สมเด็จเหรียญหลวงพ่อทวน หนองพังตรุ

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Jumbo A, 17 สิงหาคม 2022.

  1. shaj

    shaj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    8,073
    ค่าพลัง:
    +7,089
    ขอจองครับ
     
  2. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,152
    ค่าพลัง:
    +21,386
    FB_IMG_1746437844810.jpg
    1392239-3d0d9.jpg
    พระสมเด็จนั่งซุ้มเสมาขี่แรด รุ่นแรก หลวงพ่อสัมฤทธิ์ วัดถ้ำแฝด
    พระสมเด็จนั่งซุ้มเสมาขี่แรด รุ่นแรก หลวงพ่อสัมฤทธิ์ คัมภีโร (พระครูกาญจนกิจจาทร) อดีตเจ้าอาวาส วัดถ้ำแฝด กาญจนบุรี รุ่นนำโชค เนื้อผงพุทธคุณ ปี 2537
    วัตถุมงคล "รุ่น นำโชค" พ.ศ. 2537
    วัตถุมงคลชุดนี้ได้เริ่มดำเนินการในปี พ.ศ.2537 ในช่วงระหว่างพรรษานี้ หลวงพ่อได้นิมิตรเกี่ยวกับเจ้าแม่กวนอิมในช่วงเช้ามืดของคืนวันหนึ่งหลังจากที่ทำวัตรเช้าเรียบร้อยแล้วท่านได้เอ่ยกับพระอาจารย์วัชระและลูกวัดอื่นๆว่า เมื่อเช้าหลวงพ่อนิมิตรเห็นเหมือนดวงจันทร์สีขาวนวลสว่างมากค่อยๆโผล่ลอยขึ้นมาเหนือน้ำทางด้านทิศตะวันออกของวัด ท่านจ้องมองด้วยความแปลกใจระคนกับความสงสัย เพียงครู่เดียวที่ดวงนิมิตรลอยขึ้นมานั้น ปรากฏเห็นร่างของเจ้าแม่กวนอิมในปางยืนประทานพรจนเต็มองค์ แต่งกายด้วยสีขาวบริสุทธิ ยืนลอยอยู่เหนือน้ำแล้วทรงยิ้มให้ พร้อมทั้งชี้มือมาที่บริเวณหุบเขาด้านหลังวัด ปรากฏเห็นเป็นแสงสว่างพุ่งมายังตีนเขา หลวงพ่อจึงได้เล่านิมิตรให้คณะศิษยานุศิษย์ที่มาฟังทกุคนมีความเห็นตรงกันว่าน่าจะเป็นนิมิตรหมายให้หลวงพ่อสร้าง "พระโพธิสัตว์กวนอิม" ในสถานที่หุบเขาของวัด ทำให้หลวงพ่อเริ่มคิดทำการก่อสร้างพระโพธิสัตว์กวนอิมปางยืนประทานพรสูงถึง 50 เมตร ซึ่งจำเป็นต้องใช้ทุนทรัพย์ดำเนินการเป็นจำนวนมาก ทำให้ท่านเริ่มจัดทำวัตถุมงคลชุดใหม่ขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งหลังจากที่หยุดสร้างไปนาน วันออกจำหน่าย 7 มกราคม 2537 ซึ่งตรงกับงานบำเพ็ญกุศล วันครบรอบอายุของ หลวงพ่อสัมฤทธิ์ โดยนิมนต์พระเกจิชื่อดังในยุคนั้นมานั่งปรกด้วยกันหลายรูป เช่น
    -พระธรรมคุณาภรณ์ (ไพบูลย์ กตปุญฺโญ) อดีตเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี ประธานจุดเทียนชัย
