ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

เอาแล้วงัย เกาเหลาเหนือ เกาเหลาใต้

YoY แด่บรรพบุรุษไทย...................

 

อันนี้ว่าตามเนื้อผ้านะ
เป็นภัยจากมนุษย์นั่นเอง
ก็เพราะการเมืองนั่นแหละ มันจะทำให้มีการสูญเสียมากมาย
เป็นเรื่องปัญญาอ่อนของมนุษย์ ที่ทำให้เกิด
และอย่าแกล้งปัญญาอ่อน ไม่รู้ไม่ทราบเลย
รับรู้ และเตรียมรับสถานการณ์ดีกว่านะท่าน
แค่ภัยธรรมชาติ ก็บักโกรกแล้ว

 

เศรษฐกิจ สังคมและการเมือง มีความเกี่ยวข้องกันอย่างแยกไม่ออก แต่ผู้คนส่วนมากนั้นคิดว่าสามเรื่องนั้นมันแยกกันอยู่ อยู่ใครอยู่มัน

ถ้าศึกษาให้ดีด้วยใจที่ซื่อตรงแล้วก็จะพบว่าทั้งสามเรื่องไม่สามารถอยู่ได้แต่เพียงลำพัง

 

สงครามโลกครั้งที่สองที่ก่อบาปก่อกรรมให้กับโลกอย่างรุนแรง ผู้คนนับหลายสิบหลายร้อยล้านคนซึ่งยังไม่นับหมูหมากาไก่อีกสักเท่าไหร่ จนทำให้เกิดแรงอาฆาตพยาบาทจองเวรจองกรรมไม่รู้จักจบจักสิ้นนั้นไม่เป็นเพราะสามเรื่องนี้หรอกหรือ ?

ไม่ใช่เรื่องเศรษฐกิจและสังคมของประเทศเยอรมันนีหลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่งหรอกหรือ ?

และไม่ใช่เกิดจากคำสอนที่ไม่เป็นไปตามความเป็นจริงหรอกหรือ ?

 

เห็นด้วยอย่างยิ่ง และถ้านักการเมืองเลวๆมาบริหารประเทศ ความรู้ความสามารถก็ไม่มี อาศัยพวกมากลากไป ใช้ทุนนิยมอันสามานย์ ประเทศชาติจะเหลืออะไร

 

<TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>เกือบทั่วทุกภาคอุณหภูมิสูงขึ้น เว้นภาคเหนืออากาศยังหนาวเย็น </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์ลักษณะอากาศประจำวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2555 เมื่อเวลา 04:00 น.

บริเวณความกดอากาศสูงที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้มีกำลังอ่อนลง ทำให้บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก กรุงเทพมหานครและปริมณฑลมีอุณหภูมิสูงขึ้นกับมีหมอกในตอนเช้า ขอให้ประชาชนระมัดระวังอันตรายในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกไว้ด้วย สำหรับภาคเหนือยังคงมีอากาศหนาวเย็น และภาคใต้มีฝนลดลงในระยะนี้

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.


ภาคเหนือ อากาศหนาวเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน ตอนบนของภาคอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 13-16 องศาเซลเซียส ตอนล่างของภาคอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 17-20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-38 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 5-11 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 10-25 กม./ชม.
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศเย็นและมีหมอกบางในตอนเช้า กับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน และอุณหภูมิจะสูงขึ้น 2-3 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 17-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-37 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภู อากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 12-16 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
ภาคกลาง มีหมอกในตอนเช้า กับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน และอุณหภูมิจะสูงขึ้น 1-2 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 21-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-37 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.
ภาคตะวันออก มีหมอกในตอนเช้า กับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน และอุณหภูมิจะสูงขึ้น 1-2 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงต่ำกว่า 1 เมตร
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศาเซลเซียส ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงต่ำกว่า 1 เมตร
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีหมอกในตอนเช้า กับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน และอุณหภูมิจะสูงขึ้น 1-2 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.




</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>ฮือฮาพระพูทธรูปปูนเชียงแสน "ยิ้ม" หลังใส่ดวงเนตร </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>เมื่อ 22 ก.พ. ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" รับแจ้งจากคณะสงฆ์ วัดป่าดอนมูล หมู่ 1 ต.ทรายมูล อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ ว่า

ผู้ใหญ่บ้านและนายอำเภอสันกำแพง นำนิลสีดำ จำนวน 2 อัน มาใส่ให้กับพระพุทธรูปปูนโบราณ พระพุทธรูปสมัยเชียงแสน ที่ชำรุดดวงเนตรของพระพุทธรูปไม่มี และเมื่อนำดวงเนตร ซึ่งเป็นพลอยสีดำ มาใส่ปรากฏว่าพระพักตร์ของพระพุทธรูปดังกล่าว ที่เศร้าหมองกลับดูสดใส เหมือนกับยิ้มทั้งพระพักตร์ สร้างความฮือฮาทั่วทั้งตำบลทรายมูล จึงเดินทางไปตรวจสอบที่วัดป่าดอนมูล หรือวัดดอนมูล พบกับพระครูสุนทรธรรมวิจิตร เจ้าอาวาสวัดดอนมูล

พระครูสุนทรธรรมวิจิตร เปิดเผยว่า ที่วัดดอนมูลมีการบูรณะวิหารหลังเก่า และรื้อพระพุทธรูปในวิหารหลังเก่าออก

ซี่งเดิมมีออยู่ 5 องค์ สมัยเชียงแสน อายุ 200 ปี การรื้อพระพุทธรูปปูนองค์เดิมออก 2 องค์ คงค้างไว้ 3 องค์ และนำพระพุทธรูปปูน 2 องค์ ออกมาไว้ด้านนอกวิหารปรากฏว่า ชำรุดอย่างหนักไป 1 องค์ อาตมาจึงอัญเชิญมาประดิษฐานไว้ที่ศาลาชั่วคราว ในเขตป่าปฏิบัติธรรมวัดที่ใช้ชื่อเรียกว่า "วัดป่าดอนมูล" หน้าตักกว้าง 32 นิ้ว ดวงเนตรกะเทาะออกจนเห็นแต่ปูนขาว ดูเศร้าหมอง

ต่อมา ผู้ใหญ่บ้านและนายโชคดี อมรวิวัฒน์ นายอำเภอสันกำแพง

ได้ไปขอพลอยสีดำ จากพระอธิการสุรพล วิวัฒนธโน เจ้าอาวาสวัดป่าแดงบ้านสันขวาง อ.สันกำแพงเชียงใหม่ สีดำ 2 เม็ด นำมาทดลองใส่ปรากฏว่าพอดี แต่จะเอาออกเพื่อใส่ในวันทำพิธี กลับเอาออกไม่ได้ พลอยนิลฝังแน่นอย่างถาวรเลย ใบหน้าจากดูเศร้าหมองไม่มีชีวิตชีวา ปรากฏว่าดูสดใส เหมือนกับพระพักตร์ยิ้มขึ้นมาทันใด สร้างความฮือฮาให้กับผู้พบเห็นเป็นอย่างมาก อาตมาจึงทำพิธีเบิกเนตรพระพุทธรูปดังกล่าว ทุกคนมาเห็นก็รู้สึกเป็นสิริมงคลอย่างยิ่ง

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>น้ำมันราคาพุ่ง!รัฐยืดเว้นภาษีดีเซล1เดือน </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>ครม.ขยายเวลายกเว้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลไปอีก 1 เดือน ขณะที่ราคาน้ำมันตลาดโลกยังพุ่งไม่หยุด กังวลปัญหาอิหร่านลุกลามขึ้น ปตท.มองเป็นจิตวิทยาช่วงสั้น เผยกระจายแหล่งรับซื้อเตรียมมือรับหากสถานการณ์รุนแรง


นายภักดีหาญส์ หิมะทองคำ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบการขยายเวลาการยกเว้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลออกไปอีก 1 เดือน ถึงสิ้นเดือนมีนาคม 2555 จากเดิมจะครบกำหนดในสิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ เพื่อลดภาระให้แก่ประชาชนและผู้ประกอบการ หากครบกำหนดรัฐบาลจะนำมาประเมินการช่วยเหลือให้สอดคล้องกับสถานการณ์ราคาน้ำมันอีกครั้ง
<!-- inside news --><!-- Insidenews -->

นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า

กรณีที่อิหร่านส่งเรือรบเข้าสู่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และยุโรปหยุดนำเข้าน้ำมันจากอิหร่าน ส่งผลในเชิงจิตวิทยาทำให้ราคาน้ำมันดิบพุ่งสูงมากในช่วงนี้ อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้ผลิตน้ำมันโอเปกก็ได้ให้สัญญาว่าจะผลิตน้ำมันดิบเพื่อทดแทนในส่วนที่หายไปจากระบบ ซึ่งทำให้ภาพรวมของปริมาณน้ำมันในตลาดจะไม่มีผลกระทบ

"ปตท.เตรียมรับมือความรุนแรงที่อาจเพิ่มขึ้น โดยการกระจายแหล่งรับซื้อน้ำมันหลากหลายพื้นที่ เช่น จากแอฟริกา และประเทศอื่นๆ นอกอ่าวเปอร์เซีย รวมทั้งเตรียมสต็อกน้ำมันให้เพียงพอหากเกิดเหตุการณ์คับขันขึ้น" นายไพรินทร์กล่าว

