เรื่องเด่น พุทธทำนาย ยุคกึ่งพุทธกาล จะเกิดภัยพิบัติและสงครามใหญ่ (ปีพ.ศ. 2560 เป็นต้นไป)

เสียงเหล่านี้ ไม่กี่เดือนมานี้ เหมือนเสียงอาฬวกะยักษ์? (คิดในใจ รู้สึกชอบ)

จะว่าไปเคยคำรามเสียงคล้ายแบบนี้เหมือนกันนะ ไม่พอใจ! ระบายอารมณ์ ปีสองปีมานี้!


มีอีกมากมายในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้

เป็นเสียงจากธรรมชาติหรือมีผู้เสกสรรปั้นแต่งขึ้นกันนะ

บ้างก็ว่าเหมือนเสียงแตร ในคติวันสิ้นโลก โดยทีเดียว

 

ที่สำคัญ เรื่องนี้ พึ่งมีการเปิดเผยหรือสนใจกันมาตามที่ค้นมาได้ ก็อยู่ในระยะเวลา10นี้ เพียงเท่านั้น ที่มีการบันทึก ก็นับตั้งแต่ปี53 เป็นต้นมา

ที่สงสัย /เกี่ยวพันอะไรกับ คำภีร์อหังการวิเศษมาร ปรากฎปี53หรือไม่

หรือจะเกี่ยวพัน กับ พระธรรมคัมภีร์ทิพยวิเศษบริสุทธิธรรม ปรากฎปี54

เนื่องด้วยการทำลายพระไตรปิฎก จากที่ส่งเสียงไปทั่วโลกสุดท้ายก็มาถึงที่ไทย ที่ยโสธรตามคลิปแรก เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา

ที่สำคัญเรื่องนี้ในอดีตมีการค้นพบและบันทึกเรื่องราวไว้แล้วหรือยัง? ถ้าเป็นของใหม่ในรอบ10ปีนี้ ก็ควรพิจารณาให้รอบด้านให้ถี่ถ้วน ทั้งโลกศาสตร์วิทยาศาสตร์และจิตศาสตร์ หรือ ธรรมศาสตร์ ธรรมชาติทั้งหลาย

สิ่งที่ไม่เคยรู้จักไม่เคยได้เห็นได้ยิน ก็จักมีมาเรื่อยๆ ตามคำนวนนับ

 

ขออนุโมทนาบุญแก่ชาวเชียงใหม่! ชาวน่าน และชาวลำปางที่แข็งแกร่ง! ในจุดยืนถึงพุทธบริษัทแก้ว

 

จะมาได้ยังไงครับ ศาสนาพระโคดมยังไม่ครบ5000ปีเลยครับ

 

คงอยากให้คนมานับถือศรัทธาละมั๊ง..
ถ้าเป็นจริงมันอาจไม่ใข่เรื่องสนุกก็ได้นะ

 

ในหน้าที่ "พยานรู้เห็น" ก็คงต้องกล่าวเพียงว่า"

พระศรีอาริย์ พระจักรพรรดิ พระยาธรรมมิกราช
ไม่ว่าใครก็ตาม ตราบใดที่ไม่มีปาฎิหาริ์ย ๓ ไม่รู้จักทิพยภาษา ไม่รู้จัก
[พระไตรปิฏกพระธรรมคัมภีร์ธรรมแม่บท] (ดั้งเดิม) หรือ [ทิพยวิเศษบริสุทธิธรรม] และ *คัมภีร์อักขระพยัญชนะมาร* หรือ *อหังการวิเศษมาร* ผู้นั้นก็เป็นใครใน ฐานะ ๓ นี้ไม่ได้

เน้น ปาฎิหารย์ ๓ เป็นหลัก หากจะช่วยเวไนยสัตว์ให้มาก แม้ในตอนนี้เหล่าพระมหาโพธิสัตว์และพระโพธิสัตว์ก็ย่อมทรงช่วยอยู่

เรื่องจะมาให้คนเขานับถือ ก็คงจะมีแต่คนฉลาดๆในธรรมเท่านั้นที่จะนับถือ หรือศึกษาเล่าเรียนตาม ไม่มีวาสนาไม่ได้พบหรอก ต่อให้ได้พบก็คงจะมีแต่สร้างความยุยงยุแยงแตกแยกตามวิสัยกรรมของสัตว์ด้วยอคติ๔

