ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. อนิจฺจํ

    อนิจฺจํ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    1,374
    ค่าพลัง:
    +2,949
    ทุกศาสนาล้วนสอนให้ก่อแต่กรรมดี
    แต่ทุกอย่างล้วนมีตรงข้าม
    มีขาว มีดำ มีสว่าง มีมืด มีดีก็มีไม่ดี
    และทุกเชื้อชาติ ทุกศาสนา มีคนดีและคนเลว
    แล้วแต่ว่า ณ ตอนนั้น ดีหรือเลวจะใหญ่ หรือมีอิทธิพลมากกว่ากัน
     
  2. thankyes

    thankyes Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2013
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +35
    เวียดนามเคยคิดจะเข้าครองไทย เปิดสมรภูมิช่องบก ลุยกันจะๆกับพวกทหารของ เสธ.แดง ซัดพวกเราด้วยอาร์พีจีที่มีอานุภาพร้ายแรงมาก แต่เหมือนมีอะไรดลใจให้บิ๊กจิ๋วขอร้องจีน จนจีนแดงเปิดสงคราม "ซิโนเวียดนามมีส"--สอนมวยให้เด็กรุ่นน้องทันที เวียดนามสูญเสียจนอ่วมอรทัย เลิกสนใจเมืองไทยไปเลย--สิ่งเหล่านี้คือเราต้องคิดดูแล้วก็จะพบคำตอบ

    จีนฉลาดมากที่ฉกฉวยโอกาสช่วงที่เวียดนามทุ่มสรรพกำลังทั้งหมดหวังจะเอาชนะไทยให้จงได้ทำให้เวียดนามสูญเสียกองกำลังป้องกันตนเองจึงถูกจีนรุกรานเอาชนะเวียดนามได้โดยง่ายดายที่สุด ทั้งนี้เวียดนามยังต้องสูญเสียดินแดนที่เป็นส่วนหนึ่งของหมู่เกาะสแปรตลีย์ให้กับจีนจนเป็นเหตุขัดแย้งดินแดนเวียดนามกับจีนถึงทุกวันนี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 มีนาคม 2013
  3. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    นี่คือการเตือน !!!

    [​IMG]
    ภาพเหตุการณ์น้ำท่วมกรุงเทพฯ ปี พ.ศ.2554​

    "เมื่อยามน้ำเหนือไหลบ่า น้ำป่าไหลนอง น้ำคลองไหลล้น น้ำฝนไหลหลั่ง". (พ.ศ.2554-2555) คนที่ประสบภัยแล้ว: ถ้าต้องการบรรเทาทุกข์ตนเอง ให้ปฎิบัติดังนี้.

    1.ยอมรับว่าอุทกภัยที่ตนมีส่วนรับทุกข์อยู่นั้น เป็นข่าวสารจากจักรวาล เพื่อเตือนสติตนเองให้รู้ว่า ภายในอาณาบริเวณพื้นที่ที่เธอดำรงอยู่นั้น ผู้คนส่วนใหญ่บกพร่องทางจิตสำนึกอย่างมาก จนไม่สามารถใช้ความรัก ความเมตตาค้ำจุนโลกได้แล้ว.

    2.การเตือนพวกเธอในพิกัดนั้นด้วยภัยน้ำท่วม น้ำบ่าไหลหลาก น้ำท่วมขังนานๆ น้ำเน่า ก็เพราะต้องการใช้ความทุกข์เป็นเงื่อนไข กระตุกจิตสำนึกที่ถูกต้องของพวกเธอ ให้ร่วมกันมอบความรักให้แก่กันและกันเพื่อแบ่งปันให้โลกไปพร้อมๆกันด้วย เช่น การให้ความช่วยเหลือกันเองดุจดั่งญาติมิตรเพื่อฝ่าวิกฤติน้ำท่วมนี้ไปให้ได้ แทนที่จะตัวใครตัวมัน ต่างคนต่างอยู่ หรือ ออกลักขโมยสมบัติสิ่งของๆคนอื่น ทั้งๆที่ต่างมีทุกข์อยู่ด้วยกันเป็นต้น หรือเอาแต่นั่งรอนอนรอขอความช่วยเหลือจากคนภายนอกอยู่อย่างเดียว.

    3.เธอจึงต้องชวนเพื่อนๆ หันหน้ามาช่วยเหลือกันและรักกัน แบ่งปันสิ่งของอาหาร น้ำดื่มและยารักษาโรคเท่าที่มีอยู่แก่กันและกัน ห่วงใยในกันและกันโดยไม่มีเงื่อนไขว่า เขาคนนั้นจะเป็นญาติพี่น้องของตัวรึไม่ พลังแห่งรักของเธอและทุกคนที่จมอยู่ในน้ำหรือแช่น้ำอยู่อย่างทุกข์ยาก มันจะก่อให้เกิดพลังงานรวมด้านบวกตามสมการซัมเบต้าขึ้นมาได้.

    4.ถ้าเธอร่วมกันสร้างพลังบวกกันขึ้นมามากๆได้เร็วเท่าใด น้ำท่วมขังหนักหนานั้น มันจะเบาลงลดลงอย่างน่าทึ่ง หรือถ้ามันเพิ่งมามันก็จะรีบไหลผ่านไปอย่างรวดเร็ว เพราะภัยพิบัติที่เกิดขึ้นเป็นปฏิบัติการหนึ่งเพื่อการชำระโลกชำระจิตสำนึกมนุษย์ของ ช่างเท็คนิก มันมิใช่ภัยธรรมชาติปกติแต่อยางใด มันถูกสร้างขึ้นด้วยพลังงานลบ เธอต้องใช้ความรักของพวกเธอที่ประสบภัยในพื้นที่เดียวกันอยู่นั้นเข้าแก้ไข

    5.การด่าว่าเทวดาฟ้าฝน การด่ารัฐบาล การไม่อยู่ในศีลธรรม เธอต้องจำเอาไว้ว่า มันเป็นการเพิ่มพลังอำนาจด้านลบ ที่จะเหนี่ยวรั้งภัยพิบัติมาหาพวกเธอในพิกัดพื้นที่นั้นมากขึ้น เร็วขึ้นและรุนแรงขึ้นไปอีก ตอนนี้ช่างเท็คนิกเขาเอาน้ำ้มาเทไว้ทั่วพื้นที่เป้าหมายแล้ว เพียงแค่เขาเติมลงมาใหม่ภายในชั่วโมงสองชั่วโมงก็ท่วมหนักได้ทันที เพราะน้ำไม่รู้จะระบายไปทางไหน มันเต็มพื้นที่ไปหมดแล้วในขณะนี้.

    6.อย่านั่งรอนอนรอความตายในท่ามกลางน้ำท่วมหนัก โดยอ้างว่ารอฝนหยุด รอรัฐบาลช่วยดันน้ำออกทะเลให้ เพราะพายุลูกใหม่ๆ กำลังทะยอยตามมาอีกเป็นชุด ขณะที่น้ำทะเลกำลังจะหนุนสูงอีกต่างหากด้วย ถ้าพวกเธอไม่ช่วยตัวเอง ด้วยการกระทำที่จิตสำนึกให้มันสั่นสะเทือนด้านบวก ตามที่แนะมาอาการน่าเป็นห่วงแน่นอน....

    คนภายนอกพื้นที่ๆเขามาช่วยพวกเธอด้วยความรักและเมตตานั้น พวกเขาจะได้บุญกุศลกลับไป แต่พลังงานความรักของพวกเขา จะช่วยลดทอนภัยพิบัติในพื้นที่ของเธอโดยตรงไม่ได้หรอก เนื่องจากจิตวิญญาณของพวกเขา มิได้มีหน้าที่ค้ำจุนแผ่นดินที่เธอดำรงชีวิตอยู่ตรงนั้น เธอต่างหากที่มีหน้าที่รับผิดชอบพื้นที่เกิด และดำรงชีวิตอยู่ด้วยตัวเธอเอง นี่คือคำตอบว่าวิกฤติน้ำท่วมที่เธอกำลังเผชิญอยู่นี้(พ.ศ.2554) ทำไมจึงแก้ไขไม่สำเร็จ????

    (ป.วิสุทธิปัญญา)

    และยังมีข้อความเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องกันจากโพสต์ ถามถึงเรื่องการคัดเลือกคน ที่ต้องได้รับผลกระทบ จากความสูญเสียในน้ำท่วมครั้งนี้

    ถาม -กราบท่านอาจารย์ ป.วิสุทธิปัญญา การเกิดภัยแต่ละครั้งนำความสูญเสียมาสู่ทั้งคนดีและไม่ดี ช่างเทคนิคมีวิธีการคัดสรรอย่างไร เพราะคนที่ทำไม่ดีต่อโลกบางส่วนกลับทำให้เกิดภัย มาถึงคนที่ไม่เกี่ยวข้อง แบบที่ชาวพุทธเรียกว่ากรรมใช่หรือไม่ครับ กราบเรียนถามมาด้วยจิตคารวะครับ

    ตอบ -วิธีคิดของช่างเท็คนิก:-

    1.มนุษย์โลกทุกคนล้วนเป็นหนึ่งเดียวกัน ตามเงื่อนไขในพันธะสัญญา6 ที่ให้ไว้เป็นสัจจะต่อพระบิดา ไม่ต่างจากทุกคนเป็นสมาชิกในองค์กร หรือทีมงานเดียวกันนั่นเอง

    2.ในองค์กรเดียวกันหรือทีมเดียวกันนั้น ถ้าสมาชิกคนใดทำความผิดพลาดเสียหายให้เกิดขึ้นไม่ว่าจะหนักน้อยแค่ไหน ทุกคนต้องมีสำนึกที่จะรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นร่วมกันทั้งสิ้น.

    3.โลกมนุษย์ของเธอก็เช่นกัน เพื่อนร่วมโลกของเธอก็ล้วนเป็นสมาชิก ขององค์กรโลกเดียวกันมิใช่หรือ คนที่ไม่ประพฤติธรรม ทำแต่กรรมชั่ว ก็คือสมาชิกที่ทำผิดพลาดบกพร่องเหลวไหลจนนำความเสียสมดุล หรือเสียหายมาสู่โลกอยู่ในขณะนี้นั่นเอง ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นคนส่วนมาก หรือส่วนน้อยที่เป็นคนมีจิตสำนึกบกพร่องก็ตาม คนดีๆจะเป็นคนส่วนน้อย หรือส่วนมากก็ตาม ต่างก็ต้องรับผิดชอบผลลัพธ์ของการเสียสมดุลของโลก นี้อย่างทัดเทียมกันทั้งสิ้น ไม่ต่างจากปลาในข้องเดียวกัน ตายจนเน่าเหม็นเพียงหนึ่งตัว ที่เหลืออีกทั้งข้องย่อมแปดเปื้อนความเน่าเหม็น นั้นไปด้วยกัน เธอเข้าใจสัจธรรมข้อนี้มั้ยล่ะ?

    4.ดังนั้น การต้องผจญภัยจากปฏิบัติการชำระโลก ไม่ว่าในรูปแบบใดก็ตาม ทั้งคนชั่วที่เป็นเหตุแห่งการถูกชำระ และคนดีต้องเผชิญสถานการณ์นั้นๆด้วยกันนั่นแหละ เพียงแต่ว่าคนดีที่มิได้อยู่ในคำพิพากษา หน้าผากมิได้มีเครื่องหมายกากบาทไว้ ยังไงๆเสียรอดตายแน่นอน แต่เรื่องทุกข์ยากก็คงจะได้เรียนรู้กับเขาบ้าง เพื่อสร้างสภาวะจิตให้เป็นอุเบกขา จะได้ก้าวหน้าทางจิตวิญญาณจากสถานการณ์นี้ไงล่ะ.

    5.คำตอบที่เธอถามมาก็คือ คนที่มิได้ทำผิดบาป ช่างเท็คนิกเขาจะเอาชีวิตไม่ได้หรอก เขาจะคุ้มครองปกป้องด้วยซ้ำ ไม่ตายแน่นอน แต่อาจทุกข์ยากลำบากไปกับเขามั่งก็เท่านั้นเอง.

    เธอจะต้องรู้ว่า ถ้าในพื้นที่ประสบภัยนั้น ไม่มีคนดีมีศีลธรรมอยู่บ้าง และไม่มีบารมีของคนดีอื่นๆ ในโลกนี้ที่เขาอยู่นอกพื้นที่ ช่วยประคับประคองแล้ว ภัยร้ายทั้งหลายที่เธอเห็นที่เขาเผชิญกันอยู่นั้น มันจะหนักหนากว่านี้ด้วยซ้ำไป จำไว้ว่าคนดีนั้นตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้หรอกเธอ ไหลไปตามนั้นคือกลัวตายเมื่อน้ำมา ไฟไหม้คือประสาทแตกเมื่อภัยร้ายมาเยือน จนจิตร้อนรุ่มกลุ้มกังวลอะไรทำนองนั้น

    คนดีๆเขาไม่กลัวตายจนเสียจริตหรอกนะเธอ ไอ้ที่กลัวจนขี้ขึ้นสมองน่ะจนขาดสติหรือเสียสติน่ะ ต้องเช็คกรรมดีที่ทำมากันหน่อยแล้ว ว่าดีแท้หรือดีเทียม!!!

    (ป.วิสุทธิปัญญา)

    ที่มา https://www.facebook.com/Visudhipunya/posts/211956335536866

    หมายเหตุ

    มนุษย์ที่มาเกิดบนโลกใบนี้ทุกคน เมื่อแรกที่แบ่งพลังงานลงมา ยังมีจิตบริสุทธิ์เลื่อมประภัสสร มนุษย์ได้รับพันธสัญญาลงมาปฏิบัติด้วย 6 ประการ คือ

    1.เป็นเพื่อนกับโลก
    2.มาทดสอบจิตสำนึกของตนเอง
    3.ไม่เบียดเบียนทำร้าย ทำลายกันเอง
    4.สืบทอดเผ่าพันธุ์ของมนุษย์
    5.เป็นพลังด้านบวกให้กับคนอื่นๆ
    6.หวนกลับยังที่เดิมในจักรวาล ก่อนที่จุติลงมาในโลกใบนี้

    สรุปพันธสัญญาทั้ง 6 ข้อ ก็คือ มนุษย์จะต้องลงมาสร้างพลังงานด้านบวกให้กับตนเอง ให้แก่เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน และแก่โลก เพื่อรักษาความสมดุลของโลกไว้

    แต่เมื่อลงมาอยู่ในโลกนี้แล้ว มนุษย์กับหลงติดอยู่กับความโลภ ความโกรธ ความหลง มิได้ช่วยกันผลิตพลังงานไฟฟ้าแม่เหล็กด้านบวกให้กับโลกใบนี้ กลับช่วยกันผลิตพลังด้านลบอันเกิดจากความเกลียด ความโกรธแค้น อาฆาต การทำลายล้างเผ่าพันธุ์ด้วยกันเอง การทำลายธรรมชาติ ภูเขา แหล่งน้ำ ต้นไม้ และทรัพยากรต่างๆ รวมทั้งผลิตขยะความคิด ขยะเทคโนโลยีขึ้นมากมาย ทำให้โลกใบนี้เสียความสมดุลไป

    ประมวล รุจนเสรี

    ที่มา Psycho Show Prinya
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 มีนาคม 2013
  4. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    จดหมายถึงลูก จากองค์จิตจักรวาล ฉบับที่ 1

    จดหมายถึงลูก จากองค์จิตจักรวาล ฉบับที่ 1
    "เมื่อถึงกาลสิ้นยุค ลูกๆต้องกลับบ้าน"


    @บุตรรักแห่งบิดาทั้งหลาย.....

