ฝัน นิมิต หรือโลกทิพย์ แยกแยะอย่างไร หรือมันอย่างเดียวกัน

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ณฉัตร, 29 พฤษภาคม 2015.

  1. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    อย่างอนเลยครับ :d

    คุณว่าใกล้ชีวิตซึ่งดำเนินไปอยู่เป็นไปอยู่ก็ว่าไปอธิบายมาแต่ละข้อๆเลยครับ เอ้า

    เรื่องสวดมนต์แล้วฝันแปลกๆ ทำกัมมัฏฐานแล้วฝันแปลกๆ นี่ผมยอมรับ นี่ยอมรับเลย คิกๆๆ(deejai)

    แต่ก็บอกแล้วเหมือนกันว่า "ฝันก็ฝัน" "ตื่นก็ตื่น" ตื่นแล้วจบ

    ปัญหามีเมื่อตื่นแล้วไปนั่งคิดลำดับความฝันเป็นคุ้งเป็นแคว (หากินทางฝัน) การคิดปะติดปะต่อความฝันตอนตื่นๆนี่่แหละ คือ การต่อความยาวสาวความยึดให้สันตติของจิตหมุนไม่มีที่สิ้นสุด พอเข้าใจไหมครับ :d

    [​IMG]

    เหนื่อย ฟังเพลงดีฝ่า

    https://www.youtube.com/watch?v=-0WIqkPrbjY
     
  2. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,236
    คือผมมีประสบการณ์เลวร้ายมาก เกี่ยวกะการทำสมาธิที่
    หยุดฝันไม่ได้

    แต่ถ้ากลัวว่าปฏิบัติกรรมฐานแบบไม่ฝันจะไม่มีประสบการณ์พิเศษ
    มันเกิดขึ้นได้ยาก สำหรับคนปฏิบัติกรรมฐาน
    ที่จะไม่มีประสบการณืพิเศษ
    แต่ที่หลายๆคนไม่หยิบมาเล่า เพราะมันอาจจะทำให้เกิดประสบการณืเลวร้ายซ้ำรอยเดิมเข้าไปอีก
     
  3. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,236
    เชื่อว่าทุกคนที่ปฏิบัติกรรมฐาน
    จะมีประสบการณ์พิเศษทุกคนแหละครับ

    แต่ทำไมเค้ไม่เอามาเล่า
    เพราะ...
    เวลาเบี้ยมันอยู่บนกระดาน มันก็อยากจะเลือกชะตาชีวิตตัวมันเองได้
     
  4. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,236
    ผมว่าการที่มีคนแปลเจตนาของเรา
    ผิด
    ก็เหมือนเบี้ย เค้าไม่จำเป็นต้องแปลถูก
     
  5. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    (k) ใจเย็นๆครับ อาจารย์เอกวีร์ ผมเขาชอบทดสอบอารมณ์ ความรู้คนอื่นอย่างนี้ละครับ..แกล้งเมาดิบมั่ง -เบี้ยวเอาเฉยๆมั่ง เป็นประจำ..หลังๆนี่อารมณ์ฝาแฝดกับน้าชูวิทย์ผมเลยครับ จนผมเรียกอาจารย์แล้ว ท่าน ณ ฉัตร อยู่สนทนากันไปเรื่อยๆก่อนครับ เข้มแข็งและมีเกียรติ์ คือฐานที่มั่นของการโต้ตอบของเรา อิอิ
    :cool: หากเราเข้มแข็งทางอารมณ์เราก็โต้ไป สมัยมาใหม่ๆ3ปีได้มั๊งทะเลาะกับผมนะ..นานไปเราอ่านดีๆจะได้อะไรที่เป็นประโยชน์มากอยู่นะครับ..อาจารย์ผมกว้างขวาง-และมีความรู้มาก จริงๆครับ:cool:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 พฤษภาคม 2015
  6. Supop

    Supop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    587
    ค่าพลัง:
    +3,153
    ข้าพเจ้าขออนุโมทนาในธรรมทุกท่านครับ

    เรื่องนิมิต ความฝัน โลกทิพย์ นั้น นิมิตกับความฝันเป็นสภาวะเดียวกันครับ ต่างกันที่ความฝันจะมีสติอ่อนกว่า(โดยทั่วไป)