ถ้าไม่มีพุทธธรรมเนียม เรื่องการมาเกิดซ้อนกันของพระพุทธเจ้า ก็คงจะไม่แน่ใจในสิ่งที่มีได้มีไม่ได้

ยุคพระพุทธเจ้าจะมีพระโพธิสัตว์ อันมากมาอาศัยเกิดในร่มโพธิ์ร่มไทรใหญ่ เพื่อสั่งสมบุญบารมี และชดใช้เศษกรรมในชาติ และเพื่อบรรลุธรรมตามกาล ในทิพยภูมิของพระอริยะ ตามบุพกรรม

เรื่องสำคัญ

จงพึงพิจารณาเอาไว้ว่า" องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงตรัสทรงสอนไว้หรือไม่ ว่าทรง บรรลุ เป็นพระโสดาบัน พระสกิทาคามี พระอนาคามี และพระอรหันต์
ตามลำดับ การบรรลุธรรมในชาติเดียว

เราได้เคยกล่าวไว้แล้วว่า ทิพยภูมิของพระอริยะเจ้าจนถึงพระโพธิญานนั้นมีหลายระดับ แม้พระพุทธเจ้าก็มีพระปัจเจกพุทธเจ้า และ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ความแตกต่างในสถานะธรรมสภาวะธรรม ก็มีเสมอและแตกต่างกันไปตามฐานะ

ถ้าเข้าใจอย่างนั้น ก็คงจะต้องบัญญัติใหม่เป็นข้อตกลงไปอีกว่า พระโพธิสัตว์ทั้งหลายผู้ที่จะเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตห้ามมาเกิดในยุคสมัยของพระพุทธเจ้าองค์นั้นองค์นี้โดยเด็ดขาด ต้องไปเกิดสมัยกัปป์ที่มีแต่พระปัจเจกพุทธเจ้าเพียงเท่านั้น หรือกัปป์ที่ไม่มีพระพุทธศาสนาเลย

และก็รอ พระปัจเจกพุทธเจ้าสักองค์หรือหลายองค์ ทรงพยากรณ์ ว่าจะได้ หรือพยากรณ์ตนเองไปเลย

หรือถ้าจะให้ดีขึ้นไปอีก พระพุทธเจ้าองค์หนึ่งทรงพยากรณ์ว่า ดูกรภิกษุ มาณพนั้น มาณพไหนก็ตาม พวกท่านก็ไม่ได้รู้ ไม่ได้เห็นตามเรา แต่ช่างเถิด เราจักพยากรณ์ ความเป็นพระพุทธเจ้าของมาณพนั้น ซึ่งเราก็ไม่เคยเห็นมาก่อนเลยเหมือนกัน ไม่เคยเห็นแม้แต่ในวาระสมัยพระพุทธเจ้าองค์ก่อนในกัปป์ก่อนๆ ใดๆมาก่อนเลยก็ตาม

มาณพนั้น ไม่เคยถึงพระพุทธเจ้าเลย ไม่เคยเกิดร่วมหรือได้เคยพบเห็นพระพุทธเจ้า


"จะมีมาแต่ไหน พึงพิจารณา"


ส่วนเรา ขอตอบไว้เพื่อบุคคลที่ไม่มีความอคติ๔ แก่เรา เพียงพอแก่การเข้าใจ

จระเข้ แถวนี้มีเยอะ! ขี้เกียจกระโดดเหยียบหัวมันบ่อยๆ

ตามประสาชีวิตใครชีวิตมัน !

 

ขอบคุณครับ
ตอบข้อสงสัย ในใจ ได้มากเลย เรื่องโพธิญาน ที่เดิมเข้าใจว่าจะมีแต่ในพระพุทธเจ้าทั้งหลายเท่านั้น แต่ความจริงแล้วโพธิสัตว์ก็มีได้้ แต่คงละเอียดแตกต่างกััน ถ้าแบบนี้ก็ไม่แปลก หากพระศรีมาเกิดในยุคนี้ และได้โพธิญานในระดับของโพธิิิิิสัตว์...

