หลวงปู่พิศดู วัดเทพธารทอง และพระคณาจารย์สายต่างๆ (ข้อมูลวัตถุมงคล หน้า 1-8)....

หมอชีวกฯบรมครูการแพทย์‬..

เรื่องนี้เกิดขึ้นกับตัวผมเอง เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาค่ำคืนวันหนึ่ง ในขณะที่ได้รับใช้องค์หลวงปู่จนท่านนอนหลับจำวัดไปแล้ว โดยผมได้นอนหลับตาภาวนา พุท-โธ จนใจสบาย จนกระทั่งเริ่มจะเคลิ้มไปแต่ยังไม่ทันได้หลับดี เป็นช่วงรอยต่อกึ่งหลับกึ่งไม่หลับ พลันได้เห็นภาพแสงสว่างเจิดจ้าบริเวณหัวนอน ภาพที่ปรากฏคล้ายกับความฝัน พอเห็นแสงสว่างปรากฏขึ้นแล้วนั้น ก็พลันเห็นภาพๆหนึ่งอยู่ในแสงสว่างนั้น คล้ายกับเป็นภาพเทวดาผิวกายโปร่งใสคล้ายแก้ว ประดับประดาด้วยเครื่องทรงที่วิจิตรตระการตาเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งก็ไม่เคยเห็นจากที่ใดมาก่อนเลย แต่รู้ว่าท่านทรงเครื่องแบบเทวดา แต่กายเป็นแก้ว มีแสงสว่างออกมาเจิดจ้ามาก พอเห็นดังนั้นแล้ว ใจก็นึกถามท่านองค์ที่เห็นนั้นไปว่า.. ท่านเป็นผู้ใดกันหรือครับ.. ไม่มีเสียงตอบ แต่ภาพที่เห็นกลับเปลี่ยนเป็นภาพของ ท่านหมอชีวกโกมารภัจจ์คล้ายกับที่เราเห็นในภาพวาด พอเห็นดังนั้นเพียงแค่เท่านั้น ก็ยินดีอย่างยิ่ง และก็กลับได้ยินเสียงองค์หลวงปู่เรียกชื่อผมขึ้นมาในทันที.... ผมก็สะดุ้งตื่นรีบลุกขึ้นไปหาหลวงปู่ท่านทันที แต่ท่านก็ไม่ได้สั่งอะไร เพียงแต่พูดลอยๆออกมาว่า " เห็นหมอ.. " ผมจึงเล่าภาพคล้ายฝันนั้นให้องค์หลวงปู่ฟังว่า ผมเห็นแสงสว่างและเห็นเห็นภาพเทวดาองค์ท่านเป็นแก้วใสสว่างมาก...ฯลฯ หลวงปู่ท่านก็เลยบอกว่า " อืมม หมอชีวกโกมารภัจจ์ มาๆ.. ดีนะที่เห็นหมอ ท่านมาเยี่ยม.. "
นั่นก็เป็นเรื่องหนึ่งสั้นๆที่ได้เจอมากับตัวเอง.. ด้วยข่ายญาณของหลวงปู่ท่านสามารถทราบวาระจิต แม้กระทั่งความฝันของลูกศิษย์ได้ และที่สำคัญ ถ้าความฝันที่ผมฝันถึงท่านหมอชีวกเป็นเรื่องจริง ด้วยคำที่หลวงปู่ยืนยันว่า " อืมม หมอชีวกโกมารภัจจ์ มาๆ.. ดีแล้วที่เห็นหมอ ท่านมาเยี่ยม.."
ประกอบกับในวันเดียวกันนั้น ท่านครูบากฤษดา แห่งวัดสันพระเจ้าแดง จ.ลำพูน ได้มากราบเยี่ยมองค์หลวงปู่ และหลวงปู่ได้สั่งให้ท่านครูบาไปพักจำวัดที่พระเจดีย์เล็ก พอถึงช่วงเวลาเช้า ท่านครูบาก็เข้ามากราบ และถวายงานอุปัฏฐากองค์หลวงปู่พร้อมกับพวกเรา ท่านก็ได้ถามผมว่า เมื่อคืนเป็นอย่างไรบ้าง ผมก็เรียนท่านครูบาตามความจริงว่า เมื่อคืนนี้หลวงปู่บอกว่า ท่านหมอชีวกฯมาเยี่ยมหลวงปู่ ท่านครูบานิ่ง กำหนดจิตดูสักครึ่งอึดใจ ท่านอมยิ้มแล้วบอกว่า " อืมมมๆ มาๆๆ เมื่อคืนหมอชีวกท่านมาหาหลวงปู่จริงๆ.."
นั่นแสดงว่าแม้แต่องค์บรมครูการแพทย์ ที่ถวายการรักษาพระอาการประชวรแด่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ยังเมตตาลงมาเยี่ยมองค์หลวงปู่ของเรา นี่ไม่ใช่เรื่องธรรมดานะครับ คงบรรยายไม่ถูกในบารมีธรรมขององค์หลวงปู่พิศดู..
คุณวิเศษเรื่องอื่นๆขององค์หลวงปู่นั้นผมเองก็คงไม่ทราบอะไรมากมายนัก แต่สิ่งที่สามารถพิสูจน์ได้ และเจอกับตัวเอง และที่มีผู้อื่นพบเจอหลายต่อหลายครั้งจนนับไม่ถ้วนนั้น ก็คือเรื่องการรู้วาระจิตของท่าน ท่านสามารถล่วงรู้ได้โดยละเอียดและเป็นความละเอียดชนิดสูงมากอีกด้วย แม้กระทั่งเรื่องความฝันท่านก็ยังทราบได้ โดยไม่ว่าจะฝันที่วัด ที่บ้าน หรือที่ไหนๆ อันนี้ใครที่เคยใช้เวลาอยู่กับหลวงปู่ท่านมาจะรู้ดี และองค์ท่านจะมีสิ่งที่แปลกอีกอย่างหนึ่งก็คือ ไม่ว่าท่านจะพูด จะเขียน หรือการกระทำใดๆก็ตาม มักจะออกเป็นตัวเลขเสมอ อันนี้ผู้ที่มีวิสัยทัศน์ในทางตัวเลขได้บอกเรามาว่า มาทุกงวด ท่านไม่เคยพลาดเลย แต่อยู่ที่ว่าเราจะจับเอาตัวไหนมาผสมกัน และก็มักจะได้ผลกันเป็นประจำอีกด้วย อันนี้ก็เป็นบารมีธรรมขององค์หลวงปู่ท่านอีกด้านหนึ่ง บางครั้งท่านอาจไม่ได้ตั้งใจก็ได้ แต่ถ้าการกระทำสิ่งไหนที่ท่านพูดว่า " บอกใบ้ " ล่ะก็ งวดไหนงวดนั้นตรงๆง่ายๆเลย อยู่ที่สติปัญญาว่าจะเอาได้หรือไม่เท่านั้น แต่พอผลสลากออกมา ทุกอย่างจะเฉลยเอง ก็จะถึงบางอ้อกันเองนั่นหละครับ..

