เรื่องเด่น รวมหลวงพ่อตอบปัญหา/จากคำบอกเล่า

มีดหมอชาตรี


มีดหมอชาตรีมีการสร้างไว้ทั้งหมด 4 ชุดเข้าพิธีพุทธาภิเษกช่วงปีพ.ศ. 2534- 2535 อยู่ 4 พิธี

1. พิธีพุทธาภิเษกมีดหมอชาตรีชุดแรกเมื่อวันอาสาฬหบูชาที่ 26 กรกฏาคม 2534

2. พิธีพุทธาภิเษกมีดหมอชาตรีชุด 2 วันศุกร์ที่่ 7 กุมภาพันธ์ 2535

3. พิธีพุทธาภิเษกมีดหมอชาตรีชุด 3 เสาร์ที่ 16 พฤษภาคม 2535 วันวิสาขบูชา

4. พิธีพุทธาภิเษกมีดหมอชาตรีชุด 4 วันศุกร์ที่ 3 กรกฏาคม 2535



รายละเอียดมีตามนี้ครับ


1. พิธีพุทธาภิเษกมีดหมอชาตรีชุดแรกเมื่อวันอาสาฬหบูชาที่ 26 กรกฏาคม 2534 ที่ศาลา 2 ไร่ เวลาประมาณ 19.00 น. พร้อมกับน้ำมันชาตรี ,น้ำมนต์ชาตรี , ชานหมากชาตรี, พระปัจเจกพระพุทธเจ้าขนาดบูชา 5 นิ้วและวัตถุมงคลอย่างอื่นๆ

หนังสือ"สมบัติพ่อให้" บอกรายละเอียดว่ามีมีดหมอชาตรี 3 แบบในพิธีนี้คือ

- ขนาดใหญ่ ปลอกมีดเป็นหนัง ความยาวทั้งหมด 11.5 นิ้ว บนใบมีดเขียนว่า " มีดหมอชาตรี วัดท่าซุง ๒๖ ก.ค. ๓๔ "
- ขนาดกลาง ด้ามงาฝักงา ความยาวทั้งหมด 3.5 นิ้ว บนใบมีดด้านหนึ่งเขียนว่า " วัดท่าซุง ๓๔ มีดหมอชาตรี " อีกด้านหนึ่งเขียนว่า " มีดหมอชาตรี "
- ขนาดเล็ก มีดโต้จิ๋ว ความยาวทั้งหมด 58 มม.







(จากธัมมวิโมกข์ สิงหาคม 2534)




2. พิธีพุทธาภิเษกมีดหมอชาตรีชุด 2 วันศุกร์ที่่ 7 กุมภาพันธ์ 2535 ที่พระวิหาร 100 เมตร เวลาประมาณ 19.00 น. พร้อมกับพระคำข้าวรุ่นพิเศษปลุกเสกชุด 1 และวัตถุมงคลอื่นๆ

หนังสือ"สมบัติพ่อให้" ให้ข้อมูลไว้ว่ามีมีดหมอชาตรี 3 แบบในพิธีนี้คือ

- ขนาดใหญ่ ด้ามฤาษี ไม่มีปลอก ความยาวทั้งหมด 8 1/4 นิ้ว
- ขนาดกลาง ด้ามงาปลอกงา ความยาวทั้งหมด 4 3/8 นิ้ว บนใบมีดด้านหนึ่งเขียนว่า " มีดหมอชาตรี " อีกด้านหนึ่งเขียนว่า " วัดท่าซุง ๓๕ "
- ขนาดเล็ก มีดโต้จิ๋ว ความยาวทั้งหมด 58 มม.



(จากธัมมวิโมกข์ มีนาคม 2535 หน้า 132)



3. พิธีพุทธาภิเษกมีดหมอชาตรีชุด 3 เสาร์ที่ 16 พฤษภาคม 2535 เป็นวันวิสาขบูชา ที่วิหาร 100 เมตร เวลาประมาณ 18.00 น. พร้อมกับพระคำข้าวรุ่นพิเศษปลุกเสกชุด 2 และสมเด็จองค์ปฐมรุ่น 1 และพระคำข้าวรุ่น 2 ปลุกเสกชุดที่ 3

มีดหมอชาตรีที่เข้าพิธีครั้งนี้มี 3 แบบด้วยกันคือ

- มีดหมอชาตรีด้ามงาฝักงา
- มีดหมอด้ามฤาษี
- มีดอีโต้จิ๋ว

ตามรายละเอียดด้านล่างครับ



(จากธัมมวิโมกข์ มิถุนายน 2535 หน้า 12)