 

พระโพธิสัตว์ไม่ถึงพระพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์ไม่ถึงบทธรรม พระโพธิสัตว์ไม่มีการบรรลุธรรม พระโพธิสัตว์ไม่รู้ธรรม ๕ ในสากัจฉสูตร พระโพธิสัตว์ไม่รู้จักวิมุตติ๕ ธรรมอันพ้นโลก พระโพธิสัตว์ไม่รู้ ทาน ศีล ภาวนา เนกขัมมะ อานิสงส์ กถา๕ พระผฝโพธิสัตว์ไม่รู้ดีชั่ว

พระอินทร์ที่มีปรากฎในพระสูตรท่านก็ทำไม่ได้ดอก เพราะท่านก็ถึงบทธรรมแล้ว

แม้ลูกนกคุ้มยังรู้สัจจะกถา

พระโพธิสัตว์แบบไหน ไม่รู้อะไร แล้วจะเอาอะไรมาเป็นพระโพธิสัตว์ แล้วจะเป็นไปเพื่อการอันใด

ผิดๆถูกๆก็อดทนสั่งสมบารมีกันไป จะได้เอามาเป็นเคสตัวอย่างสั่งสอน

ถ้าถึงพยากรณ์และจนพยากรณ์ตนเองได้แล้ว ก็จะทรงตรัสอย่างนี้

สารีบุตร ! ถ้าผู้ใดจะพึงกล่าวให้ถูกให้ชอบว่า “สัตว์มีความไม่หลงเป็นธรรมดา บังเกิดขึ้นในโลก เพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุขแก่มหาชน เพื่ออนุเคราะห์โลก, เพื่อประโยชน์ เพื่อความเกื้อกูล เพื่อความสุขแก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย” ดังนี้แล้ว ผู้นั้นพึงกล่าวซึ่งเราผู้เดียวเท่านั้น.

ถ้ามีพระโพธิสัตว์ถึงพยากรณ์แล้ว แต่ไม่ได้เป็นพระโสดาบัน ขึ้นไป จะรอตรัสรู้ธรรมครั้งเดียว รวดเดียวหรือกระโดดขึ้นพระสัมมาสัมโพธิญาณเลย ผ่าน โสดา สกทาคา อนาคา อรหันต์ ปัจเจกอรหันต์ โดยไม่เคยผ่านการเป็นพระอริยะ มาก่อนในภพชาติ หรือมีวาสนาหรือได้พบพระพุทธเจ้า สุดท้ายก็จะวนมาที่ ทรงพยากรณ์ให้หรือยัง?

จะทำให้แจ้งเองเอกายนมรรค นั่นก็พระปัจเจกภูมิท่าน


เราก็จนปัญญาจะหาคำตอบมาอธิบายได้

"ไม่เคยพบและรู้จักพระพุทธเจ้าหรือพุทธศาสนา แต่จะเป็นพระโพธิสัตว์ที่อยู่ในพระศาสนา

ถ้ามีโพธิสัตว์ท่านอัธยาศัยแบบนี้ เราก็จนปัญญาจะวิสัชนา "





ข้อนี้ก็พากันให้สับสนเหมือนกับ กรณี สาติภิกษุ วิญญาณล่องลอยไปมารับทุกข์สุขได้

สับสนกันไปหมด !


ที่พิมพ์ไว้นี้ก็เพื่อให้ไตร่ตรองดู ถึงฐานะและสภาวะของ พระโพธิสัตว์ ทั้งหลาย

"ตั้งใจจะเป็น พยายามจะเป็น ทำเพื่อจะได้เป็น และ สุดท้ายก็ได้เป็น

เป็นครบ ทั้งกาย เป็นทั้งวาจา และเป็นทั้งใจ

ครบ3ประการ "


ไม่ใช่นึกจะเป็นก็เป็นเลย เหตุที่ทำให้เป็นเหตุทำให้ อยากเป็น มันจะต้องมี จะต้องปรารถนา

 

เรากล่าวถึงพระโพธิญาณก็ต่อเมื่อตรัสรู้เป็นพระอรหันต์เจ้าแล้วเท่านั้นไป

ไม่ใช่

พระอริยะบุคคล ระดับ โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี จะมีจะได้ในพระโพธิญาณประกอบในความเป็นพระอริยะ๓ของตน

อย่าแปลงสาร!

