มหานาคีมหานาคาครุฑารักษากลุ่มภูเก็ตพังงาบูชานัมทานทีรอยพระพุทธบาท

ขออนูโมทนาบุญกับคุณนาคาในความกตัญญูต่อบิดามารดา
และคุณอ วิณวิญที่จะสร้างพระถวาย หลวงปู่สุภา กันตสีโล และหลวงพ่อเสือ

 

----อาทิตย์ ๒๙ มค. พร้อม hs8stf เดินทาง ขึ้น วัดป่าเทส รังสี ต้นน้ำตกกระทู้ ภูเก็ต อีกครั้ง ประมาณ ๒๐.๓๐ น.

ไม่พบ พระอาจารย์ ทั้ง ๒ รูป คาดว่า อาจจะ ติดกิจนิมนต์ หรือ..

จากนั้น กวาดพื้นศาลา , ลานพระธาตุภูหว้ารัตนคีรี คร่าวๆ จุด ธูปเทียน บูชา กราบสักการะ ..คุณจ้อย hs8stf สวดมนต์ บูชา พระรัตนตรัย ลานพระธาตุฯ

นาคา เตรียมสวดมนต์ ทำวัตรเย็น พร้อมกัน จากนั้น ขึ้น ชุมนุมเทวดา..

รุ่งเช้า วันจันทร์ ถวาย นมกล่อง , และ ตักบาตร พระสงฆ์ ที่ท่าน บิณฑบาตร ใกล้ ตัวเมือง..

----- ๒ - ๖ กพ. เดินทาง ขึ้น บ้านคุณพ่อ เตรียมงาน บุญ.. ในวาระ..
- เจริญ ๘๘ ปี
- ครบวาระ ๑ ปี ในการ ปักกลด กลั่นพื้นที่ ,บอกกล่าวเทพภูมิ ในการสร้างเรือนภาวนา บนเนินเขา..
- ครบวาระ เอกา อาหาร ๑ มื้อ ๓๘๐ วัน..

ยามค่ำคืน ประมาณ วันอาทิตย์ ที่ ๕ กพ. ตั้งจิต บอกกล่าว เทพภูมิ ถ้า มีโอกาส ใด้ ดวงแก้ว จาก กายทิพย์ หรือ พญางู..
ประมาณ เกือบ เที่ยงคืน มีเสียง ไม้ใต้ถุน เรือน หล่น ประมาณ ๒- ๓ ครั้ง..
..คาดว่า.. แมว ที่บ้าน...เดิน ขึ้นเขา อาจจะไปหา แมวสาว ที่ขนำ บนเขา อีก ลูก ระยะ ความสูง ประมาณ 120 เมตร ระยะทางประมาณ 300-400 เมตร , ซึ่ง เคยเห็นตอนกลางวัน แมว เดินขึ้นเขา ผ่าน เรือน..นาคา/// .. และ น้องชาย บอกว่า เคยเห็น แมว เดินขึ้นมา..และผ่านไป ทางขนำ ..

รุ่งเช้า ลอง แว็ปสายตา ดู ดวงแก้ว ...แฮะๆๆ ไม่เห็น มี เลย...

สายๆ แว็ป ดู ที่โคน เสาเอก ...พบ ดวงแก้ว ๑ ดวง ..
...ตอน ฤกษ์ เสาเอก อัญเชิญ ดวงแก้ว ,สตางค์ , ดอกไม้ ..ฯฯ จากนั้น นำดิน กลบ โคนเสาเอก
ต่อมา ใด้ รื้อดิน , เพื่อ นำปูนซีเมนต์ ลงโปก รอบๆ เสาเอก..
คาดว่า...ดวงแก้ว ....

เช้า วัน อังคาร ๗ กพ. สวดมนต์ ทำวัตรเช้า ,ชุมนุมเทวดา ,,, พระธรรมจักกัปวัตนสูตร..ฯ
ดวงธรรมข้างเสา ใน ไอหมอก ประมาณ สงกรานต์ ๕๔ ..

<TABLE class=tborder style="BORDER-TOP-WIDTH: 0px" cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR title="Post 5694239" vAlign=top><TD class=alt2 align=middle width=125>วิชา ละ</TD><TD class=alt1>หน้าผากงามๆของผมก็อาจได้มาเพราะการนี้ก็อาจจะเป็นไปได้ในความรักต่อพ่อแม่ ..
....ขอบคุณครับ คุณ วิชา.. อิอิ หน้าผาก งาม งาม ..คงมีโอกาส ร่วมบุญ กันอีกครั้ง ครับ..

</TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE class=tborder style="BORDER-TOP-WIDTH: 0px" cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR title="Post 5694412" vAlign=top><TD class=alt2 align=middle width=125>ทารา</TD><TD class=alt1>อนูโมทนาบุญกับคุณนาคา , และคุณอ วิณวิญที่จะสร้างพระถวาย หลวงปู่สุภา กันตสีโล และหลวงพ่อเสือ
..มีโอกาส คงใด้ ร่วมบุญ ครับ ..
</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และ ดับไป ตามกฏไตรลักษณ์.. อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา..

ขอน้อมบุญ..

- อัญเชิญ ถวายพระบรมสารีริกธาตุ, พระไตรฯ ให้ คุณพ่อ... เขตอนันท์ ( คุณพ่อ เพื่อนน้องสาว ) ขณะนี้.. อยู่ รพ.กาฬสินธ์ ถวาย พระสงฆ์ วัดป่า..
- อัญเชิญพระธาตุข้าวบิณฑ์ แด่ ญาติธรรม ในงาน..อันเนื่องจาก คุณแม่ วิไลย์ เขตอนันท์ ใด้ละ...(ประสบอุบัตติเหตุ ขณะ เดินทาง ร่วมบุญ ที่ กาฬสินธ์..)
- เจ้าภาพ ..1 คืน.. พร้อม ถวายปัจจัย .. ร่วมบุญ(ผ่านทาง น้องสาว ที่ คุระบุรี )

เช่นกัน น้าเขย น้านิยม เทพดำ ใด้ประสบอุบัติเหตุ ใกล้วัดนบปริง พังงา..

น้อม อัญเชิญ พระธาตุข้าวบิญฑ์ ถวาย แด่ พระสงฆ์สำนักสงฆ์ป่ากอ อ.เมือง พังงา ในค่ำ คืน วันอาทิตย์ 12 กพ. ,และ อัญเชิญ ให้ ญาติผู้ใหญ่ ในงาน..

ขออนุญาติ น้อมบุญ ปัจจัย ในนาม..

คุณ จ้อย hs8stf .Pattara Akanit....500 บ. (พังงา )
คุณ บุญญสิกขา ...........................100 + 100 บ.(กาฬสินธ์,พังงา )

ขออนุญาต น้อม โมทนาบุญ ,ขอบคุณ ที่..

- คุณ เอ วิณวิญ พร้อม ครอบครัว ,คณะ
- คุณ ก้อย Karnrawee Singkhon พร้อม ครอบครัว ,คณะ
ใด้ ร่วมพลังบุญ แพ็ค พระบรมสารีริกธาตุ,พระธาตุข้าวบิณฑ์ ผ่านมาทาง นาคา ในกลุ่ม ภูเก็ต ..เพื่อน้อมนำ อัญเชิญ..




***จากนั้น เดินทาง ขึ้น พักปฏิบัติ บูชา ภาวนา ที่ วัดป่าทส รังสี ภูเก็ต ในยาม ประมาณ ๒๑.๓๐ น. ซึ่งมี เพื่อน ผู้มาปฏิบัติ ภาวนา ก่อนแล้ว 1 ท่าน ที่ศาลาการเปรียญ (โบสถ์ ด้านหน้า )

พร้อมใจ กันกวาดลาน บริเวณ พระธาตุภูหว้ารัตนคีรี จากนั้น จุดธูปเทียน บูชา กล่าว คำ พระรัตนตรัย คร่าวๆ...

และ ร่วมสวดมนต์ทำวัตรเย็น ในศาลา ข้าง พระธาตุเจดีย์ ..ชุมนุมเทวดา , พระธรรมจักกัปวัตนสูตร.. คุณจ้อย กรวดน้ำบอกกล่าว เทพภูมิ สัพสัตว์ บริเวณ ที่ล้างบาตร ใกล้ ศาลา ,ใกล้ ...( ภาพ 2 )
ภาวนา และ พักผ่อน จนประมาณ.. หลังเที่ยง..

เปรี้ยง...เสียงดัง ..คล้าย ประทุ ดินประสิว หรือ... มีแสง แวบ มาด้วย...

ต่างแผ่ เมตตา และ เงียบ รอดู สถานการณ์ ,..., ภาวนา จนสักพัก ตุณจ้อย รู้สึก ว่า...มีเสียง ใส่ รองเท้า เดิน ขึ้นบันใด จาก ใกล้ บริเวณ ภาพที่ 2 สักพัก คล้าย มารอ รับ พลังบุญ .. หรือ... แต่ ..ไม่เห็น ใคร เข้ามาใน ศาลา..
( คาดว่า ...เทพภูมิ.. เมตตา ทดสอบ กำลังใจ ... ส่วนเสียงดัง ...งเปรี้ยง อาจจะมาจาก นักล่า สัตว์ ยาม วิกาล ..หรือ ....มาทดสอบ .... )

นับว่า..นี้ คือ สิ่งที่ หลายท่าน ไม่ ขึ้น มา นอน ภาวนา ในศาลา หลังนี้..
ส่วนน้อย จะ นอน ที่ศาลา การเปรียญ ด้านหน้า เพราะ อากาศ ไม่หนาว และ ...

ส่วน พระอาจารย์ ,,คาดว่า น่าจะ กลับ ไปทาง วัดที่พัก ปฎิบัติกิจ .. หรือตามที่หลวงพ่อ อารยะวังโส ท่าน..
ในบันทึก ที่ พระอาจารย์ รูปหนึ่ง ท่าน บันทึก...เกี่ยวกับ ..ภพภูมิ ที่นี่..

รุ่งเช้า วันนี้ สวดมนต์เล็กน้อย ก่อน ลงจาก วัดป่าเทส รังสี ..พบ เพื่อน ปฏิบัติธรรมด้านหน้า กำลัง สวดมนต์เข้า..

