมอยู่เหนือกำลังของอกุศลครับ

    ถาม – ได้ยินว่าถ้าเราเคารพนับถือครูบาอาจารย์อย่างไร ก็จะเจอครูบาอาจารย์แบบนั้นๆต่อไป ไม่ทราบว่าเท็จจริงอย่างไร? ผมเห็นว่าคนเรามีครูบาอาจารย์ทั้งพระและฆราวาสที่นับถือได้หลายคนตั้งแต่เด็กจนโต และแต่ละท่านก็มีความแตกต่างกันหลากหลาย แล้วจะเอาอะไรเป็นตัวตัดสินครับว่าต้องไปเจอครูบาอาจารย์แบบใดอีก?

    ทางพุทธเราถือว่ากรรมที่ทำให้พบผู้ชี้นำทางประเสริฐ คือการเคยเลื่อมใสผู้ประเสริฐ อยู่ในโอวาทของผู้ประเสริฐมาก่อน และคำว่า ‘อยู่ในโอวาท’ นั้น ก็หมายถึงเชื่อฟังคำสั่งสอนที่พิจารณาแล้วว่าเป็นประโยชน์ ไม่ประกอบด้วยโทษ น้อมใจรับไปประพฤติปฏิบัติตาม ไม่ใช่แค่ปากบอกว่าเชื่ออย่างเดียว

    ถ้าพิจารณาตามที่พระพุทธเจ้าตรัส เราก็คงเน้นกันที่ความผูกใจนับถือศาสดา คือเล็งที่ว่าใจคุณเลื่อมใสศรัทธาศาสดาแห่งเหตุผล หรือว่าศาสดาแห่งความเชื่อ

    ศาสดาแห่งเหตุผลไม่ได้มีแต่พระพุทธเจ้า ขอให้แจกแจงรายละเอียดได้เถิด ว่าทำดีแบบไหนได้ดีอย่างไร ทำชั่วแบบไหนได้ชั่วอย่างไร นับว่าเป็นศาสดาแห่งเหตุผลหมด

    ส่วนศาสดาแห่งความเชื่อก็ไม่ได้มีเพียงองค์เดียว และรูปแบบของการจูงใจให้เชื่อก็แตกต่างกัน บางครั้งให้เชื่อในการปีนบันไดสวรรค์ บางครั้งให้เชื่อในการพุ่งหลาวลงเหวนรก

    ถ้าพูดกันเฉพาะศาสนาใหญ่ที่เก่าแก่ สืบทอดมาช้านาน บางทีก็น่าสับสนเหมือนกันครับ เพราะช่วงเวลาช้านานเป็นร้อยเป็นพันปีนั้น มักก่อให้เกิดก๊กเหล่า มีความแตกแยกทางความเชื่อและความคิดเห็นออกไปได้มาก

    การระบุว่าตนนับถือศาสดาใด หรือเป็นสมาชิกของศาสนาใด บางทียังกว้างเกินไป เพราะศาสดาของทุกศาสนาใหญ่ต่างก็ทิ้งโลกนี้ไว้เบื้องหลังแล้ว ที่เรานับถืออยู่จริงๆจะเป็นตัวแทนของท่าน อันได้แก่คำสอนในคัมภีร์ ส่วนผู้ชี้ขาดคำสอนก็มีอยู่หลากหลายเหลือเกิน ไม่อาจแต่งตั้งใครเป็นประมุขศาสนาองค์ใหม่แทนพระศาสดาได้เลย เพราะอย่างไรก็จะเห็นว่าเป็นเพียงหนึ่งในผู้สืบทอด ไม่ใช่ผู้เริ่มต้นก่อตั้งศาสนา จึงย่อมไม่มีใครยอมลงให้ใครง่ายๆ

    การแบ่งก๊กแบ่งเหล่านี้แหละ ก่อให้เกิดอาจารย์หรือประธานกลุ่ม ซึ่งถ้าผู้นำกลุ่มพยายามรักษาคำสอนดั้งเดิมของพระศาสดาไว้ ก็เท่ากับเปิดโอกาสให้คนกลุ่มได้ดี เจริญรอยตามบาทพระศาสดา ไม่หลงเขวออกนอกทางไปไหน

