พูดเรื่อง ผี ผี และเจ้ากรรมนายเวร กะปูจ๋า

เยี่ยมมากเลยครับคุณปูจ๋า เป็นสิ่งที่ดีมากๆครับ ผมเองก็พยายามโทรหาเหมือนกันครับ แต่คุณปูจ๋าคงจะยังไม่ว่างน่ะครับ แต่ก็จะพยายามต่อไปครับ และขอขอบคุณกับสิ่งดีๆที่มาแนะนำครับผม

 

ขอบคุณเจ้าของกระทู้มากๆครับ

ตอนเด็กๆสมัยที่อยู่กับทวด ตอนนั้นเด็กมาก 4-5 ขวบ ผมเคยจับตั๊กแตนตัวเล็กๆเล่น บางทีก็หักขามันไปด้วย จำไม่ได้ว่าเยอะมั๊ย ไม่รู้ทำไปได้ยังไง แต่โตมา 30 กว่าปีแล้วก็จำเรื่องนี้ได้ไม่เคยลืม ทุกวันนี้แผ่เมตตาให้เค้าตลอดรู้สึกผิดมาก

สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาซึ่งผมเชื่อร้อยเปอร์เซ็นจากกรรมที่ผมทำไว้คือ ช่วงอายุ 10 ปี ผมเป็นโรคโปลีโอ ช่วงนั้นในจังหวัดผมเด็กจะเป็นกันหลายคน แต่โชคดีที่พ่อผมพาไปรักษาที่กรุงเทพทัน เลยไม่พิการเหมือนเด็กคนอื่น และทุกวันนี้ผมจะปวดขาประจำ ยิ่งถ้าออกกำลังกายจะปวดตรงข้อเท้ามากๆ

ตอนนี้ทำได้อย่างเดียวคือยอมรับกรรมที่เราก่อ และขออโหสิกรรมพร้อมทั้งแผ่เมตตาให้เจ้ากรรมนายเวรที่เราเคยทำไว้

 

ข้อความไปหาคุณปูแล้ว ยังไงช่วยแก้ปัญหาด้วยนะครับ ขอบคุณมาก

 

ติดตามอ่านโพสของคุณปูมาร่วมปีแล้ว เป็นประโยชน์แก่เพื่อนมนุษย์มากค่ะ ดิฉันมีข้อสงสัย หากเราไม่ค่อยมีโอกาสไปทำบุญ แต่จะพยายามสวดมนต์และอุทิศบุญให้เจ้ากรรมนายเวร เทวดาประจำตัว และเจ้าที่แต่ไม่ได้กรวดน้ำ อยากทราบว่าพวกเค้าเหล่านั้นจะได้รับอนิสงค์จากการสวดมนต์มั้ยคะ หรือว่าสวดมนต์เสร็จกรวดน้ำด้วยจะดีกว่าคะ บทแผ่เมตตาไปทั่วสามโลกค่ะ

 

ค่ะ การที่โดนรังครวญจากสัตว์เล็กๆ น้อยๆ หรือสัตว์ใหญ่ เค้าว่า ไม่ค่อยได้ทำบุญ หรือเคยดูถูกศาสนา หรือลบหลู่ศาสนา... อาจจะไม่ใช่ชาตินี้ แต่เคยทำไว้มาก่อน... วิธีแก้ ก็ ทำได้แต่ ตักบาตรทำบุญในวันพระ ทำบุญถวายสังฆทานทุกเดือน ฟังเทศน์ฟังธรรมทุกวันพระร่วมพิมพ์หนังสือ ธรรมะแจกจ่ายฟรี เพื่อเผื่อแผ่ศาสนา หรือ ร่วมสร้างวัด ทำบุญ เพื่อบรรเทากรรมที่ทำไว้น่ะคะ

 

การสวดมนต์กรวดน้ำ แผ่เมตตาเหมือน ยื่นน้ำให้เค้าดื่ม... ไม่อิ่มเท่ากะการตักบาตร ทำสังฆทาน หรือเผื่อแผ่พระพุทธศาสนา ได้บุญเหมือนให้เค้ากินข้าว

 

แล้วก็ แค่คิดจะทำผิด ก็ ผิดแล้ว... จะผิดมากผิดน้อย ก็ คิด เพราะความคิดชั่ว... ทำให้จิตหมอง...

แต่ว่า อย่าไปคิดอะไรมาก... ชีวิตมนุษย์ไม่มีใครไร้มลทิน 100% ... นอกจากทารก ที่ยังไม่ลืมตา... เรา ก็ ทำผิดมาด้วยกันทั้งนั้น... แค่สำนึกผิด แล้วคิดกลับใจ...