 

<LI class="pvs uiListItem uiListLight uiListVerticalItemBorder"> นาคา นาคีได้แบ่งปันรูปภาพของบัณฑิต ปิ่นมงคลกุล

รักแรกพบ ในหลวง-ราชินี

บทความดีๆ ก่อนวันวาเลนไทน์ 2012

ในโอกาสวันแห่งความรัก นิตยสารสุดสัปดาห์ ฉบับเดือนกุมภาพันธ์ นำเสนอเรื่องราวความรักของพ<WBR>ระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแ<WBR>ละสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ<WBR>์ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงมีต่อกันมาตลอดระยะเว<WBR>ลาอันยาวนาน

เรื่องราวความรักของทั้งสอง<WBR>พระองค์ โดยมากเป็นการเปิดเผยผ่านคำ<WBR>บอกเล่าและบันทึกของราชวงศ์<WBR> บุคคลสำคัญ และข้าราชบริพารที่ถวายงานร<WBR>ับใช้ใกล้ชิด ทั้งหมดมีมุมน่ารักที่ทำให้<WBR>อดยิ้มตามไม่ได้

วันหนึ่งในปีพ.ศ.2489 วันที่ทรงแรกพบ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว<WBR>ซึ่งประทับอยู่เมืองโลซาน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เสด็จฯ ไปยังประเทศฝรั่งเศส เพื่อทอดพระเนตรรถยนต์พระที<WBR>่นั่งแทนคันเดิมซึ่งทรงใช้ม<WBR>านาน โปรดเกล้าฯ ให้ม.จ.นักขัตรมงคล กิติยากร เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงป<WBR>ารีสพร้อมครอบครัวเข้าเฝ้าท<WBR>ูลละอองธุลีพระบาท

วันนี้เองที่ทรงพบกับ ม.ร.ว.สิริกิติ์ กิติยากร ธิดาของ ม.จ.นักขัตรมงคล และ ม.ล.บัว กิติยากร ที่มารับเสด็จ โดยวันนั้น ม.ร.ว.สิริกิติ์แต่งตัว เรียบร้อย สวมสูทสีเนื้อ ไว้หางเปียยาวถึงหลัง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว<WBR>เสด็จฯ มาถึงช้ากว่ากำหนด ทราบสาเหตุภายหลังว่าเนื่อง<WBR>จากรถยนต์พระที่นั่งเกิดเสี<WBR>ยและน้ำมันหมด ตรัสว่าทรงจำได้ดีถึงสีหน้า<WBR>ของ ม.ร.ว.สิริกิติ์ที่ทั้งหิวแ<WBR>ละรอนาน

เมื่อเสด็จฯ มาถึงราชเลขาฯ ได้เชิญแต่ผู้ใหญ่ร่วมโต๊ะเ<WBR>สวย แล้วให้เด็กไปรับประทานอาหา<WBR>รจีนอีกที่ จึงทำให้ ม.ร.ว.สิริกิติ์เคืองอยู่นิ<WBR>ดๆ

เมื่อตรัสถึงเรื่องนี้ทั้งส<WBR>องพระองค์จะทรงพระสรวล โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่<WBR>หัวทรงล้อสมเด็จพระนางเจ้าฯ<WBR> พระบรมราชินีนาถ ว่า "เดินตุปัดตุเป๋ หน้างอ คอยถอนสายบัว" สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงกราบบังค<WBR>มทูลตอบว่า "ที่หน้างอ เพราะให้แต่ผู้ใหญ่ร่วมโต๊ะ<WBR>เสวย เด็กกลับไล่ไปกินที่อื่น"

ก่อนทรงได้พบกับม.ร.ว.สิริก<WBR>ิติ์ ทรงทราบถึงความน่ารักจากสมเ<WBR>ด็จพระราชชนนีมาก่อนแล้ว ในการเสด็จเยือนปารีสครั้งแ<WBR>รก สมเด็จพระราชชนนีรับสั่งเป็<WBR>นพิเศษว่าให้ไปทอดพระเนตรลู<WBR>กสาว ของม.จ.นักขัตรมงคล "ว่าจะสวย น่ารักไหม" ทรงกำชับว่า "เมื่อถึงปารีสแล้วให้โทร.บ<WBR>อกแม่ด้วย"

เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอย<WBR>ู่หัวเสด็จฯ ถึงก็ทรงโทรศัพท์หาและตรัสว<WBR>่า "เห็นแล้ว น่ารักมาก"

เนื่องจากเวลาเสด็จฯ ยังกรุงปารีส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว<WBR>ประทับที่สถานทูตไทย ทำให้ครอบครัวม.จ.นักขัตรมง<WBR>คลซึ่งรวมถึงม.ร.ว.สิริกิติ<WBR>์เป็นที่คุ้นเคยเบื้องพระยุ<WBR>คลบาท ความที่ได้พบพระพักตร์บ่อยค<WBR>รั้ง ทั้งยังมีความชอบในสิ่งเดีย<WBR>วกันโดยเฉพาะการดนตรี ประกอบกับนิสัยร่าเริง สุภาพอ่อนน้อม และขี้อายในบางครั้ง ทำให้ยิ่งประทับพระราชหฤทัย<WBR> โดยมีความสวยงามของเมืองโลซ<WBR>านเป็นฉากหลังที่โรแมนติกแล<WBR>ะมีความหมายยิ่งต่อทั้งสองพ<WBR>ระองค์

ข่าวใหญ่ที่ทำให้ประชาชนชาว<WBR>ไทยตกใจเป็นอย่างมากในเดือน<WBR>ตุลาคม พ.ศ.2491 คือข่าวพระบาทสมเด็จพระเจ้า<WBR>อยู่หัวทรงประสบอุบัติเหตุท<WBR>างรถยนต์นอกเมืองโลซาน ระหว่างที่ประทับรักษาพระอง<WBR>ค์ที่โรงพยาบาลในตำบลเมอร์เ<WBR>ซสนั้น รับสั่งให้ราชองครักษ์ ติดต่อไปยังม.จ.นักขัตรมงคล<WBR> ให้ม.ล.บัว กิติยากร พาธิดาทั้งสองคือม.ร.ว.สิริ<WBR>กิติ์และม.ร.ว.บุษบาเข้าเฝ้<WBR>าฯ เยี่ยมพระอาการที่ โรงพยาบาลเป็นประจำทุกวัน

มีพระราชกระแสรับสั่งว่า เมื่อทรงฟื้นคืนพระสติครั้ง<WBR>แรก ทรงระลึกถึงบุคคลเพียง 2 คน คือสมเด็จพระราชชนนีและม.ร.<WBR>ว.สิริกิติ์

เรื่องนี้ ท่านผู้หญิงเกนหลง สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ได้กล่าวว่า "สิ่งแรกเมื่อรู้สึกพระองค์<WBR>คือทรงหยิบรูป ม.ร.ว.สิริกิติ์ออกจากพระกร<WBR>ะเป๋า ส่งถวายสมเด็จพระราชชนนี พร้อมกับรับสั่งว่า 'แม่ เรียกสิริมาที'" ท่านผู้หญิงเกนหลงกล่าวว่า "รูปม.ร.ว.สิริกิติ์รูปนั้น<WBR>เป็นรูปแรกที่ทรงถ่าย เป็นรูปหมู่ที่ถ่ายตอนบุคคล<WBR>เข้าเฝ้าฯ ณ สถานทูต ม.ร.ว.สิริกิติ์อยู่เป็นคนส<WBR>ุดท้าย เห็นหน้าไม่ชัด พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว<WBR>รับสั่งว่า 'ยู้ฮู คนข้างหลังโผล่หน้ามาหน่อยส<WBR>ิ' รูปนั้นทรงตัดเฉพาะหน้าม.ร.<WBR>ว.สิริกิติ์ไว้ในพระกระเป๋า<WBR>"

ความที่ม.ร.ว.สิริกิติ์เข้า<WBR>เฝ้าฯ และถวายการพยาบาลอย่างใกล้ช<WBR>ิด ทำให้ความสัมพันธ์แน่นแฟ้น ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ.2492 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว<WBR>ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ม.จ.นักขัตรมงคลเข้าเฝ้า<WBR>ฯ ที่นครโลซาน ทรงมอบหมายให้ม.จ.จักรพันธุ<WBR>์เพ็ญศิริ จักรพันธุ์ เป็นผู้ทูลเกริ่นทาบทามเรื่<WBR>องที่จะทรงขอหมั้นก่อน ขณะที่พระองค์เองมีพระราชดำ<WBR>รัสเป็นการส่วนพระองค์กับม.<WBR>ร.ว.สิริกิติ์ล่วงหน้าแล้ว

พระราชพิธีทรงหมั้นจัดขึ้นเ<WBR>ป็นการภายใน ณ โรงแรมวินด์เซอร์ เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2492 โดยค่ำวันที่ 12 สิงหาคม 2492 มีงานเลี้ยงที่สถานทูตไทยใน<WBR>กรุงลอนดอน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว<WBR>ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศข่าวทรงหมั้นให้คน<WBR>ไทยทราบ โดยจอมพล ป.พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นเป็นผ<WBR>ู้ประกาศ ข่าวที่เผยแพร่ออกไปนำมาซึ่<WBR>งความดีใจแก่ประชาชนไทยเป็น<WBR>อย่างยิ่ง สื่อ มวลชนหลายสำนักทั่วโลกต่างน<WBR>ำเสนอข่าวนี้

หลังพระราชพิธีหมั้นผ่านไป 7 เดือน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว<WBR>เสด็จนิวัติประเทศไทยทางชลม<WBR>ารค โดยมีม.ร.ว.สิริกิติ์และครอ<WBR>บครัว รวมถึงข้าราชบริพารตามเสด็จ

หลังเสร็จสิ้นพระราชพิธีถวา<WBR>ยพระเพลิงพระบรมศพสมเด็จพระ<WBR>เจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ประมาณ 1 เดือน ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดการพระราชพิธีราชาภิเ<WBR>ษกสมรสขึ้นในวันที่ 28 เมษายน 2493 ณ วังสระปทุม

และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อาลักษณ์อ่านสถาปนา ม.ร.ว.สิริกิติ์เป็นสมเด็จพ<WBR>ระราชินีสิริกิติ์ พระราชทานเครื่องขัตติยราชอ<WBR>ิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณร<WBR>ุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราช<WBR>วงศ์ ซึ่งเป็นเครื่องราชอิสริยาภ<WBR>รณ์สูงสุดแก่สมเด็จพระราชิน<WBR>ีสิริกิติ์

วันต่อมาเสด็จฯ ไปประทับพักผ่อนพระอิริยาบถ<WBR>และฮันนีมูนที่พระตำหนักเปี<WBR>่ยมสุข วังไกลกังวล อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นเวลา 3 วัน พร้อมด้วยคณะผู้ตามเสด็จโดย<WBR>รถไฟ

ตลอดเส้นทางที่เสด็จฯ นั้นมีประชาชนมาเฝ้าฯ รับเสด็จเนืองแน่น ส่วนหนึ่งต้องการยลพระสิริโ<WBR>ฉมของพระราชินีนั่นเอง

สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงปฏิบัติหน้าที่ภรรยาโดยไ<WBR>ม่ขาดตกบกพร่อง โดยเสด็จฯ เคียงคู่พระบาทสมเด็จพระเจ้<WBR>าอยู่หัวอยู่เสมอ ทั้งในและต่างประเทศและในถิ<WBR>่นทุรกันดาร ทรงเป็นตัวอย่างของคำว่า "คู่ทุกข์คู่ยาก"