    (1). เจ้าจงรับรู้ว่า บัดนี้กาลเวลาสำหรับพวกเจ้าที่ขันอาสาพระบิดาลงมาสู่การเกิดเป็นมนุษย์ เพื่อทำหน้าที่ตามนัยแห่งพันธะสัญญา 6 บนดาวเคราะห์โลกซึ่งเป็นดาวแห่งทางเลือกเสรีดวงนี้นั้นมันได้สิ้นสุดลงเมื่อ 800 ปีเศษที่ผ่านมาแล้ว นั่นเท่่ากับว่าพวกเจ้าได้ใช้เวลาเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในสังสารวัฏและสามภพภูมิมาแล้วนานร่วม 60,800 ปีเศษ ทั้งๆที่หกหมื่นปีโลกต่อหนึ่งยุคของพวกเจ้านั้น มันน่าจะเป็นจำนวนเวลาที่เพียงพอต่อการทำหน้าที่ยกระดับแรงสั่นสะเทือนและการค้ำจุนจิตสำนึกของดาวโลกดวงนี้ สู่ความสมดุลตามสมการพลังงานสามมิติ 3-3-3 ตามพันธะสัญญาที่ได้ให้ไว้กับพระบิดาแห่งเจ้าเป็นผลสำเร็จ และน่าจะสามารถนำพาแก่นแท้ของตนเองคืนกลับบ้านเกิดเมืองนอนยังแดนสุญญตากันจนหมดสิ้นแล้วด้วย

    (2). เจ้าจะล่วงรู้บ้างไหมว่า การที่พวกเจ้ายังคงติดกับดักที่พวกเจ้าริอ่านสรรสร้างมันขึ้นมาเองบนโลกนี้ ด้วยความยินยอมพร้อมใจนั้น มันคือการหลงใหลใน "โลกมายา"ดังประหนึ่งว่าแลเห็นกงจักรอันน่ากลัวเป็นดอกบัวอันน่าชมดีๆนี่เอง การหลงจนไม่มีสำนึกที่จะกลับบ้านหรือนิพพานให้ทันก่อนกาลสิ้นยุคนี้นั้น เท่ากับว่าพวกเจ้าทั้งหลายได้ก่อปัญหาอันหนักใหญ่ให้แก่บรรดาพี่ๆน้องของเจ้าผู้ทำหน้าที่บริหารจัดการองค์กรโลกให้สมดุลไว้ ทั้งในมิติโลกทางกายภาพของเครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมมนุษย์ และความดุลในมิติทางพลังงานด้านของแก่นแท้กันเลยทีเดียว ปัญหาอันหนักใหญ่ที่ว่านี้มี 3 ประการ คือ

    >> 1. พี่ๆช่างเท็คนิกของพวกเจ้า จะต้องปฏิบัติการชำระโลกด้วยความยากลำบากมากกว่าที่ควรจะเป็น เพราะพวกเจ้าได้สร้างวัตถุเท็คโนโลยีขยะที่รกโลกขึ้นไว้อย่างมากมาย ด้วยอาการป่วยทางจิตเพราะหลงผิดในมิติมายาเพราะเข้าใจว่าเป็นแก่นแท้ จนบิดาแห่งเจ้ามิอาจหาสถานที่ใดบนโลกนี้ที่จะเก็บฝังมันให้หมดสิ้นได้ ไม่ต่างจากปฏิบัติการชำระโลกครั้งที่สามเมื่อสองหมื่นกว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งพวกเจ้าเรียกว่ายุคแห่งเลมูเรีย-แอตแลนทิสนั้น บิดาแห่งเจ้าต้องใช้วิธีกลบฝังด้วยการพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดินเพื่อเอาขยะจำนวนมากมายทั้งหลายลงเก็บฝังไว้ใต้เปลือกโลกที่ลอยอยู่บนแผ่นน้ำ แล้วหงายเอาแผ่นเปลือกโลกด้านล่างอันว่างเปล่าขึ้นมาแทน ซึ่งปัจจุบันนี้คือพิกัดแผนที่ตั้งของทวีปอเมริกาด้านตะวันออกนั่นเอง ขณะที่เลมูเรีย-แอตแลนติสยังจมอยู่ด้านล่าง.....หากวัดระยะถ่างทางทะเลจากตรงพิกัดนี้ไปยังประเทศสเปนก็นับได้หลายร้อยไมล์ทะเล....

    บรรดาช่างเท็คนิกจะต้องแบกภาระหนัก ในการที่จะทำให้แผ่นเปลือกโลกหักพลิกหงายเพื่อหมายจมขยะวัตถุเท็คโนโลยีที่รกโลกของพวกเจ้าให้สิ้นไปเหมือนกาลครั้งนั้นกันอีกครั้ง....โดยแผ่นดินบางส่วนจะเพียงแค่ทรุดจมหายลงไป ซึ่งบุตรเอกแห่งบิดาพระอาจารย์แห่งพวกเจ้าได้ตีตราสีแดงไว้ในแผนที่โลกยุคพลังงานใหม่ให้พวกเจ้าได้เห็นเป็นบุญตากันล่วงหน้ามาแล้ว และแน่นอนว่าแผ่นดินอเมริกาส่วนใหญ่ก็จักต้องหายไป.....ขณะที่แผ่นดินเดิมที่จมหายไปอยู่ด้านล่าง คือ เลมูเรียกับแอตแลนทิส ก็จะถูกกระทำให้พลิกหงายกลับคืนขึ้นมาแทน มนุษย์อย่างพวกเจ้าคิดว่ามันเป็นภารกิจเบาๆหรือว่าหนักใหญ่ล่ะ

    นอกจากนั้น ความยากลำบากของช่างเท็คนิกแห่งพระบิดาเจ้า ที่จะนำมากล่าวอิงอ้างไว้ในที่นี้ ที่พวกเขาเห็นว่าหนักนักก็คือ การที่พวกเจ้าสร้างเขื่อนยักษ์ใหญ่สร้างฝายยักษ์เล็กเพื่อปิดทางไหลเวียนของน้ำอันเปรียบเสมือนเป็นเส้นเลือดใหญ่กับเส้นเลือดฝอยของดาวโลก ให้เกิดอาการสะดุดติดขัด ไหลเวียนไม่สะดวกเพียงเพื่อเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน จนยังผลให้แผ่นดินโลกอันอุดมสมดุลของบิดาแห่งเจ้า ต้องผอมแห้งแรงน้อยด้วยป่วยไข้เพราะแล้งน้ำดุจโลหิตไปหล่อเลี้ยง จนกระทั่งการขุดระเบิดภูเขาทั้งเทิอกย้ายเอาไปสร้างเมืองใหม่ในที่ๆไม่ควรก่อ การตัดโค่นต้นไม้ทำลายป่าอันเป็นแหล่งต้นน้ำ อันเป็นตัวช่วยยึดแผ่นดินบนขุนเขา อันเป็นบ้านเกิดบ้านอาศัยของสัตว์ป่าน้อยใหญ่ และอันเป็นแหล่งอาหารที่อุดมสมบูรณ์จากความหล่ากหลายทางชีวภาพสำหรับพวกเจ้าด้วยกันเองโดยแท้

    แต่พี่ๆน้องๆของเจ้ากลับทำลายสมดุลของระบบนิเวศน์เสียยับเยินจนดาวเคราะห์โลกดวงนี้ป่วยหนัก เพราะเสียสมดุลอย่างรุนแรง ซึ่งภารกิจหนักของช่างเท็คนิกแห่งบิดาเจ้าก็คือ พวกเขาจะต้องระเบิดเขื่อนยักษ์ใหญ่กับฝายยักษ์เล็กที่เป็นปัญหาต่อระบบนิเวศน์ทั่วโลกทิ้งทั้งหมด เสมือนการเยียวยาคนป่วยด้วยลิ่มเลือดอุดตันในเส้นเลือดสมองหรืออุดตันในเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจจนทำให้กล้ามเนื้อหัวใจกำลังจะตายแบบเฉียบพลันอยู่แล้วนั้นให้มันโปร่งโล่งลื่มไหลไปได้โดยสะดวกนั่นแหละ

    ภารกิจหนักลำดับต่อมาก็คือ การระเบิดภูเขาที่เหลืออยู่ให้พังถล่มทลายกลายเป็นที่ราบ แน่นอนว่านี่้เป็นการทำให้โลกแห่งบิดาเจ้าต้องบอบช้ำอย่างหนัก เพียงเพื่อต้องการปรับสมดุลทางกายภาพให้กับระบบโลกใหม่ เพื่อให้มันสมดุลกันกับบรรดาเทือกเขาทั้งหลายที่หายไป เพราะพวกเจ้าขนเอาไปสร้างภูเขาคอนกรีตกันในเมืองใหญ่อันเป็นพิกัดที่ไม่บังควรปลูกสร้างอยู่ดาดดื่นนั่นแหละ

    นี่ถ้าพวกเจ้าทั้งหลาย ทำหน้าที่รักษาสัจจะในพันธะสัญญาที่ให้ไว้ต่อพระบิดาแห่งเจ้าทั้งหกประการได้ครบถ้วนแล้ว นอกจากพวกเจ้าจะนิพพานคืนกลับบ้านสู่แดนสุญญตากลับมากราบพระบาทบิดาแห่งเจ้าได้อย่างสง่างาม พวกเจ้าก็จะไม่สร้างขยะให้รกโลกดั่งคนเสียสติ ไม่ทำลายสมดุลของระบบโลกซึ่งบิดาแห่งเจ้าได้กำหนดสร้างไว้ดีแล้วอย่างไม่บันยะบันยังดังเช่นทุกวันนี้แน่นอน ช่างเท็คนิกแห่งบิดาเจ้าก็มิพักต้องแบกภาระหนัก ทำงานยากๆในการชำระโลกให้สะอาดเพื่อการเปลี่ยนยุคพลังงานเก่าสู่ยุคพลังงานใหม่ดังเช่นขณะนี้อีกเช่นกัน.....

    >> 2. ปัญหาอันหนักใหญ่ประการที่สองของบรรดาช่างเท็คนิกแห่งบิดา ในการปฏิบัติภารกิจตามข้อ 1.ที่กล่าวนั้นก็คือ จะต้องทำให้ทะเลจมแผ่นดินพร้อมเกาะแก่งต่างๆ ต้องทำให้แผ่นดินบางประเทศหายไปจากแผนที่โลก ต้องระเบิดเขื่อนยักษ์เล็กยักษ์ใหญ่ทิ้งไป ต้องทำให้แผ่นดินยุบแยก และอื่นๆ ซึ่งจดหมายฉบับต่อๆไปจะลงลึกถึงข้อมูลที่เป็นรายละเอียดให้พวกเจ้าได้ล่วงรู้ล่วงหน้ากันอีกครั้ง

    ปฏิบัติการเหล่านี้มันจะต้องทำให้เสร็จสิ้นภายใน 56 วัน 7 ราตรีก่อนที่จะถึงวันเปลี่ยนยุค.....

    แน่นอนว่าพวกเจ้าทุกคนที่ยังดำเนินชีวิตอยู่บนดาวโลกดวงนี้ จักต้องเผชิญหน้ากับภัยพิบัติอันเลวร้ายนี้อย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนแน่นอน ซึ่งคำกล่าวของบุตรเอกแห่งบิดา ที่ได้ป่าวประกาศให้โลกรู้มาล่วงหน้าตั้งสองพันกว่าปีมาแล้ว ตราบกระทั่งย้อนกลับมาทำหน้าที่เดิมใหม่อีกครั้งในปลายยุคนี้ มันล้วนเป็นความจริง...เป็นความจริงที่พวกเจ้าส่วนใหญ่เสมือนมีแต่ใบหูแต่ไร้ซึ่งรูที่จะสดับสรรพสำเนียงแห่งบิดา จากโอษฐ์เอื้อนของบุตรเอกแห่งบิดาเจ้า เป็นความจริงที่พวกเจ้าทั้งหลายเสมือนมีตาแต่ไร้แวว จึงไม่ได้เห็นหนกลไกในข่าวสารการชำระโลกที่บุตรเอกชวนชี้ให้พวกเจ้าดูคลิปวิดีโอภัยพิบัติเหล่านั้นเป็นตัวอย่างอ้างอิง ในทุกครั้งคราวที่กล่าวโอวาทแห่งพระบิดา....เพราะรักพวกเจ้าจึงได้มีคำกล่าวและข่าวสารให้ล่วงรู้อยู่เนืองๆ...

    เจ้าจะรู้บ้างหรือไม่ว่า ถ้าเหตุการณ์ต่างๆในแผนการชำระโลกดังกล่าวข้างต้นนั้นมันเกิดขึ้นจริงๆ พวกเจ้าทั้งหลายทั้งที่อยู่ในเครื่องหมายกากะบาทตรงหน้าผากจำนวนมากมาย และบุตรรักแห่งบิดาที่สั่งสมบารมีแห่งความดีงามเอาไว้เต็มตัวที่เป็นคนส่วนน้อย ซึ่งต่างก็ดำเนินชีวิตอยู่บนแผ่นดินเดียวกัน จักต้องผจญภัยร้ายแรงร่วมกันด้วยใช่หรือไม่....เป็นความยากลำบากใช่ไหม ที่จำต้องคัดกรองว่ารูปธรรมมนุษย์เป้าหมายใดจะถูกชำระออกไปจากระบบโลก รูปธรรมมนุษย์เป้าหมายใดจักต้องเก็บรักษาไว้ให้ทำหน้าที่ร่วมกับดาวโลกนี้ต่อไปอย่างถูกคน อย่างแม่นยำและชัดเจนมิมีผิดพลาด

    - ก็เพราะพวกเจ้า เอาแต่หลงทางไปนิพพานกันใช่หรือไม่...
    - ก็เพราะพวกเจ้า เอาแต่ท้อแท้...เพราะคิดว่านิพพานเป็นเรื่องยากในทางปฏิบัติกันใช่หรือไม่.....
    - ก็เพราะพวกเจ้า เอาแต่งมงายกับความไม่รู้ใช่หรือไม่....
    - ก็เพราะพวกเจ้า เอาแต่คิดเชื่อว่าผู้ที่จะนิพพานได้ต้องเป็นนักบวช และต้องเป็นเพศชายเท่านั้น ใช่หรือไม่......

    ด้วยนัยเหล่านี้พวกเจ้าจึงแออัดยัดเยียดแย่งยื้อกันมาเกิดเป็นมนุษย์อย่างไร้อนาคต....อย่างคนสิ้นหวัง....บิดาแห่งเจ้าซึมซับในความจริงท่ามกลางความเป็นไปของพวกเจ้าตลอดมา จึงได้มอบหมายให้บุตรเอกแห่งบิดาลงมาเติมเต็มความหวังสุดท้ายในนิพพาน ให้แก่พวกเจ้าทั้งหลายก่อนกาลสิ้นยุคนี้....นี่เป็นดั่งขอนไม้ท่อนสุดท้ายหรือเส้นเชือกเส้นเดียวที่พวกเจ้าต้องตัดสินใจกันได้แล้วว่า จะไขว่คว้ามันเอาไว้หรือไม่....จงตัดสินใจด้วยปัญญาของพวกเจ้าเองเถิดบุตรรักแห่งบิดาทั้งหลาย....

    พวกเจ้าว่าภาระกิจในข้อสองนี้ มันทำความยากลำบากให้แก่พี่ๆช่างเท็คนิกให้หนักใหญ่ได้อีกกรณีหนึ่งไหมล่ะ.....พวกเขาต้องตรึกตรอง ต้องตรวจสอบ ต้องคัดแยก ต้องจำแนกกลุ่ม และต้องแม่นยำเป็นที่สุดเท่านั้น งานในมิติคู่ขนานจึงจะลุล่วงได้อย่างยอดเยี่ยมดังประสงค์...

    >> 3. ปัญหาอันหนักใหญ่ประการที่สามของบรรดาช่างเท็คนิกแห่งบิดา ในการปฏิบัติภารกิจตามข้อ 1.ที่กล่าวนั้นให้ลุล่วงก็คือ การจะต้องจัดการกับพี่ๆน้องๆของเจ้าบางรูปธรรม บางกลุ่ม บางจำพวก ที่ทำตนเป็นอุปสรรคต่อปฏิบัติการชำระโลกครั้งสุดท้ายเป็นครั้งที่สี่นี้ ด้วยความโง่ ความงมงาย ความไม่รู้และอุตริอย่างไม่มีโอกาสที่จะได้รับอภัยโทษ ด้วยการอดทน...รอคอยวันเวลาแห่งการสำนึกดีสำนึกชอบ และมีสำเหนียกในบทบาทหน้าที่แห่งตนจนถึงที่่สุด...แม้พวกเขาจะรู้แล้วว่าเปอร์เซ็นต์แห่งความคาดหวังว่าจะเปลี่ยนแปลงมีอยู่เพียงใกล้ศูนย์เท่านั้น

    ทั้งหมดนี้ คือ ปัญหาหนักใหญ่ 3 ประการของบรรดาช่างเท็คนิกแห่งบิดาเจ้า ที่นำพาความรักมาฝากดาวโลกเสรีนี้จนล้นใจ....