 

#ขออนุญาตแจ้งข่าวครับ ขณะนี้ได้มีเหรียญุ่นแรกของหลวงปู่พิศดู ทำเก๊ตัวใหม่ออกมาแล้ว ท่านใดกำลังหาอยู่ ต้องดูกันดีๆนะครับ
ตอนนี้ผมเองก็ยังไม่เคยส่องเหรียญเก๊ตัวใหม่ จึงยังบอกอะไรไม่ได้มาก แต่หลักๆ เหรียญแท้ทุกเหรียญ ด้านหลัง ขอบทางซ้ายมือต้องมีเนื้อเกินทุกองค์ (ตามภาพ)
และรายละเอียดต่างๆ โดยเฉพาะองค์หลวงปู่ ตัวหนังสือ และเส้นยันต์ ต้องเป็นสันคมชัดมาก
จึงฝากเตือนทุกๆท่านที่กำลังหาอยู่ด้วยครับ ว่าอย่าใจร้อน ต้องค่อยๆดูให้ดีก่อนครับ
(ขออนุญาตเจ้าของภาพนี้ด้วยนะครับ.. ขอบพระคุณครับ)

 

หลงเสน่ห์พระรุ่นนี้จริงๆครับ ยิ่งดูยิ่งชอบ ครูบากฤษดาท่านสร้างสรรค์เอาไว้ได้ยอดเยี่ยม และงดงามจริงๆ เป็นอีกตำนานของวัตถุมงคลสายหลวงปู่พิศดูเลยครับ..

 

#หลวงพ่อฤาษีลิงดำ..
สมัยที่ผมได้เข้าไปเป็นโยมคอยรับใช้หลวงปู่พิศดูแล้ว ทำให้ผมสังเกตุเห็นว่าหลวงปู่ท่านมักให้ลูกศิษย์อ่านหนังสือคำสอนของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุงบ่อยๆ
ก็มีอยู่วันหนึ่งช่วงเวลาประมาณหัวค่ำ ที่กุฏิหลังเก่า ผมอยู่กับหลวงปู่ท่านสองคน ผมได้ถามคำถามที่อยากรู้มานานเกี่ยวกับความสัมพันธ์ในทางธรรมระหว่างหลวงพ่อฤาษี กับหลวงปู่พิศดู..

ผม :: หลวงปู่เคยเจอหลวงพ่อฤาษีลิงดำไหมครับ ??
หลวงปู่ :: องค์เป็นๆไม่เคยเจอ
ผม :: ?????..