จากความรักแบบหนุ่มสาว เมื่อทรงมีพระราชโอรสและพระ<WBR>ราชธิดา ทรงทุ่มเทความรัก ทรงอบรมพระราชโอรส-ธิดาของพ<WBR>ระองค์เป็นคนดี และรับผิดชอบต่อประชาชนและบ<WBR>้านเมือง

อ่านเจอบทความรักแรกพบในหลว<WBR>งราชินี อ่านแล้วประทับใจมากๆเลยค่ะ<WBR> ^^

credit by
http://www.bloggang.com/<WBR>mainblog.php?id=buddhatrave<WBR>l&month=10-02-2012&group=9<WBR>&gblog=107
จากคุณ : keng_toshi
เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 55
กระทู้จาก ห้องสยามสแควร์ PANTIP.COM
— กับ <INPUT value=100002377222294 type=hidden name=tag[] autocomplete="off">Pattana Ritmontri<!-- google_ad_section_end -->

 

นาคา นาคีได้แบ่งปันรูปภาพของพระบุญนพ สุทฺธสีโล


รูปภาพบนกระดาน
พระพุทธเจ้าผู้ค้นพบความรักอันบ<WBR>ริสุทธิ์แล้วนำมาโปรดสัตว์โลกด้<WBR>วยน้ำพระทัยแห่งความรักความเมตต<WBR>าและเอ็นดูต่อสัตว์โลก
วันมาฆบูชาคือวันแห่งความรักที่<WBR>แท้จริงของชาวพุทธ รักแบบพุทธ คือ มองตนเอง

รักใดเล่ารักแน่เท่าแม่รัก..........<WBR>ผูกสมัครรักมั่นไม่หวั่นไหว
ห่วงใดเล่าเท่าห่วงดั่งดวงใจ...... ที่แม่ให้กับลูกอยู่ทุกครา...
คำพูดคำเตือนของพ่อแม่เดี๋ยวนี้<WBR>ไม่ศักดิ์สิทธิ์เสียแล้ว หนุ่มสาวยุคใหม่ไปหลงเชื่อคำพูด<WBR>ของแฟนมากว่าพ่อแม่ ตายจากอ้อมกอดพ่อแม่ ไปเกิดในอ้อมกอดของแฟน สุดท้ายไปเสียตัวในวันแห่งความร<WBR>ัก บูชาความรักให้แฟนมากว่าพ่อแม่ข<WBR>องตัว น่าสงสารพ่อแม่ยุคปัจจุบันจริงๆ<WBR> ระวังเถอะเจ้าอาจจะเสียทั้งตัวแ<WBR>ละเสียทั้งพ่อแม่

มาดูระหว่างรักกับแฟนอันไหนหายา<WBR>กกว่ากัน
ร. รักหาไม่ยากไม่ต้องลากเรือออกไป<WBR> ขนส่ง...จากดวงใจไม่ต้องใช้แม้น้ำมัน
แช่เย็นในหัวใจความห่วงใยมีทุกว<WBR>ัน.............คิดถึงก็แล้วกันให้เธอน<WBR>ั้นจำจงดี
ฟ.แฟนนั้นหายากต้องลำบากคอยเอาใ<WBR>จ........รับส่งถ้าอยู่ไกลรักกว่าใครจึงต<WBR>้องทำ
ทะเลาะก็เสียใจงอนเมื่อไหร่ทุกข<WBR>์เมื่อนั้น........ ต้องให้ความสำคัญเพื่อป้องกันรั<WBR>กหมดไป
รูปภาพบนกระดาน
ทุกสิ่งสรร un สลอน on the ground. This is round ตัวเราอย่าเมาหลง
everythig เป็นสิ...่งไม่ยืนยง...........มันก็ค<WBR>งหมดสิ้น in one day
คิดคิดไปใจหายไม่วาย sad.............I think that ทุกสิ่งสรรต้องหันเห
มีเงินทองของใช้ไม่พอเพ........<WBR>.......ก็ stay at home ไม่ต้องนั่งตรอมตรมใจ
สัจจธรรมความจริงมันเป็นเช่นนี้<WBR> จะรักใครชอบใครก็เผื่อใจไว้บ้าง<WBR>จะได้ไม่ต้องมานั่งผิดหวังช้ำใจ<WBR>ภายหลัง

โดย: พระบุญนพ สุทฺธสีโล ; วัดสวนวาง อ.คุระบุรี จ.พังงา..

วัดสวนวาง ต.แม่นางขาว อ.คุระบุรี จ.พังงา วางอบายมุข สิ่งเสพติด ชีวิตจะแจ่มใส วางความยึดมั่

--------------------------------

หมายเหตุ ตัดตอนมาจาก ปฏิปัตติวิภังค์ จากหนังสือ "ธัมมานุธัมมปฏิบัติ โดย พระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถร" จัดพิมพ์โดย ชมรมพุทธศาสน์ การไฟฟ้าแห่งประเทศไทย

ถาม เมตตา กรุณา กับรัก นั้นเหมือนกันหรือต่างกัน ?

ตอบ ต่างกันมาก อย่างละอริยสัจทีเดียว ความรักนั้นเป็นสมุทัย เมตตานั้นเป็นมรรค
... ถาม เช่นรักบุตรหลาน ญาติมิตร คิดให้เป็นสุขและให้พ้นทุกข์หรื<WBR>อสงสารจะว่าเป็นสมุทัยได้อย่างไ<WBR>ร รู้สึกรสชาติของใจประกอบด้วยควา<WBR>มเอ็นดูปราณี
ตอบ ความรักและความสงสารบุตรหลานญาต<WBR>ิมิตร ประกอบด้วยฉันทราคะอาลัยห่วงใยก<WBR>ังวลพัวพันยึดถือ หนักใจไม่โปร่ง เมื่อคนรักเหล่านั้นวิบัติไป เช่น ตาย เป็นต้นก็เกิดทุกข์โทมนัสเศร้าโ<WBR>ศกเสียใจอาลัยคิดถึง ถ้ารักมาก็โศกมาก สมด้วยพระพุทธสุภาษิตคาถาธรรมบท<WBR>ปิยวรรคที่ ๑๖ ว่า
เปมโต ชายเต โสโก ความโศกย่อมเกิดแต่ความรัก
เปมโต ชายเต ภยํ ภัยย่อมเกิดแต่ความรัก
เปมโต วิปฺปมุตฺตสฺส ความโศกไม่มีแก่ผู้พ้นแล้ว
นตฺถิ โสโก กุโต ภยํ จากความรัก ภัยจะมีมาแต่ที่ไหน
เพราะฉะนั้น จึงผิดกับเมตตากรุณา ส่วนรักนั้นมีความชอบ และสงสารบุตรหลานญาติมิตร ไม่ทั่วไปในสัตว์ทั้งหลายทั้งปว<WBR>ง เป็นแต่พรหมวิหาร ส่วนเมตตากรุณาที่เป็นอัปปมัญญา<WBR>นั้นทั่วไปในสัตว์ไม่มีประมาณแล<WBR>ะไม่ประกอบด้วยความห่วงใยอาลัยพ<WBR>ัวพันยึดถือ มีความโปร่งและเบาใจไม่หนัก มีจิตเย็นเป็นสุขและเป็นข้าศึกแ<WBR>ก่พยาบาทโดยตรง และได้รับอานิสงส์ ๑๑ ประการด้วย ตามแบบที่ท่านแสดงไว้ในเมตตานิส<WBR>ังสสูตรว่า
๑. สขํ สุปติ หลับก็เป็นสุข
๒. สุขํ ปฏิพุชฺฌติ ตื่นก็เป็นสุข
๓. น ปาปกํ สุปินํ ปสฺสติ ย่อมไม่ฝันเห็นลามก
๔. มนิสฺสานํ ปิโย โหติ ย่อมเป็นที่ชอบใจของมนุษย์ทั้งห<WBR>ลาย
๕. อมนุสฺสานํ ปิโย โหติ ย่อมเป็นที่ชอบใจของอมนุษย์ทั้ง<WBR>หลาย
๖. เทวตา รกฺขนฺติ เทวดาทั้งหลายย่อมรักษา
๗. นาสฺส อคฺคิ วา วิสํ ไฟหรือยาพิษหรือศัสตรา
วา สตฺถํ วา กมต ย่อมไม่ต้องผู้เจริญเมตตานั้น
๘. ตุวฏํ จิตฺตํ สมาธิยติ จิตของผู้เจริญเมตตาย่อมมั่นเป็<WBR>นสมาธิเร็ว
๙. มุขวณฺโณ วิปฺปสีทติ สีหน้าของผู้เจริญเมตตาย่อมผ่อง<WBR>ใส
๑๐. อสมฺมูโฬฺห กาลํ กโรติ ย่อมไม่มีสติหลงตาย
๑๑. อุตฺตริ อปฺปฏิวิชฺณนฺโต เมื่อยังไม่สำเร็จพระอรหันต์อัน<WBR>ยิ่ง
พฺรหฺมโลกุปฺโค โหติ ย่อมไปเกิดในพรหมโลก

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=YQHUSuzEAmM"]http://www.youtube.com/<WBR>watch?v=YQHUSuzEAmM[/ame]ดูเพิ่มเติม

๏ แผ่เมตตาอัปปมัญญา ให้เสียงแปลภาษาไทย โดย อาจารย์ เพ็ญศร๊ อินทรทัต ๏ The Metta compassionate mantra ๏ อานิสงส์การแผ่เมตตา ๏ ในสมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้าประทับอยู...