    -หลวงพ่ออุตตมะ วัดวังก์วิเวการาม ดับเทียนชัย
    -หลวงพ่อลําใย วัดทุ่งลาดหญ้า
    -หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ
    -หลวงพ่อหลิว วัดไร่แตงทอง
    -หลวงพ่ออวยพร วัดดอนยายหอม
    -หลวงปู่ทิม วัดพระขาว
    -หลวงพ่อไสว วัดปรีดาราม
    -หลวงพ่อสุรเสียง วัดป่าเลิงจาน
    -หลวงพ่อน้ำเต้าทอง วัดธรรมปัญญา นครนายก
    -หลวงพ่อทองหล่อ วัดคันลัด สมุทรปราการ
    -อาจารย์ตี๋ วัดกุศลสมาคร กรุงเทพฯ
    -หลวงพ่อวัดสะพานขาว (วัดญวน) สะพานขาว
    -หลวงพ่อสัมฤทธิ์ คัมภีโร วัดถ้ำแฝด ฯลฯ
    หลวงพ่อสัมฤทธิ์ วัดถ้ำแฝด พระเกจิชื่อดังแห่งเมืองกาญจนบุรี ท่านได้รับความศรัทธาจากศิษยานุศิษย์ทั้งในและนอกประเทศจาก เหล็กไหลตาแรด และการสาวน้ำตาเทียนมาทำเป็นมงคลสวมศรีษะ ซึ่งบางครั้งจะเรียกว่า มงกุฏพระพุทธเจ้า นั้น ในอดีตจะมีคลื่นมหาชนหลั่งไหลไปกราบนมัสการท่านเป็นจำนวนมาก วันนี้ขออนุญาตนำเสนอประวัติของท่านให้รับทราบกันก่อนนะครับ
    ประวัติ หลวงพ่อสัมฤทธิ์ วัดถ้ำแฝด
    หลวงพ่อสัมฤทธิ์ คัมภีโร หรือ ท่านพระครูกาญจนกิจจาทร มีนามเดิมว่าสัมฤทธิ์ นามสกุล คุณพันธุ์ ถือกำเนิดเมื่อวันจันทร์ขึ้น 2 ค่ำ เดือนยี่ ปีกุน ตรงกับวันที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2466 ณ บ้านหมู่ที่ 6 บ้านปอพาน ต.นาเชือก จ.มหาสารคาม เป็นบุตรคนที่ 2 ของโยมพ่อพาและโยมแม่สี คุณพันธุ์ ซึ่งมีอาชีพหลักในการทำนาเฉกเช่นครอบครัวอื่นๆ ในถิ่นนั้น
    ชีวิตในวัยเด็กของหลวงพ่อสัมฤทธิ์ หรือเด็กชายสัมฤทธิ์ยามนั้นก็เหมือนลูกอีสานทั่วไปเมื่อเติบโตรู้ความก็ช่วยบิดา - มารดา เลี้ยงน้องอีก 5 คน ถึงหน้าก็ช่วยบุพการีลงทำงานในท้องนาอย่างมิรู้เหน็ดเหนื่อย
    เมื่อเติบใหญ่ล่วงเข้าสู่วัยเรียน เด็กชายสัมฤทธิ์ก็ต่างจากเด็กอื่นๆ ในวัยเดียวกันคือเป็นเด็กที่มุ่งมั่นใฝ่ต่อการศึกษาเป็นอย่างมาก ด้วยหวังก้าวหน้าในอนาคตจนเมื่อเรียนจบชั้นประถมการศึกษาปีที่ 4 แล้ว จึงได้ขออนุญาตต่อบิดา - มารดา เพื่อไปเรียนต่อในชั้นที่สูงขึ้น
    นายพาและนางสีผู้เป็นบิดา - มารดาเองก็หวังที่จะเห็นเด็กชายสัมฤทธิ์ผู้เป็นบุตรชายมีความก้าวหน้าจึงส่งให้ไปเรียนต่อชั้นป.5 ที่โรงเรียนศิริวิทยากร ในจังหวัดนครราชสีมาและเรียนอยู่ที่โรงเรียนแห่งนี้จนจบมัธยมศึกษาปีที่ 6