ผม :: แล้วหลวงปู่เคยเจอท่านแบบไหนครับ
หลวงปู่ :: ก็เจอ แต่ตอนท่านตายแล้ว ท่านมาหาเราเรื่อยนะฤาษีเนี่ย แต่สมัยท่านยังอยู่ไม่เคยเจอกัน..
" ท่านตลกนะ อยู่ด้วยกันแล้วสนุก บางครั้งเราเปิดประตูกุฏิออกไป ท่านก็วิ่งสวนเข้ามาเลย(มาทางกายทิพย์) โฮ๊ะๆๆๆ... "
" เราก็เคยถามลูกศิษย์ที่ทันกราบท่าน ว่าฤาษีลิงดำท่านมีจริตยังไง เป็นแบบนี้ไหม.. เขาก็เล่าเหมือนกับที่เราเจอนั่นแหละ.. นี่วันก่อนท่านก็ยังมาเลย มายืนคุยกับเราตรงนี้.."

" ฤาษีท่านมาฝากลูกศิษย์ไว้กับเรามากอยู่นะ ลูกศิษย์เราส่วนใหญ่ก็มาจากสายวัดท่าซุงทั้งนั้น.."
" ฤาษีลิงดำนี่ท่านยังคอยดูลูกศิษย์ท่านอยู่นะ ท่านก็อยู่ที่วัดท่าซุงนั่นแหละ.. "

 

หมอชีวกโกมารภัจจ์ เนื้อว่านยา หลวงพ่อพิเชฐ วัดโคกหม้อ ที่มีผงกสิณ ผงพุทธมงคล ยาวาสนาจินดามณี และมวลสารสายหลวงปู่พิศดูผสมอยู่มากครับ เป็นชุดที่น่าใช้มากๆ สุดยอดจริงครับ

 

พระเจดีย์เล็ก..
ท่านใดไปวัดเทพธารทอง เพื่อทำบุญและนมัสการสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ต่างๆในวัด นอกที่จากพระเจดีย์ใหญ่ วิหารพระพุทธไสยยาสน์ หลวงพ่อพระผุด มณฑปหลวงปู่ ลำธารศักดิ์สิทธิ์ ฯลฯ แล้ว ก็ยังมีพระเจดีย์เล็กอีกแห่งหนึ่ง ที่ลูกศิษย์ใหม่ๆยังไม่ค่อยทราบกัน พระเจดีย์เล็กแห่งนี้ หลวงปู่เคยบอกว่า " เจดีย์นี้เป็นหลักของวัดเทพ มีความศักดิ์สิทธิ์มาก และมีพญานาครักษาอยู่.."
ซึ่งสมัยก่อนผู้ที่มากราบหลวงปู่ ต้องการมีโชคลาภ หรือมาขอพรหลวงปู่อธิษฐานในเรื่องต่างๆ หลวงปู่ก็จะให้ไปสวดมนต์ภาวนาและอธิษฐานที่พระเจดีย์เล็กหลังนี้ ก็มีหลายคนที่ประสบความสำเร็จ มีโชคมีลาภ บางคนมีลาภใหญ่ถูกรางวัลที่ 1 ก็มี คนนี้เป็นเจ้าของร้านขายอะไหร่อยู่ อ.ท่าใหม่
เจดีย์นี้มีหลายคนเคยเจออะไรแปลกๆ แบบเหนือธรรมชาติ หลายครั้งที่มีคนเคยเห็นเป็นลำแสงพุ่งขึ้นไปบนอากาศ บางคนก็เห็นพญานาคตัวใหญ่ขดรอบเจดีย์ บางคนเคยเข้าไปนอนแล้วฝันไปว่าได้เข้าไปดินแดนลี้ลับที่ซ้อนกันอยู่อีกภพหนึ่ง บางคนก็ได้กลิ่นหอมของเครื่องหอมแปลกๆ บางคนก็ได้ยินเสียงดนตรีไทย บางคนถ่ายรูปติดสิ่งที่อธิบายไม่ได้ ฯลฯ เป็นอันว่า พระเจดีย์นี้ไม่ใช่เจดีย์ธรรมดา ท่านใดมีโอกาสเข้ามาที่วัดเทพธารทอง ก็ไม่ควรพลาดเข้ามากราบพระในเจดีย์นี้ด้วยนะครับ ขอแนะนำ..

 

หลวงปู่มหาจิต จิตฺตวโร วัดภูเขาล้อม (ควนจง) ต.นาหม่อม อ.นาหม่อม จ.สงขลา
ท่านเป็นพระอริยสงฆ์เนื้อนาบุญอีกรูปที่เป็นเสาหลักของพระป่าสายกัมมัฏฐานอีกรูปของภาคใต้ และเป็นหนึ่งในพระที่สนทนาทางโทรจิตกับหลวงปู่พิศดูบ่อยๆครับ หลวงปู่มหาจิตท่านเคยสั่งให้พระลูกศิษย์มากราบนมัสการและนำข้าวของต่างๆจากสงขลา มาถวายหลวงปู่พิศดู ถึงวัดเทพธารทอง ซึ่งพระลูกศิษย์ของหลวงปู่มหาจิตนั้นได้เล่าให้ผมฟังว่า " ทราบมาจากหลวงปู่มหาจิตว่า หลวงปู่มหาจิตกับหลวงปู่พิศดูท่านสนทนาทางโทรจิตกันบ่อยนะ.."