 

ความรักในมุมมองของพระพุทธศาสนา

[FONT=4805KwangMD_Influenza]ความรักในมุมมองของพระพุทธศาสนา[/FONT]

[FONT=4805KwangMD_Influenza]พระพุทธศาสนา มีมุมมองในเรื่องของความรักอย่างไร[/FONT]<O></O>
[FONT=4805KwangMD_Influenza]พระพุทธศาสนาแบ่งพลังความรักออกเป็นระดับต่างๆ ได้[/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]๖[/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]ระดับ[/FONT]

[FONT=4805KwangMD_Influenza]ปิยะ[/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza] --> [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]เปมะ[/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza] --> [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]ฉันทะ[/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza] --> [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]ศรัทธา[/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza] --> [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]เมตตา[/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza] --> [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]กรุณา[/FONT]​

​

[FONT=4805KwangMD_Influenza]ปิยะ [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]เป็นมุมมองของความรักที่มองจากภายในตัวตนเราเองออกไปสู่ผู้อื่น [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]หรือบุคคลต่างๆ อันเป็นที่รักของเรา เรียกว่า [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]ปิยะชน [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]มุมมองของความรักในความเป็นปิยะนั้น[/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]ที่ครองความเป็นระดับล่างที่สุด ก็เพราะยังเกี่ยวเนื่องวนอยู่ด้วยกามคุณ [/FONT]<O></O>

[FONT=4805KwangMD_Influenza]เปมะ [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]เป็นมุมมองความรักจากภายนอกเข้ามาหาตัวเราเอง [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]เช่น [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]ความรักเสมอด้วยตนไม่มี[/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]ท่านก็ใช้คำว่า [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]เปมะ[/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza] ([/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]นัตถิ[/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]อัตตะ[/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]สะมัง[/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]เปมัง[/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]) [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]หรือ [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]เปมะโต [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]ชายะตี [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]โสโก [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]ความโศกเกิดจากความรัก [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]ทั้งนี้ เพราะเรารู้สึกรัก [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]จึงรู้สึกโศก[/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]เพราะความโศกนั้น เป็นสิ่งที่ตนเองรู้สึกอยู่ [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]จึงเป็นมุมมองที่มองเข้ามาหาตัวเรา [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]ความรักแบบนี้ที่สูงขึ้นจากปิยะ เพราะเกี่ยวเนื่องกับกามเบาบางลง[/FONT]​

[FONT=4805KwangMD_Influenza]ฉันทะ [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]คือ ความรักที่ละเอียดจนกลายเป็น [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]ความพอใจ [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]ส่วนมากเน้นในกรรมะ หรือการกระทำกิจต่างๆ [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]ดังนั้นจะเป็นไปในเรื่องการงาน [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]คนเราหากพอใจการงานหรือสิ่งที่ตัวเองทำ ก็จะรักการงานหรือสิ่งนั้นๆไปด้วย [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]จะเห็นว่าความรักแบบนี้ไม่เกี่ยวข้องกับกามคุณเลย หากเป็นเรื่องกิจการงาน[/FONT]​

[FONT=4805KwangMD_Influenza]ศรัทธา [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]คือ ความรักที่ละเอียดขึ้นอีก จนกลายเป็นความเลื่อมใส[/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]ลักษณะของศรัทธา คือความแล่นไป [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]คือ คนเราหากศรัทธาในสิ่งไหน[/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]ก็จะแล่นไปในสิ่งนั้น[/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]ความรักแบบนี้ ยิ่งสูงออกห่างจากกามไปอีก [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]แต่ยังคงเกี่ยวเนื่องกับตัวตนตนเองอยู่[/FONT]​

[FONT=4805KwangMD_Influenza]เมตตา [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]คือความรักที่ละเอียดขึ้น [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]เพราะเมตตานั้นมีแต่ปรารถนาให้ผู้อื่นได้ดี[/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]เป็นความรักที่ละจากตัวตน ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับตัวเราแล้ว[/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]เป็นความรักที่ยินดีต่อผู้อื่นอย่างจริงใจและไม่มีกามคุณเจือปนอยู่ด้วย [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]ดังนั้น[/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]ความรักในระดับเมตตานี้แหล่ะ[/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]ที่ค้ำจุนโลกนี้เอาไว้ [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]([/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]โลโก[/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]ปัตถัมภิกา[/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]เมตตา[/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza])[/FONT]​

[FONT=4805KwangMD_Influenza]กรุณา [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]คือความรักในระดับสูงที่สุด [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]เพราะเนื่องจากระดับจิตที่เมตตานั้นแรงกล้าจนทำให้เกิดการกระทำการบางอย่างออกไป เพื่อให้ผู้อื่นได้ดี[/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]กรุณา คือการลงมือกระทำ ตัวกระทำ ซึ่งต้องอาศัยความพยายามเข้ามาร่วมด้วย [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]และความพยายามบางอย่างอาจต้องอาศัยความอดทนเข้ามาประกอบด้วยอีก จึงจะทำได้สำเร็จ[/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]ทำให้ต้องอาศัย [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]คุณธรรม [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]อื่นๆ เข้ามาประกอบด้วย [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]ความรักชนิดนึ้ จึงอยู่ในระดับที่สูงที่สุด[/FONT]​

​

[FONT=4805KwangMD_Influenza]นอกเหนือจากความรัก [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]๖ [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]ระดับแล้ว ยังจัดลักษณะของความรักออกเป็น[/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]๘[/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]มิติ กล่าวคือ[/FONT]

[FONT=4805KwangMD_Influenza]มิติที่ [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]๑ [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]ความรักของสัตว์นรก[/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza] - [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]เป็นความรักในระดับที่ต่ำที่สุด[/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]ลักษณะของสัตว์นรกคือ สภาวะที่เต็มไปด้วยความโกรธ และความพยาบาท [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]ความรักแบบนี้จึงเป็นพลังที่รุนแรง[/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza] ([/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]เปรียบดังสภาพของนรกภูมิ[/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]) [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]เช่น [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]ถ้าฉันไม่ได้เธอ[/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]คนอื่นก็ต้องไม่ได้เธอเช่นกัน [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]การข่มขืนแล้วฆ่า[/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]การกระทำชำเรา[/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]ใช้ความรุนแรง[/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]เต็มไปด้วยความคิดอาฆาตพยาบาท และการทำลาย [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]การมีความรักแบบนี้ก็เป็นการบอกสภาวะภูมิเช่นกัน[/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]ว่า เมื่อก่อนเราเคยเป็นอะไรมา[/FONT]

[FONT=4805KwangMD_Influenza]มิติที่ [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]๒ [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]ความรักของเปรต [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]– [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]ลักษณะของเปรตคือความโลภ [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]โลภจนเกินขอบเขต[/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]โลภจนเกินพอดี [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]ความรักแบบนี้มีแต่อยากจะได้[/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]อยากจะครอบครอง [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]แม้ไม่ได้ก็ต้องหาวิธีเอาให้ได้[/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]ถือประโยชน์ในความโลภเป็นใหญ่ [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]เช่น [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]หากเราแต่งงานกัน[/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]ทรัพย์สินของเขาต้องมาเป็นของเราส่วนหนึ่ง [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]หรือ เราจะได้มีผลประโยชน์ในธุรกิจของเขา[/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]เมื่อไหร่ที่ขัดแย้งผลประโยชน์กัน ก็พร้อมที่จะทำผิดเอารัดเอาเปรียบหรือทำลายกัน[/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]เอาเป็นว่าลักษณะเด่นที่แผดเผาอยู่ในใจคือความโลภนั่นเอง[/FONT]

[FONT=4805KwangMD_Influenza]มิติที่ [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]๓ [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]ความรักของอสุรกาย[/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza] - [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]ลักษณะของอสูร คือ ความต้องการอำนาจ[/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]หลงอยู่ในเรื่องของอำนาจ [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]ถ้าไม่มีอำนาจซะเอง ก็อยากอยู่ในอำนาจปกครองที่ทำให้ตัวเองเป็นใหญ่ได้หรืออุ่นใจได้ [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]เช่น [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]ต้องการคนที่มีอำนาจมากกว่าตนมาดูแลปกครองตน [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]หรือ หากได้รักกัน[/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]เราจะกลายเป็นผู้มีอำนาจปกครองทันที [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]เป็นความรักที่ต้องการอำนาจอิทธิพล[/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]สามมิติ ที่ผ่านมานี้เป็นรากเหง้าของกิเลสคือโลภโกรธหลงทั้งสิ้น[/FONT]

[FONT=4805KwangMD_Influenza]มิติที่ [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]๔ [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]ความรักของเดรัจฉาน[/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza] - [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]ลักษณะนั้น สังเกตุได้จากสัตว์ต่างๆ ที่อยุ่รอบตัวเราได้เลย [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]สัตว์ทั้งหลายทะเลาะเบาะแว้งกันเป็นธรรมดา [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]สมสู่กันอย่างไม่เลือกอาวุโสและสายอุทร [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]พร้อมที่จะชักจูงกันไปในทางที่ไม่ดี เช่น การเล่นการพนัน[/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]การกินเหล้าเมายา[/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]การเสพยาเสพติด [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]ซึ่งสิ่งทั้งหลายทั้งปวงจะชักนำไปสู่ความไม่เจริญทั้งหลายต่อไป[/FONT]

[FONT=4805KwangMD_Influenza]มิติที่ [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]๕ [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]ความรักของมนุษย์[/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza] - [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]ลักษณะของมนุษย์คือ[/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]ใจสูง [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]หมายถึง เคารพสิทธิของผู้อื่น[/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]ความรักในการเคารพสิทธิของผู้อื่นนั้นอย่างหยาบๆ คือ จะไม่ทำร้ายกันถึงชีวิต[/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]จะไม่โลภลักทรัพย์ใครมา [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]จะไม่ข่มเหงน้ำใจแย่งชิงคนรักของผู้อื่น [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]จะไม่โกหกกัน เพราะสิทธิของผู้อื่นในการได้รับรู้ความจริง [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]และจะไม่ทำตัวเองให้หลงสติด้วยการดื่มสุราหรือเกี่ยวข้องกับยาเสพติด [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]นอกจากนั้น[/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]ความรักของมนุษย์นั้นให้เกียรติซี่งกันและกัน[/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]มีคู่เพียงคนเดียว และชักนำกันไปสู่ความเจริญต่อไป [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]ดังนั้นคน ที่มีความรักในมิติที่ [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]๕ [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]จะไม่ใช้ความรุนแรง[/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]หรือรังสีแห่งการทำลายล้างและอานุภาพจะเจือจางกว่ามิติที่ [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]๑ [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]มาก[/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]แม้จะผิดหวังแค่ไหนก็ไม่ละเมิดสิทธิมนุษยชน[/FONT]

[FONT=4805KwangMD_Influenza]มิติที่ [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]๖ [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]ความรักของเทพ[/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza] - [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]เทพมีคุณธรรม เหมือนมนุษย์[/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]เพียงแต่เพิ่มคุณธรรมเพิ่มอีกสองข้อคือ ความละอายต่อบาปที่ทำลงไปแล้ว [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]กับ ละอายต่อบาปที่กำลังจะทำ [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]คุณธรรมสองข้อนี้สะท้อนความรักของเทพคือ ไม่ทำให้ผู้อื่นเดือนร้อนและมีความปรองดองในหมู่คณะ [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]ฉะนั้นความรักแบบนี้ จะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน[/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]พร้อมเพรียงกันและเกื้อกูลซึ่งกันและกัน[/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]ด้วยความไมตรี เป็นความรักที่สวยงามยิ่งขึ้น[/FONT]

[FONT=4805KwangMD_Influenza]มิติที่ [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]๗ [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]ความรักของพรหม[/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]– [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]ลักษณะของพรหมที่ชัดเจน คือ [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]พรหมวิหารธรรมมีสี่อย่าง คือ เมตตา[/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]กรุณา [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]มุทิตา [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]อุเบกขา [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]ความรักระดับนี้ ทั้งสูงส่งและสวยงามเพราะบริสุทธิ์ด้วยปรารถนาดีต่อผู้อื่น โดยที่ปราศจากความเกี่ยวข้องกับตัวตนตนเอง[/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]ตัวอย่างที่เห็นง่ายๆ ก็เช่น [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]บุรพากรีรักลูก [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]ครูบาอาจารย์รักศิษย์ [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินรักพสกนิกร [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]พสกนิกรรักแผ่นดินที่อาศัย ความรักในบุญคุณแผ่นดิน-ประเทศชาติ [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]หรือการรักป่าเขาธรรมชาติ ต้องการฟื้นฟูรักษา [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]แม้แต่เราเองหากกระทำความตั้งใจไว้ให้ดี[/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]เช่น การสละจาคะทานด้วยความตั้งใจที่ดีงามแล้วก็ยังเข้าข่ายข้อนี้ได้[/FONT]