ด้านนายมนูญ ศิริวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำมัน กล่าวว่า

สถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องจากปัญหาความตึงเครียดในอิหร่าน คาดว่าอาจจะได้เห็นราคาพุ่งขึ้นไปแตะ 130 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม ขณะนี้อิหร่านอยู่ระหว่างการเจรจาขายน้ำมันเพิ่มเติมให้จีนและอินเดีย เชื่อว่าจะตกลงกันได้เร็วๆ นี้ และจะสร้างความสมดุลให้ตลาดน้ำมันโลกได้ จึงเชื่อว่าปีนี้ราคาน้ำมันเฉลี่ยจะอยู่ระดับ 100-110 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลได้

"ส่วนราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศที่มีผู้คาดการณ์ว่าอาจจะพุ่งขึ้นไปถึง 50 บาทต่อลิตรนั้น คงเป็นไปได้ยาก เพราะประเมินว่าราคาเบนซินสูงสุดน่าจะอยู่ที่ 45 บาทต่อลิตร และดีเซลไม่เกิน 35 บาทต่อลิตร" นายมนูญกล่าว

ขณะที่นักลงทุนความวิตกในเรื่องความขัดแย้งของอิหร่านและชาติตะวันตก ได้ดันราคาน้ำมันพุ่งเหนือระดับ 106 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล

โดยราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ ส่งมอบเดือนเมษายน ที่ตลาดสิงคโปร์ เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ขยับขึ้น 16 เซนต์ อยู่ที่ 106.41 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล หลังเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ราคาซื้อขายในตลาดสหรัฐ พุ่งขึ้น 2.65 ดอลลาร์สหรัฐ ปิดซื้อขายที่ 106.25 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แตะระดับสูงสุดนับแต่เดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว โดยเป็นการทะยานขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับช่วงต้นเดือนนี้ ที่เคลื่อนไหวอยู่ระดับ 96 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล



</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

MThai News : สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า มีผู้บันทึกคลิปของวัตถุขนาดใหญ่ ซึ่งไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นอะไร ขณะที่มันบินอยู่เหนือน่านฟ้าเมืองรอสเวลล์ มลรัฐนิวเม็กซิโก สหรัฐอเมริกา
ทั้งนี้ผู้ที่บันทึกคลิปดังกล่าวเล่าว่า ขณะที่เขากำลังขับรถยนต์อยู่นั้น ตาก็มองไปเห็นวัตถุคล้ายจานบินขนาดใหญ่ลอยอยู่กลางอากาศในระยะไกล เขาจึงตัดสินใจขับรถตามไป จนพบว่ามันร่อนลงจอดในสถานที่แห่งหนึ่ง
โดยกลุ่ม ADG หรือ กลุ่มไขปริศนาเอเลี่ยนในอังกฤษ ให้ความเห็นหลังจากได้ดูคลิปดังกล่าว โดยเชื่อว่า มีความเป็นไปได้ที่จะเป็น ยูเอฟโอ จริง ที่กำลังร่อนลงจอด
Mthai News


UFO Scout Ship Lands In New Mexico? 2012 HD - YouTube#!

 

หวัดดีครับ ขอแสดงความคิดเห็นส่วนตัวหน่อยนะ
เรื่องclip UFO นาทีที่ 06-09 มันกระตุก ยานมันบินไวไปนะไม่เนียน และStrobe lights
กระพริบทีละ สองครั้งเหมือนเครื่อง Airbus เลย และขณะ Landing ทำไมต้องหลังตึกด้วยเพราะภาพมันแต่งง่ายงัย ถ้าเป็นทีโล่งมัน Control สิ่งแวดล้อมยากใช่มั็ย และกล้องตัวอื่นๆ ไปใหนกันหมด ท้องฟ้าใหญ่โตเพื่อนเอย ในเมืองไม่ใช่ในป่าจะได้เห็นคนเดียว เมื่อเครื่องจอดแล้วหย่อมง่ายต่อการไปถ่ายทำต่อและแจ้งผู้อื่นให้ทราบด้วยเพื่อConfirmงัย แค่นี้แหละครับท่านผู้อ่าน ส่วนตัวแล้วผมเชื่อUFO มี แต่ไม่ใช่ครั้งนี้ครับ
ขอบคุณ

 

เปลือกโลกเคลื่อน! อาจองชี้ ไทยอาจเจอคลื่นยักษ์ 10 เมตร
Mthainews: ภัยพิบัติทางธรรมชาติ กำลังแผ่ขยายวงกว้างไปยังทั่วทุกภูมิภาคทั่วโลก ไม่เว้นแม่กระทั่งในประเทศไทย ที่ขึ้นชื่อว่าอยู่ในตำแหน่งที่ค่อนข้างปลอดภัย แต่ก็ยังคงเกิดคลื่นยักษ์สึนามิ แผ่นดินไหว น้ำท่วมอยู่เรื่อยมา ด้วยความที่คาดกันว่าจะรุนแรงขึ้นในทุกๆปี เราจะหาวิธีป้องกันและรับมืออย่างไร หากเกิดภัยต่างๆขึ้น
โลกของเรา มีการเคลื่อนไหวและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาทั้งส่วน ที่เป็นบรรยากาศห่อหุ้มโลกและส่วนที่ประกอบอยู่ภายในของโลก เปลือกโลกก็มีการเคลื่อนตัวด้วยเช่นกัน โดยนักวิทยาศาสตร์ ชาวเยอรมันชื่อ alfred Wegenerได้เสนอสมมติฐานทวีปเลื่อนขึ้น สมมติฐานกล่าวไว้ว่า เมื่อราว 250 ล้านปีก่อน ทวีปต่าง ๆ เคยติดกันเป็นทวีปขนาดใหญ่เรียกว่า พันเจีย (Pangea) ต่อมามีการเคลื่อนตัวแยกออกจากกัน จนมาอยู่ในตำแหน่งปัจจุบัน

Pic: REUTERS/Nasa Earth Observatory
มีการพยากรณ์จากนักวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยเยล ของสหรัฐว่า ทวีปเอเชียและอเมริกาจะเคลื่อนบรรจบมาเป็นทวีปเดียวกันที่ขั้วโลกเหนือ โดยทวีปแอฟริกาและออสเตรเลียจะตามมาสมทบด้วยกลายเป็น “มหาซุปเปอร์ทวีป” ภายในอีก 50-200ล้านปี ข้างหน้ากลายเป็นทวีป อเมเซีย (Amasia)
แต่อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน ผลกระทบจากการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกในปี 2555 นี้ นายอาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา อดีตนักวิทยาศาสตร์จากองค์การนาซ่า กล่าวในหัวข้อ “บทเรียนและอนาคตการสู้ภัยน้ำท่วมขอมชุมชน” ที่มหาวิทยาลัยเกริกว่า
น่าห่วงว่าจะเกิดแผ่นดินไหวที่อินเดีย มาชนประเทศพม่า และสะท้อนมาถึงประเทศไทยทางเหนือและตะวันตก เช่นจังหวัดกาญจนบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ภูเก็ต ระนอง สุราษฎร์ธานี ซึ่งแนวโน้มสูงในปีนี้เปลือกโลกจะเกิดชนกันมากขึ้นจนเกิดมีคลื่นยักษ์สึนามิสูง 10 เมตร โจมตีเข้าที่จ.สงขลา และอ่าวไทย กระทบมาถึงกรุงเทพฯด้วยคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร อยากให้ประชาชนเตรียมตัวเตรียมใจกันไว้ด้วย
ผลกระทบจากเปลือกโลกเคลื่อนตัว ยังทำให้เกิดแผ่นดินไหว ที่ชัดเจนและรุนแรงก็คือ ที่เฮติ เมื่อเดือนมกราคม 2553 ที่ผ่านมา เกิดจากการกดปะทะกันของแผ่นเปลือกโลกขนาดใหญ่ 2 ชิ้น คือ “แผ่นอเมริกาเหนือ” กับ “แผ่นแคริบเบียน”
22 ก.พ. 54 แผ่นดินไหว 6.3 ริคเตอร์ ที่เมืองไครสต์เชิร์ช ประเทศนิวซีแลนด์ จากนั้นเพียง 2 สัปดาห์เศษ แผ่นดินไหว 5.8 ริคเตอร์ ที่เมืองยูนนาน ประเทศจีน จนกระทั่ง11 มี.ค. 54 แผ่นดินไหวใหญ่ 8.9 ริคเตอร์ ในมหาสมุทรแปซิฟิก ห่างจากจังหวัดมิยากิ หมู่เกาะฮอนชู ประเทศญี่ปุ่น เกิดคลื่นยักษ์สึนามิ ซัดถล่มชายฝั่งจังหวัดมิยากิ พังพินาศเสียหายมหาศาล เป็นโศกนาฎกรรมครั้งประวัติศาสตร์ของโลก

