พระดี พิธีใหญ่ รับประกันแท้ทุกรายการ!!! เชิญชม บูชา ในกระทู้ได้เลยครับ"

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย HMMAmulet626, 4 กุมภาพันธ์ 2022.

  1. HMMAmulet626

    HMMAmulet626 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    8,900
    ค่าพลัง:
    +480
    3660.พระธาตุข้าวบิณฑ์มหาลาภ หลวงปู่ครูบาชัยวงศาพัฒนา วัดพระบาทห้วยต้ม อ.ลี้ จ.ลำพูน ให้บูชา ชุดละ 450 บาท เลี่ยมเดิมอย่างดี จากวัด ในกรอบพลาสติก กันน้ำ พร้อมชายจีวรครอง ของหลวงปู่ครูบาวงศ์


    upload_2025-2-25_14-37-28.png


    upload_2025-2-25_14-38-31.png

    upload_2025-2-25_14-38-36.png

    upload_2025-2-25_14-39-2.png



    มหาโภคทรัพย์ มหามงคลสูงยิ่ง โอกาสในการครอบครองบูชาพระธาตุข้าวก้นบาตร แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ใดมีไว้บูชาจะมิได้พบพานความอดอยากขัดสนเลย พระธาตุมงคลจากสุดยอดพระเกจิอาจารย์แห่งเมืองเหนือ ที่แม่แต่หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)แห่งวัดท่าซุง ยังกล่าวยกย่องในบุญบารมีของท่าน

    พระธาตุข้าวบิณฑ์ชุดนี้ ผ่านการอธิษฐานจิตจากหลวงปู่ครูบาชัยยะวงศาหลายวาระอีกด้วย

    ประวัติที่มาพระธาตุข้าว (ข้าวบิณฑ์)
    .............ในสมัยพุทธกาล สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เสด็จไปตามสถานที่ต่างๆเพื่อโปรดเวไนยสัตว์ วันหนึ่งได้เสด็จมาไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของแม่ระมิงค์เพื่อไปโปรดพวกละว้า พวกละว้าเหล่านั้นอยู่ในภาวะอดอยาก ผืนดินแห้งแล้งทำการเพาะปลูกไม่ได้ผล ต้องหาหัวเผือกหัวมันมาต้มผสมกับข้าวกินเป็นอาหาร เมื่อพระพุทธองค์ได้เสด็จมาถึงที่นั่น พวกละว้าก็เอาข้าวผสมมันซึ่งเป็นโภชนาหารของตนมาใส่บาตร
    .............พระบรมโลกนาถก็ทรงรับแล้วฉันภัตตาหารเช้า ณ ที่นั้นซึ่งเรียกว่า ดอยน้อย เสร็จแล้วก็ทรงให้ศีลให้พรพวกละว้าทั้งหลาย หลังจากนั้นจึงทรงนำข้าวที่เหลือก้นบาตรไปเทคว่ำไว้และแสดงปาฏิหาริย์ให้ข้าวนั้นกลายเป็นหิน(เป็นพระธาตุข้าวดังที่เห็นในปัจจุบันนี้) พวกละว้าเมื่อเห็นดังนั้นก็เกิดเลื่อมใสศรัทธาเป็นอันมาก พระพุทธองค์จึงทรงให้ศีล 5 และแสดงธรรม และรับสั่งให้พวกละว้ารักษาดอนน้อยไว้ให้ดี และให้รักษาศีล 5 ไว้เป็นปกติ ถ้ารักษาได้ก็เหมือนอยู่ใกล้พระพุทธองค์ ถ้ารักษาไม่ได้ก็เหมือนอยู่ไกลสุดขอบฟ้าจักรวาล ข้าวก้นบาตรที่กลายเป็นหินนี้แต่ละเม็ดมีเทพคุ้มครองอยู่ จากนั้นพระธาตุข้าวก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
    .............เมื่อพระครูบาชัยวงศาฯได้มาจำพรรษาเพื่อพัฒนาวัดพระพุทธบาทห้วยต้มที่ อ.ลี้ จ.ลำพูน ท่านได้นิมิตเห็นพระธาตุข้าวซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 200 กม. ที่ดอยเกิ้ง ท่านจึงได้อัญเชิญพระธาตุข้าวบางส่วนมาไว้ที่วัดและแจกให้ลูกหลานนำไปสักการบูชา
    .............. ผู้ที่อยู่ในศีลในธรรมที่มีพระธาตุข้าวไว้บูชาแล้ว

