ติดตามสถานะการณ์

ยืนยันกรณี Coronavirus COVID-19 ในสหรัฐอเมริกา: 1,301 ราย
ผู้เสียชีวิตในสหรัฐฯ: 38 ราย
รายใหม่วันนี้: 307 ราย
ตั้งแต่วันที่ 11 มีนาคม 2020, 19:40 น. EDT

Confirmed Coronavirus COVID-19 cases in the U.S: 1,301
Deaths in the US: 38
New cases today: 307
As of March 11, 2020, 7:40 PM EDT

 

John Traczyk

11 มีนาคม 2020 ตำรวจแห่งชาติฟิลิปปินส์ (PNP) จะจัดเจ้าหน้าที่ประมาณ 40,000 คน หากกรมอนามัย (DOH) พิจารณาว่าจำเป็น ที่จะต้องให้มะนิลาและส่วนที่เหลือของภูมิภาคเมืองหลวงแห่งชาติถูกกักกันเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของ COVID-19 .

ในส่วนของกองทัพฟิลิปปินส์ (AFP) พร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือตำรวจเมื่อมีการดำเนินการกักกัน

..ความตื่นตระหนกในมะนิลา ประชาชนบางราย หนีไปยังเขตชนบท เนื่องจากการเสียชีวิตของชาวฟิลิปปินส์คนแรกและมีผู้ป่วย 49 ราย

ซูเปอร์มาร์เก็ตเต็มไปด้วยผู้ซื้อที่ซื้อสินค้า กระดาษชำระ เบียร์ หลังจากที่ประธานาธิบดีได้กล่าวสุนทรพจน์ เพื่อสร้างความมั่นใจแก่ประชาชน บางคนกำลังออกจากเมืองหลวงในขณะที่หน่วยงานด้านสุขภาพเตรียมที่จะกำหนดให้มีการปิดการใช้งานหากการส่งสัญญาณในพื้นที่ไม่สามารถควบคุมได้

March 11, 2020. The Philippine National Police (PNP) will deploy about 40,000 police officers should the Department of Health (DOH) consider it necessary to put Manila and the rest of the National Capital Region on lockdown to prevent the spread of COVID-19.

For its part, the Armed Forces of the Philippines (AFP) is ready to extend assistance to the police once a lockdown is implemented.

Panic buying in Manila, some flee to countryside as first Filipino fatality confirmed and cases rise to 49.

Supermarkets were packed with shoppers buying items from toilet paper to beer after the president gave a speech meant to reassure residents. Some people are leaving the capital as health authorities prepare to impose lockdowns if local transmissions get out of control.

https://coconuts.co/manila/news/pnp...bAExgzZK6wgR9bSzjxEYiGH6WNSKas-dZcyiORV2p2X70

https://www.scmp.com/week-asia/heal...TzNNBocOXap7zxs06_Q5BCyOWM_5Vd1ekSEnLTbJDbVMc

 

Coronavirus จริงจังแค่ไหน? ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อ michael osterholm อธิบาย Osterholm กล่าวว่าสหรัฐฯเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้กับ coronavirus เนื่องจากการขาดแคลนอุปกรณ์และอุปกรณ์ เขาพูดถึงความจริงที่หายนะเกี่ยวกับการระบาดของ covid-19 นี้กำลังจะนำมา 10 มีนาคม 2563.

 

หุ้นไทย ดัชนีหุ้นวันนี้ ตลาดหุ้นไทยหุ้นไทยรูดหนัก 118 จุด
12 มี.ค. 2020 - 12:05 น.

หุ้นไทย ดัชนีหุ้นวันนี้ ตลาดหุ้นไทยหุ้นไทยรูดหนัก 118 จุด จากรายงานชี้เปิดตลาดหุ้นไทยเช้าวันนี้ ดัชนีฯปรับตัวร่วง 65.73 จุด มาอยู่ที่ระดับ 1,184.16 จุด ลดลง -5.26% มูลค่าการซื้อขาย 7,069.98 ล้านบาท

12 มี.ค. 2563 สำหรับดัชนีหุ้นวันนี้ SET100 เปิดที่ 1,699.41 จุด ลดลง -113.84 จุด หรือ -6.28%, SET50 เปิดที่ 769.29 จุด ลดลง -53.70 จุด หรือ -6.52% และ mai เปิดที่ 251.37 จุด ลดลง -5.73 จุด หรือ -2.23%

ความเคลื่อนไหวเปิดซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ ตลาดหุ้นไทย ปรับตัวลดลงกว่า 118 จุด ทำให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ตัดสินใจใช้มาตรการ Circuit Breaker หรือ หยุดทำการซื้อขายโดยอัตโนมัติเป็นการชั่วคราว เป็นระยะเวลา 30 นาที

หุ้นวันนี้ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุคาดดัชนีฯปรับตัวลงตามปัจจัยการลงทุนที่เป็นลบ โดยมีสถานการณ์ระบาดของเชื้อไวรัส COVID19 ถ้าสถานการณ์ยังระบาดหนักคาดเศรษฐกิจโลกมีโอกาสหดตัวสูงในปีนี้ ส่วนราคาน้ำมันดิบยังผันผวนและมีโอกาสอ่อนตัวลง

นักลงทุนควรจับตาว่ากลุ่ม OPEC+ในการให้ความร่วมมือกันสร้างสมดุลในตลาดน้ำมันดิบจึงยังไม่ควรลงทุน แนะถือเงินสดรอ และติดตามสถานการณ์หลังทำกำไรบางส่วนไปแล้วบริเวณ 1,400 จุดสัปดาห์ก่อน โดยเมื่อเวลา 10.37 น นักลงทุนยังเทขายหุ้นออกมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ดัชนีหุ้นไทยลดลงถึง 85.98 จุด มาที่ 1,163.91 จุด หรือ 6.88% มูลค่าการซื้อขาย 22,560 ล้านบาท

คืบหน้าล่าสุด ณ เวลา 11.36 น. ตลาดหุ้นไทยวันนี้ดิ่งลงมาอยู่ที่ระดับ 1,142.75 จุด ลดลง 103.48 จุด หรือกว่า 8.11% มูลค่าการซื้อขาย 45,604.14 ล้านบาท ส่งผลให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)ต้องใช้มาตรการหยุดทำการซื้อขายโดยอัตโนมัติเป็นการชั่วคราว (Circuit Breaker) เป็นเวลา 30 นาที

https://www.springnews.co.th/economics/629848

 