[FONT=4805KwangMD_Influenza]มิติที่ [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]๘ [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]ความรักของพระอริยเจ้า[/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]– [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]จิตของพระอริยเจ้า ท่านไถ่ถอนตนเองจากกองกิเลสแล้ว [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]เมื่อกิจที่ต้องทำของตนเองหมดแล้ว[/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]ความเป็นอยู่ ต่อจากนั้นไปก็จะเป็นไปเพื่อประโยชน์แก่ผู้อื่น โดยส่วนเดียว[/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]เพราะไม่ว่าจะพัฒนาตนเองอย่างไร เท่าไร เพียงไร คลื่นพลังงานก็หลั่งล้นแผ่ขยายกำจายออก เพราะความเต็มแล้ว[/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]ดังนั้นส่วนที่ล้นออกมานั้นสามารถนำไปให้ประโยชน์กับผู้อื่นได้ [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]ยิ่งพลังความรักความเมตตาของพระอริยเจ้าระดับสูงสุด หรือผู้ที่มีบารมีเต็มแล้ว ต่างกับมิติที่ [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]๗[/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]เพราะมิติที่ [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]๗ [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]ยังมีกิเลสอยู่[/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]และกิเลสเหล่านั้น อาจรบกวนความเพียรของผู้มีความรักในมิติที่ [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]๗ [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]ให้เศร้าหมองได้[/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]นี่เป็นความรักในมิติที่ [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]๘[/FONT]
<O></O>
[FONT=4805KwangMD_Influenza]<O></O>[/FONT]
[FONT=4805KwangMD_Influenza]อนุโมทนาที่มาข้อมูล [/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]: ความรักในมุมมองพระพุทธศาสนา<O></O>[/FONT]

 

เข้าไปอ่าน ข้อมูลในห้อง ..พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์
จึง ขออนุญาต นำเรื่องนี้ มาเก็บ ใว้ ในกระทู้ ครับ...



QUOTE=Wisdom;5705025]

​

พอดีได้ไปกราบหลวงตาม้า วัดถ้ำเมืองนะ ศิษย์หลวงปู่ดู่ มา
แล้วได้ถามหลวงตาเรื่องนี้พอดี คิดว่าเป็นอีกเรื่องที่หลายคนยังสับสนและอยากรู้คำตอบว่าทำไม...

คนนู้นก็บอก คนนี้ก็บอก ว่าเป็นองค์นั้นองค์นี้กลับชาติมาเกิดกันเต็มไปหมด
บางครั้งก็เป็นองค์เดียวกัน ซ้ำกัน หลายคนก็เลยงงไปใหญ่ว่าพระโพธิสัตว์ท่านอวตารแยกร่างลงมาช่วยโลกได้เหรอ ?

วันนั้นพอดีผมถามถึงเรื่องครูบาศรีวิชัยว่า มีหลายคนมากที่บอกว่า
องค์นั้นองค์นี้เป็นครูบาศรีวิชัยมาเกิด แล้วท่านแยกร่างมาเกิดได้ด้วยเหรอ?

ลองมาดูคำอธิบายของหลวงตากันนะครับ (เป็นคำตอบที่เกิดจากการใช้ความจำสรุปเอานะครับ
บางช่วงบางตอนอาจจะขาดๆตกๆหล่นๆไปบ้าง ผมขอกราบขอขมาหลวงตา
และเหล่าพระโพธิสัตว์ทั้งปวงไว้ในที่นี้ด้วย หากผิดพลาดประการใด)

หลวงตาเมตตาอธิบายว่า...

พระโพธิสัตว์ท่านไม่ได้แยกร่างมาเกิด แยกร่างแบ่งร่างไม่ได้ ถ้าจะลงมาเกิด
ก็ลงมาได้แค่องค์เดียวเท่านั้น ส่วนที่เหลือนั้นไม่ใช่ แต่เป็นการฝากพลังงานของท่าน

บางครั้งท่านก็จะฝากกระแสของท่านมากับเหล่าเทวดา
ที่เกี่ยวข้องเกี่ยวพันกับท่านที่จะลงมาเกิด
เพื่อให้มาช่วยงานบางประการ ตัวท่านก็เกิดอยู่ที่หนึ่ง
เทวดาที่ได้รับการฝากกระแสก็ไปเกิดอีกที่หนึ่ง แยกกันทำงานไป

ผู้ที่ได้รับการฝากกระแสมานั้น จะมีกระแสพลังงานของพระโพธิสัตว์องค์นั้นอยู่ด้วย
ถ้าเขาคนนั้นโตขึ้นมา ได้ปฏิบัติสมาธิภาวนาจนเห็นพลังงานได้ ก็จะเห็นพลังงานที่พระโพธิสัตว์เหล่านั้นฝากเอาไว้ถ้าจิตไม่พิจารณา ให้ละเอียด
จริงๆ จะแยกยากมาก
ทำให้อาจคิดไปได้ว่าตนเองเป็นพระโพธิสัตว์องค์นั้นๆกลับชาติมาเกิด
จริงๆไม่ใช่ เป็นแค่การฝากกระแสลงมาเท่านั้น

หรือถ้าคนอื่นที่พอจะมองเห็นพลังงานมาดู ถ้าดูไม่ละเอียดพอ
ก็จะเห็นแค่พลังงานของพระโพธิสัตว์องค์นั้นๆที่ฝากมา เพราะพลังงานนั้นมันมากก็อาจจะหลงคิดไปได้ว่า คนนั้นคนนี้เป็นพระโพธิสัตว์องค์นั้นองค์นี้กลับชาติมาเกิด

เลยทำให้เดี๋ยวนี้มีคนบอกว่าพระองค์นั้นองค์นี้ เป็นองค์นั้นองค์นี้กลับชาติมาเกิดซ้ำกันไปมาเต็มไปหมด
จริงๆไม่ใช่ ท่านแยกร่างไม่ได้ ท่านลงมาได้แค่องค์เดียว ส่วนองค์อื่นๆเป็นการฝากกระแสเท่านั้น

แต่พวกที่ได้รับการฝากกระแสมานี้ ดูยากมากๆ เรื่องของโพธิญาณละเอียดอ่อนมากๆ เพราะผู้ที่จะได้รับการฝากกระแสมาได้นี้ ต้องเป็นผู้มีกรรมเกี่ยวเนื่องกับพระโพธิสัตว์
องค์นั้นๆด้วย
จึงจะฝากกระแสกันมาได้ และเมื่อท่านฝากกระแสของท่านมา
บวกกับกระแสเดิมของผู้นั้นที่เกี่ยวเนื่องกับท่านอยู่แล้ว
ก็เลยยิ่งทำให้กระแสพลังงานนั้นใกล้เคียงกับท่านมากเข้าไปอีก ดูยากมากๆ

บางองค์ท่านจะฝากกระแสก่อนตายเลย เล็งไว้เลยว่าจะไปเกิดสร้างบารมีเป็นลูกใครต่อ
อาจเป็นลูกศิษย์ลูกหา หรือผู้เคยเกี่ยวเนื่องกับท่าน
แล้วอธิษฐานฝากกระแสไว้ตั้งแต่เธอแต่งงาน พอท่านมรณภาพปั๊บ
ก็ไปเกิดสร้างบารมีต่อในท้องของหญิงคนที่ท่านได้พิจารณาเอาไว้แล้วเลย

หรือถ้าเกิดเหตุบางประการที่ทำให้ท่านยังมรณภาพไม่ได้ เด็กที่จะมาเกิดกับหญิงคนนั้นก็จะกลายเป็นผู้ได้รับฝากกระแสตรงนี้ไปด้วย เด็กคนนั้นจะมี
ลักษณะนิสัยท่าทางคล้าย
กับท่านผู้อธิษฐานฝากกระแสไว้มากๆ (เพราะผู้ที่จะมาเกิดได้ในลักษณะนี้
ก็ต้องมีกระแสความเกี่ยวเนื่องกับพระโพธิสัตว์องค์นั้นๆด้วยเช่นกัน)

ที่ผมจำคำตอบได้ก็ประมาณนี้ครับ
จะเห็นได้ว่าเรื่องของโพธิญาณนั้นซับซ้อนละเอียดลึกซึ้ง
ยากแก่การหยั่งถึงมากจริงๆ

ธรรมรักษา[/QUOTE]

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset"> บุญญสิกขา ; โมทนา บุญ และ ขอบคุณ แม่บุญญ นำ สาระ ,เสียงธรรม ในกระทู้ ..ครับ
</TD></TR></TBODY></TABLE>

http://palungjit.org/threads/หลวงตาม้าอธิบายถึงเรื่องการกลับชาติมาเกิดของพระโพธิสัตว์.326199/

 

อธิษฐานฤทธิ์ของพระมหาโพธิสัตว์

พระอาจารย์ กล่าวว่า "ดีปักเป้า มีพิษมาก พวกยาสั่งจะเอาดีปักเป้าเป็นส่วนประกอบด้วย มี ดีนกยูง ดีหนู ดีงูเห่า ดีปักเป้าทะเล ฯลฯ (หัวเราะ) บอกต่อไม่ได้เดี๋ยวเอาไปทำยาสั่งกัน

พอทำยาสั่งเสร็จแล้ว เราต้องการจะสั่งว่าให้ตายด้วยของอะไร ก็เอาของชนิดนั้นผสมลงไปด้วย ถ้าเขากินของอย่างอื่นร่างกายก็เป็นปกติ แต่ถ้าเขาไปกินของที่ผสมเข้าไปเมื่อไรจะเป็นพิษทันที แล้วจะตายแบบหาสาเหตุไม่เจอ แต่ดูง่าย..เพราะว่า เล็บจะกลายเป็นสีม่วงเข้ม

ถ้ารู้ตัวว่าโดนยาสั่งให้ใช้ รากฟักข้าว รากตำลึง และรากรางจืด ทั้งหมด ๓ อย่าง โขลกรวมกันใส่เหล้ากรอกปากไป จะแก้ได้ แต่ถ้าไม่มีอยู่ใกล้มือมีสิทธิ์ตายก่อน คนโบราณเขาจะจับถอนผมแล้วเอามาแตะกับเล็บ ถ้าผมดูดเล็บติดก็แสดงว่ายังแก้ได้ ถ้าหากว่าผมไม่ดูดแสดงว่าพลังชีวิตหมดแล้ว โอกาสตายมีเกินร้อย