4. พิธีพุทธาภิเษกมีดหมอชาตรีชุด 4 วันศุกร์ที่ 3 กรกฏาคม 2535 เวลาประมาณ 18.00 น. ที่วิหาร 100 เมตร

วัตถุมงคลที่เข้าพิธีพุทธาภิเษกในครั้งนี้มี

1. สมเด็จองค์ปฐมลอยองค์ รุ่น 2 (หลวงพ่อพูดในพิธีว่ามีจำนวนปลุกในวันนี้ทั้งหมด 14,400 องค์)
2. พระหางหมากรุ่นพิเศษ (หลวงพ่อพูดในพิธีว่ามี 100,000 องค์)
3. เหรียญวันเกิดรุ่นสุดท้าย (จำหน่ายเลยในงานเป่ายันต์วันรุ่งขึ้นองค์ละ 30 บาท)
4. มีดหมอชาตรีด้ามงาฝักงา ด้ามฤาษี และมีดโต้จิ๋ว (มีดโต้จิ๋วหลวงพ่อบอกในพิธีปลุกเสกว่ามี 30,000 เล่ม)

และในงานเป่ายันต์เกราะเพชรวันรุ่งขึ้นวันเสาร์ที่ 4 กรกฏาคม (เป็นพิธีเป่ายันต์เกราะเพชรครั้งที่ 18 ครั้งสุดท้ายของหลวงพ่อ) มีการแจกมีดอีโต้จิ๋วแก่ผู้ที่เข้าไปทำบุญกับหลวงพ่อด้วยครับ

รายละเอียดวัตถุมงคลที่เข้าพิธีครั้งนี้นำมาจากวิดีโอพิธีพุทธาภิเษก 3 กรกฏาคม 2535

<iframe src="https://www.youtube.com/embed/LQ3vvxkkfXY" allowfullscreen="" frameborder="0" height="480" width="640"></iframe>




(จากธัมมวิโมกข์ สิงหาคม 2535 หน้า 115)

 

ประสบการณ์มีดหมอชาตรี


เมื่อปลายเดือนที่แล้ว แฟนผมมาปลุกตอนเช้าหลังจากเธออาบน้ำแต่งตัวจะไปทำงาน บอกว่าปวดท้องมาก ความจริงมีอาการเริ่มปวดมาบ้างแล้วตั้งแต่เมื่อวาน เอามือกดท้องนิดเดียวก็เจ็บ ขณะนั่งรถกระเทือนหน่อยก็เจ็บ ผมคิดว่าอาจเป็นไส้ติ่ง ก็พาไปหาหมอที่ รพ.วิภารามอยู่ใกล้บ้านใช้บัตรประกันสังคมของเธอได้

พอแฟนผมออกจากห้องตรวจก็บอกเรื่องใหญ่แล้ว หมอทำอุลตร้าซาวด์ดูวินิจฉัยว่าถ้าไม่ใช่ท้องนอกมดลูกก็รังไข่แตก ถ้าท้องนอกมดลูกก็ต้องผ่าตัดอย่างเดียวแต่ถ้ารังไข่แตกก็ดูอาการก่อนว่ากินยาแล้วจะดีขึ้นไหม ถ้าไม่ก็ต้องผ่าเหมือนกัน หมอเขากำลังจะส่งไปตรวจผลปัสสาวะดูว่าท้องหรือเปล่า หมอเขาอธิบายมาประมาณว่าปรกติคือรังไข่สุกแล้วหมดอายุก็จะเลื่อนลงมากลายเป็นประจำเดือนไป แต่ว่าของแฟนผมตอนที่รังไข่เลื่อนลงมามันแตกเสียก่อน ดูจากอุลตร้าซาวด์แล้วคล้ายมีน้ำอยู่แถวปีกมดลูกจึงสันนิษฐานว่าท้องนอกมดลูกหรือรังไข่แตก

ผลตรวจปัสสาวะออกมาคือไม่ได้ท้อง หมอก็ถามว่าจะนอน รพ.เลยไหมดูอาการ 1 วัน แฟนผมขอกลับไปนอนบ้านก่อน หมอเลยจัดยาแก้อักเสบ ยาแก้ปวดและยาปรับฮอร์โมนมาให้ 3 อย่างกินได้ 1 สัปดาห์ สั่งว่าถ้าปวดมากขึ้นก็ให้มาเลย ถ้าไม่หนักมากขึ้นก็อีกอาทิตย์นึงมาตรวจดูอาการ

