เรื่องเด่น พุทธทำนาย ยุคกึ่งพุทธกาล จะเกิดภัยพิบัติและสงครามใหญ่ (ปีพ.ศ. 2560 เป็นต้นไป)

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย WebSnow, 25 สิงหาคม 2016.

  1. Lord deva

    Lord deva สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2022
    โพสต์:
    386
    ค่าพลัง:
    +30
    เรื่องเล่า! นิมิตฝัน ยามดึก ห้วงพรรษาปี 54 เหตุก่อน อัญเชิญพระสัทธรรม
    C1C40268-135C-4754-AB94-50766C310E6B.jpeg

    เด็กหญิงใส่กระโปรงชุดแดงอายุไม่เกิน4-5 ขวบ
    น่าตาน่ารัก น่าเอ็นดู
    เดินเข้ามาหาที่กุฏี

    กุมารี:พ่อจ๋าหนูขอมาอยู่ด้วยนะ!

    พระภูริปัญโญ: อาตมาเป็นพระภิกษุ ข้อนี้มีพระวินัยบังคับอยู่ อาตมาไม่สามารถทำอย่างนั้นได้

    กุมารี: ..

    พอถึงรุ่งเช้าวันต่อมา เวลาล่วงเลยถึงตอนบ่าย ปรากฎมี หญิงสองชายหนึ่ง ขับรถมอเตอร์ไซด์มากัน 2คัน จอดรถแล้วเดินตรงดิ่งมาที่กุฏี ไม่เคยรู้จักพบเจอกัน แต่แปลกที่เข้าวัดแล้วตรงมาที่เราเพียงรูปเดียว! ซึ่งตอนนั้นอยู่คนเดียว รูปอื่นไม่อยู่ อย่าลืมว่า 70กว่ารูป แต่หายหมด! เป็นจังหวะไปอยู่อีกฝั่งของวัดทั้งหมด /ส่วนเราเฝ้ากุฏี

    ชายหนุ่ม: ถือกล่องไม้4เหลี่ยมขนาดไม่เกินศอก! เดินดิ่งมาหา กล่าวพระอาจารย์ครับ ช่วยทำพิธีให้ลูกผมด้วย!!!

    พระภูริปัญโญ: ขณะที่ชายหนุ่มพูดยังไม่จบประโยคถึงเรื่องทำพิธีให้อะไร?อย่างไร? แค่เดินถือกล่องไม้มา ก็รู้จึงกล่าวสวนออกไปว่า: เด็กผู้หญิงใช่ไหม?

    ทันใดชายหนุ่มและสตรี ต่างนั่งก้มลงประนมมือกราบ อ้อนวอน!จากการสอบถามทราบว่าเป็นทหารค่ายเทพสตรี (ถ้าเรื่องราวนี้ถึงเจ้าตัวทั้ง3ได้อ่าน! มาแสดงตัวด้วยล่ะ!)


    หลังจากพิจารณาแล้ว จึงรับกล่องไม้นั้นมา! กล่าวแก่บุคคลทั้ง3ว่า รอสักครู่ อาตมาจะรับเป็นธุระจัดการให้ ครั้นนั้นจึงเดินขึ้นกุฏี เปิดกล่อง! จึงนำทองคำเปลวที่มี บดให้เป็นเศษละเอียดโปรยทองและน้ำอบแก่ร่างน้อยนั้น! ภาวนา เสร็จแล้วปิดฝากล่องไม้ นำผ้าบังสุกุล (ผ้าอาบน้ำของใหม่) พันปิดผนึกรอบกล่อง!
    จึงพิจารณา มาติกาสูตร และแผ่เมตตาจิตอุทิศกุศลให้
    หลังจากนั้นจึงเดินลงมาจากกุฏี

    พระภูริปัญโญ: อาตมาได้อุทิศบุญให้แล้ว !

    ชายหนุ่ม:กระผมสามารถฝังลูกที่วัดนี้ได้ไหม?

    พระภูริปัญโญ:ข้อนี้ไม่ได้ อาตมาเป็นเพียงพระนวกะบวชใหม่ ในธรณีสงฆ์แห่งนี้! มีแต่เพียงท่านเจ้าอาวาสที่สามารถชี้ชักจัดแจงได้

    พระภูริปัญโญ:โยมจงนำไปฝังเถิด! ที่แห่งใดก็แล้วแต่โยมปรารถนา ตามสะดวก อาตมาอุทิศให้แล้ว ขอให้สบายใจ

    บุคคลทั้ง 3 กราบลา!

    เข้าใจว่า! เป็นเรื่องเป็นราว ที่ไม่อยากแพร่งพรายให้ใครรู้!

    ถ้าอวดอุตริมนุสธรรมถือเก็บไว้เพื่อทำเรื่องไสยศาสตร์คงไม่เหมาะ คือไม่เอาดีด้านนั้น! ไม่ต้องหาลาภ

    #ต้องเป็นระดับ ที่สามารถพูดคุยโต้ตอบ อย่างมีสติปัญญา จึงจะรับไว้ แบบมโนเอาเป็นเรื่องเป็นราวเอง อย่างนี้ไม่สมควร จึงดี

    ครั้งแรกปี47 นี่ใส่กับเจ้าที่ในค่าย! ชนิดไลฟ์สดกันแบบตาเห็น รบกัน ต่างฝ่ายต่างเหนื่อยล้า! เรื่องราวก็มีอยู่ว่า ในขณะเข้าเวรป้อมซอย 6 ตลอดคืน เพื่อนมันไปเมามาแล้วทำตัวโหวกเหวกโวยวาย ทันใดนั้น ก็เกิดเหตุพิศดารเกิดขึ้น เต้นท์ที่พักขนาดใหญ่ ทก.พัน ถูกกำลังของบางสิ่งบางอย่าง กระแทกลงตรงกลาง พังพินาศลงกับพื้น เราไม่พอใจที่เกิดเหตุแปลกประหลาดเช่นนี้ จึง ด่าว่า “ ผีห่าซาตานตนใด จึงมาทำแบบนี้! ฯลฯ ด่าพอใจจนเสร็จแล้วจึงมานั่งลงในเปลเพื่อที่จะผ่อนคลายรอเวลา! ทันใดนั้น!

    เจ้าค่าย: มึงจะเอากับกูหรือ? ใช้พลังกดตัวล้มลงบนเปล! เรามองไปที่เพื่อน สรุปว่าไม่ได้ยินเหมือนเรา สรุปโดนคนเดียว

    เรา: ทันใดก็เกิดพายุหมุนขึ้นที่บริเวณสะดือ!หน้าท้องเป็นพายุเมฆทมิฬสีดำหมุนอย่างแรง พยายามดูดเจ้าค่ายนั้นเข้ามาหาตัว

    เจ้าค่าย:แสดงอาการกระเสือกกระสน พยายามดิ้นรนเพื่อให้หลุดออก!

    เลยกลายเป็นการเล่นกีฬาชักกะเย่อ! จนเราต้องบอกพอแล้วๆเพราะต่างฝ่ายก็ต่างรู้สึกเหนื่อย! จนเป็นมิตรกัน นำคนทั้งหลายมาแสดง!ราวๆ30-50 ยุคญี่ปุ่นบุก!อ่าวมะนาว! ฯลฯ/ผลึกสีเขียว 3 ก้อนก็ได้ในเวลาเดียวกัน มีผู้นำมามอบให้ ศาสนาอิสลาม!
    (ไม่ใช่ฝัน สดๆ) ครั้งหลังที่วัดหลัก ๕ ยะลา ในกลางดึก โดนดูดเข้าไปนับร้อย! เหมือนตนเองเป็นประตูสู่ที่ใดที่หนึ่ง!

    #เรื่องสาติภิกษุนี่ควรพิจารณา!ให้มากๆ โอปาติกะผู้แสวงหาแดนเกิดแปลงตนมา นี่พอคิดได้! แต่ตายแล้ว วิญญาณล่องลอยไปลอยมารับทุกข์รับสุขได้นี่! มันขัดกันมาก ด้วยเหตุนี้จึงต้องอาศัย ป่าช้าสาธารณะในอนาคตเป็นพื้นที่สัปปายะ

    ปี 54 เจ้าที่ ปู่ย่านุ่งขาวห่มขาวถือไม้เท้ามาลองดี! เหตุคาบเกี่ยวกับเหล็กไหลจักรพรรดิ ช่วงที่พิจารณา มหาปณิธาน พระกษิติครรภ์

    ยาย:ยืนกุมเชิง แบบให้กำลังใจ อายุอ่อนกว่า ผมดำ!

    ตาเฒ่า:ชูไม้เท้าขึ้นชี้ใส่เรา

    เรา:อย่าเลย อย่างทำอย่างนั้น เตือนแล้วนะ

    ชั่วพริบตา! ตาเฒ่าล้มลงนอนหงายท้องทันที ยายวิ่งเข้ามาประคอง

    เราจึงเข้าไปกล่าวว่า: ก็เตือนแล้วไงว่าอย่าคิดไม่ดีกับเรา!

    หลังจากนั้น ก็หายไป(เหตุพื้นที่ หมู่บ้านวังพะเนียด สตูล รอยต่อช่วง เหล็กไหลจักรพรรดิตามมา วิ่งเข้าที่ตัว บริเวณสะดือ แล้ว เจ้าเขาก็ตามมา พาไปอยู่ในที่มืดมิด ตนจึงออกอุบายว่า จะบวชอุทิศให้ /ทั้งๆที่ก็ไม่ได้คิดจะบวช แค่พยายามเอาตัวรอด เฉยๆ แต่ครั้นหลังจากนั้นก็ได้บวชอุทิศให้จนได้ จากลาดตระเวนหลักชายแดนเขตที่5 ไทยมาเลเซีย



    ปี61 พื้นที่ป่าเขาเขตลาดตระเวน ผดุงมาตร จะแนะ โจรเข้ามาซุ่มโจมตี มีวิญญาณเด็กผู้หญิงระซิบตอนตี2 ขณะนอนบนต้นทุเรียนบ้านขนาดใหญ่

    เสียงเด็กหญิง :มีคนกำลังเข้ามา! และสั่นต้นไม้โยนกิ่งไม้ใส่จนโจรตกใจแตกหนีไป

    จึงแจ้งลูกน้องติดเกราะ! เตรียมปะทะ!


    และเรื่องอดีตดูไพ่ยิปซี ล่าสุด! การฝึกทหารทรหดชุดที่1 ไปดูให้ 3 คนสุดท้าย นั่งร้องไห้ทุกคน ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้ ถ้าอยากรอดต้องปฎิบัติธรรม สุดท้ายตายเรียบ!

    คนที่ไม่เชื่อในตอนนั้น ยังต้องก้มกราบขอขมา เพราะโดนไฟเผาร่างไป30%

    และอีกฯลฯ

    B54DFEDC-1C45-4895-87FA-D8FB370ED899.jpeg ขอโทษ! ที่พ่อไม่ได้รับหนูไว้เป็นลูก(รับร่างนั้นไว้) เพราะพ่อมั่นคงในพระวินัยมาก ในพรรษาปี54! ถ้าตอนนี้หนูยังอยู่ ยังไม่ไปเกิดใหม่ มาหาพ่อนะลูก พ่อจะดูแลหนูเอง! ถ้าใครมีวาสนาก็ มาทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองกัน โจรอยู่ไหน? อาวุธฝังที่ไหน? โจรจะลงมือทำอะไร? ที่ไหน? จะได้จัดการ! ตอนนี้ มีแค่ เรดาร์ตรวจจับ! ทิศทาง รังสีอำมหิต แค่นั้น!(นารีขี่ม้าขาวสายปราบโจรตัวน้อยไปเลย!)

    4719D5B9-54CC-4BFA-AEA3-79F97CD738D9.jpeg



    ยังต้องพยายามและทำให้แจ้งอีกเยอะ!

    ในอนาคตก็จึงต้องยึดถือเอาตามที่ทรงบำเพ็ญ ในป่าช้าป่าชัฎ จนสามารถเข้าถึงล่วงรู้ สิ่งหนึ่งสิ่งใดตามกาล

    จะพบโอปาติกะ ก็ต้องเลือกหาเลือกเฟ้นหน่อย! เอาแบบพูดคุย โต้ตอบกันได้! แต่ถ้าไม่มีบุญสัมพันธ์กัน ก็ไม่ได้เจอ!

    ยักษ์ตัวนั้น! ก็คือเราในร่างยักษ์ร่างมาร! แนะนำมาในทางที่ชั่ว! แต่สุดท้ายจึงเกิดกระทู้ธรรมขึ้น! เวลาไม่ได้เสียเปล่าไปเลย!

    สรุปปัจจุบัน ได้น้อนกุมารหมามาแทน! ท่าสวัสดี! ท่าเคารพ!
    B96A31CA-900B-4041-B2DA-6E0AFEBCD13E.jpeg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มกราคม 2023
  2. Lord deva

    Lord deva สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2022
    โพสต์:
    386
    ค่าพลัง:
    +30
    ปฎิปทาดี นี่ก็คือเหตุผลหนึ่ง!