อินเดียประกาศ “ปิดประเทศ” ระงับวีซ่าท่องเที่ยวทั้งหมด
เผยแพร่: 12 มี.ค. 2563 12:28 โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เอเจนซีส์ – อินเดียในวันนี้ (12) ประกาศยกระดับมาตรการป้องกันเชื้อไวรัสโคโรนาด้วยการสั่งห้ามชาวต่างชาติเข้าประเทศ และระงับวีซ่าท่องเที่ยวทั้งหมด ภายหลังยอดผู้ติดเชื้อภายในประเทศเพิ่มเป็น 60 ราย และองค์การอนามัยโลกประกาศให้ยกระดับการแพร่ระบาดของโควิด 19 เป็นระดับการแพร่ระบาดไปทั่วโลก (pandemic)

ประกาศดังกล่าวออกมาหลังจากเมื่อเย็นวันพุธ (12) รัฐบาลอินเดียจัดการประชุมเร่งด่วนระหว่างกระทรวงต่างๆ ได้แก่ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ ฯลฯ เพื่อแสวงหามาตรการในการป้องกันปัญหาร่วมกัน โดยผลจากการประชุมมี 6 ประเด็นสำคัญ ดังนี้

1. วีซ่าทั้งหมดที่เคยให้ไปกับประชาชนต่างสัญชาติทั้งหลายนั้นให้ระงับไปจนถึงวันที่ 15 เมษายน 2563 โดยให้มีผลบังคับใช้ในช่วง 12 นาฬิกา ของวันที่ 13 มีนาคม 2563 ในทุกช่องทางที่ชาวต่างชาติจะเดินทางมาอินเดีย ทั้งนี้ให้มาตรการนี้ยกเว้นกับวีซ่าทางการทูต วีซ่าทางการ วีซ่าสำหรับสหประชาชาติและองค์การระหว่างประเทศ วีซ่าทำงาน และวีซ่าโครงการ

2. วีซ่าสำหรับชาวต่างชาติที่อยู่ในประเทศอินเดียแล้วนั้นให้ยังคงอยู่ได้ แต่ต้องติดต่อสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง FRRO/FRO ที่ใกล้ที่สุดผ่านระบบ e-FRRO สำหรับการอยู่ต่อ

3. วีซ่าท่องเที่ยวฟรีที่รัฐบาลให้กับกลุ่มคนที่ถือบัตรอินเดียโพ้นทะเลจะถูกระงับเช่นเดียวกันไปจนถึงถึงวันที่ 15 เมษายน 2563 โดยให้มีผลบังคับใช้ในช่วง 12 นาฬิกา ของวันที่ 13 มีนาคม 2563 ในทุกช่องทางที่ชาวต่างชาติจะเดินทางมาอินเดีย

4. สำหรับชาวต่างชาติที่ต้องการเดินทางมายังอินเดียอย่างมากด้วยเหตุผลความจำเป็นใด ให้ติดต่อสถานทูตหรือสถานกงสุลในการออกวีซ่าให้เป็นกรณีพิเศษตามความจำเป็น

5. สำหรับผู้ที่กำลังเดินทางมายังอินเดีย รวมถึงชาวอินเดีย ที่มีประวัติการเดินทางมาจากจีน อิตาลี อิหร่าน เกาหลี ฝรั่งเศส สเปน และเยอรมัน ภายหลังวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ต้องถูกกักตัวอย่างน้อย 14 วัน โดยให้มีผลบังคับใช้ในช่วง 12 นาฬิกา ของวันที่ 13 มีนาคม 2563 ในทุกช่องทางที่ชาวต่างชาติจะเดินทางมาอินเดีย

6. ทุกช่องทางการการเดินทางระหว่างประเทศในเขตพรมแดนของอินเดียทั้งหมดจะได้รับการตรวจตราอย่างเข้มงวดในการผ่านแดน โดยเฉพาะการตรวจทางการแพทย์ ซึ่งจะมีรายละเอียดแจ้งต่อไปโดยกระทรวงมหาดไทย

https://mgronline.com/around/detail...L9jc4_3XTYB-fT4fk5Y7iaP_tSwjjAYxo3g74G64m6gSc

 

หัวหมุน! ตลาดพลิกอีกตลบหลัง WHO ให้โควิด-19 เป็นโรคระบาดใหญ่ ดาวโจนส์ร่วง 1,400 จุด, น้ำมันดิ่ง $1.5 เผยแพร่: 12 มี.ค. 2563 05:06 ปรับปรุง: 12 มี.ค. 2563 09:57 โดย: ผู้จัดการออนไลน์


รอยเตอร์/มาร์เกตวอตช์ - วอลล์สตรีทปิดลบหนักในวันพุธ (11 มี.ค.) โดยดาวโจนส์ร่วงลงกว่า 1,300 จุด หลังองค์การอนามัยโลกประกาศให้โควิด-19 เป็นโรคระบาดใหญ่ ส่วนน้ำมันดิ่งลงราว 1.5 ดอลลาร์ ถูกซ้ำเติมจากข้อมูลคลังปิโตรเลียมสำรองของสหรัฐฯ ขณะที่ทองคำดิ่งแรง

ดาวโจนส์ ลดลง 1464.94 จุด (5.86 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 23,553.22 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 140.85 จุด (4.89 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,741.38 จุด แนสแดค ลดลง 392.20 จุด (4.70 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 7,952.05 จุด

หลังจากพุ่งขึ้นกว่า 1,000 จุด หนึ่งวันก่อนหน้านี้ ดาวโจนส์กลับมาปิดลบหนักอีกครั้ง ถูกฉุดจากความเคลื่อนไหวขององค์การอนามัยโลกที่ประกาศให้ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เป็นการระบาดใหญ่ หลังจากมันลุกลามไปทั่วโลก

เทดรอส แอดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก แถลงกับผู้สื่อข่าวในเจนีวาเมื่อวันพุธ (11 มี.ค.) “เรารู้สึกกังวลอย่างยิ่งต่อทั้งระดับการแพร่ระบาดและระดับความรุนแรง และกังวลต่อระดับความเฉื่อยชา เพราะฉะนั้นเราจึงประเมินว่าโควิด-19 สามารถเป็นถูกจัดในฐานะการระบาดใหญ่”

ขณะเดียวกัน ตลาดยังถูกซ้ำเติมจากความไม่มั่นใจต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ รับมือกับวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวรายหนึ่ง กล่าวว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประชุมกับแกนนำของพรรครีพับลิกันเพื่อหารือเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อลดผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

ทั้งนี้ ทรัมป์เสนอให้มีการปรับลดภาษีเงินเดือนสู่ระดับ 0% จนถึงสิ้นปีนี้ แต่สมาชิกพรรครีพับลิกันหลายคนแสดงความไม่เห็นด้วยต่อแนวคิดดังกล่าว เนื่องจากจะทำให้รัฐบาลขาดรายได้ในการสนับสนุนโครงการประกันสุขภาพ และสวัสดิการสังคมของชาวอเมริกัน