    (3). บุตรรักทั้งหลาย ไม่ว่าเจ้าจะยอมรับนับถือศาสดาพระองค์ใด ศาสนาไหนๆ ศาสดาของเจ้าก็ล้วนเป็นพี่ๆน้องๆของเจ้าเพราะทุกๆรูปธรรมต่างล้วนเป็นบุตรรักแห่งบิดาด้วยกันทั้งสิ้น แม้ในยุคนี้บุตรเอกแห่งบิดาจะกล่าวนำพวกเจ้าให้กล่าวถึงบิดาแห่งจิตวิญญาณของพวกเจ้า ในบริบทของผู้กำหนดสร้างหรือผู้เริ่มต้น และบริบทของผู้มีพลังอำนาจเหนือสรรพสิ่งทั้งมวลที่บิดาแห่งเจ้าสร้างขึ้นไว้เสมือนเป็นจุดศูนย์กลางของทุกสรรพสิ่งว่า "องค์จิตจักรวาล" ก็ตาม พวกเจ้าจักต้องรู้ว่า พระผู้เป็นเจ้าหรือพระผู้สร้างมีเพียงพระองค์เดียวเท่านั้นแหละบุตรรักทั้งหลาย....เจ้าจงเลิกสับสนกันได้แล้ว

    หน้าที่ของพวกเจ้าก็คือ จงรับฟังพระโอวาทแห่งบิดาเจ้าจากทุกคำกล่าวของบุตรเอกแห่งบิดาเพียงรูปธรรมเดียวเท่านั้น ตลอดยี่สิบปีโลกที่ผ่านมา...บิดาแห่งเจ้าได้ทดสอบ พิสูจน์ เตรียมความพร้อม และเติมเต็มพลังอำนาจอันยิ่งใหญ่ให้แก่บุตรเอกแห่งบิดา ผู้ขันอาสานำพาความรักและความหวังสุดท้ายในนิพพานมาฝากพวกเจ้าด้วยสำนึกแห่งการเสียสละมาโดยตลอด จงมั่นใจที่จะก้าวตามด้วยสติปัญญาและปัญญาญาณของเจ้าที่จะค่อยๆงอกเงยอย่างงดงาม ดั่งดอกบัวบานที่ค่อยๆชูดอกพ้นน้ำขึ้นมารับแสงแห่งนิพพาน ด้วยพลังอำนาจแห่งรักและอริยะปัญญาของพระอาจารย์แห่งพวกเจ้าที่พวกเจ้าพากันไปเฝ้าฟังเฝ้าฝึกฝนตนเองอยู่เนืองๆ จะช่วยให้พวกเจ้าผู้มีปณิธานแห่งนิพพาน และมีมหาสติอันสมบูรณ์ สามารถก้าวย่างสู่ประตูนิพพานยังด่านนภาลัยได้ทันก่อนกาลชำระโลกคาบสุดท้ายนี้ให้จงได้....

    หากเธอเชื่อฟังแล้วนำไปปฏิบัติในชีวิตจริงอย่างเคร่งครัด...เธอจักสามารถข้ามผ่านการเคี่ยวกรรมของคนใกล้ตัว และข้ามผ่านมหันตภัยพิบัติอันน่ากลัวที่ไม่มีเครื่องลางของขลังใดๆจะช่วยเหลือได้ และไม่มีศักดิ์สิทธิ์ใดจะช่วยพวกเจ้าได้ นอกจากการมีสำนึกดี สำนึกชอบ สำนึกแห่งรัก กับการยอมรับปฏิบัติการชำระโลกครั้งสุดท้ายนี้อย่างสงบเย็น ด้วยการทำหน้าที่ของตนเองในการเป็นคนสองมิติให้สำเร็จให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แทนการหาที่หลบหนีไปขึ้นภูเขา หาที่หลบเอาบนยอดไม้ หาที่ฝังกายอยู่ใต้พื้นดิน...จงจำไว้ว่าภัยธรรมชาติร้ายแรงที่จะเกิดขึ้นต่อไปนี้ต้องมีผู้เสียชีวิตคราวละมากมายแน่แท้ เพราะมิใช่ภัยจากธรรมชาติของพระบิดาแห่งเจ้าหรอก มันเป็นปฏิบัติการทางเท็คนิกเพื่อการชำระขยะออกไปจากระบบโลกต่างหาก

    ต่อให้พวกเจ้าที่มีหมายกากะบาทอยู่บนหน้าผากแล้ว กักตุนยาอาหารปัจจัย หาที่หลบภัยไปอยู่แห่งใดบนปฐพีนี้ก็อย่าหวังว่าจะรอดพ้นสายตาจากการพิพากษาไปได้....เร่งเตรียมตนเองและจิตวิญญาณเพือการผจญภัยเอาไว้ดีกว่า วันเกิดภัยร้ายหากเธอกำลังอยู่ในสถานที่ๆไม่เหมาะสม ช่างเท็คนิกแห่งบิดาเขาจะสื่อสารมาให้เธอรู้ล่วงหน้าเอง....หากเธอเป็นผู้ถูกเลือกให้รอด!!

    ถ่ายทอดคลื่นความคิดจากองค์จิตจักรวาลโดย
    ป.วิสุทธิปัญญา
    28-11-2012

    ที่มา จดหมายถึงลูก จากองค์จิตจักรวาล ฉบับที่ 1
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 เมษายน 2013
  5. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    จดหมายถึงลูก จากองค์จิตจักรวาล ฉบับที่ 2

    จดหมายถึงลูก จากองค์จิตจักรวาล ฉบับที่ 2
    "เมื่อมีโอกาส เธอต้องใช้โอกาสนี้ทันที"


    @บุตรรักแห่งบิดาทั้งหลาย.....

    (((1))) ไม่ว่าพวกเจ้าจะใช้ชีวิตอยู่ตรงพิกัดใด บนดาวเคราะห์โลกเสรีดวงนี้ นับตั้งแต่วันเวลาที่ 11 คือ วันที่ 11-11-2012 เป็นต้นมา ประดาทีมช่างเท็คนิกแห่งจักรวาลได้่ร่วมมือกันทั้งภาคพื้นดิน ในใต้พื้นโลก และจากนอกระบบโลก ด้วยการยกระดับแรงสั่นสะเทือนด้านบวกที่แกนโลกให้สูงขึ้นจากเดิมอย่างช้าๆ โดยปฏิบัติการนี้จะไปสิ้นสุดการปฏิบัติการในคาบแรก (First Period) ณ วันที่ 12-12-12 หากนับจากวันที่กล่าวพระโอวาทต่อพวกเจ้าก็คือ อีกภายใน 3 วันโลกนั่นเอง

    ทีมงานช่างเท็คนิกเป็๋นรูปธรรมชั้นสูง ที่มีความรักต่อมวลมนุษย์โลกเสรีอย่างพวกเจ้าไม่น้อยไปกว่าความรักของพระบิดาที่มีต่อพวกเจ้า ซึ่งพวกเขาได้คอยอยู่โยงช่วยเหลือดูแลพวกเจ้ากับดาวเคราะห์ดวงนี้อย่างใกล้ชิดกันมาตลอด ทีมงานเท็คนิกเหล่านี้ที่พวกเจ้าพึงสำนึกในพระคุณพวกเขาไว้ในบางกลุ่มมีดังนี้

    (1.1). ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านอำนาจแม่เหล็กโลก กลุ่มแซจิสตาเรี่ยน ซึ่งเดินทางมาจากกลุ่มดาวแซจิสตาริอุส (Sagistarius) เป็นรูปธรรมชั้นสูง ไม่เคยเกิดเป็นมนุษย์มาก่อน อุปนิสัยคล้ายเด็กน้อยไร้เดียงสา ร่าเริง แต่ฉลาดล้ำเลิศ เดินทางเข้าสู่ระบบโลกก่อนกลุ่มอื่น เพราะต้องรีบเข้ามาทำหน้าที่ถือคบเพลิงให้แก่ดาวโลกแทนก่อนหายนะจะเกิดขึ้น เนื่องจากโลกของพวกเจ้าจะปล่อยให้ไฟมอดดับไม่ได้ สาเหตุที่แสงสว่างของดาวโลกมอดลงกะทันหันก็เพราะว่าผู้ขันอาสาถือคบเพลิงให้แก่ดาวโลก 2 กลุ่ม

    คือพวกนักรบแห่งแสงสว่างอันหมายถึงนักบวช-ผู้ทรงศีล จุดคบเพลิงของตนเองกันไม่ได้ ที่ได้อยู่ก็ค่อยๆหมดเชื้อจนมอดลับดับลง กับอีกกลุ่มหนึ่ง คือ ผู้คนส่วนใหญ่บนโลกใบนี้ที่สวมบทบาทของนักสู้เพื่อการรู้แจ้ง และทำหน้าที่เป็น "คนงานผลิตแสงสว่าง" ให้แก่ดาวโลกของตนด้วยเช่นกันก็พากันล้มเหลวในภารกิจอย่างสิ้นเชิง เพียงเพราะรักไม่ได้ ให้ไม่เป็น และกระทำการก้าวล่วงผู้อื่นให้ล้มเหลวในการทำหน้าที่คนงานของโลกตามไปด้วย

    จากความล้มเหลวของพวกเธอบนดาวโลกนี่เอง ดาวโลกจึงขาดเส้นแสงแห่งความรักที่จะถูกส่งลงไปยังแกนโลกอย่างเพียงพอเพื่อจุดระเบิดอะตอมของธาตุ O2 ข้างในแกนกลางนั้น ด้วยปฏิกริยานิวเคลียร์ลูกโซ่ที่เรียกว่า Nuclear Fission ซึ่งปกติแล้วปฏิกริยานี้จะต้องเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อยังผลให้ดาวโลกของเธอมีความสว่างไสวสกาวตลอดเวลาและตลอดไป โดยแสงสว่างนี้เกิดจากสนามแม่เหล็กโลกที่แผ่ออกมาโดยรอบจนกระทบกับกระแสพายุสุริยะแล้วปฏิสัมพันธ์กันบังเกิดเป็นโครงข่ายของเส้นแสงที่ให้ความสว่างในสัดส่วนที่บิดาแห่งเจ้าได้กำหนดไว้ให้แล้ว

    เมื่อพวกเจ้าล้มเหลวดาวเคราะห์โลกของพวกเจ้าจะเสียสมดุลทันที และการเสียสมดุลกลับรุนแรงเกินคาดคิดเนื่องจากว่าพวกเจ้าบ่อนทำลายความสมดุลทางกายภาพในระบบโลก จนย่อยยับไปอีกมิติหนึ่งด้วย เมื่อเกิดการเสียสมดุลทางพลังงานผลร้ายที่เกิดขึ้นในระบบโลกจึงทวีความรุนแรงเป็นเท่าตัว นี่จึงเป็นสาเหตุหลักที่กลุ่มช่างเท็คนิกนี้จำต้องรีบเดินทางเข้าสู่ระบบโลกแล้วลงไปปฏิบัติภารกิจจุดคบเพลิงที่แกนโลกแทนพวกเจ้าจนถึงบัดนี้ คงต้องประจำการปฏิบัติหน้าที่ไปจนกว่าการชำระโลกสิ้นสุดยุติลง ตราบโลกเข้าสู่ยุคพลังงานใหม่ต่อไปได้แล้วเท่านั้น

    (1.2). ทีมผู้เชี่ยวชาญกลุ่มที่สอง คือ กลุ่มอาร์กทอเรี่ยนส์ ซึ่งเป็นรูปธรรมที่เดินทางมาจากกลุ่มดาวอาร์กทอรัส (Arctaurus) เป็นรูปธรรมชั้นสูง ไม่เคยเกิดเป็นมนุษย์มาก่อน อุปนิสัยอ่อนโยน กล้าหาญ มีพลังแห่งรักสูงส่ง มีความรักต่อมวลมนุษย์แห่งโลกเสรีนี้เช่นเดียวกัน ปกติแล้วพวกเขาจะอยู่โยงกับมนุษย์แต่ละคนตั้งแต่มาเกิดภพชาติแรกบนดาวโลกเสรีนี้แล้ว แต่ทีมช่างเท็คนิกที่ว่านี้เป็นกลุ่มที่เพิ่งขันอาสาเข้ามาทำหน้าที่พิเศษร่วมกับกลุ่มแรก ที่แกนโลก

    (1.3). ทีมผู้เชี่ยวชาญกลุ่มที่สาม นามว่ากลุ่มสิเรี่ยนส์ ซึ่งเป็นรูปธรรมที่เดินทางมาจากกลุ่มดาวสิริอุส (Sirius) เป็นรูปธรรมชั้นสูง ไม่เคยเกิดเป็นมนุษย์มาก่อน มีอุปนิสัยห้าวหาญเยี่ยงนักรบ มีพลังแห่งรักสูงส่ง พร้อมมอบความรักต่อมวลมนุษย์เช่นกัน ขันอาสาเข้ามายังระบบโลกในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านปฏิบัติการชำระโลกทั้งสองมิติ โดยเป็นผู้ควบคุมแผนการชำระโลกให้เป็นไปตามที่ประชุมมีมติกำหนดไว้มิให้ผิดพลาด เป็นผู้ดูแลช่างเท็คนิกในระบบโลก(เจ้ากรรมนายเวร) ไม่ให้ก่อภัยพิบัติโลกทำร้ายโลกทางกายภาพและทำร้ายพวกเจ้าที่มิได้อยู่ในแผนชำระ เป็นผู้ควบคุมปฏิบัติการทางเท็คนิกที่ต้องใช้ดิน น้ำ ลม และไฟ เป็นเครื่องมือ เป็นต้น

    (1.4). ทีมผู้เชี่ยวชาญกลุ่มที่สี่นี้ นามว่ากลุ่มพลียะเดี้ยนส์ ซึ่งเป็นรูปธรรมที่เดินทางมาจากกลุ่มดาวพลียะดิส (Pleiades) เป็นรูปธรรมชั้นสูงที่เคยเกิดเป็นมนุษย์เยี่ยงพวกเจ้ามาก่อนแล้ว ปัจจุบันนี้พวกเขาสามารถนิพพานได้หมดสิ้นแล้ว คือ เป็นอมตะและสามารถเปลี่ยนย้ายมวลตนเองไปสู่มิติที่สูงกว่า(ล่องหน)ได้ พวกเขาคือต้นพันธุ์ของเครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมมนุษย์ชายหญิงของพวกเธอนั่นเอง พวกเขาจึงรักพวกเธอมากเป็นพิเศษ คอยดูแลช่วยเหลือทั้งพัฒนาการในการดำเนินชีวิตและวิวัฒนาการในด้านโครงสร้างทางชีววิทยาของพวกเจ้าที่พวกเขาเป็นผู้คิดสร้างขึ้นมาเอง

    ด้วยบัญชาแห่งบิดาเจ้า ในการปฏิบัติการชำระโลกครั้งที่สี่นี้ พวกเขาเข้ามาทำหน้าที่ควบคุมดูแลการคัดแยกคนดีออกจากคนชั่ว ทำหน้าที่ปรับเปลี่ยน DNA ในระบบเซลของพวกเธอเป็นรายบุคคล(ที่ถูกเลือกไว้) และยกระดับภูมิต้านทานของจิตและกายหยาบให้ตั้งรับพลังอำนาจระดับ 7 ที่กำลังทะยอยส่งเข้ามายังระบบโลกของเจ้าอย่างเข้มข้นและรุนแรงขึ้นทุกวันได้อย่างอยู่รอดปลอดภัย เป็นต้น

    (1.5). ทีมผู้เชี่ยวชาญกลุ่มที่ห้านี้ นามว่ากลุ่มแอนโดรมีเดี้ยนส์ ซึ่งเป็นรูปธรรมที่เดินทางมาจากนอกระบบกาแล็กซี่ของพวกเจ้า พวกเขามีคุณลักษณะไม่ต่างจากพี่ๆพลียะเดี้ยนส์ของพวกเจ้า แต่มีหน้าที่ให้ความรักต่อทุกสรรพสิ่งในระบบโลกแตกต่างกันคือ กลุ่มนี้คือรูปธรรมที่พวกเจ้าเคยเรียกว่า "พระสุริยะเทพ" นั่นเอง หากไม่มีพวกเขาคอยดูแลเติมเต็มก๊าซเหลวให้แก่ดวงอาทิตย์ของเจ้าให้สมดุลไว้ เหมือนดั่งเติมน้ำมันให้ตะเกียงแล้ว

    ป่านนี้ดวงอาทิตย์ของโลกของพวกเจ้าก็ดับวับไปนานแล้วเพราะเชื้อเพลิงหมด พวกเขากลุ่มนี้นอกจากจะคอยขนส่งเชื้อเพลิงเหลวให้แก่พระสุริยะแล้ว ขณะนี้ยังทำหน้าที่ทะยอยส่งพลังแห่งรักในรูปของพายุสุริยะไปยังดาวโลกของพวกเจ้า ด้วยการผลิตสร้างจุดระเบิดบนพื้นผิวดวงอาทิตย์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ให้ครบ 11 จุดตามกำหนดในอนาคตอันใกล้นี้อีกด้วย

    ขณะที่ดาวโลกมีพลังแสงสว่างริบหรี่ บุตรเอกแห่งบิดาสามารถสื่อสารถ่ายทอดพระโอวาทได้ก็ด้วยอาศัยการถ่ายทอดสัญญาณคลื่นความคิด ผ่านจุดศูนย์กลางคือดวงอาทิตย์ที่มีรูปธรรมกลุ่มนี้คอยกำกับปฏิบัติการอยู่เพื่อเชื่อมโยงกับบิดาแห่งเจ้าอยู่ทุกครั้งครา

    (((2))) บุตรรักแห่งบิดาทั้งหลาย ปฏิบัติการชำระโลกมิใช่เรื่องล้อเล่นหรอก พวกเจ้าจงรับรู้ความจริงที่ได้เปิดเผยเหล่านี้ไว้ประดับสติปัญญาของพวกเจ้าเถิด ให้รู้ว่าเพราะความรักของรูปธรรมชั้นสูงเหล่านี้สูงส่งยิ่งนัก ปฏิบัติการชำระโลกครั้งนี้จึงมีแต่สิ่งอันเหมาะสมเกิดขึ้นแม้พวกเจ้าหลายคนยังคงเห็นว่าไม่เหมาะสมกันอยู่ก็ตาม

    ถ้าพวกเจ้ารักตนเอง รักโลกของเจ้า รักแก่นแท้ของตนเอง และปรารถนาความรักจากบิดาแห่งเจ้า จงรีบมีส่วนช่วยให้ปฏิบัติการ 11:11 ถึงวันเวลาที่ 12:12 ที่จะสิ้นสุดภายใน 3 วันนี้มีเจ้าอยู่ด้วยคนหนึ่งที่มีส่วนร่วมแล้วละก็.....