    ยังไม่บรรลุสมาธิแน่วแน่ ไม่รับศีลเป็นภิกษุ
    CE78B113-2F47-4552-9A3F-733158015937.jpeg
    พระเถระกว่างชิน (廣欽老和尚) เป็นภิกษุผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบชาวจีน-ไต้หวัน (เกิด 14 ธันวาคม พ.ศ. 2435 – มรณภาพ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2529) ได้รับการเคารพนับถืออย่างยิ่งจากพุทธศาสนิกชนไต้หวันแม้แต่อดีตประธานาธิบดี เจี่ยงจิงกั๋ว (บุตรชายของเจียงไคเช็ก) ก็ยังเคารพท่านอย่างมาก ว่ากันว่าเขากลายเป็นพุทธมามกะก็เพราะศรัทธาในตัวท่าน และน้อมรับพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งจากท่าน (แม้ว่าเจียงไคเช็กจะเป็นคริสเตียนก็ตาม)

    พระเถระกว่างชินเป็นผู้ปฏิบัติธรรมที่เคร่งครัดมาก เมื่อยังแข็งแรงท่านเคยปฏิบัติธรรมในป่าเพียงลำพัง มีบารมีธรรมสูงส่งจนแม้แต่เสือในป่ายังเชื่องไม่ยอมทำร้ายแล้วยังมาอยู่ใกล้ๆ ท่าน

    ท่านจะเน้นการภาวนาพุทธานุสสติระลึกพระอมิตาภพุทธเจ้าด้วยการภาวนาว่า "อมิตาภพุทธ" หรือ "นะโม อมิตาภพุทธ" ภาวนาแบบนี้จนกระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิต เมื่อท่านละสังขารไปแล้ว มีผู้ถ่ายภาพโกศของท่านมีแสงสีทองเจิดจ้าส่องลงมาที่โกศ และเมื่อเผาร่างท่านแล้วพบพระธาตุ

    แม้ว่าท่านจะบวชมานาน แต่แม้วัยจะล่วงเลยมาแล้วถึง 42 ปี ท่านก็ยังเป็นสามเณรอยู่ ยังไม่ยอมรับศีลวินัยของพระภิกษุ สาเหตุที่ท่านไม่ยอมอุปสมบทเป็นภิกษุ ก็เพราะท่านเห็นว่าคุณสมบัติของท่านยังไม่ไม่ถึง ยังเป็นคนดิบๆ อยู่

    นี่เป็นการถ่อมตนของท่านโดยแท้ เพราะเวลานั้นท่านภาวนาได้ภูมิธรรมสูงแล้ว แต่เพราะท่านเคารพพระวินัยอย่างยิ่ง เกรงว่าหากยังสติไม่ตั้งมั่นถึงขนาดที่ท่านมั่นใจในกริยาของตัวเอง จะเป็นการละเมิดพระวินัยให้มัวหมอง

    จนกระทั่งวันที่ท่านบรรลุสมาธิอันแน่วแน่จากการภาวนาพระนามพระอมิตาภพุทธเจ้า ซึ่งเกิดขึ้นในระหว่างที่ท่านร่วมพิธีภาวนาพุทธานุสสติถึงพระอมิตาภพุทธเจ้าเป็นเวลา 7 วัน หรือพิธี "เจ็ดพุทธะ" (佛七) นั่นเองท่านถึงได้ยอมรับศีลวินัยของภิกษุ ยอมอุปสมบทในที่สุด

    ท่านเล่าเรื่องนี้ให้ผู้มาเยือนจากต่างแดนได้ฟังว่า

    "ครั้งหนึ่ง อาตมากำลังเดินถือธูปไหว้พระอยู่ในศาลาท่ามกลางผู้คนมากมาย ทุกคนสวด นะโม อมิตาภพุทธ และ นะโม อมิตาภพุทธ พร้อมกับเสียงเคาะปลาไม้ (บักฮื้อ) อาตมาประสานมือทำท่ามุทรา พร้อมกับเดินภาวนาไป

    ทันใดนั้น พระนามของ นโม อมิตาภพุทธ ก็ดังเวียนวนอยู่บนพื้นวิหารใหญ่ แล้วค่อยๆ หมุนวนขึ้น

    เวลานั้นอาตมาไม่รู้สึกถึงการมีอยู่ของอาคาร วัด ผู้คน สิ่งของใดๆ มีเพียงเสียงภาวนาถึงพระพุทธเจ้าที่ดังต่อเนื่องจากบนลงล่าง จากความว่างเปล่าอันยิ่งใหญ่จวบถึงจักรวาลอันไพศาล มีแต่พระนามศักดิ์สิทธิ์ของพระอมิตาภพุทธ

    ขณะนั้น อาตมาไม่รู้ว่ากำลังถือธูปบูชาอยู่หรือไม่ และไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน มีแต่พระอมิตาภพุทธเจ้าเท่านั้น

    ในท้ายที่สุดเมื่อเสียงอิมเข่ง (ระฆังน้อย) ของผู้นำการประกอบพิธีบอกเวลาการภาวนาสิ้นสุดลง และทุกคนกลับไปที่ห้องพัก และอาตมายังคงภาวนาพระอมิตาภพุทธต่อไป

    ไม่ว่าจะเดิน ยืน นั่ง นอน ไปวิหาร ผ่านวิหาร ล้วนเป็นหนึ่งเดียวอยู่ในเสียงของ นะโม อมิตาภพุทธ เสียงนกร้องและกลิ่นหอมของดอกไม้ เสียงหญ้าและเสียงลม ล้วนเป็นเสียงสวดภาวนาถึงพระพุทธเจ้า เป็นเวลา 3 เดือน

    นี่คือ "เซน" แห่งการภาวนา "นะโม อมิตาภพุทธ" ของพระเถระกว่างชิน

    เมื่อภาวนาพุทธานุสสติเป็นกรรมฐาน (念佛) ก็บรรลุเซน (禅) คือสมาธิ (三昧) แล้วท่านจึงมั่นใจว่าความเคลื่อนไหวทั้งมวลเป็นหนึ่งเดียวกับพุทธะ เป็นหนึ่งเดียวกับพระวินัย (戒律) นั่นเองที่ท่านยอมรับศีลเป็นภิกษุ

    แต่การที่ท่านบรรลุหนึ่งเดียวกับพุทธะ จะเป็นไปไม่ได้ถ้าท่านไม่มีศีลที่มั่นคงแล้ว แต่เพราะท่านถ่อมตัวต่างหากว่าตนยังมีคุณสมบัติไม่ถึงความเป็นพระ

    จะเห็นว่าการภาวนาทั้งปวงในพุทธศาสนาไม่ว่าจะแขนงไหน แนวทางไหนล้วนต้องขึ้นอยู่กับ ศีล สมาธิ ปัญญา ทั้งสิ้น

    อนึ่ง
    จะขอเล่าเรื่องของอดีตประธานาธิบดี เจี่ยงจิงกั๋ว กับพระเถระกว่างชินอีกสักเล็กน้อย

    ไต้หวันนั้นเคยผ่านวิกฤตมาครั้งหนึ่งตอนที่สหรัฐหันไปคบกับจีนแผ่นดินใหญ่ รับรองแค่จีนเดียว และละทิ้งไต้หวันให้พ้นจากการเป็นสมาชิกสหประชาชาชาติ

    ในเวลานั้นประชาชนก็หวาดกลัวว่าประเทศคงจะมาถึงจุดจบ

    มีศิษย์ไปถามเรื่องนี้กับพระเถระ ท่านตอบว่า "ไม่เป็นไร ไต้หวันจะดีขึ้นเรื่อย ๆ" ศิษย์ผู้นี้ส่งต่อคำพูดเหล่านี้ให้กับเจี่ยงจิงกั๋ว ทำให้เขามีความสุขมากที่ได้ยินเช่นนั้น

    เรื่องเหล่านี้บันทึกไว้ใน
    • 廣欽老和尚的故事 51:蔣經國先生和廣欽老和尚
    • 廣欽老和尚的故事 06:親證念佛三昧
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 พฤศจิกายน 2023
  3. Lord deva

    Lord deva สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2022
    โพสต์:
    386
    ค่าพลัง:
    +30
    5E38B795-8738-4836-AB98-A7A2411130E9.jpeg

    มาวันนี้ไปกัน ^_^ เอาอะไรไปฝากตาลุงนี่ดี!

    ลองผลักหิน นั่งภาวนาอุทิศบุญให้ผู้แสวงหาแดนเกิดแถวนั้นสักครู่! ค่อยบันทึกภาพมาให้ดูเล่น!

    90A88F30-6076-48EA-B457-A9965EE2FEE8.jpeg F8392DE5-9949-4DD3-B004-787C6EB29F3D.jpeg 897600D6-F2A6-41F1-A465-3F418BEFDB3A.jpeg CEBDCA9D-BA36-4E3B-A962-175E76DDB6B6.jpeg

    ผลักไปเถอะ! ^_^ อธิษฐาน

    เกิดภพหน้าฉันใด ทำความฝันให้เป็นจริงล่ะกันนะ ! สู้ๆ

    #อุ่นๆติดตัวมา ลมทะเลแดดกระมัง

    (นาคเผือก หลานสาวตัวน้อย)

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 มีนาคม 2023
  4. Lord deva

    Lord deva สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2022
    โพสต์:
    386
    ค่าพลัง:
    +30


    จะดีต่อใจไหมนะ ถ้าโปรเจคโปรดเวไนยสัตว์ปีนี้ วันพระใหญ่ 1 วัน 1 คืน พร้อมนำเชือกอย่างดีเหนียวแน่น 4-5 เมตร ติดตัวไปด้วย!!(จะได้ง่ายแก่การเอาชีวิตเรา)


    ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็เพื่อปฎิบัติเป็นพยานในพระธรรม จะไปตอนเป็นพระดาบสหรือพระภิกษุย่อมไม่เหมาะสม จะไปตอนนี้ก็ต้องเคร่งครัดในศีลธรรมจรรยา จุดประสงค์ เพื่ออุทิศบุญกุศลปลดปล่อย ชำระล้าง ชี้ทางสว่าง เปิดทางสู่ปรภพ เวียนว่ายตายเกิดใหม่! ให้คลายความยึดติดจากสถานที่นั้นๆ

    8B8E821C-20C2-465D-9C18-970009D672BE.jpeg

    และสถานที่อื่นๆ ที่ต้องเฮี้ยนชนิด โหดร้าย ! ก่อกรรมทำเข็ญ ชนิด น่าหวาดกลัว หวาดเสียว ขึ้นชื่อลือชาจริงๆ



    ไม่ใช่หมอผี หมอทำลาย พวกลองของ ขายคลิป อยากดัง หารายได้ ดึงยอดไลฟ์ ขายของ โปรโมทเว็บพนัน


    พวกนั้น ยังไม่เคยเจอของจริง! ของจริงในที่นี้ก็เป็นระดับถึงแก่ชีวิต

    อันที่จริงในสายตามุมมองของผู้แสวงหาแดนเกิดเหล่านั้น มองแค่เป็น มดปลวกหรือแมลงที่เข้าไปในอาณาเขตของเขาเท่านั้นแหละ! หมูเปื้อนคูถ ไปท้าทาย ราชสีห์

    B0D67893-6587-4F58-A9C0-8C866FBC2D5A.jpeg

    “วิถีแห่งดวงดาว”

    แม้ในสัตว์โลกมนุษย์ อมนุษย์ เทพ มาร พรหม ก็เห็นแสงนี้ปรากฎ ดึงดูดให้เข้าหา แม้ไม่เห็นตัวตน ก็มีหนทางไปถึง เพื่อที่จะให้ไปถึง เหมือนเส้นด้ายสายใยที่ถักทอดีแล้ว

    เหมือนในวิถีสงคราม! ตามตัวบุคคล แยกมิตรสัมพันธ์ ศัตรูหรือข้าศึก


    ความสว่างไสว ย่อมมีการล่อลวง และ ชี้นำทางสว่าง

    ว่ากันตามเนื้อผ้า หากมีผู้ติดตาม ผู้แสวงหาแดนเกิดระดับใฝ่ธรรม ก็น่าจะละกามคุณ ๕ ได้แล้ว(เพราะละอายใจ)


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 มกราคม 2023
  5. Lord deva

    Lord deva สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2022
    โพสต์:
    386
    ค่าพลัง:
    +30
    93131797-47CC-4362-A930-D974AEA46EF3.jpeg

    มี 3 ศาสนาที่เด่นในแถว มีราวๆ20-30 เป็นตัวแทนศาสนาและลัทธิ มีแต่เรา(พุทธ)ก็ยังทรุดเข่าเสียใจลงตรงนั้น! เพียงผู้เดียว เวลาที่เกราะแก้วแตก


    มันคือสิ่งใด? ดูจะหนักหนาสาหัสกว่า ดาวตกก่อนโควิด

    ยามสาง!

    (เข้าใจว่าอย่างนี้ เรื่องความพร้อมในการขอปลงสังขาร ตนเอง นับแต่เวลานี้ไป เมื่อหมดวาระ เริ่ม 28/1/2566 )
    (ตั้งใจว่าอย่างนี้
    28/29/-1-2566

    อธิษฐานปลงสังขาร

    ขอให้ชีวิตของข้าพเจ้ามีความพร้อมที่จะดับสิ้นไปในชาติภพนี้ นับตั้งแต่เวลานี้ไป ข้าพเจ้าจะอยู่กับมรณานุสติเสมอๆจนกว่าจะดับสิ้นลมหายใจ)

    ถ้าเราอยู่ไปอย่างไร้ประโยชน์ต่อโลก ต้องอยู่อย่างคนพาล ก็จักตายไวๆไปซะ!

    บีบคั้นตนเองที่สุดทั้ง 2 ฝั่ง ไปในทางหมกมุ่นก็ไปแล้ว พอใจแล้ว เบื่อหน่ายแล้ว เห็นโทษแล้ว

    ส่วนฝั่งทุกข์ยากลำบากกายนี้! กำลังดำเนินไป เริ่มจากการกินให้น้อย! กินแต่น้ำและอื่นๆๆแบบจงใจและไม่กินแบบไม่ไหวก็ตายไปซะ! ตายอย่างเร็ว 7วัน อย่างช้า 3 เดือน

    ท่านยสะอดอาหารเพื่อตนจักได้บวช เราอดอาหารเพื่อมารดาจักเล่าเรียนศึกษาปฎิบัติธรรม (เคสกรรม#มารดาพระสารีบุตรภาค2)

    #ใจเสียสละ ย่อมไม่ลำบาก! ย่อมไม่ทุกข์! ย่อมไม่เสียดายชีวิต!

    ช่วงปรับสภาพ! ถวิลหาความตายโดยอาศัยขันธ์ ๕ แสวงหาปัญญาฯ

    E5E4415C-8DD0-46BA-BFB8-04A034BDDD78.jpeg

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 พฤศจิกายน 2023
  6. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +3,207
    สวัสดีค่ะ ท่านสบายดีนะคะ

    ก็คิดอยู่เหมือนกันค่ะว่าจะเขียนดีไหม บารมีท่านสูงส่งกว่าเยอะน่าจะรู้ดีกว่า แต่ด้วยสิ่งที่เข้ามา
    กระทบเวลาจิตว่าง มันมีคำตอบออกมา เพื่อให้ท่านพิจารณา และคำว่า กัลยาณมิตร มันไม่ได้หายไปตามกาลเวลา และสิ่งที่สำคัญยังมีคำเชื่อมโยงกับกระทู้นี้ด้วย จึงตัดสินใจเขียนเพื่อให้พิจารณาค่ะ เห็นสมควรหรือไม่แล้วแต่จะโปรดพิจารณา...เพื่อเป็นข้อมูล

    นิมิต "เกราะแก้วแตก" หมายถึงสิ่งใด มี 2 นัยยะ ซึ่งนัยยะแรก เกิดจากตอนที่จิตว่าง ๆ.อยู่ดี ๆ ความคิดก็ผุดขึ้นมาเอง ส่วนนัยนะที่ 2 เกิดจากข้อความของท่านในโพสต์

    เมื่อคืนแม่ไม่สบาย พาไป รพ. กลับบ้าน 4 ทุ่มครึ่ง อาบน้ำอีกรอบ 5 ทุ่มกว่า ซึ่ง ณ เวลาขณะนี้น่าจะต้องนอนแล้ว แต่อยู่ ดี ๆ อยากเข้าเว็บพลังจิต ซึ่งช่วงหลังจะไปทำอย่างอื่น และห่างหายไปนาน มีงานอื่นมาก จะเว้นช่วงยาว เพราะอาจคิดว่าหมดหน้าที่แล้ว

    เมื่ออยู่ดี ๆ อยากเข้าเว็บ จึงตรงมาที่ห้องภัยพิบัติ และเข้าไปกระทู้ของท่าน หนุมาน นำสารก่อน ไปเจอกับโพสต์ ที่ว่า....

    ........