เมื่อ 3 ปีกว่าๆ ที่ผ่านมานี้... มีคนสนิท เป็นช่างทำไฟ จ้างเค้ามารื้อเตียง... เค้าเจอปืนของพ่อ ที่พี่ชายซ่อนไว้ 2 กระบอก... ด้วยความละโมบ ทำให้เค้า เอาไป 1 กระบอก... ไปขายให้คนในวงเหล้า... ในที่สุดความแตก เพราะ พี่ชายจากกทม. มาดูปืน เพราะเห็นรื้อเตียง... ทำให้ช่างไฟ โดนสงสัย และออกหมายจับ...ก่อนที่จะโดนจับ เราพยายามให้เค้ารับผิดจะไม่เอาความ แต่เค้าไม่ยอม เมื่อออกหมายจับ ตำรวจได้ตัวมา... เค้าจึงสารภาพว่า ขโมยไปขาย ในราคา 7000 บ.แต่ราคาปืนนั้น มากกว่า 30000 บ. เค้าจึงโดนข้อหาลักทรัพย์ โดยเป็นปืน ซึ่งยอมความไม่ได้

ตอนเค้าโดนจับ.. ปูก็เอาข้าวปลาให้ไปให้ที่โรงพัก และห้องขังในศาล... สงสารเค้ามาก แต่ว่า พี่ชายไม่ยอมความ... จึงให้เค้าชดใช้เงิน และตำรวจก็ไม่ยอมความ เพราะไม่ได้ปืนคืนมา และ พรก.ปืน ก็ แรงทีเดียว


ก็พยายามช่วยเค้า โดยการตามลูกสาว ให้หาคนมาประกันตัว ซึ่งต้องเป็นข้าราชการ หรือเงินประกันตัว หลายหมื่น... แต่ในที่สุด ลูกสาวเค้าก็ ได้ผู้มาประกันตัว เป็น หัวหน้าเก่าของเค้า... ก็ไปกะเค้าตลอด จนมีคนถามว่า เป็นอะไรกะจำเลย... เราก็ บอกว่า เป็นโจกย์ ... เค้าก็บอกว่า "โห ช่วยจำเลยขนาดนี้เลยหรอ" ปูว่า เค้าเป็นคนดีอ่ะคะ แต่ความโลภ มันทำให้คนเปลี่ยนไป ... ช่างคนนี้ ทำงานให้ปู มาอย่างน้อย 5 ปีได้แล้ว... สงสารเค้าอ่ะ...

สุดท้าย ของปูยอมความ แต่ตำรวจไม่ยอมความ เค้าเลยต้องโทษ ติดคุก 2 ปี แต่รับสารภาพ เลย เหลือ 1 ปี แต่โจกย์ยอมความ เหลือ 6 เดือน... ลงอาญา 2 ปี หลังจากนั้น ก็ติดคุก ประมาณ 2 เดือนกว่าๆ แล้วก็ออกมา

ปัจจุบัน... ยังมาทำงานให้ที่บ้านปูบ่อยๆ คนที่เค้าสำนึกได้แล้ว... เค้าก็ ไม่คิดจะทำอีกค่ะ... นอกจากพวกที่ไม่สำนึก... ตอนนี้ ก็ คุยกันบ่อยๆ เพราะปู สงสารเค้าอ่ะ... เพราะตอนนี้ เวรกรรมที่เค้าทำ ก็ ทำให้เมียป่วยเป็นมะเร็ง และเสียชีวิตไปปีที่แล้ว ตอนนี้ต้องเลี้ยงลูกชาย คนเดียว...

ให้โอกาสคนผิด กลับตัว... ยอมรับ... และให้คิด+ เพราะ ทุกคน ย่อมมีสิ่งดีๆ ในสันดานลึกๆ ค่ะ... ถึงจะเลวแค่ไหน ความดีก็ต้องมีบ้าง... ลองค้นหา จุดดี ของสามี ของลูก ของแฟน ของทุกคน ที่ใกล้ชิดคุณแล้ว จะรู้ว่า ทุกคน มีข้อดี... ถ้าเราคิดแต่ว่า ทุกคนมีข้อเสีย ชีวิตเราจะมี แต่ การระแวง มองโลกแง่ร้าย... เสียสุขภาพจิตเปล่าๆ จ้า

 

ขอบคุณสำหรับเรื่องนี้ครับผมขอไม่ตอบกระทู้นะครับเพราะผมเป็นคริสต์ผมตอบผมกลัวขัดกับหลักคำสอนของศาสนาพุทธครับ

 

รออ่านเรื่องต่อไปอยู่ค่ะ

 

รออ่านเหมือนกันค่ะ
ขออนุโมทนาสาธุบุญกับคุณปูด้วยนะคะที่ได้ช่วยคนที่ตกทุกข์

 

ในศาสนาคริสต์ ก็มีคำสอนดีๆ เยอะแยะมาก... ปูก็เคยเป็นคริสต์ตอนสมัย อยู่ ม. 1-3 เพราะเพื่อนเป็นคริสต์ นิกายโปรเตสแตนต์ แต่ก็มีคำสอนอยู่อันนึง ที่ชอบมาก คือ ให้รักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง ซึ่งจำได้จนทุกวันนี้

"จงรักพระเจ้าด้วยสุดจิตสุดใจและสุดสิ้นความคิดของเจ้า..จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง..ธรรมบัญญัติทั้งสิ้นก็ขึ้นอยู่กับ2ข้อนี้" ไบเบิ้ลมัทธิวบทที่22 ข้อ37-40



"จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง" ประโยคนี้เป็นข้อใหญ่อีกข้อ คือเปรียบเทียบง่ายๆว่า หากเรารักเพื่อนบ้านหรือคนอื่นๆเหมือนกับรักตัวเองแล้ว ความโกรธจะไม่มี ความอิจฉาจะไม่พบ การทำร้ายกันก็จะไม่เกิดขึ้น เพราะเราจะรู้จักให้อภัยคนอื่นๆเหมือนให้อภัยตัวเอง ผิดก็เริ่มใหม่ กลับใจใหม่ ให้โอกาสคนอื่นเหมือนให้โอกาสตัวเอง รักและเมตตาคนอื่น การขโมยจะไม่เกิดขึ้น การนินทาว่าร้ายจะไม่ออกมาจากปาก (ให้คิดว่าใครจะนินทาตัวเองให้คนอื่นฟังล่ะ) ก็เหมือนกันอย่าใส่ความผู้อื่น (เหมือนที่คงจะไม่มีใครใส่ความตนเอง) สรุปง่ายๆคือ หากเรามีความรักต่อคนอื่นๆเหมือนกับรักตนเองแล้ว เรื่องแย่ๆที่ทำให้เราผิดธรรมบัญิของพระเจ้าก็จะไม่เกิดขึ้น

ทางศาสนาทุกศาสนา ยกเว้นศาสนานอกรีต จะสอนให้คนเราเป็นคนดี มองโลกแง่ดี และคิดดี ค่ะ...