ซึ่งผมก็สังเกตุว่า บังเอิญช่วงนั้น(ก่อนที่พระลูกศิษย์ของหลวงปู่มหาจิตจะเดินทางมาวัดเทพธารทอง) มีคนเอาหนังสือคำสอนและรูปของหลวงปู่มหาจิตขนาดโปสการ์ด มาถวายหลวงปู่พิศดู ซึ่งหลวงปู่พิศดูท่านมองรูปอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็สั่งให้ลูกศิษย์ติดรูปหลวงปู่มหาจิตใบนั้นไว้ข้างๆพัดลมติดผนังให้ห้องนอนของท่าน ซึ่งผมและลูกศิษย์หลวงปู่หลายๆคนก็เชื่อว่า หลวงปู่พิศดูท่านคงสนทนาทางโทรจิตกับหลวงปู่ มหาจิตผ่านรูปใบนั้นเป็นสื่อ ถึงแม้ระยะทางจะอยู่ไกลกันคนละภาคฝั่งของประเทศ แต่เมื่อจิตของผู้ที่ถึงพร้อมแล้ว ก็สามารถส่งและรับกันได้อย่างชัดเจนยิ่ง กว่าเครื่องมือสื่อสารใดๆในโลกครับ (จิต ถึง จิต) จึงเป็นเหตุให้หลวงปู่มหาจิตส่งพระลูกศิษย์มากราบนมัสการและนำของมาถวายหลวงปู่ดังกล่าวครับ.. สาธุ

 

ภาพหลวงปู่พิศดู หลังพระอุปคุตเถระ รุ่น...ปิดสระ

เหตุบังเอิญ...
ผมให้ลูกสาวห้อยคอ ไปเรียนว่ายน้ำที่สระมาตรฐาน มีอาจารย์สอนว่ายน้ำดูแล
ภาพก็มีเปียกน้ำแต่ก็ใส่มาเรื่อยๆ จนวันเสาร์ไปเรียนช่วงบ่าย ปรากฏว่าภาพได้หลุดออกจากกรอบ หาอย่างไรก็ไม่เจอ อาจจะถูกน้ำดูดลงไปแล้ว จนใจจะหาจึงพาลูกกลับบ้าน

พอวันอาทิตย์มีเรียนภาคเช้า พาลูกไปเรียน ปรากฏว่าสระปิดทำการ เนื่องจากระบบสูบน้ำมีปัญหา แก้ไขไม่เสร็จ เหตุเกิดตอนเปิดสระตั้งแต่เช้า ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้เกิดยากมาก และวันเสาร์/อาทิตย์ เป็นวันที่ลูกค้ามากสุดๆ ซึ่งหากไม่จำเป็นเขาคงไม่ปิดทำการ

ผมเลยนึกกึงภาพหลวงปู่ที่หาไม่เจอ ...ซึ่งก็ไม่รู้จะเกี่ยวกันไหม...

 

สาธุครับ

 

หลวงปู่มาโปรดครับ

 

ล็อกเก็ตรุ่น 6 หลวงปู่พิศดู
- ล็อกเก็ตรุ่นนี้สร้างปี พ.ศ.2550 โดยคณะศิษย์โรงพยาบาลจุฬาฯ สร้างถวายเพื่อให้หลวงปู่แจกเป็นทานบารมี ให้กับสานุศิษย์ที่มากราบเยี่ยม หลวงปู่ท่านตั้งชื่อรุ่นนี้ว่า "รุ่นปาฏิหาริย์ 2" ลักษณะล็อกเก็ตรุ่นนี้เป็นล็อกเก็ตฉากสีเขียว มีชื่อหลวงปู่เขียนว่า ธมฺมจารี สุขํเสติ พระทุกองค์เลี่ยมด้วยกรอบไมครอน จำนวนสร้างทั้งหมด 300 องค์เช่นกันกับ รุ่น5 แต่ล็อกเก็ตรุ่น6 นี้หลวงปู่อธิษฐานจิตนานถึง 2 ปีเต็ม ถึงค่อยแจกให้กับผู้ที่สมควรต่อไป นับได้ว่าเป็นล็อกเก็ตรุ่นที่หลวงปู่อธิษฐานจิตเอาไว้ยาวนานที่สุด ท่านบอกว่า "เก็บเอาไว้นานๆ เอาไว้รักษาตัว" ครับ

 

ไม่เป็นไรครับเราไม่ได้ตั้งใจ ตั้งใจขอขมาท่านใหม่.. แล้วเอาภาพใหม่ให้ลูกใส่(ถ้ามี) ก่อนใส่แนะนำให้ไปหาช่างที่เลี่ยมพระ ให้เขาเอากาวเชื่อมพลาสติกหยอดตามรอยประกบที่ด้านหลังให้สนิท ทีนี้ใส่เล่นน้ำ น้ำก็จะไม่เข้าแล้วครับ

 