 

[QUOTE="เสขะปฎิสัมภิทา, post: 11291286, member: 688414"
ปาฎิหาริ์ย ๓ ไม่รู้จักทิพยภาษา ไม่รู้จัก
[พระไตรปิฏกพระธรรมคัมภีร์ธรรมแม่บท] (ดั้งเดิม) หรือ [ทิพยวิเศษบริสุทธิธรรม] และ *คัมภีร์อักขระพยัญชนะมาร* หรือ *อหังการวิเศษมาร* ผู้นั้นก็เป็นใครใน ฐานะ ๓ นี้ไม่ได้

เน้น ปาฎิหารย์ ๓ เป็นหลัก หากจะช่วยเวไนยสัตว์ให้มาก แม้ในตอนนี้เหล่าพระมหาโพธิสัตว์และพระโพธิสัตว์ก็ย่อมทรงช่วยอยู่[/QUOTE]
ปาฏิหาริย์ 3อย่างเดียวก็หืดจับแล้ว
ที่เหลือจะไปศึกษาจากไหนครับ
หรือ มีอะไรเป็นเหตุครับ

 

ปาฏิหาริย์ 3อย่างเดียวก็หืดจับแล้ว
ที่เหลือจะไปศึกษาจากไหนครับ
หรือ มีอะไรเป็นเหตุครับ[/QUOTE]


ปาฎิหาริย์ 3 มีอะไรบ้าง? ฐานะใหญ่ สูงสุดก็องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

อันจักสามารถคลี่คลายอุปสรรคในการแสดงธรรม และฉุดช่วย ได้นานัปการ

3 ปิฏก ปิฏกพุทธ ปิฏกพรหม ปิฏกมาร

เน้นเพียง พุทธ กับ มาร ก็พอ

ถ้าได้ดวงตาเห็นธรรมก็จะมีคุณสมบัติครบในธรรมสากัจฉา หรือเรียกตามพระสูตรว่า สากัจสูตร ๕ ประการ

อีกสองฐานะคือ ระดับพระอเสขะ ๑ และพระปฎิสัมภิทา16 ๑ ซึ่งก็เป็นผู้ที่ล้วนมีล้วนได้ ในธรรมสากัจฉาในสากัจฉสูตร

อันเป็นเหตุแห่งสามัญผลของผู้ประพฤติธรรมตามธรรมในพระพุทธศาสนาที่จะต้องได้อยู่แล้วซึ่งมรรคผลตามนี้ไม่ว่าวันใดวันหนึ่ง


ส่วนปิฏกมาร ก็ต้องถึงความเป็นมารมาก่อน จึงจะรู้ทางมาร รู้ภัยจากมาร รู้จักมาร และอสัทธรรมแห่งมาร

ที่แน่ๆที่รู้ดีที่สุด ก็คือ สัทธรรมปฏิรูป ย่อมรู้ชัด ว่าปรากฎ เพราะเป็นคุณสมบัติของ ผู้ได้สากัจฉสูตร ๕ ประการ

เหตุ ก็ต้องว่าไปตามบุพกรรม ถ้ามีพระสูตรใดบ่งบอกว่า พระอริยะเจ้าหรือพระมหาโพธิสัตว์ใด เคยเกี่ยวข้องเคยเป็นพยามารมาเหมือนกันก็เอาพระสูตรนั้นแล วิสัชนา

ไม่มีมารก็ไม่มีพระ

เป็นได้ทั้งพระทั้งมาร

อุปมาเพียงเท่านี้!