หลายหน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นภาครัฐและเอกชนต่างตื่นตัวอย่างมากนำเสนอข้อมูลต่าง ๆ สิ่งที่ต้องรับมือคือ การฝึกฝน เตรียมความพร้อมหากเกิดเหตุการณ์ขึ้นจริงไม่ว่าจะเป็นการทำเส้นทางการหลบภัยจากแผนที่เสี่ยงภัย การสร้างระบบเตือนภัยที่มีประสิทธิภาพ และที่สำคัญที่สุดคือ เตรียมตัว เตรียมใจพร้อมรับมือ
อย่างไรก็ตาม ก็ไม่ควรตระหนกตกใจจนเกินเหตุ เพราะการพยากรณ์ทั้งหลายเป็นการคาดการณ์ที่มีโอกาสเกิด หรือ ไม่เกิดก็ได้ อยู่กับปัจจุบันว่า ทำวันนี้ให้ดีที่สุดแล้วหรือยัง
Mthai News




สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ที่ ประเทศอาร์เจนติน่า ได้เกิดอุบัติเหตุรถไฟที่มีผู้โดยสารแน่นขนัดพุ่งชนสถานีรถไฟในกรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 49 คน บาดเจ็บมากถึง 550 คน ยังมีผู้โดยสารอีกกว่า 30 คน ติดอยู่ในตู้โดยสาร 2 ตู้แรกที่ได้รับความเสียหายมากที่สุด
ส่วนสาเหตุของอุบัติเหตุดังกล่าวนั้น เจ้าหน้าที่ได้แจ้งว่าเกิดจากการที่รถไฟเกิดปัญหาขัดข้อง เบรกไม่อยู่ และพุ่งเข้าชนกำแพงกั้นตรงสุดรางเต็มแรง จนนำไปสู่โศกนาฏกรรมดังกล่าว





สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า คณะนักวิทยาศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยเดลีของอินเดีย ร่วมกับทีมวิจัยจากอังกฤษและเบลเยียม ได้ค้นพบสัตว์เลื้อยคลานสายพันธุ์ใหม่ ในตระกูลสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำไร้ขา มีหน้าตาคล้ายงูและไส้เดือน
โดยการค้นพบครั้งนี้ คณะนักวิทยาศาสตร์ได้ออกวิจัยตามพื้นที่ห่างไกลในรัฐสิกขิม ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย ซึ่งใช้เวลากว่า 5 ปี ซึ่งพบว่าสัตว์ดังกล่าว อาศัยตามโคลนดินในป่า เป็นสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกไม่มีเกล็ด หนังเรียบลื่น ขนาดลำตัวยาว 8 นิ้ว โดยเพศเมียจะคอยฟักไข่เป็นเวลา 2-3 เดือนโดยไม่กินอะไรเลย
ทั้งนี้หัวหน้าโครงการสำรวจกล่าวยืนยันว่า จากการวิเคราะห์ด้านสัณฐานวิทยา และดีเอ็นเอแล้ว ยืนยันได้ว่าเป็นสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำตระกูลใหม่ สัตว์จำพวกนี้เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์อย่างยิ่ง เนื่องมาจากการเพิ่มของประชากรมนุษย์ รวมถึงการเพาะปลูกและเผาพื้นที่เกษตรกรรม อีกทั้งชาวบ้านที่ฆ่ามันเพราะคิดว่าเป็นงูพิษ
Mthai News

เกาะติดทุกข่าวเด่น ประเด็นร้อน ในรอบวันกับ Mthainews บน facebook คลิ๊กเลย
ติดต่อทีมข่าว MThai News : news@mthai.com

แท็ก : สัตว์สายพันธุ์ใหม่, สัตว์เลื้อยคลาน

 

คำทำนายของหลวงพ่อฤๅษีจากป่าหิมพานต์ !!!​

​

มีเพื่อนๆโยมๆ ถามด้วยวิตกว่าคำทำนายของหลวงพ่อฤๅษีจากป่าหิมพานต์ท่านว่าอย่างไรกับปัญหาน้ำท่วมครั้งนี้ จำได้ว่าหลวงพ่อบอกว่าให้เริ่มต้นที่แม่น้ำเจ้าพระยา แล้วลากยาวไปจนถึงโรงพยาบาลสมุทรปราการ แล้วหมุนเข็มทิศเป็นวงกลมรอบๆ ก็จะพบว่า น้ำจะท่วมรอบๆกุรุงเทพถีงระยะเท่าไร ส่วนที่ถามว่า น้ำจะลดเมื่อไหร่ ท่านบอกให้สังเกตุตอนที่น้ำท่วมถึงโรงพยาบาลพระสมุทรเจดีย์เมื่อไหร่ ท้าวพยานาคาก็จะหยุดพ่นน้ำเมื่อนั้น ท่านว่ามาอย่างนี้นะครับ จบช่าว

แล้วเมื่อน้ำหยุด คนไทยจะเผชิญหน้ากับแผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิดครับ ตอนนั้นอาตมายังเป็นพระเด็กกิ๊กก๊อกอยู่ ยังหัวเราะก๊ากต่อหน้าท่านอยู่เลยครับ

ปี ๕๕ เราจะพบกับปรากฎการณ์ ๓ ฤดูใน ๑ วัน ตลอดปีและภัยสงครามโลกเดือนตุลาครับ

จีนจะถล่มอเมริกาด้วยนิวเคลียร์

ทองบาทละ ๕ หมื่น และข้าวสารกระสอบละ ๕ พันบาทครับ

ปี ๕๖ ดวงอาทิตย์หยุดส่องแสง ๔๙ วันครับ หลังจากนั้นสงครามโลกครั้งที่ ๓จึงระเบิดกึกก้องกัมปนาทอย่างสมบูรณ์

ปี ๕๗ ปลายปี สงครามโลกยุติ คนตายครึ่งค่อนโลก เลือดจะท่วมหลังช้าง ท่านว่างั้นนะครับ จบข่าว
ประชากรโลกเหลือทั้งสิ้นพันกว่าล้านคนครับในปี ๒๕๕๘

ปี ๒๕๖๐ประเทศไทยจะเป็นเจ้าโลก เป็นผู้นำโลกในยุคพระยาธรรมมิกราชครับ

คนไทยที่จะต้องตายทั้งหมด หลวงพ่อท่านบอกว่าส่วนใหญ่เป็นคนด่าพ่อด่าแม่ อกตัญญูและลืมครูลืมอาจารย์ ท่านว่า ตายเรียบครับ นอกนั้นจะเป็นบ้าเพราะคลื่นเสียงจากสงครามรบกวน และเผชิญหน้ากับโรคผิวหนังแต่ไม่ตายครับ ท่านว่างั้น

โดย พระจิงจัง วัชระธรรมปราณี ถิรธมโม

ที่มา http://www.psemc.org/index.php/articles/dhamma-articles/477-2011-10-07-16-57-04.html

 

ข่าวสารจากจิตจักรวาล
โดย อ.ปริญญา ตันสกุล

​

[[โปรดอ่านย่อหน้านี้ก่อน...สำคัญมาก]]
ผมทราบว่าเนื้อหาต่อไปนี้อาจจะกระตุ้นความรู้สึกบางอย่างต่อผู้อ่าน ซึ่งผมคงช่วยทำอะไรให้ไม่ได้ นอกจากบอกกล่าวเตือนสติ ขอให้ท่านเก็บเกี่ยวแต่สาระและพลังงานด้านบวก สาระและพลังงานด้านลบที่จะเกิดขึ้นแน่ๆ สำหรับท่านที่ไม่เคยรับสารเทือกนี้ ก็ขอให้รู้ตัวและรีบวางโดยเร็วที่สุด หากว่าท่านไม่สามารถทำตามคำเตือนนี้ได้ ผมขอแนะนำให้ท่านหยุดอ่านต่อ เพราะผลเสียที่ตามมามันไม่คุ้มกันครับ

ข้อความนี้คัดมาจากโพสต์ของ ท่าน ป.วิสุทธิปัญญา
https://www.facebook.com/Visudhipunya/posts/211389842260182

"เมื่อยามน้ำเหนือไหลบ่า น้ำป่าไหลนอง น้ำคลองไหลล้น น้ำฝนไหลหลั่ง". พ.ศ.2554-2555 คนที่ประสบภัยแล้ว: ถ้าต้องการบรรเทาทุกข์ตนเอง ให้ปฎิบัติดังนี้.

1.ยอมรับว่าอุทกภัยที่ตนมีส่วนรับทุกข์อยู่นั้น เป็นข่าวสารจากจักรวาลเพื่อเตือนสติตนเองให้รู้ว่า ภายในอาณาบริเวณพื้นที่ๆเธอดำรงอยู่นั้น ผู้คนส่วนใหญ่บกพร่องทางจิตสำนึกอย่างมาก จนไม่สามารถใช้ความรัก ความเมตตาค้ำจุนโลกได้แล้ว.