    จงใช้เวลาอย่างน้อยวันละ 3 ครั้ง เวลาใดก็ได้ ทำสามเหลี่ยมกับดาวโลกของเจ้า เอาบุตรเอกแห่งบิดาเจ้าเป็นยอดสามเหลี่ยม ตัวเจ้าเองกับดาวโลกของเจ้าเป็นมุมทั้งสองด้านของฐานสามเหลี่ยมนั้น แล้วเหนี่ยวรั้งพลังแห่งรักจากพระสุริยะอันมีรูปธรรมกลุ่มช่างเท็คนิกนามว่าแอนโดรมีเดี้ยนส์ หรือแอนโดรเมดานส์ทรงรับรู้อยู่ก็ได้ เหนี่ยวรั้งเส้นแสงทั้งหลายลงมาผ่านทางตาที่สามและร่างกายของเจ้าแล้วเหนี่ยวรั้งผ่านลงสู่ฝ่าเท้าอันเปล่าเปลือยของเจ้าตรงไปยังแกนโลกในบั้นปลาย

    ปฏิบัติสิ....ครั้งละกี่นาทีแล้วแต่ใจเจ้าแล้ว.......

    จงรับรู้ว่า วันเเวลาที่ 21-12-12 เป็นต้นไปนั้น โลกจะเกิดมหันตภัยมากหรือน้อย ช้า-เร็ว-นาน-หนัก-เบา อยู่ที่พวกเจ้าว่ามีส่วนร่วมช่วยเหลือแค่ไหน อยู่ทีความเหลวไหลของมนุษย์แห่งโลกเสรีนี้ว่าจะเป็นเช่นไร.....

    ถ่ายทอดคลื่นความติดจากจิตจักรวาลโดย
    ป.วิสุทธิปัญญา
    9-12-12

    ที่มา จดหมายถึงลูก จากองค์จิตจักรวาล ฉบับที่ 2
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 เมษายน 2013
  6. gijjij

    gijjij เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    160
    ค่าพลัง:
    +346
    รอจนแก่แล้ว รอจนแก่แล้ว มีหลาน 3 คนแล้ว
     
  7. kb 2500

    kb 2500 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    143
    ค่าพลัง:
    +873
    ขอให้ท่านผู้เป็นคนสนับสนุนเว็ปพลังจิตเป็นพิเศษกว่าใครๆ มีพระพุทธเจ้าในจิตให้มากๆครับ จะได้เจริญในธรรม.. 555
     
  8. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ขอให้รู้ไว้ว่าสงครามโลก จะไม่ได้รับอนุญาตให้เกิดขึ้นอีกต่อไป !!!

    [​IMG]

    waterydis สมาชิก

    จงให้ความสนใจแต่กับสิ่งที่ดีงาม....
    ซาลูซ่า วันที่ 29 มีนาคม 2556


    ตอนนี้เราได้เห็นแล้วว่าผู้ร่วมงานแห่งแสงทั้งหลาย ได้ตั้งต้นทำหน้าที่ในการนำผู้คนเข้าสู่โลกยุคใหม่แล้ว ความรู้ความเข้าใจว่าอะไรคือสิ่งที่จำเป็นในการตื่นรู้ของผู้ร่วมงานแห่งแสง กำลังช่วยเหลือกระบวนการตื่นรู้ที่เดินหน้าไปเรื่อยๆ โดยไม่คำนึงถึงสถานการณ์ต่างๆ บนโลกเลย มันสำคัญมากที่ประชาชนทั้งหลายจะไม่ปล่อยให้ความวุ่นวายและความไม่สงบต่างๆ มาดึงเอาพลังงานของพวกเขาออกจากเรื่องที่เกี่ยวกับแสงและความรัก ในที่สุดกลุ่มความมืดจะแสดงตัวออกมา พวกเขากำลังสูญเสียอำนาจ ที่จะสร้างความตื่นกลัวได้อีก จริงอยู่ว่าตอนนี้มีการขู่เรื่องสงครามปรากฏอยู่เด่นชัด

    ขอให้รู้ไว้ว่าสงครามจะไม่ได้รับอนุญาตให้เกิดขึ้นอีกต่อไป กลุ่มสหพันธ์จักรวาลแห่งแสงทราบดี ถึงเจตนารมณ์ของผู้มีอำนาจสูงสุดทั้งหลาย และ เราจะขัดขวางทุกความพยายามที่จะนำไปสู่สงครามโลก แสงสว่างได้ทำให้ความตระหนักรู้ของผู้คน ที่เกี่ยวกับอาวุธสงครามเปลี่ยนไปอย่างมาก เธอจะได้ยินเรื่องความคลางแคลงใจกับเหตุผลของกระทำต่างๆ ของทหารหรือการโจมตีพลเรือนที่บริสุทธิ์ที่ไม่จำเป็น วันที่สงครามและทุกอย่างที่สนับสนุนสงคราม จะไม่มีอยู่อีกในชีวิตของเธอกำลังจะเป็นจริง

    พวกเราขอให้เธอทั้งหลายที่อยู่ฝ่ายแสงสว่าง จงให้ความสนใจแต่กับสิ่งที่ดีงาม เพราะความรักที่พวกเธอแสดงออกมานั้น คืออาวุธที่มีำพลังอำนาจมากที่สุด พวกเธอทุกคนกำลังยกระดับความถี่ ซึ่งจะทำให้มั่นใจได้ว่ายุคใหม่จะปรากฏเป็นจริงและไม่มีอะไรที่จะมาหยุดมันได้เลย อันที่จริงมันเกิดสิ่งต่างๆ ไปมากมาย มากกว่าที่ปรากฏให้เห็นในทันทีทันใด มันไม่มีทางที่จะกลับไปใช้ชีวิตในรูปแบบเดิมๆ ได้อีก แสงสว่างกำลังซึมแทรกเข้าไปในสถาบัน องค์กรและบริษัทต่างๆ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน

    สิ่งที่พวกเขาเคยยอมรับ ทำในอดีตกำลังถูกตั้งคำถามว่า สิ่งเหล่านี้ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ส่วนรวมจริงๆหรือ? คนที่พยายามจะรักษาแนวทางแบบเ่ก่านั้น จะพบว่าเขาไม่สามารถจะประคับประคองมันได้อีกต่อไป และมันกำลังเกิดขึ้นในโลกการเงิน มันมีการทุจริตเกิดขึ้นมากมาย มากกว่าที่ได้ถูกเปิดเผย และในที่สุดเมื่อความจริงจะปรากฏออกมา มันจะทำให้กลุ่มคนที่เคยเชื่อมั่นสะเทือนใจอย่างมากทีเดียว ระบบใหม่จะถูกแนะนำให้รู้จัก และนำมาใช้อย่างเปิดเผยและโปร่งใส

    การกระทำของกลุ่มพันธมิตรของพวกเรา เด่นชัดมากกว่าแต่ก่อน พวกเขาแข็งแกร่งขึ้น เพราะได้รับแรงสนันสนุนมากมายในดำเนินงาน ที่จะนำการเปลี่ยนแปลงให้เป็นที่รู้จัก ในความเป็นจริงนั้นเธอกำลังใช้ชีวิตอยู่ในทั้ง 2 โลกพร้อมกัน โดยยืนอยู่ด้วยเท้าแต่ละข้าง ยิ่งเธอปล่อยความยึดติดทั้งหลายในมิติที่สามเร็วเท่าไหร่ เธอก็จะเคลื่อนเข้าสู่มิติที่สูงกว่าเร็วเท่านั้น กรรมเก่าจะออกมาให้ผลเพื่อการชำระล้าง ซึ่งมันอาจจะเป็นเรื่องง่ายดาย เหมือนการเปลี่ยนทัศนคติของเธอ นั้นรวมถึงว่าเธอคิดยังไงกับกรรมพวกนั้นนะ

    บรรทัดฐานของการเปลี่ยนแปลงนั้น คือการเลิกตัดสินผู้อื่นและมีความมั่นใจว่าการกระทำหรือคำพูดของเธอ จะไม่เป็นพิษเป็นภัยต่อผู้อื่น “การยื่นหน้าอีกข้างให้ตบ” (การไม่ถือโกรธ) เป็นสิ่งที่ควรจดจำ เพราะเรารู้ว่ามนุษย์เต็มไปด้วยอารมณ์และความรู้สึก มันเป็นเรื่องยากที่จะไม่ตอบโต้เมื่อถูกยั่วให้โมโห ความโกรธและอารมณ์พวกนี้ นับได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของการเป็นมนุษย์ แต่ถ้ามันไม่ได้ถูกระงับ มันจะทำให้ร่างกายได้รับบาดเจ็บและทำให้เจ็บป่วยในที่สุด เราไม่เคยบอกซักครั้งเลยว่า เธอไม่ควรยืนหยัดต่อสู้กับปัญหาเพื่อตัวเธอเอง แต่ในบางครั้งการเดินหนีจากปัญหาก็เป็นสิ่งที่ดีกว่า

    อันที่จริงนั้น ยิ่งเธอมีแสงสว่างมากเท่าไหร่ ชีวิตของเธอก็จะวุ่นวายน้อยลงเท่านั้น ความถี่ที่สูงกว่าของเธอทำให้รอบๆ ตัวเธอมีแต่ความสงบเย็น และเธอจะเห็นว่าเธอไม่ค่อยจะถูกเบียดเบียน จากการกระทำและคำพูด ไม่มีอะไรจะเข้ามาทำร้ายเธอ ยกเว้นแต่ว่าเธอจะไปดึงมันเข้ามาหาเอง ซึ่งจะนำเราจะเข้าสู่เรื่องผลของกรรม กรรมสามารถให้ผลได้ตลอดเวลาเมื่อถึงเวลาและสภาวะที่เหมาะสม ขอให้รู้ไว้ในใจว่าเมื่อกรรมให้ผลท่ามกลางเพื่อนฝูงหรือครอบครัว พวกเขาก็เกี่ยวข้องกับกรรมนี้ด้วยระดับหนึ่ง ซึ่งแต่ละฝ่ายสามารถเรียนรู้จากมันได้ เราจะไม่เบื่อเลยที่จะเน้นย้ำว่า กรรมไม่ใช่การลงโทษ

    จุดประสงค์ของกรรม คือการให้บทเรียนชีวิต ที่จะช่วยให้เธอพัฒนาทางจิตวิญญาณ มันไม่จำเป็นที่เธอจะต้องเรียนรู้ทุกอย่างด้วยตัวเอง เพื่อที่จะเห็นค่าของมัน จงทำตัวเธอให้เป็นตัวอย่างแห่งแสงด้วยการกระทำ และคนอื่นจะเห็นว่ามีดีแค่ไหนที่จะทำเช่นนั้น สำหรับพวกเธอบางคนที่ฉลองเทศกาลอีสเตอร์ มันเป็นเทศกาลที่ระลึกถึงครูผู้สอนที่ิยิ่งใหญ่ที่ได้มาเกิดบนโลก เพื่อแสดงให้เห็นว่ามีอะไรบ้างที่ทำให้สัมฤทธิผลได้ เมื่อเธอพัฒนาตนไปจนถึงขั้นที่สามารถแสดงตัวตนของเธอ ด้วยความรักอันไร้เงื่อนไขได้

    ความรักคือทุกสิ่งทุกอย่าง และเมื่อเธอจำอดีตชาติที่ผ่านมาในระบบทวิภาคได้ เธอจะเข้าใจว่าความรักคือหนทางเดียว ที่จะพาเธอไปสู่ความก้าวหน้าที่เธอต้องการ เธอได้ก้าวถอยหลังไปหลายก้าว ก็เพียงเพื่อจะหาวิธีเดินไปข้างหน้าให้เจออีกครั้ง การทำเช่นนี้ทำให้เธอได้เรียนรู้ที่เอาตัวรอด ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดๆ โดยไม่หลุดออกจากหนทางของเธอ ขณะนี้เธอเดินหน้าได้อย่างสะดวก เพราะพลังงานยกระดับที่เข้ามาสู่โลกอย่างไม่หยุดยั้ง และจะเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าเธอจะเลื่อนระดับเข้าสู่ความถี่ที่สูงกว่า

    เมื่อเธอเข้าไปสู่มิติที่ห้าแล้ว เธอจะตื่นรู้อย่างยิ่งยวด จนทำให้เธอกลายเป็นสิ่งมีชีิวิตแห่งแสง แต่มันก็ไม่ได้แปลว่าการเลื่อนระดับจะสิ้นสุดลงหรอกนะ การเลื่อนระดับจะเดินหน้าไปเรื่อยๆ จนกว่าเธอจะถึงจุดเริ่มต้น (The Source) ใช่! มันเป็นเส้นทางที่ยาวไกล เมื่อคำนึงถึงว่าเธอเพิ่งกลับเข้ามาสู่แสงสว่างอย่างสมบูรณ์ หน้าที่ของเธอตอนนี้ก็คือ ให้ใส่ใจไปที่แสงสว่างอย่างเดียว และตั้งมั่นที่จะออกจากระบบทวิภาค

    การปฏิบัติตนเข้าสู่แสงสว่าง ในบางครั้งก็ดูเหมือนจะเป็นภาระ เพราะต้องเปลี่ยนวิถีชีวิตหรือแม้กระทั่งการเลือกคบเพื่อน เรารู้ว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะเก็บสิ่งที่เธอได้รู้ไว้คนเดียว จนกว่าจะได้โอกาสให้แชร์กับคนอื่นๆ ให้เธอรู้ไว้ว่าในบางครั้งสิ่งต่างๆ เกิดขึ้นเพื่อให้ผู้อื่นได้ประโยชน์จากสิ่งที่เธอรู้ ตอนที่เธอได้รู้ความจริงนั้น เธอรู้สึกอยากจะตะโกนบอกโลกดังๆ แต่เธอต้องอดกลั้นเอาไว้เพราะคนที่ไม่พร้อมจะรับฟัง อาจต่อต้านเธอได้ ไม่ต้องรีบเร่งที่จะบอกความจริงให้ผู้อื่นรู้

    เพราะชีวิตนั้นยาวนาน และทุกอย่างเกิดขึ้นในเวลาที่เหมาะสมพอดิบพอดี ถึงกระนั้นอย่าให้มันเป็นอุปสรรคในการพยายาม ที่จะแชร์ความรู้ของเธอกับคนที่เธอเห็นว่าเขาพร้อมรับฟัง เมื่อเธอถูกตอบโต้ด้วยความโกรธในบางครั้ง จงปล่อยให้มันผ่านไป และจงอวยพรให้ความรักและความตื่นรู้แก่พวกเขา ในที่สุดแล้วทุกดวงวิญญาณจะหาหนทางที่แท้จริงเจอ และประสบการณ์ที่พวกเขามีในตอนนี้ จะเป็นสิ่งเดียวที่จะช่วยเหลือพวกเขาในอนาคต

    เราคือซาลูซ่าจากซิริอุส เราเห็นสิ่งต่างๆ มากมายจากขอบฟ้าที่จะยกระดับเธอขึ้น มันกำลังมาอย่างรวดเร็วและเข้าถึงพวกเธอบางคน โดยไม่ทันตั้งตัวเลยทีเดียว เพียงแค่การประกาศการเปลี่ยนแปลงระดับมหาภาคครั้งเดียวเท่านั้น การเปลี่ยนแปลงที่เหลือจะตามอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง พวกเราชื่นชมกับความตั้งใจทำหน้าที่ที่ดีและการประยุกต์ใช้มัน บนเส้นทางที่เธอเลือกมาเป็นผู้ร่วมทำงานแห่งแสง พวกเราเป็นหนึ่งเดียวและแน่นอนเธอก็เป็นหนึ่งเดียวกับพวกเราด้วย ความรักที่เธอส่งมอบมาให้เรา ถูกส่งกลับไปเป็นสิบเท่าตัว และพวกเราขอคุณขอบเธอที่ทำเช่นนั้น

    ขอบคุณอย่างสูง ซาลูซ่า
    ไมค์ ควินซี่

    http://www.treeofthegoldenlight.com...d messages/March 2013/salusa__29march2013.htm

    ที่มา http://palungjit.org/threads/ข้อควา...ของมนุษยชาติ-ไปสู่มิติที่-5-a.246190/page-352
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • stop war.jpg
      stop war.jpg
      ขนาดไฟล์:
      48.7 KB
      เปิดดู:
      557
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 เมษายน 2013
  9. sutanee

    sutanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    904
    ค่าพลัง:
    +3,248
    การไม่เกิดภัยอันตรายใดๆจากภัยธรรมชาติเลย
    ในช่วงชีวิตของเรานั้นถือเป็นบุญมหาศาล
    อย่าไปเยาะเย้ยใครเลยดีแล้วที่ไม่เจอ
    ดีแล้วที่ไม่เกิดขอให้ไม่เกิดจริงๆตลอดไปได้ยิ่งดี
    ขอให้เป็นแค่ความฝันอย่าเป็นจริงเด็ดขาด
     
  10. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    พบผู้ติดเชื้อไข้หวัดนกสายพันธุ์ใหม่ H7N9 ในจีนเสียชีวิตแล้ว 2 ราย !!!