    ความอดอยากขาดแคลนจะไม่บังเกิดขึ้น

    การทำมาค้าขายโดยสุจริตจะได้ผลเจริญงอกงาม

    เมื่อประสงค์สิ่งใดให้ทำสมาธิจิตระลึกถึงคุณขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและครูบาชัยวงศาฯ แล้วตั้งจิตขอในสิ่งที่ปรารถนาจะได้ผลดีมากสำหรับผู้ที่มีศีล 5 เป็นปกติ
    ถ้าหากเกิดโรคภัยไข้เจ็บ ที่รับประทานยาแผนปัจจุบันแล้วไม่สามารถบรรเทาทุกข์เวทนาให้หายลงได้ ก็ให้ทำน้ำพระพุทธมนต์โดยจุ่มพระธาตุข้าวลงในภาชนะใส่น้ำที่จะทำน้ำพระพุทธมนต์ ตั้งจิตอธิษฐานแล้วดื่มน้ำพระพุทธมนต์นั้นจะบรรเทาทุกข์เวทนาที่เกิดขึ้นได้

    หลวงปู่ครูบาชัยยะวงศา หรือ ครูบาวงศ์ ครั้งหนึ่งหลวงพ่อฤาษีลิงดำ แห่งวัดท่าซุง ได้เคยกล่าวยกย่องท่าน
    แก่ลูกศิษย์ครูบาวงศ์ฯ ว่า
    “พระดีแบบครูบาวงศ์ไม่มีอีกแล้ว หาได้ยาก…..พวกลูกมีบุญมาก และโชคดีที่มาพบพระระดับหลวงพ่อวงศ์ ซึ่งเป็นพระปฏิบัติดี มีคุณธรรมสูง หลวงพ่อได้อะไร หลวงพ่อวงศ์ก็ได้เช่นเดียวกัน ไม่ด้อยไปกว่ากันเลย…. อย่าเสียทีที่เกิดมามีบุญ ได้พบพระระดับหลวงพ่อวงศ์”
    หลวงปู่ครูบาชัยวงศา ท่านเป็นพระโพธิสัตว์ที่รู้ใจคน ถอดกายได้โดยมีผู้ถ่ายรูปเดี่ยวของท่าน แต่ปรากฏว่ารูปถ่ายที่ออกมากลายเป็น 2 องค์ คือองค์หนึ่งนั่งอีกองค์หนึ่งยืน
    ท่านออกธุดงค์ตั้งแต่ยังหนุ่ม ครูบาศรีวิชัยซึ่งเป็นอาจารย์องค์แรกของท่านเคยทำนายตอนที่ท่านยังเป็นเณรว่า ท่านจะเป็นผู้มาสร้างวัดพระพุทธบาทห้วยต้มแห่งนี้ นอกจากนั้นท่านยังเป็นลูกศิษย์ของครูบาพรหมจักร (พระอุปัชฌาย์ของท่าน) และครูบาอภิชัย ขาวปี ที่มรณะแล้วร่างไม่เน่าเปื่อยอีกด้วย
    ท่านยังได้เรียนวิชาทางจิตจากตำราเก่าสมัยอยุธยาที่พระเก่งๆ ในสมัยโบราณนำมาซ่อนไว้ในถ้ำเพื่อไม่ให้ตกไปอยู่ในมือพวกพม่า โดยเทวดามาบอกที่ซ่อนคัมภีร์นี้ เมื่อท่านฝึกสำเร็จแล้วท่านจึงนำเข้าไปเก็บรักษาไว้ในเจดีย์ที่วัด
    ท่านฉันเจและชอบฉันลูกเกาลัด ที่แปลกก็คือท่านชอบไปเข้าฝันคนทั่วไป เช่นเคยไปเข้าฝันบอกตัวยาแก้โรคกระเพาะให้ คนตายแล้วฟื้นเล่าว่าได้ไปพบครูบาศรีวิชัยท่านบอกให้มากราบครูบาวงศ์เพราะท่านเป็นพระอริยะ และเทวดาที่วัดพระบาทห้วยต้มบอกวัดนี้จะเป็น 1 ใน 3 วัด ที่จะอยู่ได้จนครบ 5,000 ปี
    เคยมีลูกศิษย์ของหลวงปู่ถามท่านว่า
    "หลวงปู่ครูบาเจ้า คือ ฤาษีวาสุเทพ หรือ สุเทวฤาษีใช่ก่เจ้า"