พูดถึงการคิดดีแล้ว... ที่เค้าเรียกว่า คิดแง่บวก ก็สามารถทำให้เกิดปาฏิหารย์ มาได้หลายอย่างแล้ว เช่น การทำความสามารถทางเทนนิส ของนักกีฬา ที่บาดเจ็บกลับมาได้

การมองโลกในด้านบวก เป็นคุณสมบัติดี ๆ ที่คงจะเยี่ยมไม่น้อยถ้าในสังคมมีคนประเภทนี้อยู่เยอะ ๆ คนมองโลกในแง่บวกดูจะมีภูมิต้านทานต่อเรื่องแย่ ๆ ได้ดี เป็นคนที่ใคร ๆ ก็อยากอยู่ใกล้ เพราะอยู่ด้วยแล้วสบายใจ เราเองก็มักจะเอ่ยปากชมคนมองโลกด้านบวกอยู่บ่อย ๆ ว่า "ดีจังเนอะ เป็นคนมองโลกในมุมมองที่ดีจัง" แต่ความจริงแล้วคุณก็สามารถทำให้ตัวเองมองโลกด้วยมุมมองดี ๆ ได้เช่นกัน การมองโลกแง่บวกไม่ได้เป็นสิ่งที่ติดตัวมาแต่เกิด ถึงส่วนหนึ่งจะอยู่ที่การเลี้ยงดูหล่อหลอม แต่ก็สามารถฝึกฝนได้เหมือนกัน อยากเป็นคนมองโลกแง่บวกกันไหมครับ มาฝึกไปพร้อม ๆ กันเลยดีกว่า

เชื่อมั่นว่าสิ่งที่ลงแรงทำไป จะให้ผลที่ดีตอบกลับมา

การมองอนาคตข้างหน้าอย่างมีความหวัง เป็นการสร้างกำลังใจที่ดีในการดำรงชีวิต หากคุณกำลังหวังผลใด ๆ กับสิ่งที่ได้ลงแรงใจแรงกายทำลงไป ขอให้หวังว่ามันจะได้ผลที่ดีตอบกลับมาเสมอ นั่นทำให้คุณมองไปข้างหน้าอย่างมีกำลังใจ เปี่ยมด้วยความหวัง และความสดใส มีแรงขับดันในการทำสิ่งดี ๆ ในทุก ๆ วันต่อไปอีก

รู้จักปรับปรุงตัวเมื่อคนอื่นติ

คำติจากคนอื่นอาจทำให้รู้สึกห่อเหี่ยวหมดกำลังใจ แต่หากคุณลองมองดูด้านบวกของมันก็จะพบว่า ในคำติเหล่านั้นทำให้คุณพบจุดที่คุณสามารถแก้ไขเพื่อให้งานของคุณสมบูรณ์แบบ มากยิ่งขึ้นได้ คำติเหล่านั้นหากคุณมองมันในแง่ดี มันก็จะกลายเป็นคำที่ติเพื่อก่อ เพื่อผลงานที่ดีขึ้น จงทำใจให้สงบเมื่อมีคนมาติ แล้วทบทวนดูว่าคุณจะทำให้มันดีขึ้นได้อย่างไรจะดีกว่า การมองเห็นด้านดี ๆ สามารถนำสิ่งดี ๆ มาสู่ตัวคุณได้จริง



บริโภคข่าวสารแย่ ๆ แต่พอดี

ในยุคที่ข่าวสารหลั่งไหลได้รวดเร็วเช่นนี้ ทำให้เรื่องราวต่าง ๆ ทั้งดีและไม่ดีถูกถ่ายทอดออกไปมากมาย โดยเฉพาะเรื่องแย่ ๆ ที่ดูจะแพร่ไปไวกว่าเรื่องดี ๆ อย่างข่าวอาชญากรรมจี้ปล้นทั้งหลาย ก็มีรายงานข่าวกันได้ทุกวัน ยิ่งถ้าคุณมีนิสัยชอบเปิดทีวีสลับช่องไปมาในช่วงที่มีข่าว คุณจะได้เห็นช่องต่าง ๆ รายงานข่าวออกมาในเวลาไล่เลี่ยกัน การเปิดสลับช่องไปเรื่อยก็เหมือนคุณเอาภาพและข่าวแย่ ๆ นั้นมาตอกย้ำใส่ตัวเองมากขึ้น เปิดดูช่องเดียวค้างไว้นาน ๆ อาจจะดีกว่านะ