    [​IMG]

    1 เม.ย.56 เจ้าหน้าที่ทางการจีนเปิดเผยว่า พบชายชาวจีน 2 คนในนครเซียงไฮ้ของจีน เสียชีวิตจากการติดเชื้อไข้หวัดนกสายพันธุ์ใหม่ ที่ไม่เคยติดในร่างกายมนุษย์มาก่อน

    สำนักข่าวซินหัวของทางการจีนรายงานว่าผู้ที่เสียชีวิตครั้งนี้เป็นชายอายุ 27 ปี และ 87 ปี โดยได้รับการติดเชื้อไขหวัดนกสายพันธุ์ดังกล่าวเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และเพิ่งเสียชีวิตในเดือนมีนาคมที่่ผ่านมา ขณะที่ ผู้หญิง วัย 35 ปี อีกคน ที่อาศัยอยู่ในเมือง ชูจู มณฑลอานฮุย นั้นก็กำลังติดเชื้อไข้หวัดนกเช่นกัน ซึ่งขณะนี้มีอาการที่ย่ำแย่

    ขณะที่ เจ้าหน้าที่ทางการจีนระบุว่า ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดว่า ทั้ง 3 คน ติดเชื้อได้อย่างไร โดยทั้งคู่นั้นไม่ได้ติดจากกัน หรือมีการสัมผัสตัวกันแต่อย่างใด

    คณะกรรมการวางแผนครอบคัรว และสาธารณสุขแห่งชาติของจีน เปิดเผยถึงอาการของผู้ที่ติดเชื้อไขหวัดนกทั้ง 3 คน ว่า ในช่วงแรกนั้น ทั้งหมดมีอาการเป็นไข้ จากนั้นก็มีอาการปอดบวม โดยผู้เชี่ยวชาญจากคณะกรรมการระบุว่า เชื้อที่พบในผู้ป่วยนั้นคือเชื้อ H7N9 ซึ่งเป็นสายพันธุ์ใหม่ และไม่เคยติดเข้าสู่ร่างกายมนุษย์มาก่อน ขณะนี้ ยังไม่มีวัคซีนที่สามารถจัดการได้ และกำลังตรวจสอบว่าเชื้อแพร่เข้าสู่มนุษย์ได้อย่างไร

    ก่อนหน้านี้เมื่อปี 2546 พบเชื้อไข้หวัดนกสายพันธุ์ H5N1 แพร่ระบาดจนทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 360 ราย และมีการสั่งทำลายสัตว์ปีกหลาย 10 ล้านตัว

    มติชนออนไลน์ วันที่ 01 เมษายน พ.ศ. 2556 เวลา 11:00:31 น.

    ที่มา พบผู้ติดเชื้อไข้หวัดนกสายพันธุ์ใหม่ H7N9 ในจีนเสียชีวิตแล้ว 2 ราย : มติชนออนไลน์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    อารมณ์กับสุขภาพ !!!

    [​IMG]

    [​IMG]

    อารมณ์ คือความรู้สึกที่เกิดจาก การได้รับการกระทบจากสิ่งเร้า ซึ่งก็คือคนเราจะมีอารมณ์แตกต่างกันไปตามสถานการณ์ต่างๆ เช่น ถ้าเราได้รับของขวัญก็จะทำให้เราดีใจ มีความสุข หรือถ้ามีคนพูดจาไม่ดีกับเราก็จะทำให้เราเสียใจ หรือโกรธได้ อารมณ์ของคนเรามีทั้งด้านบวกและด้านลบ

    สุขภาพกายและสุขภาพจิตเป็นสิ่งสำคัญ และจำเป็นสำหรับทุกชีวิตที่จะดำรงชีวิตอยู่อย่างปกติ ก็คือ การทำให้จิตใจมีความสุข แจ่มใส มีผลให้ร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ และจะทำให้ปฏิบัติหน้าที่ประจำวัน ไม่ว่าเป็นการเรียนหรือการทำงานเป็นไปด้วยดี มีประสิทธิภาพ ดังนั้นการรู้จักดูแลอารมณ์นั้นจึงมีความสำคัญ และเป็นเรื่องที่เราจะต้องเรียนรู้และเข้าใจที่จะช่วยให้ชีวิตอยู่ได้ด้วยความสุขสมบูรณ์ และมีคุณภาพที่ดี

    [​IMG]

    สภาวะทางอารมณ์ที่่มีผลต่อสุขภาพ

    ผลดีต่อสุขภาพที่ได้จากอารมณ์ด้านบวก
    1 ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ
    2 สุขภาพจิตแจ่มใส ร่าเริง
    3 พักผ่อนนอนได้เป็นปกติ
    4 เป็นที่รักใคร่ของทุกคน

    ผลเสียต่อสุขภาพที่ได้จากอารมณ์ด้านลบ
    1.ร่างกายอ่อนแอ เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย
    2.เกิดโรคภัยไข้เจ็บได้ง่าย
    3.สุขภาพจิตเสื่อมโทรม เป็นโรคจิต โรคประสาท
    4.ไม่มีใครอยากคบหาเข้าใกล้

    [​IMG]

    การเสริมสร้างสภาวะทางอารมณ์ด้านบวก

    การมีสภาวะทางอารมณ์ด้านบวก เช่น ยิ้ม ร่าเริง หัวเราะ จะทำให้เรามีความสุขและสุขภาพดี ทำให้ผู้อื่นอยากเข้าใกล้ และคบหา ดังนั้นเราจึงควรทำจิตใจและอารมณ์ให้เป็นด้านบวกอยู่เสมอ ดังนี้

    1. ฝึกมองโลกในแง่ดีมองทุกอย่างไปในทางที่ดี
    2. รู้จักยอมรับในสิ่งที่ผิดและรู้จักให้อภัย
    3. ไม่เป็นคนคิดมากจนเกินไป
    4. ฝึกนั่งสมาธิ ทำให้จิตใจสงบไม่หวั่นไหวง่าย ไม่ใจร้อน
    5. ทำกิจกรรมที่เสริมสร้างความสุข สนุกสนานให้กับตนเอง เช่น พูดคุยเฮฮากับเพื่อน ดูภาพยนต์ อ่านหนังสือดีๆ ท่องเที่ยว ฟังเพลง เล่นดนตรี ทำงานศิลปะ เล่นกีฬากับเพื่อน
    6. ถ้าเครียด หรือไม่สบายใจ ให้หาวิธีผ่อนคลายอารมณ์ เช่น ทำงานอดิเรกที่ชอบ พูดคุยปรึกษากับพ่อแม่ หรือออกกำลังกาย

    ที่มา เผยแพร่ความรู้สุขศึกษาป4: อารมณ์กับสุขภาพ
     
  12. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    คนที่มีอารมณ์ด้านลบ จะไม่สามารถอยู่รอดไปถึงยุคพลังงานใหม่ !!!

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=vBhEGGrztoU]179/3# โลกไม่แตก แต่คนจะสติแตก 3/3 - YouTube[/ame]​
    เผยแพร่เมื่อ 14 พ.ค. 2012
    ถ่ายทอดคลื่นความคิดจากองค์จิตจักรวาล ครั้งที่ 179/3 (พุธที่ 16 กุมภาพันธ์ 2555)
    เรื่อง "21-12-12 : โลกไม่แตกแต่คนจะสติแตก" จำนวน 3 ตอน
    ณ อาคารเดอะพลาซ่า จ.เชียงใหม่
    ถาม-ตอบธรรมะ โดย อ.ปริญญา ตันสกุล (ใช้นามว่า ป.วิสุทธิปัญญา)
    ได้ที่ :: http://www.facebook.com/Visudhipunya
    Website :: www.Jitchakraval.com เว็ปไซต์เผยเเพร่องค์ความรู้จากองค์จิตจักรวาล โดย อ.ปริญญา ตันสกุล
    ศูนย์รวมเทปบันทึกสื่อพระโอวาทฯ :: จิตจักรวาล - YouTube
     
  13. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    พระบิดาหรือพระเจ้า คืออะไร?

    ถาม : พระเจ้าคืออะไร?

    ตอบ : เพื่อนได้มโนมยิทธิพร้อมหูทิพย์ตาทิพย์ ก็ขอให้ช่วยทำกิจทางโลกทิพย์หลายอย่าง เขาเป็นเด็กอายุสิบสี่ ไม่ได้เรียนหนังสือเพราะจน และไม่ได้อ่านตำราธรรมะอะไรมากนักเลย จึงได้ทดสอบเขาก่อนหลายครั้ง ว่าเขาสื่อสารกับจิตวิญญาณได้จริงหรือไม่ ผลก็ปรากฏว่า “พอใช้ได้” จากนั้น จึงทำงานร่วมกัน ผู้เขียนได้ข้อมูลส่วนใหญ่จากเขา ดังจะเล่าดังนี้

    เรื่องของพระเจ้า ได้ขอให้เพื่อนไปพบพระเจ้าท่านก็มาพบ วิมานของพระเจ้าอยู่ที่สวรรค์สุขาวดี ลักษณะของท่านมองไม่เห็นรูปร่างเลย มีแต่แสงสว่างเทศน์ธรรมได้ บางเรียกว่าพระเจ้าแสงแห่งธรรม ท่านกล่าวว่าเมื่อทำกิจบางประการลุล่วงแล้วท่าน ก็จะเข้านิพพาน เหมือนกัน แต่จะเข้านิพพานโดยไม่ต้องลงมาเกิดบนโลกมนุษย์คือ นิพพานบนสวรรค์นั้น ส่วนพระเยซู ก็ได้ไปพบท่านมา วิมานของท่านอยู่ที่สวรรค์ชั้นดุสิต ใกล้โลกมากกว่าพระเจ้า

    ท่านไม่ใช่พระเยซูองค์ปฐม เพราะองค์ปฐมลงไปเกิดเพื่อบำเพ็ญบารมี ท่านเป็นองค์ลำดับที่เท่าไรจำไม่ได้แล้ว ท่านกล่าวถึงการพิพากษา เรื่องน้ำท่วมด้วยแต่ขอไม่บอกไปมากกว่านี้ ไม่ใช่เรื่องควรประกาศมาก ลักษณะของท่านยังมีวิญญาณขันธ์อยู่ คือ เห็นทั้งกายทิพย์ครบ ไม่เหมือนพระเจ้าที่ไม่มีรูปกายใดๆ แล้ว คือ ดับขันธปรินิพพานแล้ว แต่ยังมี “มโนธาตุ” อยู่ เช่นเดียวกับพระสมันตภัทรโพธิสัตว์ที่เมื่อบำเพ็ญบารมีถึงที่สุดจะสลายขันธ์ห้าด้วยเตโชกสิณไฟ ทำให้ขันธ์ห้านิพพานหมด แต่จะเหลือ “มโนธาตุ” อยู่ เพื่อทำกิจที่คั่งค้างอยู่ให้หมดไป เมื่อหมดกิจแล้ว ก็จะนิพพาน ไม่เหลือแม้แต่ธาตุหรือขันธ์ใดๆ

    ถาม : พระพุทธเจ้ากับพระเจ้าต่างกันอย่างไร?

    ตอบ : พระพุทธเจ้า คือ ผู้ตรัสรู้บนโลกแล้วโปรดสัตว์ พระเจ้าคือผู้ที่โปรดสัตว์โดยยังมีมโนธาตุอยู่ ที่พระเยซูเรียกว่า “พระจิต” ก็คือ จิตนั่นเอง (จิตก็คือมโนธาตุ) แต่ไม่มีรูปนาม หรือขันธ์อีก ดังนั้น พระเยซูจึงไม่ให้สร้างรูปเคารพหรือรูปเหมือนพระเจ้า เพราะหมดรูปนามและขันธ์ห้าใดๆ แล้ว อันเกิดจากการดับขันธปรินิพพาน ยังเหลือก็แต่มโนธาตุอยู่นั่นเอง พระพุทธเจ้าเมื่อละสังขารแล้วดับขันธปรินิพพานจะดำรงฐานะ “พระเจ้า” คือ พระจิตหรือมโนธาตุที่ยังทรงกิจอยู่โดยไม่มีขันธ์ห้าแล้ว

    แต่ถ้าพระพุทธเจ้าพระองค์ใดที่มีอายุขัยยืนยาวมาก ก็จะดับธาตุดับขันธ์นิพพานหมด ไม่มีเหลือทั้งธาตุและขันธ์ จะไม่ต้องมาทำกิจหรือดำรงฐานะพระเจ้าอีกต่อไป ตายแล้วนิพพานเลยทันที ไม่มีกิจใดเหลืออยู่อีก อย่างพระพุทธเจ้าสมณโคดม ยังทรงทำกิจโปรดสัตว์ต่อจนกว่าจะหมดอายุพุทธกาลคือห้าพันปี ดังนั้น ท่านจึงกระทำเพียง “ดับขันธปรินิพพาน” ไม่ได้ทำ “ธาตุขันธ์นิพพาน” จึงเหลือมโนธาตุอยู่ ทำกิจโปรดสัตว์ต่อไป เราสามารถเห็นได้ด้วยตาทิพย์ หรือถ้าไม่เห็น ใช้วิธีของชาวคริสต์

    คือ ระลึกนึกถึงพระเจ้าว่าทรงเป็นหนึ่งเดียวกับเรา เป็นพระจิต อยู่กับเรา ก็จะได้ปัญญาจากท่านได้ ด้วยวิธี “จิตสู่จิต” แบบเซน ซึ่งเป็นวิธีที่พระพุทธเจ้าใช้สื่อจิต สอนธรรมมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว แม้ท่านจะไม่เหลือขันธ์ห้า แต่จิตหรือมโนธาตุยังคงทรงไว้ สามารถโปรดสัตว์แบบจิตสู่จิตหรือแบบเซนได้เหมือนเดิม ดังนี้ ชาวคริสต์ก็เป็นเซนด้วยนะ เข้าใจไหม พุทธกับคริสต์ก็อย่างเดียวกันแหละ ค้นพบสิ่งเดียวกัน สรุปดังนี้

    พระเจ้ามีทั้งที่เคยเป็นพระพุทธเจ้าบนโลก แล้วดับขันธปรินิพพาน เหลือแต่มโนธาตุ ไปทำกิจต่อบนสวรรค์ ผ่านทางพระบุตร เนื่องจากทรงไม่เกิดอีก ไม่มีขันธ์ห้าแล้ว แต่ยังไม่นิพพานหมด เพราะยังทรงทำกิจอยู่นั่นเอง และทั้งที่ไม่ได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าบนโลก แต่มีบารมีมาก แล้วดับขันธปรินิพพานไปเหลือแต่มโนธาตุ เพื่อดำรงทรงทำกิจโปรดสัตว์ต่อไป แบบนี้อาจมาจากพระโพธิสัตว์ก็ได้ หรือพระยูไลก็ได้ ส่วนพระพุทธเจ้า ต้องตรัสรู้บนโลกแล้วโปรดสัตว์ แต่ละสังขารแล้วจะนิพพานเลยหรือดับแต่ขันธ์ห้า เหลือมโนธาตุไว้ทำกิจต่อบนสวรรค์ในฐานะ “พระเจ้า” อีกได้ เมื่อทำกิจจบแล้วก็จะนิพพานเหมือนกัน

    ถาม : หมายความว่าถ้าดับขันธปรินิพพาน จะกลายเป็นพระเจ้าหรือ?