สมัยก่อนทางด้านภาคตะวันออกยาสั่งจะแรงมาก เพราะว่ามาจากฝั่งเขมร จนกระทั่ง รัชกาลที่ ๕ ตัดสินพระทัยทำหมุดสัมฤทธิ์เป็นหลักเขต เอาไปตอกไว้น่าจะที่แถวชลบุรี พระองค์ตั้งสัตยาธิษฐานด้วยอำนาจบุญบารมีของพระองค์ท่าน ห้ามไม่ให้ยาสั่งผ่านเขตนี้ ถ้าผ่านเข้ามาเมื่อไรขอให้เสื่อมฤทธิ์ ท่านตั้งใจช่วยเหลือประชาชน หากว่าใครไปสืบหาได้ว่าพระองค์ท่านตอกหลักนี้ไว้ตรงไหนช่วยมาบอกที อาตมาจะได้ไปดู

รู้สึกว่าหลักนั้นทำด้วยสัมฤทธิ์ คือโลหะ ๓ อย่างผสมกัน บวกกับ การอธิษฐานจิตของบุคคลที่ได้ชื่อว่าเป็นพระมหาโพธิสัตว์ กำลังของความดีท่านสูง การอธิษฐานของท่านก็เลยกลายเป็น อธิษฐานฤทธิ์ ฤทธิ์ที่เกิดจากการตั้งใจมั่น"

"เช่นเดียวกับ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน พระองค์ท่านสร้าง สมเด็จจิตรลดา หรือ พระกำลังแผ่นดิน ไม่ได้เข้าพิธีพุทธาภิเษกที่ไหนเลย พระองค์ท่านผสมเอง พิมพ์เอง อธิษฐานแล้วก็แจก ตอนนี้ในท้องตลาดองค์หนึ่งราคาเป็นล้าน

อาตมาได้มาองค์หนึ่ง แต่เจ้าของเขาไม่ยอมให้หนังสือรับรองที่ทางสำนักพระราชวังออกให้ เขาขอเก็บหนังสือรับรองไว้เป็นเกียรติประวัติของตระกูล ส่วนพระยอมถวายให้ แล้วก็ให้ เหรียญรัชกาลที่ ๕ เหรียญใหญ่มาหนึ่งเหรียญ เลี่ยมทองมาเลย เขาบอกว่าในตลาดมีแต่ของปลอมทั้งนั้น เอาของที่ตกทอดมาตามตระกูลของเขาดีกว่า แท้แน่นอน ​

ช่วงนั้นอาตมาตั้งใจจะเอาไว้ทำน้ำมนต์ มีทั้งพระพุทธรูป พระกริ่งวัดสุทัศฯ แผ่นยันต์ทำน้ำมนต์ของหลวงพ่อวัดท่าซุง เหรียญทำน้ำมนต์ของหลวงปู่ครูบาไชยวงศ์ เหรียญรัชกาลที่ ๕ และเหรียญรัชกาลที่ ๙ เพราะถ้าเราอาศัยบารมีของพระอย่างเดียว บางอย่างพระท่านก็ต้องยอมรับกฎของกรรม แต่บุคคลที่เป็นพระโพธิสัตว์ เพื่อสงเคราะห์คนอื่น ถึงตนเองต้องยอมรับกรรมแทนท่านก็ยอม ก็เลยต้องอาศัยกำลังของพระโพธิสัตว์ท่านด้วย

สมเด็จจิตรลดา ด้านหลังปิดทอง​

ทรงมีพระราชดำรัสแก่ผู้รับพระราชทานว่า "ให้ปิดทองที่หลังองค์พระปฏิมาแล้วเอาไว้บูชาตลอดไป ให้ทำความดีโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆ"​

"เหรียญพระมหาชนก ตอนนั้นอาตมาไม่มีปัญญาที่จะบูชาเหรียญทองคำ ก็เลยได้แต่เหรียญเงินใหญ่มา ขนาดนั้นราคายังตั้ง ๕,๐๐๐ บาท มาพร้อมกับหนังสือฝีมือวาดของ อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ กับคณะ มี อาจารย์ประหยัด พงษ์ดำ เป็นต้น มาช่วยกันวาดภาพพระมหาชนก

เหรียญมหาชนก..ในหลวง ท่านบอกใบ้ให้ว่า ปัจจุบันพระองค์ท่านกำลังสร้างวิริยบารมี โดยการพากเพียรช่วยเหลือชาวบ้าน อาตมาจะแต่งกลอนเฉลิมพระเกียรติถวาย ในวโรกาสทรงเจริญพระชนมายุ ๘๔ พรรษา พอเริ่มได้บรรทัดเดียวก็แต่งต่อไม่ได้เลย...ต้องจบ จบเพราะสงสารพระองค์ท่าน ไปต่อไม่ได้

เมื่อเลือกกำเนิด.........พ่อเลือกเกิดเพื่อคนไทย
พระชนม์ ๗ รอบผ่านไป........พ่อยังเหนื่อยยากตรากตรำ..ฯลฯ​

แต่งต่อไม่ได้เลย อยู่มาจนป่านนี้พระองค์ท่านยังสบายไม่ได้"

เหรียญมหาชนก​

สนทนากับพระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๔

--------------
พรุ่งนี้ .เสาร์ 18 กพ..ในกลุ่ม..

- วิทยุสมัครเล่น เด็กเลี้ยงแกะ ภูเก็ต144.975
นัดพบ ปะ ประจำปี กัน ในระบบ ครอบครัว
- กลุ่มเพื่อน ปฏิบัติ การ , ทั้ง ชาย ,หญิง ในแผนก ..ที่ทำงาน..
นัด พบปะ สังสรรค์ กันที่ ภูตาจอ ทะเล หมอก ภาคใต้ พังงา



stand by walky talky ch.40 144.975 Mhz. / ch.37 245.450
with care .

 

เช้า วันเสาร์ 18 กพ. หลังวันแห่งความรัก ต่อครอบครัว ในกลุ่ม

- วิทยุสมัครเล่น เด็กเลี้ยงแกะ ภูเก็ตความถี่144.975 นัดพบปะ ประจำปีกันใน ครอบครัว
- กลุ่มเพื่อนปฏิบัติ การ , ทั้ง ชาย ,หญิง ในแผนก ..ที่ทำงาน..
นัด พบปะ สังสรรค์ กันที่ ภูตาจอ ทะเล หมอก ภาคใต้ พังงา

ประมาณ 09.30 ล้อหมุน ด้วย รถประมาณ 6 คัน จากภูเก็ต..
10.30 โดยประมาณ ..แวะ กราบสรีระ หลวงพ่อแดง วัดไม้..ซึ่งมี ศิษยานุศิษย์ ในภูเก็ต และต่างจังหวัด มารอ กราบ และ ร่วมประชุมเพลิง ในตอนค่ำ วันเยอะมาก..

นำภาพ ในเว็ป ..ใว้ในกระทู้ครับ..






จากนั้น
- แวะ ภูตาจอ ทะเลหมอก อ.กะปง แต่อยู่ใกล้ อ.ตะกั่วป่า ประมาณ 20 กม .ความสูงที่ 1300 ม. จากระดับน้ำทะเล มุมมองวิว รอบทิศทาง 360 องศา
คืน วันที่ 19 กพ.พัก เรือน เนินเขา ที่ อ.คุระบุรี จ.พังงา
เช้าวันที่ 20 กพ.ประมาณ 03.45 เกิด เหตุการณ์แผ่นดินเคลื่อนตัว ที่ ตะกั่วป่า..( ทาง อ.คุระบุรี ไม่มี ท่านใด รับแรงสั่นสะเทือน ในครั้งนี้ )
10.30 เช้าวันอังคาร เดินทาง กลับภูเก็ต ผ่านตะกั่วป่า , บ้านปากวีป ประมาณ 11.30
ทราบ ต่อมา ว่า..มี เหตุ แผ่นดินเคลื่อน ตัว ที่ ตะกั่วป่า รอบ 2
แต่ ที่ บ้านปากวีป , คึกคัก ยังไม่มี การสั่นสะเทือนในครั้งนี้ เช่นกัน

stand by วิทยุสื่อสาร ระบบ ทวนสัญญาณ เขาหลัก ที่ 145.675
และ ความถี่ 144.800 , 144.700 ทาง ตะกั่วป่า ,คึกคัก ,เขาหลัก
ไม่มี ท่านใด แจ้ง ในเรื่องนี้..

นับว่า..ระบบ การสื่อสาร ทาง วิทยุสื่อสาร ยัง ต้องมีการ ...
ทั้งๆที่ ผม stand by สื่อสารตลอด บนเรือนเนินเขา ...คุระบุรี
( คืน วันเสาร์ -อาทิตย์ 18-19 กลางคืน ฝนตก .. )

ขอขอบคุณ คุณ อ๋อ falkman ,คุณจ่า ถาวโร(ถา-วะ-โร) ที่ แจ้ง ผ่านเข้ามา ครับ..