2.การเตือนพวกเธอในพิกัดนั้นด้วยภัยน้ำท่วม น้ำบ่าไหลหลาก น้ำท่วมขังนานๆ น้ำเน่า ก็เพราะต้องการใช้ความทุกข์เป็นเงื่อนไข กระตุกจิตสำนึกที่ถูกต้องของพวกเธอ ให้ร่วมกันมอบความรักให้แก่กันและกัน เพื่อแบ่งปันให้โลกไปพร้อมๆกันด้วย เช่น การให้ความช่วยเหลือกันเองดุจดั่งญาติมิตร เพื่อฝ่าวิกฤติน้ำท่วมนี้ไปให้ได้ แทนที่จะตัวใครตัวมันต่างคนต่างอยู่ หรือ ออกลักขโมยสมบัติสิ่งของๆคนอื่น ทั้งๆที่ต่างมีทุกข์อยู่ด้วยกัน เป็นต้น หรือเอาแต่นั่งรอนอนรอขอความช่วยเหลือ จากคนภายนอกอยู่อย่างเดียว.

3.เธอจึงต้องชวนเพื่อนๆหันหน้ามาช่วยเหลือกัน และรักกัน แบ่งปันสิ่งของ อาหาร น้ำดื่มและยารักษาโรคเท่าที่มีอยู่แก่กันและกัน ห่วงใยในกันและกันโดยไม่มีเงื่อนไขว่าเขาคนนั้นจะเป็นญาติพี่น้องของตัวหรือไม่ พลังแห่งรักของเธอและทุกคนที่จมอยู่ในน้ำหรือแช่น้ำอยู่อย่างทุกข์ยาก มันจะก่อให้เกิดพลังงานรวมด้านบวก ตามสมการซัมเบต้าขึ้นมาได้.

4.ถ้าเธอร่วมกันสร้างพลังบวกกันขึ้นมามากๆได้เร็วเท่าใด น้ำท่วมขังหนักหนานั้นมันจะเบาลงลดลงอย่างน่าทึ่ง หรือถ้ามันเพิ่งมา มันก็จะรีบไหลผ่านไปอย่างรวดเร็ว เพราะภัยพิบัติที่เกิดขึ้นเป็นปฏิบัติการหนึ่งเพื่อการชำระโลก ชำระจิตสำนึกมนุษย์ของ ช่างเท็คนิก มันมิใช่ภัยธรรมชาติปกติแต่อยางใด มันถูกสร้างขึ้นด้วยพลังงานลบ เธอต้องใช้ความรักของพวกเธอที่ประสบภัยในพื้นที่เดียวกันอยู่นั้นเข้าแก้ไข

5.การด่าว่าเทวดาฟ้าฝน การด่ารัฐบาล การไม่อยู่ในศีลธรรม เธอต้องจำเอาไว้ว่า มันเป็นการเพิ่มพลังอำนาจด้านลบ ที่จะเหนี่ยวรั้งภัยพิบัติมาหาพวกเธอในพิกัดพื้นที่นั้นมากขึ้น เร็วขึ้นและรุนแรงขึ้นไปอีก ตอนนี้ช่างเท็คนิกเขาเอาน้ำ้มาเทไว้ทั่วพื้นที่เป้าหมายแล้ว เพียงแค่เขาเติมลงมาใหม่ภายในชั่วโมงสองชั่วโมงก็ท่วมหนักได้ทันที เพราะน้ำไม่รู้จะระบายไปทางไหน มันเต็มพื้นที่ไปหมดแล้วในขณะนี้.

6.อย่านั่งรอนอนรอความตายในท่ามกลางน้ำท่วมหนัก โดยอ้างว่ารอฝนหยุดรอรัฐบาลช่วยดันน้ำออกทะเลให้ เพราะพายุลูกใหม่ๆ กำลังทะยอยตามมาอีกเป็นชุด ขณะที่น้ำทะเลกำลังจะหนุนสูงอีกต่างหากด้วย ถ้าพวกเธอไม่ช่วยตัวเอง ด้วยการกระทำที่จิตสำนึกให้มันสั่นสะเทือนด้านบวกตามที่แนะมา อาการน่าเป็นห่วงแน่นอน....คนภายนอกพื้นที่ๆเขามาช่วยพวกเธอด้วยความรักและเมตตานั้น พวกเขาจะได้บุญกุศลกลับไป แต่พลังงานความรักของพวกเขา จะช่วยลดทอนภัยพิบัติในพื้นที่ของเธอโดยตรงไม่ได้หรอก เนื่องจากจิตวิญญาณของพวกเขามิได้มีหน้าที่ค้ำจุนแผ่นดินที่เธอดำรงชีวิตอยู่ตรงนั้น เธอต่างหากที่มีหน้าที่รับผิดชอบพื้นที่เกิด และดำรงชีวิตอยู่ด้วยตัวเธอเอง นี่คือคำตอบว่าวิกฤติน้ำท่วมที่เธอกำลังเผชิญอยู่นี้ทำ ไมจึงแก้ไขไม่สำเร็จ????

(ป.วิสุทธิปัญญา)

และยังมีข้อความเพิ่มเติมที่เกี่วข้องกันจากโพสต์ ถามถึงเรื่องการคัดเลือกคนต้องได้รับผลกระทบและความสูญเสียจากน้ำท่วมครั้งนี้
https://www.facebook.com/Visudhipunya/posts/211956335536866


กราบท่านอาจารย์.ป. วิสุทธิปัญญา การเกิดภัยแต่ละครั้งนำความสูญเสียมาสู่ทั้งคนดีและไม่ดี ช่างเทคนิคมีวิธีการคัดสรรอย่างไร เพราะคนที่ทำไม่ดีต่อโลกบางส่วนกลับทำให้เกิดภัยมาถึงคนที่ไม่เกี่ยวข้อง แบบที่ชาวพุทธเรียกว่ากรรมใช่หรือไม่ครับ กราบเรียนถามมาด้วยจิตคารวะครับ


วิธีคิดของช่างเท็คนิก:

1.มนุษย์โลกทุกคนล้วนเป็นหนึ่งเดียวกันตามเงื่อนไขในพันธะสัญญา6 ที่ให้ไว้เป็นสัจจะต่อพระบิดา ไม่ต่างจากทุกคนเป็นสมาชิกในองค์กร หรือทีมงานเดียวกันนั่นเอง

2.ในองค์กรเดียวกันหรือทีมเดียวกันนั้น ถ้าสมาชิกคนใดทำความผิดพลาดเสียหายให้เกิดขึ้น ไม่ว่าจะหนักน้อยแค่ไหน ทุกคนต้องมีสำนึกที่จะรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นร่วมกันทั้งสิ้น.

3.โลกมนุษย์ของเธอก็เช่นกัน เพื่อนร่วมโลกของเธอก็ล้วนเป็นสมาชิกขององค์กรโลกเดียวกันมิใช่หรือ คนที่ไม่ประพฤติธรรมทำแต่กรรมชั่ว ก็คือสมาชิกที่ทำผิดพลาดบกพร่องเหลวไหลจนนำความเสียสมดุล หรือเสียหายมาสู่โลกอยู่ในขณะนี้นั่นเอง ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นคนส่วนมาก หรือส่วนน้อยที่เป็นคนมีจิตสำนึกบกพร่องก็ตาม คนดีๆจะเป็นคนส่วนน้อย หรือส่วนมากก็ตาม ต่างก็ต้องรับผิดชอบผลลัพธ์ของการเสียสมดุลของโลก นี้อย่างทัดเทียมกันทั้งสิ้น ไม่ต่างจากปลาในข้องเดียวกัน ตายจนเน่าเหม็นเพียงหนึ่งตัว ที่เหลืออีกทั้งข้องย่อมแปดเปื้อนความเน่าเหม็นนั้นไปด้วยกัน เธอเข้าใจสัจธรรมข้อนี้มั้ยล่ะ?

4.ดังนั้น การต้องผจญภัยจากปฏิบัติการชำระโลกไม่ว่าในรูปแบบใดก็ตาม ทั้งคนชั่วที่เป็นเหตุแห่งการถูกชำระ และคนดีต้องเผชิญสถานการณ์นั้นๆด้วยกันนั่นแหละเพียงแต่ว่าคนดีที่มิได้อยู่ในคำพิพากษา หน้าผากมิได้มีเครื่องหมายกากบาทไว้ ยังไงๆเสียรอดตายแน่นอน แต่เรื่องทุกข์ยากก็คงจะได้เรียนรู้กับเขาบ้าง เพื่อสร้างสภาวะจิตให้เป็นอุเบกขา จะได้ก้าวหน้าทางจิตวิญญาณจากสถานการณ์นี้ไงล่ะ.

5.คำตอบที่เธอถามมาก็คือ คนที่มิได้ทำผิดบาป ช่างเท็คนิกเขาจะเอาชีวิตไม่ได้หรอก เขาจะคุ้มครองปกป้องด้วยซ้ำ ไม่ตายแน่นอน แต่อาจทุกข์ยากลำบากไปกับเขามั่งก็เท่านั้นเอง.

เธอจะต้องรู้ว่า ถ้าในพื้นที่ประสบภัยนั้นไม่มีคนดีมีศีลธรรมอยู่บ้าง และไม่มีบารมีของคนดีอื่นๆในโลกนี้ที่เขาอยู่นอกพื้นที่ช่วยประคับประคองแล้ว ภัยร้ายทั้งหลายที่เธอเห็นที่เขาเผชิญกันอยู่นั้น มันจะหนักหนากว่านี้ด้วยซ้ำไป จำไว้ว่าคนดีนั้นตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้หรอกเธอ ไหลไปตามนั้นคือกลัวตายเมื่อน้ำมา ไฟไหม้คือประสาทแตกเมื่อภัยร้ายมาเยือนจนจิตร้อนรุ่มกลุ้มกังวลอะไรทำนองนั้น คนดีๆเขาไม่กลัวตายจนเสียจริตหรอกนะเธอ ไอ้ที่กลัวจนขี้ขึ้นสมองน่ะจนขาดสติ หรือเสียสติน่ะต้องเช็คกรรมดีที่ทำมากันหน่อยแล้วว่าดีแท้หรือดีเทียม!!!