 

ตลกตรงไหนนิ

 

ไขปริศนา#เสียง#ในข้อที่1

โรคระบาด ไอม่องคร่อ!! และ ถ้าไม่ถึงคราวคับขัน จะไม่ปรากฎ ฯลฯ หากท่านใดศึกษาพิจารณาต่อ ในเรื่อง พระวิธุรบัณฑิต ก็อาจจะพบข้อความหรือข้อมูลที่สำคัญอันเป็นนัยในการส่งสื่อความหมาย ในกระแสนิรุตติญานทัสสนะที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสแสดงชาดกเรื่อง การบำเพ็ญ สัจจบารมี ของท่านวิธุระบัณฑิตอื่นๆอีกก็เป็นไปได้

ตั้งใจพิจารณาอ่านให้ดีๆ เพราะเกี่ยวกับ พายุที่หรืออะไรที่เกิดขึ้นและกำลังจะเกิดขึ้นต่อไปในภายภาคหน้านี้อีกด้วย

 

โรค โควิด 19 หรือ ไอมองคร่อ (ห่าลงปอด ปอดติดเชื้อ)

เกี่ยวพันกับ ทศชาติขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงได้แสดงเอาไว้

ผู้ใดมีปัญญามาก ย่อมรู้นัยยะเหล่านี้ โดยไม่ฟั่นเฟือน

ผู้ใดมีปัญญาพอที่จักจะเข้าใจได้ จงนำไปผูกเรื่องเอาเอง

แล้วจักรู้เรื่องราวว่ามิใช่เรื่องบังเอิญฯทั้งสิ้น





https://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=28&A=5626&Z=6510

 

เล่าให้ฟังขำๆ เรื่องนิยายปรัมปรัมปรา

"ไอมองคร่อ" โรคในตำนาน เสื่อมฤทธิ์เสื่อมเดชเป็นวงกว้างทั่วโลก แม้เราเองในอดีตชาติผู้เคยเป็นใหญ่ในเมืองนาคราช ผู้ประหารนาคสีเงินดำตัวเขื่องด้วยพระขรรค์แก้วในวิมานภิภพนาค (ลำตัว เส้นผ่าศูนย์กลาง 150-200 cm. )

" ทำผิดกฎ เรื่องชู้สาว หรือไปคายพิษทิ้งไว้ทำร้ายมวลมนุษย์หรือหมู่สัตว์กันแน่นะ ฤทธิ์มากเสียด้วย แต่โดนจับ ฉับเดียวขาด น่าจะสิ้นฤทธิ์ยอมจำนน"

แม้ในบัดนี้เราได้พบได้พูดคุยกับอดีตชายานางนาคสีทองตระกูลปกครองแล้วก็ตาม แต่ก็ไม่ปรารถนาอยู่ร่วมเรียงเคียงหมอนกับนาง (โค้งสุดท้าย มาปรากฎ ก่อนสละโลก)

เรื่องนี้เกี่ยวพันหลายฝ่าย ในเรื่อง วิธุรบัณฑิต ตั้งแต่บรรดาพระราชาแว่นแคว้นต่างๆเจ้าเมือง จนบาดาลภิภพ
ยักษ์นาคคนธรรพ์ทั้งหลาย จนถึงระดับท่านท้าวเวสสุวรรณ

ยังมิจบง่ายๆดอกหนา


ลมฟ้าอากาศน้ำแผ่นดินและไฟ

ใครจะว่าบ้าว่าบอก็ว่าไป แต่นิยายที่ข้าผู้ระลึกชาติถึง 3 ชาติ นี้เป็นผู้กล่าวอยู่ ๑ราชปาล ๒พยานาคชั้นปกครอง ๓พรหมสวรรค์ ผู้ครองปราสาทมุก ก่อนลงมาเกิด จากการขอที่ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองอุบลฯ ยังไม่รวม นิสัยมหาปณิธานของจอมมารนั้นด้วย ว่าจะเป็นผู้ที่ยอมติดแบล็คลิสอันดับ ๑ ในแดนนรก เสวยทุกขเวทนาอย่างที่ไม่มีใครสามารถเทียบเคียงได้ ว่าได้เคยก่อกรรมทำเข็ญมามากเพียงไรในอดีต ทั้งนี้ก็เพื่อที่ว่าจักเป็นเรื่องเล่าอวดและให้กำลังใจผู้นรทุกข์ในแดนนรกว่า "นี่พวกท่านคิดว่าได้รับกรรมหนักที่สุดแล้วอย่างนั้นหรือ ไม่หรอก อย่าคิดไปเชียว ผู้ที่ยอมตนทนทุกข์ทรมานที่สุด อยู่ในมหานรกขุมลึกสุด เคยมีมาแล้ว ไม่ใช่พวกเจ้า"