พอกลับมาจากโรงพยาบาลทานข้าวมื้อเที่ยงกินยาแล้วก็นอนพักไปถึงตอนเย็น ผมถามว่ารู้สึกเป็นไงบ้างดีขึ้นบ้างหรือเปล่า แฟนก็บอกยังปวดอยู่แต่น้อยลงหน่อยคงเพราะยาแก้ปวดที่กินเข้าไป ผมมานึกถึงมีดหมอชาตรีว่าช่วยรักษาโรคได้ เคยอ่านเรื่องลูกศิษย์หลวงพ่ออยู่อเมริกาเอามีดหมอมาเคาะๆตรงเฝือกให้กับคนกระดูกขาร้าว หมอว่า 1 เดือนถึงหาย แกะเฝือกได้ แต่พอเอามีดหมอมาเคาะๆที่เฝือกแล้วไม่กี่วันเดินได้เลย กระดูกที่ร้าวหายไปเป็นที่อัศจรรย์


คืนนั้นผมก็นำมีดหมอชาตรีด้ามฤาษีมาอาราธนาต่อพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระอริยเจ้าทั้งหมด ครูบาอาจารย์ทั้งหมดมีหลวงปู่ปาน หลวงพ่อพระราชพรหมยานเป็นที่สุด ขอให้ช่วยสงเคราะห์กำจัดโรคที่แฟนผมเป็นอยู่ให้หายไปด้วยเถิด แล้วก็นำมีดไปแตะที่กระหม่อมว่าคาถา " ทุกขา ทุกขัง ปฏิฐิตัง สัมปติฉามิ " ว่าไปช้าๆชัดๆในใจ 15 จบ แล้วเอามีดไปแตะที่ท้องว่าคาถานี้อีก 15 จบ

รุ่งขึ้นอีกวันตอนเช้าถามแฟนว่ารู้สึกเป็นยังไงบ้าง แกก็บอกว่าดีขึ้นอีกนิดแต่ยังปวดอยู่ เวลานั่งหรือเดินยังตัวงอเพราะปวดท้อง ผมเลยเอามีดหมอมาแตะรักษาอีกแต่นั่งสมาธิก่อนราวๆ 20 นาที คิดว่าเวลาแตะรักษาสมาธิดีหน่อยจะได้ผลมากกว่าอารมณ์ธรรมดา หลังนั่งสมาธิแล้วก็นำมีดหมอชาตรีด้ามฤาษีมาอาราธนาแล้วแตะทำแบบเมื่อคืนที่ผ่านมา แตะไปว่าคาถาไปหน่อยมีความรู้สึกแปร๊บๆคล้ายไฟดูดเล็กๆตรงมือที่จับด้ามมีดหมอชาตรี ถามแฟนว่าตอนแตะรู้สึกอะไรบ้างไหม แกบอกรู้สึกคล้ายไฟดูดแบบไฟฟ้าสถิตย์อยู่นิดๆ มีความรู้สึกคล้ายกัน

พอสายหน่อยแฟนมาบอกว่าเข้าห้องน้ำรู้สึกเหมือนปวดปัสสาวะ แต่ออกมามีเลือดปนออกมาด้วยพอประมาณ มีคล้ายๆเศษเนื้อเยื่อปนออกมาด้วย หลังจากปัสสาวะแล้วรู้สึกว่าดีขึ้น ปวดน้อยลงมาก แต่ต้องใส่ผ้าอนามัยไว้เพราะมีเลือดซึมออกมาตลอด พอตอนค่ำบอกผมว่าไม่ปวดแล้วพรุ่งนี้จะไปทำงานละ ก่อนนอนผมก็เอามีดหมอแตะรักษาไปอีกครั้งนึง พอเช้าแกก็ไปทำงานปรกติ ไม่ปวดอีก เดินหรือนั่งรถก็ไม่ปวดแล้ว


อีกอาทิตย์นึงไปหาหมอตามนัด หมอตรวจแล้วก็บอกว่าโชคดีที่เลือดที่แตกออกจากรังไข่ไหลออกมาได้ทางช่องคลอด ไม่ได้ขังอยู่ในช่องท้องเพราะถ้าขังอยู่ในช่องท้องก็ต้องผ่าตัดอย่างเดียว

ผมมั่นใจของผมว่าที่เลือดจากรังไข่ที่แตกถูกระบายออกมาได้ทางช่องคลอดเป็นอานุภาพมีดหมอชาตรีด้ามฤาษีของหลวงพ่อ เพราะหลังจากเอามีดแตะรักษาเช้าวันนั้นแล้วตอนสายก็ปัสสาวะปนเลือดจากรังไข่ออกมาเลย จะว่าบังเอิญก็บังเอิญแบบที่สุด เป็นประสบการณ์พึ่งเกิดขึ้นไม่นานนี้เองครับ


http://palungjit.org/threads/นานาเรื่องราวหลวงพ่อพระราชพรหมยาน.538477/page-118#post9518656

 