    ก็ไม่ได้คิดอะไร และก็เข้ามากระทู้นี้ มาอ่านแบบคร่าว ๆ เพราะดึกแล้ว ก็คิดเหมือนกันว่าหมายถึงอะไร ก็ไม่่มีคำตอบ

    ตื่นขึ้นมา ล้างหน้าแปรงฟัน และก็มาสะดุดคำว่า "เกราะแก้วแตก"

    "เกราะ" หมายถึง สิ่งที่ป้องกัน คุ้มภัยอันตราย เหมือนเสื้อเกราะ

    "แก้ว" หมายถึง .รัตนะ 3 คือ แก้วสามประการ คุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์

    "แตก" ไม่สามารถปกป้องได้

    ก็ทำให้นึกถึงหน้าที่การงานของท่านค่ะ

    และไปนึกโพสต์ของท่าน หนุมาน นำสาร ไม่รู้หมายถึงนัยนะใด ตอนนั้นอ่านก็ไม่เข้าใจความหมาย แต่รู้ว่าบารมีท่านสูงมาก จะเชื่อมโยงกับสิ่งที่ได้คำตอบผุดขึ้นมาหรือไม่ ..ก็ไม่แน่ใจค่ะ..

    ส่วนนัยยะที่ 2

    เป็นลังเลว่าจะเขียนดีหรือ อาจเป็นอุปาทาน ไม่เป็นไร ก็พิจารณาเพื่อระวังป้องกันภัย ไม่เสียหาย

    และได้มาพิจารณาอีกที นิมิตรที่ท่านต้องการสื่อ หมายถึงสิ่งใด

    มีคำตรัสของพระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า เมื่อพระพุทธองค์ปรินิพพานแล้ว ใครจะเป็นรักษาพระศาสนา พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า พระธรรมคำสั่งสอนเป็นตัวแทนของพระตถาคต

    ก็อ่านนิมิตของท่านหลายครั้ง ก็พิจารณาสิ่งที่ท่านกล่าว ดูเหมือนนัยยะของท่านว่า จะเกี่ยวกับหายนะ ภัยของโลก IMG_20230128_120551.jpg

    ถ้าตามนิมิต จิตยิ้มไม่ได้เห็นรูป ตีความตามตัวอักษร

    ดาวเคราะห์ เสมือนดวงอาทิตย์ขนาดดวงจันทร์ พุ่งชนโลก เกราะแก้วแตก

    ถ้าหมายถึง ดาวเคราะห์พุ่งชนโลก เป็นไปได้น้อยมาก

    ถ้าหมายถึง พลังของดวงอาทิตย์ ที่เป็นพลังงานยิ่งใหญ่ คอยช่วยเหลือโลก เพราะดวงจันทร์เป็นดาวเพื่อนของโลกที่คอยช่วยเหลือโลก คือ แรงดึงดูดหรือแรงค้ำจุนช่วยโลกเสมอมาตลอด เกราะแก้วแตก คือ คนที่ไม่มีสรณะเป็นที่พึ่งย่อมตกอยู่ในภัยอันตราย

    ก่อนหน้าที่คลื่นอากาศเย็นจะปกคลุมโลก จนทำให้คลื่นอากาศเย็นจากไซบีเรีย ถล่มรัสเซีย อเมริกา เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และอัฟกานิสถานหนาวเย็นตายนับร้อย จะเกิดคลื่ความถี่แม่เหล็กสูงมีมวลพลังงานมากในอากาศ โลกแกว่ง และอากาศมีคลื่นลมแรง เนื่องมากมวลปะทะของพลังงานคลื่นแม่เหล็กในอากาศ หรือโลกแกว่งทำให้เิกอดอากาศวิปริตแปรปรวนในโลก ที่เกิดจากยุคทมิฬของมนุษย์ และยุคที่มนุษย์เต็มไปด้วยความหลงห่างไกลจากสัจจะธรรม

    คนที่เดือดร้อน คือ คนที่เกราะแก้วแตก นะคะ คิดว่าอย่างนั้น

    ส่วนนิมิตของท่าน ท่านก็เชื่อว่า ทำความดี ย่อมคุ้มครอง กำจัดคนพาล อภิบาลคนดี ตามหน้าที่ จิตยิ้มก็เชื่ออย่างนั้น ตัวเป็นหญิง พร้อมต่อกรต่อสิ่งที่ไม่ถูกต้อง พร้อมลุยอย่างไม่เกรงกลัวภัยใด ๆ เพราะคิดว่าตนทำด้วยความบริสุทธิ์ ย่อมพ้นภัย แต่มาได้คำตอบให้กับตนเองว่า

    สิ่งที่เป็นเกราะคุ้มภัยที่ดีที่สุด คือ นิสัยของความเป็นแก่นแท้ของจิตวิญญาณ เมตตา อดทน อ่อนโยน อุเบกขา นั้นคือเกราะที่แท้จริง การกระทำที่ตรงกันข้าม ถึงแม้จะเป็นหน้าที่การงาน แต่ไม่ใช่พลังอำนาจของจิตวิญญาณอย่างแท้จริง จึงเป็นสิ่งไม่เที่ยง

    ทำไมถึงอยากเขียน เพราะเมื่อเราคิดช่วยเหลือ คนอื่นไว้มาก ยามตกยากมักมีมือที่มองไม่เห็นยื่นเข้ามาช่วยเหลือ

    สร้างนิสัยสัตตบุรุษ .ย่อมดึงดูดให้พบสัตบุรุษ คบบัณฑิต กาลข้างหน้าได้พึ่งพาอาศัยปราชญ์บัณฑิต

    ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ค่ะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 มกราคม 2023
  7. Lord deva

    Lord deva สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2022
    โพสต์:
    386
    ค่าพลัง:
    +30
    29/1/2566

    อดอาหารวันแรก ทำงานตามปกติ

    #ภาวนาตลอดคืน ว่า” พระรัตนตรัยจงมานำพาชีวิตและลมหายใจของเราไปเถิด เทพมารพรหมทั้งหลายฯ ผู้แสวงหาแดนเกิดจงมานำพาชีวิตของเราไปเถิด

    นิมิตคืนแรก!

    มีสตรีนำถาดอาหารมาคะยั้นคะยอให้กินผลไม้ในถาดนั้น!(แต่ปฎิเสธ ไปด้วยเหตุผลเดิมในโลกจริง)

    มีตาแก่บางคนมาส่องดูที่เปลนอน!

    อยู่ๆก็ได้เข้าไปในองค์กรลับ! มีคนหลายเชื้อชาติที่มีระยะทางไม่ห่างจากเนปาล จากสถานที่นั้น เนปาล อยู่ทิศทางด้านซ้าย ไม่กี่ร้อยกิโลเมตร ถูกฝึก ถูกอบรม บุคคลนับพัน จนถูกแต่งตั้ง ไต่เต้าเป็นไปตามลำดับ !

    จึงบอกแก่ผู้นำในสถานที่นั้นๆว่า เรามีจุดประสงค์เดียวที่มาที่นี่คือ การเดินทางไปสักการะ สังเวชนียสถาน

    โหดกับผู้อื่นไม่เท่าไหร่ แต่โหดเหี้ยมกับตนเอง นั้นมากมายนัก!

    เราเป็นผู้มีอาหาร เป็นผู้มีที่พักอาศัย ที่อยู่อันสุขสบาย มีผู้ถวายอาหารจนจรดริมฝีปาก แม้มารดาก็ดี แม้ในนิมิตก็ดี

    แต่ไม่ประสงค์กินอาหารนั้น!

    ตราบใดที่ยังไม่บรรลุวัตถุประสงค์ในธรรมอันสมควรแก่บุคคลอันเป็นที่รัก

    นัยยะอื่น! สละตนเองเพื่อทำการแลกเปลี่ยน!

    # ไม่เคยมีครั้งไหนในชีวิต ที่ไม่เคยรู้สึกว่า ไม่เกรงกลัวที่จะตาย เหมือนครั้งนี้!

    ความไม่กลัวตายที่บริสุทธิ์!
    4AFC4A7F-E8A8-4B99-BE38-EA6058E21314.jpeg
    DCC0F533-72B4-485C-9D35-11D6384CE566.jpeg

    ตายยากตายเย็นเหมือนกันนะ! นี่ 85 กิโล จะเหลือเท่าไหร่! ?

    สรุป 3 วันลง 4 กิโล แหม ว่าจะทำสถิติโลกใหม่เสียหน่อย!

    เมื่อยอมฟังธรรม ยอมพิจารณาธรรมตามแล้ว

    (ต้องเข้าใจว่าอายุท่าน 60+แล้วการเริ่มต้น คิดและทำและพิจารณาอะไรๆใหม่ๆ ความหลงลืมและสติจะให้ครบถ้วนสมบูรณ์แบบหนุ่มสาวหรือบุคคลที่มีสุขภาพดีนั้นเป็นเรื่องยาก)

    เงื่อนไข เคลียร์ที่ บุตรโทรหา ต้องฟัง 3 สุภาษิต โทรหาบุตร ก็ต้องฟัง 3 สุภาษิต จำได้ไม่ได้ไม่รู้ ต้องฟัง ผ่านหูก็ยังดี


    อิ่มแล้ว! อิ่มรสพระธรรม! ไม่หิวข้าว! จิตก็สงบขึ้น ! น่าจะเอาไปปฎิบัติในอนาคต (การรับอาหาร อาจจะไม่จำเป็นเลย ถ้ามีสภาวะธรรม หากพิจารณาจริงๆแล้ว ในข้อปฎิบัติและผลของสมาธิและฌาน ญานต่างๆ) ที่รับเพราะต้องการแผ่กุศลผลบุญฯให้ยังประโยชน์แก่ผู้อื่นเพียงเท่านั้น ยังมีอาหารทิพย์อีก ที่กินแล้วไม่ต้องขับถ่าย ! กินแค่น้ำฯลฯ สบายๆ
    (ตอนมารครอบงำ)ช่างเป็นประโยคที่น่าอัศจรรย์ ไม่เคยมีมาแล้ว! แบบสดๆ ฟังแล้วจะสะอื้น! ไม่น่าเชื่อ!

    #ว่าแต่ว่ามันรู้สึกดีมากๆ ถ้าอดแต่เอาอาหารบริจาคทาน และให้อาหารสัตว์แทนใน3วันที่ผ่านมา คิดถึงตอนบวชเป็นพระสมัยปี 54เลยฯ

    บอกตามตรงว่าไม่หิว! รู้สึกเสียดายเลย ถ้าจะกลับไปกินอาหารอีก! ถ้าเป็นไปตามนี้ อนาคตคงเป็นแบบพระดาบสที่ไม่กินอาหาร กินแต่น้ำก็สะดวกดี ! ง่าย!

    2/2/2566
    นิมิต

    ชาวต่างลัทธิศาสนา (ชาวเผ่าที่มีสตรีหน้าตาเหมือนหมด)
    ประกาศขอเข้าศาสนาพุทธ และมอบบุตรสาววัยสมควรมีสามีให้ 2คน คนหนึ่ง ชุดสีทอง และชุดสีเงิน

    #มีการปฎิวัติยึดอำนาจ(เรื่องในโลกนิมิต)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กุมภาพันธ์ 2023
  8. Lord deva

    Lord deva สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2022
    โพสต์:
    386
    ค่าพลัง:
    +30
    เมื่อใจยังไม่แกร่งพอ แม้ความตั้งใจดีก็อาจตกต่ำเพราะกิเลส

    "มหาปรัชญาปารมิตาศาสตร์" คัมภีร์สำคัญของฝ่ายมหายาน ซึ่งเป็นเสมือน "คู่มือ" ของผู้ปฏิบัติแนวทางพระโพธิสัตว์ ได้กล่าวว่า

    “ไม่ใช่เรื่องฉลาดเลยสำหรับมนุษย์ที่ยังคงถูกพันธนาการด้วยความทุกข์ระทมทุกประเภท แม้ว่าพวกเขาจะมีจิตใจกรุณาอันยิ่งใหญ่ก็ตาม ก็ยังแสวงหาการเกิดใหม่ก่อนเวลาอันควรในดินแดนอันชั่วร้ายนี้เพื่อช่วยเหลือสรรพสัตว์

    “ทำไมถึงเป็นเช่นนี้? เป็นเพราะในโลกที่ชั่วร้ายและแปดเปื้อนนี้
    ความทุกข์ระทมนั้นรุนแรงและเต็มไปหมดทุกหนแห่ง ผู้ที่ขาดพลังแห่งความทนทาน [ต่อการเวียนว่ายตายเกิด] จะต้องถูกครอบงำโดยสถานการณ์ภายนอก ตกเป็นทาสของรูป เสียง ชื่อเสียง ลาภยศ ผลก็คือเกิดความโลภ ความโกรธ และความหลง เมื่อสิ่งนี้เกิดขึ้น พวกเขาก็ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้แม้แต่น้อย อย่าว่าแต่จะช่วยคนอื่น ๆ!

    “เช่น ถ้าพวกเขาเกิดในแดนมนุษย์ ในสภาพแวดล้อมที่ชั่วร้ายซึ่งเต็มไปด้วยผู้ไม่มีศรัทธาและพวกมิจฉาทิฐิ ก็ยากที่จะพบกับอริยบุคคลที่แท้จริง ดังนั้นจึงไม่ง่ายเลยที่จะได้ฟังธรรมของพระพุทธเจ้าและบรรลุถึงเป้าหมายแห่งความเป็นอริยบุคคล

    “ในบรรดาผู้ปลูกเมล็ดพันธุ์แห่งความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ศีลธรรม และบุญวาสนาในชาติที่แล้ว และบัดนี้ได้รับอำนาจและชื่อเสียง จะมีสักกี่คนที่ไม่ลุ่มหลงกับชีวิตที่มั่งคั่งและเกียรติยศ หมกมุ่นอยู่ในความโลภและตัณหาไม่รู้จบ

    “ดังนั้น แม้ว่าพวกเขาจะได้รับคำแนะนำจากอาจารย์ที่รู้แจ้งแล้ว พวกเขาก็ไม่เชื่อและไม่ปฏิบัติตาม ยิ่งไปกว่านั้น เพื่อสนองตัณหา พวกเขาใช้ประโยชน์จากอำนาจและอิทธิพลที่มีอยู่ สร้างกรรมชั่วมากมาย เมื่อชาติปัจจุบันนี้สิ้นไป ย่อมไปในอบายภูมิสาม ยาวนานนับอสงไขยกัปป์ หลังจากนั้นจะเกิดเป็นมนุษย์ที่มีฐานะทางสังคมและเศรษฐกิจต่ำ ถ้าพวกเขาไม่พบกับที่ปรึกษาทางธรรมที่ดี พวกเขาจะถูกหลอกลวงต่อไป สร้างกรรมที่ไม่ดีมากขึ้นและตกลงมายังภพภูมิที่ต่ำกว่าอีกครั้ง นับแต่ห้วงเวลาเนิ่นนานเกินจะนับได้ บรรดาสรรพชีวิตที่ติดอยู่ในวัฏจักรของการเกิดและการตาย ต่างก็ต้องทุกข์ได้ยากอย่างนี้ แบบนี้เรียกว่า ‘ทางปฏิบัติที่ยาก’”