ยังมีหนักกว่านี้อีกเหรอ! ว่าแต่ว่า สร้างกรรมระดับใดเล่า !
:ก็ต้องสร้างกรรมระดับ มหาพรหมาล้างโลกล้างภพนั่นแลฯ




(เราเป็นผู้แสดงถึงภัยในการระลึกชาติ ว่ามีอันตรายมาก)

 

ราชสวัสดิ์ ๑๐ ประการนี้ มีปรากฎในพระราชนิพนธ์ของพระองค์ท่าน ร.๖ และยังได้นำมายึดเป็นระเบียบแบบแผนในการปฎิบัติในปัจจุบัน ของพระองค์ ท่าน ร.๑๐

ถ้าผู้ใดอ่านเนื้อความในพระไตรปิฏกที่เราจักแสดงไว้ แล้วแยกออกเป็นข้อๆตามที่ ท่านวิธุรบัณฑิตพระโพธิสัตว์กล่าวไว้ ก็จักเข้าใจเป็นข้อเป็นข้อตามนั้น

ว่าเป็นหนึ่งในภาษิตอันเดียวกันแต่โบราณช้านานข้ามภพข้ามชาติ

และมีกี่ประเทศราชในโลกใบนี้ที่ยังคง มีศีลลาจารวัตร
มีข้อปฎิบัติตาม ราชสวัสดิ์ ๑๐ ประการนี้

เหตุอันควรจักเกิด จักเป็นไป ตามกาล

"เรื่องเล่า จากข้อมูล เชิงสังเคราะห์ธรรม อัตถัญญู ในเนื้อความ ตามวิสัย"

 

เมื่อไหร่กันหนอ ท่านจึงจักปรากฎตน!?

 

ข่าวแจ้งเตือน!!

มหานิมิตปรากฎยามรุ่งสาง 0430-0625

ข้าพเจ้าตรวจพบ พระฉัพพรรณรังสี พรรณราย ส่องสว่าง ขณะเดินทางไปทางทิศตะวันออก ในขณะที่พระอาทิตย์ขึ้น มีฉัพพรรณรังสี กระจายโดยรอบพื้นที่ หาประมาณมิได้ ในทุกๆ เส้นรอบวง และบริเวณจุดตัดโดยรอบ ไม่มีประมาณ จะปรากฎ ดอกบัวทรงกลด ๗ สี (ดอกบัวแก้ว) ย้ำว่า ดอกบัวทรงกลด กระจายอยู่เต็มพื่นที่ต่างๆ ทั้งผืนดินแผ่นฟ้า งดงามตระการตายิ่งนัก ข้าพเจ้าผู้อยู่ในมหานิมิตนี้ พอได้เห็นต้องก้มลงกราบร้องไห้ในทันที ร้องไห้อย่างสุดเสียใจปานราวกลับว่า ทั้งดีใจเหลือประมาณ เสียใจเหลือประมาณ ที่ได้พบปรากฎกาลนี้ และเสียใจที่ได้กระทำบาปอกุศลกรรมมามาก ข้าพเจ้าอยู่ในอารมณ์เสมือนท่าน อสิตดาบส เพียงแต่ต่างอารมณ์กันตรงที่จะได้พบได้อยู่ถึง

พระฉัพพรรณรังสี ดอกบัวทรงกลดนี้ ถ้าเป็นชาวพุทธ ข้าพเจ้าเชื่อว่า เหล่าพุทธบริษัทท่านทั้งหลาย จะต้องรู้สึกอย่างข้าพเจ้าในทันที ไม่มากก็น้อย แต่ที่แน่ๆ การทรุดลงคุกเข่าร้องไห้ ดีใจหรือเสียใจ ที่ไม่สามารถควบคุมได้ อาการที่ไม่สามารถควบคุมร่างกายได้ ขันธมาร ขันธ์ ๕ สยบต่อ ดอกบัวทรงกลด ลงในทันที