อย่ามองโลกเป็นแค่สีขาวและดำ

การมองโลกว่ามีแค่สีขาวกับดำนั้น บางครั้งก็ทำให้รู้สึกหดหู่ใจ เมื่อบางครั้งสีดำหรือเรื่องแย่ ๆ นั้นดูจะมีสัดส่วนที่มากกว่าเรื่องสีขาว แต่ถ้าคุณมองว่ามันเป็นสีเทาที่มีโอกาสจะกลายเป็นสีขาวขึ้นมาได้ในอนาคต โลกของคุณก็จะสดใสขึ้นมาได้ครับ



ยิ้ม

การยิ้มเป็นการสร้างอารมณ์ให้เบิกบานแจ่มใสขึ้นมาได้ แถมการศึกษายังพบว่า แม้แต่การพยายามปั้นยิ้ม (ทั้งที่ข้างในไม่ได้ยิ้มเลย) ก็ยังช่วยให้คุณมีอารมณ์ที่สดใสขึ้นได้ด้วย (ถึงจะดีขึ้นแค่นิดหน่อย แต่ก็นับว่าเบิกบานขึ้นได้นะ) ถ้าอย่างนั้นจากนี้ไปเลิกทำตัวเป็นเสือยิ้มยากได้แล้ว

การมองโลกในแง่ดี มองเห็นด้านบวกของเรื่องต่าง ๆ ทำให้คุณเองก็ดูดีขึ้นมาได้ จากความคิดที่สะอาด และจากจิตใจที่สดใส สาว ๆ เขายังบอกว่า ผู้หญิงคิดบวกคือผู้หญิงสวย

โดยเฉพาะคนป่วย หรือ บาดเจ็บ นะ... การคิดโลกแง่บวก หรือคิดดี ทำให้อาการดีขึ้น... ที่เค้าบอกว่า "ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว" เพราะว่า ใจเราถ้าเข้มแข็ง หรือมีกำลังใจดีๆ ก็ จะช่วยได้... ตอนปูป่วยเป็นมะเร็ง นะ.. หมอจะบอกว่า ตายใน 3-5 ปี ก็ ช่าง.. แต่ปู จะบอกกะตัวเองว่า "ฉันจะไม่ยอมแพ้ ไม่ยอมตาย ไม่ยอมจบ" ตอนเป็นมะเร็ง ห้ามเครียด ปูก็จะหาอะไรหนุกๆ ทำตลอด... ไม่ให้ตัวเองเครียด ถึงแม้จะกินแล้วไม่มีรสชาติ ก็ บอกตัวเองเสมอว่า "เดี๋ยวมันต้องหาย" เดี๋ยวจะดีขึ้น... เหมือนตอนที่หยุดหายใจไป ก็ ไม่ยอมตายหรอกค่ะ... จะกลับมา... ถึงจะเป็นซอมบี้ ก็ จะกลับมา เอิ๊กๆๆๆๆ ขำขำ นะคะ แต่อยากให้ทุกคน มองโลกแง่ดี ถึงแม้ จะเผชิญแต่เรื่องร้ายๆ แสงสว่าง จะอยู่ไม่ไกล ค่ะ สู้ๆ นะคะ

 

5 วิธีง่ายๆ ที่ทำให้คุณเป็นคนมองโลกในแง่ดี
เมษายน 19, 2013 โดย ประคัลภ์ ปัณฑพลังกูร


โลกปัจจุบันที่เราอยู่นั้น มีแต่ความวุ่นวาย เราต้องแข่งขันทั้งในชีวิตส่วนตัว และชีวิตการทำงาน ซึ่งเป็นผลทำให้เกิดความเครียดขึ้น และความเครียดนี้เอง ที่ส่งผลต่อทั้งความคิด สมอง ร่างกาย และจิตใจของเราในทุกด้าน ส่วนใหญ่เป็นผลในแง่ลบทั้งสิ้น ดังนั้นการที่เราสามารถมองโลกในแง่ดี คิดดี ในสภาวะที่มีแต่ความวุ่นวายแบบนี้ จะทำให้ชีวิตเราดีขึ้นได้อย่างแน่นอน ทั้งสุขภาพกาย และสุขภาพจิต

วันนี้จะเอาเคล็ดลับ 5 วิธีที่จะทำให้เราเป็นคนมองโลกในแง่ดี คิดดี เพื่อที่จะทำให้ความเครียดในชีวิตของเราลดลงไปบ้าง ลองมาดูกันนะครับว่ามีอะไรบ้าง

ขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่างที่เข้ามาในชีวิต แม้ว่าเรื่องนั้นจะเป็นเรื่องของความเจ็บปวดของชีวิตก็ตาม ทุกเช้าที่ตื่นขึ้นมา ให้นึกถึงว่าเราได้ของขวัญที่ดีของชีวิตทุกวันที่ทำให้เรายังตื่นขึ้นมาได้ ให้รู้สึกถึงความสดชื่นของชีวิต แต่เอาเข้าจริงๆ ท่านผู้อ่านอาจจะคิดว่า โอว จะคิดอะไรได้อย่างไร วันนี้มีงานเข้ามากมาย นายก็ตามงาน ฯลฯ วิธีที่ช่วยได้ ก็คือ ให้คิดถึงคนที่กำลังเดินหางานอยู่สิครับ และคนที่พยายามที่จะได้งานที่คุณกำลังทำอยู่ก็ได้ หรือบางคนอาจจะคิดว่า ไม่อยากตื่นขึ้นมาเจอใครบางคนที่เมื่อคืนเพิ่งจะทะเลาะกันไปเลย แบบนี้จะให้ขอบคุณได้อย่างไร วิธีคิดเชิงบวก ก็คือ ลองนึกถึงเพื่อนที่ยังไม่มีแฟน และพยายามทุกทางที่จะหาแฟนสิครับ นี่คือสิ่งที่มีค่าที่เราได้มาอยู่ในมือแล้ว ดังนั้นจงขอบคุณในสิ่งที่เรามี เราเป็น รวมถึงความผิดหวังต่างๆ ที่เกิดขึ้น ที่ทำให้เราแข็งแกร่งขึ้นจนทุกวันนี้
สร้างอารมณ์ขันให้กับชีวิต พยายามมองทุกเรื่องที่เข้ามาในชีวิตของเราให้เป็นเรื่องสนุก และยิ้มให้กับเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้น มองมุมที่ดีของเรื่องนั้นๆ เนื่องจากอารมณ์ขันนั้น มีข้อพิสูจน์มาแล้วว่าช่วยทำให้คนป่วยโรคร้ายแรงต่างๆ หาย หรือดีขึ้นมาก ดังนั้นเรายังไม่ป่วย ก็ยิ่งจะทำให้เรารู้สึกดีขึ้นเช่นกัน ดังนั้น ตั้งสติให้ดี เวลาที่พบเจอกับสิ่งที่ดี หรือไม่ดีก็ตาม ให้ยิ้มให้กับมัน และสร้างอารมณ์ขันให้เกิดขึ้นกับชีวิตให้ได้มากที่สุด
ทำให้มากกว่าพูด เพราะการที่เราลงมือทำงานอะไรก็ตาม จะทำให้เราพูดน้อยลง คิดมากขึ้น การที่เราพูดน้อยลงนั้นก็จะทำให้เรามีแนวโน้มที่จะวิพากษ์วิจารณ์คนอื่นน้อยลงด้วยเช่นกัน และการที่เราวิพากษ์วิจารณ์คนอื่นน้อยลง ก็แปลว่า เรามองโลกแง่ร้ายน้อยลงเช่นกัน เพราะโดยทั่วไปธรรมชาติของคนเรานั้น ชอบพูดมากกว่าทำ ดังนั้น เมื่อไหร่ที่เราเปิดปากพูด บางครั้งก็อดไม่ได้ที่จะคิด และมองคนอื่น หรือสิ่งต่างๆ รอบตัวในเชิงวิพากษ์วิจารณ์ ซึ่งเมื่อไหร่ที่เป็นการวิพากษ์วิจารณ์ เมื่อนั้นก็จะมีแต่เรื่องในแง่ลบ ซึ่งจะทำให้เรามองโลกในเชิงลบไปด้วย
จงสนุกกับกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไรก็ตาม การที่เราคาดหวังสิ่งต่างๆ ว่าจะต้องเกิดขึ้นจากสิ่งที่เราลงมือทำนั้น จะทำให้เราเกิดความเครียดมากขึ้น ก็กลายเป็นว่าเราเลือกทำในสิ่งที่คิดว่าจะเกิดผลที่ดีกับเรา และไม่ทำในสิ่งที่เราคิดว่าจะไม่เกิดผลที่ดีกับเรา แม้ว่าสิ่งนั้นจะเป็นสิ่งที่เราชอบก็ตาม เหมือนกับ Mark Twain ที่กล่าวว่า “จากนี้ต่อไปอีก 20 ปีข้างหน้า เราจะรู้สึกผิดหวังกับสิ่งที่เราไม่ได้ทำมากกว่าสิ่งที่เราทำลงไปในวันนี้” ดังนั้นถ้าคิดว่าทำแล้วมีความสุข และไม่ทำให้ใครเดือดร้อน ก็จงลงมือทำ โดยไม่ต้องไปคาดหวังผลลัพธ์อะไรเลย ชีวิตเรานั้นสั้นมากครับ ดังนั้นจงหาความสุขไปกับสิ่งที่เราทำจะดีกว่า ไปเครียดกับความคาดหวังที่อยากให้เป็น หรือไม่อยากให้เป็น
จงช่วยให้ผู้อื่นมีความสุข การที่จะทำให้เราเป็นคนคิดบวก ทำบวก นั้น อีกเรื่องง่ายๆ ที่ช่วยเราได้ก็คือ การได้ช่วยคนอื่นให้มีชีวิตที่ดีขึ้น หรือมีความสุขมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นคนในครอบครัว หรือ ในองค์กรที่เราทำงานด้วยก็ตาม เราสามารถช่วยเหลือบุคคลเหล่านี้ได้ และเมื่อไหร่ที่เราได้ช่วยคนอื่นให้ดีขึ้น ด้วยความเต็มใจและจริงใจแล้ว เราจะรู้สึกถึงความคิดเชิงบวก และรู้สึกถึงความสุขที่เกิดขึ้นในจิตใจของเรา ยิ่งไปกว่านั้น คนที่ช่วยเหลือคนอื่นมากขึ้นเท่าไหร่ ก็จะมีความสุขมากขึ้นเท่านั้นเช่นกันครับ และการช่วยทำให้คนอื่นมีความสุขนั้น จริงๆ ก็ไม่ต้องเสียเงินทองอะไรมากมาย บางครั้งแค่เพียงให้เวลารับฟังในสิ่งที่คนอื่นพูดอย่างเข้าใจ แค่นี้เขาก็รู้สึกแล้วว่า เรากำลังช่วยเหลือเขา ซึ่งจะทำให้เรามีความสุขมากขึ้นด้วย
นี่คือ 5 วิธีที่จะช่วยให้ท่านผู้อ่านมองโลกในแง่บวก และทำให้ท่านมีความสุขกับการใช้ชีวิตท่ามกลางความวุ่นวายต่างๆ ที่เกิดขึ้นทุกๆ วัน ทั้งในการทำงาน และชีวิตส่วนตัว

