ผม...พระ...และ...สาระยุคก่อน

ขอบคุณครับพี่ รออ่านตอนต่อไปครับ

 

...................
....................ครบตามกติกา..................
.........
..ต่อตามที่ขอ.........(ผู้ขอ..หลานเขม..เด็กบ่อผุด..Stone1..และ..กำธรน้องรัก)
......
.....................ผมนั้นด้วยข้อมูลประกอบจากคนรุ่นเก่า..และ..การศึกษาประวัติศาสตร์
ความเป็นอยู่..และ..วัฒนธรรมคนโบราณ..มานานจากหลายที่หลายแห่ง..จึงเชื่อมั่นว่า..
............เบี้ยแก้..เมื่อครั้งสร้างเป็นรุ่นแรกๆ..หรือ..ถือ..กำเนิดใหม่ๆ..นั้น.....
.....สร้างจาก..เบี้ยจั่น..เพียงอย่างเดียว..ด้วยเหตุผล..ดังต่อไปนี้....
............. ในพื้นบ้านทั่วไปนั้น..จะไม่พบ..เบี้ยพลู..แน่นอน..จะมีแต่เบี้ยจั่น..ที่
ใช้แทน..เงินตรา..เบี้ยพลู(..สีน้ำตาล..หลัง..เป็นสีกระ..และตัวใหญ่กว่า..)..นั้น...
..จะมี..ก็น้อยมาก..เฉพาะในเมือง..และ..อาจเอามาทำเครื่องประดับ..เพื่อความสวยงาม
มีราคาแพงกว่า..เพราะมีสีสัน..ก็อาจจะมีตามบ้านเจ้าขุนมูลนาย..หรือ..ในวัง..คหบดี..
.....ผมเคยเล่าไปแล้วว่า...ของขลังที่เพิ่งเกิดขึ้นมาใหม่..นั้น..จะเกิดจาก..อะไรก็ได้..
ที่มี..และ..หาง่าย...ซึ่งชาวบ้านทั่วไป..ไม่มีแน่ๆเบี้ยพลูนี่..เพราะไม่รู้จะมีไปทำไม..
..ราคาสูง..และก็เอามาใช้อะไรไม่ได้..แต่เบี้ยจั่น..นะมี..แน่ๆ..แม้การค้าขายส่วนใหญ่
ของคนโบราณจะใช้วิธีแลกของกันก็ตาม..แต่บางอย่างก็แลกไม่ได้..ต้องใช้เงิน..ก็คือ
เบี้ยนั่นเอง...โดยเฉพาะ..เบี้ยแก้..นั้นเพื่อจุดประสงค์หลัก..คือ..ชาวบ้าน..บ้านป่า
..โดยตรง..วิชานี้จะไม่เกิดจากในเมืองแน่นอน...ดังนั้นอาจารย์ผู้ค้นคิดวิชา..ก็ต้องเอา
...เบี้ยจั่น..นี่แหละ..เอามาเป็นวัสดุ..เพื่อใส่..ของขลังที่ปลุกเสกไว้....
............แล้วมันอะไรล่ะ....ปรอท..รึเปล่า.......
......ผมเชื่อว่า..ไม่ใช่...ถึงแม้คนเราจะรู้จักปรอท..มานานแล้ว..เป็นของหายาก....
..........แต่มันมี...ของอย่างหนึ่ง..ที่คนุร่นโน้น..ใช้..และ..หาไม่ยาก.......
.........................ทรายเสก........................