(ป.วิสุทธิปัญญา)

แบ่งปันโดย Kaiwan Hongladaromp

ที่มา http://www.psemc.org/index.php/articles/dhamma-articles/515--54-55.html

 

น่าจะเป็นไปได้ สูงครับ เพราะหลายๆๆอย่างเริ่มมีเค้าลางให้เห็นแล้ว:''''(

 

ขอบคุณมากๆครับ ตัวผมจะได้เร่งแก้นิสัยปากเสียให้หายเสียที

 

มีนาทมิฬจะตามมาด้วยสงกรานต์เลือด และ
พฤษภาห่าลง...​

​

สรุปตรงกันไปหมด จากซีกโลกเหนือ และซีกโลกใต้
ถึงภาวะเมฆลอยต่ำกว่าปกติ ซึ่งจะต้องศึกษาต่อไป
ผลกระทบคือ อุณหภูมิโดยเฉลี่ยของโลกน่าจะต่ำลง
แต่อุณหภูมิพื้นผิวดินของโลกกลับสูงขึ้น​

ภาวะโลกร้อนก่อให้เกิดยุคน้ำแข็<WBR>งใหม่ เป็นที่เข้าใจกันง่าย
แต่ภาวะโลกร้อน มาประดังกับวงจรดวงอาทิตย์
ที่จะมีปฏิกิริยาสูงสุดในปี ๒๕๕๖ หรือ 2013
กับการปะทุ ระเบิด ของภูเขาไฟทั่วโลกเป็นพันลูก

น่าสหยดสยองเสียนี่กระไร​

​

เมื่อคืนได้พบพระอาจารย์ท่านหนึ่<WBR>ง
และสมาชิกใหม่จากเมืองกาญจน์
สนทนาปัญหาเภทภัย แล้วสยอง

ยิ่งตอนเช้าได้อ่านข้อความของคุ<WBR>ณปุ๊กจากแดนไกล
และข้อมูลที่เรามีอยู่ รู้สึกได้ถึงมีนาทมิฬ
ที่นอกจาก ไทยจะฆ่าไทย

ภัยธรรมชาติจะมาพรากขีวิตไทยไปอ<WBR>ีก
คงเป็นเคราะห์ของประเทศไทย​

จะว่าไปแล้วทุกอย่างเป็นวิทยาศา<WBR>สตร์ไปหมด
เมื่อพลังงานที่มีความถี่เดียวก<WBR>ันมาอยู่ร่วมกัน
แต่ทะลึ่งเป็นพลังงานลบ

โลกต้องปรับสมดุลย์
ภูมิพลังงานของประเทศก็ต้องปรับ<WBR>สมดุลย์​

สิ่งที่มากไปต้องเอาออก สิ่งที่น้อยไปต้องเติมเต็ม
คงบอกได้แบบว่า
มีนาทมิฬจะตามมาด้วยสงกรานต์เลื<WBR>อด และ
พฤษภาห่า(โรคระบาด)ลง ด้วยประการะฉะนี้​

โดย Piyacheep S.Vatcharobol​

ที่มา http://www.facebook.com/Piyacheep​

 

ข้อความนี้เป็นความจริง ขอเพียงแค่คนในพื้นที่พลิกชีวิตนิดเดียว
ด้วยการรักษาศีล 5 จะผ่อนภัยพิบัติได้ในทันที
ขณะเดียวกัน หากศีลขาดเมื่อใด ก็ก่อให้เกิดภัยได้ในทันทีเช่นกัน
ดังคำที่พระอาจารย์รัตน์ ท่านกล่าวไว้
ว่าในขณะนี้ พลังงานบวกในโลกของเรานั้นหมดไปแล้ว
(ขอโทษ ไม่เข้าใจเรื่องปราณกับมโนธาตุจริง ๆ )
ที่มีอยู่มีค่าความเป็นกลางและค่อนข้างไปทางลบ
เพราะฉะนั้นหากกระทำการใด ๆ ไม่ว่าจะชั่วหรือดี
ค่อนข้างจะส่งผลในทันที

 

เผยรอยแยก “เขานมสาว”เกิดจากหินยกตัว-อาจเชื่อมรอยแยกระนอง-คลองมะรุ่ย​

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>24 กุมภาพันธ์ 2555 11:28 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>


<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400><TBODY><TR><TD vAlign=top width=400 align=middle> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>

เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบรอยแยกบนเขานมสาว อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา​

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>พังงา - ผอ.สำนักงานทรัพยากร เขต 4 (สุราษฎร์ธานี) เผยรอยแยกบนภูเขา “นมสาว”จ.พังงา เกิดจากการยกตัวของภูเขาหรือการแทรกตัวของหินแกรนิตที่อยู่ใต้ชั้นหินเดิมดันขึ้น พร้อมเสนอหน่วยงานเตรียมศึกษารอยแยกเขานมสาวอาจเชื่อมโยงกับรอยเลื่อนระนอง และรอยเลื่อนคลองมะรุ่ยที่มีอยู่เดิม

เมื่อเวลา 09.00 น.วันนี้ ( 24 ก.พ.) นายธวัชชัย เทพสุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากร เขต 4 (สุราษฎร์ธานี) กล่าวว่า จากที่ได้เดินทางพร้อมเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญไปตรวจสอบรอยแยกบนภูเขานมสาว บ้านบางด้ง ต.บางนายสี อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา เพื่อหาสาเหตุ พบว่าเกิดจากการยกตัวของภูเขาหรืออาจเกิดจากการแทรกตัวของหินแกรนิตที่อยู่ใต้ชั้นหินเดิมดันขึ้นมาทำให้หินที่อยู่ส่วนบนเป็นแนวรอยแตก และรอยที่พบเป็นรอยที่เกิดขึ้นมานานแล้ว

สำหรับบริเวณที่เกิดรอยแยกก็ถือว่าเป็นจุดอ่อน ง่ายต่อการกระทบกระเทือนจากแรงสั่นสะเทือนที่เกิดจากแผ่นดินไหวรุนแรงมากกว่าจุดอื่น จึงทำให้เกิดความเสียหายมากกว่าจุดอื่น แต่จากการไปสังเกตพบว่าเป็นพื้นที่บนภูเขาซึ่งประชาชนไม่ได้ไปใช้ประโยชน์เป็นประจำ คาดว่าพื้นที่ที่ไปพบยังไม่น่าที่จะเกิดหินถล่ม เพราะมีต้นไม้ขนาดใหญ่จำนวนมากที่ค่อยยึดติดอยู่

ต่อจากนี้ไปทางเจ้าหน้าที่ทรัพยากรธรณีได้นำเรื่องนี้ไปหารือกับทางคณะอาจารย์สงขลานครินทร์ เรื่องการติดตั้งเครื่องมือตรวจวัดแผ่นดินไหวในพื้นที่เพิ่มเติม ซึ่งทางมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์มีเครื่องมือแบบพกพา สามารถติดตั้งในพื้นที่ตามความเหมาะสม ร่วมกับเครื่องของกรมทรัพยากรธรณีที่มีอยู่แล้ว 1 จุด อยู่ที่ อ.วิพาวดี จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อจะได้มีข้อมูลเพิ่มเติมมากขึ้น ทำให้ศึกษาความลึกของจุดศูนย์กลางได้ชัดเจนมากยิงขึ้น

สำรับรอยเลื่อนใน จ.พังงา มี 2 รอยเลื่อน คือ รอยเลื่อนระนอง และรอยเลื่อนคลองมะรุ่ย ที่วางแนวตะวันออกเฉียงเหนือ ตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งในบริเวณนี้ยังมีรอยเลื่อนสาขาของรอยเลื่อนใหญ่นี้ด้วย เมื่อเกิดแผ่นดินไหวก็ต้องส่งผลกระทบถึงกันทั้งหมด อย่างไรก็ตามต่อจากนี้จะมีทางเจ้าหน้าที่ลงไปแนะชาวบ้านให้รับมือกับแผ่นดินไหว ซึ่งชาวบ้านเองก็ต้องปฏิบัติได้ถูกต้องด้วย





</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400><TBODY><TR><TD vAlign=top width=400 align=middle> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>

รอยแยกเขานมสาว อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา​

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
]South - Manager Online -

 

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>24 กุมภาพันธ์ 2555 02:04 น.</TD><TD vAlign=center align=left></TD></TR></TBODY></TABLE>

เอเอฟพี - นายซิมอน เปเรซ ประธานาธิบดีอิสราเอล เตือนอิหร่านเมื่อวันพฤหัสบดี (23) รัฐยิวแห่งนี้ยังไม่ตัดความเป็นไปได้ในทุกทางเลือกเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่่าน ในนั้นรวมไปถึงการใช้กำลังทหารด้วย