<TABLE style="BORDER-TOP-WIDTH: 0px" class=tborder border=0 cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR title="Post 5738059" vAlign=top><TD class=alt2 width=125 align=middle>NARKA</TD><TD class=alt1>พิธีเผา วันที่18 กพ.55 เวลา18.30น.โดยประมาณ ที่บรืเวณข้าง
สระน้ำหลังวัดไม้ขาว พอเพลิงลุก พระพิรุณก็ตกลงมาอย่างหนักเหมือนเทวดาไว้อาลัยท่านอาจารย์แดง...
...ก่อนหน้า วันที่ 8,9.10 หลวงปู่ท่อน จ.เลย มาปลงธรรมสังเวช.
ผมถามศืษย์ อายุท่าน 84
...หวยออก 16 กพ.55 ศิษย์ไม้ขาวถูกกันแทบทุกคน เพราะเลข 84 และ 18 นั่นเอง ยกเว้นผม....เพราะผมห้อยพระของหลวงปู่ท่อนและอาจารย์แดงไว้กับคอ...รางวัลที่1 อยู่บนคอผมแล้ว...
...วันเผา ผมได้กราบหลวงปู่ เอียด จ.สุรินทร์ อายุ 88 ปี ( หลวงปู่เอียน ฐิตวิริโย วัดป่าโคกหม่อน จังหวัดสุรินทร์ )หลวงปู่บวชกับหลวงปู่เทศก์ เทศรังสี.ที่ภูเก็ตนี่เอง...ได้คุยธรรมของหลวงปู่ดุลย์ สุรินทร์ หลวงปู่เอียดเมตตาสรุปให้ฟังดีมาก กรณีนั่งสมาธิ แล้วเห็นโน่นเห็นนี่ เห็นเทวดา เห็นปู่ย่าตายายพ่อแม่ฯลฯ เหมือนหลวงปู่ดุลย์บอก "เห็นน่ะเห็นจริง....แต่สิ่งที่เห็น...ไม่จริง"
...ในงานอาจารย์ เช้ง เพชรบูรณ์ (ท่านเป็นคนภูเก็ต)ศิษย์อาจารย์แดงและหลวงปู่ฝั้น..เล่าในพิธีว่า ...ได้ติดต่อทีมงานทำจิตราการหลวงตามหาบัว ให้มาทำให้อาจารย์แดง ภูเก็ต ทีมงานหลวงตาเมตตามาทำให้ กว้าง 125เมตร ด้านบน52เมตร....เพื่อเทิดพระคุณครูบาอาจารย์แดง ที่ท่านเป็นศิษย์
...จิตราการหรือ กลดขนาดใหญ่นี้ ทำที่อุดรฯเป็นแห่งแรกของประเทศไทยงานหลวงตามหาบัว ที่ภูเก็ตเป็นแห่งที่สอง แต่เป็นแห่งแรกของภาคใต้ในสายธรรมยุตต์นี่...
.....วันนี้20กพ.55อาจารย์เช้ง เทศน์สอนขอบคุณญาติโยมที่สามัคคีร่วมใจงานอาจารย์แดง และเน้นให้เอาธรรมต่างๆที่ครูบาอาจารย์สอนสั่ง"ไปปฏิบัติด้วย"จึงจะเกิดผลต่อตนเอง..
...ก่อนหน้านี้ที่อาจารย์แดง ป่วยหนัก แต่อาจารย์เชือน พังงา ได้มาทำพีธีต่ออายุให้อาจารย์แดง โดยนิมนต์มาอีก4รูปสวดให้อาจารย์แดง จนสามารถทุเลาได้อย่างปฏิหารย์ และมารับกฐินตามอทิษฐานได้...เมื่อรับกฐินแล้วอาจารย์แดงก็ต้องเข้าโรงพยาบาลต่อและละสังขารใน19 มค.55ดังกล่าวมาแล้ว...
.....ศิษย์สายพระป่านี้ ได้เล่าสู่กันฟังว่า....อาจาร์รุ่นอาจารย์เช้ง เพชรบูรณ์นี้ อาจารย์จำรัส วัดหลังศาลภูเก็ตศิษย์อาจารย์มหาบัวและอาจารย์ฝั้น...เป็นอาธิ....ศิษย์ของหลวงปู่ฝั่น อาจารย์มหาบัวต่างๆเหล่านี้...พวกเราอย่าได้ปรามาท เพราะหลายองค์ น่าจะเป็นพระโสดาบันแล้วทั้งสิ้น หลายองค์อาจถึงอรหันต์แล้วแต่เราไม่รู้....อย่างกรณอาจารย์จำรัส วัดหลังศาลภูเก็ต อาจารย์แดงเคยกล่าวว่า วัตรปฏิบัติของท่านตรงตามอาจารย์มหาบัวทุกอย่าง...แค่นี้ก็เป็นข้อยืนยันได้ว่า ศิษย์สายพระป่าเหล่านี้ คือพระอาริยะสงฆ์อย่างแท้จริง....
...ขอให้สาธุชน ค้นคว้าสืบค้นตามแนวทางนี้...ให้ดีเถิด....แล้วทำบุญกับอริยะสงฆ์เหล่านี้ เหมือนหว่านเมล็ดข้าวลงในนาที่มีปุ๋ยอุดมสมบูรณ์...ก็ขอให้สาธุชนจงค้นคว้าให้เจอและร่วมทำบุญ สมดั่งเจตนาพระพุทธองค์ฝากศาสนาพุทธของเราไว้กับภิกษูภิกษุณีและอุบาสกอุบาสิกาเยี่ยงเราเยี่ยงท่าน...ดังนี้แล...สาธุ.





</TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE style="BORDER-TOP-WIDTH: 0px" class=tborder border=0 cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR title="Post 5739717" vAlign=top><TD class=alt2 width=125 align=middle>ถาวโร(ถา-วะ-โร) </TD><TD class=alt1>อนุโมทนาครับ

ผมและญาติธรรมได้ไปร่วมออกโรงทานเป็นครั้งที่ 2 ในวันที่ 18 ด้วยครับ

(โรงทาน พระอาจารย์เจือ วัดราษฏร์โยธีครับ)




</TD></TR></TBODY></TABLE>อนุโมทนา กับ ท่าน จ่า ถาวโร(ถา-วะ-โร) ,ทารา และ คณะญาติธรรมศิษยานุศิษย์..

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=2on5GxrdPZo"]?????????? ????? - YouTube[/ame]

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=B8EEtRL0PBg&feature=related"]?????????? - YouTube[/ame]

ขอน้อม โมทนา กับทุกท่าน ..

 

จากนั้น ล้อหมุน รอเพื่อน ที่ บริเวณ บ้าน hs8kxi ทางเข้านิคมสร้างตนเอง ทุ่งมะพร้าว ด้วย hs0syyพร้อมครอบครัว ,hs8irr ,hs8stf พร้อมครอบครัว,hs8jnt ,(แวะรับ ครูโก้ไข่ hs8cil ท้ายเหมือง )

ออกเดินทางต่อ อ.กะปง ผ่าน ทางเข้า น้ำพุร้อนบ้านปากพุ่ ..จากนั้น รอสมทบกับ รถกลุ่ม hs8mvt พร้อมครอบครัว ,hs8hmk,hs8izd พร้อมครอบครัว คณะคุณครู ..
รถ จำนวน 7 คัน ยุบ เหลือ 3 คัน ในการขึ้น ภูตาจอ..

กลุ่มเด็กเลี้ยงแกะ สมัยบุกเบิกประมาณปี 2536 ..

จ่ายค่าผ่านด่าน 200 บ.ต่อรถ 1คัน พร้อมรับ ถุงดำ ใว้ นำ ขยะ กลับมาทิ้ง..

ลูกชาย hs8mvt ขับรถมอเตอร์ไซด์วิบากนำหน้า..
เส้นทาง ผ่านลำธาร หักศอก ขึ้นเนิน เล็กน้อย ถ้าไม่ชำนาญทาง มีหวัง ลงเหว..เส้นทางระยะ ประมาณ 14 กม.

เมื่อมาถึง ระยะทางประมาณ 7 กม. รถ นาคา ซึ่งขับเคลื่อน ด้วยกำลัง 2 ล้อ ไม่ใช่รถ 4 WD คันเดียว ที่กล้า นำขึ้น ขึ้น ร่อง หลุมไม่ผ่าน ต้องถอยลงมา ตั้งหลัก และ อัดกำลังใหม่ ครั้งที่ 2ไม่ผ่าน จึง นำก้อนหิน บริเวณนั้น มารองทำ ไลน์ทางใหม่ จึงสามารถผ่านจุดนี้ใด้ ท่ามกลาง การลุ้น ตลอดเวลา..
ภาพ 8-10 ด้วย hs8stf ขับรถที่ชำนาญทาง และ ฝีมือ..



อัดกำลัง ขึ้นใหม่..ผ่าน

<TABLE class=tborder style="BORDER-TOP-WIDTH: 0px" cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR title="Post 5738059" vAlign=top><TD class=alt2 align=middle width=125>NARKA</TD><TD class=alt1>พิธีเผา วันที่18 กพ.55 เวลา18.30น.โดยประมาณ ที่บรืเวณข้าง
สระน้ำหลังวัดไม้ขาว พอเพลิงลุก พระพิรุณก็ตกลงมาอย่างหนักเหมือนเทวดาไว้อาลัยท่านอาจารย์แดง...
...ก่อนหน้า วันที่ 8,9.10 หลวงปู่ท่อน จ.เลย มาปลงธรรมสังเวช.
ผมถามศืษย์ อายุท่าน 84
...หวยออก 16 กพ.55 ศิษย์ไม้ขาวถูกกันแทบทุกคน เพราะเลข 84 และ 18 นั่นเอง ยกเว้นผม....เพราะผม




</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

เมื่อผ่านจุดนี้ ใด้ เพื่อน ที่ทำงาน กำลัง ไต่ระดับความสูงมาด้วยกัน ทั้งในส่วน ของ ทีมปั่นจักรยาน และ วิทยุสมัครเล่น อีกประมาณ 3 -4 คันรถ

แต่ รถ ของ นาคา ไต่ ขึ้นมาใด้เพียง ลานขึ้นเนินหิน (ดังภาพ ) ด้วยพลังขับเคลื่อน 2 ล้อ ด้วย



พยายาม อัดพลัง 2 ครั้ง และ ลากด้วยรถ 4WD ซึ่ง คนขับเขาบอกว่า เขาเอง ไม่ชำนาญในการลาก รถ ขึ้นเขา / จากนั้น เปลี่ยน ขึ้นทาง เบี่ยงขวา ก็ ไม่รอด
เนื่องจาก..
มีรถ ที่ ทาง อบต.เหล่ นำ คน ขึ้นมา ที่ภูตาจอ เช่นกัน รอ ขึ้น ประมาณ 2 คัน จึง ยอม ...นำรถ นาคา เบี่ยงแอบใว้ ข้างขวา ..ณ.จุดนี้.. ด้วย ระยะทางประมาณ 10 กม. ระดับความสูง ประมาณ 500-600 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล ด้วยเกรง รถข้างหลังจะ รอ ..
(ซึ่ง หลายคน ตกใจ ว่า นำรถขึ้นมาใด้อย่างไร จึง ขนาด นี้ เพราะ ไม่เคยมีใคร นำ รถ ขับเคลื่อน 2 ล้อ ขึ้นมาใด้ .. )
เพื่อน ในกลุ่ม นำรถขึ้นไปจอด รอ ณ.ลานพักรถ ลานมาเลย์ ระยะห่างจากนี้ ประมาณ 100 เมตร
อีกประมาณ 4 กม. ถึงยอดภูตาจอ..


รถเจ้าถิ่น อบต.เหล่ 4 WD 2 คันแรก ขึ้นไม่รอด เช่นกัน พยายาม จน ฝนเริ่ม เทลงมา..

ภาพ 11. รถในกลุ่มเพื่อนที่ทำงาน..

 

ลุ้น รถ ขึ้นกัน ท่ามกลาง ฝนตกหนัก ..หลายคัน พยายาม ถอยตั้งหลัก และเปลี่ยน ไลน์ทาง ขึ้นใหม่ ทั้ง 2 แพร่ง ..
และเมื่อ ขึ้นจากจุดนี้ใด้ มี จุดผ่านดินแดง ซึ่งมีเหว ด้านซ้าย และ ผ่านจุด น้ำไหลจากเขาลงมา จากนั้น ขึ้นเนิน ดินแดง..

จนประมาณ 17.30 น. กางเต้นท์ บนลานกว้าง ..บางส่วน ประกอบอาหาร
กลุ่ม นาคา พร้อมเพื่อน
ประกอบ วิทยุสื่อสาร ข่ายสมัครเล่น เพื่อทดสอบสัญญาณ ..ด้วยเครื่อง โมบาล์ และสายอากาศ รอบตัว 5/8 คุย ในพื้นที่ สุราษฎร์ , ตะกั่วป่า , บ้านทุ่งละองง อ.คุระบุรี จ.พังงา , คุยผ่านระบบ ekolink ผ่าน link ในบริเวณ นั้น โดย ผม นาคา และ โก้ไข่ ครู จากท้ายเหมือง ในนาม hs8cil ..