เรื่องสงสัยเกี่ยวกับปลุกเสกพระคำข้าว


มีน้องท่านนึงได้สอบถามข้อสงสัยการปลุกเสกพระคำข้าวและนำข้อสังเกตุต่างๆเกี่ยวกับเรื่องนี้มาอธิบายให้ผมฟัง อ่านแล้วสรุปได้ว่ามีอยู่ 2 ประเด็นคือ

1. พระคำข้าวรุ่น 2 มีการปลุกเสกครั้งที่ 3 เมื่อ 16 พฤษภาคม 253 จริงๆหรือ และ

2. พระคำข้าวรุ่นพิเศษสร้างถึง 10 ล้านองค์จริงหรือไม่

ผมขอนำมาตอบหน้ากระทู้แล้วกันนะครับ เพราะทราบว่ามีหลายท่านยังสงสัยคาใจอยู่

ผมก็ขอตั้งข้อสังเกตุในมุมมองของผมและเหตุผลของผมให้ฟังแบบนี้ครับ




1. เรื่องพระคำข้าวรุ่น 2 ปลุกเสกครั้งที่ 3 มีจริงหรือไม่จริง จากหมายกำหนดการของวัดที่ยกมาให้ดูด้านล่างตรงที่ว่า




" 1. ชนิดปกติ ไม่มีพระบรมธาตุ ให้บูชาองค์ละ 100 บาท " มีการตั้งข้อสังเกตุว่าเป็นพระคำข้าวรุ่นพิเศษที่ไม่ได้ติดพระบรมธาตุ ไม่ใช่พระคำข้าวรุ่น 2

ความจริงมีอยู่ว่า พระคำข้าวรุ่นพิเศษพิมพ์รูปสมเด็จองค์ปฐมแบบไม่ติดพระบรมธาตุ ยังไม่เคยถูกนำออกมาจำหน่ายอย่างเป็นทางการเลยครับแม้แต่ในสมัยหลวงพ่อยังดำรงขันธ์อยู่ ไม่มีไม่เคยจำหน่าย ที่ในธัมมวิโมกข์ระบุไว้ว่า " ให้บูชาองค์ละ 100 บาท " ก็เป็นการบอกอยู่ในข้อมูลอยู่แล้วว่ารุ่นนี้คือพร้อมจำหน่ายให้บูชาหลังพิธีปลุกเสก ไม่ใช่พระคำข้าวรุ่นพิเศษพิมพ์สมเด็จองค์ปฐมไม่ติดพระบรมธาตุอย่างแน่นอนครับ



มีการตั้งข้อสังเกตุว่า พระคำข้าวรุ่น 2 ปลุกครั้งที่ 3 ทำไมถึงต้องรอกันข้ามปีเลย จาก 17 พฤษภาคม 2534 ที่ปลุกไป 3 ล้านองค์แล้ว ถึง 16 พฤษภาคม 2535 ถึงจะมาปลุกเสกอีกราว 7 แสนองค์ ทำไมต้องรอนานขนาดนั้น

ข้อสังเกตุที่ให้ผมมาอีกคือ ปลุกไปครั้งแรก ล้านกว่าองค์ ครั้งสอง 3 ล้านกว่าองค์ รวมได้ประมาณ 5 ล้านแล้ว คงไม่มีการปลุกเสกครั้งที่่ 3

ขอให้เหตุผลอย่างนี้ครับว่า คุณปรีชา (ท่านเป็นผู้ถ่ายวิดีโอสมัยหลวงพ่อยังอยู่ไ้ว้ทั้งหมด)ได้พูดในวิดีโองานพิธีปลุกรุ่น 2 ครั้งแรกว่างานนี้มีพระำคำข้าวเข้าพิธี 1.3 ล้านองค์(ตรงนี้ผมไม่รู้จะยกมาให้ชมกันไงดี) และตัวเลขก็ตรงกับที่คุณยกทรงบอกไว้ชัดเจนตามที่ผมได้เคยยกเอกสารมาให้อ่านกันว่า ปลุกเสกครั้งแรกไป 1 ล้าน 3 แสนองค์ หลวงพ่อก็บอกว่า 17 พ.ค. จะทำอีกประมาณสักสองล้านองค์เศษๆ เท่าที่เขาจะทำเสร็จนะ...(หลวงพ่อไม่ได้บอกว่าสามล้านเศษนะครับ ท่านบอกว่าสองล้านเศษ......)