“รัฐอิสราเอลเป็นรัฐเอกราช เรามีสิทธิ์และแสนยานุภาพในการปกป้องตนเองจากภัยคุกคามใดๆ” ผู้นำของอิสราเอลกล่าวผ่านสถานีวิทยุทหาร “เมื่อเราบอกว่าทุกทางเลือกวางอยู่บนโต๊ะ เราก็หมายความเช่นนั้นจริงๆ”

รายงานข่าวของหนังสือพิมพ์ Haaretz เมื่อวันพฤหัสบดี (23) ระบุว่า เปเรซคัดค้านการโจมตีอิหร่าน โดยบอกว่าผู้นำรายนี้เตรียมบอกกับประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ ระหว่างเยือนวอชิงตันในเดือนหน้าว่าเขาไม่เห็นด้วยที่อิสราเอลจะบุกถล่มอิหร่านในอนาคตอันใกล้นี้

อย่างไรก็ตาม ระหว่างการกล่าวผ่านรายการวิทยุ นายเปเรซปฏิเสธรายงานข่าวดังกล่าวและบอกว่า “ผมไม่เคยพูดกับใครมาก่อนเลยว่าผมจะบอกกับผู้นำสหรัฐฯ แบบนั้น” เขากล่าว

คำขู่ของ เปเรซ มีออกมาท่ามกลางการคาดเดาต่างๆ นานาถึงความเป็นไปได้ที่อิสราเอลจะโจมตีอิหร่าน หลังประชาคมนานาชาติส่วนใหญ่เชื้อว่าเตหะรานใช้โครงการพลังงานนิวเคลียร์ปิดซ่อนแผนสร้างอาวุธนิวเคลียร์เอาไว้

อิหร่านปฏฺิเสธข้อกล่าวหาเหล่านั้นโดยบอกว่าโครงการดังกล่าวเป็นโรงงานไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ อย่างไรก็ตาม ประชาคมนานาชาติไม่เชื่อเช่นนั้น และได้ออกมาตรการคว่ำบาตรกดดันเตหะรานหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่อิสราเอลก็ได้รับคำเตือนจากยุโรปและสหรัฐฯ เป็นระยะๆ ให้หลีกเลี่ยงทางเลือกโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่าน

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>โอบามาขอโทษหลังคาร์ไซลั่นมะกันต้องรับผิดชอบเหตุ"เผาอัลกุรอาน"</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=40><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>24 กุมภาพันธ์ 2555 03:31 น.</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500><TBODY><TR><TD vAlign=top width=500 align=middle> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ชาวอัฟกานิสถานประท้วงเหตุทหารสหรัฐฯเผาพระคัมภีร์อัลกุรอาน จนนำมาซึ่งเหตุรุนแรงจนมีผู้เสียชีวิตแล้วหลายสิบคน</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE> เอเอฟพี - ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ส่งหนังสือถึง ฮามิด คาร์ไซ เมื่อวันพฤหัสบดี(23)เพื่อขอโทษถึงเหตุเหตุเผาพระคัมภีร์อัลกุรอาน ณ ฐานทัพแห่งหนึ่งอันเป็นชนวนประท้วงนองเลือดต่อเนื่อง 3 วันในอัฟกานิสถาน ไล่เลี่ยกับที่ประธานาธิบดีฮามิด คาร์ไซ ประกาศลั่นเจ้าหน้าที่อเมริกันต้องรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

เจ้าหน้าที่ของทำเนียบประธานาธิบดีอัฟกานิสถานเผยว่าภายในหนังสือดังกล่าว โอบามา บอกว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นโดยไม่ได้เจตนาและให้คำรับประกันว่าจะดำเนินการสอบสวนอย่างเต็มที่ ขณะที่เหตุประท้วงต่อต้านสหรัฐฯในอารมณ์ที่เดือดดาลได้ลุกลามไปทั่วประเทศและคร่าชีวิตผู้คนไปแล้วอย่างน้อย 14 ราย ในนั้นรวมไปถึงทหารอเมริกา 2 นาย

"ผมขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งสำหรับเหตุการณ์นี้" โอบามา เขียนหนังสือขอโทษส่งถึงคาร์โซผ่าน ไรอัน ครอคเกอร์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำอัฟกานิสถาน "ผมอยากกล่าวคำขอโทษจากใจไปถึงคุณและประชาชนชาวอัปฟานิสถาน"

"ความผิดพลาดนี้เกิดขึ้นโดยไม่ตั้งใจ ผมให้คำรับประกันแก่คุณว่าเราจะใช้มาตรการพิเศษเพื่อไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นซ้ำอีก ในนั้นรวมไปถึงเอาตัวคนผิดมาลงโทษ" โอบามาระบุในหนังสือ

โอบามาส่งหนังสือขอโทษถึง คาร์ไซ พร้อมๆกับที่ประธานาธิบดีรายนี้บอกกับสมาชิกรัฐสภาอัฟกานิสถานว่าเจ้าหน้าที่สหรัฐฯรายหนึ่งต้องรับผิดชอบต่อการกระทำที่ไง่เขลาจากการเผาพระคัมภีร์

เหตุเผาพระคัมภีณ์อัลกุรอาน ณ ฐานทัพสหรัฐฯแห่งหนึ่งในเมืองบากรัม ทางเหนือของคาบูล จุดชนวนการประท้วงต่อต้านอเมริกาอันดุเดือดและส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 12 ราย

ขณะเดียวกันทหารสหรัฐฯ 2 นายก็ตายจากเหตุรุนแรงนี้เช่นกัน เมื่อถูกสหายทหารอัฟกันรายหนึ่งหันกระบอกปืนมาสาดกระสุนใส่ขณะที่ผู้ชุมนุมกำลังบุกเข้าไปยังฐานทัพสหรัฐฯอีกแห่งในจังหวัดนันการ์ฮาร์ ทางตะวันออกของประเทศเมื่อวันพฤหัสบดี(23)

"ระหว่างที่ผู้ประท้วงกำลังบุกไปถึงฐานทัพสหรัฐฯที่นั่น ทหารอัฟกันในฐานเดียวกันนั้นก็เปิดฉากยิงเข้าใส่ทหารของสหรัฐฯ ส่งผลให้มีนายทหารเสียชีวิต 2 นาย" เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเผย พร้อมระบุว่ามือปืนได้หลบหนีไปท่ามกลางฝูงชน ขณะเดียวกันก็มีผู้ประท้วงเสียชีวิต 2 รายและบาดเจ็บ 6 คน หลังถูกทหารต่างชาติยิงตอบโต้กลับไป

เหตุโจมตีดังกล่าวมีขึ้นไม่กี่ชั่วโมงหลังจากพวกนักรบตอลิบันออกมายุแหย่เร่งเร้าให้ชาวอัฟกานิสถานฆ่าทหารต่างชาติเพื่อแก้แค้นต่อเหตุเผาพระคัมภีร์

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

พบงูเห่าเชื่องอาศัยอยู่ใต้ถุนที่ว่าการอำเภอพระสมุทรเจดีย์ แม่ค้านำเนื้อหมูชิ้นมาวางให้กินทุกวัน เพราะเชื่อว่าเป็นงูเห่าเจ้าที่
คนที่เห็นงูเห่าตัวนี้เป็นคนแรก คือ นางสำรวย ชัยธนาวิสุทธิ์ อายุ 50 ปี แม่ค้าร้านอาหารข้างที่ว่าการอำเภอพระสมุทรเจดีย์ เล่าว่าเห็นงูเห่าตัวนี้โผล่มาทางด้านหลัง ตกใจจึงคว้าหมูชิ้นที่หั่ไว้ทำกระเพราหมูขว้างลงพื้นเพื่อไล่งูเห่าออกไป แต่งูเห่ากลับไม่ทำอะไร และไม่แผ่แม่เบี้ย กลับเลื้อยมากินชิ้นหมูที่ขว้างลงไป ประมาณ 5 ชิ้น ก่อนที่จะเลื้อยลงไปในโพรงใต้ที่ว่าการอำเภอพระสมุทรเจดีย์
หลังจากนั้นในเวลาเดียวกันงูตัวนี้จะโผล่ออกมาที่เดิมทำให้ผู้ที่มาติดต่อราชการที่อำเภอพระสมุทรเจดีย์ต่างตกใจ ตนจึงวิ่งไปดูพบว่าเป็นงูเห่าตัวเดิมออกมานอนขดโดยไม่ทำอันตรายใคร จึงยิบหมูชิ้นมาโยนให้งูเห่าอีกครั้งปรากฏว่างูเห่าตัวนั้นก็เลื้อยมากินเนื้อหมูที่ให้เป็นครั้งที่ 2 จึงพูดคุยกับงูเห่าตัวดังกล่าว ให้แผ่แม่เบี้ย งูตัวนั้นก็ชูคอแผ่แม่เบี้ยให้กับคนที่ยืนมุงดูกว่า 20 สายตา ทำให้เจ้างูเห่านี้ดังไปทั่วอำเภอพระสมุทรเจดีย์ มีคนทยอยนำหมูชิ้นมาให้งูเห่าช่วงบ่ายทุกวัน จนเป็นที่รักไคร่ของคนผ่านไปมาเพราะหลายคนเชื่อว่าอาจจะเป็นงูเจ้าที่ จึงไม่มีใครกล้าจับไป
ขอบคุณภาพและข่าวจาก ครอบครัวข่าว
Mthai News