บางท่านอ่านจบแล้ว คิดว่า “พูดง่าย แต่ทำยากนะ” แค่คิดแบบนี้ก็เท่ากับว่าเรามีทัศนคติเชิงลบแล้วครับ ดังนั้นจงคิดบวก และลงมือทำ ตั้งสติให้ดี แล้วค่อยๆ ทำไปทีละข้อ ย้ำนะครับ สติคือสิ่งที่สำคัญมากในการที่จะทำให้เราปรับทัศนคติเชิงลบ เป็นเชิงบวก

 

พูดเรื่องเจ้ากรรมนายเวร... เมื่อคืนที่เพ่งดูคนนึง... น่ากลัวเลยทีเดียว... เพราะเป็น ขั้น 3 แล้ว... คือ ทำร้าย ทำให้เจ็บปวด และจะเอาให้ถึงตาย... เริ่มจากเจ้ากรรมนายเวรผู้ชายตัวอ้วนทับที่หน้าขา (นอนอยู่นะคนที่เราเพ่งไปดู) แล้ว ... อีกคนนึง ก็ ยืนที่หัวเตียง กำลังดึงระหว่างคอ... เหมือนกั้นลมหายใจ... เราเลยถามเค้าว่า "แฟนรู้สึกเหมือนหายใจไม่ออกไหม" เค้าบอกว่า "ใช่" เพราะเหมือนติดขัด สลับๆ กันไป... เจ้ากรรมนายเวรที่เห็นนั้น ไม่ต่ำกว่า 2 ตน... ทั้งคู่ กำลังทำร้าย ทรมาน เค้าอยู่... ก็บอกให้ไปกรวดน้ำบอกเจ้ากรรมนายเวรของแฟนเค้าดู แต่จะได้ผลหรือไม่... ดูผลอีกที

น่ากลัวค่ะ

 

ติดตามอ่านค่ะ น่าสนใจ น่าติดตาม น่าอ่าน น่ากลัว บรือออออ

 

นายเวร กับเจากรรมเป็นคนละพวก ขออธิบายพอสังเขป ดังนี้
นายเวรคือผู้ที่เราทำให้อาฆาตถึงกับลั่นวาจาทั้งออกเสียงหรือในใจว่า กูขอจองเวรมันตลอดไปทุกภพทุกชาติ นายเวรมี 2 พวกคือ
นายเวรในตัว เป็นนายเวรที่เขาเข้ามาอยู่กับเราตั้งแต่เราเกิดมาเลย ที่รู้ด้วย
ตนเองโดยการสัมผัสทางตารับรู้ทางวาจา มี 8 ชนิด

1คน 2 มนุษย์ 3 เทวดาหรือพรหม 4 พวกนาค 5 สัตวใจป่า
หิมพานเช่น ครุฑ คนธรร 6 นักพรต 7 ฤษี 8 คำสาปหรืออาถรรพ์
นายเวรนอกตัว เป็นผู้เขาอาฆาตเราเช่นนายเวรในตัว แต่พวกนี้เขา
มาเกิดก่อนแล้วหรือมาเกิดภายหลังเราเกิด เพราะมีนายเวรในตัวแล้วเขาจึงเข้ามาอยู่กับเราไม่ได้ พวกนี้ระวังเขาจะทำร้ายเราทั้งต่อหน้าและลับหลัง สังเกตง่ายๆ เห็นหน้ากันปุบจะไม่ถูกชะตากันเลย
คอยหาเรื่องเราตลอด
แต่นายเวรในตัว หากเขาปรากฏตัวแล้ว อตร นั่แสดงว่าเขาได้สร้าง
แผนที่ในร่างกายเราเอาไว้หมดแล้วว่าจะทำให้เดือดร้อนช่วงเวลา
ใดตรงไหนของร่างกาย นายเวรในตัวตัวเขามีหน้าที่ทำให้เราเดือด
ร้อน เป็นผู้ที่ขัดขวางความสุขของเราทั้งด้าน จิตใจ ร่างกายรวมถึง
อุบัติเหตุ การงาน การเงิน ครอบครัว สังคม เขาวางแผนเอาไว้หมด
เขาจะเคลื่อนตัวไปตามแผนที่เขาวางไว้ .............
เจ้ากรรม เป็สิ่งมีชีวิตที่เราทำใหเขาตายอย่างกระทันหันโดยไม่ตั้งใจ เช่นขคบรถชนตาย เยียบมดแมลงตาย พวกนี้จะคอยซ้ำเติมยามเราอ่อนแอ เราสามารถทำบุญอุทิศให้ง่ายๆ แต่ผมมีวิธีการง่ายกว่า คือการโอนบุญเก่าและบุญใหม่ใหเขาได้รับแค่นี้เขาก็ไม่รบกวนเราแล้ว เอาพอสังเขปครับ
โมทนาสาธุ
ขอให้มีเมตตาและเจริญในธรรม
ข้าพเจาเกิดมาต้องตาย ชีวิตไม่เที่ยงความตายเป็นของเที่ยง น้พพานเป็นสุขอย่างยิ่ง