    ตอบ : ก็ไม่เชิง ผู้เป็นพระเจ้า จะยังไม่นิพพานแบบสิ้นเชื้อ ยังมีกิจทำอยู่ เหมือนอย่างที่เราเห็นพระเจ้าทั้งหลายกระทำต่อโลกนั่นแหละ ทั้งที่ปรากฏไว้ในตำราคริสต์หรืออิสลาม ท่านยังมีกิจต้องทำอยู่ ไม่สำเร็จก็เข้านิพพานไม่ได้ เมื่อทำกิจสำเร็จหมดแล้วก็จะได้นิพพาน ท่านที่รู้แจ้งถึงนิพพานแล้ว เบื่อหน่ายในขันธ์ห้า แต่ยังทำกิจไม่จบไม่เสร็จสิ้นได้ ก็จะทำการดับขันธปรินิพพาน เหลือแต่ “มโนธาตุ” ไว้ทำกิจต่อไป โดยอาศัยพระมหาโพธิสัตว์ ลงมาเกิดเพื่อช่วยประสานงานบนโลกในฐานะพระบุตร เหมือนพระนบีมูฮัมหมัดและพระเยซู

    ทั้งนี้ พระเจ้าและเหล่าพระสาวก จะมีวิมานอยู่บนสวรรค์ แต่พระเจ้า ไม่จำเป็นต้องอาศัยวิมาน เพราะดับขันธปรินิพพานทำให้ไม่ต้องพะวงเรื่องการอยู่อาศัย ปรากฏได้ทุกสถานที่ วิมานจะมีหรือไม่ ไม่สำคัญ แต่ที่ต้องมีเพราะเอาไว้รองรับ ให้ผู้ที่เป็นสาวก เมื่อตายลงจิตจะจุติตามท่านมา ถ้ายังไม่ได้ดับขันธปรินิพพาน ก็จะต้องมีวิมานรองรับเขานี้ เมื่อพระเจ้านิพพานแล้ว พระสาวกทั้งหมดในสวรรค์นั้น ก็จะนิพพานบนสวรรค์นั้นด้วย ที่เรียกว่า “ชีวิตนิรัน” คือ ภาวะไม่ตายอีกแล้ว ไม่มีการเกิดและดับอีกแล้ว นิพพานนั่นเอง ถ้านิพพานทั้งธาตุและขันธ์ก็ดับหมดสิ้นเชื้อ ไม่เหลือกิจอะไรจะทำได้อีก

    มโนธาตุมีกิจรู้ ถ้าดับธาตุตัวนี้นิพพานแล้ว จะพ้นจากทั้งภาวะรู้และไม่รู้ ไม่รู้ก็เหมือนรู้ รู้ก็เหมือนไม่รู้ จึงหมดกิจรู้หรือไม่รู้ ดับสนิทนิพพานสิ้นเชื้อ แบบนี้ไม่มีภาวะที่จะทำกิจแบบพระเจ้า ก็ไม่ใช่พระเจ้าอีก นิพพานหมดเลย ไม่มีอย่างอื่นให้เหลืออีก อนึ่ง ผู้ที่จะอยู่ในภาวะพระเจ้าได้ก็ต้องมีบุญบารมีมาก มีกรรมมากเกินกว่าอายุขัยมนุษย์จะชำระได้หมด จึงต้องชำระต่อในสวรรค์ ดังนั้น พระสาวกธรรมดา ดับขันธปรินิพพานเป็นพระเจ้าไม่ได้ แต่มีภาวะเดียวกับพระเจ้าได้ด้วยการดับขันธปรินิพพาน แต่จะไม่ทำหน้าที่พระเจ้า อันนี้แตกต่างกันอยู่

    [​IMG]
    physigmund_foid

    ที่มา รวมธรรมปฏิเวธ ถามตอบ ชุด ความคิดเห็นเรื่องพระเจ้า
     
  14. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    องค์พระพิฆเนศ..บอกย้ำว่า..เวลาเหลือไม่มาก !!!

    [​IMG]

    "ข่าวประจำ 8/8/55" สบายดีกันไหมครับ ช่วงนี้อาจได้ยินข่าว ที่เกี่ยวกับ ภัยธรรมชาติ ที่เกิดทั่วโลกมากมาย และภัยธรรมชาติก็จะค่อยๆเริ่มหนักขึ้นไปเรื่อยๆ ปี 2012 อาจไม่มีอะไรมากมาย แต่ปี 2013 นี้สิน่าคิด ถ้าอะไรที่คนรู้เยอะๆ มันก็ไม่เกิด หรือเกิดน้อยที่สุด แต่ถ้าอะไรที่คนประมาท หรือไม่สนใจ ไม่เชื่อ มันก็จะเกิด เหตุการณ์อะไรบางอย่างขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ก็ขออย่าให้ประมาทกับชีวิตกันนะครับ สุดท้ายนี้ขอให้ทุกท่าน ประสบแต่ความสุข ความสำเร็จ กันทุกท่านเลยนะครับ สวัสดี

    "ข่าวประจำ 24/2/55" (คำทำนายครั้งที่ 3) หลังจากที่ผมได้เขียน คำเตือนจากพระพิฆเนศ ครั้งที่ 3 ลงไปทาง Facebook แล้ว ก็มีหลายท่านให้ความสนใจกับ คำทำนายครั้งที่ 3 เป็นจำนวนมาก ผมจึงขอนำมาลงหน้าเว็บไซด์แห่งนี้ ผมขอเรียนให้ทุกท่านฟังสักนิด ผม อ.จตุพร หรือ นามปากกาว่า ฌานสมาบัติ ไม่เคยไปดูคำทำนาย ของใครสักคนเดียว ไม่เคยไปเอาข้อมูลของผู้ที่แอบกล่าวอ้างว่า ผมไปลอกคำพูดของผู้อื่มมา ผมอยากเรียนให้ทราบว่า ผมสนทนากับพระพิฆเนศโดยตรงได้ ไม่จำเป็นจะต้องไปลอกคำพูด ของใครคนใดอีกเลย จึงอยากบอกให้ท่านทั้งหลายได้ทราบ ณ ตรงนี้ด้วย

    มาเข้าเรื่องกันต่อ เมื่อเวลาประมาณตี 2 ผมได้เข้าสมาธิ แล้วได้พบกับพระพิฆเนศ องค์ท่านได้พาผมลอยออกไป ณ ที่แห่งหนึ่ง ที่มีตึกรามบ้านช่องมากมาย ผมเห็นเป็นเมืองใหญ่ เหมือนกรุงเทพมหานครมาก เพราะสถานที่เหล่านี้ผมจำได้ว่า คือกรุงเทพมหานคร ผมถามพระพิฆเนศว่า องค์พ่อพาผมมาที่แห่งนี้ทำไม องค์พระพิฆเนศบอกผมว่า ลูกจงมองไปข้างหน้า ผมเห็นมี คลื่นน้ำสูงเท่ากับตึกประมาณ 4-5 ชั้น ถล่มเข้าเมือง มีผู้คนต่างวิ่งหนีเอาตัวรอดมากมาย แต่จำนวนปริมาณน้ำนั้น มันมีมากมายมหาศาล เหลือเกินที่จะหนีได้ทัน

    ผมถามพระพิฆเนศต่อว่า แล้วควรจะทำอย่างไร องค์พระพิฆเนศบอกว่า ปัจจุบัน คนไม่ดีมีอยู่มาก กรรมไม่ดีจะต้องส่งให้เกิด(เหตุการณ์) ให้เธอจงนำเรื่องที่ฉันบอก เขียนลงไปในเว็บ และบอกแต่ผู้ที่เชื่อ ผู้ใดไม่เชื่อ ก็คงเป็นกรรมของเขา เธอไม่ต้องสนใจ และให้บอกทุกคนว่า หมั่นสวดมนต์ เจริญศีล ภาวนา บ่อยๆ จะช่วยให้เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นกับแต่ละคน หนักเป็นเบา ถ้าเขามีธรรมในดวงใจ.... หลังจากนั้น องค์พระพิฆเนศ ก็พาผมกล้บมาส่ง ที่ห้องเหมือนเดิม

    องค์พระพิฆเนศ ย้ำอีกว่า เวลาเหลือไม่มาก ถ้ามนุษย์ไม่ร่วมมือร่วมใจกัน เหตุการณ์ก็คงจะหนักจนยากที่จะ ฟื้นฟู แก้ไข ปัจจุบัน(ถ้าอยากทราบเรื่องนี้ ให้มาถามผมที่บ้านโดยตรง เพราะผมไม่เคยไปอ่านเว็บไซด์อื่นๆ ไม่เคยไปตอบข้อความใดๆ นอกจากทาง Facebook ของผมเองเท่านั้น)

    By ฌานสมาบัติ.

    ที่มา ตรวจดวงชะตา ผ่านฌาน องค์พระพิฆเนศ [Engine by iGetWeb.com]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 เมษายน 2013
  15. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    จะหนีภัย..อย่างไรดี ?

    [​IMG]

    k_97 สมาชิก

    1 เม.ย. 56 กลียุค

    มหา กาลี กลียุค
    ยื้อยุด ชีวิต ผู้คน
    พื้นสะท้าน ดินสะเทือน อับจน
    มืดมน จะไป ไหนกัน?

    ทั้งไฟ บรรลัย ไหม้จัด
    ลมพัด บ้านเรือน เสียหาย
    ทั้งโรค รุมเร้า ทำลาย
    สัตว์ตาย ให้เห็น รายวัน

    น้ำท่วม อ่วมกรุง ยุ่งยิ่ง
    เคยอิง ให้อ่าน ผ่านมา
    สองเดือน ต้องอยู่ กายา
    รีบมา เร่งสร้าง ความดี

    มหาประชาบดี ๙๗

    1 เม.ย. 56 นิมิต

    จัตรุรัส จัดสูง มุงไฟ
    มองไป มีแต่ แดงฉาน
    ผู้อยู่ ท่านต้อง ระวัง
    ล้มพัง ชีวิต ผู้คน

    มหาประชาบดี ๙๗

    ที่มา http://palungjit.org/threads/แจ้งเตือน-โดย-k-97-a.324655/page-115
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 เมษายน 2013
  16. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    จีนพบผู้ติดเชื้อไข้หวัดนกสายพันธุ์ใหม่ "H7N9"เพิ่มอีก 4 ราย !!!

    [​IMG]

    ทางการจีนรายงานวานนี้ (2 เม.ย.)ว่า พบผู้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดนกสายพันธุ์ใหม่เพิ่มขึ้นอีก 4 ราย รวมเป็น 7 ราย ขณะที่อีกหลายเมืองตามชายฝั่งทะเลด้านตะวันออกคุมเข้มมาตรการด้านสาธารณสุข

    สำนักงานสาธารณสุขของมณฑลเจียงซู ออกแถลงการณ์ผ่านเว็บไซต์ว่า มีผู้หญิง 3 คน อายุ 45, 48 และ 32 ปี และชายเกษียณอายุ วัย 83 ปี จากต่างเมือง แต่อยู่ในมณฑลเจียงซูเหมือนกัน ป่วยอาการหนักด้วยไวรัส H7N9 โดยทั้ง 4 ราย ขณะนี้มีอาการหนัก ต้องอยู่ในห้องผู้ป่วยฉุกเฉินตลอดเวลาหลังก่อนหน้านี้มรายงานผู้ป่วย 3 รายในมณฑลอันฮุยและเซี่ยงไฮ้เมื่อวันอาทิตย์

    องค์การอนามัยโลก ออกประกาศเมื่อวานนี้ว่า แม้จนถึงขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานใดๆ ว่า เชื้อไวรัสไข้หวัดนกสายพันธุ์ใหม่ H7N9 ติดต่อระหว่างคนสู่คนได้ แต่สำหรับกรณีที่พบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นนั้น ขณะนี้กำลังตรวจสอบว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร

    นางอู๋ ฟาน ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมโรคของนครเซี่ยงไฮ้ กล่าวว่า ได้สั่งการให้ทุกฝ่ายร่วมกันหาทางป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสนี้อย่างเต็มที่แล้ว และทางศูนย์ฯ กำลังค้นคว้าอย่างเต็มที่ เพื่อหาให้ได้ว่าเชื้อไวรัสดังกล่าวติดต่อมายังคนได้อย่างไร

    ทั้งนี้ ผู้ป่วยทั้งหมดเริ่มล้มป่วยมาตั้งแต่ราววันที่ 19 มีนาคม ผู้ป่วยมีไข้ ไอ และอาการอื่นๆที่คล้ายไข้หวัด โดยอาการเริ่มทรุดลงเรื่อยๆนับตั้งแต่นั้น กระทั่งถูกส่งตัวไปรักษายังห้องไอซียูในโรงพยายาลที่เมืองนานจิง ตามแถลงการณ์ระบุว่าในจำนวนนี้มีเพียงคนเดียว ซึ่งเป็นสตรีวัย 45 ปี ทำงานอยู่ในตลาดสดที่มีการเชือดสัตว์ปีกขาย และเท่าที่ทราบในขณะนี้ ผู้ป่วยทั้ง 4 ราย ต่างก็ไม่ได้ติดต่อหรือพบปะกันแต่อย่างใด ก่อนที่จะติดเชื้อและล้มป่วยลง

    ที่มา จีนพบผู้ติดเชื้อไข้หวัดนกสายพันธุ์ใหม่ "H7N9"เพิ่มอีก 4 ราย : มติชนออนไลน์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  17. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ผ่าฮวงจุ้ยปีมะเส็ง 2556 ไทยจะมีนายกฯ ผู้ชาย !!!

    [​IMG]

    นานกว่านาน,กว่าจะนัด กว่าจะสัมภาษณ์ผู้กุมความลับของนักธุรกิจ นักการเมืองชื่อดังทั่วฟ้าเมืองไทยได้ พูดเป็นภาษาข่าวก็ต้องบอกว่า เขาคือ อ.หม่า หรือ อ.วรธนัท(ณรงค์) อัศกุลโกวิท ซินแสชื่อดังที่มีคิวทองฝังเพชรมากที่สุดคนหนึ่งในวงการเลยทีเดียว...!

    เมื่อทุกอย่างลงตัว ไทยรัฐออนไลน์ได้รับเกียรติเปิดบ้านมูลค่า 300 ล้าน (บ้านหลังนี้แต่งถูกต้องตามหลักฮวงจุ้ยเป็น 1 ใน 88 แบบ) พร้อมกับเจาะเส้นทางชีวิตที่ยิ่งกว่านิยาย คุยเรื่องลับๆ ของนักการเมือง 2 พรรคใหญ่ที่มาใช้บริการ เรื่องเบื้องหลังฮวงจุ้ยทำเนียบที่ผิดๆ เรื่องเมืองหลวงที่ย่ำแย่ ทำให้ขัดแย้งหลายสิบปีที่ผ่านมา

    ย้ายเมืองหลวง การเมืองความขัดแย้ง สงบ...!

    นอกจากการปรับเปลี่ยนกระทั่งย้ายทำเนียบรัฐบาล ถึงจะแก้ไขเหตุความวุ่นวายที่เรื้อรังได้แล้ว อ.หม่าบอกว่า การย้ายเมืองหลวงไปอยู่ในที่ฮวงจุ้ยดี จะทำให้ประเทศไทยไร้ความขัดแย้งและเจริญรุ่งเรือง

    “ถามว่าตรงไหน ตอบไม่ถูกเพราะว่ายังไม่ได้หาพื้นที่กัน แต่องค์ประกอบต้องมีภูเขา มีน้ำ มันถึงจะตั้งเป็นเมืองได้ เหมือนอย่างปุตราจายา (มาเลเซีย) ซึ่งมันมีภูเขาล้อมและเป็นแอ่งกระทะ มันก็จะเป็นพื้นที่ ที่เหมาะมันมีแม่น้ำ ซึ่งมันตั้งเมืองเหมาะ ลักษณะนั้นมันตั้งเป็นแห่งๆไป แล้วก็ พัทยา ภูเก็ต เขาใหญ่ก็ได้เป็นบางจุด องค์ประกอบต้องประมาณนี้ เพื่อให้คนที่เข้าไปอยู่มีวิสัยทัศน์ มีความสามัคคี มีความคิดเสียสละเพื่อส่วนรวม เพื่อบ้านเมือง อันนี้มันจะต้องเป็นพื้นที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ต้องไปหา ไม่ใช่ขึ้นอยู่กับงบประมาณ หรือขึ้นอยู่กับของฟรี ซึ่งการเมืองหลวงฮวงจุ้ยดี จะทำให้บ้านเมืองสงบ หัวดีหางก็จะดีด้วย” 
ปรมาจารณ์ด้านฮวงจุ้ยกล่าว

    ผ่าดวงประเทศไทยปี 2556 มีแต่แย่...! 