    จากนั้นท่านก็ได้ไปรับราชการทหาร จนกระทั่งเมื่อท่านเบื่อในโลกจึงได้สนใจในทางธรรมจึงได้หันเหชีวิตมาสู่พระพุทธศาสนา
    สู่ร่มกาสาวพัสต์
    เมื่อมีจิตศรัทธามุ่งมั่นที่จะอุปสมบท หนุ่มสัมฤทธิ์จึงบอกกล่าวผู้เป็นบิดา - มารดาตลอดไปถึงญาติพี่น้องที่เกี่ยวข้องให้ได้ทราบ เมื่อบุพการีไม่ขัดข้องนายสัมฤทธิ์จึงเข้าวัดแจ้งความประสงค์ของตนต่อเจ้าอาวาส พร้อมกับฝึกสวดบทขานนาค
    กระทั่งจนจำได้แม่นยำ จึงจัดเตรียมเครื่องบวชบริขารแปดแล้วเข้าพิธีบรรพชาอุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดหนองเลา ต.นาเชือก อ.นาเชือก จ.มหาสารคาม เมื่อวันที่ 22 มีนาคม
    พ.ศ. 2492 ซึ่งขณะนั้นนายสัมฤทธิ์มีอายุได้เพียง 26 ปี
    โดยมี "พระครูจันทรศรีตลคุณ" เจ้าอาวาสวัดทองนพคุณ ต.ปะหลน อ.พยัคฆภูมิพิสัย จ.มหาสารคาม เป็นพระอุปัชฌาย์
    "พระครูโกศลสมณกิจ" หรือ "หลวงพ่อคำ" แห่งวัดหนองเลา ต.นาเชือก อ.นาเชือก จ.มหาสารคาม เป็นพระกรรมวาจาจารย์
    "พระอาจารย์รอด พรหมสาโร" วัดหนองกุง ต.นาเชือก อ.นาเชือก จ.มหาสารคาม เป็นพระอนุสาวนาจารย์
    ได้รับฉายาว่า "คัมภีโร"
    ต่อมาหลวงพ่อสัมฤทธิ์หรือพระสัมฤทธิ์ในเวลานั้นท่านยังได้รับการอบรมสั่งสอนด้านกรรมฐานจากพระครูจันสีตลคุณ พระอาจารย์ผู้เป็นอุปัชฌาย์ ซึ่งเป็นผู้มีความรู้ทางด้านกรรมฐานเพื่อจะได้ฝึกฝนจิตใจของตนให้เข้มแข็งอันเป็นการตามรอยอริยสงฆ์ต่างๆ ที่กระทำสืบเนื่องต่อๆ กันมา
    ระยะแรกของการออกสู่โลกกว้างเพียงลำพังภิกษุหนุ่มสัมฤทธิ์ได้ออกจากวัดที่อยู่อาศัยใน จ.มหาสารคาม มุ่งหน้าไปยัง อ.นารอง จ.บุรีรัมย์ มุ่งสู่เทือกเขาพนมรุ้งหรือเขาอังคารแถบเมืองต่ำบ้าง เพราะสถานที่เหล่านี้ยังมีสภาพป่าทึบรกชัฏ ยังไม่มีชาวบ้านคนใดเข้าไปอาศัยอยู่เลย ซึ่งเหมาะแก่การภาวนาอบรมจิตเป็นอย่างดี
    และในช่วงนี้เองที่ภิกษุสัมฤทธิ์ได้พบกับเรื่องราวแปลกๆ พิสดารมากมาย เช่นพบกับสัตว์ร้ายนานาชนิด โดยเฉพาะที่เขาอังคารนั้นท่านได้พบกับดวงวิญญาณของโบราณจำนวนมากปรากฏกายขึ้นมาให้เห็นเพื่อขอความช่วยเหลือ