ทีนี้เป็นได้ไหมว่าจำนวนคลาดเคลื่อนมีมากกว่านั้น เป็นได้แน่นอนอยู่แล้วครับว่าจำนวนที่ทางโรงงานส่งจริงกับที่แ้จ้งมาก่อนไม่ตรงกันทีเดียว แต่ไม่ควรจะผิดกันถึง 1.7 ล้าน เพราะครั้งแรก 1.3 ล้านอย่างแน่นอน ครั้งสองถ้าจะครบ 5 ล้านองค์ต้องหมายถึงต้องมี 3.7 ล้านองค์ถึงจะครบจำนวน 5 ล้านองค์ แต่สุดท้ายทางธัมมวิโมกข์แจ้งในข่าวศูนย์ว่ามีจำนวน 3 ล้านองค์ ผิดจากหลวงพ่อบอกไว้ราวๆไ่ม่ถึงล้าน ไม่ถึงกับ 3.7 ล้านองค์หรอกครับ

มีข้อมูลที่เป็นเหตุผลมาประกอบประมาณว่า " ปั๊มพระคำข้าวไม่ยาก ปั้มพระคำข้าวกันเดือนละประมาณ 1 ล้านองค์ " ผมขอตั้งข้อสังเกตุแบบนี้ครับว่า ถ้าทำกันง่ายทำกันเร็วขนาดนั้นจริงๆ ทำไมปลุกเสกพระคำข้าวครั้งแรกมีเพียง 1.3 ล้านองค์เองครับ

จากพระคำข้าวรุ่น 1 ที่ปลุกเสกไปเมื่อ 15 มีนาคม 2533 จากมีนาคม 2533 ถึง 29 ธันวาคม 2533 เป็นเวลาถึง 10 เดือนนะครับ !

พระำคำข้าวรุ่น 1 จำหน่ายไม่ถึงเดือนก็หมด ก็น่าจะหมดประมาณกลางเืดือนเมษายนเพราะปลุกเสกกลางเดือนมีนาคม พอหมดแล้วหลวงพ่อจึงดำริสร้างรุ่นที่ 2 ก็หมายความว่าท่านน่าจะเริ่มเสกข้าวเพื่อทำพระคำข้าวรุ่น 2 ปลายเมษายนถึงต้นพฤษภาคม นับพฤษภาคมไป 3 เดือนเพราะหลวงพ่อต้องเสกข้าวก่อนที่ท่านจะฉันถึง 3 เดือนก่อนนำมาบดผสมเป็นมวลสารสร้างพระคำข้าว ก็น่าจะตกราวปลายเดือนกรกฏาคมถึงต้นสิงหาคมที่หลวงพ่อเสกข้าวเสร็จแล้วและสามารถเริ่มปั๊มพระคำข้าวกันได้

นับสิงหาคมถึุงปลายธันวาคมวันที่ 29 ในปี 2533 ที่ปลุกเสกครั้งแรกของพระคำข้าวรุ่น 2 เป็นเวลาถึง 5 เดือนนะครับ ทำไมได้กันแค่ 1.3 ล้านองค์ ? ถ้าปั๊มกันเร็วขนาดนั้นควรเสร็จหมดหรือเกือบหมดทั้ง 5 ล้านองค์แล้วครับ

และจากต้นมกราคม 2534 ถึง 17 พฤษภาคม 2534 ที่ปลุกเสกรุ่น 2 ครั้งที่ 2 เป็นเวลา 4 เดือนครึ่ง ทำไมได้กันแค่สองล้านองค์เศษอย่างที่หลวงพ่อได้คุยกับคุณยกทรง (แต่น่าจะอยู่ที่ 3 ล้านองค์ประมาณนี้ไม่น่าเกินนี้ตามธัมมวิโมกข์ให้ข้อมูลไว้) ถ้าปั้มกันง่ายและเร็วจริงถึงเดือนละ 1 ล้าน ควรมีราว 4 ล้านเป็นอย่างน้อย

หรือถ้าจะบอกว่าเพราะมีการปั๊มพระหางหมากที่จะปลุกเสกกันก่อนเมื่อ 24 สิงหาคม 2533 เป็นจำนวน 1 ล้านองค์นะซิ ถึงได้ช้า ก็ถ้าปั๊มได้เดือนละ 1 ล้านจริง พระหางหมากจำนวนนี้ไม่น่ามีปัญหานะครับ(แต่จริงๆแล้วจำนวนพระหางหมากที่ปลุกเสกกันเมื่อ 24 สิงหาคม 2533 มีอยู่ประมาณ 6 แสนองค์ ไม่ถึง 1 ล้านองค์ครับ ! ตรงนี้หลวงพ่อบอกจำนวนด้วยองค์่ท่านเองในพิธีปลุกเสก มีบันทึกอยู่ในวิดีโอเทปพิธีพุทธาภิเษกพระหางหมาก)

เป็นข้อสังเกตุของผมที่มีต่อข้อมูลที่ว่าปั๊มพระคำข้าวกันเร็วเดือนละ 1 ล้านองค์ครับ