    แต่หากผู้นำกลุ่มไม่ได้สอนตามพระศาสดา ก็เหมือนกับตั้งศาสนาหรือลัทธิใหม่ขึ้นมากลายๆ สมาชิกกลุ่มย่อมไม่ได้ชื่อว่าเจริญรอยตามบาทพระศาสดา ทว่าหลงเขวไปทางอื่นโดยไม่รู้ตัว เช่นสำหรับพุทธเราสอนเรื่องการพ้นทุกข์ ด้วยวิธีละเหตุแห่งทุกข์ อันได้แก่ความอยาก แต่หลายสำนักจะเน้นสอนเรื่องการมีสุข ด้วยวิธีเพิ่มเหตุแห่งทุกข์ คือเร่งความโลภ ความอยากได้ให้มากยิ่งๆขึ้น นี่แหละเรียกว่าหลงทิศ หลงออกจากเป้าหมายเดิม

    และถ้าเจาะจงอย่างละเอียดอ่อนลึกซึ้งกว่านั้น ก็ต้องดูด้วยว่าแต่ละคนน้อมใจเชื่อ น้อมใจเคารพ และยึดถือใครคนใดคนหนึ่งเป็นแบบอย่าง เพราะธรรมชาติของคนเราจะยึดถือผู้ที่มีชีวิต มีตัวตนให้จับต้องได้สักคนหนึ่ง เอาไว้เป็นหลักใจให้นึกถึงง่ายๆ หรือคลานเข้าไปกราบขอคำปรึกษาได้

    ตรงนี้เองครับที่จะเป็นคำตอบสำหรับคำถาม คุณผูกใจนับถือใครมากที่สุด ยอมรับใครมากที่สุด ก็จะได้รับส่วนแห่งตัวตนหรือนิสัยของท่านมาด้วย หาใช่แค่ได้รับความรู้ความเข้าใจมาอย่างเดียว

    แม้สมัยพุทธกาล พระอริยบุคคลท่านก็มีความแตกต่าง พระพุทธเจ้าเคยชี้ให้เห็นว่าพวกที่ชอบทางฤทธิ์ก็ยึดถือพระโมคคัลลานะเป็นครู พวกที่ชอบทางปัญญาก็ยึดถือพระสารีบุตรเป็นอาจารย์ คือเคารพทั้งพระโมคคัลลานะและพระสารีบุตรในฐานะของพระอรหันต์ผู้บริสุทธิ์จากกิเลสเหมือนกัน แต่จะยึดเอาใครเป็นครูก็ขึ้นอยู่กับอัธยาศัยที่สอดคล้องด้วย

    ตามที่เห็นด้วยตาเปล่า คือ ถ้ายึดมั่นในครูผู้อ่อนน้อมถ่อมตน เหล่าสานุศิษย์ก็จะพลอยอ่อนน้อมถ่อมตนตาม ถ้ายึดมั่นในครูผู้ใคร่บำเพ็ญประโยชน์มาก เหล่าสานุศิษย์ก็จะพลอยใคร่บำเพ็ญประโยชน์มาก ถ้ายึดมั่นในครูผู้พูดจาโผงผาง เหล่าสานุศิษย์ก็จะพลอยพูดโผงผางตาม ถ้ายึดมั่นในครูผู้ชอบยิ้มเย้ยและดูถูกถากถาง เหล่าสานุศิษย์ก็จะพลอยชอบยิ้มเย้ยและดูถูกถากถางตาม ฯลฯ

    สรุปว่านิสัยหลัก นิสัยเด่นของบุคคลที่คุณเคารพเลื่อมใสและยึดถือเป็นครู จะเหมือนเชื้อที่แพร่เข้ามาสู่คุณ และทำให้คุณเกิดอัธยาศัยเดียวกัน กับทั้งเกิดความยินดีในครูเช่นนั้นอีกเมื่อเกิดใหม่ครับ


    http://dungtrin.com/mag/?6.prepare
    <!-- google_ad_section_end -->
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  18. Mr.Boy_jakkrit

    Mr.Boy_jakkrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    2,063
    ค่าพลัง:
    +2,676
    มนุษย์มีจุดอ่อนอยู่สองอย่างหลักใหญ่ๆคือ..