....และ..เบี้ยแก้บางสำนัก..ก็ยังสืบต่อมาจนถึงยุครัตนโกสินทร์..ที่ใช้ทรายเสก...
บรรจุ..ในตัวเบี้ย......
........เรื่องนี้ผมยืนยัน..แม้ว่า..จะมีบางคนมาบอกว่า..เบี้ยจากสายอ่างทอง..บางสำนัก
ที่คิดว่า..ใส่ทรายเสก..เขย่าเสียง..แซ่ดๆ..แต่จริงๆไม่ใช่..นั้นผมก็ไม่ใส่ใจ..เพราะ
...๑. เท่าที่สอบถามคนรุ่นเก่า..ที่สามารถเล่าเรื่องที่พ่อเล่าให้ฟังอีกที..เวลาก็ในยุค
สมัยรัชกาลที่สาม..เขาก็ยืนยันว่า..มีเบี้ยแก้แบบที่ใส่ทรายเสก..จริง..คือเรียกว่า..
มีทั้งสองแบบคือ..แบบใส่ปรอท..และ..ใส่ทรายเสก....
...๒. ผมยืนยันด้วยตนเอง..เพราะเห็นมา..ตอนที่ผมไปค้นห้องพระของปู่ผมนั้น..
ก็ค้นหาพระเก่าๆ..นั่นแหละครับ..ตอนเริ่มเล่นพระมาไม่กี่ปี....
.......ผมพบ..แหวนอันหนึ่ง..ที่ประหลาดมาก..วางรวมอยู่กับ..พระเก่าๆของปู่...
......แหวนนี้...ส่วนหัวเป็นเบี้ย..ที่วางคว่ำหันหลังเบี้ยขึ้น..(ตอนนั้นผมยังเด็ก..รู้
แต่ว่าเป็นเบี้ย..จริงๆเป็น..เบี้ยพลูขนาดเล็ก..แต่ใหญ่กว่า..เบี้ยจั่นอย่างเห็นได้ชัด)
..อันเบ้อเริ่ม(ในความคิดตอนนั้น)..ผมคิดว่า..ใครมันจะใส่ได้วะ..ท้องเบี้ยนั้น.
มีชันปิดรู..และยึดไว้กับตัวแหวน..ที่ผมจำได้คลับคล้ายคลับคลาว่า..ลวดทองแดงถัก
เพราะผมไม่ได้ใส่ใจ..เพราะมันใหญ่ใส่ไม่ได้..แต่ที่เห็นคือ..ส่วนที่เป็นชันมัน
หลุดออกมาบางส่วน..และ..ตอนที่พลิกดูนั้น..มันก็มี..ทรายไหล..ออกมาบาง
ส่วนด้วย..ตอนนั้นนะ..ผมไม่รู้ว่า..เป็นอะไรด้วยซ้ำ..ไปเล่าให้..ลุงแผงพระขาซี้
ผมที่..สนามวัดมหาธาตุฟัง..แกก็บอกว่า..นั่นแหละ..เบี้ยแก้ข้างในเป็นทรายเสก
(ตอนนั้น..ผมก็ลองเทออกมาแล้ว..มีทรายอยู่ไม่มากเข้าใจว่า..จะรั่วออกไป..
ก่อนหน้านี้แล้ว....)
...แต่คงเป็นแบบแหวกแนว..คือ..ไม่ทำเป็นห่วงไว้ร้อยเชือกคล้องเอว..แต่ทำ
เป็นแหวนใส่แทน..ผมก็ยังเสียดายที่ไม่ได้เอามา..
...........ที่ผมว่า..ในบรรดาของขลัง..ที่ใช้เพื่อขับไล่..ภูติผี..ป้องกันภูติผี..และ
อาถรรพณ์..นี่...ต้องถือว่า..ทรายเสก..กับ..ข้าวสารเสก..นี่น่าจะมาก่อนใครเพื่อน..