นอกจากนี้ ทำเนียบขาวยังพิจารณาแผนการให้ความช่วยเหลือต่ออุตสาหกรรมน้ำมันของสหรัฐฯ ซึ่งได้รับผลกระทบจากการทรุดตัวของราคาน้ำมันในขณะนี้ ท่ามกลางการทำสงครามราคาน้ำมันระหว่างซาอุดีอาระเบียและรัสเซีย

อย่างไรก็ดี การหารือระหว่าง ทรัมป์ และแกนนำของพรรครีพับลิกันสิ้นสุดลงโดยไม่ได้ข้อสรุปใดๆ

การหารือที่ไร้ข้อสรุปนี้ ฉุดราคาทองคำในวันพุธ (11 มี.ค.) ขยับลงหนัก นักลงทุนเฝ้ารอรายละเอียดของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของบรรดาสภาคองเกรสที่จะช่วยจำกัดความเจ็บปวดจากผลกระทบการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 18 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,642.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ด้านราคาน้ำมันในวันพุธ (11 มี.ค.) ปิดลบหนัก ถูกฉุดจากข้อมูลคลังปิโตรเลียมของสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้น 7 สัปดาห์ติด และความเคลื่อนไหวเพิ่มกำลังผลิตของซาอุดีอาระเบีย ยกระดับทำสงครามราคากับรัสเซีย

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือ ไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนเมษายน ลดลง 1.38 ดอลลาร์ หรือ 4% ปิดที่ 32.98 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ลอนดอนงวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม ลดลง 1.43 ดอลลาร์ หรือ 3.80% ปิดที่ 35.79 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ข้อมูลจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ ที่เผยแพร่ในวันพุธ (11 มี.ค.) พบว่าคลังน้ำมันดิบสำรองของประเทศ ในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 6 มีนาคม เพิ่มขึ้นถึง 7.7 ล้านบาร์เรล หลังจากก่อนหน้านี้เพิ่มขึ้นมา 6 สัปดาห์ติด บ่งชี้อุปสงค์ภายในประเทศอ่อนแอ

นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังอยู่ภายใต้แรงกดดันของสงครามราคาระหว่างซาอุดีอาระเบีย ยักษ์ใหญ่ของโอเปกกับพันธมิตรสำคัญอย่าง รัสเซีย โดยล่าสุดหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานว่า ริยาดเปิดตัวแผนเพิ่มปริมาณการผลิตเป็น 13 ล้านบาร์เรลต่อวัน สูงสุดเป็นประวัติการณ์

สงครามราคาระหว่างริยาด กับ มอสโก มีขึ้นหลังจากรัสเซียปฏิเสธข้อเสนอของโอเปกที่ต้องการให้ลดกำลังผลิตเพิ่มเติม ระหว่างการเจรจาในกรุงเวียนนาเมื่อวันศุกร์ (6 มี.ค) นั่นหมายความว่าเมื่อข้อตกลงลดกำลังผลิตในปัจจบันหมดอายุลงในเดือนมีนาคม สมาชิกโอเปกและอดีตพันธมิตรของพวกเขาสามารถผลิตน้ำม้นได้อย่างอิสระ


https://mgronline.com/around/detail...F4XbDKjx1k3ZQbD-yUITDtNFs76R6P7BNkfpYKivkRKwU

 

กดดู รู้โรค

รายงานข่าวกรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)

ประจำวันที่ 12 มีนาคม 2563

1.สถานการณ์ ถึงวันที่ 12 มีนาคม 2563 ณ เวลา 08.00 น.

1. ผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรักษาในโรงพยาบาล 34 ราย กลับบ้านแล้ว 35 ราย เสียชีวิต 1 ราย รวมสะสม 70 ราย

2. ผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคต้องเฝ้าระวัง ตั้งแต่วันที่ 3 มกราคม – 11 มีนาคม 2563 มีผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนต้องเฝ้าระวังสะสมทั้งหมด 5,232 ราย คัดกรองจากทุกด่าน 219 ราย มารับการรักษาที่โรงพยาบาลเอง 5,013 ราย อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้วและอยู่ระหว่างติดตามอาการ 3,865 ราย ส่วนใหญ่เป็นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ยังคงรักษาในโรงพยาบาล 1,367 ราย

3. สถานการณ์ทั่วโลกใน 121 ประเทศ 2 เขตบริหารพิเศษ 1 เรือสำราญ ข้อมูลตั้งแต่ 5 มกราคม – 12 มีนาคม 2563 (07.00 น.) พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อจำนวน 121,996 ราย เสียชีวิต 4,390 ราย ส่วนประเทศจีนพบผู้ป่วย 80,790 ราย เสียชีวิต 3,158 ราย

2. สธ. พบผู้ป่วยยืนยันโรคโควิด-19 เป็นกลุ่มก้อน 11 ราย

กระทรวงสาธารณสุข เผยวันนี้พบผู้ป่วยยืนยันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เป็นกลุ่มก้อน 11 ราย ทั้งหมดเป็นคนไทย อายุ 25 – 38 ปี เป็นการค้นพบจากการขยายการคัดกรองการป่วยด้วยโรคระบบทางเดินหายใจเป็นกลุ่มก้อน และมีผู้ป่วยรักษาหายกลับบ้านได้ 1 ราย สรุปผู้ป่วยยืนยันรักษาหายกลับบ้านแล้ว 35 ราย ยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 34 ราย เสียชีวิต 1 ราย ผู้ป่วยยืนยันสะสม 70 ราย

นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต อธิบดีกรมสุขภาพจิต นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงศ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และนายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ว่า ในวันนี้ มีผู้ป่วยรักษาหายกลับบ้านได้ 1 ราย เป็นหญิงอายุ 62 ปี รักษาที่สถาบันบำราศนราดูร และพบผู้ป่วยยืนยันเป็นกลุ่มก้อน 11 ราย เป็นคนไทยทั้งหมด ซึ่งเป็นการค้นพบจากการขยายการคัดกรองการป่วยด้วยโรคระบบทางเดินหายใจเป็นกลุ่มก้อน โดยสรุปวันนี้ มีผู้ป่วยยืนยันที่รักษาหายแล้ว 35 ราย ยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 34 ราย เสียชีวิต 1 ราย ผู้ป่วยสะสม 70 ราย สำหรับผู้ป่วยอาการหนัก 1 ราย ที่สถาบันบำราศนราดูร ยังต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด

กระทรวงสาธารณสุข ได้รับรายงานผู้ป่วยจากโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร ให้ประวัติว่า เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2563 ได้พบปะกลุ่มเพื่อนนักท่องเที่ยวชาวฮ่องกงที่มาเที่ยวเมืองไทย หลังจากนั้น 4 วัน (วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2563) เริ่มป่วยด้วยอาการไข้ หนาวสั่น ปวดศีรษะ ไอ ในขณะที่มีอาการป่วยอยู่นั้นได้นัดสังสรรค์กับเพื่อนสนิทอีก 2 ครั้ง (วันที่ 27 และ 29 กุมภาพันธ์ 2563) โดยมีพฤติกรรมดื่มสุราแก้วเดียวกัน สูบบุหรี่มวนเดียวกัน หลังจากนั้นในวันที่ 4 มีนาคม 2563 ผู้ร่วมสังสรรค์เริ่มทยอยป่วย 7 คนเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล โดยตรวจพบการติดเชื้อ 11 คนจากทั้งหมด 15 คน (รวมผู้ป่วย) เป็นชาย 5 คน หญิง 6 คน ช่วงอายุ 25 – 38 ปี ในจำนวนนี้มี 4 คนที่ไม่ป่วยเเละไม่ติดเชื้อ ทั้งหมดให้ประวัติว่า ไม่ได้ดื่มเหล้าเเละสูบบุหรี่ร่วมกับกลุ่มเพื่อน กระทรวงสาธารณสุข ได้ติดตามครอบครัวและเพื่อนที่ไม่ได้ร่วมกลุ่มสังสรรค์เบื้องต้น 70 คน ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการครั้งแรกไม่พบเชื้อ จึงไม่พบหลักฐานว่าเกิด super spreading เนื่องจากเป็นการติดเชื้อในกลุ่มเพื่อนสนิทที่ร่วมวงสังสรรค์ ยังไม่ออกนอกกลุ่ม

กรณีการป่วยเป็นกลุ่มก้อนครั้งนี้ เป็นบทเรียนที่สำคัญของคนไทยหลายประการ คือ 1.หากป่วยแล้วไม่กักตัว ส่งผลกระทบคนใกล้ชิดและครอบครัวติดเชื้อ 2. ในสถานการณ์โรคระบาด มาตรการ กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ ล้างมือ/ ไม่ใช้ของร่วมกับผู้อื่น เป็นสิ่งสำคัญมาก 3. เมื่อเจ็บป่วยต้องพักอยู่กับบ้าน ลดความเสี่ยงของผู้อื่นและสังคม เราจะป้องกันและชะลอเฟส 3 ได้ หากทุกคนร่วมมือร่วมใจกัน ความปลอดภัยและสุขภาพคือสิ่งสำคัญอันดับแรก ทั้งนี้หากพบอาการป่วยอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่จำนวนหลายคนในช่วงเวลา 1-2 สัปดาห์ ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและพบแพทย์ สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร 1422

3. คำแนะนำสำหรับประชาชน

ขอความร่วมมือประชาชนปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข ดูแลสุขภาพ โดยหลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีคนอยู่แออัด หลีกเลี่ยงอยู่ใกล้ชิดกับผู้ที่มีอาการโรคระบบทางเดินหายใจ กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ และสวมหน้ากากผ้าเพื่อป้องกันโรค ติดตามข่าวสารจากกระทรวงสาธารณสุข หากมีข้อสงสัยสอบถามได้ที่ หรือเว็บไซต์ https://ddc.moph.go.th/viralpneumonia/ ช่องทาง Twitter, Facebook, Line official, Tik Tok “ไทยรู้ สู้โควิด” และLine official ChatBot 1422 “Kor-Ror-OK” กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข หรือสายด่วนกรมควบคุมโรค 1422 ตลอด 24 ชั่วโมง อย่าเชื่อข่าวลือจากทุกทาง “เช็คก่อนแชร์” ตรวจสอบข่าวลวงได้ที่ www.antifakenewscenter.com

จากหน่วยงาน : กลุ่มภารกิจด้านข่าวและสื่อมวลชนสัมพันธ์ สำนักสารนิเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข

 

KResearchCenter

การแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 ได้สร้างผลกระทบเป็นวงกว้างต่อหลายอุตสาหกรรม รวมถึงธุรกิจร้านอาหาร เนื่องจากไม่เพียงแต่นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ชะลอการเดินทางมาไทย ผู้บริโภคชาวไทยเองก็หลีกเลี่ยงการเดินทางท่องเที่ยวและการไปทานอาหารในที่ที่มีคนพลุกพล่าน นอกจากนี้การชะลอตัวของเศรษฐกิจและความเสี่ยงของการเลิกจ้างงาน กดดันกำลังซื้อของผู้บริโภคในประเทศให้ระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า ในช่วงครึ่งปีแรกการแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 จะมีความรุนแรงและส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจค่อนข้างมาก แต่หากการแพร่ระบาดและการชะลอตัวของเศรษฐกิจมีทิศทางที่ดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง น่าจะทำให้แรงกดดันต่อธุรกิจร้านอาหารผ่อนคลายลงบ้าง โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้ปรับประมาณการรายได้ของธุรกิจร้านอาหารปี 2563 ลงเหลือ 4.02–4.12 แสนล้านบาท (จากคาดการณ์เดิม ณ ต้นปี ที่ 4.39 แสนล้านบาท) หรือลดลง 2.65 - 3.65 หมื่นล้านบาท

ทั้งนี้ 1) ร้านอาหารเต็มรูปแบบและร้านอาหารที่มีรายได้หลักจากหน้าร้านเพียงอย่างเดียวน่าจะได้รับผลกระทบสูง โดยคาดว่ายอดขายทั้งปีอาจลดลงเหลือเพียง 1.64 แสนล้านบาท 2) ร้านอาหารที่น่าจะได้รับผลกระทบปานกลาง ได้แก่ ร้านอาหารที่มีการให้บริการอย่างจำกัดที่ลูกค้าต้องสั่งอาหารที่เคาน์เตอร์และบริการตัวเองในบางส่วน รวมถึงร้านอาหารที่มีการกระจายรายได้จากช่องทาง Food Delivery คาดว่ายอดขายในปีนี้จะลดลงเหลือเพียง 0.65 แสนล้านบาท และ 3) ร้านอาหารที่น่าจะได้รับผลกระทบอย่างจำกัดเมื่อเทียบกับกลุ่มอื่น คือร้านอาหารที่มีสัดส่วนรายได้จากช่องทาง Food Delivery สูง หรือร้านอาหารข้างทางที่ซื้อกลับบ้านได้ เนื่องจากมีช่องทางการขายที่หลากหลาย คาดว่ายอดขายปีนี้น่าจะอยู่ที่ 1.79 แสนล้านบาท อย่างไรก็ดีการจัดกลุ่มร้านอาหารนี้เป็นการแบ่งกลุ่มเบื้องต้น ระดับความรุนแรงของผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อร้านอาหารแต่ละร้าน ยังขึ้นอยู่กับปัจจัยสำคัญอีกหลายอย่าง อาทิ ความคุ้มค่า ทำเลที่ตั้ง ระบบการจัดการ ความปลอดภัยของพนักงานและสินค้า