เกาะติดทุกข่าวเด่น ประเด็นร้อน ในรอบวันกับ Mthainews บน facebook คลิ๊กเลย
ติดต่อทีมข่าว MThai News : news@mthai.com

แท็ก : งูเห่า

 

<TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD> "สมิทธ"ทำนายอนาคตไทย "สึนามิ" ถล่มใต้อีกรอบ </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>ที่ รพ.ราชวิถี วันนี้ ( 24 ก.พ.) ดร.สมิทธ ธรรมสโรช ประธานกรรมการมูลนิธิเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ

บรรยายพิเศษเรื่อง “ภัยพิบัติทางธรรมชาติและสถานการณ์ภัยพิบัติของโลกในอนาคต” ในการประชุมวิชาการ รพ.ราชวิถี ตอนหนึ่งว่า โลกมีชั้นบรรยากาศโอโซนอยู่สูงจากโลกประมาณ 40-50 กม. ทำให้มนุษย์ปลอดภัยจากแสงอุลตราไวโอเลต นอกจากนี้ยังมี สนามแม่เหล็กป้องกันอุกาบาตรที่จะมากระทบผิวโลก นักวิทยาศาสตร์วิเคราะห์ว่า โลกเหมือนกับลูกข่างที่กำลังจะหมดแรงหมุน โดยมนุษย์ทำให้ลูกข่างหยุดหมุนเร็วขึ้น โดยเฉพาะประเทศจีนมีการสร้างเขื่อนเก็บน้ำใหญ่ที่สุดในโลก เหมือนเอาดินน้ำมันไปแปะบนหัวลูกข่าง ส่วนประเทศอียิปต์ก็สร้างเขื่อนในลักษณะเดียวกัน นักวิทยาศาสตร์เชื่อกรณีของ 2 ประเทศจะทำให้โลกล่มสลายเร็วขึ้น

ดร.สมิทธ กล่าวต่อว่า ที่น่าห่วง และอาจจะกระทบกับประเทศไทย คือ การระเบิดของภูเขาไฟใต้มหาสมุทรที่มองไม่เห็น

หากมีขนาดใหญ่มากจะดันให้เปลือกโลกใต้มหาสมุทรยกตัว และอีกข้อมูลที่เริ่มมีการพูดถึงกันคือ พายุสุริยะจากการระเบิดของผิวดวงอาทิตย์ หากสนามแม่เหล็กไม่สามารถต้านทานได้จะเกิดผลกระทบกับโลก นอกจากนี้การเคลื่อนตัวขนตัวของเปลือกโลกรุนแรงจะทำให้เกิดแผ่นดินไหว ประเทศไทยมีรอยเลื่อนอยู่ 13 รอยส่วนใหญ่อยู่ทางภาคเหนือ ภาคตะวันตก และภาคใต้ โดยภาคเหนือไล่ตั้งแต่ เชียงใหม่ เชียงราย อุตรดิตถ์ ภาคตะวันตกก็น่าเป็นห่วง เขื่อนศรีนครินทร์ที่ไปสร้างเขื่อนทับรอยเลื่อนและเคยเกิดแผ่นดินไหวหลายครั้งบริเวณรอยเลื่อน การที่เขื่อนดังกล่าวเก็บกักน้ำไว้ถึง 17,000 ล้านลูกบาศก์เมตรไปทับรอยเลื่อนจะทำให้เกิดแผ่นดินไหวได้ง่าย อย่างไรก็ตามพื้นที่ต้องระวัง คือ พื้นที่ไหนในประเทศไทยมีบ่อน้ำพุร้อนต้องระวัง


ดร.สมิทธ กล่าวว่า กรุงเทพฯตั้งอยู่บนดินเหลวเหมือนเม็กซิโก หากมีแผ่นดินไหวห่างออกไป 200-300 กม.

แผ่นดินจะมีการขยายตัวได้ ดังนั้นถ้าเกิดแผ่นดินไหวห่างกรุงเทพฯ 200-300 กม. อาจส่งผลกระทบกับตึกรามบ้านช่อง ทาวเฮาส์ ที่โครงสร้างไม่แข็งแรง ประเทศไทยไม่มีระเบียบควบคุมการก่อสร้าง ใครอยากสร้างอะไรก็สร้าง กรมโยธาธิการยังไม่ออกกฎหมายมาควบคุม


“น้ำท่วมในช่วงที่ผ่านมา ความจริงมีพายุเข้าเพียงลูกเดียว ส่วนอีก 3-4 ลูกเป็นหางพายุที่มีน้ำปริมาณน้ำฝนมากกว่าปกติ โดยพายุสุริยะเข้ามากระทบทำให้เกิดความชื้นสูง ฝนจึงตกมาก ปริมาณน้ำในเขื่อนสูงมากและปล่อยน้ำออกมาพร้อมกันทำให้น้ำท่วม” ดร.สมิทธ กล่าว


ดร.สมิทธ กล่าวด้วยว่า ในอนาคตขอทำทายว่า จะเกิดสินามิแน่นอน

จุดที่เกิดมี 2 จุด คือ ระหว่างหมู่เกาะอันดามันไปจนถึงปากแม่น้ำอิรวดี และบริเวณอ่าวไทย ส่งผลให้จังหวัดทางภาคใต้ได้รับผลกระทบ ทั้งนี้หากจะมีภัยธรรมชาติเกิดขึ้น รัฐบาลจะต้องออกมาตรการเตือนภัยผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจอย่างน้อยล่วงหน้า 2-3 วัน ส่วนภาวะโลกร้อนนั้นประเทศไทยเคยมีอุณภูมิสูงสุด 42.5 องศาที่ จ.ลำปางในปีที่แล้ว และมีสถิติ 16 รายเสียชีวิตจากภาวะโลกร้อนแต่ปีนี้ไม่รู้ว่าจะมีภาวะโลกร้อนหรือไม่ แต่ที่แน่ ๆ ภาวะโลกร้อนทำให้น้ำทะเลร้อนขึ้นและมีพายุเกิดขึ้นมาก
<!-- /.content --><!-- START: Facebook Share -->
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD> "สมิทธ" ดันสร้าง "เขื่อนกั้นน้ำทะเล" ป้องกันกทม. สมุทรปราการ สมุทรสาคร นครปฐม จมบาดาล </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>ออกมาพูดเตือน-ให้ข้อมูลประเมินความเสี่ยงทางวิชาการด้ายภัยธรรมชาติทีไร อันต้องกลายเป็น "ข่าวสาร" ที่คนในสังคมไทยต้องเงี่ยหูรับฟังกันให้ดีๆ เพื่อความไม่ประมาท!

ไม่ใช่ใครที่ไหน ดร.สมิทธ ธรรมสโรช ประธานกรรมการมูลนิธิสภาเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ซึ่งปัจจุบันนั่งควบตำแหน่งคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.)


โดยครั้งล่าสุดเมื่อวานนี้ 23 ก.พ. 2555 ดร.สมิทธได้กล่าวระหว่างร่วมวงเสวนาเรื่อง " บทบาทและการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในการแก้ไขภัยพิบัติธรรมชาติ" ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ว่า

ถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยต้องนำ "บทเรียน" ภัยพิบัติร้ายแรงในอดีตมาศึกษาข้อถ่วงแท้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอยขึ้นอีก พร้อมกับออกตัวว่าที่ผ่านมาโดนด่าหนักๆ มาโดยตลอดเวลาพูดเตือนอะไรออกไปแล้วเกิดขึ้นบ้าง ไม่เกิดบ้าง..


แต่กระนั้นในครั้งนี้ ดร.สมิทธ ก็ยังมุ่งมั่นในวิถี "กันไว้ดีกว่าแก้" เสนอแนวคิดก่อสร้าง "เขื่อนกั้นน้ำทะเล" เพื่อป้องกันมหาอุทกภัยในอนาคตอีกด้วย โดยแนวคิดและข้อมูลที่ระบุในวงเสวนา มีดังนี้


ประเทศไทยเคยเกิดเหตุการณ์ภัยพิบัติที่ร้ายแรงมาแล้วหลายครั้ง แต่ไม่เคยนำมาเป็นบทเรียนหรือศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อไม่ให้เกิดเหตุซ้ำอีก ทั้งจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว สึนามิ


ล่าสุดกับมหาอุทกภัยที่เกิดขึ้นก็เกิดจากการบริหารงานที่ผิดพลาดของมนุษย์


ไม่ใช่เรื่องภัยธรรมชาติ


อาจจะมีคนเห็นว่าผมวิพากษ์วิจารณ์มากเกินไป ก็อยากให้ปลดจาก "กยน." จะได้วิจารณ์มากกว่านี้ แม้ตอนนี้จะยังไม่ปลด แต่ก็อาจปลดในอนาคตได้


ผมเคยเสนอหลายครั้งแล้วว่าการป้องกันน้ำท่วม จะต้องสร้าง เขื่อนกั้นน้ำทะเล จาก จ.ฉะเชิงเทรา ถึงชะอำ จ.เพชรบุรี ระยะทาง 96 ก.ม.