 

ขออนุโมทนาบุญกับคุณปูด้วยนะครับ ที่คอยนำเรื่องกฎแห่งกรรมมาเผยแผ่เป็นธรรมทาน
ส่วนตัวผมเองก็อยากมีเรื่องให้คุณปูช่วยชี้แนะเหมือนกันครับ
ตอนนี้แม่ผมป่วยเป็นมะเร็งปากมดลูกระยะแรก อยากให้คุณปูช่วยชี้แนะแนวทางผ่อนปรน หรือ ทำให้ดีขึ้นหน่อย ส่วนตัวผม ร่างกายผมเองก็รู้สึกไม่ค่อยสู้ดี แต่หมอหาสาเหตุไม่เจอ ถ้ายังไง รบกวนคุณปูช่วยตรวจดูให้หน่อยนะครับ

 

เข้าใจผิดแล้วที่คิดว่าตายไปสบายกว่าโลกหลังความตาย
ถ้าไม่ได้ไปเกิดเลยยาวนานกว่าอยู่บนโลกมนุษย์เยอะ
แถมทรมานกว่าด้วยถ้าไม่มีบุญเพียงพอ

 

อยู่ยังมีโอกาสสร้างบุญกุศลด้วยตนเอง
ตายไปเร็วถ้าไม่ได้มีบุญบารมีได้อยู่ในภพภูมิสูง
โอกาสสร้างบุญเองลำบากมีประสบการณ์
เมื่อวานกับวันนี้เพิ่งไปถวายสังฆทานอุทิศให้วิญญานที่มาแฝง
มาทำให้ตัวเราแสดงอาการต่างๆนาๆแต่ไม่ใช่การเจ็บป่วย
มาวันนี้อาการดังกล่าวหายไป
เพราะว่าคงได้บุญอิ่มแป้ไปแล้ว
ทำให้เราคิดได้เลยว่าถ้าไม่สร้างบุญไว้ให้มากพอแล้ว
ต้องไปขอเขาอย่างนี้ถ้าไม่เจอคนใจดีแบบเราจะได้ไหมเนี้ย

 

สุดยอดค่ะ จะมาติดตามเรื่อย ๆ ดิฉันก็มีเจ้ากรรมนายเวรเหมือนกัน ขอบอกไว้เป็นธรรมทานกับผู้อ่านละกันนะคะ
ดิฉันไม่เคยสมหวังเรื่องความรักและคู่ครองเลยค่ะ ตอนแต่งงานก็ต้องหย่ากับสามี หลังจากนั้นก็เจอแต่ผู้ชายที่มีเจ้าของแล้วเข้ามาติดพัน เอามาเป็นแฟนไม่ได้สักคน ทั้งที่บางคนรักเรา ก็มีภรรยาอยู่ บางคนสัญญาไว้ให้เรารอ ก็แอบไปมีภรรยา บางคนเข้ามาหวังเป็นกิ๊ก หวังมีความสำพันธ์ทางเพศซะส่วนใหญ่ ไม่มีใครที่จะจริงจัง

คนล่าสุด เจอกันไม่นาน แต่รักมากผูกพันมากที่สุด คบกันเดือนเดียว แต่รักเหมือนรู้จักกันมาเป็นชาติ ใจเราเองก็สงสัยตัวเองว่า ปกติไม่เคยรู้สึกรุนแรงแบบนี้ นี่คือสัญญาณคู่แท้ที่สร้างบุญกันมาก่อน หรือว่าเป็นเจ้ากรรมนายเวรกันแน่ (ดิฉันเป็นคนปฏิบัติธรรมในระดับหนึ่ง) เจอกัน คุยกัน3 วัน ตกลงเป็นแฟนทั้งที่ไม่รู้จักชื่อจริง ไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้า รู้แต่ว่ารักมากที่สุด ตอนพบกันครั้งที่2 เมื่อรู้จักกัน 7 วัน ตกลงคบกันแบบคนรัก ถามว่า เพราะอะไรจึงอยากรู้จักฉัน เขาตอบว่า ความรู้สึกเขาคือ เราคือเมียเขาเมื่อชาติที่แล้ว บางวันรู้สึกคิดถึงเขาแทบขาดใจ ก็สงสัยว่าเราเป็นอะไร ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนในชีวิต แค่เดือนเดียว ทำไมเรารู้สึกขนาดนี้ บางทีร้องไห้เพราะคิดถึงเขา บางทีเขาไม่ตอบไลน์ ดิฉันก็ส่งข้อความไป บอกว่า ทำไมรักคุณแล้วทุกข์เพราะคิดถึงขนาดนี้ หรือว่าฉันเคยทำกรรมแบบนี้กับคุณมาก่อน ถ้าฉันเคยมีกรรมอะไรกับคุณไว้ ฉันเคยทำให้คุณเสียใจมาก่อนในอดีตชาติ ฉันขอโทษ ขออโหสิกรรม ตอนนั้นฉันรู้สึกกลัวเหมือนกัน กลัวว่าจะเป็นเจ้ากรรมนายเวร เพราะรักมากและทุกข์เพราะคิดถึงมากๆ (ผูกพันและยังไม่เคยมีสัมพันธ์ทางกายกันเลย) เราก็คบกันมาจนครบ1 เดือน แล้ววันใจสลายก็มาถึง