หรืออ่านต่อได้ที่: https://www.kasikornresearch.com/th/analysis/k-social-media/Pages/Covid19-Food.aspx

#ร้านอาหาร #Covid19

 

“ปลัดพาณิชย์” ยันไม่มีการอนุญาตให้ส่งออก “หน้ากากอนามัย”

นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงกรณีมีการแชร์กันในสื่อโซเชียลมีเดีย โดยอ้างถึงประกาศในราชกิจจานุเบกษาว่ากระทรวงพาณิชย์อนุญาตให้ส่งออกหน้ากากอนามัยแล้ว ซึ่งเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน

โดยคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ได้ออกประกาศห้ามส่งออกหน้ากากอนามัยออกนอกประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2563 แต่ผ่อนผันให้ผู้ผลิตหน้ากากอนามัยแบบพิเศษ หรือชนิดที่ไม่ได้ใช้ในประเทศไทย เช่น หน้ากากที่ใช้ทางการแพทย์เฉพาะทาง หน้ากากที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม หรือหน้ากากที่สวมคลุมทั้งหัว รวมถึงหน้ากากที่ติดปัญหาเรื่องทรัพย์สินทางปัญญาที่ไทยเป็นผู้รับจ้างผลิต เป็นต้น ให้สามารถส่งออกได้ โดยให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่ กกร.จะออกประกาศกำหนด

ต่อมา กกร. จึงได้ออกประกาศกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขออนุญาตดังกล่าว ซึ่งเป็นขั้นตอนปกติในการออกประกาศ เพื่อรองรับการห้ามส่งออกตามประกาศฉบับแรก โดยระบุว่า การพิจารณาอนุญาตจะคำนึงถึงลักษณะจำเพาะของสินค้าความจำเป็นเร่งด่วนในการใช้ภายในประเทศ และการจัดหาหน้ากากอนามัยเพื่อการจัดสรรให้ใช้ในประเทศ

ซึ่งจะเห็นว่าเป็นหลักเกณฑ์ในการไม่อนุญาตมากกว่าที่จะอนุญาต เนื่องจากต้องพิจารณาว่า ในประเทศไทยมีใช้เพียงพอหรือไม่ แต่ประชาชนทั่วไปอาจจะดูแค่หัวเรื่องของประกาศซึ่งใช้คำว่า “หลักเกณฑ์ในการขออนุญาต” จึงอาจเข้าใจผิดว่าจะอนุญาตให้ส่งออกได้ ซึ่งเป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อน

“ที่ผ่านมา มีการอนุญาตให้ส่งออกหน้ากากชนิดพิเศษออกไปไม่มาก แต่หน้ากากชนิดที่คนไทยใช้ป้องกันโรค หรือแบบสีเขียว นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ไม่มีนโยบายที่จะอนุญาตให้ส่งออกเลย เพราะคนไทยยังไม่พอใช้” นายบุณยฤทธิ์กล่าว

The post “ปลัดพาณิชย์” ยันไม่มีการอนุญาตให้ส่งออก “หน้ากากอนามัย” appeared first on SpringNews.

Source : #Springnews #สปริงนิวส์
https://www.springnews.co.th/economics/629911

 

Medibis Dotshop

สดๆร้อนๆ เดนมาร์กประกาศปิดโรงเรียน และมหาวิทยาลัยทั่วประเทศแล้ว

นายกรัฐมนตรีเดนมาร์กเพิ่งแถลงเกี่ยวกับสถานการณ์ของไวรัสโควิด-19 และประกาศภาวะฉุกเฉินให้มีผลทันที

ให้ข้าราชการทุกคนทำงานจากที่บ้าน ถ้าตำแหน่งไหนทำงานจากที่บ้านก็ไม่ต้องไปทำงาน แต่จะได้รับเงินเดือนปกติ

พนักงานบริษัท ถ้าทำงานจากที่บ้านได้ ก็ให้ทำจากที่บ้าน ไม่ต้องไปที่ทำงาน

ให้บุคคลากรทางการแพทย์ทุกคนไปทำงานอย่างเต็มความสามารถ เพื่อช่วยพยุงประเทศให้ผ่านวิกฤตินี้ไปให้ได้

ห้ามชุมนุม หรือรวมตัวกันมากกว่า 100 คนขึ้นไป

รัฐจะเพิ่มตู้รถไฟ และจำนวนรถเมล์ให้มากขึ้น เพื่อที่คนจะได้ไม่ต้องเบียดกัน ลดการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส

ยกเลิกการแข่งกันกีฬาทุกชนิดทั่วประเทศ

คลับ บาร์ทั่วประเทศ ถูกปิดทั้งหมด และร้านอาหารบางร้านปิด (อันนี้นายกไม่ได้สั่ง แต่เจ้าของกิจการปิดเอง เพื่อช่วยชาติลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อ)

ห้ามเดินทางไปประเทศที่เสี่ยง และไม่แนะนำให้เดินทางไปประเทศที่ระบบรักษาพยาบาลไม่ดี (ในรายชื่อประเทศเหล่านั้น มีประเทศไทยด้วยนะ )

และมีมาตรการอื่นๆอีกมากมาย ฟังนายกแถลงแล้วรู้สึกกังวลน้อยลงนิดนึง

สถานการณ์ตอนนี้มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นทุกชั่วโมง ผู้คนแตกตื่น เริ่มตุนอาหารกันจ้าละหวั่น คิวยาวมาก ของเกลี้ยงร้าน ซุปเปอร์มาร์เก็ตออนไลน์เวปล่ม คนเข้าเยอะเกิน เซิร์ฟเวอร์ทำงานไม่ไหว คนที่มีลูกต้องหยุดงาน หรือทำงานจากที่บ้าน เพราะโรงเรียนปิดทั่วประเทศ