    หลวงปู่มองหน้าแล้วตอบสั้นๆ ว่า "ฮื่อ"
    (ฤาษีวาสุเทพ คือ มหาฤาษีเอกองค์อาจารย์ใหญ่ ที่ได้ร่วมกันสร้างเมืองหริภุญชัยและสร้างและปลุกเสกพระรอดลำพูน และเป็นที่มาของชื่อดอยสุเทพ)
    พุทธคุณของวัตถุมงคลขององค์หลวงปู่จึงไม่ต้องกล่าวถึง พระรอดลำพูน มีอานุภาพและพุทธคุณเยี่ยมยอดเพียงใด วัตถุมงคลขององค์หลวงปู่ท่านมีเทียบเท่าและอาจมากกว่าด้วยซ้ำเพราะท่านสั่งสมบารมีแก่กล้ามากขึ้นตามกาลเวลา
    พระและวัตถุมงคลของหลวงปู่มีพุทธคุณรอบด้าน ทั้ง มหาลาภ เมตตา มหานิยม แคล้วคลาด คงกระพันชาตรี กันภัยทุกประการ สุดแท้แต่จะอธิษฐาน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กุมภาพันธ์ 2025 at 14:29
  2. HMMAmulet626

    HMMAmulet626 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    8,900
    ค่าพลัง:
    +480
    3661.ขุนแผนยอดขุนพลแก้ว หลังยันต์ราหูไค้หัว เนื้อผงพุทธคุณ ปี พ.ศ 2555 หลวงปู ่ครูบาดวงดี วัดบ้านฟ่อน ให้บูชา 750 บาท