ฝากธรรมวันนี้เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ช่วงเวลาตี 5 เป็นวันที่หลวงปู่สนั่นจำวัดอยู่วัดป่าคลองกุ้งและท่านกำลังจะเดินทางกลับวัดธารเกษม

หลวงปู่สอนว่าทำอะไรให้มีความเชื่อมั่น ให้ใช้ความพยายามแล้วจะประสบความสำเร็จ ขอให้มีศรัทธามาก่อน ทุกคนในที่นี้ก็เหมือนญาติกัน (เป็นญาติธรรม) ไม่ใช่ญาติก็เหมือนญาติ ทำอะไรก็ขอให้มีความสามัคคีกลมเกลียวกัน เหมือนเกลียวเชือกมีหลายๆเกลียว เชือกก็จะแข็งแรงไม่ขาดง่าย แล้วท่านก็นำรัดประคดมาคาดเอวให้ดู ท่านบอกว่า ถ้านำเชือกที่ทำรัดประคดนี้มาคลายออกแล้วทอใหม่ ก็จะได้ผ้าที่ใช้ห่มได้ 1 ผืนเลย ให้สามัคคีช่วยเหลือกันมีกินก็มีเหมือนกัน จึงจะไปรอด

ขอให้หลวงปู่รักษาสุขภาพ มีธาตุขันธ์ที่แข็งแรง อยู่กับลูกหลานไปถึงร้อยปีเลยนะเจ้าคะ สาธุ

กราบหลวงปู่สนั่น จิณณธัมโม เหนือเศียรเกล้า
คิดถึงหลวงปู่
บันทึกโดย ใบเตย ลูกศิษย์หลวงปู่สนั่น

 

สาธุครับ

 

พระกริ่งสุขังเสติ หลวงปู่พิศดู

พระกริ่งสุขังเสติ ที่ทางท่านพระอาจารย์หนึ่ง ปัญาวุฑโฒ สำนักสงฆ์เขาน้ำซับ จัดสร้างนี้ เพื่อมอบให้เป็นที่ระลึกแด่ผู้ที่บริจาคปัจจัย หิน ทราย และอุปกรณ์ต่างๆ ในการก่อสร้างพระเจดีย์สุขังเสติ ณ สำนักสงฆ์เขาน้ำซับ (กำลังก่อสร้าง)
ได้เททองหล่อไปเมื่อประมาณเดือนกรกฎาคม 2555 พร้อมกับพระประธานทรงเครื่องมหาจักรพรรดิ์ หน้าตัก 19 นิ้ว โดยพระเกจิอาจารย์สายอยุธยากรุงเก่า อาทิ หลวงพ่อรวย วัดตะโก หลวงพ่อเพิ่ม วัดป้อมแก้ว หลวงพ่อพูน วัดบ้านแพน ฯลฯ ร่วมด้วยพระสวดพิธีธรรมอีก 19 รูป ภายในปรัมพิธี มีราชวัชร ฉันธง วงสายสิญจน์ตามราชประเภณี โดยได้บวงสรวงอัญเชิญบารมีธรรมขององค์พระมหาอุปคุต และองค์หลวงปู่พิศดูเป็นที่สุด มาร่วมพิธีเพื่อความศักดิสิทธิ์แห่งมงคลพิธี
โดยท่านพระอาจารย์ได้ใช้ชนวน-มวลสารที่สร้างพระกริ่งธัมมะจารีที่ได้เก็บไว้จำนวนมาก และชนวนศักดิ์สิทธิ์ต่างๆอีกจำนวนมากจากทั่วสารทิศ ประกอบกับมีผู้ศรัทธาร่วมบริจาค เงิน ทองคำอีกหลายสิบบาท อธิษฐานใส่ในเบ้าหลอมโลหะ เพื่อหล่อเป็นพระกริ่งสุขังเสติ เนื้อมหาสัมฤทธิ์ตามแบบฉบับขององค์หลวงปู่ โดยได้ออกแบบให้ดูคล้ายกับพระกริ่งธัมมะจารี แต่เปลี่ยนลักษณะหลายจุด เพื่อไม่ให้ซ้ำแบบกัน
ส่วนพิธีอธิษฐานจิตนั้น ทางพระอาจารย์ท่านได้บวงสรวงขอบารมีขององค์หลวงปู่ช่วยเมตตาอธิษฐานให้ทั้งพรรษาตราบจนถึงวันเททองหล่อพระในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2556 จึงได้นำออกแจกจ่ายแก่ผู้ที่สังจองเอาไว้ และผู้ที่เป็นเจ้าภาพแท่งชนวนโลหะที่ใช้หล่อรูปเหมือนองค์หลวงปู่ในวันงานดังกล่าว

พระกริ่งสุขังเสตินี้ มีอยู่ด้วยกัน 2 พิมพ์ คือ พิมพ์ใหญ่ กับ พิมพ์เล็ก และพระชัยวัฒน์
โดยได้แยกเป็น 2 ประเภท คือ
พระกริ่งพิมพ์ใหญ่+พระชัยวัฒน์ (ชุดนี้ ให้ร่วมบุญก่อสร้างพระเจดีย์ สุขังเสติ)