...................
............................เบี้ยจั่น.........(ขอบคุณภาพจากth.wikipedia.com)


.............

.........เบี้ยจั่น..เมื่อเทียบขนาดกับ..เบี้ยพลู...(ขอบคุณภาพจากchiengraifocus.com)


........ต่อเมื่อขอมา....

 

เข้ามารับความรู้ครับ ขอเรื่องเบี้ยแก้ต่อครับ

 

ติดตามอยู่ครับ พี่ modpong ขอบคุณพี่ที่ยังเล่าเรื่องราวดีๆ(ตามทั้ง 2 เรื่องครับ) และทุกท่านที่ post ให้ไปต่อครับ....................

 

ยังเข้ามาติดตามอ่านค่ะพี่มด จะเห็นหนูเข้ามาแว๊บๆค่ะ

 

มาติดตามขอความรู้ต่อทั้งสองเรื่องครับครู

 

สวัสดีครับคุณอา..มาติดตามอ่านบทความดีๆทั้งสองเรื่องครับ

 

หนึ่งในเครื่องรางที่ชอบมากๆ ก็เบี้ยแก้นี่แหละ ขอบคุณมากๆที่ให้ความรู้ รออ่านต่อครับ

 

................ครบตามกติกา.....................
..ต่อตามที่ขอ(เรื่องของมองโกล)(..ผู้ขอ..STONE1..น้องพรหมณี..เฉียวฟงหลานรัก..PORPEKและ..เด็กบ่อผุด)
.............
.................ตอนที่..เจงกิสข่านยึดจีนภาคเหนือ..ได้แล้วนั้น..รวมถึงการรวมรวมเผ่า
..ก็ได้มีการจัดการกับพวกชนเผ่าย่อยๆอื่นที่ไม่ใช่มองโกล..แต่มีอาณาเขตใกล้ทุ่ง
เสตปป์..และคอยรังควาญ..ชนเผ่ามองโกลอยู่..เช่นพวกซีเซี้ย..พวกอุยกูรย์...พวกคาซัก
...พวกคีตาน..พวกเผ่าย่อยๆของ...เตอร์กิช
รวมถึง..พวกที่มีพื้นที่ติดกับอาณาจักรควาเรสม์..ด้วย..ปรากฎว่า..มีข่านน้อยลูก
ของข่านในเผ่าหนึ่ง..หนีไปได้..ก็หนีเข้าไปในอาณาจักรควาเรสม์..นั่นแหละ....
...หลังจากนั้นไม่นาน..ด้วยความช่วยเหลือของควาเรสม์..เจ้าตัวแสบนี่..ก็นำกำลัง
พลที่แตกกระจัดกระจาย..เข้ามาในเขตยึดครอง..ด้วยอาวุธ..และ..การสนับสนุนของ
ควาเรสม์..แล้วมารังควาญ..ตีเมือง..ในเขตยึดครองมองโกล..จน..พวกเจ้าของพื้นที่
ที่สวามิภักดิ์กับ..เจงกิสข่าน..ต้องหนีกันอลหม่าน..แล้วก็แจ้งเข้ามาที่มองโกล..ส่วน
กลาง..ทำให้เจงกิสข่านโกรธมาก..เพราะคราวก่อนปล่อย..ไม่ได้ตามไปสังหาร..ถือ
ว่าปรานีแล้ว..นี่เสือกกลับเข้ามาโจมตีอีก...ด้วยบัญชาของเจงกิสข่าน..ก็ส่งกำลังไป
๑ ทูเมน(กองพล)...กองพลที่ว่านี้ก็คือ..
...............กองพลของสองยมฑูต(ความจริง..ฉายานี้ได้ทีหลังจาก..ที่ชีเปโนยอน
และ..สุโบไต..กลับจากการบุกยุโรป..ครั้งแรก..พวกรัสเซียเป็นคนตั้งให้..เพราะ...