    เรื่องลับๆ ผ่านไปแล้วก็ถึงเวลาที่หลายคนรอคอย กับข้อสงสัยด้านต่างๆ ในปีหน้าว่าจะเป็นอย่างไร เริ่มต้นด้วยเศรษฐกิจ ซินแสชื่อดังบอกว่า แย่มาก

    เศรษฐกิจ - ภาพรวมเศรษฐกิจแย่ทั้งระบบ ส่วนอาชีพไหนที่ดีในปีนี้ บอกได้ว่าปัจจุบันไปจนถึงพ.ศ. 2567 รวมแล้ว 20 ปี อสังหาริมทรัพย์ เซ็กเตอร์เกี่ยวกับที่ดิน ที่อยู่อาศัยจะเจริญขึ้นมากๆ รวมทั้งรถยนต์ การเกษตรก็อาจจะมีดีได้บ้าง

    การเมือง – อุตลุดมากจะมีความขัดแย้งกันสูง อาจจะไปไม่ถึงการปฏิวัติรัฐประหาร แต่จะมีความรุนแรงมากๆ เทียบเท่าหรือมากกว่า 14 ตุลา นับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์หรือตรุษจีนเป็นต้นไป จะอันตรายมาก ประชาชนจะเดือดร้อนและที่สำคัญปี 2556 นี้ ประเทศไทยจะมีนายกฯ คนใหม่เป็นผู้ชาย มีฐานะ ไม่แก่และก็ไม่เด็กจนเกินไป มาเป็นฮีโร่เปลี่ยนแปลงประเทศไทยแน่นอน

    ภัยธรรมชาติ - ปัญหาเรื่องน้ำแล้ง แผ่นดินไหวนี่เป็นหลัก จะมีเรื่องเขื่อนแตกกรุงเทพฯ จะได้รับผลกระทบ ปีมะเส็งเป็นปีแห่งความโชคร้ายทางภัยพิบัติ เนื่องจากวงรอบนี้จะวนๆมาทุก ๆ 9 ปี ดังนั้นปี พ.ศ. 2556 ถ้ายังจำกันได้ 9 ปีที่แล้วเกิดเหตุการณ์สึนามิ วงรอบนี้จะกลับมาใหม่ ภาคเหนือกับภาคกลางของประเทศไทย น่าเป็นห่วงมากที่สุด

    ที่มา 'ผ่าฮวงจุ้ยปีมะเส็ง 2556 ไทยจะมีนายกฯ ผู้ชาย ..' เปิดคฤหาสน์ อ.หม่า ซินแสฮวงจุ้ย หมื่นล้าน - ข่าวไทยรัฐออนไลน์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 เมษายน 2013
  18. พลน้อย

    พลน้อย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +473
    พี่เกษมครับ ผ่าฮวงจุ้ยปีมะเส็ง 2556 ไทยจะมีนายกฯ ผู้ชาย !!! จะเป็นช้างเผือกกับคำทำนายของหลวงปู่มั่น หรือเปล่าครับพี่

    ช้างเผือกกับคำทำนายของหลวงปู่มั่น
    Jul 29, '09 1:49 PM
    สำหรับ ทุกคน
    ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านหลังจากว่างจากการส่งงานอันหนักหน่วงในช่วงเดือนที่ผ่าน ผมได้มีโอกาสอ่านประวัติคร่าวๆของพระสุปัฏิปันโนแห่งอุดรธานี(บ้านเกิดของผม เอง ซึ่งผมไม่เคยมีบุญได้กราบท่านเลย จนปัจจุบันนี้ท่านละสังขารไปได้สองปีแล้ว) คือ พระปัญญาพิศาลเถร หรือ หลวงพ่อทูล ขิปฺปปัญโญ อดีตเจ้าอาวาสวัดป่าบ้านค้อ


    ตัว ท่านหลวงพ่อทูลนี้ ท่านเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่ขาว อนาลาโยแห่งวัดถ้ำกลองเพล (วัดนี้ผมเคยไปตอนเด็กๆ ไปบ่อยมากเพราะเวลาไปหาน้าที่จังหวัดหนองบัวลำภู จะต้องผ่านวัดนี้เป็นประจำ) ซึ่งในอัตโนประวัติที่ท่านเขียนนี้ มีตอนหนึ่งที่ผมอ่านแล้วรู้สึกปลาบปลื้มใจมาก เลยอยากให้เพื่อนๆทุกท่านได้มีโอกาสได้รับรู้ด้วย ซึ่งเป็นการสนทนาระหว่างหลวงปู่ขาว กับ หลวงพ่อทูล เรื่องคำทำนายของหลวงปู่มั่น เกี่ยวกับช้างเผือก ซึ่งมีเนื้อความดังนี้
    _/|\__/|\__/|\__/|\__/|\__/|\__/|\__/|\__/|\__/|\__/|\__/|\__/|\__/|\__/|\__/|\__/|\__/|\__/|\__/|\__/|\__


    หลวงปู่ขาวเล่าเรื่องช้างเผือกให้ฟัง
    เมื่อ เสร็จธุระจากกฐินวัดป่าหนองแซงแล้ว ก็ได้กลับไปวัดถ้ำกลองเพล ได้พูดคุยธรรมกับหลวงปู่ตามปกติในวันหนึ่งได้อยู่กับหลวงปู่สององค์ หลวงปู่ได้ถามข้าพเจ้าว่า


    "ทูล เคยนิมิตว่าได้ขี่ช้างเผือกไหม"

    ขอโอกาสหลวงปู่ กระผมเคยนิมิตว่าได้ขี่ช้างเผือกครั้งหนึ่ง หลวงปู่พูดว่า

    "ขี่อย่างไร เล่าให้เฮาฟังซิ"

    ก็ ขอโอกาสเล่าให้หลวงปู่ฟังดังนี้ ในคืนหนึ่งเมื่อเข้าสมาธิได้ที่แล้ว ในโลกนี้มีความสว่างเห็นไปหมดทุกที่ มองขึ้นไปบนอากาศก็มีความสว่างไสวเช่นกัน ในขณะนั้นเห็นหลวงปู่มั่นนั่งอยู่บนหลังช้างเผือกขนาดใหญ่ และมีครูอาจารย์องค์อื่นๆนั่งอยู่บนหลังช้างเผือกยืนเรียงแถวกันอยู่หลาย องค์ จากนั้นช้างเผือกที่หลวงปู่มั่นนั่งอยู่ก็ลอยขึ้นสู่อากาศ และช้างเผือกตัวอื่นๆก็พาครูอาจารย์ลอยขึ้นสู่อากาศเช่นกัน จากนั้นก็มาถึงตัวช้างเผือกที่กระผมนั่งอยู่ก็ได้ลอยขึ้นไปตามช้าง เผือกกลุ่มใหญ่ ได้ลอยอยู่บนอากาศเป็นวงกลม ช้างเผือกแต่ละตัวมีการประดับประดา ด้วยเครื่องเพชรนิลจินดา ประดับด้วยผ้าสีทองที่มีความสวยงามมาก ในท้องฟ้าอากาศมีรัศมีระยิบระยับแพรวพราว สว่างเต็มท้องฟ้าไปหมด แล้วมีเสียงประกาศว่า


    "นี้เป็นกลุ่มคณะช้างเผือก ที่หลวงปู่มั่นได้พาหมู่คณะไปสู่พระบรมสุข คือ วิมุตตินิพพานในกาลครั้งนี้"

    จาก นั้นจิตก็ได้ถอนออกจากสมาธิ ก็ได้พิจรณาว่า เป็นเรื่องปกติี่ที่ผู้ปฏิบัติได้มาถึงจุดนี้แล้ว ถือเป็นความสมบูรณ์ เป็นอุดมมงคล เพราะช้างเผือกเป็นช้างทรงของพระราชา จะตีความว่า ราชาธรรมนี้ก็เป็นได้ หมายถึงผู้จบในภาคการศึกษา คือจบในอาตยนะนั่นเอง หรือจะเรียกว่าเป็นผู้ที่เรียนจบในประโยค ๖ คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ได้แล้วอย่างสมบูรณ์


    จากนั้นหลวงปู่ขาวเพียงแต่ยิ้มแล้วพูดว่า

    "ใน สมัยเฮาอยู่กับหลวงปู่มั่น หลวงปู่มั่นเคยประกาศให้คณะสงฆ์ทั้งหลาย ได้รับรู้ไว้ว่า เมื่อเราได้ตายไปแล้ว จะมีช้างเผือกหนุ่มตัวหนึ่ง เหาะไปมา แสดงอภินิหาร ให้คนทั้งหลายได้รู้เห็นในความสามารถต่างๆ มากมาย พระเถระทั้งหลายได้ฟังแล้ว ก็มีความเข้าใจความหมายว่า ในยุคต่อไป จะมีพระอรหันต์หนุ่มเกิดขึ้น จะได้แสดงความรู้ึความสามารถ เผยแผ่ธรรมให้คนทั้งหลายได้รับรู้ความจริงในสัจธรรม จะมีผู้ปฏิบัติตามได้รับผลมากทีเดียว"


    ข้าพเจ้าก็ถามหลวงปู่ขาวว่า ขอโอกาสหลวงปู่ ช้างเผือกหนุ่มเชือกนั้นเกิดขึ้นหรือยัง หลวงปู่ก็พูดว่า

    "เกิดขึ้นแล้ว"

    ข้าพเจ้า ก็ถามหลวงปู่ต่อไปว่า ช้างเผือกหนุ่มนั้นอยู่ที่ไหน กระผมอยากรู้ อยากไปกราบท่าน หลวงปู่ยิ้มๆแล้วพูดว่า "ไม่บอก หาเอาเองแล้วกัน" เรื่องช้างเผือกหนุ่มนั้น พระอาจารย์วัน อุตฺตโม และพระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ ก็เคยพูดในเรื่องช้างเผือกหนุ่มนี้ให้ข้าพเจ้าฟังเช่นกัน เมื่อถามท่านว่าเป็นอาจารย์องค์ใด ท่านก็ไม่บอกเช่นกัน


    หาก มีคำถามข้าพเจ้าว่า ช้างเผือกหนุ่มเชือกนั้นเกิดขึ้นหรือยัง ข้าพเจ้าก็จะตอบว่าเกิดขึ้นแล้วเช่นกัน แต่ไม่รู้ว่าช้างเผือกเชือกนั้นอยู่ที่ไหน หรือท่านอาจจะเห็นอยู่แ่ต่ไม่รู้ว่าเป็นช้างเผือก เพราะช้างเผือกนั้นอาจใช้สีดำทาเพื่ออำพรางตัวเอาไว้จึงไม่มีใครรู้ ขอให้พวกเราค้นหาช้างเผือกหนุ่มนั้นให้พบ เมื่อพบแล้ว กรุณามาบอกข้าพเจ้าก็แล้วกัน เพื่อจะได้ไปกราบคารวะและฟังธรรมจากช้างเผือกหนุ่มเชือกนั้นให้สมใจ การทำนายของหลวงปู่มั่นนั้น หลวงปู่ขาวพูดว่า "มีความแม่นยำมาก พูดคำใดคำนั้น เพราะหลวงปู่มั่นมีความชำนาญด้วยญาณ อตีตังสญาณ ท่านรู้ในเรื่องอดีตที่ผ่านมาแล้ว อนาคตังสญาณ ท่านรู้ในเรื่องอนาคต"



    อภินิหาร ๓ อย่าง
    ที่ หลวงปู่มั่นว่าช้างเผือกหนุ่มมีอภินิหารนั้น หลายคนอาจตีความหมาย ไม่ตรงตามหลวงปู่มั่นก็อาจเป็นได้ เพราะคนส่วนใหญ่ได้อ่านในตำรา หรือได้ฟังจากครูอาจารย์มามากว่า อภินิหารต้องเป็นผู้มีฤทธิ์ สามารถดำดินเหาะเหินไปบนอากาศได้ เช่นได้อ่านเรื่องอภิญญา มีจักขุญาณ มีญาณทางตาที่เรียกว่าตาทิพย์ กำหนดจิตให้เห็นรูปเทวดา นรก และสิ่งอื่นๆได้ โสตญาณ มีญาณทางหู เรียกว่าหูทิพย์ กำหนดจิตฟังเสียงในหมู่เทวดาและสัตว์นรก และกำหนดฟังเสียงอื่นๆได้ เจโตปริยญาณ เป็นญาณรู้ทางใจ กำหนดจิตรู้ในความคิดความเห็นของคนอื่นได้ มโนมอิทธิญาณ เป็นฤทธิ์ทางใจ กำหนดจิตให้เป็นนั่นเป็นนี่ หรือเป็นหลายคนได้ อิืทธิวิธี เป็นอภินิหารทางใจ สามารถเหาะเหินไปมาที่ไหนได้ คนส่วนใหญ่จะมาเข้าใจว่า อภินิหารต้องเป็นอย่างนี้


    ในความหมายของหลวงปู่มั่น ว่าช้างเผือกหนุ่มมีอภินิหารนั้น หมายถึงอภินิหาร ๓ อย่าง
    1. อิทธิปาฏิหารย์ แสดงฤทธิ์ได้นานาประการ
    2. อาเทสนาปาฏิหารย์ มีญาณรู้วาระจิตคนอื่น แล้วพูดดักใจคนอื่นได้
    3. อนุ สาสนีปาฏิหารย์ มีความสามารถแสดงธรรมได้อย่างมีเหตุผล ทำให้คนที่ฟังเข้าใจในความหมายได้อธิบายธรรมหมวดที่คนเข้าใจได้ยาก มาอธิบายให้คนเข้าใจง่าย อธิบายธรรมหมวดยาว สามารถย่นย่อธรรมที่ยาว มาอธิบายโดยย่อให้คนเข้าใจได้
    อภินิหาร ๓ ข้อนี้ ข้อ ๑ ข้อ ๒ ที่ทำให้เกิดขึ้นได้ แต่พระุพุทธเจ้าไม่สรรเสริญ แต่พระพุทธเจ้ามาสรรเสริญ อนุสาสนีปาฏิหารย์ ในข้อ ๓ เพราะเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาและมรรคผลนิพพาน ฉะนั้นหลวงปู่มั่นว่ามีช้างเผือกหนุ่มมีอภินิหารนั้น หมายถึง อนุสาสนีปาฏิหารย์ เป็นผู้มีความสามารถแสดงธรรม ให้เป็นไปในคำสอนของพระพุทธเจ้าได้อย่างถูกต้อง ทำให้คนมีสัมมาทิฏฐิ ความเห็นชอบ ตามแนวทางที่เป็นจริง แสดงธรรมให้คนเข้าใจในอุบายการปฏิบัติ เพื่อเป็นไปในมรรคผลนิพพาน หลวงปู่มั่นมีความหมายเป็นอย่างนี้ ขอให้พวกเราได้เข้าใจ เพื่อจะได้ค้นหาช้างเผือกหนุ่มได้ง่ายขึ้น มิใช่ว่าคอยไปดู เมื่อไรหนอท่านจะเหาะขึ้นสู่อากาศ เมื่ิอไหร่หนอท่านจะดำดินและหายตัวให้ดู ถ้าจะหาในวิธีนี้ รับรองได้ว่า จะไม่พบช้างเผือกหนุ่มอย่างแน่นอน เพราะตีความหมายในอภินิหารผิดไป จึงทำความเข้าใจแก่ท่านดังนี้

    ใช่ท่านนี้เปล่าครับ
     
  19. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ผมคิดว่ายังไม่ใช่ครับ..คงต้องรอหลังจากปี พ.ศ.2561 ไปแล้ว ช้างเผือกหรือผู้มีบุญท่านนั้น-จึงจะปรากฏตัวออกมาให้เห็นครับ เพราะวันชำระโลกขั้นรุนแรง ได้ถูกเลื่อนให้มาเกิดปี พ.ศ.2560-2561 (ปีระกา เมืองมนุษย์จะมืด 7 วัน 7 คืน)

    ภายหลังจากการชำระโลก

    1. มนุษย์จะมีจิตใจดีงาม เปี่ยมด้วยคุณธรรม และมีเมตตาต่อกัน

    2. มนุษย์จะเลิกทานเนื้อสัตว์ จะเลิกเบียดเบียนกันโดยอัตโนมัติ

    3. มนุษย์จะใช้สมองซีกขวาสูการหยั่งรู้ ได้ด้วยปัญญาญาณง่ายขึ้น

    4. ประเทศไทยจะเป็นอู่ข้าวอู่น้ำของโลก

    5. ประเทศไทยจะสร้างยูเอฟโอท่องจักรวาล ได้เป็นชาติเดียวในโลก

    6. ศาสดาศรีอาริยะเมตไตรย จะปรากฎพระองค์ขึ้นบนแผ่นดินไทยในไม่เกิน 6 ปี หลังวันสิ้นยุคพลังงานเก่า