ส่วนพระกริ่งเล็ก แยกเป็นองค์เดี่ยว (ชุดนี้ให้ร่วมบุญเนื้อทองเหลืองในวันหล่อพระ)

และที่ทราบมา พระกริ่งชุดนี้มีผู้รายงานมาว่า เอาไปตรวจพลังมาแล้ว ได้ผลออกมาว่า แรงมาก..!! และมีพลังอยู่ 2 กระแส คงน่าจะหมายถึง กระแสครูบาอาจารย์ต่างๆตอนที่เททองหล่อ กระแสขององค์หลวงปู่พิศดูอยู่ด้วยครับ

 

พระกริ่งสุขังเสติ หลวงปู่พิศดู

พระกริ่งสุขังเสติ ที่ทางท่านพระอาจารย์หนึ่ง ปัญาวุฑโฒ สำนักสงฆ์เขาน้ำซับ จัดสร้างนี้ เพื่อมอบให้เป็นที่ระลึกแด่ผู้ที่บริจาคปัจจัย หิน ทราย และอุปกรณ์ต่างๆ ในการก่อสร้างพระเจดีย์สุขังเสติ ณ สำนักสงฆ์เขาน้ำซับ (กำลังก่อสร้าง)
ได้เททองหล่อไปเมื่อประมาณเดือนกรกฎาคม 2555 พร้อมกับพระประธานทรงเครื่องมหาจักรพรรดิ์ หน้าตัก 19 นิ้ว โดยพระเกจิอาจารย์สายอยุธยากรุงเก่า อาทิ หลวงพ่อรวย วัดตะโก หลวงพ่อเพิ่ม วัดป้อมแก้ว หลวงพ่อพูน วัดบ้านแพน ฯลฯ ร่วมด้วยพระสวดพิธีธรรมอีก 19 รูป ภายในปรัมพิธี มีราชวัชร ฉันธง วงสายสิญจน์ตามราชประเภณี โดยได้บวงสรวงอัญเชิญบารมีธรรมขององค์พระมหาอุปคุต และองค์หลวงปู่พิศดูเป็นที่สุด มาร่วมพิธีเพื่อความศักดิสิทธิ์แห่งมงคลพิธี
โดยท่านพระอาจารย์ได้ใช้ชนวน-มวลสารที่สร้างพระกริ่งธัมมะจารีที่ได้เก็บไว้จำนวนมาก และชนวนศักดิ์สิทธิ์ต่างๆอีกจำนวนมากจากทั่วสารทิศ ประกอบกับมีผู้ศรัทธาร่วมบริจาค เงิน ทองคำอีกหลายสิบบาท อธิษฐานใส่ในเบ้าหลอมโลหะ เพื่อหล่อเป็นพระกริ่งสุขังเสติ เนื้อมหาสัมฤทธิ์ตามแบบฉบับขององค์หลวงปู่ โดยได้ออกแบบให้ดูคล้ายกับพระกริ่งธัมมะจารี แต่เปลี่ยนลักษณะหลายจุด เพื่อไม่ให้ซ้ำแบบกัน
ส่วนพิธีอธิษฐานจิตนั้น ทางพระอาจารย์ท่านได้บวงสรวงขอบารมีขององค์หลวงปู่ช่วยเมตตาอธิษฐานให้ทั้งพรรษาตราบจนถึงวันเททองหล่อพระในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2556 จึงได้นำออกแจกจ่ายแก่ผู้ที่สังจองเอาไว้ และผู้ที่เป็นเจ้าภาพแท่งชนวนโลหะที่ใช้หล่อรูปเหมือนองค์หลวงปู่ในวันงานดังกล่าว

พระกริ่งสุขังเสตินี้ มีอยู่ด้วยกัน 2 พิมพ์ คือ พิมพ์ใหญ่ กับ พิมพ์เล็ก และพระชัยวัฒน์
โดยได้แยกเป็น 2 ประเภท คือ
พระกริ่งพิมพ์ใหญ่+พระชัยวัฒน์ (ชุดนี้ ให้ร่วมบุญก่อสร้างพระเจดีย์ สุขังเสติ)

ส่วนพระกริ่งเล็ก แยกเป็นองค์เดี่ยว (ชุดนี้ให้ร่วมบุญเนื้อทองเหลืองในวันหล่อพระ)

และที่ทราบมา พระกริ่งชุดนี้มีผู้รายงานมาว่า เอาไปตรวจพลังมาแล้ว ได้ผลออกมาว่า แรงมาก..!! และมีพลังอยู่ 2 กระแส คงน่าจะหมายถึง กระแสครูบาอาจารย์ต่างๆตอนที่เททองหล่อ กระแสขององค์หลวงปู่พิศดูอยู่ด้วยครับ

 