    ถ้าเรียงลำดับจะได้ดังนี้ครับ
    นิมิตระดับ 1 ที่เป็นภาพแบบเรานึกถึงอะไรก็ตามแต่ เป็นภาพที่ไม่ชัดเจน ไม่มีมิติ ไม่มีสภาพแวดล้อม ไม่มีอารมณ์ของภาพ อยู่ในระดับขณิกสมาธิ
    นิมิตระดับ 2 ภาพมีความชัดเจน มีมิติ มีสภาวะมีอารมณ์ของสิ่งที่เรากำหนดเกิดขึ่นร่วมด้วย เช่น ถ้าเป็นกสิณแสง เราจะรู้สึกเหมือนเรามองดวงแสงนั้นด้วยตาอยู่จริงๆ เจอครั้งแรกนี่แสบตาเลยนะครับ เราหันหน้าหนีเพื่อหลบแสงเหมือนตาเราโดนแสงเลย ทั้งๆที่ไม่ได้ใช้ตามอง ถ้าเป็นไฟ ก็เห็นเป็นกองไฟและรู้สึกถึงความร้อนเลยนะครับ ระดับนี้อยู่ในขั้น อุปจารสมาธิ
    นิมิตระดับ 3 ขึ้นไป ภาพในระดับนี้ขึ้นไป จะมีความละเอียดปราณีตกว่าสวยงามมากกว่า ทั้งที่เป็นภาพเดียวกันกับในระดับอุปจารสมาธิ และนิมิตในระดับนี้อยู่ในระดับอัปนาสมาธิขึ้นไป
    ระดับ 4 คือการถอดจิต การถอดจิตออกไปข้างนอก จะต่างจากการเห็นนิมิต เพราะเราจะสามารถรับรู้ถึงสภาพแวดล้อม บรรยากาศรอบตัว ได้ทั้งหมด โดยที่เป็นสภาวะจริงของสถานที่ที่เราไป

    ทีนี้ทำไมโดยส่วนใหญ่หรือบางคนที่มีนิมิตเกิดขึ้น ถึงมั่นใจว่านิมิตที่เห็นเป็นของจริง ก็เพราะความสมจริงที่เราได้สัมผัสนั้นเองครับ ทุกสิ่งที่สัมผัสได้ในนิมิตมันเหมือนกับเราสัมผัสด้วยกายเนื้อนี้เลย (นิมิตตั้งแต่ระดับอุปจารสมาธิขึ้นไปนะครับ) มันจึงยากที่จะวางได้ว่าสิ่งที่สัมผัสได้นั้นมันไม่จริง (ตรงนี้ขอกล่าวนิดนึง คือ มันมีทั้งจริงและไม่จริง สร้างเองโดยตัวเองหรือผู้อื่น ซึ่งก็พิจารณาให้เป็นกลางไว้ก่อนครับ)

    ซึ่งการสัมผัสในสิ่งต่างๆเหล่านี้ก็มีกล่าวไว้ในตำราอยู่

    มีสี่ประเภท
    1 ภาวนานิมิต
    2 สังขารนิมิต
    3 กรรมนิมิต
    4 คตินิมิต

    แต่สำหรับที่ข้าพเจ้าได้สัมผัสมา นิมิตมันมีทั้งเราสร้างขึ้นมาเองและผู้อื่นสร้างให้ดู หรือ เราไปภพนั้นๆเองหรือถูกเขาดึงไป ซึ่งตรงนี้เราจะรู้ถึงสภาวะแวดล้อมความรู้สึกความต้องการของผู้ที่สื่อสารกับเราด้วยครับ บางทีไม่ต้องมีคำพูดคำอธิบาย แต่เราก็เข้าใจทุกอย่างครับ

    ปล.ขออนุญาตเพิ่มเติม บางอย่างบางข้อความบางบุคคลอาจจะทำให้ใจเราสะเทือน ลองรอให้ใจสบาย กรดด่างสมดุลมีความเป็นกลางสบายๆแล้ว ลองมาไล่อ่านดูใหม่อีกรอบก็ได้ครับ จะได้อะไรอีกเยอะครับ ธรรมที่ถูกธรรมที่ผิด ธรรมที่ใช่ธรรมที่ไม่ใช่ ประโยชน์จะเกิดเต็มที่เมื่อเราวางตัวตนและเป็นกลางไว้ครับ

    สุดท้ายนี้ขออย่าได้เชื่อถือหรือยึดมั่นในสิ่งใดที่ข้าพเจ้าได้กล่าวไปเลย

    ขอให้เจริญในธรรมทุกท่านครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 พฤษภาคม 2015
  7. ณฉัตร

    ณฉัตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2015
    โพสต์:
    633
    ค่าพลัง:
    +790
    ขอบคุณครับ เป็นกระทู้ตอบที่เป็นประโยชน์ต่อคนที่เริ่มปฏิบัติใหม่ ให้รู้ว่า ผลสมาธิมันแสดงออกได้อย่างไร และจะได้ก้ามข้ามไประดับที่สูงกว่านี้ พบเจออะไรจากการปฏิบัติไม่ว่าในทันที หรือหลังออกจากการปฏิบัติ ก็จะได้ไม่ตกใจ แปลกใจ หรือกลัวจนเลิกปฏิบัติ หรือไปยึดมั่นหรือติดอยู่ที่ตรงนั้นนานเกินไป ทุกความเห็นในกระทู้นี้ก็เป็นประโยชน์ทั้งสิ้นครับ ขอบคุณครับ
     
  8. เมิล

    เมิล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    421
    ค่าพลัง:
    +3,132
    เคยอ่านที่พี่ธรรม-ชาติ เขียนเรื่องนี้ไว้ ขอ Ctrl C & Ctrl V มาให้อ่านนะคะ
    +++ ความแตกต่างระหว่าง "ถอดกาย นิมิต ความฝัน และ ความฟุ้งซ่าน" คือ
    +++ "การถอดกาย" จะมีสติรู้ตัวชัดเจนในขณะที่ "ตัวเราออกมาจากตัวเรา" และ จะต้องเป็น "ตัวเราออกมาจากตัวเรา" เท่านั้น จึงจะนับว่าเป็น การถอดกาย ความ "เป็นตัวของตัวเอง" จะชัดเจน เป็นเรื่องเป็นราว และจะจำได้ "ทั้งหมด ตั้งแต่ เริ่มถอด จนจบ รวมทั้งเจตนารมณ์ในขณะนั้น ๆ" แม้ว่าเวลาจะผ่านไปมากกว่า 20-30 ปีก็ตาม จะจำได้ชัดเจนเสมอ
    +++ "นิมิต" จะรู้และจำได้ตั้งแต่ "เริ่มต้น จนกระทั่ง จบ" เข่นเดียวกับ การถอดกาย ต่างกันเพียงแต่ว่า ไม่มีปรากฏการณ์ของ "ตัวเราออกมาจากตัวเรา" และ ความ "เป็นตัวของตัวเอง" จะต่ำกว่า รวมทั้ง "ไม่มีเจตนารมณ์" ในขณะนิมิต
    +++ "ความฝัน" จะรู้และจำได้แบบ "เป็นท่อน ๆ" เท่านั้น ความ "เป็นตัวของตัวเอง" จะต่ำมากจนแทบไม่ปรากฏ และ ช่วยตัวเองไม่ได้ และ ไม่นาน "ก็ลืม"
    +++ "ความฟุ้งซ่าน" จะ "ไม่รู้และจำไม่ได้" แม้กระทั่งเพียงไม่กี่ "วินาที" ที่ผ่านพ้นไปแล้ว และ "ไม่สามารถ Recall อะไรกลับมาได้เลย" เป็นการ "เสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์"
    +++ ทั้งหมดนี้เป็นไปตาม "คุณภาพของ สติ" ในแต่ละบุคคล ซึ่งสามารถระบุชี้ชัดได้ดังนี้
    +++ การถอดกาย จะปรากฏขึ้นได้ก็ต่อเมื่อ "สติเป็นสมาธิ ในระดับ อัปปนาสมาธิ" เท่านั้น
    +++ นิมิต จะปรากฏขึ้นได้ก็ต่อเมื่อ "สติเป็นสมาธิ ในระดับ อุปจาระสมาธิ"
    +++ ความฝัน จะปรากฏขึ้นได้เมื่อ "สติเริ่มเลอะเลือน" หรือ "มีอยู่ในช่วงสั้น ๆ ไม่ปะติดปะต่อ" อาจจะอนุโลมว่าเป็น สติในระดับ ขณิกะสมาธิ ก็ได้ (แต่ไม่นิยมว่ามีสมาธิเป็น องค์ประกอบ)
    +++ ความฟุ้งซ่าน ปรากฏขึ้นได้ตลอดเวลาที่ "ไม่มีสติ"
    +++ หลักใหญ่ ๆ ก็ใช้เกณฑ์ที่กล่าวมานี้ ก็คงพอที่จะระบุได้ว่า อะไรเป็นอะไร นะครับ
    ที่มา : http://palungjit.org/threads/ฝึก-กรรม-ฐาน-ด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย.512443/page-23#post9099643
     
  9. ณฉัตร

    ณฉัตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2015
    โพสต์:
    633
    ค่าพลัง:
    +790
    ขอบคุณครับ:cool:
     

แชร์หน้านี้

Loading...