    ไม่เกิน 6 ปี ณ วันนี้ ( 6 สิงหาคม พ.ศ.2543 ) ถึงวันนั้นอาจจะมีการเปลี่ยนแปลง เพราะวันสิ้นยุคพลังงานเก่าก็เปลี่ยนมาเรื่อย เพราะว่างานด้านเทคนิคด้านพลังงานของพระบิดาเยอะมาก บางครั้งกำหนดไว้มนุษย์นั่นแหละเป็นตัวทำให้เปลี่ยนแปลง มันก็จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ณ วันนี้ถือว่า 6 ปีแต่ถึงวันสิ้นสุดของวันนั้น อาจจะบวกไปอีกเล็กน้อยก็ได้ อย่าหาว่าอาจารย์กล่าวผิดสัจจะก็แล้วกัน เป็นสิ่งที่อยากจะบอกเครื่องยนต์แห่งกรรมของพวกคุณ ให้เห็นเป็นรูปธรรมเท่านั้น เพราะฉะนั้นใครที่บอกว่าอยากเกิดเป็นศิษย์ของพระศาสดาศรีอาริยะเมตไตรย ต้องทำบุญบารมีสูงๆ โอกาสดีมาถึงแล้ว รีบทำเสียครับพระองค์จะปรากฎพระองค์ขึ้น ในแผ่นดินไทยนี้และขณะนี้( พ.ศ.2543 ) พระองค์ก็มาจุติอยู่บนแผ่นดินไทยเรียบร้อยแล้ว แต่ไม่ใช่ผมนะครับรีบบอกก่อนเดี๋ยวหาว่าผมพูดเข้าตัว มนุษย์ชอบคิดอุตริ พระองค์จุติ ตอนนี้( พ.ศ.2543 )เป็นเณรอยู่ครับ

    เพราะฉะนั้น ถ้าไม่บอกอย่างนี้แล้วเดี๋ยวบอกว่า อาจารย์รู้ได้อย่างไร? ว่าอีก 6 ปีไม่รู้มาเกิดหรือยังก็ไม่รู้หลายคนคิด บอกแล้ว เกิดแล้วเป็นเณรอยู่อีก 6 ปีพระองค์ก็เป็นหนุ่มแล้ว ใช่ไหมครับ แต่ถึงแม้พระศาสดาศรีอาริยะเมตไตรย จะมาโปรดพวกเรามาเยียวยาหัวใจที่บอบช้ำ จากการที่ถูกชำระพี่ๆ น้องๆ ของเราที่เหลวไหลไม่เอาถ่านของเราถูกชำระก็จริง แต่พระศาสดาศรีอาริยะเมตไตรย พระองค์ท่านก็ต้องใช้คัมภีร์จักรวาลของพระบิดาเป็นแกนกลางหรือเป็นสื่อนำ ที่จะสื่อสอนมนุษย์ชาติต่อไป พระองค์จะไม่มาสร้างสิ่งอะไรใหม่ๆ นอกเหนือไปจากคัมภีร์ของพระบิดาทั้งสิ้น

    7. หน้าที่การบันทึกคัมภีร์เป็นหน้าที่ของผม หน้าที่ในการเยียวยาปลุกปลอบหัวใจของเพื่อนมนุษย์คือ พระศาสดาศรีอาริยะเมตไตรย โปรดรับทราบไว้ตามนี้ด้วย

    8. มนุษย์จะมีอายุยืนยาวมากขึ้นกว่าเดิม อำนาจแม่เหล็กโลกเพิ่มขึ้นจาก 14 เก๊าส์ เป็น 22 เก๊าส์ ร่างกายคุณแข็งแรง สุขภาพพลานามัยดีขึ้นโดยอัตโนมัติ

    คัดลอกมาจาก หนังสือพระโอวาทแห่งองค์จิตจักรวาล ครั้งที่ 17 เรื่องพระบิดาแห่งจิตวิญญาณ สื่อการถ่ายทอดพระโอวาทโดย อ.ปริญญา ตันสกุล MBA.,M.S. PARINYA TANSAKUL

    หมายเหตุ

    วันที่ 21-12-2555 เป็นวันสิ้นยุคพลังงานเก่าครับ ไม่เกิน 6 ปี หลังวันสิ้นยุคพลังงานเก่า จึงหมายถึงไม่เกินปี พ.ศ.2561 ครับ ถ้าพระศรีอาริยเมตไตรยโพธิสัตว์ ได้จุติลงมาเกิดที่ประเทศไทยแล้ว ในปี พ.ศ.2543 ท่านยังเป็นสามเณรอยู่ ในปี พ.ศ.2561 ท่านก็น่าจะเติบโตเป็นหนุ่มแล้ว จึงถือได้ว่าท่านอาจจะเป็นช้างเผือกหนุ่มตามคำทำนาย ที่คุณพลน้อยได้เอ่ยถึงครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 เมษายน 2013
  20. พลน้อย

    พลน้อย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +473
    พี่เกษมครับ พระธรรมมิกราช และช้างเผือกหรือผู้มีบุญ เป้นท่านเดียวกันไหมครับ เห็นพี่ใส่ พศ . แล้วท่านจะมาปรากฏตรงกันเลยครับ

    พระพุทธพจน์ทำนาย

    คณะธรรมทูตผู้ไปอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและพระศรีมหาโพธิ์ที่ประเทศอินเดียเมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๔ ได้คัดลอกพระพุทธพจน์ทำนายจากศิลาจารึก เขตมหาวิหารในสวนมฤคทายวัน แปลได้ดังนี้ (หมายเหตุจากผู้เรียบเรียง ปีพ.ศ.ในพุทธทำนายต่อไปนี้จะต้องบวกด้วย48 เสียก่อนจึงจะเท่ากับปีพ.ศ.ตามแบบที่เราใช้อยู่ในปัจจุบัน ปีพ.ศ.แบบ ของไทยที่ใช้อยู่นี้เร็วเกินจริง อ่านรายละเอียดเรื่องนี้ที่ส่วนท้ายของเอกสารนี้) สาธุ อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงพระเมตตากรุณาแก่สัตว์โลกซึ่งเกิดมาล้วนแต่ลำบากยิ่งนัก ในคราวที่พระองค์ใกล้ถึงพระชนมายุย่างเข้าพระปรินิพานตามกาลเวลา จึงตรัสแก่พระอานนท์ผู้ศิษย์อันสนิทพากเพียรพยาบาลว่า ดูกรอานนท์ สัตว์โลกทั้งหลายที่เกิดมาล้วนแต่ลำบาก ทุกชาติ ทุกศาสนา ตามธรรมชาติที่หมุนเวียนของโลก โลกหมุนไปใกล้ความแตกทำลายจนถึงสมัยที่อาตมานิพพานไปแล้วได้ ๕,๐๐๐ ปี เมื่อโลกไปใกล้กึ่งจำนวนที่อาตมาทำนายไว้ (๒,๕๐๐ ปี) มนุษย์และสัตว์จะได้รับภัยพิบัติสารพัดทิศเสียครึ่งหนึ่งในระยะ ๓๐ ปี สิ่งที่ศาสนิกชนไม่เคยพบเห็น ยักษ์หินถูกสาปให้หลับก็กลับตื่นขึ้นมาอาละวาดยิ่งหนักเมื่อใกล้กึ่งศาสนาของอาตมาก็ทวีภัยใหญ่ขึ้นทุกทิพาราตรี และมนุษย์นอกศาสนาก็จะมารบราฆ่าฟัน กันถึงเลือดนองแผ่นดินและแผ่นน้ำ แม้ในอากาศก็มีอำนาจภัยจากฟ้าทุกทิศานุทิศ ไฟจะลุกลามเผาผลาญมนุษย์ไม่ขาดระยะต่างฝ่ายต่างทำลายกันย่อยยับเหมือนยักษ์กระหายเลือด แผ่นดินแผ่นน้ำจะเดือดเป็นไฟ และตายกันไปฝ่ายละครึ่งจึงเลิกรา ต่างฝ่ายต่างหมดกำลังด้วยกันตามวิสัยของยักษ์ร้ายนอกศาสนา ซึ่งกำเนิดมาจากสัตว์ป่าอำมหิตส่วนศาสนิกชนผู้ขวนขวายในทางบุญตามเดิมวัจนะของอาตมาก็จะสามารถระงับร้อนไม่รุนแรง บ้านใดที่เคารพสักการะพระศรีมหาโพธิ์และกาสาวพัสตร์ จะได้รับวิบัติเบาบางลงแต่จะหนีธรรมชาติไม่พ้นเริ่มแต่ศาสนาอาตมาล่วงมาได้ ๒,๔๘๕ ปีเป็นต้นไป ไฟจะลุกมาทางทิศตะวันออกไหม้วัดวาอาราม สมณชีพราหมณ์จะอดอยากยากเข็ญ คนบ้านจะเข้าป่า สัตว์ป่าจะเข้ากรุง เมืองหลวงจะร้อนเป็นไฟ ลูกไฟจะตกจากฟ้าเป็นเพลิงผลาญ เหล็กกล้าจะทะยานจากน้ำ มหาสมุทรจะชอกช้ำสงครามจะทั่วทิศ ศึกจะติดเมือง ทหารจะเป็นเจ้า ข้าวจะขาดแคลน ทั่วแคว้นจะอดอยาก พลูหมากจะหมดเปลือง ปราชญ์เปรื่องจะสิ้นสูญ ราชตระกูลอำมาตย์ราษฎรทุกคนจะพากันถืออำนาจไม่เป็นธรรมไม่ เคารพหลักธรรมโดยปรวนแปรนิยมเชื่อถือถ้วยคำของคนโกง คนกล่าวคำเท็จ คนประจบสอพลอย่อมได้รับการเชื่อถือในท่ามกลางสังคมสันนิบาตผู้ดีมีศีลธรรมประพฤติชอบไม่มีเสียง (อธรรมพูดจ้อ แต่ธรรมเป็นใบ้) จะเกิดการจลาจลวุ่นวาย ลูกจะพลัดแม่ แม่จะพลัดจากลูก โคกจะเป็นน้ำ ผีโขมดป่าจะเข้าเมือง พระเสื้อเมืองทรงเมืองจะเข้าไพร เทวดาจะเรียกแมลงบี้เหล็กโกฏิหนึ่ง ผีเสื้อเหล็กแสนหนึ่ง มาปล่อยไข่เป็นไฟผลาญเมื่อศาสนาของอาตมาล่วงมาได้ ๒๕๐๗ (ปีมะโรง) คนเปลี่ยนสภาพเดินเป็นคลาน ล่วงได้ ๒๕๐๘ (ปีมะเส็ง) ตลิ่งจะพัง แผ่นดินถิ่นอธรรมจะถล่มเป็นทะเล ล่วงได้ ๒๕๑๒ (ปีระกา) เมืองมนุษย์จะมืด ๗ วัน ๗ คืน โลกดิ่งสู่ความหายนะ บุคคลเจริญด้วยเมตตา กรุณา ไม่เบียดเบียนข่มเหงอิจฉาพยาบาทและไม่ประทุษร้ายซึ่งกันและกัน ประพฤติตนอยู่ในศีลธรรม และยึดถือคาถาของอาตมาจะพ้นภัยพิบัติให้เจริญภาวนาดังนี้ หิตะชิราทัน มันกะโลอังคะ ศิลากะละสา สาสะสะติ โหตะถิ โหคะหะคะเน

    ให้ท่องบ่นภาวนาเป็นนิจ ให้จดอักษรใส่กระดาษหรือผ้าขาวปิดไว้หน้าบ้าน หัวนอน หรือพันศีรษะไว้ สารพัดภัยพินาศ สันติประสิทธิ์ ดูกรอานนท์ อาตมาสงสารสัตว์โลกเป็นล้นพ้นที่มีอายุขัยอยู่ได้ใกล้ยุคกึ่งยุคเมื่อศาสนาของอาตมาล่วงมาได้ ๒๕๑๒ (ปีจอ) พระจันทร์จะเริ่มเปล่งแสงฉายโลก ครั้นล่วงได้ ๒๕๑๕ (ปีชวด) นับพ้นระยะปี ๓๐ ปี พวกอธรรมคือพวกที่ไม่ตั้งอยู่ในศีลในสัตย์ ไร้ซึ่งศีลธรรมนั้นจะหมดสิ้นไปเพราะพวกมิจฉาทิฐิจะดับสูญไปจากโลก อธรรมแพ้ในที่สุด ครุฑจะบินกลับถิ่นสถาพร คนที่จรจะกลับเข้ากรุงบำรุงธรรม ธรรมจะชนะ พระจะอยู่บ้านเมืองต่อไป การงานของมนุษย์จะสำเร็จด้วยอริยศาสตร์ซึ่งไม่ต้องเบียดเบียนแรงผู้ใด ทุกคนจะสมบูรณ์ด้วยศีลธรรมและชีวิตผาสุก มหากษัตริย์ธรรมิกราชผู้เป็นพระโพธิสัตว์องค์หนึ่ง จะเกิดภายในความอุปภัมถ์ของพระมหาเถระโพธิสัตว์ ทั้งสององค์นั้นจะจัดการบำรุงศาสนาของอาตมาในระยะนี้เป็น "ยุคศิวิไล" พระมหาเถระโพธิสัตว์จะเกิดในสมัยของอาตมาล่วงมาแล้ว ๒๔๕๔ ปีเมื่อล่วงได้ ๒๔๖๗ ถึง ๒๔๘๖ พระมหากษัตริย์ธรรมิกราชจะมาเกิดทั้งสองพระองค์นั้นสถิตอยู่ ณ เบื้องทิศตะวันออกของมัชฌิมประเทศระหว่างปีจอปีกุน เมื่อศักราช ๒๕๑๓ กับ ๒๕๑๔ ผู้มีบุญทั้งสองพระองค์นั้นจะเสด็จเข้าบำรุงศาสนาให้เที่ยงแท้ สมณชีพราหมณ์จะเสด็จมา ๘๔,๐๐๐ รูปดูกรอานนท์ อาตมาสงสารสัตว์ เวลานั้นพลโลกยังเหลือน้อยเต็มที คำทำนายของอาตมานี้ยังให้สัตว์ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ผู้ใดรู้แล้วเชื่อ หรือไม่เชื่อ ไม่บอกเล่าให้ผู้ใดรู้กันต่อ ๆ ไปนับว่าเป็นกรรมแห่งสัตว์ต่างสิ้นสุดกันตามกาลเวลา ผู้ใดปรารถนาจะได้เห็นหรือทันมีบุญ ให้รักษาศีลห้าประการหนึ่งยำเกรงบิดา มารดา รู้จักบุญคุณท่านผู้มีคุณ หนึ่งให้เจริญภาวนาในพรหมไตรสภาพหนึ่ง คาถาว่าดังนี้

    " พุทธิทุกขัง อนิจจัง อนัตตา นโมสัพพราชา ขัตติโย อิติปารมิตา ติสา อิติ สัพพัญญุมาคตา อิติ โพธิ มนุปปัตโต อิติปิโส จ เต นโม "

    หมายเหตุ : ปี พ.ศ. ที่ระบุตามพุทธทำนายข้างต้นนี้ต้องเอาไปบวกเพิ่มด้วย48 จึงจะตรงกับปี พ.ศ.ที่เรากำลังใช้อยู่ตอนนี้ หมายความว่าปี พ.ศ. ที่เราใช้ปัจจุบันนี้เร็วเกินกว่าในคำทำนายไป 48 ปี เช่น ถ้าปีในคำทำนายคือ ปีมะโรง พ.ศ. 2507 จะตรงกับปีในแบบปัจจุบันคือ ปีมะโรง พ.ศ. 2555 (2507 + 48 = 2555)

    ปี พ.ศ. ที่ไทยเราใช้อยู่นั้นกับปี พ.ศ.ของบางประเทศนั้นไม่ตรงกันทั้งที่ต่างก็นับถือพระพุทธศาสนาเหมือนกัน มีผู้รู้กล่าวว่าพ.ศ.แบบที่เราใช้อยู่ปัจจุบันนี้มีความคลาดเคลื่อนเร็วเกินกว่าความเป็นจริง

    ๒๕๐๗ (ปีมะโรง) คือประมาณปี พ.ศ. 2555 คนเปลี่ยนสภาพเดินเป็นคลาน

    ๒๕๐๘ (ปีมะเส็ง) คือประมาณปี พ.ศ. 2556 ตลิ่งจะพัง แผ่นดินถิ่นอธรรมจะถล่มเป็นทะเล ๒๕๑๒ (ปีระกา) คือประมาณปี พ.ศ. 2560 เมืองมนุษย์จะมืด ๗ วัน ๗ คืน โลกดิ่งสู่ความหายนะ

    ๒๕๑๒ (ปีจอ) คือประมาณปี พ.ศ. 2560 (ช่วงต่อปีระกา - ปีจอ) พระจันทร์เริ่มเปล่งแสงฉายโลก

    ๒๕๑๓ - ๒๕๑๔ (ช่วงต่อปีจอ - ปีกุน) คือประมาณปี พ.ศ. 2561 พระธรรมมิกราชจะเสด็จมา

    ๒๕๑๕ (ปีชวด) คือประมาณปี พ.ศ. 2563 พวกอธรรมจะหมดไป (กลับเป็นปกติสุข "ยุคชาววิไล")
     

แชร์หน้านี้

Loading...