    upload_2025-2-25_17-12-0.png

    upload_2025-2-25_17-13-4.png

    พระยอดขุนผลที่แรงด้วยอำนาจจิตอันบริสุทธิ+บุญฤทธิ์วิทยายุทธขั้นสุดยอด เสริมด้วยแรงเทวดาชั้นสูง และบารมีคุณแห่งยันต์ล้านนานาม "ราหูไค่หัว" สุดยอดเคล็ดวิชาของ "หลวงปู่ครูบาดวงดี ยติโก" แห่งวัดบ้านฟ่อน เชียงใหม่ หากใครรู้สึกไม่คล่องตัว ดวงตก โดนปีชง การงานไม่ก้าวหน้า มีอุปสรรค มารผจญ แนะนำให้บูชาพระยอดขุนพลรุ่นนี้เป็นที่สุด เพราะสร้างด้วยมวลสารผงยา(แก้ต่างๆ)ของครูบาดวงดีท่านโดยตรง ตัวยันต์อักขระด้านหลังองค์พระก็จัดเต็มแบบไม่ให้ตกหล่น ทั้งยันต์ราหูไค่หัว โดยมีสนเทห์ว่าคนดวงไม่ดีดวงตกมักโดนราหูอมดวงชะตาอยู่ แก้ด้วยยันต์ราหูไค่หัวหรือหัวเราะแล้วคายดวงชะตาของผู้ตกทุกข์ออกมา ทำให้เกิดความเจริญขึ้นดวงดีเสริมดวงหนุนดวงไปในตัว ทั้งยันต์หัวใจขุนแผน สุนะโมโล เป็นเสน่ห์เมตตามหานิยมยิ่งนัก และไม่ต้องหวั่นว่าท่านจะใช้ขึ้นหรือไม่ขึ้นเพราะกำกับด้วยเลขยันต์ของคนที่เกิดวันทั้ง๗ ครบทุกวันใช้ได้ทุกคนและตลอดกาลเวลา อีกทั้งการอธิษฐานจิตปลุกเสกก็ได้ หลวงปู่ครูบาดวงดี ยติโก อธิษฐานทั้งที่งานเททองพระกริ่งอินทขิล และอธิษฐานเดี่ยวที่วัดสำทับลงไปอีกแบบจัดเต็ม ด้วยอำนาจจิตแห่งพระอริยเจ้าผู้บริสุทธิ์ทำให้ตัวยันต์ต่างๆมีคุณตามแต่ละอักขระนั้นกำหนดมาทุกประการ ไม่จำเป็นต้องมานั่งท่องทุกตัว เพราะจิตอันถึงวิมุติและบุญฤทธิ์อันเปรี้ยงปร้างของครูบาดวงดีท่านจัดหนักจัดเต็มให้ พระยอดขุนพลแก้วจักรพรรดินครพิงค์ชุดนี้มีคุณประหนึ่งของค่าควรเมืองอย่างใดอย่างนั้นเลยทีเดียว
    "พระยอดขุนพลแก้ว จักรพรรดินครพิงค์"(ขุนแผนรูปหล่อ ยอดขุนพลรูปงาม)นี้ "พุทธวงศ์"เป็นประธานจัดสร้างถวายบูชาพระคุณและสืบทอดวิทยายุทธลับและวิชชาเฉพาะบางประการของหลวงปู่ครูบาเจ้าดวงดี ยติโก สุดยอดพระอริยคณาจารย์อาวุโสแห่งวัดบ้านฟ่อน เชียงใหม่(อายุ 98) ที่คนพื้นที่หรือคนเหนือเองน้อยคนนักจักล่วงรู้ แต่คนไกลศิษย์สายตรงในหลวงปู่ทิม อิสริโก วัดละหารไร่ ระยอง(อากฤต น้องเขยคุณชินพร สุขสถิตย์)ยังทราบถึงกิตติศัพท์และออกปากยอมรับในความเก่งอย่างหาใครเทียบได้ยากยิ่งของท่านให้"พุทธวงศ์"ได้ยินว่า"ครูบาดวงดีเก่งมาก..!!!!!"ให้คงอยู่ด้วยดี อันชนรุ่นหลังสามารถพึ่งพาอาศัยและสามารถบูชาสักการะได้อย่างสนิทใจตลอดไปเป็นประการสำคัญ ในชั้นแรก การดังว่าก็ไม่ได้คิดอะไรมาก นอกจากเพื่อพระสร้างเสร็จ ก็แค่ยกไปถวายให้ครูบาเสกที่วัดบ้านฟ่อน ก็คงจะแล้วเรื่องเหมือนอย่างปกติทั่วไปดังที่เคยเป็นมานั่นแล้ว แต่ชะรอย พระมหาคีรีผีค้ำเสาหลักเมืองนพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่จะดลบันดาลให้การดังกล่าวมีความอลังการยิ่งใหญ่พิเศษสูงส่งยิ่งไปกว่านั้นเป็นแม่นมั่น ด้วยว่าขณะที่"พุทธวงศ์"มาเตรียมการเททองพระกริ่งอินทขีล ณ วัดเจดีย์หลวง จ.