ส่วนที่ทำไมต้องถึงกับข้ามปีจากพฤษภาคม 2534 ไปถึงพฤษภาคม 2535 ถึงจะปลุกเสกพระคำข้าวส่วนที่เหลืออีกราว 7 แสนองค์เป็นครั้งที่ 3 ผมขอตั้งข้อสังเกตุว่าคงน่าจะเกี่ยวกับการทำพระคำข้าวรุ่นพิเศษในจำนวนที่มากมายมหาศาลถึง 10 ล้านองค์

เรื่องจะมีพระคำข้าวรุ่นพิเศษออกมาให้บูชากันมีการลงแจ้งด้วยภาพข่าวในธัมมวิโมกข์ฉบับตั้งแต่เดือนเมษายน 34 เรื่อยมาว่าจะมีพระคำข้าวรุ่นพิเศษปลุกเสกครั้งแรกวิสาขบูชา 2535 (แต่สุดท้ายปลุกเสกครั้งแรกไปตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์) ก็หมายความว่าหลวงพ่อมีดำริให้สร้างพระำคำข้าวรุ่นพิเศษตั้งแต่ก่อนพิธีปลุกเสกพระคำข้าวรุ่น 2 ครั้งที่ 2 ในเดือนพฤษภาคม 2534 แล้ว เพราะธัมมวิโมกข์ได้ลงตั้งแต่ฉบับเดือนเมษายน 2534 เป็นต้นมา


2. ส่วนข้อสงสัยเรื่องพระคำข้าวรุ่นพิเศษสร้างถึง 10 ล้านองค์จริงๆหรือ ผมได้แต่บอกว่าหลวงพี่วิรัชท่านเป็นองค์ที่บอกเล่าเรื่องจำนวนไว้นะครับ หลวงพี่วิรัชท่านเป็นพระเลขาของหลวงพ่อและท่านดูแลเรื่องวัตถุมงคลเรื่องการสร้างวัตถุมงคลสมัยหลวงพ่อยังอยู่ ไม่เชื่อท่านแล้วจะเชื่อใครได้ละครับ

ส่วนที่น้องท่านนั้นได้เอาเหตุผลและข้อมูลมาเล่าให้ผมฟังว่า " หลวงพ่อสั่งสร้าง 10 ล้านองค์ เริ่มพุทธาภิเษกตั้งแต่เดือน ก.พ. 2535 เป็นต้นมา เดือนละประมาณ 1 ล้านองค์ จนครั้งสุดท้ายพุทธาภิเษกเดือน ต.ค. ประมาณ 7-8 เดือน ได้มาประมาณ 7 ล้านองค์เท่านั้น ไม่ถึง 10 ล้าน "

ผมสงสัยว่าไปเอาข้อมูลจากไหนที่ว่าหลวงพ่อปลุกเสกกันทุกเดือนๆไป จำเป็นหรือที่ท่านจะปลุกเสกทุกเดือนขนาดนั้น นับแต่กุมภาพันธ์ 2535 ไป ท่านทำไมไม่รวบยอดปลุก 16 พฤษภาคม 35 ครั้งเดียวไปเล่าครับและปลุกอีกครั้งเดือนตุลาคม

และข้อมูลที่ให้มาตรงที่ว่า " เริ่มพุทธาภิเษกตั้งแต่เดือน ก.พ. 2535 เป็นต้นมา เดือนละประมาณ 1 ล้านองค์ จนครั้งสุดท้ายพุทธาภิเษกเดือน ต.ค. " แย้งกับสิ่งที่ธัมมวิโมกข์ได้ลงไว้ เพราะจริงๆแล้วหลวงพ่อดำริให้สร้างกันตั้งแต่ก่อนเดือนเมษายน 2534 ธรรมวิโมกข์ลงเดือนเมษายน ก็ต้องหมายความว่าหลวงพ่อต้องมีดำริสร้างก่อนฉบับเดือนเมษาจะพิมพ์ออกมา ปลุกเสกพระคำข้าวรุ่นพิเศษครั้งแรกคือ 7 กุมภาพันธ์ 2535

นับจากเมษายน 34 ถึง ต้นกุมภาพันธ์ 35 เป็นเวลา 10 เดือน ถ้าปั๊มได้เดือนละ 1 ล้านจริง ก็ควรได้ครบถ้วนหรือไม่ก็ใกล้ครบ 10 ล้านองค์ไปแล้วครับ ไม่ใช่มาปลุกกันตั้งแต่เดือนกุมภาถึงตุลาคมเดือนละ 1 ล้านองค์อย่างที่ว่ามา