รูปประกอบ: รูปแรก นายกรัฐมนตรีหญิงคนที่สองของเดนมาร์ก เธอได้แสดงภาวะผู้นำที่ดีเยี่ยม ในสถานการณ์วิกฤติของประเทศ เราเชื่อว่าทุกอย่างจะผ่านไปได้ดี ✌️

รูปอื่นๆ สภาพซุปเปอร์มาร์เก็ต ของเกลี้ยง นี่ขนาดนายกประกาษว่าไม่ต้องกลัวของกินไม่พอ คนยังไปแย่งกันซื้อจนเกลี้ยง พวกข้าว ขนมปัง พาสต้า สปาเก็ตตี้ ถูกผู้คนกวาดไปจนหมด

 

รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ชี้โควิด-19 ระบาดเกินควบคุม คาดเศรษฐกิจอาจเสียหายนาน 1 ปี
: นายวิเวียน บาลาคริสนัน รัฐมนตรีต่างประเทศสิงคโปร์ กล่าวว่า ทุกประเทศทั่วโลกควรเตรียมพร้อมรับมือกับภาวะเศรษฐกิจที่อาจทรุดตัวลงเป็นเวลาถึง 1 ปี เนื่องจากผลกระทบของไวรัสโควิด-19 ที่แพร่ระบาดอย่างหนัก

นายบาลาคริสนัน กล่าวว่า การระบาดไปไกลเกินกว่าควบคุม เนื่องจากโควิด-19 แพร่กระจายไปนอกภูมิภาคเอเชีย อาทิ อิหร่าน อิตาลี และสหรัฐ

ทั้งนี้ นายบาลาคริสนัน ระบุว่า หากโควิด-19 มีการแพร่ระบาดที่คล้ายคลึงกับโรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง (SARS) ซึ่งกินเวลาเพียง 4 เดือน ระยะเวลาของความเสียหายทางเศรษฐกิจก็จะอยู่ราว ๆ 6 เดือน แต่โควิด-19 มีแนวโน้มที่จะแพร่ระบาดเป็นเวลายาวนานกว่า ซึ่งจะทำให้ผลกระทบที่ตามมากินเวลานานขึ้นตามไปด้วย

นายบาลาคริสนันได้แสดงความคิดเห็นว่า ความเป็นไปได้ของการแพร่ระบาดของโควิด-19 มี 2 ทางด้วยกัน คือหนึ่งอาจกลายเป็นโรคระบาดที่แพร่กระจายทั่วโลก (pandemic) ซึ่งจะส่งผลกระทบที่ร้ายแรงต่อทั่วโลก และอีกทางหนึ่งคือเป็นโรคระบาดประจำถิ่น (endemic) ซึ่งจะเป็นเชื้อไวรัสธรรมดาที่ทำให้ผู้คนล้มป่วย

Source: อินโฟเควสท์
แปลและเรียบเรียงโดย
ปัทมาสน์ ชนะรัชชรักษ์/รัตนา
https://www.ryt9.com/s/iq29/3104372
www.cnbc.com

 

Forex Investor Trader Survivor

#หลุด 1200 เรียบร้อยแล้ว
ตลาดหุ้น SETINDEX ในตอนนี้หลุด 1200 เรียบร้อยแล้วอยู่ในระดับ 1166.45 จากปัจจัยหนุนที่สหรัฐอเมริกาประกาศภาวะฉุกเฉินรวมทั้งยังไม่มีความชัดเจนและความมั่นใจในการมีมาตรการป้องกัน

โดยเรื่องแรกประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้มีการประกาศภาวะฉุกเฉินและมีการระงับการเดินทางจากสหรัฐอเมริกาไปยังกลุ่มประเทศยุโรปยกเว้นอังกฤษ

ปัจจัยหนุนที่สองนักลงทุนตลาดเงินต่างผิดหวังที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ยังไม่มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีการให้คำมันสัญญาในการที่จะแถลงวันนี้โดยที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้มีการชี้แจงว่าจะมีการประกาศการกระตุ้นเศรษฐกิจในเดือนเมษายนที่จะถึงนี้

ปัจจัยหนุนสุดท้าย ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ยังไม่มีมาตรการในการจัดการสำหรับผู้ที่ติดเชื้อรวมทั้งยังไม่มีมาตรการที่ชัดเจนเพียงแค่ให้ผู้ที่อยู่อาศัยอยู่บริเวณภายในบ้านเพียงเท่านั้นและยังไม่มีการประกาศปิดเมืองแต่อย่างใด

สามปัจจัยหลักส่งผลทำให้ตลาดหุ้นดาวโจนส์ฟิวเจอร์มีการปรับตัวลงถึง -4.48% ตลาดหุ้น Nasdaq ฟิวเจอร์ ปรับตัวลง -4.75% ตลาดหุ้น S&P ฟิวเจอร์ ปรับตัวลงถึง -4.65%

ส่งผลทำให้ตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวหลุด 1200 จุด ดังกล่าว

ข้อสังเกต

โดยธรรมชาติแล้วถ้าเกิดตลาดหุ้นดาวโจนส์ฟิวเจอร์หรือตลาดหุ้นโลกมีการปรับตัวลงทองคำจะมีการขยับขึ้นทันทีโดยเฉพาะอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกาจะมีการขยับร่วงลงทันที

แต่ในกรณีวิกฤตในครั้งนี้ มีการปรับตัวร่วงลงทุกสินทรัพย์ไม่ว่าจะเป็นทั้งตลาดหุ้นฟิวเจอร์ปรับตัวร่วงลงทองคำมีการขยับตัวร่วงลงประกอบกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกา มีการขยับตัวสูงขึ้น

คำถามคือ = เงินไปไหน

✌️✌️เตรียมมาหาคำตอบได้ที่ Pages นี้เพราะจะหาคำตอบมาให้ทุกท่านในวิกฤตในครั้งนี้

ต้องติดตามต่อไป

มาช่วยกันแชร์ IDEA ไอเดียกับบทความนี้ว่า ตลาดจะไปในทางไหน เพื่อให้ทุกท่านทบทวนประสบการณ์ความรู้และตีความกับเหตการณ์ในครั้งนี้ด้วยกันที่ใต้ #Comment ด้านล่างได้เลยครับ (แลกเปลี่ยนมุมมองและแนวคิดกัน )

สามารถติดตามได้ทุกช่องทางข้างล่างดังกล่าวและสามารถแชร์เพจนี้เพื่อให้เป็นกำลังใจในการเริ่มจะทำมุมมองแนวคิดเพื่อที่จะสามารถติดตามทั้งตลาดเงินตลาดทุน

รวมทั้งสินทรัพย์เสี่ยงและสินทรัพย์ปลอดภัยที่นักลงทุนต่างๆให้ความสำคัญ

Purich By Forex For Life

 