วันนั้นเป็นวันก่อนวิสาขบูชาปีนี้เองค่ะ ครบรอบ 1 เดือนที่เรารู้จักกันพอดี วันนั้นก็นัดแฟนกินข้าวด้วยกัน คุยกัน บอกเขาว่าจะไปบวช เขาถามว่า บวชที่ไหน ก็บอกว่า วัดมเหยงค์ เขาบอกว่า วัดนี้มีแต่คนอกหักไปบวชนะ อย่าไปเลย ไม่ต้องไปหรอก เย็นแล้ว แต่เราก็ดื้อจะไป ก่อนแยกกันก็ยังสวีทหวานดี พอแยกกันเขาก็โทรมาถามอีก เราก็ยืนยันว่าจะไปบวช เขาบอกว่า บวชก็ไม่สงบ ฟุ้งเปล่า ๆ ไม่ต้องไปหรอก อยู่บ้านแหล่ะ แต่เราก็ไปเพราะตั้งใจไว้แล้ว พอไปถึง อาบน้ำแต่งชุดขาวเสร็จ ก็เบอร์แฟนโทรมา รับไม่ทัน จึงโทรกลับ ผุ้หญิงปลายสายถามว่า คุณโทรหาสามีฉันทำไม เหมือนฟ้าถล่ม อึ้งไปพักนึง แล้วตั้งสติ จิตรู้ทันทีว่า เจ้ากรรมนายเวรเรามาทวงแล้ว มาทวงในวัดเลยนะเนี่ย อยู่ในวัด สงบบ้างไม่สงบบ้าง สติยังคุมอยู่ ไม่ร้องไห้ แค่ซึม ๆ พอครบบวช ออกมาจากวัด เขื่อนน้ำตาแตก เสียใจที่สุด เสียใจว่าเขาโกหกเราว่าเขาไม่มีแฟน แต่ก็ใช่แฟนเขาไม่มี มีแต่เมีย เราก็ส่งไลน์หากัน ฉันส่งไปขอบคุณที่ให้ภรรยาโทรมา แล้วก็ขออโหสิกรรมกับเขาและภรรยา เข้าใจทันทีว่ามันเป็นเวรกรรมของเรา เราคงเคยทำเขาไว้ ไม่งั้นเราคงไม่ทุกข์แบบนี้ แล้วก็ไม่โกรธเขาเลยว่าทำไมเขาโกหกเรา เพราะโดยปกติชายคนนี้มีคุณธรรม แต่เขาโกหกเรา คงเพราะแรงอดีตกรรม

เขาเองก็เสียใจมากดิฉันรู้ดี และรู้ดีว่า เราสองคนต่างรักกันมาก ชายคนนี้เคยบวช 5 พรรษา เป็นคนกระแสจิตแรง และบางครั้งดิฉันสัมผัสความรู้สึกเขาได้เวลาที่เราคิดถึงกัน
และเมื่อวันที่ 4 เดือนนี้เอง ดิฉันได้โทรไปหาคุณปูจากความที่มาเปิดเจอกระทู้ จึงถามเรื่องของเรา แล้วมันก็สอดคล้องกับที่ดิฉันรู้สึกตัวอยู่บ้าง คือ ดิฉันเคยทำผุ้ชายเสียใจไว้มากมาย เมื่อชาติที่แล้ว ชายคนนี้ก็คนนึงที่เคยรักฉันมากเมื่อชาติที่แล้ว ฉันก็ให้ความหวังเขาเหมือนกับที่เขาให้ความหวังฉันชาตินี้ แล้วฉันก็ทิ้งเขามาในชาติก่อน ชาตินี้ฉันจึงต้องมารักเขามาก แต่คงเป็นเพราะความรักที่เขาเคยมีให้ฉันเมื่อชาติก่อน ชาตินี้เขาก็ยังรักฉันอยู่ แต่เราก็รักกันไม่ได้เพราะเขามีครอบครัว เจ็บสุดๆในชีวิตรัก คุณปูบอกว่า ยังมีอีกหลายราย แล้วก็มีวิญญาณผู้ชายตามฉันอยู่ เป็นคนที่ฉันเคยหักอกเขาเช่นกัน ชาติฉันจะไม่สมหวังในความรัก จะไม่มีคู่เป็นตัวตน

ฉันจึงเริ่มอธิษฐานจิตใหม่ ว่าถ้าเจ้ากรรมรายใดต้องการมาทวง ก็มาให้หมดชาตินี้เลย ฉันตั้งสัจจะที่จะไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับคนมีครอบครัวแล้ว หรือคนที่มีแฟนแล้ว และพยายามจะถือศีลข้อ 3 ให้เข้มข้น เพื่อเป็นการขออโหสิกรรมกับทุกชีวิตที่ฉันเคยทำร้ายจิตใจเขามา
หวังว่า สิ่งนี้จะเป็นธรรมทานให้กับคนเจ้าชู้ทั้งหลาย ที่นิยมมีกิ๊ก นอกใจภรรยา เป็นชู้ทางใจ หรืออะไรก็ตามที่ทำให้ครอบครัวแตกแยก ทำร้ายจิตใจคนรักของเรา แม้ไม่ทำทางกาย ทำร้ายใจ มันก็เจ็บไม่แพ้กันเลยค่ะ

 

คุณปู
ช่วยทีครับ

ตอนนี้ มาอยู่ กทม กับลูกสาว
อยากหางานทำครับ
จะได้ไหม
ให้เพื่อน น้อง ช่วยดูอยู่
ขอบคุณครับ