    ++อธิบาย++
    • คำแนะนำนี้มุ่งสอนโพธิสัตว์ที่คิดว่าตนเองพร้อมแล้วที่จะช่วยเหลือสรรพสัตว์ แต่จริงๆ แล้วยังไม่พร้อมเลย รีบร้อนที่จะกระโจนกลับมาเกิดใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่าในโลกที่เต้มไปด้วยความชั่วและสิ่งที่ชักพาให้ตกต่ำแห่งนี้ เมื่อไม่มีคุณสมบัติที่จะต้านทานต่อความชั่วได้ เมื่อเกิดใหม่โดยภูมิธรรมไม่มากพอ ก็จะถูกโลกธรรมล่อลวงให้ทำชั่วจนต้องตกต่ำ จากที่คิดว่าจะช่วยเหลือผู้อื่นให้พ้นทุกข์ ตัวเองกลับติดบ่วงทุกข์เสียเอง เมื่อทำชั่วแล้วก็เหมือนวงจรอุบาทว์ ต้องตกต่ำยาวนานยากที่จะกอบกู้ตัวเองได้อีกครั้ง กลายเป็นทาสแห่งการเวียนว่ายตายเกิดราวกับไม่มีที่สิ้นสุด

    • ดังนั้น ผู้ที่คิดจะช่วยผู้อื่นให้พ้นทุก จะต้องพ้นทุกข์ก่อนระดับหนึ่ง ในฝ่ายมหายาน คือการเป็น "ผู้มีพลังแห่งความทนทานต่อการเวียนว่ายตายเกิด" (無生法忍 หรือ อนุตตปัตติกะธรรมกษานติ) คือ ผู้ที่การเกิดไม่อาจทำอะไรเข้าได้อีก เพราะเห็นสัจธรรมของมันแล้ว ไม่ยึดมันถือมั่นแล้ว ความชั่วทำอะไรไม่ได้แล้ว พบพานทุกข์แต่ไม่แบกทุกข์อีก (ถ้าเปรียบก็คงเหมือนระดับพระอนาคามี เพียงแต่พระอนาคามีนั้นไม่ลงมาเกิดอีก) โดยที่มาเกิดอีกเพื่อช่วยเหลือสรรพสัตว์โดยที่ตัวเองมั่นคง ไม่ไหลลงสู่ทางต่ำ

    • โพธิสัตว์ผู้ทนทานต่อการเกิดเช่นนี้ จะมีทางสำเร็จได้ก็คือผ่านการเคี่ยวกรำหลายภพชาติจนนานนับไม่ถ้วน จึงเรียกว่า ‘ทางปฏิบัติที่ยาก’ หรือวิธีที่ง่ายกว่า คือตั้งจิตอธิษฐานภาวนาถึงพระอมิตาภพุทธโดยเอ่ยพระยาม "อมิตาภพุทธ" เมื่อตายไปจะได้สุขาวดีพุทธเกษตร ได้ฝึกฝนที่นั่นจนบรรลุธรรมอันไม่หวั่นไหวอีก หากปรารถนาจะลงมาช่วยสรรพสัตว์สักกี่ครั้งก็ย่อมทำได้ โดยลงมาสู่โลกอันแปดเปื้อน แต่พ้นแล้วซึ่งความแปดเปื้อนนั้น

    ------------------------------------------



    พระพุทธรูปแห่งมันกุวาร (The Mankuwar Buddha) ศิลปะอินดียสมัยคุปตะ ซึ่งมีวันที่จารึกไว้ว่า "ปีที่ 129 ในรัชสมัยของมหาราชกุมารคุปตะ" ดังนั้น ค.ศ. 448 (อายุกว่า 1,600 ปีแล้ว) พบที่อำเภอมันกุวาร เมืองอัลลาฮาบาด ปัจจุบันอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ลัคนาว

    4E05FB18-3D8B-4C5E-8143-077EB486991E.jpeg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 มีนาคม 2023
  9. Lord deva

    Lord deva สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2022
    โพสต์:
    386
    ค่าพลัง:
    +30
    พระโพธิสัตว์ที่ไม่ถดถอยตกต่ำ 2 ประเภท
    (แปลจากคัมภีร์ "มหาปรัชญาปารมิตาศาสตร์" ของพระโพธิสัตว์นาคารชุน)

    คำถาม "พระโพธิสัตว์โดยภูมิธรรมแห่งความเป็นอไววรรติกะ (ภูมิธรรมที่ไม่ถดถอยตกต่ำอีก) ทำไมท่านยังทำสิ่งไม่ดีด้วยจิตอันตื้นเขินเล่า?

    ตอบ "มีอไววรรติกะ 2 ประเภท
    1. ผู้ได้รับแล้วซึ่งความมีอนุตปัตติกะธรรมกษานติ
    2. ผู้ยังไม่ได้รับความมีอนุตปัตติกะธรรมกษานติ [แต่เป็นผู้ที่ได้รับการพยากรณ์แล้ว]

    พระพุทธเจ้าทรงทราบดีว่าด้วยเหตุและปัจจัยแห่งกรรมทั้งในอดีตและอนาคต พระโพธิสัตว์องค์นี้จำเป็นต้องเป็นพระพุทธเจ้าเพื่อยังประโยชน์และความสุขของสรรพสัตว์อื่นด้วยร่างกายแห่งการเวียนว่ายตายเกิด พระโพธิสัตว์องค์นี้ยังไม่ได้ตัดโซ่ตรวน (สังโยชน์) แต่ในหมู่ปุถุชนทั้งปวงท่านคือผู้สูงสุด และท่านได้รับการขนานนามว่าเป็นอไววรรติกะ เมื่อได้อนุตปัตติกะธรรมกษานติ (คือความทนทานในการเวียนว่ายตายเกิด) และตัดเครื่องพันธนาการทั้งหมด (สังโยชน์) ท่านจะบริสุทธิ์ กายเนื้อสุดท้ายของท่านก็ดับสูญไป ท่านจะได้รับกายซึ่งเกิดจากธรรมธาตุ เมื่อปลดโซ่ตรวนได้แล้ว ท่านก็ไม่ต้องการครูอีกต่อไป ท่านจะเป็นเหมือนเรือในแม่น้ำคงคาอันยิ่งใหญ่ที่ไม่ต้องการนายท้ายเรือและถึงที่สุดล่องไปถึงมหาสมุทรโดยตัวของมันเอง

    ยิ่งกว่านั้น นับตั้งแต่ปฐมโพธิจิต (การตั้งจิตที่จะช่วยเหลือสรรพสัตว์ครั้งแรก) ท่านได้ตั้งปณิธานอันยิ่งใหญ่ในการตัดกิเลส และรู้ธรรมชาติแท้จริง (ภูตลักษณะ) ของธรรม เมื่อนั้นท่านจะกลายเป็นอไววรรติกะ

    ด้วยการบำเพ็ญทานบารมีเพียงลำพัง พระโพธิสัตว์ก็บำเพ็ญบารมีทั้ง 6 เช่นเดียวกัน [โดยการปฏิบัติบารมีอื่นๆ] จนถึงและรวมถึงบารมีคือความสมบูรณ์แห่งปัญญาด้วย แต่ด้วยการบำเพ็ญบารมีทั้ง 6 ประการ พระโพธิสัตว์ยังไม่บรรลุเป็นอไววรรติกะ ในขณะเมื่อท่านเกิดความรู้สึกจิตเป็นมหากรุณาแล้วนั่นแหลละจึงบรรลุเป็นอไววรรติกะ

    ด้วยความรู้สึกกรุณานี้ จึงมีความคิดดังนี้ว่า “ธรรมทั้งหลายเป็นของว่าง (สุญญะ) ไม่มีสัตว์แล้วใครล่ะที่ได้รับความช่วยเหลือ?” ในขณะนั้นความรู้สึกเห็นอกเห็นใจ (กรุณา) ของท่านอ่อนลง แต่ด้วยเหตุว่าเมื่อต้องเผชิญกับความทุกข์ยากใหญ่หลวงของสรรพสัตว์ ความรู้แจ้งที่ท่านมีเกี่ยวกับความว่างเปล่าแห่งธรรมก็อ่อนลงไป ถ้าท่านมีกำลังกุศโลบาย (อุปายพละ) สองสิ่ง [คือความกรุณาและเห็นแจ้งซึ่งความว่าง] ก็สมดุลกัน ไม่เบียดเบียนกัน ความรู้สึกของมหากรุณาไม่ได้ขัดขวาง [การเห็นแจ้ง] ของธรรมชาติที่แท้จริง (ภูตลักษณะ) ของธรรม และ [การเห็น] ของธรรมชาติที่แท้จริงของธรรมไม่ได้ขัดขวางการเกิดขึ้นของมหากรุณา นั่นคือความช่ำชอง (อุปายะ) ครั้นแล้ว พระโพธิสัตว์ก็ ‘ถึงซึ่งธรรมนิยามของพระโพธิสัตว์ แล้วสถิตในภูมิธรรมที่ไม่ถดถอยผันแปรได้อีก’

    แปลจาก
    Maha Prajnaparamita Sastra
    by Gelongma Karma Migme Chödrön




    --------------------------

    ภาพ - พระศากยมุนีพุทธเจ้า หล่อจากทองแดงผสมโลหะอื่นและทำกะไหล่ทอง ศิลปะทิเบต ศตวรรษที่ 14 อยู่ที่ Rubin Museum of Art

    665F74E3-6105-482B-A2CC-82F2EBB0BD70.jpeg

    A84F5C15-F5B5-440C-A3EA-45933E7E80E3.jpeg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 มีนาคม 2023
  10. Lord deva

    Lord deva สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2022
    โพสต์:
    386
    ค่าพลัง:
    +30


    “เป้าหมายในชีวิตที่แท้จริง จะปรากฎขึ้นก็ต่อเมื่อ ท่านได้เข้าใจว่า แม้จะมีพร้อมมูลแล้วซึ่งทุกสิ่งทุกอย่าง ความอ่อนเยาว์ ความมั่งคั่ง ความแข็งแรง ท่านก็จะไม่แปรเปลี่ยนแนวทางในการดำเนินไปจากหนทางนั้น”

    ไม่ว่าโลกจะหยุดหมุน หรือหมุนเวียนเปลี่ยนผ่านยุคสมัย ล่มจมลงจนเหลือแต่ซากปรักหักพัง หรือเจริญขึ้นถึงขั้นขีดสุดแห่งการบีบคั้นเพื่อให้ได้ให้เป็นตามความแสวงหาก็ตาม

    สุดท้ายก็ไม่สามารถหลีกหนีความเป็นจริงแห่งทุกข์ อันเวียนมาซ้ำแล้วซ้ำอีกไปไม่ได้

    #ข้อพิจารณาระหว่างเดินทาง สถานีรถไฟใหม่! กาแฟกับซาลาเปาก้อนสีเหลืองๆ

    #การเดินทางกลับเยี่ยมมารดาในครั้งนี้ รู้เพิ่มขึ้น ว่าต้องสร้างสถูปสำหรับเทิดทูนมารดา ตามนิมิต สอนธรรมมารดา
    ความสบายใจที่ไม่ปรารถนาสิ่งใดๆที่ชวนหลงไหลปรากฎ


    ช่วงแผ่นดินไหว!

    นิมิตฝันแปลกๆ ตาของใคร?

    ดวงตาสีฟ้าจำนวนมาก มายังโลกมนุษย์ ไม่ใช่ของโลกมนุษย์ เส้นผ่าศูนย์กลาง 3-5 เมตร เป็นอย่างน้อย ที่เป็น ปัญญาประดิษฐ์ ปรากฎขึ้นดูดกลืนสิ่งมีชีวิตทุกประเภทโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือมนุษย์ชาติ ไม่มีใครรอดพ้นการมองเห็น แม้เราก็ไม่พ้น

    (เทพตาสีฟ้า เพื่อนเก่า มาทักทาย ข้อนี้ก็มีอยู่ เขากล่าวว่า เราเป็นผู้เปิดเผย ความจริงไม่มีความลับเสมอ)

    น่าห่วงใย แผ่นดินและท้องทะเล! อันแปรปรวน


    #กระทู้นี้ ว่าด้วย ธาตุ ๔ โดยเฉพาะเรื่องแผ่นดินไหว !

    ก็ดูเอาว่าผลจากอะไรใครคือสาเหตุ! ดูข่าวให้ดีๆ



    BF55355A-5AD2-4B9C-A775-BF3C6A65C742.jpeg

    การต่อสู้ด้านจิตวิญญาณกับผู้ชำนาญทางจิตศาสนาอื่นฯ ตลอดระยะเวลา 15ปี ยังไม่ถึงจุดสิ้นสุด!

    A2766C38-54E4-4A96-A7DD-F4C6610651DF.jpeg

    324E424E-825D-4C70-9ECF-AC37375DC607.jpeg

    นิมิต 9/2/2566
    ครั้งที่2 มารดาล้มหมดสติ จึงปรากฎเอามือวางทาบหน้าอกซ้าย จึงฟื้นคืนสติ!

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 พฤศจิกายน 2023
  11. Lord deva

    Lord deva สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2022
    โพสต์:
    386
    ค่าพลัง:
    +30
    ตั้งข้อสมมุติฐานเพิ่ม ว่าอะไรที่ส่งผล วิเคราะห์แบบดิบๆ การเคลื่อนตัวของธารลาวา แร่ธาตุที่เหนี่ยวนำกระแสแม่เหล็ก แม้แต่ดาวดวงอื่นในระบบสุริยะนี้

    # แรงดึงดูดมีความผันผวน ไม่เสถียรทั้งในโลกและในอวกาศ

    การหักเหแรงดึงดูดของตัวโลกเอง ทำให้โลกเปลี่ยนแปลงสภาพ # ทดสอบได้จากการนำแร่ต่างๆผสมผสาน ตั้งขั้วแม่เหล็กเทียม ยัดร้อนยัดเย็น สร้างโลกจำลอง คำนวนแรงดึงดูด การถ่ายเทพลังงาน เชิงซ้อน อาศัยปัจจัยอีกมากมายฯลฯ
    28D81C0B-4BEA-4A85-A3CA-7073263E3DE3.jpeg

    ตลอดจน ระดับ ปฎิเวธ แรงดึงดูด มวลของอวิชชา ความมืดมิดเข้าปกคลุมโลกธาตุต่างๆ ขยายตัว อย่างรวดเร็ว

    ผล

    # ทางวิทยาศาสตร์ ธรณีวิทยา และ ธรรมะวิทยา

    # ทางโลกศาสตร์ และ ธรรมะศาสตร์

    หวังว่าจะไม่ไปถึงคำว่า” ฉีกกระชาก “ แผ่นดิน

    “มหาเวทย์ดูดดาว์น ไม่สด ขอผ่อน เล่นๆบ้าๆบอๆของใครๆ”



    ดูไปพนมมือสาธุฯระลึกคุณพระรัตนตรัยไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 กุมภาพันธ์ 2023
  12. Lord deva

    Lord deva สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2022
    โพสต์:
    386
    ค่าพลัง:
    +30
    บทวิเคราะห์สถานการณ์โลก(พื้นฐานเชื่อมโยง อดีต ปัจจุบัน อนาคต)



    583BEC52-1DF7-40BE-AF9F-50DA40777DD1.png



    รีบฟัง ก่อนดอกไม้เหี่ยวเฉา!


    นิมิต ระยะนี้เป็นของต่างประเทศต่างศาสนาทั้งนั้นเลย!


    ล่าสุดวันนี้ 23/2/66

    คริสต์จักร

    ปรากฎบุคคลที่สามารถ “ ปลุกชีวิตคืนชีพรึเปล่า!”