#หลวงปู่เล่าถึงท่านพ่อลี..
สมัยที่ท่านอยู่กับท่านพ่อลี(พระอาจารย์ของท่าน) ที่วัดป่าคลองกุ้ง จ.จันทบุรี สมัยนั้นรอบๆวัดบ้านคนยังมีไม่มากนัก เพราะบริเวณนั้นเป็นป่าช้าผีดิบ หรือหลุมฝังศพคนตาย คนจึงไม่ค่อยกล้าเข้ามาอยู่อาศัย ทุกวันยามท่านพ่อลีว่างจากศาสนกิจ ท่านจะให้หลวงปู่พิศดู(ขณะนั้นพรรษาท่านยังไม่ถึง 10 พรรษา) เอาอาสนะไปปูลาดไว้ในป่าช้าข้างหลุมฝังศพ เพื่อท่านพ่อจะไปนั่งกัมมัฏฐาน (หลวงปู่พิศดูท่านใช้คำว่า ไปทำฌาน) ซึ่งนี่ก็เป็นเหตุให้หลวงปู่ได้ซึมซับเอานิสสัยของท่านพ่อลีในเรื่องของการเจริญสมถะ และวิปัสนาอยู่ในป่าช้าผีดิบ และรุกขมูล มากว่าค่อนชีวิตในสมณเพศของท่าน

ท่านพ่อลีท่านรักและกรุณาหลวงปู่มาก ท่านพ่อจะคอยสอบถามในเรื่องความเป็นอยู่ และเรื่องของการปฏิบัติกับหลวงปู่พิศดูเสมอ ส่วนใหญ่ท่านพ่อจะชอบมาบอกสอนให้เฉพาะตัวตามลำพัง ซึ่งหากหลวงปู่มีข้อสงสัยในเรื่องใด ท่านก็จะคอยดูจังหวะเหมาะๆและเข้าไปกราบเรียนถามข้อข้องขัดนั้นกับท่านพ่อลีโดยลำพังเช่นกัน เนื่องจากหลวงปู่เป็นผู้มุ่งมั่นในการปฏิบัติภาวนาอย่างยิ่งยวด อีกทั้งองค์ความรู้ความเห็นของหลวงปู่พิศดูนั้นก็ค่อนข้างจะแปลกพิศดารกว่าหมู่พระด้วยกัน ถึงกับท่านพ่อลีเคยเอ่ยปากไว้ว่า " ต่อไปภายหน้าถ้าหมดเราแล้ว ให้พวกเธอไปหาท่านพิศแทน ต่อไปท่านพิศจะแทนเราได้.."

เมื่อยามที่หลวงปู่พิศดูกล่าวถึงท่านพ่อลี ธัมมธโร ใบหน้าของท่านจะมีประกายความสุข สุขุม และท่านมักจะกล่าวเทิดทูนท่านพ่อลีด้วยความเคารพรักเสมอ หลวงปู่ท่านเคยบอกว่า
" ท่านพ่อลีนี่จิตท่านแรง ท่านเคยเพ่งลูกศิษย์ลอยเลย.."

" ท่านพ่อลีท่านเสียงดัง เด็ดขาด คนส่วนใหญ่ชอบพูดว่าท่านดุ จึงพากันกลัวท่าน แต่กับเราท่านไม่ค่อยดุ เพราะเรารู้ใจท่าน อยู่กับท่านต้องฉลาดให้รู้จักหัดสังเกตุ..."

" พระที่ท่านพ่อลีเสก ดีมาก.. ใครมีพระท่านพ่อลีให้เอามาคล้อง.."

 

หลวงปู่พิศดู ท่านเคยบอกเอาไว้หลายอย่างเกี่ยวกับหยกว่า..

" เวลาไปไหน หรือไปในที่ๆเขาเล่นคุณไสยฯกัน ให้เอาหยกติดตัวไป(จะเป็นพระหยก กำไล ประคำหยก...ก็ได้) พวกคุณไสยฯจะเข้ายาก "

" มีหยกติดตัวไว้เป็นมงคล "

" ใส่หยก(ของหลวงปู่)นี่ แล้วเย็นดีนะ..."

และอีกสารพันที่เกี่ยวกับสิ่งมงคลวัตถุตามธรรมชาติ ที่ชื่อว่า "หยก" ถ้าไม่ดีจริงชาวจีน ธิเบต พม่า ลาว ไทย... คงไม่ได้ใช้เป็นเครื่องรางคู่กายกันมาหลายๆพันปี นั่นก็รวมถึงตั้งแต่สามัญชน จนถึงพระเจ้าจักพรรดิ์ก็ยังใช้หยกนี้
อีกอย่างอิทธิวัตถุธรรมชาติเหล่านี้ มักมีผู้ทรงศีล หรือผู้บำเพ็ญตบะหรือแม้แต่พระอริยะหลายท่าน เช่น หลวงปู่สมชาย วัดเขาสุกิม , หลวงปู่ฟัก วัดเขาน้อยสามผาน , ครูบาพรหมจักรโก วัดพระบาทตากผ้า , ครูบาชัยวงศาพัฒนา วัดพระบาทห้วยต้ม...ฯลฯ ท่านเหล่านั้นมักบอกเสมอว่า เป็นสิ่งมงคลที่รวมธาตุทั้งหลายมาไว้ในนี้เวลาเสกตั้งธาตุก็เสกขึ้นรูป-นามได้ง่าย และหยกยังเป็นสัญลักษณ์แห่งความร่มเย็นเป็นสุข ความสงบ และปัญญา