Forex Investor Trader Survivor

- สามประเด็นหลักที่น่าสนใจประจำวันนี้มีดังต่อไปนี้

1. ปธน.ทรัมป์มีกำหนดการแถลงการณ์

ประธานาธิบดีสหรัฐฯ นายโดนัลด์ ทรัมป์ จะแถลงการณ์เกี่ยวกับการระบาดของเชื้อไวรัส Covid-19 จากสำนักงาน Oval Office ในวันนี้เวลา 21:00 น.ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (01:00 GMT)

การประกาศมาตรการรับมือต่าง ๆ เช่น ข้อจำกัดด้านการเดินทาง ก็จะเป็นที่น่าจับตาไม่แพ้กับมาตรการกระตุ้นทางเศรษฐกิจ

โฆษกประจำสภาสหรัฐฯ แนนซี เปโลซี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายสตีเวน มนูชิน ได้พูดคุยกันผ่านทางโทรศัพท์เมื่อวานนี้ แต่ยังไม่มีรายงานว่าได้มีการกล่าวถึงมาตรการเยียวยาทางเศรษฐกิจใด ๆ

ความเคลื่อนไหวของสัญญาซื้อขายดัชนีล่วงหน้าต่าง ๆ ในตลาดสหรัฐฯ เมื่อปธน. ทรัมป์ ให้คำกล่าวจะเป็นตัวชี้วัดว่าวอลล์สตรีทเชื่อมั่นในแถลงการณ์ของทรัมป์มากเพียงใด ซึ่งบ่อยครั้งที่แถลงการณ์เหล่านั้นมักสวนทางกับความเห็นจากหน่วยงานสาธารณสุขในประเทศ

ทั้งนี้คาดว่าสัญญาซื้อขาย S&P 500 ล่วงหน้าจะเข้าสู่ภาวะตลาดหมี และน่าจะปิดต่ำกว่า 2,714.82 โดยก่อนหน้านี้ราคาสัญญาได้แตะระดับดังกล่าวในระหว่างวันแต่กลับมีราคาปิดสูงกว่านั้น

2. คาดว่า ECB จะปรับมาตรการให้ผ่อนคลาย

ธนาคารกลางยุโรปหรือ ECB จะประชุมกันในวันนี้ โดยตลาดคาดว่าจะต้องมีการใช้มาตรการกระตุ้นทางเศรษฐกิจอย่างแน่นอน

แถลงการณ์นโยบายทางการเงิน มีกำหนดการเผยแพร่ในเวลา 8:45 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (12:45 GMT)

ธนาคารกลางอังกฤษได้ลดอัตราดอกเบี้ยลงครึ่งจุดเมื่อวานนี้ โดย Mohamed El-Erian หัวหน้าที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจจาก Allianz (DE:ALVG) ได้ทวีตว่า ECB ควรชั่งน้ำหนักระหว่างการวิเคราะห์ของธนาคารกลางอังกฤษและเฟด รวมทั้ง "มุ่งเน้นการพิจารณาเครื่องมือเพียงบางส่วนและเหตุผลของการใช้งาน ขอบข่ายการทำงานโดยรวม การสื่อสาร และการทำงานร่วมกัน"

3. อัตราเงินเฟ้อภาคการค้าส่งสหรัฐฯ

กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ จะรายงานดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ในเวลา 8:30 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (12:30 GMT)

อ้างอิงจากผลคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ที่ Investing.com รวบรวมมา คาดว่าดัชนี PPI ประจำเดือนกุมภาพันธ์จะลดลง 0.1% ต่างจากเดือนก่อนหน้านี้ที่ขยายตัวขึ้น 0.5%

ส่วนดัชนี PPI พื้นฐาน ซึ่งไม่รวมราคาสินค้าอาหารและพลังงาน คาดว่าจะสูงขึ้น 0.1%.

โดย Kim Khan
Investing.com

 

WHO ยกระดับ COVID-19 เป็น 'การระบาดครั้งใหญ่'
: องค์การอนามัยโลก (WHO) ชี้ โรคโควิด-19 ยังระบาดลุกลามทั่วโลก มีผู้ติดเชื้อกว่าแสนราย จึงประกาศยกระดับเป็น “การระบาดครั้งใหญ่”

องค์การอนามัยโลก หรือ WHO ประกาศให้การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ โควิด-19 จากโรคระบาด (Epidemic) เป็นโรคระบาดครั้งใหญ่ของโลก

ตามความหมายของ WHO
คำว่า pandemic คือ เชื้อโรคใหม่ที่ระบาดไปทั่วโลกที่ทำให้อัตราการป่วยและเสียชีวิตเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก
ล่าสุด โรคโควิด-19 ได้แพร่ระบาดลุกลามไปแล้วใน 118 ประเทศทั่วโลก โดยปัจจุบันมีผู้ติดเชื้อไวรัสมากกว่า 121,000 คน อีกทั้งยังคร่าชีวิตผู้คนไปแล้วกว่า 4,300 คน

การประกาศภาวะโรคระบาดโลก มีหลักการเบื้องต้นอยู่ 3 ประการ คือ
1. โรคสามารถก่อให้เกิดอาการป่วยจนถึงเสียชีวิต
2. มีการติดต่อระหว่างคนสู่คน
3. การแพร่ระบาดลุกลามไปทั่วโลก

ช่วงสิ้นเดือน ก.พ. WHO ยกระดับการเตือนภัยความเสี่ยงการระบาดไปทั่วโลกของโรคโควิด-19 อยู่ระดับ "สูงมาก" ซึ่งเป็นระดับสูงสุด

ต่อมาวันที่ 10 มี.ค. ที่ผ่านมา นายแพทย์ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ของ WHO ระบุว่า โรคดังกล่าวได้แพร่กระจายไปยังหลายประเทศ ทำให้ความเสี่ยงในการแพร่ระบาดไปทั่วโลก มีความเป็นจริงมากขึ้น

ขณะที่นายแพทย์ไมค์ ไรอัน ผู้อำนวยการบริหารโครงการฉุกเฉินของ WHO กล่าวว่า เมื่อโรคมีการระบาดไปยัง 100 ประเทศ และมีผู้ติดเชื้อ 100,000 ราย ก็ถึงเวลาแล้วที่คุณต้องกลับมาทบทวนการตัดสินใจ หลังจากที่ก่อนหน้านี้เพียง 2 สัปดาห์ โรคโควิด-19 มีการแพร่ระบาดเพียง 30 ประเทศ

Source: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/870329
www.cnn.com

 