    สามารถเรียก โลงที่ฝังอยู่ใต้เดินให้ปรากฎขึ้นเหนือพื้นดิน นับไม่ถ้วนในสุสาน สภาพเหมือนโลงใหม่ล้วนๆ

    เขาเป็นใคร?

    หรือจะเป็นผู้มอบความตาย!

    (ผู้นิมิตเห็น เดินตามหลังเขาใกล้ชิดประดุจเงา ไม่รู้ว่าเขารู้ตัวรึเปล่าเหมือนกัน)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กุมภาพันธ์ 2023
  13. Lord deva

    Lord deva สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2022
    โพสต์:
    386
    ค่าพลัง:
    +30


    DC0E88CA-346B-44D3-ABBD-B9E6156DF5E4.jpeg

    {0}พระปริยัติของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์{0}

    พุทธวจนะที่แท้จริง มาจากปฎิสัมภิทาญานครับ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบรรลุปฎิสัมภิทา ๑๖ และทรงกำหนด อรรถะ โดยนิรุตติญานทัสสนะ เพ่งวิมุตติ วิมุตติญานทัสสนะทรงน้อมเข้าถึง พระไตรปิฏกพระธรรมคัมภีร์ธรรมแม่บทดั้งเดิม องค์เดียวกันกับอดีตพระพุทธเจ้าทั้งหลายฯทรงตรัสรู้เห็น และ ทรงโปรดยกลงมาแสดง ด้วยภาษาสุทธมาคธี {มคธ} แม้ครั้นที่พระอสีติสาวกครั้งเมื่อปฐมสังคายนา นอกจากฟังจากท่านพระอานนท์แล้วก็เข้าสภาวะปฎิสัมภิทาแล้วตรวจทานโดยตรงกับองค์พระไตรปิฏกพระธรรมคัมภีร์ธรรมแม่บทดั้งเดิม พระสัทธรรมเจ้า ครั้งที่๑ พระปฎิสัมภิทา ๕๐๐ รูป /ครั้งที่ ๒ ๗๐๐ รูป/ครั้งที่๓ ๑๐๐๐ รูป เช่นเดียวกันครับ หนหลังมาพระปฎิสัมภิทาไม่บังเกิดจึงทำได้โดยเพียงวสี๕ และตรวจทานเอาจนถึงปัจจุบัน เห็นจะมีแต่สำนักที่อ้างรู้คำพูดแสดงพุทธวจน ได้คัดลอกพระไตรปิฏก สยามรัฐแล้วตัดคำในพระไตรปิฏกออก ๗๐% หาว่ามีคำปลอมโดยไม่ถูกต้องตามความเห็นชอบในสังฆมณฑล และผู้ถือลิขสิทธิ์ แต่แท้จริงแล้วเป็นการสร้างสัทธรรมปฎิรูปครับ ถ้าหากไม่ทรงกำหนด อรรถะลงมาแสดงแม้แต่ ภาษิตเดียว พระไตรปิฏกก็จะไม่มี นั่นก็หมายถึงพระธรรมคำสั่งสอนพระธรรมวินัยทั้งหมดก็จะไม่มีไม่เกิดขึ้นด้วยครับ การสังคายนาก็จะไม่เกิดขึ้น
    https://www.dhammahome.com/audio/topic/10475

    #ในยุคปัจจุบัน มีผู้แสดง เรื่อง ปฎิสัมภิทา เพียงผู้เดียว โดยมีเนื้อหาสาระที่ตรงขนาดนี้ ไม่ได้กล่าวตามเพียงแค่ว่าเป็นปริยัติหรือมุขปาฐะเลย นี่ระดับสภาวะ รู้แจ้งเห็นจริง ไม่เชื่อ! ยังดูหมิ่นเพราะกลัว! เพราะเกลียด โดยอคติ๔ ก็รับบท ขี้ข้าไป! (สภาวะตาข่ายดักจับ ทำผิดต่อธรรมขั้นสูงของผู้ใด ก็รับผลจากผู้นั้น)
    A0AF5138-1A4F-420E-B311-E8C0AEF67D9C.jpeg

    F9C52DC1-A31A-43E1-A43B-84D4AE8E687A.jpeg
    3CCB3B65-241E-4D9E-B59C-51BC5DAFB8CF.jpeg
    EDE438ED-1DA3-437A-AC7D-569E77AAE074.jpeg
    C7154C74-2289-4B68-92F0-8AA39F385F30.jpeg

    เคยแสดงไปแล้วนะครับว่า พระอภิธรรม ๗ คัมภีร์ พระพุทธเจ้าทรงสามารถแจกแจงได้เพียงผู้เดียว ผู้ใดหมิ่นพระอภิธรรมเท่ากับประหารพระชินจักร หมุนพระธรรมจักรกลับ

    สุดท้ายนี้ จริงๆแล้วก็ไม่ได้อยากผูกกรรมผูกเวรกับใครไว้หรอกนะ แต่ถ้าไม่ปรามไว้ก่อน จะมาโทษกันในภายหลังไม่ได้ สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ส่งผลตั้งแต่ปัจจุบันกาล จนถึงอนาคตกาล จนกว่า พระธรรมที่ชื่อว่า ปฎิสัมภิทา ที่เราจักแสดงเป็นเรื่องราวกล่าวขานจนกว่า จะหายไปจากการรู้เห็นของสัตว์โลก (ลอดหลุดตะแกรงเพียบ และก็ไม่รอด)

    “หากเห็นว่าควรศึกษา ควรพิจารณา” ผู้ไม่มีความเพียร มีความเพียรน้อยอย่างเรา ไม่ได้เป็นพหูสูต ไม่มีครูอื่นสอนตนเองในเรื่องปฎิสัมภิทานี้ เราช่างอาภัพนักที่ต้องมาค้นหาพิจารณาด้วยตนเอง ผู้เบื้องล่าง ๑/๑๖ นี้อยู่ฯ
    https://palungjit.org/threads/สำนักวัดนาป่าพงคึกฤทธิ์และสาวกพลาด-สร้าง-พุทธวจน-ปลอม.552222/
    วันออกพรรษา ปี 2566 นี้ ก็ขออธิษฐานจิตไว้ ดังนี้ ด้วยอานิสงส์แห่งสัจจะวาจาและบุญกุศลความซื่อสัตย์ซื่อตรงที่ได้กระทำมาแก่พระธรรม หากแม้นข้าพเจ้าเป็นผู้กระทำสัตย์จริง ด้วยการยกพระสัทธรรมโดยปฎิสัมภิทาญานขึ้นแสดงด้วยเหตุปัจจัยอันเข้าถึงสภาวะ๑ ในข่ายปฎิสัมภิทา๑๖อย่างแท้จริง ในการอัญเชิญพระไตรปิฏกพระธรรมคัมภีร์ธรรมแม่บท ๑ และแสดงได้ถูกต้องเสมอปัญญาความรู้ของตนในปัจจุบัน ณ กาล๑ การแสดงธรรมในการคัดแยกตามลำดับโดยวิมุตติเป็นจริงแท้ไม่วิปริต ๑ ขอให้ข้าพเจ้ามีสุขสมหวังในรสพระธรรม ตั้งแต่ปัจจุบัน ณ กาลนี้ตลอดจนเข้าสู่พระนิพพาน

    หากผู้ใดก็ตามกล่าววาจาก็ตาม กระทำการด้วยกายและใจ หรือแสดงอรรถอักษรล่วงเกินดูหมิ่นพระธรรมอันเที่ยงแท้ ที่ข้าพเจ้าได้น้อมนำมาแสดงไว้โดยกล่าวว่า ข้าพเจ้าได้แสดงธรรมโดยปฎิสัมภิทาอันเป็นเท็จ ว่าการเข้าถึงสภาวะเบื้องหน้าพระไตรปิฏกองค์แท้ดั้งเดิมโดยข้าพเจ้านั้นเป็นการเท็จไม่จริง ว่าการแสดงธรรมและบิดเบือนและไม่ถูกต้องตามสภาวะโดยปฎิสัมภิทาญาน กล่าวว่าการเข้าถึงบทธรรม อภยปริตร ของข้าพเจ้าเป็นเท็จไม่จริง ข้าพเจ้าขอให้บุคคลเหล่านั้นได้เสวยชาติเกิดเป็นมนุษย์ก็ดีเป็นสัตว์ติรัจฉานก็ดีภพภูมิอื่นใดก็ดี จงเกิดเป็นขี้ข้าบริวารทาสเลียแข้งเลียขากินเดนของข้าพเจ้า เป็นเหตุให้ต้องได้รับโทษทนทุกข์ทรมาน ตามเหตุและปัจจัยที่กล่าวจาบจ้วงพระธรรมโดยปฎิสัมภิทาที่ข้าพเจ้าได้แสดงไว้ และจงอย่าได้เกิดทันในยุคพระศรีอารยเมตไตรย

    หากแม้นข้าพเจ้าได้กล่าวเท็จในการแสดงธรรมที่แล้วมาโดยอ้างปฎิสัมภิทาญานก็ดี โดยอ้างการเข้าถึงบทธรรม อภยปริตร จากพระไตรปิฏกพระธรรมคัมภีร์ทิพย์วิเศษบริสุทธิธรรมอันเป็นเท็จ แม้แต่ประการนั้นๆขอให้ข้าพเจ้าจงได้ไปเกิดเป็นขี้ข้าบริวารให้บุคคลเหล่านั้นลงโทษทรมานทรกรรมตลอดจนถึงการหลงทำการกาละ ทุกชาติภพไป ตายไปก็ตกอยู่ในอเวจีมหานรกและอย่าได้เกิดทันยุคพระศรีอารยเมตไตรยตลอดจนกาลสมัยพระพุทธเจ้าองค์อื่นๆ หลงเวียนว่ายตายเกิดในวัฎสงสาร ในอบายภูมิ นานนับเป็นอจินไตยที่ยากจะคำนวนนับได้

    ส่วนบุคคลเหล่าใดหรือผู้ใดเป็นผู้มีใจตั้งมั่น มีวาสนาและปัญญาธรรม เชื่อในการแสดงธรรมโดยปฎิสัมภิทาของข้าพเจ้าในทุกๆกระทู้ธรรมอันแสดงตามเหตุและปัจจัยเอาไว้ ว่าเป็นจริงตามจริง มิได้เป็นเท็จบิดเบือนหลอกลวง ขอให้ท่านทั้งหลายเหล่านั้น หากมิได้บรรลุธรรมในพุทธสมัยที่ ๔ ในภัทรกัปป์นี้ ขอจง ได้ไปเกิดในยุคสมัยของพระศรีอารยเมตไตรย นั้นเทอญฯ

    เอเตนะ สัจจะ วัชเชนะ

    สาธุ สาธุ สาธุ

    “ปฎิสัมภิทานั้น มีพระนิพพานเป็นอารมณ์”

    เคยบอกแล้วว่า อยู่หน้าประตูพระนิพพาน แต่มีเหตุผลอย่างหนึ่ง ที่ทำให้ไม่อยากเข้าไป มีกิจอยู่ ซึ่งอย่างมากก็แค่กล่าวว่าตนถึงความเป็นอริยะบุคคลหรือพระโพธิสัตว์ท่าน๑ท่านใดและพยานรู้เห็นเพียงเท่านั้น ไม่อยากจะอยู่ใน มรรค ๔ ผล ๔ เลยเพราะมหาวิปัสสนาญานที่เหลือแต่เพลิงไฟประลัยกัลป์นั่นอยู่!
    E3C88747-D54B-4428-A1C2-5C07295017E3.jpeg



    โปรดระวังผู้บรรลุปฎิสัมภิทาญานที่มีระดับสูงกว่าข้าพเจ้าที่จะบังเกิดขึ้นในอนาคตกาล
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 พฤศจิกายน 2023
  14. Lord deva

    Lord deva สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2022
    โพสต์:
    386
    ค่าพลัง:
    +30


    เกือบไปละ!

    8C376278-CCC4-4127-816A-1999F47E06B7.jpeg

    กระแสมารกำลังเดินเกมส์ครอบงำหมู่สัตว์ครั้งใหม่ ภาพพระจับอาวุธ ที่กำลังฮิตติดลมบน วัตถุต้องห้ามในพระวินัยดังกล่าว จะส่งผลให้ยักษ์ไร้ศีลธรรมปัญญานอกพระพุทธศาสนาฆ่าฟันพระสงฆ์และพุทธบริษัท สมณะ ชี พราหมณ์ล้มตายเป็นอันมาก!



    สิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี เหตุ (สัญญาณเตือน)แล้วดันเป็นของไทย เจริญพร!

    สำนักพุทธ ถ้าเห็นกาลไกลและการณ์ไกลออก ต้องปราม แบนภาพแล้ว! พร้อมสู้หรือจะเป็นเหยื่อกันแน่!

    BED65000-8292-4D7B-A46D-958B3D25A400.jpeg

    ภาพหลุดไปตะวันออกกลาง พวกนั้นคงสนุกคิด!กันน่าดู! จากที่คิดๆสุ่มสี่สุ่มห้าอยู่แล้ว ยิ่งคิดชัดเจน

    #หรือ สงครามพระ!!!! เริ่มต้นด้วยภาพ AI พระจับอาวุธรบ
    C7CC451A-4B94-4491-8BF0-3FEA1774E7E9.png
    160436D7-890F-4304-8C66-C08E1102E219.jpeg
    461A1516-D7B2-4DD8-8776-ABA492C6744D.jpeg

    290381A7-F1F2-4058-8152-A51B0C80C055.jpeg
    98EF2DC9-1B62-48DC-9E44-6DDF414C39E0.jpeg 54BA6DAE-EBE6-483D-8087-9473E67475E7.jpeg

    ขุยไผ่ย่อมฆ่าต้นไผ่!
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 พฤศจิกายน 2023
  15. Lord deva

    Lord deva สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2022
    โพสต์:
    386
    ค่าพลัง:
    +30
    https://vt.tiktok.com/ZSNU7nQoU/
    DBA760B0-5C50-41B0-9CD0-E48033CD7E9F.png

    ปฎิสัมภิทา และพยัญชนะปฎิรูป การห้ามอรรถและธรรมที่เราได้เคยวิสัชนาแสดงไว้ เมื่อธรรมเหล่านั้น แสดงโดยพระภิกษุหรือพระธรรมทูต กำลังแห่งการเผยแผ่ ปกป้องพระไตรปิฏกและพระพุทธศาสนาก็จักมีกำลังมาก เพราะเห็นความสำคัญของเหล่าปฎิสัมภิทา ๑๖

    ขอกราบนมัสการท่านพระครูอินเดีย ขออนุโมทนาในมหามงคลบุญนี้ด้วย

    เราผู้สุตตะน้อย เป็นผู้ยังด้อย และอัปปสูตอยู่ พยายามสร้างความเพียรอยู่

    ขออนุโมทนา สำหรับท่านผู้ใฝ่ศึกษา ท่านอื่นๆด้วยที่กำลังพิจารณาศึกษาในตอนนี้ ขอให้ท่านเจริญ การศึกษาปฎิสัมภิทา สามารถทำลาย ฆนสัญญา ดังนี้ฯ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 พฤศจิกายน 2023
  16. Lord deva

    Lord deva สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2022
    โพสต์:
    386
    ค่าพลัง:
    +30