นิมิตที่ตามมาคือ เหล่าชนพวกหนึ่ง พวกแรก ปรากฎเป็นสตรีพาเดินชื่นชมบ้านและสวนที่ลอยบนฟากฟ้า เป็นสิ่งปลูกสร้างโดยใช้หลักวิศวกรรมศาสตร์ช่วยออกแบบ ให้ดูร่ำรวยสวยหรู บ้านทุกหลังทีสระว่ายน้ำในห้องที่ชั้นบนทั้บนั้น สตรีนั้นเชิญชวนให้ดูให้เพลิดเพลินพิศมัย แต่เราก็มิได้ไยดีหรือเห็นว่าอลังการอะไรนัก เมื่อมองเห็นผู้คนมากหน้าหลายตาปรากฎอยู่ในอาคารโปรงแสงนั้นๆ

ต่อมาก็เป็นสตรีพวก2 กลุ่มมารที่มีผ้าโพกหัว มาตำหนิพระภิกษุสงฆ์ที่กล่าวตำหนิในที่นี่ บอกว่า " ไอ้พวกนั้น (สมณะโล้นทั้งหมด ) ไม่ดีอย่างนั้น อย่างนี้ แล้วมีหญิงสาววัยรุ่นปรากฎ เที่ยวปล่อยข่าวและรุมคะยั้นคะยอและเสนอตัวและจักเสนอสตรีเพื่อแต่งงานเข้ารีต แบบไม่จำกัดว่าต้องการใครหาให้ได้หมด แต่เราทำท่าทำหูทวนลมไป ในใจคิดพลางต่อให้ขนมาหมดโลกให้กูเป็นพระราชาโคตรฮาเร็ม"กูก็ไม่เอา"(ไอ้ประโยคนี้ก็เคยได้ยินมาแล้ว ในชีวิตจริงในยะลาระดับสูงเสนอมาให้ยังกับ คุณต้องการใครในพื้นที่ ผมจัดการให้ได้หมด) "โชว์เหนือจริงๆ"

3 เรื่อง ปรากฎติดต่อเนื่องกัน !


ปล.(ยารักษาใด รักษาทารกในครรภ์ ยานั้นก็รักษาโรคห่าลงปอด ไอมองคร่อ ไปวิจัยเอา สกัดเอา ทั้งนี้แค่กลิ่นฉุน ปอดก็ดีขึ้นแล้ว ไปหาอ่านดูเอาเอง)


และก็จักบอกไว้ว่า แม้แต่ นิมิตก่อนมีโควิดที่อู่ฮั่น ในช่วงที่ถกเถียงเรื่องน้ำมูตรเน่า มีผู้ตำหนิด่าทอน้ำมูตร อันเป็น ๑ ในนิสสัย ๔ มหานิมิต อุกกาบาตเพลิงไฟประลัยกัน ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 10-20 กิโลเมตร พุ่งผ่านท้องฟ้าจังหวัดอุบลราชธานี ไปตกที่จีน ผ่านทางเส้นทางตะวันออกเฉียงเหนือไป มหานิมิตนี้ เราเล่าให้แต่เพียงมารดาเราฟังเท่านั้น และมารดาเรารู้ดี ว่าเรามีนิมิตหยั่งรู้จริง!
เสมือนกับบิดาของเราผู้เสียชีวิตแล้ว เปลี่ยนภพภูมิ แล้วมากล่าวปรากฎแก่ข้าและมารดาเมื่อสิ้นลมหายใจ กำเนิดในภพที่ดี และมาด้วยความหอมแห่งทิพย์ (กลิ่นธูปเทียนทิพย์ กระจายเต็มบ้าน) สักการะแก่เราแน่นอน ปี 54 ข้าได้ปฎิบัติอย่างดี และได้แผ่บุญมหาศาล ได้อัญเชิญพระปริตร "อภยปริตร" บทสวดมนต์จากแดนทิพย์ ประกอบสังคีตอันเป็นทิพย์ในพระไตรปิฏก ข้า ผู้ที่ไม่อยากจะเป็นใคร?ทั้งนั้น ขอเป็นเพียงพยานรู้เห็นก็พอจักกล่าวยืนยันไว้ ในสถานที่แห่งนี้และเวลานี้