    ภิกษุหนุ่มถึงแม้จะบวชมาเพียงไม่กี่พรรษาก็ได้แสดงธรรมและแผ่เมตตาอุทิศส่วนกุศลที่ทำมาให้แก่ดวงวิญญาณเหล่านั้นไปด้ วยจิตใจที่เชื่อมั่นว่าบุญกุศลนั้นจะสามารถทำให้เหล่าวิญญาณทั้งหลายพ้นจากความทุกข์ทรมานไปจุติใหม่ในภพภูมิที่ดีกว่ า
    จากนั้นท่านก็เดินธุดงค์มุ่งหน้าไปยัง อ.เสิงสาง จ.นครราชสีมา ได้พบหลวงพ่อสอนวัดเสิงสาง ซึ่งเป็นพระเกจิอาจารย์ผู้เก่งกล้าในวิชาด้านคงกระพันชาตรี พระสัมฤทธิ์ภิกษุหนุ่มจากมหาสารคาม ก็สมัครขอเป็นศิษย์ร่ำเรียนวิชาก็ได้รับการถ่ายทอดจากหลวงพ่อสอนจนหมดสิ้น
    ครั้งหนึ่งที่ท่านเคยธุดงค์มาถึงประเทศลาวท่านก็ได้พบกับ "หลวงพ่อดี" วัดพระไตเวียงจันทน์ ซึ่งมีอายุ 90 ปีเศษ ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ ฝั่งลาวที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่อง "เหล็กไหล" ไพรดำ" "การเล่นแร่แปรธาตุ" พระสัมฤทธิ์ภิกษุหนุ่มจากเมืองไทยจึงขอศึกษาวิชากับหลวงพ่อทองดี โดยได้แลกเปลี่ยนวิชาความรู้กันหลายอย่าง เช่น การหาทรัพย์ใต้พื้นดิน ซึ่งพระสัมฤทธิ์ท่านชำนาญเป็นพิเศษ
    หลวงพ่อดีนั้นถึงแม้อายุท่าน 90 กว่าปีแล้วแต่สุขภาพของท่านแข็งแรงเหมือนคนอายุ 60 เศษเท่านั้น ทั้ง 2 ศิษย์ - อาจารย์ จึงพากันธุดงค์ไปทางภูควายเลยเข้าไปทางประเทศเขมรและเวียดนาม เพื่อศึกษาเรื่องราวของเหล็กไหล ธาตุกายสิทธิ์จนมีความรู้ความเข้าใจเป็นอย่างดีแล้วจึงธุดงค์ย้อนกลับสู่ประเทศไทย
    นอกจากนี้ หลวงพ่อสัมฤทธิ์ในวัยหนุ่มยังมีโอกาสได้ศึกษาเล่าเรียนวิชาอาคมจากฆราวาสผู้ทรงคุณ และพระเกจิอาจารย์อีกหลายรูปทำให้ท่านมีความรู้กว้างขวางเชี่ยวชาญในพระเวทย์และศาสตร์อันลี้ลับ ยากที่จะหาผู้ทัดเทียมได้ผู้หนึ่ง
    ขึ้นมาจากปักษ์ใต้ หลวงพ่อท่านได้ธุดงค์เข้าสู่ จ.กาญจนบุรี กระทั่งจาริกมาถึงวัดถ้ำแฝด อันเป็นสถานที่ที่ตั้งวัดในปัจจุบัน ในวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2500 ภูมิประเทศของวัดถ้ำแฝดในเวลานั้นเป็นป่ารกชัฏไม่มีผู้คนอาศัยอยู่เลย
    นับแต่นั้นมา หลวงพ่อสัมฤทธิ์ จึงได้เริ่มก่อกำเนิดวัดถ้ำแฝด เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2500 ด้วยบาตรและกลด จากสำนักสงฆ์จนสำเร็จเป็นวัดที่สมบูรณ์ ประกอบไปด้วย กุฎิ ศาลาการเปรียญ และพระอุโบสถ