    “หลักฐานการเข้าถึง ปฎิสัมภิทาญาน ที่เหล่าปฎิสัมภิทา จะรู้และทราบ รู้กันโดยในทันที “



    นี่คือการสวดซ้อม บทสวด อภยปริตร โดยปฎิสัมภิทาญาน โดยทำนองอันประกอบด้วยสังคีตอันเป็นทิพย์ โดยสภาวะสกานิรุตติ

    ไม่ได้สวดโชว์ สวดเล่น แต่ถ่ายทอดไว้เพื่อเหตุและปัจจัยในอนาคต

    ท่านผู้ได้ปฎิสัมภิทา นั้นจะสามารถรู้ได้ทันทีว่า นี้คือ สภาวะสกานิรุตติ เราได้แสดงไว้เนิ่นนานในโลกธาตุ นับ๑๐ ปีแล้ว เพื่อยังประโยชน์และปัจจัยให้แก่มรรคผลของสาธุชนในภายภาคหน้า



    ตตฺร ธมฺมนิรุตฺตาภิลาเป ญาณํ ความว่า ความรู้แตกฉานในคำพูด คำกล่าว คำที่เปล่งถึงสภาวนิรุตติอันเป็นโวหารที่ไม่ผิดเพี้ยนทั้งในอรรถและในธรรมนั้น, ในคำพูดอันเป็นสภาวนิรุตติของพระอริยบุคคลผู้ทำสภาวนิรุตติศัพท์ที่เขาพูดแล้ว กล่าวแล้ว เปล่งออกแล้ว ให้เป็นอารมณ์แล้ว พิจารณาอยู่, ในมาคธีมูลภาษาของสัตว์ทั้งหลายอันเป็นสภาวนิรุตติ เพราะสภาวนิรุตตินั้น บัณฑิตรับรองว่าเป็นธรรมนิรุตติอย่างนี้ว่า นี้เป็นสภาวนิรุตติ, นี้มิใช่สภาวนิรุตติ ชื่อว่านิรุตติปฏิสัมภิทา.
    ด้วยประการฉะนี้ นิรุตติปฏิสัมภิทานี้ ชื่อว่ามีสัททะคือเสียงเป็นอารมณ์ มิได้มีบัญญัติเป็นอารมณ์. เพราะเหตุไร? เพราะพระอริยบุคคลได้ยินเสียงแล้วย่อมรู้ว่า นี้เป็นสภาวนิรุตติ, นี้มิใช่สภาวนิรุตติ.
    จริงอยู่ พระอริยบุคคลผู้บรรลุนิรุตติปฏิสัมภิทา ครั้นเขาพูดว่า ผสฺโส ก็ย่อมรู้ว่า นี้เป็นสภาวนิรุตติ, ครั้นเขาพูดว่า ผสฺสา หรือ ผสฺสํ ก็ย่อมรู้ว่า นี้มิใช่สภาวนิรุตติ.
    แม้ในสภาวธรรมทั้งหลายมีเวทนาเป็นต้นก็นัยนี้เหมือนกัน.
    ถามว่า ก็พระอริยบุคคลผู้บรรลุนิรุตติปฏิสัมภิทานี้จะรู้หรือไม่ รู้คำอื่นคือเสียงแห่งพยัญชนะอันกล่าวถึงนาม, อาขยาต, อุปสัค, และนิบาต.
    ตอบว่า พระอริยบุคคลผู้บรรลุนิรุตติปฏิสัมภิทานั้น ครั้นได้ยินเสียงแล้วก็รู้ว่า นี้เป็นสภาวนิรุตติ, นี้มิใช่สภาวนิรุตติ ด้วยเหตุสำคัญอันใด, ก็จักรู้คำนั้นด้วยเหตุสำคัญอันนั้น.

    กล่าวตามตรง เราเองก็พยายามค้นหาบุคคล ตามหา และชี้ทางให้เข้าถึง ปฎิสัมภิทาอยู่ โดยวาง ทำนองเสียง สภาวะ นิรุตติ เพื่อการทดสอบบุคคลจึงซ่อนเมฆทดลองไว้ดังนี้ฯ
    31BEE270-F901-4F68-A39A-3D2929A0AFA3.jpeg

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 พฤศจิกายน 2023
  17. Lord deva

    Lord deva สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2022
    โพสต์:
    386
    ค่าพลัง:
    +30
    คำเตือน โปรดระวังและควรรู้ให้เท่าทัน “ปฎิสัมภิทาปฎิรูป”


    ท่านก็บอกตรงๆอยู่แล้วนะ! ยกคุณสมบัติตั้งไว้ อยากได้ก็ศึกษาและพิจารณาเอา ปฎิบัติเอาตามนี้
    E4DCF1C2-7956-4EA5-8918-5CFBA6A2CD6F.jpeg

    หมดโลกธาตุ เตือนการเห็นผิดอยู่ผู้เดียว ไม่เตือนไม่บอกก็ไม่ได้ ตระหนี่ธรรม ๕ ประการอีก

    อ่านแต่ฉลากขายยา ก็เชื่อว่าไม่มีไม่เป็นอย่างอื่น ! เวรกรรมสัตว์โลก!


    ใครกันเป็นผู้สร้างผู้สอน “ ปฎิสัมภิทาปฎิรูป “

    โดนกับดักมารอีกแล้ว! น่าจะวางแผนทำลายเหล่าปฎิสัมภิทาไว้นานแล้วสินะ!

    {วิสัชนาให้ลึกซึ้งขึ้นไปอีก เว้นไว้เพียงวาระสมัยองค์ท่านพระปัจเจกพุทธเจ้าทรงเสด็จมาอุบัติหลายพระองค์}

    ปฎิสัมภิทาปลอมบรรลุแล้วเก่งเท่ากันหมดเลย!!!


    สั้นๆตรงๆ

    “ ผู้บรรลุปฎิสัมภิทา เก่งไม่เท่ากัน “

    เข้าใจนะ!

    “ทางแห่งมรรค โดยปฎิสัมภิทา ถ้าหากจะตั้งไว้ ถ้าจะวิสัชนาก็ควร กล่าวว่า เหตุให้ถึง หนทางทางที่จะไปถึง หนทางที่จะเข้าถึง”

    15606FA1-AB23-47CB-B906-3F41AE8FB8CC.jpeg


    ถ้าไล่ดู ตามเสต็ป จะเห็นใจเรา ที่ลากมาไกลขนาดนี้ด้วยตนเองเพียงลำพัง


    BC6C4100-7002-4BCD-BC44-9658FF3C2F39.jpeg


    ข้อแจ้งเตือน ผู้ที่ศึกษา ปฎิสัมภิทา ที่ท่านทั้งหลาย พบเห็นผ่านตามมาซึ่งคุณสมบัติของผู้บรรลุปฎิสัมภิทา ทั้ง ๑๖ ตอนนี้ยังมีผู้เห็นผิดเป็นอันมากโดยรู้จากจำมา รู้จากคำแปลจากภาพที่มีปรากฎไว้ และยังไปเผยแผ่ความรู้ความเข้าใจในปฎิสัมภิทา แบบขลาดเขลา ว่า ผู้บรรลุ ปฎิสัมภิทาญาน นั้นมีคุณสมบัติ เบ็ดเสร็จ เหมือนกัน เสมอกันทั้งหมด เป็นความเห็นความเชื่อที่ผิด โดยส่วนใหญ่ บุคคลเหล่านี้ ขาดความเข้าใจและการเรียนรู้น้อยนัก

    จงพิจารณาดูเถิด “ ผู้ไม่มีไม่ถึงความเพียรมาก ไม่แตกฉาน ก็ยังบรรลุปฎิสัมภิทา นั้นก็มีอยู่ ฯ เราเองก็หนึ่งในนั้นเช่นกัน

    ปฎิสัมภิทาแท้เก่งไม่เท่ากันแบ่งระดับ๑๖แยกเป็น
    เสขะภูมิและอเสขะภูมิ



    ผู้ปฎิสัมภิทามี ๑๖ ระดับความสามารถ

    บุคคลผู้ประกอบด้วยปัญญา ๑๖ ประการนี้ เป็นผู้บรรลุปฏิสัมภิทา บุคคลผู้บรรลุปฏิสัมภิทามี ๒ คือ ผู้หนึ่งถึงพร้อมด้วยความเพียรมาก่อน
    ผู้หนึ่งไม่ถึงพร้อมด้วยความเพียรมาก่อน ผู้ถึงพร้อมด้วยความเพียรมาก่อน เป็นผู้ประเสริฐ ยิ่ง วิเศษกว่าผู้ไม่ถึงพร้อมด้วยความเพียรมาก่อน และมีญาณแตกฉาน

    บุคคลผู้บรรลุปฏิสัมภิทามี ๒ ดังนี้ บุคคลผู้ถึงพร้อมด้วยความเพียรมาก่อนก็มี ๒คือ ผู้หนึ่งเป็นพหูสูต ผู้หนึ่งไม่เป็นพหูสูต ผู้เป็นพหูสูตเป็นผู้ประเสริฐ ยิ่งวิเศษกว่าผู้ไม่เป็นพหูสูต และมีญาณแตกฉาน

    บุคคลผู้บรรลุปฏิสัมภิทามี ๒ ดังนี้ บุคคลผู้บรรลุปฏิสัมภิทา ผู้ถึงพร้อมด้วยความเพียรมาก่อนมี ๒ แม้ผู้เป็นพหูสูตก็มี ๒ คือ ผู้หนึ่งมากด้วยเทศนา ผู้หนึ่งไม่มากด้วยเทศนา ผู้มากด้วยเทศนา เป็นผู้ประเสริฐ ยิ่ง วิเศษกว่าผู้ไม่มากด้วยเทศนา และมีญาณแตกฉาน

    บุคคลผู้บรรลุปฏิสัมภิทามี ๒ ดังนี้ บุคคลผู้บรรลุปฏิสัมภิทาผู้ถึงพร้อมด้วยความเพียรมาก่อนมี ๒ ผู้เป็นพหูสูตมี ๒ และผู้มากด้วยเทศนาก็
    มี ๒ คือ ผู้หนึ่งอาศัยครู ผู้หนึ่งไม่อาศัยครู ผู้อาศัยครูเป็นผู้ประเสริฐ ยิ่งวิเศษกว่าผู้ไม่อาศัยครู และมีญาณแตกฉาน

    บุคคลผู้บรรลุปฏิสัมภิทามี ๒ ดังนี้บุคคลผู้บรรลุปฏิสัมภิทา ผู้ถึงพร้อมด้วยความเพียรมาก่อนมี ๒ ผู้เป็นพหูสูต
    มี ๒ ผู้มากด้วยเทศนามี ๒ และผู้อาศัยครูก็มี ๒ คือ ผู้หนึ่งมีวิหารธรรมมากผู้หนึ่งไม่มีวิหารธรรมมาก ผู้มีวิหารธรรมมากเป็นผู้ประเสริฐ ยิ่ง วิเศษกว่าผู้ไม่มีวิหารธรรมมาก และมีญาณแตกฉาน

    บุคคลผู้บรรลุปฏิสัมภิทามี ๒ ดังนี้ บุคคลผู้บรรลุปฏิสัมภิทา ผู้ถึงพร้อมด้วยความเพียรมาก่อนมี ๒ ผู้เป็นพหูสูตมี ๒ ผู้มากด้วยเทศนามี ๒ ผู้อาศัยครูมี ๒ และผู้มีวิหารธรรมมากก็มี ๒ คือ ผู้หนึ่งมีความพิจารณามาก ผู้หนึ่งไม่มีความพิจารณามาก ผู้มีความพิจารณามากเป็นผู้ประเสริฐ ยิ่ง วิเศษกว่าผู้ไม่มีความพิจารณามาก และมีญาณแตกฉาน

    บุคคลบรรลุปฏิสัมภิทามี ๒ ดังนี้ บุคคลผู้บรรลุปฏิสัมภิทา ผู้ถึงพร้อมด้วยความเพียรมาก่อนมี ๒ ผู้เป็นพหูสูตมี ๒ ผู้มากด้วยเทศนามี ๒ ผู้อาศัยครูมี ๒ ผู้มีวิหารธรรมมากมี ๒ และผู้มีความพิจารณามากก็มี ๒ คือ ผู้หนึ่งเป็นพระเสขะบรรลุปฏิสัมภิทา ผู้หนึ่งเป็นพระอเสขะบรรลุปฏิสัมภิทา ผู้เป็นพระอเสขะบรรลุปฏิสัมภิทา ผู้เป็นพระอเสขะบรรลุปฏิสัมภิทาเป็นผู้ประเสริฐ ยิ่ง วิเศษกว่าผู้เป็นพระเสขะบรรลุปฏิสัมภิทา และมีญาณแตกฉาน


    บุคคลผู้บรรลุปฏิสัมภิทามี ๒ดังนี้ บุคคลผู้บรรลุปฏิสัมภิทา ผู้ถึงพร้อมด้วยความเพียรมาก่อนมี ๒ ผู้เป็นพหูสูตมี ๒ ผู้มากด้วยเทศนามี ๒ ผู้อาศัยครูมี ๒ ผู้มีวิหารธรรมมากมี ๒ ผู้มีความพิจารณามากมี ๒ และผู้เป็นพระอเสขะบรรลุปฏิสัมภิทาก็มี ๒ คือ ผู้หนึ่งบรรลุถึงสาวกบารมี ผู้หนึ่งไม่บรรลุถึงสาวกบารมี ผู้บรรลุถึงสาวกบารมีเป็นผู้ประเสริฐ ยิ่ง วิเศษกว่าผู้ไม่บรรลุถึงสาวกบารมี และมีญาณแตกฉาน

    บุคคลผู้บรรลุปฏิสัมภิทามี ๒ ดังนี้ บุคคลผู้บรรลุปฏิสัมภิทา ผู้ถึงพร้อมด้วยความเพียรมาก่อนมี ๒ ผู้เป็นพหูสูตมี ๒ ผู้มากด้วยเทศนามี ๒ ผู้อาศัยครูมี ๒ ผู้มีวิหารธรรมมากมี ๒ ผู้มีความพิจารณามากมี ๒ และผู้เป็นพระอเสขะบรรลุปฏิสัมภิทาก็มี ๒ คือ ผู้หนึ่งบรรลุถึงสาวกบารมี ผู้หนึ่งเป็นพระปัจเจกสัมพุทธเจ้าผู้เป็นพระปัจเจกสัมพุทธเจ้า เป็นผู้ประเสริฐ ยิ่ง วิเศษกว่าผู้บรรลุถึงสาวกบารมีและมีญาณแตกฉาน เมื่อเทียบกับพระปัจเจกพุทธเจ้า และโลก พร้อมทั้งเทวโลก ดังนี้

    พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเป็นผู้เลิศ ทรงบรรลุปฏิสัมภิทา ทรงเป็นผู้ฉลาดในประเภทแห่งปัญญา มีพระญาณแตกฉาน ทรงได้ปฏิ
    สัมภิทา ทรงบรรลุถึงเวสารัชชญาณ ทรงพละ ๑๐ ทรงเป็นบุรุษองอาจ ทรงเป็นบุรุษสีหะ ฯลฯ บรรดากษัตริย์ พราหมณ์ คฤหบดี สมณะ ผู้เป็นบัณฑิต มีปัญญาละเอียด แต่งวาทะโต้ตอบ มีปัญญาเปรียบด้วยนายขมังธนูผู้สามารถยิงขนทราย เที่ยวทำลายปัญญาและทิฐิด้วยปัญญา บัณฑิตเหล่านั้นแต่งปัญหาแล้วพากันเข้ามาหาพระตถาคต ถามปัญหาทั้งลี้ลับและเปิดเผย ปัญหาเหล่านั้น พระผู้มีพระภาคตรัสบอกและทรงแก้แล้ว มีเหตุที่ทรงแสดงไขให้เห็นชัด ปรากฏแก่พระผู้มีพระภาค ความจริง พระผู้มีพระภาคย่อมทรงรุ่งเรืองยิ่งด้วยพระปัญญา เพราะทรงแก้ปัญหาเหล่านั้น เพราะเหตุนั้น พระผู้มีพระภาคจึงเป็นผู้เลิศ ทรงบรรลุปฏิสัมภิทา ฉะนี้แล ฯ
    จบมหาปัญญากถา


    “พื้นฐานแรกเริ่มเสมอ แต่ความรู้แจ้งนั้นแตกต่าง !
    FF414BA8-D1FC-4858-B33B-C90C04480936.jpeg


    อรรถปฏิสัมภิทา เป็นคุณชาติอันบุคคลผู้ใดบรรลุแล้ว ทำให้แจ้งแล้วถูกต้องแล้วด้วยปัญญา โดยการกำหนดอรรถ ธรรมปฏิสัมภิทา เป็นคุณชาติอันบุคคลผู้ใดบรรลุแล้ว ทำให้แจ้งแล้ว ถูกต้องแล้วด้วยปัญญา โดยการกำหนดธรรม นิรุติปฏิสัมภิทา เป็นคุณชาติอันบุคคลใดบรรลุแล้ว ทำให้แจ้งแล้ว ถูกต้องแล้วด้วยปัญญา โดยการกำหนดนิรุติ ปฏิภาณปฏิสัมภิทา เป็นคุณชาติอันบุคคลผู้ใดบรรลุแล้ว ทำให้แจ้งแล้ว ถูกต้องด้วยปัญญา โดยการกำหนดปฏิภาณใครอื่นย่อมไม่สามารถจะครอบงำอรรถ ธรรม นิรุติและปฏิภาณของบุคคลผู้นั้นได้และบุคคลผู้นั้นก็เป็นผู้หนึ่งที่ใครๆ ครอบงำไม่ได้

    เพราะเหตุนั้น ปัญญานั้นจึงเป็นปัญญาไม่ใกล้ ปัญญาของกัลยาณปุถุชนห่างไกลแสนไกล ไม่ใกล้ไม่ชิดกับปัญญาของบุคคลที่ ๘ พระอรหันต์ เมื่อเทียบกับกัลยาณปุถุชน บุคคลที่ ๘ มีปัญญาไม่ใกล้ ปัญญาของบุคคลที่ ๘ ห่างไกลแสนไกล ไม่ใกล้ ไม่ชิดกับปัญญาของพระโสดาบัน เมื่อเทียบกับบุคคลที่ ๘ พระโสดาบันมีปัญญาไม่ใกล้ปัญญาของพระโสดาบันห่างไกลแสนไกล ไม่ใกล้ ไม่ชิดกับปัญญาของ
    พระสกทาคามี เมื่อเทียบกับพระโสดาบัน พระสกทาคามี มีปัญญาไม่ใกล้ ปัญญาของพระสกทาคามีห่างไกลแสนไกล ไม่ใกล้ ไม่ชิดกับปัญญาของพระอนาคามีเมื่อเทียบกับพระสกทาคามี พระอนาคามีมีปัญญาไม่ใกล้ ปัญญาของพระอนาคามีห่างไกลแสนไกล ไม่ใกล้ ไม่ชิดกับปัญญาของพระอรหันต์ เมื่อเทียบกับพระอนาคามี พระอรหันต์มีปัญญาไม่ใกล้ ปัญญาของพระอรหันต์ห่างไกลแสนไกล ไม่ใกล้ ไม่ชิดกับปัญญาของพระปัจเจกพุทธเจ้า เมื่อเทียบกับพระอรหันต์
    พระปัจเจกพุทธเจ้ามีปัญญาไม่ใกล้ เมื่อเทียบกับพระปัจเจกพุทธเจ้าและโลกพร้อมทั้งเทวโลก พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงเป็นผู้เลิศ ทรงมีปัญญาไม่ใกล้ ทรงฉลาดในประเภทแห่งปัญญา ทรงมีญาณแตกฉาน ทรงบรรลุปฏิสัมภิทาทรงถึงเวสารัชชญาณ ๔ ทรงพละ ๑๐ ทรงเป็นบุรุษองอาจ ทรงเป็นบุรุษสีหะทรงเป็นบุรุษนาค ทรงเป็นบุรุษอาชาไนย ทรงเป็นบุรุษนำธุระไป ทรงมีพระญาณหาที่สุดมิได้ ทรงมีพระเดชหาที่สุดมิได้ ทรงมีพระยศหาที่สุดมิได้ ทรงเป็นผู้มั่งคั่งทรงมีทรัพย์มาก ทรงมีอริยทรัพย์ ทรงเป็นผู้นำ ทรงเป็นผู้นำไปให้วิเศษ ทรงนำไปเนืองๆ ทรงบัญญัติ ทรงพินิจ ทรงเพ่ง ทรงให้หมู่สัตว์เลื่อมใส แท้จริง


    พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้นทรงยังมรรคที่ยังไม่เกิด ให้เกิดขึ้น ทรงยังมรรคที่ยังไม่เกิดพร้อมให้เกิดพร้อม ตรัสบอกมรรคที่ยังไม่มีใครบอก ทรงรู้จักมรรค ทรงทราบมรรค ทรงฉลาดในมรรค ก็แหละพระสาวกทั้งหลายในบัดนี้ และที่จะมีมาในภายหลัง ย่อมเป็นผู้ดำเนินไปตามมรรค แท้จริงพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้นเมื่อทรงทราบก็ย่อมทรงทราบ เมื่อทรงเห็นก็ย่อมทรงเห็น ทรงมีจักษุ ทรงมีญาณทรงมีธรรม ทรงมีพรหม ตรัสบอก ตรัสบอกทั่ว ทรงนำอรรถออก ทรงประทานอมตธรรม ทรงเป็นธรรมสามี เสด็จไปอย่างนั้น บทธรรมที่พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้นไม่ทรงรู้ ไม่ทรงเห็น ไม่ทรงทราบ ไม่ทรงทำให้แจ้ง ไม่ทรงถูกต้องแล้วด้วยปัญญามิได้มี ธรรมทั้งปวงรวมทั้งที่เป็นส่วนอดีต อนาคตและปัจจุบันย่อมมาสู่คลองในมุข คือ พระญาณของพระผู้มีพระภาคผู้ตรัสรู้แล้วโดยอาการทั้งปวง ชื่อว่าบทที่ควรแนะนำซึ่งเป็นอรรถเป็นธรรมที่ควรรู้ อย่างใดอย่างหนึ่งและประโยชน์ตน ประโยชน์ผู้อื่น ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย ประโยชน์ภพนี้
    ประโยชน์ภพหน้า ประโยชน์ตื้น ประโยชน์ลึก ประโยชน์ลับ ประโยชน์เปิดเผย ประโยชน์ที่ควรนำไป ประโยชน์ที่นำไปแล้ว ประโยชน์ไม่มีโทษ ประโยชน์ไม่มีกิเลส ประโยชน์ขาวผ่อง หรือปรมัตถประโยชน์ทั้งหมดนั้นย่อมเป็นไปภาย
    ในพระพุทธญาณ พระญาณของพระพุทธเจ้า ย่อมเป็นไปตลอดกายกรรม วจีกรรม มโนกรรมทั่วหมด พระญาณของพระพุทธเจ้ามิได้ขัดข้องในอดีต อนาคตปัจจุบัน เนยยบทมีเท่าใด พระญาณก็มีเท่านั้น พระญาณมีเท่าใดเนยยบทก็มี
    เท่านั้น พระญาณมีเนยยบทเป็นที่สุดรอบ เนยยบทมีพระญาณเป็นที่สุดรอบพระญาณไม่เป็นไปเกินเนยยบท เนยยบทก็ไม่เกินพระญาณ ธรรมเหล่านั้นตั้งอยู่ในที่สุดรอบของกันและกัน เปรียบเหมือนผะอบสองชั้นสนิทกันดี ผะอบชั้นล่าง
    ไม่เกินผะอบชั้นบน ผะอบชั้นบนก็ไม่เกินผะอบชั้นล่าง ผะอบทั้งสองชั้นนั้นต่างก็ตั้งอยู่ในที่สุดของกันและกัน ฉะนั้น พระพุทธญาณย่อมเป็นไปในธรรมทั้งปวงธรรมทั้งปวงเนื่องด้วยความทรงคำนึง เนื่องด้วยทรงพระประสงค์ เนื่องด้วยทรงพระมนสิการ เนื่องด้วยพระจิตตุบาทของพระผู้มีพระภาคผู้ตรัสรู้แล้ว พระพุทธญาณเป็นไปในสรรพสัตว์ พระพุทธเจ้าย่อมทรงทราบอัธยาศัย อนุสัย ความ
    ประพฤติ อธิมุติ ของสรรพสัตว์ ย่อมทรงทราบหมู่สัตว์มีกิเลสธุลีน้อยในปัญญาจักษุ ผู้มีกิเลสธุลีมากในปัญญาจักษุ ผู้มีอินทรีย์แก่กล้า ผู้มีอินทรีย์อ่อน มีอาการดี มีอาการทราม พระองค์พึงทรงให้รู้ได้ง่าย พระองค์พึงให้รู้ได้ยาก เป็น
    ภัพพสัตว์ เป็นอภัพพสัตว์ โลกพร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก หมู่สัตว์พร้อมทั้งสมณพราหมณ์ เทวดาและมนุษย์ ย่อมเป็นไปภายในพระพุทธญาณเปรียบเหมือนปลาและเต่าทุกชนิด โดยที่สุดตลอดจนปลาติมิและปลาติมิงคละ
    ย่อมว่ายวนอยู่ภายในมหาสมุทร ฉะนั้น เปรียบเหมือนนกทุกชนิด โดยที่สุดตลอดจนนกครุฑตระกูลเวนเตยยะ ย่อมบินร่อนไปในประเทศอากาศ ฉันใด

    ดูกรสารีบุตร แม้บรรดาสัตว์ผู้มีปัญญา ก็ย่อมเป็นไปในประเทศพุทธญาณ ฉันนั้นเหมือนกัน พุทธญาณแผ่ไป แล่นไปสู่ปัญหาของเทวดาและมนุษย์แล้วตั้งอยู่บรรดากษัตริย์ พราหมณ์ คฤหบดี สมณะ ผู้เป็นบัณฑิต มีปัญญาละเอียด
    แต่งวาทะโต้ตอบ มีปัญญาเปรียบด้วยนายขมังธนูผู้สามารถยิงขนทราย เที่ยวทำลายปัญญาและทิฐิด้วยปัญญา บัณฑิตเหล่านั้นแต่งปัญหาแล้วพากันเข้ามาหาพระตถาคต ถามปัญหาทั้งลี้ลับและเปิดเผย ปัญหาเหล่านั้นพระผู้มีพระภาคตรัสบอกและทรงแก้แล้ว มีเหตุที่ทรงแสดงไขให้เห็นชัด ปรากฏแก่พระผู้มีพระภาคความจริง พระผู้มีพระภาคย่อมทรงรุ่งเรืองยิ่งด้วยปัญญา เพราะทรงแก้ปัญหาเหล่า
    นั้น เพราะเหตุนั้น พระผู้มีพระภาคจึงเป็นผู้เลิศ มีพระปัญญาไม่ใกล้ นี้เป็นอัสสามันตปัญญา ในคำว่า ย่อมเป็นไปเพื่อความเป็นผู้มีปัญญาไม่ใกล้ ฯ

    D0F3681D-B489-47CA-8938-4D8B519BBD0F.jpeg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 พฤศจิกายน 2023
  18. Lord deva

    Lord deva สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2022
    โพสต์:
    386
    ค่าพลัง:
    +30
    ผลพวงเล็กๆน้อยๆ จากการถือศีลตั้งตนปฎิบัติธรรม นิมิตว่าด้วยเหตุการณ์ร้าย อย่างเร็วก็ทันตาเห็น อย่างช้าก็ 3เดือน ระบุตำแหน่ง!

    แบบทั่วไปจะปรากฎขึ้นมาเองเหมือนกับโฆษณาขั้นรายการ (ของฟรี)
    แบบปกติก็ตั้งใจรวบรวมสมาธิจดจ่อ! ค้นหา (ยาก ไม่ง่าย)

    ยังมีต่อ!
    “ นิมิตที่ต้องไขความ ฝ่ายเทวดาเครื่องทรงสีทองเบื้องซ้ายทำพันธสัญญา เรียบร้อย เหลือแต่เบื้องขวาเหล่าเครื่องทรงสีเงินกำลังจะทำ”



    64570E61-33A8-4D03-8EA1-E1FDBC0D2032.jpeg

    ป่วนอีก! โจรใต้กราดยิงใส่รถชาวบ้านที่ อ.ศรีสาคร

    .
    เมื่อวันนี้ 7 พ.ย. 66 เวลา 14.00 น. สภ.ศรีสาคร ได้รับแจ้งเหตุกลุ่มโจรใต้ไม่ทราบจำนวน ขับขี่รถจักรยานยนต์ใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดประกบยิง นายมะสาเห โต๊ะแมะ อายุ 50 ปี ขณะขับรถยนต์กระบะ ยี่ห้อ ISUZU D-MAX สีบรอน ทะเบียน บฉ 1514 นราธิวาส จำนวน 3 นัด กระสุนเข้าบริเวณกระจกด้านหลังฝั่งคนขับทะลุกระจกด้านหน้า จำนวน 1 นัด ทำให้ชิ้นส่วนเศษหัวกระสุนปืนและเศษกระจกฝังเข้าบริเวณกะโหลกศีรษะ ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลศรีสาคร

    .
    เหตุเกิดที่บนถนนหมายเลข 4060 บริเวณรอยต่อ บ.ทำนบ (บ้านย่อย บ.บือแนนากอ) ม.6 - บ.ตอหลัง ม.1 ต.ตะมะยูง อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส

    14576B6F-50E0-44B9-A62D-E183A7FD62BB.jpeg C865B9CE-4D41-4039-84CE-D5D55E922DDF.jpeg 41AF15AB-1605-448F-9D65-F15F082F056A.jpeg


    ของแถม เอาไว้จองตั๋วไปเที่ยวพระนิพพาน ! เขาทำทัวร์กัน

    https://vt.tiktok.com/ZSNyMUEDj/
    BB41CA6C-5FE7-4A04-8B0E-1F968678AC56.jpeg
    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 พฤศจิกายน 2023
  19. Lord deva

    Lord deva สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2022
    โพสต์:
    386
    ค่าพลัง:
    +30
    69303851-D3D0-419F-B2A0-3A1281A63F9B.jpeg

    CCB91EE9-E6C3-4694-AA5F-EE246EDD7924.jpeg
    9A356D86-F873-471D-8221-DF4AFAECAE0E.jpeg
    3D28999E-8BC7-4EC1-A0D6-4789B6897BA4.jpeg
    225BD52F-F7A3-4706-A0F7-7B84D1F9DB57.jpeg
    61C487E0-26E5-4BA5-92CB-8E3FB752FEDC.jpeg
    A230DB6C-E1AA-473C-AC8F-1E26C22F3A11.jpeg

    บทบาทหน้าที่ ของผู้เข้าถึงควรกระทำตามสมควรปฎิบัติ

    คือ การน้อมนำลงมาแสดงไว้ ไม่ใช่เพื่ออื่นใด นอกจากการเคารพบูชา สักการะ พระสัทธรรม แจ้งเหตุว่า พระองค์ท่านทรงรู้ทรงทราบ ปัญหาที่เกิดขึ้นแล้วแต่เหตุนี้อยู่ เพื่อความตั้งมั่นในพระสัทธรรม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 พฤศจิกายน 2023
  20. Lord deva

    Lord deva สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2022
    โพสต์:
    386
    ค่าพลัง:
    +30

    ขอนอบน้อมแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    ขอนอบน้อมแด่พระสัทธรรม
    ขอนอบน้อมกราบนมัสการพระสุปฎิปันโนฯ
    14A225BA-F85C-43A2-B0C3-D11539B964BF.jpeg

    ภิกษุ ท.! โลกธรรม มีอยู่ในโลก. ตถาคต ย่อมตรัสรู้ ย่อมรู้พร้อมเฉพาะ ซึ่งโลกธรรมนั้น; ครั้นตรัสรู้แล้ว รู้พร้อมเฉพาะแล้ว ย่อมบอก ย่อมแสดง ย่อมบัญญัติ ย่อมตั้งขึ้นไว้ ย่อมเปิดเผย ย่อมจำแนกแจกแจง ย่อมทำให้เป็นเหมือนการหงายของที่คว่ำ.