ไม่ว่าเส้นทางที่..ทั้งสองเยื้องย่างไปไหน..มีแต่ความตาย..และ..กองเพลิง..ขนาด
หลังจากนั้น..เป็นร้อยปี..พวกแม่ๆรัสเซีย..จะเอาไว้ขู่ลูกที่งอแง..ดื้อด้าน..พ่อแม่ว่า
ไม่เชื่อ..ว่า..ถ้าไม่ฟัง..จะเอาตัวไปให้พวกมองโกล..นะ...รับรองเด็กหายร้องเชื่อฟัง
อย่างดี)......ชีเปโนยอน..และ..สุโบไต..ไปปราบแบบไม่ให้มันมีปัญหาอีก.....
....นี่เป็นเหตุการณ์..ก่อนหน้าที่จะเกิดเรื่องใหญ่กับฑูตของมองโกลที่ไปควาเรสม์
ซัก ๓ ปีได้...ก็แน่นอน..เมื่อสองคู่หูนรกแตก(อันนี้ผมตั้งเอง..ไม่เกี่ยวกับใคร)...
...เดินทางไปถึง..ไอ้พวกเวรนั่นก็ราบพนาสูร..ส่วนไอ้ข่านน้อยก็ยังเก่ง..หนีได้อีก
แต่..คราวนี้หนีอยู่ในเขตแดนมองโกล..แบบโดดเดี่ยว..หลบๆ..ซ่อนๆ..ได้ซักปี..
ก็ป่วยตาย..ไปเอง.........
............สิ่งที่ได้จากการรบครั้งนี้..คือ..ทำให้..ทั้งชีเปโนยอน..และ..สุโบไต..ได้
คุ้นเคย..กับ..เส้นทางด้านนี้..ซึ่งถือว่าสุดเขตแดนของมองโกล..และแน่นอนพวกเขา
ก้ได้ทำแผนที่เส้นทางภูมิประเทศแถบนั้นไว้โดยละเอียด..เพื่อผลภายภาคหน้า...
..และยังได้ทราบว่า..ที่ไอ้ข่านน้อยนั่นมีกำลังกลับเข้ามาตีเมืองมองโกลนั้น..
..ได้รับการสนับสนุนมาจาก..สุลต่านของควาเรสม์....ซึ่งทำให้..เจงกิสข่าน
ได้ทราบว่า..พวกแขกนี่..ไว้ใจไม่ได้มาแต่แรก....แต่ตัวเองนั้นพยายามมอง
ในแง่ดี..จึงส่งฑูตการค้าไปเจรจา..ซึ่งไปเป็นขบวนใหญ่..พร้อมเครื่องบรรณาการ
...แต่ปรากฎว่า..ยังไม่ถึง..ตัวสุลต่านซะด้วยซ้ำ..ไอ้เจ้าเมืองหน้าด่าน..ก็จับ
ขบวนฑูตทั้งหมด...ตัดคอ..และยึด..บรรณาการทั้งหมดไว้..เหลือพวกในขบวน
คนเดียวส่งกลับออกไปนอกอาณาจักร...การกระทำครั้งนี้..ตัวสุลต่านนั้น..อยู่
เบื้องหลัง..และ..สนับสนุนการการกระทำของ..ลูกน้อง...ด้วย...
.............นี่คือชนวนใหญ่..ที่ทำให้เจ้าแห่งมองโกลพิโรธ..อย่างยิ่ง......
..เพราะเป็นการดูถูก..เหยียดหยาม..และ..ผิดวิถีทางการฑูตอย่างชัดเจน....
....มองโกลชาตินักรบนั้น..แน่นอน..คือ..เลือด..ต้อง..ล้างด้วยเลือด..จึงจะสาสม
......ว่าแล้ว..จอมข่านผู้ยิ่งใหญ่..ก็สั่งการเตรียมทัพใหญ่..บุกอาณาจักรควาเรสม์
..อย่างด่วน..โดยครั้งนี้..เจงกิสข่านจะไปบัญชาการรบเอง..ด้วยกำลังพลประมาณ
๑แสนห้าหมื่นคน..แต่ครั้งนี้..การรบจะไม่ใช่รูปแบบเดิมๆ..อย่างที่มองโกล
เคยรบมา..เพราะ..จะมีทั้งเทคนิค..และ..อุปกรณ์เพิ่มเติม..เพื่อไปถล่ม..ควาเรสม์ด้วย