ทราบว่า...ต่อมา มีรถ มาจอด หลัง รถ นาคา อีก ประมาณ 4 คัน เนื่องจาก ฝนตก ทางขึ้นไม่สะดวก..

 

บรรยากาศ ในกลุ่ม ยามค่ำคืน กระทั่งเวลา ประมาณ 21.30-01.00 ฝนตกลงมา บนภูตาจอ ท่ามกลาง บางเต้นท์ ที่เปียก น้ำฝน .ส่วนเต้นท์ นาคา ลืม ปิดซิปใว้หน่อยหนึ่ง..น้อง น้ำฝน เลย มีโอกาส ใด้ ไหล ลงมาเล็กน้อย..



แม้ฝนตก เพื่อนในกลุ่มที่ทำงาน ยัง สังสรรค์กันใด้ตามปกติตามวาระ ..
ทั้งกลุ่ม เรา วิทยุสมัครเล่น ย้าย เครื่องโมบาย์ วิทยุสื่อสาร เข้ามาใน ที่ร่ม เพื่อ การคุยสื่อสาร กัน ต่อไป...จนกระทั่ง น้องน้ำฝน จัดหนัก และ ลมแรง พอสมควร
คาดว่า อุณหภูมิ ณ. ยามค่ำคืน ประมาณ 10 องศา
เพราะ ยามเช้ามืด เพื่อนในกลุ่มวิทยุ เช็คใด้ประมาณ 16 องศา

นาคา เข้า เต้นท์ ใช้เวลา พิจารณา วิเวก ซึ่งจิตนิ่งดีมาก เพราะ สภาวะอากาศ เป็นใจ จากนั้น ประมาณ 01.30 ฝนขาดเม็ด จึง ออกมา ต้มน้ำร้อน ดื่มแก้ หนาว กับคุณจ้อย hs8stf คุยกัน ตามประสา ข้อธรรม ในเรื่อง การเกิด ดับ พ้นจาก วัฎฎะ และ พระโพธิญาณ ตามจริต แต่ละท่าน ...แฮะๆๆ..

ท่ามกลาง ลมเริ่มแรง จึง ยอพแพ้ กลับเข้าเต้นท์ นอนพักผ่อน ประมาณ 03.40 เข้ามาในเต้นท์ เจอ เพื่อน คุณเล็ก hs8hnm (สัญญาณเรียกขาน ตามหลัง ผม นาคา เล็กน้อย ) นั่ง พิจารณา สถาวะ..เช่นกัน เพราะ เต้นท์ ที่ hs8hnm นำมากางใว้ น้องน้ำฝน อาศัย อยู่ แล้ว ..เปียกครับ ท่าน..

 

ตื่นเช้า รับ อรุณ และเดิน ขึ้นเขา อีกนิดหนึ่ง เพื่อชม ทะเลหมอก..




มองจาก ยอดภู จะเห็นจุดที่กางเต้นท์ (ขวาสุด นาคา ,กลาง ทีมที่ทำงาน ส่วน ลงมาล่างนิดหนึ่ง กลุ่ม สว.คณะคุณครู เพราะ ท่านเกรง ลม แรง ซึ่ง ลมพัดแรง จริงๆ )

 

จากนั้น เก็บ ขยะ นำกลับมาทิ้ง ด้านล่าง เพื่อความสะอาด ของสถานที่..ที่สวยงาม ..
หลายท่าน ที่เดินทาง ไป เที่ยว ,กางเต้นท์ ที่ยอดเขาภูเรือ ,ภูทับเบิก ,ปาย,,ตามสถานที่ต่างๆ ทาง เหนือ ,อีสานเหนือ ต่าง กล่าวกันว่า..

ไม่ต้องไปไหนไกล แล้ว พังงา บ้านเรา นี้หละ สวยงาม ทะเลหมอกทั้งปี ..ด้วย มุมมอง วิว รอบตัว 360 องศา เพียงแต่ อากาศ ไม่หนาวมาก เท่ากับ ทาง เหนือ,อีสานเหนือ..

ค่า ใช้จ่ายเดินทาง ไม่มาก ..
นำรถไปเอง ทาง อบต.คิด......... เพียง 200 บ.ต่อ 1คันรถ
หรือ ติดต่อ รถ ทาง อบต.เหล่......เพียง 3200 บ ต่อ รถ 1คัน นั่งใด้ 10 คน

เมื่อผ่านด่านอุทยานอนุรักษ์ คนขับรถ จะต้องลงชื่อ ,ทะเบียนรถ ทั้ง ขึ้น และ ลงเขา // ในยาม ค่ำคืน จะมี พนง.อุทยาน นำ มอเตอร์ไซด์วิบาก ขึ้นตรวจดู พอประมาณ..

เส้นทาง ..

จาก ภูเก็ต
- ผ่าน ท้ายเหมือง ---เข้า สาธารณสุข ทุ่งมะพร้าว (นิคมสร้างตนเอง )--
- แยก ด้านตำรวจชุมชน กะปง เลี้ยวขวา เข้า บ้านปากพู่ ผ่านวัด พระอาจารย์หวีด..ปากพู่ ---เข้าแยก อบต.เหล่

ออกจาก อบต.เหล่ เลี้ยวขวา กลับมาเส้นทาง แยก ตะกั่วป่า, เขาสก (ประมาณ 20 กม. ถึง ตะกั่วป่า )
อบต.เหล่ เลี้ยวซ้าย เข้า ลำธารน้ำร้อน ปากพู่..ผ่าน กะปง..

ลำธาร ที่ต้องระวังในการขับรถ

 

กิจลุล่วงกึ่งพุทธกาล ฉลองพุทธชยันตี น้อมสรรเสริญชัยชนะของพระพุทธเจ้า

​

​

คำว่า สัมพุทธชยันตี มีความหมายว่า การเฉลิมฉลองชัยชนะของพระพุทธองค์ต่อกิเลสตัณหาทั้งปวง​

สัมพุทธ แปลว่า รู้แจ้งโดยสมบูรณ์<O></O>
ชยันตี คือ การเฉลิมฉลองชัยชนะ​

<O></O>
การฉลองครบรอบ ๒,๖๐๐ ปีแห่งการตรัสรู้ธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เนื่องจากถือเอาปีปรินิพพานของพระพุทธองค์เป็น พ.ศ ๑ กึ่งพุทธกาลผ่านพ้นทรงคุณพุทธบารมี ส่องทางมรรคา พ้นภัยวัฏฏะ

​

​

​

​

​

กราบมหาอนุโมทนาสาธุการ
ด้วยพระสัทธรรมพระพุทธะเจริญจิตค่ะ
สาธุ สาธุ สาธุ​

[MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.1920988/[/MUSIC]​

 

สวัสดีครับ ติดตามอ่านอยู่ เห็นแล้วสนุกดีครับ.......

 

เก็บตกควันหลง...ทะเลหมอกภูตาจอ..
จะสู้ ทะเลหมอก ปาย ,ภูทับเบิก,ภูเรือ,ภู ดอยภาคเหนือ ใด้ไหม..


มองจากลาน จอดรถ ,กางเต้นท์ ลานกว้าง1.จะเห็นยอดภู มีคนชมทะเลหมอก
ยามเช้า ย้ายสายอากาศ รอบตัว 5/8 วิทยุสื่อสาร .. สมัครเล่น

ห้องน้ำ จ้า(มุมซ้าย ,ขวา )

 

แถมอีกนิดครับ..ทะเลหมอกภูตาจอ อบต.เหล อ.กะปง จ.พังงา (ใกล้ตะกั่วป่า 20 กม .ใกล้ลำธารน้ำร้อน (น้ำร้อน ต้องระมัดระวังในเรื่อง การปะทุฯ ..การเคลื่อนตัว ของ แผ่นดินใต้..เปลือกโลก ... )

หรือว่า นาคา นั่งพักจิต บนภู แล้ว ..เกิดเหตุการณ์ ยาม 03.45 วันที่ 20 กพ.หรือเปล่า...2.7 ริกเตอร์ ที่ ตะกั่วป่า..

ถ่ายภาพจากในรถ นาคา หลายท่านสังเกตุแสง คล้าย พญาหงส์ เงยหน้า เหนือรถ คันกลาง (เหนือคนขับรถ ,เผอิญใน รถนาคา มี พญาห่านทอง ในพิธี ฯ..)
ภาพนี้ หลายท่าน สังเกตุ คล้าย พญา..เลื้อยผ่าน เหนือรถคันเดิม ภาพต่อเนื่อง จากเมื่อกี้..ในภาพ hs8hnm ซึ่ง นั่งภาวนาในเต้นท์ เช่นกัน..
ซึ่ง ใน วันที่ ๑๘ กพ. คล้ายวันเกิด และ เขาใด้โชดลาภ..
ทุกอย่าง อยู่ที่ ปัจจัตตัง ...เพียงยึดมั่น ต่อ ไตรสรณคมณ์ ทุกลม หายใจ เข้า ออก ด้วย อนุสติ ๑๐ และ พุทธบารมี ๑๐ ,๓๐ บารมี ,อุปภะบารมี ,ประมัถบารมี...
ธรรมชาติ ด้วย ละออง ไอน้ำ ,หรือ ธรรมะ..

แว็ป ดูภาพ ประมาณ 601 ภาพ ที่ กลุ่มเด็กเลี้ยงแกะ..

http://www.facebook.com/pages/%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B8%B8%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%A0%E0%B8%B9%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B9%87%E0%B8%95-%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B8%B0/122404187787662


นักวิทยุสมัครเล่นจังหวัดภูเก็ต<WBR> (กลุ่มเด็กเลี้ยงแกะ) ได้เพิ่มรูปภาพใหม่ 601 รูปไปยังอัลบั้มอายบอลสมาชิกกลุ่มเด็กเลี้ยงแกะ — ที่ทะเลหมอกภูตาจอ



<TABLE style="BORDER-TOP-WIDTH: 0px" class=tborder border=0 cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR title="Post 5767332" vAlign=top><TD class=alt2 width=125 align=middle>โอกระบี่</TD><TD class=alt1>สวัสดีครับ ติดตามอ่านอยู่ เห็นแล้วสนุกดีครับ.......


ยินดี ครับ คุณโอ..


</TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>บุญญสิกขา ; โมทนา บุญ และ ขอบคุณ แม่บุญญ นำ สาระ ,เสียงธรรม ในกระทู้ ..ครับ


</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

น่าไปเที่ยวชมทะเลหมอกนะคะ
ไม่ต้องไปไกล ไว้มีโอกาสคงจะได้ไปเที่ยว
ขอบคุณนะคะที่นำเที่ยวโดยธรรม