    ภิกษุ ท.! ก็อะไรเล่า เป็นโลกธรรมในโลก?

    ภิกษุ ท.! รูป เป็นโลกธรรมในโลก. ตถาคต ย่อมตรัสรู้ ย่อมรู้พร้อมเฉพาะ ซึ่งรูปอันเป็นโลกธรรมนั้น; ครั้นตรัสรู้แล้ว รู้พร้อมเฉพาะแล้วย่อมบอก ย่อมแสดง ย่อมบัญญัติ ย่อมตั้งขึ้นไว้ ย่อมเปิดเผย ย่อมจำแนกแจกแจง ย่อมทำให้เป็นเหมือนการหงายของที่คว่ำ.

    ภิกษุ ท.! บุคคลบางคน แม้เราตถาคตบอก แสดง บัญญัติ ตั้งขึ้นไว้เปิดเผย จำแนกแจกแจง ทำให้เป็นเหมือนการหงายของที่คว่ำ อยู่อย่างนี้ เขาก็ยังไม่รู้ไม่เห็น. ภิกษุ ท.! กะบุคคลที่เป็นพาล เป็นปุถุชน คนมืด คนไม่มีจักษุคนไม่รู้ไม่เห็น เช่นนี้ เราจะกระทำอะไรกะเขาได้.


    ภิกษุ ท.! เปรียบเหมือน ดอกอุบล หรือดอกปทุม หรือดอกบัวบุณฑริกก็ดี เกิดแล้วเจริญแล้วในน้ำ พ้นจากน้ำแล้วดำรงอยู่ได้โดยไม่เปื้อนน้ำ, ฉันใด; ภิกษุ ท.! ตถาคตก็ฉันนั้นเหมือนกัน เกิดแล้วเจริญแล้ว ในโลกครอบงำโลกแล้วอยู่อย่างไม่แปดเปื้อนด้วยโลก.

    30E11AFF-3D03-4A20-BB02-6823F5CAA547.jpeg

    ขอท่านทั้งหลายใช้จิต พิจารณาดูนะครับ ว่าพระองค์
    ทรงพระมหากรุณาถ่ายทอดนิรุตติญานทัสสนะไว้ดังเช่นไร ?

    พระองค์ทรงทราบ ในกาลอนาคต แม้ขณะนี้ ตรงนี้ เวลานี้ก็ตาม

    ปฏิจฉันนสูตร
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย สิ่ง ๓ อย่างนี้ ปิดบังไว้จึงเจริญ เปิดเผยไม่เจริญ ๓ อย่างเป็นไฉน คือ มาตุคาม ปิดบังเอาไว้จึงจะงดงาม เปิดเผยไม่งดงาม ๑ มนต์ของพราหมณ์ ปิดบังเข้าไว้จึงรุ่งเรือง เปิดเผยไม่รุ่งเรือง ๑มิจฉาทิฐิ ปิดบังไว้จึงเจริญ เปิดเผยไม่เจริญ ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย สิ่ง ๓ อย่าง
    นี้แล ปิดบังไว้จึงเจริญ เปิดเผยไม่เจริญ

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย สิ่ง ๓ อย่างนี้เปิดเผยจึงรุ่งเรือง ปิดบังไม่รุ่งเรือง ๓ อย่างเป็นไฉน คือ ดวงจันทร์ เปิดเผยจึงรุ่งเรือง ปิดบังไม่รุ่งเรือง ๑ ดวงอาทิตย์ เปิดเผยจึงรุ่งเรือง ปิดบังไม่รุ่งเรือง ๑ธรรมวินัยที่พระตถาคตประกาศไว้แล้ว เปิดเผยจึงรุ่งเรือง ปิดบังไม่รุ่งเรือง ๑


    ดูกรภิกษุทั้งหลาย สิ่ง ๓ อย่างนี้แล เปิดเผยจึงรุ่งเรือง ปิดบังไม่รุ่งเรือง ฯ

    {เสียดายที่ข้าพเจ้ายังไม่มีปาฏิหาริย์ ๓ คงจะทำการใดอันสมควรได้มากกว่านี้}

    ซึ่งการวิบัติขาดสูญอันยิ่งใหญ่นี้



    ดูกรจุนทะ ศาสดาผู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธะเกิดขึ้นแล้วในโลกนี้ และธรรมอันพระศาสดานั้นกล่าวไว้ดีแล้ว ประกาศไว้ดีแล้ว เป็นธรรมที่นำผู้ปฏิบัติให้ออกไปจากทุกข์ได้ เป็นไปเพื่อความสงบระงับ เป็นธรรมที่ท่านผู้เป็นสัมมาสัมพุทธะประกาศไว้ แต่ว่าสาวกทั้งหลายของศาสดานั้น เป็นผู้ไม่รู้แจ้งอรรถในพระสัทธรรมและพรหมจรรย์อันบริบูรณ์สิ้นเชิง เป็นปาพจน์อันศาสดาของ สาวกเหล่านั้นทำให้แจ้งแล้ว ทำให้ตื้นแล้ว ทำให้มีบทอันรวบรวมไว้พร้อมแล้วทำให้มีปาฏิหาริย์พอที่เทพดามนุษย์ทั้งหลายประกาศได้ด้วยดีแก่สาวกเหล่านั้น

    ครั้นต่อมา ความอันตรธานย่อมมีแก่ศาสดาของสาวกเหล่านั้น ดูกรจุนทะ ศาสดาเห็นปานนี้แล เป็นผู้ทำกาละแล้ว ย่อมเป็นเหตุเดือดร้อนในภายหลังแก่สาวกทั้งหลาย

    ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะว่าศาสดาผู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธะได้เกิดแล้วในโลก และธรรมเล่าก็เป็นธรรมอันศาสดานั้นกล่าวไว้ดีแล้ว ประกาศไว้ดีแล้วเป็นธรรมที่นำผู้ปฏิบัติให้ออกไปจากทุกข์ได้ เป็นไปเพื่อความสงบระงับ เป็นธรรม ที่ท่านผู้เป็นสัมมาสัมพุทธะประกาศไว้ แต่ว่าเราทั้งหลายไม่ได้เป็นผู้รู้แจ้งอรรถในพระสัทธรรม และพรหมจรรย์อันบริบูรณ์สิ้นเชิง ไม่ได้เป็นปาพจน์อันเราทั้งหลายทำให้แจ้งแล้ว ทำให้ตื้นแล้ว ทำให้มีบทอันรวบรวมไว้พร้อมแล้ว ทำให้มีปาฏิหาริย์พอที่เทพดามนุษย์ทั้งหลายประกาศได้ด้วยดี

    ครั้นต่อมา ความอันตรธานย่อมมีแก่ศาสดาของเราทั้งหลาย ดูกรจุนทะ ศาสดาเห็นปานนี้แล ทำกาละแล้วย่อมเป็นเหตุเดือดร้อนในภายหลังแก่สาวกทั้งหลาย ฯ


    ดูกรจุนทะ อนึ่ง พระศาสดาผู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธะเกิดขึ้นแล้วในโลกนี้ และธรรมเล่าก็เป็นธรรมอันพระศาสดานั้นกล่าวไว้ดีแล้วเป็นธรรมที่จะนำผู้ปฏิบัติให้ออกไปจากทุกข์ได้ เป็นไปเพื่อความสงบระงับ เป็นธรรมที่ท่านผู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธะประกาศไว้ และสาวกทั้งหลายของศาสดานั้นเป็นผู้รู้แจ้งอรรถในสัทธรรม และพรหมจรรย์อันบริบูรณ์สิ้นเชิง เป็นปาพจน์อันศาสดานั้นทำให้แจ้งแล้ว ทำให้ตื้นแล้ว ทำให้มีบทอันรวบรวมไว้พร้อมแล้ว ทำให้มีปาฏิหาริย์ พอที่เทพดามนุษย์ทั้งหลายประกาศได้ด้วยดี แก่สาวกเหล่านั้น

    ครั้นต่อมา ความอันตรธานย่อมมีแก่ศาสดาของสาวกเหล่านั้น ดูกรจุนทะ ศาสดาเห็นปานนี้แล ทำกาละแล้ว ย่อมไม่เป็นเหตุเดือดร้อนในภายหลังแก่สาวกทั้งหลาย

    ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะว่าแม้ศาสดาผู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธะก็เกิดขึ้นแล้วในโลก และธรรมเล่าก็เป็นธรรมอันพระศาสดานั้นกล่าวไว้ดีแล้ว ประกาศไว้
    ดีแล้ว เป็นธรรมที่จะนำผู้ปฏิบัติให้ออกไปจากทุกข์ได้ เป็นไปเพื่อความสงบระงับเป็นธรรมอันท่านผู้เป็นสัมมาสัมพุทธะประกาศไว้ และเราทั้งหลายก็ได้เป็นผู้รู้แจ้งอรรถในสัทธรรม ทั้งพรหมจรรย์อันบริบูรณ์สิ้นเชิง ก็เป็นปาพจน์อันเราทั้งหลายทำให้แจ้งแล้ว ทำให้ตื้นแล้ว ทำให้มีบทอันรวบรวมไว้พร้อมแล้ว ทำให้มีปาฏิหาริย์ พอที่เทพดามนุษย์ทั้งหลายประกาศได้ด้วยดี

    ครั้นต่อมา ความอันตรธานย่อมมีแก่ศาสดา ดูกรจุนทะ ศาสดาเห็นปานนี้แล ทำกาละแล้ว ย่อมไม่เป็นเหตุเดือดร้อนในภายหลังแก่สาวกทั้งหลาย ฯ

    7923C4A7-4E24-467C-8841-011A19754DAD.jpeg
    DBAA56A1-6041-4744-8ECC-3A1909B1E9A0.jpeg
    24AB2959-C209-4510-A5C5-3CB346670D2D.jpeg DBB87218-DE1C-4C9D-B4AC-157DA4764D61.jpeg
    8399CDEE-56FB-4858-B83F-A2A2F8129F5D.jpeg
    ท่านผู้คงแก่เรียน ดังที่ข้าพเจ้าเฝ้าอธิบายมาโดยเนื้อความแห่งปฎิสัมภิทา ครั้งเมื่อปฐมสังคายนา พระสังคาหกเถระ ร่วม กันจรรโลงรักษาพระธรรมคำสั่งสอนด้วยปฎิสัมภิทา

    {ปฎิสังยุตด้วยสุญญตาธรรม}

    ท่านคงจะเข้าใจได้ไม่ยาก ! ข้าพเจ้าได้อธิบายตรงตามความเป็นจริงนี้ไว้แล้ว และข้าพเจ้าปรารถนาให้ผู้มีศรัทธาในพระรัตนตรัยผู้มีความรักเคารพหวงแหนพึ่งพิงในพระไตรปิฏก พระสัทธรรม อยากให้ทุกๆท่านได้เข้าถึงเช่นเดียวกัน

    มีข้อพิจารณาอยู่ข้อหนึ่งครับ นั่นก็คือ

    ธรรมดาความเป็นจริง ที่เรามองข้ามไปอย่างหนึ่ง คือในพุทธสมัย ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธทรงพระชนม์พรรษาอยู่ ตอนนั้น ยังไม่มีการบันทึกอรรถะ พยัญชนะ นั่นก็หมายความว่า จะเพียงอาศัย สัญญาความจำได้ หมายรู้ มาตรวจสอบ กับ มหาปเทส๔ ว่าตรงกันหรือไม่ นั้น แสดงว่าทรงเล็งญานอนาคตกาล๑ และอีกกรณี ก็มีแต่ท่านทรงพระไตรปิฏกธร และท่านปฎิสัมภิทาเพียงเท่านั้นจึงจะสามารถ ทำการสำรวจเชิงอรรถพยัญชนะได้ครับ ยุคสมัยนั้น ส่วนยุคเรามีพระไตรปิฏกแล้ว ก็ตรวจทานพิจารณาใคร่ครวญกันตรงๆ

    สิ่งที่ถูกปิดบังไว้ก็จะชัดเจนขึ้นครับ !

    ข้าพเจ้า ขออนุโมทนาฯ



    CA353605-07C0-4BB6-B777-A7C43E23B7B2.jpeg
    9D2DCACC-E5BD-4784-9034-3888410CBC9D.jpeg
    44121A55-5116-4C53-A494-8993DC15D898.jpeg 33A2653C-C6A3-4845-BD71-C585A4946478.jpeg 1AF22341-E8B6-4448-B78A-EF6762909A0C.jpeg E433EE7D-D0E3-4604-9C33-6918B94F97F1.jpeg

    86BDBA8D-2341-4AED-AAE2-85F337B80E54.jpeg

    653B8A0B-12F6-4A89-821F-473FED7BBBFA.jpeg
    2091722A-E2BD-449B-8E0B-EDC53CFBA494.jpeg

    เคยได้ยินมาว่า ถ้ามีพระสงฆ์ นับ10,000 รูป ขึ้นไปรวมประชุมกระทำกิจแห่งสงฆ์ร่วมกัน จักมีพระอริยะบุคคล ปะปนอยู่ด้วย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 พฤศจิกายน 2023

แชร์หน้านี้

Loading...