    ภายหลังที่ได้ก่อสร้างเป็นวัดแล้ว ก็ปรากฏคลื่นความศรัทธาจากมหาชนต่างๆหลั่งไหล ไปร่วมบุญร่วมกุศลกับท่าน จนกระทั่งวัดถ้ำแฝดมีความเจริญเติบโต จนกลายมาเป็นวัดใหญ่โตสวยงามเช่นปัจจุบัน
    ละสังขาร
    แต่เป็นที่น่าเสียดายว่า หลวงพ่อสัมฤทธิ์ ท่านได้ด่วนมามรณภาพไปเสียก่อนเวลาอันควร เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2539 ด้วยโรคระบบการทำงานของหัวใจล้มเหลว เพราะท่านมีโรคประจำตัวคือ เบาหวานและความดันโลหิตสูง ด้วยวัยชรา 73 ปีกับภาระการต้อนรับศรัทธาญาติโยมโดยไม่ได้พักผ่อนให้พอเพียงทำให้ท่านด่วนละจากพวกเราไป ท่ามกลางความเศร้าโศกของศิษยานุศิษย์ทั้งไทยและต่างประเทศเป็นอันมาก
    ก่อนหน้าที่ หลวงพ่อสัมฤทธิ์ จะมรณะภาพเพียง 1 อาทิตย์ คณะถ่ายทำสารคดีจาก ททบ 5 ได้มาถ่ายทำรายการ "เปิดโลกตำนาน" เหมือนเป็นละครบทสุดท้ายที่ท่านฝากผลงานไว้ในโลกแห่งตำนานของพระอริยเจ้าองค์หนึ่ง ที่เป็นต้นตำนานแห่งเหล็กไหล และพิธีสาวน้ำตาเทียนอันโด่งดังเป็นหนึ่ง และเป็นเอกลักษณ์พิเศษสำหรับยอดพระเกจิแห่งยุครัตนโกสินทร์ที่ไม่เหมือนใคร
    ภายหลังการมรณภาพ ปรากฏเป็นอัศจรรย์ในบุญฤทธิ์เพราะสังขารของท่านไม่เน่าเปื่อย ผมและเล็บงอกเองได้ตามธรรมชาติ ซินแสผู้เชี่ยวชาญ คือ คุณพรเทพ สุริยเสนีย์ (ดั่งอั่งเซียะซินแซ) ได้มาตรวจสอบถึงกับอุทานว่า "วิเศษ มหัศจรรย์" เกือบ 20 ปีที่ทำงานมา ซินแสเพิ่งได้พบเห็น ซากสังขารของพระอริยสงฆ์ที่มีสภาพสมบูรณ์เต็มที่เป็นครั้งแรก คือ อวัยวะภายใน ปอด ลำไส้ หัวใจ ทรวงอก ผิวพรรณ ไม่มีส่วนใดชำรุด หรือเสียหาย ใบหน้ายังอิ่มเหมือนคนนอนหลับ
    ปัจจุบันสังขารของหลวงพ่อสัมฤทธิ์บรรจุอยู่ในโลงแก้วบนมณฑปสวยงาม เป็นที่เคารพบูชา ให้โชคให้ลาภแก่ผู้ที่ไปกราบไหว้ เส้นเกศาของท่านที่ลูกศิษย์เก็บไว้ ได้เปลี่ยนจากสีดำเป็นแก้วใส วันดีคืนดีเม็ดเหล็กไหลที่ท่านฝังไว้ที่แขนจะวิ่งและเปล่งแสงได้เป็นที่อัศจรรย์ เป็นสังขารของอริยสงฆ์ที่คู่ควรแก่การกราบไหว้เป็นอย่างยิ่ง
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาทุกๆท่าน อย่างสูงครับ

    พระผงรูปเหมือนขี่แรดหลวงพ่อสัมฤทธิ์วัดถ้ำแฝดให้บูชา 220 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20250505_152627.jpg IMG_20250505_152710.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...