ข้าคือผู้แสดงธรรมในเรื่อง การแยก" นิมิต " ออกจากความฝัน


ลงวันที่ 26 /12 /63 เรื่อง มหานิมิตที่ดีที่สุดในชีวิต (พระฉัพพรรณรังสี อุบลบุญฑริกวัฎฎะรังสีพรรณราย (ดอกบัวทรงกลด หมุนอยู่กับที่ มีหลากหลายขนาด มากมาย ทั้งผืนดินและชั้นฟ้าคำนวนนับหาประมาณมิได้ เบื้องหน้าเรา ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางกว้างประมาณ 1 เมตร สูง 1 เมตร 50 เซนติเมตร


ข้อบ่งชี้ที่แสดงชัดเจน:
ถ้าใครได้พบ ดอกบัวทรงกลดและพระฉัพพรรณรังสีนี้ จะมีความสำนึกผิดและละอายและเกรงกลัวต่อบาปที่ได้เคยสร้างมาในทันที แม้จะเป็นเพียงกรรมเล็กกรรมน้อยก็ตาม ไม่ต้องกล่าวถึงกรรมใหญ่เลย และจะ ไม่ปรารถนาที่จะกระทำความชั่วใดใดขึ้นอีก

ส่วนความดีใจ ก็อยู่รวมกัน แต่ความเสียใจต่อบาปมีมากกว่า


จงตั้งมั่นในความดีเถิด ท่านสหธรรมกัลยาณมิตร

แม้แต่เราผู้ชั่วร้ายต่ำทรามนี้ ก็ยังปรารถนาสละโลกออกจาริกแสวงบุญฯขั้นอุกฤษเมื่อหมดภาระในการดูแลมารดาในภพโลกธาตุนี้


ใครที่รู้จักเรา เชื่อในนิมิตหรือมหานิมิตที่เราได้เคยแสดงไว้ ท่านจงยินดีเถิด กับมหานิมิตในครานี้ที่ปรากฎแก่เรา


__ เสขะปฎิสัมภิทา __

 

โลกธาตุ ที่อยู่รอบเราทั้ง สี่ทิศแปดทาง
เป็น โลกธาตุที่เต็มไปด้วย ผู้ที่ชอบความยุติธรรม
คนที่ไปเกิดในโลกธาตุนั้นๆ จะมีทุกอย่างหมด
รูปร่าง หน้าตา อายุ อายุขัย ไม่มีคนพิกลพิการ
ผู้คนมีอายุอย่างน้อย ห้าร้อยปี เท่ากันหมด

มีเพียง มัชญิมาโลก หรือ โลกตรงกลาง
ที่เป็นโลกที่เต็มไปด้วยความไม่เที่ยงแท้แน่นอน
อายุ ก็ขึ้นๆลงๆ ได้ ตามกรรมใหม่ ที่ตัวเองกระทำ
ผู้คน ก็มีตั้งแต่ พระราชา ไปจนถึง ขอทาน
หน้าตา ก็มีตั้งแต่ หน้าตาดี ไปจนถึง หน้าตาพิกลพิการ
จิต ก็มีตั้งแต่ พระอรหันต์ จนถึง พญามาร
ทุกอย่างเป็นไปได้หมดในโลกนี้
แต่คนส่วนมาก ร้อยละ 99.99 เปอร์เซนต์
มักจะต้อง ตกนรก โดยส่วนเดียว
หาโอกาสที่จะ ขึ้นสวรรค์ หรือ บรรลุธรรม แทบจะไม่มี
เพราะฉนั้น ใครที่จะมองหา ความชอบธรรม หรือ ความเป็นธรรม
ก็ย่อมที่จะเป็นไปไม่ได้ จะต้องไปหาที่ โลกธาตุที่อยู่ด้านข้างโน่น
ในโลกนี้ มีแต่ ทุกคนเกิดมาด้วยกฏแห่งกรรม นำพาทั้งสิ้น
หากตั้งจิตถือศีล ก็จะได้ ไปสู่สุขติ หรือ บรรลุธรรม
หากไม่ตั้งใจถือศีล ก็จะได้ ไปทุกติ หรือ อบายภูมิ