ทั้งหมดเป็นเหตุผลและมุมมองข้อสังเกตุของผมนะครับ ผิดถูกอีกเรื่องนึง ผมก็ไม่ได้ถูกไปเสียทุกเรื่องอย่างแน่นอนด้วยข้อมูลเ่ท่าที่มีอยู่ ก็กำลังรออ่านข้อมูลจากหนังสือสมบัติพ่อให้เล่้มใหม่ฉบับพระผงที่จะออกภายในปีนี้เช่นกันครับ

 

ภาพจากธัมมวิโมกข์ เดือนเมษายน 2534

ตั้งแต่เดือนเมษายน 2534 เป็นต้นมาอีกหลายเดือน ธัมมวิโมกข์ได้ลงภาพนี้เพื่อแจ้งข่าวให้ทราบว่าจะมีพระคำข้าวรุ่นพิเศษปลุกเสกใน วันวิสาขบูชา 2535 ก็คือวันที่ 16 พฤษภาคม 2535 เป็นครั้งแรก

แต่ต่อมาก็มาเป็นวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2535 ที่ปลุกเสกพระคำข้าวรุ่นพิเศษครั้งแรกแทนครับ

 

_/|\_ กราบหลวงพ่อด้วยความเคารพอย่างสูงครับ _/|\_

อนุโมทนาสาธุครับ^^

 

เหรียญยุทธภูมิ (เหรียญกองทุน)

มีแบบเป็นโลหะสีทอง และ สีเงิน ด้านหลังเป็นเข็มกลัดสำหรับติดเสื้อ

มีข้อความรอบบนว่า " สาธารณะสงเคราะห์ ยุทธภูมิ "

เหรียญนี้ไม่มีจำหน่าย แต่หลวงพ่อแจกให้กับเจ้าหน้าที่ที่ไปช่วยสงเคราะห์ผู้ยากจนในถิ่นธุรกันดาร

ในหนังสือสมบัติพ่อให้เล่มปกแข็งจะลงภาพเฉพาะแบบที่เป็นสีทองลงยาสีแดง แต่ในสมบัติพ่อให้ ฉบับพิมพ์ตุลาคม 2537 จะลงรูปทั้งแบบสีเงินและสีทองลงยา

เหรียญในรูปนี้เป็นของพี่เล็กลูกสาวป้านิภาครับ

 

หลวงพ่อได้พูดถึงที่มาของพระคาถา " เพ็งๆพาๆหาๆฤาๆ " ให้ฟัง ในสนทนาที่ตึกรับแขกใหม่ ต่อจากนั้นเป็นเรื่องการย้ายศาล หลวงพ่อได้แนะนำเรื่องการย้ายศาลไว้ง่ายๆไม่ยุ่งยากมีพิธีรีตองมากมาย ลองอ่านกันดูครับ

 

(จากสนทนาที่ตึกรับแขกใหม่ ธัมมวิโมกข์ เมษายน 2534 หน้า 16-19)

 

หลวงพ่อได้เล่าไว้ว่าคำว่า " พุทโธ " คำเดียวก็เป็นคำภาวนาที่เป็นเมตตาด้วย แคล้วคลาดหนังเหนียวก็ใช้ได้เช่นกัน ลองอ่านกันดูครับ













(จากสนทนาที่สายลม ธัมมวิโมกข์ มีนาคม 2535 หน้า 14-16)

 

เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2534 ในงานทำบุญประจำปีวัดท่าซุง หลวงปู่วัดสามพระยา (สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ วัดสามพระยา) ได้กล่าวสัมโมทนียกถาให้แก่บรรดาลูกศิษย์หลวงพ่อที่มาร่วมงานนี้ เป็นที่ชื่นใจแก่คณะศิษย์โดยทั่วกันครับ
















(จากธัมมวิโมกข์ เมษายน 2534 หน้า 31-34)

 

ขอบคุณและขออนุโมทนากับพี่วรรณครับ ได้ความรู้มากๆเลย

 

เมื่อปี 2529 ระหว่างวันที่ 21 มีนาคมถึง 1 เมษายน หลวงพ่อได้เดินทางไปประเทศนิวซีแลนด์เพื่อโปรดลูกหลานของท่านที่นั่น การไปครั้งนี้มีเหตุการณ์น่าสนใจอยู่หลายเรื่องซึ่งหลวงพี่อาจินต์ (ท่านใช้นามปากกาว่า " จามร ")ได้เขียนให้อ่านกันใน " เรื่องในอดีต " และ " เที่ยวนิวซีแลนด์ " ไว้ผมจะนำมาให้อ่านกันต่อไปนะครับ