.........ต่อเมื่อขอมา....

 

ติดตามอยู่ครับทั้ง 2 เรื่อง....ขอบคุณพี่ modpong และทุกๆท่านครับ............

 

กำลังสนุกเลยครับอา รอติดตามตอนต่อไปด้วยใจระทึก

 

มาติดตามอ่านครับ ทั้งเรื่องเครื่องรางและประวัติศาสตร์ของมองโกลครับ

 

ขอบคุณครับครูสำหรับข้อมูลดีๆ ขอติตามต่อทั้งสองเรื่องเลยครับครู

 

เข้ามาแอบอ่านอีกแล้วครับ ขอบคุณครับ

 

มารอติดตามครับพี่ ขอบคุณสำหรับความรู้ดี ๆ ที่หาอ่านที่ไหนไม่ได้ครับ

 

...............ครบตามกติกา..............
........
..ต่อตามที่ขอ..(ผู้ขอ...STONE1..หลานเขม..เด็กวัดป่า..กำธรน้องรัก..และ..เด็กบ่อผุด)
......

.......................สาเหตุนั้น..เพราะ...มันต้องใช้ในการ..”สาด”..ใส่..วัตถุ..หรือ....
คน..สัตว์..ผี..ภูติ..ปิศาจ..หรือ..สิ่งอาถรรพณ์..อะไรก็ตาม..ให้มันหนีไป..หรือ..
ออกไปจากที่ๆมันสิงสู่อยู่....หรือ..โรยป้องกัน...สิ่งชั่วร้ายไม่ให้เข้ามาในขอบเขต
ที่เราต้องการจะปกปักรักษาไว้....(กรณีนี้..ไม่นิยมข้าวสารเสก..เพราะ..จะถูกสัตว์
หลายชนิดเอาไปกิน..แม้ไม่มากแต่ส่วนต่อถ้าขาดหาย..ไม่เชื่อมต่อ..ขอบเขตที่
ทำไว้จะไม่ได้ผล..เพราะมีจุดโหว่..ให้สิ่งชั่วร้ายเข้ามได้..).......
.....การสาดนั้น..ข้อดี..คือ..มันกินผลกว้าง..และ..ทำการระยะไกลได้..โดยไม่ให้
สิ่งนั้น..มาใกล้ตัว...คุณถือมีดหมอ..มองไม่เห็นตัวมัน..แทงมั่ว..ไม่ถูก..คุณก็อาจ
โดนมันเล่นงานได้....
.....ซึ่ง..ทรายเสก..นั้น..สำหรับในยุคโบราณ..ก็คงทั้งพระ..และ..ฆาราวาส..ที่ทรง
อาคม..และ..มีวิชาด้านนี้..ต้องเรียกว่า..เตรียมไว้ตลอด..มีติดกุฏิ..หรือ..สำนักไว้..
..เพราะเวลา..เร่งด่วน..ต้องเอาไปใช้งาน..นอกสถานที่..จะต้องมีใส่ย่ามไว้....
.......อาจารย์ที่เป็นฆาราวาส..คงไม่ใช่ต้นกำเนิดเบี้ยแก้..แน่..เพราะ..การแก้ไข
..ป้องกันแต่ละครั้ง..นอกจาก..จะ..สร้างชื่อเสียง..มันก็จะตามมาด้วย..เงินทอง
สิ่งของ...ผมว่านะ....
............คงต้องเกิด..มาจากพระแน่..อย่างที่ผมเล่าไป..คราวที่แล้วว่า...
..คนยุคโบราณ..อยู่ทั้งติดป่า..และ..อยู่ในป่า...อาถรรพณ์..ผีสาง..นางไม้..ผีป่า
ผีโป่ง..และ..อีกสารพัด..มันก็จะอยู่ในป่าเยอะ..การปล่อยคุณไสย..อีกที่มีโอกาศ
เกิดกับใคร..ก็ได้..ไม่ได้เจตนาใส่คนนี้..แต่ไอ้นี่..ไปขวางทาง..หรือ..อยู่ใกล้เคียง
ที่นั่น..ดวงตกพอดี..หรือ..จิตอ่อน..ก็มีโอกาศโดนได้.....