เคยมีลูกศิษย์ของหลวงปู่พิศดูท่านนึงได้กำไลหยกมาจากองค์หลวงปู่ พอกลับไปบ้านที่ปักใต้ก็เอาไปให้น้องชายของตนใส่ น้องชายเขาก็ใส่เป็นประจำเพราะเป็นหยกที่องค์หลวงปู่เมตตาเสกอธิษฐานเอาไว้ จนมีอยู่วันหนึ่งได้มีพายุเข้า ขณะที่ขับรถกลับบ้าน ลมก็แรงมาก อยู่ดีๆต้นไม้ใหญ่ขนาดลำต้นเท่าตัวคนที่อยู่ข้างทางก็ล้มลงมาทับรถของเขา..!! แต่น่าแปลกมากต้นไม้ที่หักโค่นลงมานั้นก็กลับเปลี่ยนทิศดีดออกไปล้มในทางอื่นแทน ขณะที่รถซึ่งขับตามหลังมาเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างโดยตลอด พอเหตุการณ์ที่น่าหวาดผวาเพิ่งผ่านพ้นไป ราวกับภาพสโลว์ เขาก็ได้จอดรถเพื่อตรวจสอบความเสียหายของรถ รวมทั้งรถที่ไล่ตามหลังมาก็จอดเพื่อเข้าไปช่วยเหลือ แต่พอออกมาตรวจสอบสภาพรถที่ถูกต้นไม้ล้มทับ โดยคิดว่าหลังคาคงจะบุบสลายจากแรงปะทะของต้นไม้ใหญ่ แต่....เปล่าเลย บนหลังคารถแทบไม่มีร่องรอยอะไรเลย
จริงๆ....เป็นเรื่องจริงที่แปลกมาก แล้วหนึ่งในจำนวนคนที่โดยสารมากับรถคันที่ตามหลังมาคนหนึ่ง คนนี้เพิ่งกลับมาจากทำพิธีทางพราหมให้กับสำนักแห่งหนึ่ง เดินเข้าไปขอดูของดีของชายผู้ประสบเหตุว่ามีของดีอะไร เขาก็บอกว่าไม่มีอะไรเลย ไม่ว่าจะเป็นพระเครื่อง ตะกรุด เครื่องราง หรือแม้แต่สักยันต์ก็ไม่มี จะมีก็แต่กำไลหยกเพียงวงเดียวที่ใส่ไว้ที่ข้อมือที่พี่สาวเอามาให้ ชายคนที่เป็นพราหมคนนั้นก็ขอดูกำไลหยกวงนั้น พร้อมทั้งหลับตาได้เพียงอึดใจเดียวก็อุทานออกมาด้วยความประหลาดใจและปีติจนน้ำตาแทบไหล แล้วบอกว่า..
" หลวงปู่องค์ที่เสกกำไลนี้สุดยอดมากๆ พอหลับตาเข้าสมาธิดูเห็นเป็นแสงสว่างจ้ามาก กำไลนี้มีรัศมีเป็นสีต่างๆ และแสงที่ออกมาใสเป็นแก้วไปหมด หลวงปู่องค์นี้ท่านต้องเป็นพระอริยสงฆ์ชั้นสูงแน่นอน ท่านได้บรรจุหัวใจของพระพุทธเจ้าเอาไว้ในนี้เต็มที่ สุดยอดที่สุด ไม่ทราบว่าหลวงปู่รูปนี้อยู่ที่ไหนกัน.."

พอชายที่เป็นเจ้าของกำไลฟังดังนั้นก็ขอกำไลนั้นคืนกลับมา(กลัวหาย) แล้วก็บอกว่ากำไลนี้พี่สาวเป็นคนให้มา ได้มาจากพระที่ จ.จันทบุรี ท่านเป็นอาจารย์ของพี่สาว..
ก็เป็นเรื่องน่าแปลกที่เหตุการร้ายๆนั้นได้ผ่านพ้นไปอย่างเหลือเชื่อ และการที่ชายนิรนามที่เรียกว่าเป็นพราหมนั้น ท่านก็สื่อสารสัมผัสถึงพลังงานอันบริสุทธิ์ของกำไลวงนั้นได้ แถมยังทักและใช้สรรพนามเรียกพระผู้เสกกำไลนั้นถูกด้วยว่า.. " หลวงปู่ " แทนที่จะเรียกว่าหลวงพ่อ หลวงพี่ พระอาจารย์อะไรทำนองนั้น ซึ่งพราหมผู้ที่สัมผัสนั้นอาจจะเห็นนิมิตได้แจ่มใสจริงๆ..