เนื่องจากปกติเมื่อเกิดอุทกภัยน้ำจากแม่น้ำหลักทั้ง 3 สาย คือ แม่น้ำท่าจีน แม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำบางปะกง จะต้องระบายน้ำลงสู่ทะเล


แต่หากน้ำทะเลหนุนสูงขึ้นมาสมทบกับปริมาณน้ำจำนวนมหาศาล อาจทำให้ระบายน้ำออกไม่ได้ ปริมาณน้ำก็จะเท่าเดิม เขื่อนที่สร้างนี้จะให้น้ำจืดในแม่น้ำไหลลงมาให้สุดในพื้นที่ที่เตรียมไว้


แล้วจึงเปิดประตูระบายน้ำออกในช่วงที่น้ำทะเลลดลง


นอกจากจะมีประโยชน์ด้านการบริหารจัดการน้ำแล้ว เขื่อนกั้นน้ำทะเล จะเป็น "เส้นทางการคมนาคมแห่งใหม่" จากภาคตะวันออกสู่ภาคใต้ โดยไม่ต้องผ่านกรุงเทพฯ


ทั้งหมดนี้ใช้งบประมาณเพียงแค่การก่อสร้างรถไฟฟ้า 1 สายเท่านั้น


หากไม่ทำ ภายในปี 2558 พื้นที่กรุงเทพฯ สมุทรปราการ สมุทรสาคร นครปฐม จะถูกน้ำท่วมถาวร เหมือนที่มหาวิทยาลัยฮาเวิร์ดเคยวิจัยไว้

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>เกือบทั่วทุกภูมิภาคอากาศร้อนตอนกลางวัน - อีสาน 26-28 ก.พ. มีฝนลมกระโชกแรง </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์ลักษณะอากาศประจำวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2555 เมื่อเวลา 04:00 น.

ลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออก ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอุณหภูมิสูงขึ้นโดยมีอากาศร้อนและฟ้าหลัวในตอนกลางวัน เว้นแต่ภาคเหนือยังคงมีอากาศหนาวเย็นในตอนเช้า อนึ่ง ในช่วงวันที่ 26-28 ก.พ. บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางระลอกใหม่จากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือและทะเลจีนใต้ ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงเป็นแห่งๆเกิดขึ้นในระยะแรก จากนั้นอุณหภูมิจะลดลง 2-3 องศา


พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.

ภาคเหนือ อากาศหนาวเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน ตอนบนของภาคอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-16 องศาเซลเซียส ตอนล่างของภาคอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 17-20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-38 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 6-12 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 10-25 กม./ชม.
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า และอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยอุณหภูมิจะสูงขึ้น 1-2 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 36-38 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
ภาคกลาง มีหมอกในตอนเช้า และอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยอุณหภูมิจะสูงขึ้นเล็กน้อย อุณหภูมิต่ำสุด 21-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 36-38 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.
ภาคตะวันออก มีหมอกในตอนเช้า และอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิจะสูงขึ้นเล็กน้อย โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีหมอกบางในตอนเช้า และอากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยอุณหภูมิจะสูงขึ้น 1-2 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.



</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD> </TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD> แค้นแทนพ่อบุกยิงกลางงานแต่ง-ญาติเจ้าภาพถูกลูกหลงดับ </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
เมื่อเวลา 21.30 น.วันที่ 23 ก.พ.ร.ต.อ.โอภาส ไชยบุญ ร้อยเวรฯ สภ.สิเกา รับแจ้งเหตุมีคนถูกยิงและแทงได้รับบาดเจ็บที่บ้านเลขที่ 145 หมู่ที่ 6 บ้านกลิ้งกลอง ต.นาเมืองเพชร อ.สิเกา จ.ตรัง

หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.อ.ธรรมนูญ ไตรทิพย์พงศ์ รอง ผบก.ภ.จว.ตรัง พ.ต.อ.นิรัตน์ ปานดำ ผกก.สส.ภ.จว.ตรัง ชุดสืบสวน สภ.สิเกา

เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ พบว่าบ้านหลังดังกล่าว มีการจัดงานแต่งงานของลูกนายสุเทพ ด้วงทอง โดยพบโต๊ะ เก้าอี้ ล้มระเนระนาด รวมทั้งจาน ชามและสิ่งของต่างๆ กระจายเกลื่อนพื้นปนกองเลือด ส่วนผู้บาดเจ็บทราบว่า มีจำนวน 3 คน ถูกนำส่ง รพ.ตรัง ก่อนหน้านี้ และในจำนวนนี้ได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา เนื่องจากทนพิษบาดแผลไม่ไหว ทราบชื่อนายอำนาจ คงเอียด อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 6 หมู่ที่ 5 ต.หนองตรุด อ.เมืองตรัง มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนลูกโม่ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นขนาด.38 เข้าที่บริเวณหน้าอก จำนวน 1 นัด ส่วนนายสหัส ด้วงทอง ถูกยิงด้วยอาวุธปืนชนิดเดียวกัน แต่ยังไม่ทราบเข้าที่บริเวณส่วนไหน และนายยุทธศาสตร์ ทิพย์ศรี มีบาดแผลถูกแทงด้วยอาวุธมีดปลายแหลมเข้าที่ลำตัว

จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุวันนี้ นายสุเทพ ด้วงทอง เจ้าของบ้าน ได้เชิญเพื่อนบ้านมาร่วมงานแต่งงานลูกของตัวเอง โดยขณะที่แขกเหรื่อที่มาร่วมงาน ต่างดื่มกินกันอย่างสนุกสนาน ระหว่างนั้นนายพงษ์ พ่อของนายยุทธศาสตร์ ซึ่งอยู่ในอาการมึนเมาสุรา ได้มีปากเสียงทะเลาะวิวาทกับแขกคนหนึ่งภายในงานเลี้ยง โดยไม่ทราบสาเหตุ จนถึงขั้นที่ทางเจ้าภาพได้เข้ามากราบขอร้องไม่ให้มีเรื่องกัน แต่ก็ไม่เป็นผล และยิ่งสร้างความไม่พอใจให้กับนายพงษ์เป็นอย่างมาก จึงได้โทรศัพท์ไปตามให้ลูกชายมาที่งานเลี้ยง

ทันทีที่นายยุทธศาสตร์มาถึง ก็ได้เดินถืออาวุธปืนตรงปรี่เข้ามาภายในงานเลี้ยง โดยไม่พูดพล่ามทำเพลง ก่อนจะใช้อาวุธปืนกราดยิงใส่แขกเหรื่อที่มาร่วมงานอย่างบ้าคลั่ง จนกระสุนปืนหมดโม่ เป็นเหตุให้นายอำนาจ ซึ่งเป็นญาติกับเจ้าภาพ ถูกลูกหลงจนเสียชีวิต ส่วนนายสหัส บาดเจ็บสาหัส ท่ามกลางเสียงกรีดร้องด้วยความตกใจของแขกเหรื่อที่มาร่วมงานกว่า 100 คน ต่างวิ่งหนีตายกันอย่างไม่คิดชีวิต โดยในช่วงที่กำลังชุลมุนกันอยู่นั้น ทันใดนั้นก็ไม่มีใครคาดคิดว่า จะมีคนในงานเลี้ยงได้ใช้อาวุธมีดปลายแหลมแทงนายยุทธศาสตร์ จนได้รับบาดเจ็บสาหัสล้มฟุบลงกับพื้น ก่อนจะถูกนำตัวส่ง รพ.ตรังในเวลาต่อมา

เบื้องต้นทางตำรวจสันนิษฐานสาเหตุที่มีคนถูกยิงและแทงจนได้รับบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตพร้อมกันในงานแต่งงานครั้งนี้ มาจากทะเลาะวิวาทในวงเหล้า โดยมีนายพงษ์เป็นต้นเหตุ ซึ่งหลังเกิดเหตุทาง พ.ต.อ.ธรรมนูญ ไตรทิพย์พงศ์ รอง ผบก.ภ.จว.ตรัง ได้สั่งให้ชุดสืบสวน สภ.สิเกา ติดตามหาอาวุธปืนของกลางและโทรศัพท์มือถือ เพื่อนำมาเป็นพยานหลักฐานดำเนินคดีกับนายยุทธศาสตร์แล้ว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเรียกผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์มาสอบปากคำ ส่วนผู้ที่ใช้อาวุธมีดแทงนายยุทธศาสตร์นั้น ขณะนี้ยังไม่ทราบว่าเป็นใคร เพราะขณะเกิดเหตุอยู่ในช่วงชุลมุน ทางตำรวจจะกันไว้เป็นพยาน

สำหรับนายยุทธศาสตร์ นั้น ทางตำรวจตรวจสอบพบว่ามีประวัติใช้มีดพร้าฟันหญิงสาวคนหนึ่งในพื้นที่จนเสียชีวิต และถูกศาลตัดสินจำคุก ก่อนจะพ้นโทษมาเมื่อวานนี้ และมาก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงแขกในงานแต่งงานจนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ส่วนตัวเองถูกแทงจนได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน



</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>