ปฏิจสมุปบาทโดยปริยัติ - โดยสภาวะ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ฐสิษฐ์929, 16 กรกฎาคม 2013.

  1. Aunyadham

    Aunyadham ธรรมใด เกิดขึ้นเพราะเหตุใด ย่อมดับที่เหตุนั้นแล

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2012
    โพสต์:
    441
    ค่าพลัง:
    +627
    หลวงปู่เคยเทศน์ไว้ว่าเหล่าบรรดาผู้ซึ่งจะสำเร็จธรรมเป็นพระอรหันต์นั้นในระหว่างที่อยู่ในสภาวะอรหันตมรรคนั้นก็ยังไม่ได้เชื่อพระพุทธองค์อย่างสนิทใจได้เลยยังมีความเคลือบแคลงสงสัยอยู่แม้จะน้อยมากแต่ก็ยังถือว่ามีอยู่ ต่อเมื่อบรรลุอรหันตผลแล้ว จึงหยั่งลงในตถาคตอย่างแท้จริงเเน่วแน่มั่นคงอย่างแท้จริง เป็นปัจจัตตัง แม้พระศาสดาก็ไม่ต้องถามใดๆอีกแล้ว ด้วยว่าในสามโลกนี้ไม่มีแล้วไม่ต้องถามผู้ใดอีกจบกิจพรหมจรรย์แล้ว แม้พระศาสดาท่านก็ยังทรงตรัสว่ายังเพิ่งเชื่อพระองค์แต่ฝ่ายเดียว ให้เธอลองปฏิบัติดูก่อนเมื่อรู้เองเห็นเองกับตัวแล้ว จึงจะเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งแทงตลอด.....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กรกฎาคม 2013
  2. รโชหรณัง

    รโชหรณัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    547
    ค่าพลัง:
    +732
    อจลศรัทธานั้นเกิดขึ้นตั้งแต่ โสดาบันบุคคลแล้วครับ ไม่มีเคลือบแคลงในองค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าครับ
     
  3. ฐสิษฐ์929

    ฐสิษฐ์929 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    876
    ค่าพลัง:
    +1,844

    พระโสดาบันเป็นผู้เข้าสู่กระแสพระนิพพาน เป็นผู้ที่เคารพศรัทธาต่อพระรัตนตรัยโดยบริบูรณ์ แต่ท่านก็ยังไม่รู้แจ้งแทงตลอด ยังมีสังโยชน์อีก ๗ ตัวที่ยังคล้องใจท่านอยู่ ให้พิจารณาตัวสังโยชน์ที่เหลือก็จะเข้าใจได้ทันทีเลยครับว่าท่านก็ยังมีความเคลือบแคลงสงสัยอยู่ พระสักกิทาคาและพระอนาคามีก็ยังมีสังโยชน์คล้องใจ ความเคลือบแคลงสงสัยก็ย่อมมี แม้นพระอรหันตมรรคท่านดับกิเลสได้ทั้งหมด ตัดขาดสังโยชน์ได้หมดสิ้นแล้วแต่ท่านยังไม่เกิดญาณหยั่งรู้แจ้งในอริยสัจสี่และปฏิจสมุปบาทท่านก็ยังเคลือบแคลงอยู่ เมื่อเกิดญาณหยั่งรู้ในอริยสัจสี่และปฏิจสมุปบาทและบรรลุถึงพระอรหันตผล ความเคลือบแคลงต่างๆจึงจะหมดสิ้นไป ความเคลือบแคลงนี้ไม่ใช่ว่าไม่เชื่อนะครับ เชื่ออยู่แต่ไม่สนิทใจ
    ตรงนี้ให้ท่านลองเปรียบเทียบกับตัวท่านเองโดยสมมุติว่ามีคนไปดูหนังเรื่องหนึ่งแล้วมาเล่าให้ท่านฟังและบอกท่านว่าดีอย่างนั้น สนุกอย่างนั้น คนที่บอกท่านก็เป็นคนที่น่าเชื่อถือมาก ท่านมั่นใจได้เลยว่าท่านผู้นี้ไม่ได้บอกล่าวในทางเท็จต่อท่านแต่อย่างใด ประกอบกับท่านเองก็ได้ดูตัวอย่างบางตอนแล้วด้วย ท่านเองก็เชื่อว่าหนังเรื่องนั้นก็น่าจะดีอย่างที่เขาบอก แต่หากท่านยังไม่ได้ดูหนังเรื่องนั้น ตัวท่านเองก็ต้องมีความเคลือบแคลงปรากฏอยู่ในใจอยู่ดี ว่ามันจะสนุกขนาดไหน สุดท้ายเมื่อได้ไปดูเองก็จึงจะหมดในความสงสัยเคลือบแคลงนั้นๆ หรือเปรียบเป็นเรื่องอื่นๆเช่นทานอาหารก็ได้ หากท่านยังไม่ได้ทานอาหารนั้นท่านก็ยังสงสัยว่ามันจะอร่อยขนาดไหน แม้นว่าท่านจะได้ชิมรสอาหารนั้นมาแล้วก็ตาม
    โดยเปรียบเทียบการได้ดูหนังหรือทานอาหารเปรียบเป็นพระนิพพาน การได้ดูตัวอย่างหนังบางตอนหรือชิมอาหารก็เปรียบเป็นผู้เข้ากระพระนิพพานครับ
    เจริญในธรรมครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กรกฎาคม 2013
  4. รโชหรณัง

    รโชหรณัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    547
    ค่าพลัง:
    +732
    ที่คุณกล่าวมานั้นแสดงว่าไม่เข้าใจในสังโยชน์.
    กิเลสในส่วนของสังโยชน์คือ กิเลสที่มีอยู่ในสันดานตน ไม่ใช่ภายนอก หากจะสงสัยเกิดขึ้นก็เป็นปัญหาข้อธรรม ที่เกิดจากธัมมวิจย ไม่ใช่สงสัยแบบคนไม่รู้ไม่เห็นมาก่อน ไม่ใช่สงสัยแบบกิเลส แต่เป็นความสงสัยว่า กิเลสตัวนั้นจะชำระอย่างไร ถอนอย่างไร จิตวนสู่ภายใน ไม่ใช่ไปภายนอก
    ดังนั้นความสงสัยในองค์พระศาสดาไม่มีแล้ว จิตวนเข้าสู่ตัวเอง ค้นหาตนเอง ตั้งแต่ชำระทิฏฐิคือ สังโยชน์ 3 ตัวแรกนะครับ.
     
  5. รโชหรณัง

    รโชหรณัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    547
    ค่าพลัง:
    +732
    การดับไปของกิเลสนั้น ประจักษ์ให้แรกเห็นตั้งแต่โคตรภูญาณแล้ว ว่สสมมติดับไปเป็นเช่นไร
    เมื่อทิฏฐิแจ่มชัดในการดับสมมติ แม้เพียงชั่วช้างกระดิกหูงูแลบลิ้น แต่ก็ทำให้บุคคลนั้น เห็นแนวทาง
    มีปัญญาเห็นสภาวะธรรมอันเหนือสมมติ. เมื่ออบรมปัญญาจนถึงมรรคแล้ว จะเห็นกิเลส เห็นเหตุแห่งทุกข์ละเอียด แต่ไม่ใช่ไม่เคยเห็นมาก่อน ทั้งนี้ก็เพราะใจเจ้าของดองมันไว้เอง พบเจอเองทุกวัน จะไม่เคยพบเจอมาก่อนได้อย่างไร เพียงแต่ปัญญาที่จะมองเห็นนั้นยังไม่แจ่มแจ้งซึ่งเจ้าตัวผผุ้เป็นพระอริยก็รู้ดีว่าตนนั้นยังไม่แจ้ง รู้ทั้งแจ้งและไม่แจ้งจะไปสงสัยอะไร ยิ่งสงสัยในพระพุทธองค์ยิ่งไม่ทีเพราะเดินตามรอยเท้าท่านเห็นประจักษ์ตามทุกฝีก้าว เห็นผลไปตามลำดับ
    ความสงสัยในรสอาหารจึงเป็นความสงสัยแบบโลกียะ
     
  6. hastin

    hastin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,116
    ค่าพลัง:
    +3,084
    ถกกันได้ น่ากลัว จริงๆ
     
  7. Aunyadham

    Aunyadham ธรรมใด เกิดขึ้นเพราะเหตุใด ย่อมดับที่เหตุนั้นแล

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2012
    โพสต์:
    441
    ค่าพลัง:
    +627
    คุณ รโชหรณัง ผมเรียนอย่างนี้ว่า สังโยชน์ทั้ง 10 ตัวนั้น และการคิดอย่างมีกิเลสนั้น มันจะเป็นเช่นไร การละสังโยชน์ได้ของพระอเสขบุคคล กับเสขบุคคลนั้นยังต่างกันอยู่มาก คนที่ดับกิเสสได้ซึ่งสภาวะและผลของสภาวะนั้นแล้ว จะแตกต่างอริยบุคคลผู้ซึ่งยังตัดกิเลสละสังโยชน์มากน้อยสักเพียงใด ท่านลองตรองดูเถิด ความเชื่อมั่นไม่ไหวหวั่นหรือสงสัยอะไรจะมีมากน้อยต่างกันแค่นี้เปรียบเทียบให้ฟังก็น่าจะพอเข้าใจได้ ผู้ซึ่งยังมีกิเลสอยู่ยังปรุงแต่งอยู่จะมีสภาวะรองรับได้ถึงขนาดที่ท่านกล่าวมานั้น ฟังดูก็ไม่สมเหตุสมผลไม่เข้าทีเอาเสียเลย ในพระไตรปิฏกอาจจะบอกว่า พระอริยบุคคลนั้น กับผู้ซึ่งบรรลุอรหันตผลนั้นมีความแตกต่างกันเหมือนจะไม่มาก แต่ผู้ซึ่งบรรลุอรหันตผลแล้วไซร้โดยสภาวะและผลของท่านนั้นแตกต่างกันอยู่โดยมาก โดยสภาวะ ถ้าท่านยังยืนกรานอยู่ แสดงว่าท่านรู้ใช่หรือไม่ว่าสภาวะโสดา สกิทา อนาคามี เป็นเช่นไร หรือว่าท่านได้ผ่านสภาวะเหล่านั้นมาแล้ว ?
     

แชร์หน้านี้

Loading...