เชียงใหม่อยู่นั้น ก็ได้ข่าวด่วนว่า ตอนเททองพระกริ่งอินทขีลในวันที่ 13 เมษายนนั้น ได้มีการล็อบบี้จากพระวงในให้มีการนิมนต์ครูบาดวงดี วัดบ้านฟ่อน ที่ช่วงหลังจะไม่ค่อยรับกิจนิมนต์มาภายนอก ด้วยสุขภาพไม่อำนวยมาร่วมเททองด้วยอย่างแน่นอน ก็อดให้รู้สึกปลาบปลื้มปีติยินดีหาได้น้อยไม่ จากแผนเดิมที่จะนำพระไปถวายให้ครูบาที่วัดบ้านฟ่อนเฉยๆ ก็เลยเกิดไอเดียบรรเจิดขึ้นมาในบัดดล ก็ในเมื่อมีวาสนาสูงสุด ครั้งแรกที่สุดในประวัติศาสตร์ 700 กว่าปี นับแต่พ่อขุนเม็งรายมหาราชได้สถาปนาเมืองนพบุรีศรีนครพิงค์เมื่อ พ.ศ. 1839 นับถึงปัจจุบัน 2555 ก็ได้ 716 ปี แล้วมีโอกาสได้มาช่วยมาเตรียมการงานสร้างพระกริ่งอนุสรณ์ถึงภายในหอหลวงที่ประดิษฐานเสาอินทขีล อันเป็นหัวใจของบ้านของเมืองที่สำคัญที่สุดฝ่ายอาณาจักรถึงเพียงนี้ กอรปทั้งครูบาเจ้าดวงดี ยติโกอันเป็นที่เคารพศรัทธาแห่งเราอย่างยิ่งก็จักได้มาร่วมพิธีอีกด้วยอีกต่างหาก ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่หาได้ยากยิ่งอย่างที่สุดมาประจวบเหมาะลงตัวกันพอดีถึงเพียงนี้ ก็จะไม่คิด Upgrade การทั้งนั้นให้วิเศษใหญ่ยิ่งกว่าปกติดั้งเดิมไปได้ฤา..??? ว่าแล้ว "พุทธวงศ์"ก็ได้อัญเชิญ"พระยอดขุนพลแก้ว จักรพรรดินครพิงค์"(ขุนแผนรูปหล่อ ยอดขุนพลรูปงาม) ขึ้นประดิษฐาน"บนเสาอินขีล"ภายในหอหลวง วัดเจดีย์หลวง จ.เชียงใหม่ เพื่อรับพลังพระและเทวดา ตลอดจนอานุภาพแห่งมหาทักษาเมือง ที่ได้กำหนดให้วัดเจดีย์หลวงเป็นศูนย์กลาง พร้อมด้วยชนวนพิเศษบางประการที่เตรียมนำมาถวายเททองพระกริ่งอินทขีลชุดนำฤกษ์ตลอดคืนวันที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2555 เพื่อเป็นการรองพื้นแห่งมหาพลังไว้รอท่าในวันรุ่งที่ 13 เมษายน อันเป็นวันมหาสงกรานต์ อย่างที่ไม่เคยมีพระเครื่องชุดใดๆในฝ่ายหัวเมืองเหนือหรือทั่วทั้งประเทศไทยในชั่วนับร้อยนับพันเคยกระทำการอันหาญกล้าถึงที่สุดดุจดังว่านี้มาก่อนเลยทีเดียว ..!!!!!????? และเมื่อพระชุดนี้ได้รับการแจกจ่ายออกไป และได้ตกมาถึงมือของหน่วยสืบราชการลับทางจิตแห่ง"พุทธวงศ์"สาย"โยคะ" ผลก็ได้รับการเปิดเผยออกมาอย่างน่าทึ่งและน่าอนุโมทนาสาธุการเป็นที่ยิ่ง กล่าวคือ "นิมิตแรก เห็นเป็นมือเทวดา ซึ่งมีความสวยงามกว่ามือสามัญมนุษย์โดยทั่วไป ในมือนั้นถือลูกแก้วดวงหนึ่งซึ่งมีรัศมีสว่างไสวมากๆ ยื่นลงมาจากสวรรค์ ในจิตบอกเลยว่า เบื้องบนกำหนดไว้แล้วว่า พระชุดนี้(หรือพิธีนี้) จะเปรียบเสมือนแก้วมณีคู่บารมีสำหรับประดับเมืองนพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่เลยทีเดียว..!