    ความเชื่อ และ ความกลัว

    ที่เป็นต้นเหตุแห่งการต้องถูกปกปิดไปด้วยความไม่รู้เท่าทันเหตุการณ์ ความคาดคะเน ความตั้งเป้าหมาย ความผูกพันธ์ รวมไปถึง กิเลส ตัณหา อุปาทาน ถ้าพูดให้รวบรัด และ รัดกุม นะ
    พลังจิตนี่ก็มีส่วนเป็นอย่างมากของกรรมต่างๆ
     
  19. dont_worry

    dont_worry เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    107
    ค่าพลัง:
    +1,221
    เราเอาสายกลางได้มั้ยคะ

    คนที่เตือนก็เตือนไปไง ดีซะอีก จะได้รู้ว่า "ความน่าจะเป็น" มันมีแนวโน้มไปทางไหน จะได้รู้ทัน
    (แต่ไม่ใช่แต่งเติม ปลุกเร้าอารมณ์เกินพอดี อีกอย่างคือ ขอข้อมูลกรองๆหน่อยค่ะ ขอที่เอามาจากแหล่งจริง คิดว่าเป็นประโยชน์ดีค่ะ)

    ส่วนคนที่ให้ข้อมูลเรื่องการเอาตัวรอด เรื่องพลังงาน ให้ระวังเรื่องความคิด หรือเรื่องต่างๆนาๆ ก็ให้ข้อมูลกันไป (สำหรับตัวเอง คิดว่านาทีนี้ สติปัฎฐานสี่ มีสติทุกขณะดีที่สุดนะคะ)

    ที่สำคัญคือ อย่ามัวแต่มานั่งเมาท์กันอยู่เลยนะคะ ตอนตายไปจะเจ็บใจมากที่สุด ที่สูบข้อมูลธรรมะเข้าสมองมากมาย แต่ไม่ได้ปฏิบัติ (รู้ไปทั่ว รู้ทุกอย่าง แต่เอาตัวไม่รอด)
     
  20. OLDMAN AND A CAR

    OLDMAN AND A CAR เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    823
    ค่าพลัง:
    +2,752
    ...จิตดี คิดดี ก็ ได้กับตนเอง...คนอื่น และ โลก ไม่เกี่ยว....
    ...จิตไม่ดี คิด ไม่ดี ก็ ยังคงได้ กับตนเอง คนอื่น และ โลก ไม่เกี่ยว...
    ...แต่หาก จิตไม่ดี คิดไม่ดี มากๆ หลายๆคน ตรงนี้ โลก ไม่มีความสงบสุขแน่นอน...
    ...ตรงนี้ ไม่ใช่เรื่องที่ใครจะไปแก้ไขอะไรได้...
    ...เมื่อ เวลามาถึง.. โลก อยากจะบอกอะไรบางอย่างให้เราทราบ...ก็ พึง รับฟัง และ ไตร่ตรองให้รอบคอบ...ว่า...อะไร คือ ความเป็นจริง ที่เรายัง สงสัย และ ทำความกระจ่างเสีย ...หาก จริง จะได้วางมาตรการรองรับ และ หาก ไม่จริง ก็ จะได้ สบายใจ ไม่ต้องมานั่ง ถกเถียงกันให้เปลืองเวลา..

    ..ทุกชีวิต ล้วน มีกรรม เป็นเครื่อง นำทาง...

    ..ภัยพิบัติ มีหรือ ไม่มี ...มัน ก็ เป็นความจริง ที่ เรายัง ไม่รู้... อยากจะรู้ ต้อง แสวงหา...คำตอบที่ถูกต้อง ไม่ใช่ แค่ดิดว่า จะให้เกิด หรือ ไม่เกิด ..เพราะ ในความเป็นจริง... ธรรมชาติ มัน เป็นเช่นนี้ มานานแล้ว...เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และ ดับไป...ใครจะไปบังคับธรรมชาติได้เล่า...

    ..ถึงขณะนี้ มี สมาชิกท่านใด ที่กล้าพอจะยืนยันด้วยตนเอง(คือ รู้ด้วยตนเอง) หรือยังว่า...ภัยพิบัติเป็นเรื่องจริงหรือไม่... คงไม่ง่ายที่จะตอบ แต่ให้ติดตามข่าวสารต่างประเทศให้ดี...และ เปิดใจให้กว้าง...ไม่นานนัก คงจะทราบ คิดว่า ไม่เกิน สิ้นปี ๒๕๕๔ ครับ ....หากยังคงปิดกั้น ด้วยเกรงว่า จะเป็นการทำให้ผู้คนตื่นตระหนก...ก็ เท่ากับ เป็นการปิดโอกาส รับรู้ข่าวสารโดยเสรี....หน้าที่ของชาวพุทธ คือ ต้อง ใช้สติปัญญา ในการพิจารณาเรื่องราวต่างๆ ซึ่ง ย่อม ไม่ใช่ ทั้ง การตื่นตระหนกแบบกระต่ายตื่นตูม หรือ การ ละเลยเพิกเฉยไม่สนใจอะไรเลย...
     

แชร์หน้านี้

Loading...