...........ผู้ที่ค้นคิดจึงน่าจะ..นึกแนวทางที่..กันไว้ดีกว่าแก้..ดีกว่า...เอามันติดตัว
ไว้ซะเลย...แต่เนื่องจากมันเป็น..”ทราย”..มันหลุดร่วง..ง่าย..จะเอาแค่ใส่ห่อผ้า..
ผูก..ก็มีโอกาศชำรุด..ไม่รู้ตัวเกิด..รูเล็กๆ..ทรายมันก็ค่อยๆไหล..ออกไปจนหมด
...ดังนั้น..จะต้องหาวัสดุ..คงทน..ที่สามารถบรรจุ..ทรายเสก..ได้..
..สมมุติ..ถ้าคิด..จะใส่ไม้รวก..แล้วอุดรู..ก็คงได้แต่..ขอเสียคือ..เมื่อนานเข้า..
ไม้รวกนั้น..เนื้อมันบาง..อาจเริ่มมีรอยแตกแยก..จากความชื้น..โดนอะไรกระแทก
หน่อย..ก็มีโอกาศแตก..และ..ทรายก็คงร่วงหมด...
...วัตถุที่ใช้..ก็คงต้องมีคุณสมบัติ..แข็ง..ต้านทานแรงกระแทก..แรงกดได้...
..ไม่เปลี่ยนสภาพเมื่อ..ถูกน้ำ..หรือ..ความชื้น....
......แล้วสิ่งที่..คนโบราณ..นึกได้ว่า..จะใช้อะไร..มันก็ต้องเป็นของใกล้ตัว..ที่รู้จัก
..........ในยุคนั้น..ไอ้แบบที่ว่า..นี้..ก็คงไม่พ้น..หอยเบี้ย..แน่ๆ....
....ข้อดี..ของมันคือ...รู..(หรือ..ปากมัน)..แคบ..และ..ยาว..ดังนั้น..การบรรจุ..
นอกจาก..จะไม่ยาก..แต่ข้อดีคือ..ไม่ต้องทำฝา..มาอุด..ก็ใช้แค่..ชัน..มันก็ปิดสนิท
แล้ว...ข้อดี..ของชันคือ..มันไม่ได้แข็งโป๊ก..เมื่อโดนอุณหภูมิ..เปลี่ยนแปลงมากๆ
..และ..บ่อยๆ..วัสดุแบบอื่นนั้น..มันแข็ง..มันไม่สามารถ..ยืดหดตัว..ตามอุณหภูมิได้
..โดยเฉพาะ..เมื่อเราต้องทำให้มันหนา...อย่าง..รัก..นั้นไม่ได้..เพราะ..มันหนาไม่ได้
อยู่แล้ว..ครั่ง..หนาได้..แต่เปราะมาก..ทั้งสองอย่างนี้..มีปัญหาเรื่องการยืดหดตัว...
...มันก็เลยมาจบที่...ชัน.....
.......แน่นอนครับ..ยุคแรกนั้น..เขาไม่ต้องมา..ถักหุ้มอะไร..แจกไปทั้งอย่างนั้น..
...ก็เอาไป..ใส่ในผ้ายันต์..แล้วก็พกใส่ชายพก..ก็จบ..หรือไม่งั้น..ก็ใช้ผ้ายันต์(
ผ้าประเจียด)..ห่อแล้ว..ก็ผูกแขน..หรือ..ผูกคอ..ก็จบ.....
.........หรือบางคน..อาจจะกลัวหาย..อยากเอาไว้รวมกับ..ตะกรุดโทนที่คล้องเอว
...ก็ไปถักเอาเอง..เรื่องแบบนี้..มันเป็นเรื่องธรรมดาของคนโบราณ..เขาทำกันได้เอง

...ต่อเมื่อขอมา...

 

มาขอตอนต่อไปครับ ขอบคุณครับพี่

 

รอติดตามตอนต่อไปครับอา ขอบคุณครับ

 

ติดตามทั้ง 2 เรื่องครับ...........ขอบคุณพี่ modpong และทุกๆ ท่านครับ......

 

ติดตามน้าอยู่ตลอดครับ อ่านเรื่องทรายเสกในหอยเบี้ยที่น้าเล่าแล้ว เหมือนคนรุ่นเก่าท่านคงใช้หอยใส่ทรายจากวัดแทนถุงพลาสติก แบบไม่รู้จะใช้อะไรใส่ดี เอาเบี้ยนี่ละ อยู่ในชายพกอยู่แล้วใส่กลับบ้านซะเลย