ส่วนในคอลัมภ์ " หลวงพ่อสนทนาที่สายลม " ข้างล่างนี้มีเรื่องที่น่าสนใจที่เกี่ยวกับการไปประเทศนิวซีแลนด์ด้วยเช่นกันรวมถึงเหตุที่มาของพระคาถา " สัมปจิตฉามิ " เอาไว้ด้วย ลองอ่านกันดูครับ

 

(จากธัมมวิโมกข์ ปีที่ 7 ฉบับที่ 63 หน้า 51-58)

 

เรื่อง " ไปเมืองจันทบุรี " นี้ หลวงพ่อได้เล่ารวมถึงเรื่องการเป่ายันต์เกราะเพชรและหลวงพ่อที่เป็นเพื่อนของท่านคือหลวงพ่อฤาษีลิงขาวเอาไว้

อยากให้พี่ๆน้องๆเข้่าใจว่าทั้งหลวงพ่อฤาษีลิงขาวและหลวงพ่อฤาษีลิงเล็ก ท่านได้รับคำจากหลวงปู่ปานมาตั้งแต่ต้นว่าเมื่อบวชได้ครบ 10 พรรษาแล้วให้อยู่ป่า ห้ามเข้าเมืองจนกว่าจะตาย พระอุปัชฌาย์ของหลวงพ่อและเพื่อนของท่านคือ พระครูรัตนาภิรมย์ วัดบ้านแพน จ.อยุธยา ท่านก็สั่งไว้แบบนั้นว่า " ห้ามออกมายุ่งกับชาวบ้านจนกว่าจะตาย จะพาพระและชาวบ้านที่อวดรู้ตกนรก "

(สามารถหาอ่านได้จากหนังสือเรื่องจริงอิงนิทานเล่ม 3 เรื่องพระอภิญญาและหนังสือประวัติหลวงพ่อพระราชพรหมยาน เรื่องคำสั่งพระอุปัชฌาย์ หน้า 97)



มีผู้อ้างว่าหลวงพ่อท่านนั้นท่านนี้คือหลวงพ่อฤาษีลิงขาวบ้าง หลวงพ่อฤาษีลิงเล็กบ้าง ก็อยากให้ทราบว่า คงเป็นลิงคนฝูง อย่างที่หลวงพ่อได้เคยพูดเอาไว้ อย่าได้ไปเข้าใจตามที่มีคนพูดๆกันไว้ครับ

 

(จากธัมมวิโมกข์ สิงหาคม 2534 หน้า 96-102)

 

ใน FaceBook มีการแชร์ภาพตัวหนังสือกันในเรื่อง " คำสั่งของพ่อ " กันอยู่หลายท่านโดยไม่ทราบที่มาที่ไปว่าต้นแหล่งมาจากไหน มีเพื่อนๆได้ส่งข้อความนี้มาให้อ่านทาง PM เช่นกัน โดยส่วนตัวผมเมื่ออ่านครั้งแรก ก็บอกได้ว่าไม่ใช่แน่นอน ถึงแม้สำนวนจะคล้ายที่หลวงพ่อเขียนแต่เนื้อหาไม่ใ่ช่แน่ แต่ก็ไม่เข้าใจว่าคนทำมีเจตนาอะไรถึงได้ทำแบบนั้น

ผมได้ไปโพสถามเอาไว้ที่เวบวัดท่าซุงเผื่อว่าท่านอื่นๆที่เ้ข้ามาทีหลังจะได้อ่านและรับทราบกันทั่วถึง

ตามลิงค์ข้างล่างนี้ครับ


http://www.watthasung.com/wat/viewthread.php?tid=1669

 

ปัจจุบันที่เวบวัดท่าซุงมีหมวด e-book ให้อ่านกันมาระยะนึงแล้วครับ ในนั้นมีหนังสือดีๆของทางวัดนำมาลงกันให้อ่านหลายเล่ม โดยเฉพาะหนังสือเก่าที่ไม่ไ้ด้ถูกนำิิมาพิมพ์อีกเช่นหนังสือ " ปักษ์เหนือ-ปักษ์ใต้ " เล่มนี้หาอ่านได้ยากมากครับ

แต่ถ้าจะเข้าไปอ่านกันต้องสมัครสมาชิกกันก่อนนะครับถึงจะสามารถ login เข้าไปอ่านกันได้

และหลวงพี่ชัยวัฒน์ท่านเล่าว่ามีผู้อาสาทำแอพพลิเคชั่นที่ใช้ในมือถือ แท็บเล็ท ให้ฟรีสำหรับห้องสมุด e-book ของทางวัด ในตอนแรกก็จะทำแอพพลิเคชั่นสำหรับไอโฟนไอแพ็ดก่อน ต่อไปก็คงมีแอพลิเคชั่นสำหรับระบบแอนดรอยด์ด้วยเช่นกัน