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!" แต่ที่น่าแปลกประหลาดยิ่งขึ้นไปอีกก็คือ "พระผู้เสกองค์นี้ เหมือนมีจิตที่หลุดพ้น ปล่อยวางจนหมดสิ้นแล้ว การอธิษฐานจิตของท่านจึงใช้แต่จิตล้วนๆ แต่วิชชาอาคมเก่าที่ท่านเคยร่ำเรียนมาอย่างมหาศาลก็ยังมีตกค้างอยู่ในจิตอย่างสมบูรณ์ ซึ่งท่านจะนำอาคมไสยเวทย์นั้นมาใช้ก็ได้ ไม่ใช้ก็ได้ บรรดาคาถาอาคมทั้งหลายทำอะไรท่านไม่ได้หรือไม่มีผลใดๆต่อท่านต่อไปอีกแล้ว แค่กำหนดจิตอธิษฐานเพียงชั่วไม่กี่ขณะจิตโดยไม่ต้องว่าคาถาโอมออมตั้งรูปตั้งนามปั่นธาตุหนุนธาตุอะไรให้เสียเวลา ทั้งจิตและคาถาทุกอย่างก็จะมีการจัดระเบียบประจุเข้าไปโดยอัตโนมัติจนสำเร็จสมบูรณ์แบบในพริบตาเดียว นี่สิ จึงนับเป็นการเสกพระสายเวทย์วิทยาคมชั้นโลกุตระอย่างแท้จริง.!!!!!!!!!!!!!!!!!" และการรู้การเห็นของหน่วยสืบราชการลับทางจิตสาย"โยคะ"นี้ ก็ได้ตรงกับหน่วยสืบราชการลับทางจิตสาย"โพธิ"ที่บอกไว้เป็นประโยคแรกๆ ทั้งๆที่ไม่ได้บอกไม่ได้เล่าถึงที่มาที่ไปใดๆแม้เพียงคำเดียวเลยว่า "พระองค์ที่เสกนี้ จิตบริสุทธิ์มาก แม้จะเคยร่ำเรียนคาถาอาคมมา แต่เวลาเสก ไม่ได้ร่ายคาถาว่าอาคมอะไรให้ยืดยาวยุ่งยากอะไรเลย เพียงแค่ใช้จิตล้วนๆอธิษฐานกำหนดเพียงอย่างเดียว คาถาทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับองค์พระและอักขระยันต์ ก็ได้รับการเข้าไปประจุและเข้าไปขับเคลื่อนให้บังเกิดอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ มีอานุภาพตามอุปเท่ห์แห่งอักขระตัวยันต์ต่างๆนั้นโดยอัตโนมัติและฉับพลันทุกประการ ซึ่งผู้ที่จะทำจะเสกแบบหลุดพ้นแล้วได้ผลครบเครื่องทั้งวิชชาและวิมุติได้แบบนี้ ต้องเป็นพระอริยเกจิระดับสุดยอดเท่านั้น จึงจะทำได้ถึงขนาดนี้เลยทีเดียว..!!!???!!!???" "พระยอดขุนพล จักรพรรดินครพิงค์นี้ มีอานุภาพสูงมากๆ กำลังของเทวดาผู้ทรงมเหศักดานุภาพชั้นสูงก็เยอะมากๆ ไม่แพ้หรือยิ่งหย่อนไปกว่าพระขุนแผนของหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ซึ่งใช้วิญญาณพรายกุมารผีตายโหงมาปรุงให้เป็นกึ่งภูติกึ่งเทพเลยแม้แต่น้อย (จะต่างก็ตรงที่จิตหลวงปู่ทิมซึ่งพระอริยะสายหลวงปู่ดูลย์องค์หนึ่งเคยบอก"พุทธวงศ์"ไว้เป็นการส่วนตัวว่า "หลวงปู่ทิมท่านยังมีขันธ์อยู่ ตอนนี้อยู่ชั้นพรหมโลก"จะออกไปแนวอิทธิฤทธิ์ร้อนแรง ส่วนจิตครูบาดวงดีเป็นไปในทางชุ่มเย็นเป็นสุข อันเกิดแต่จิตที่วิมุตติหลุดพ้นไปแล้ว) แถมบางอย่าง ก็ยังจะเลยล้ำออกไปอีกเสียด้วยซ้ำ โดยเฉพาะอานุภาพทางด้านหนุนดวง เสริมดวงนั้น ใครที่ดวงตกดวงไม่ดีแล้วนำมาห้อยมาบูชา จะดีวิเศษมากแท้ๆ (เชื่อว่า เกิดแต่พระยันต์ราหูใคร่หัวที่ครูบาท่านสำเร็จและเชี่ยวชาญอย่างยิ่ง
     

แชร์หน้านี้

Loading...