ประธานธนาคารกลางยุโรป กล่าวเตือนกลุ่มผู้นำประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปจะต้องร่วมมือกันดำเนินมาตรการเพื่อจัดการกับปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 อย่างเร่งด่วนที่สุด มิฉะนั้นสหภาพยุโรปอาจต้องเผชิญความเสี่ยงที่จะเกิดวิกฤติทางเศรษฐกิจและทางวิกฤติทางการเงินในระดับเดียวกับช่วง Global financial crisis เมื่อปี 2008

: นาง Christine Lagarde ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) กล่าวว่า กลุ่มผู้นำประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปจะต้องร่วมมือกันดำเนินมาตรการเพื่อจัดการกับปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 อย่างเร่งด่วนที่สุด มิฉะนั้นสหภาพยุโรปอาจต้องเผชิญความเสี่ยงที่จะเกิดวิกฤตทางเศรษฐกิจและวิกฤติทางการเงินในระดับเดียวกับช่วง Global financial crisis เมื่อปี 2008 ได้ โดยมาตรการการที่มีความเหมาะสมและทันต่อสถานการณ์จะช่วยให้ผลกระทบต่อเศรษฐกิจเกิดขึ้นเพียงแค่ชั่วคราวเท่านั้น

Lagard ระบุว่า ECB จะทำการพิจารณาถึงเครื่องมือทางด้านนโยบายการเงินทั้งหมดที่มีอยู่ ภายในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินรอบวันพฤหัสบดีที่ 12 มี.ค. นี้ ซึ่งอาจรวมถึงการจัดหาเงินทุนต้นทุนต่ำให้กับภาคธุรกิจ เพื่อให้มั่นใจว่าสภาพคล่องและการปล่อยสินเชื่อเแก่ภาคธุรกิจในพื้นที่ซึ่งได้รับผลกระทบจะยังมีอยู่ต่อไปอย่างเพียงพอ นอกจากนี้ นาง Lagarde ยังคงเน้นย้ำว่า มาตรการของธนาคารกลางจะมีประสิทธิผลก็ต่อเมื่อรัฐบาลมีมาตรการช่วยเหลือร่วมด้วย

ด้าน นาง Angle Merkel นายกรัฐมนตรีของเยอรมนี กล่าวระหว่างแถลงการณ์ร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเกี่ยวกับแผนการดำเนินงานของรัฐบาลเยอรมนีว่า ตนพร้อมจะดำเนินมาตรการทุกอย่างที่จำเป็น “do whatever is necessary” เพื่อจำกัดผลกระทบจากปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ที่อาจมีต่อเศรษฐกิจเยอรมนี พร้อมทั้งระบุว่า ตนมีความคิดเห็นที่สอดคล้องกับ นาง Lagarde ว่า จำเป็นต้องมีมาตรการร่วมกันอย่างจริงจัง โดยในขณะที่ยังไม่มีวัคซีนหรือทางเลือกอื่นในการรักษา ประชาชนจำนวนกว่าร้อยละ 70 ยังมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อไวรัส COVID-19 ได้

Source: BoTSS

เพิ่มเติม
- ดาวโจนส์ทรุด 1,400 จุด
หลัง 'WHO' ยกระดับ 'โควิด-19' ระบาดใหญ่
: https://www.bangkokbiznews.com/news...wdSBwjymDZVqqBWhXBi8vNt2rYI1ZTZKY9D8zWGvf5WYE

- ราคาน้ำมันดิบร่วง4%หลังซาอุฯเพิ่มการผลิต
: https://www.bangkokbiznews.com/news...l0-nATYphdwuN94fIfrLAZ7u5x03YT6VHYwtyz8BAk7jw

- ราคาทองร่วง18ดอลล์
หลังสหรัฐไร้มาตรการกระตุ้นศก.รับโควิด-19
:
https://www.bangkokbiznews.com/news...VXdub0vrAUe2TtgRia66Whr9r-NF2h2lUmBaZk7G2oyHc

 

ทรัมป์’ สั่งระงับการเดินทางจากประเทศยุโรป ยกเว้นอังกฤษ ต้านโควิด-19
: ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ ได้ออกแถลงการณ์ทั่วประเทศในช่วงเช้าวันนี้ตามเวลาไทย โดยกล่าวว่า รัฐบาลสหรัฐกำลังประสานงานกับประเทศพันธมิตร และเตรียมใช้มาตรการที่ครอบคลุมเพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์ประกาศว่า สหรัฐจะระงับการเดินทางจากประเทศยุโรปทั้งหมด ยกเว้นอังกฤษ ในช่วง 30 วันข้างหน้า และจะใช้มาตรการเชิงรุกในทุกๆด้าน เพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดครั้งรุนแรงในประวัติศาสตร์ครั้งนี้

ปธน.ทรัมป์กล่าวว่า คณะทำงานของรัฐบาลสหรัฐกำลังรับมือกับโควิด-19 ด้วยความรวดเร็วและมีความเป็นมืออาชีพ พร้อมระบุว่า รัฐบาลได้เพิ่มศักยภาพด้านการตรวจสอบคัดกรองผู้ป่วยอย่างรวดเร็ว โดยปธน.ทรัมป์เชื่อว่า มาตรการเหล่านี้จะช่วยป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสได้

ปธน.ทรัมป์เชื่อว่า ชาวอเมริกันส่วนใหญ่ยังคงมีความเสี่ยงที่ต่ำมาก อย่างไรก็ดี ปธน.ทรัมป์แนะนำให้ชาวอเมริกันผู้สูงอายุ หลีกเลี่ยงการเดินทางที่ไม่จำเป็น

นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์กล่าวว่า รัฐบาลสหรัฐจะใช้มาตรการเร่งด่วนด้านการบรรเทาผลกระทบ โดยจะอัดฉีดสภาพคล่องอีก 2 แสนล้านดอลลาร์ และจะจัดหาสภาพคล่องให้กับบริษัทต่างๆที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาด โดยปธน.ทรัมป์กล่าวว่า การดำเนินการดังกล่าวไม่ได้สะท้อนว่า สหรัฐกำลังเผชิญกับวิกฤตการเงิน แต่เป็นเพียงสถานการณ์ชั่วคราวเท่านั้น

Source: สำนักข่าวอินโฟเควสท์
www.bbc.co.uk

 

สิงคโปร์ยอมรับไวรัสระบาดเกินควบคุม เศรษฐกิจอาจเสียหายนาน 1 ปี
11 Mar 2020

นายวิเวียน บาลาคริสนัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสิงคโปร์ เปิดเผยว่า ทุกประเทศทั่วโลกควรเตรียมพร้อมรับมือกับภาวะเศรษฐกิจที่อาจทรุดตัวลงเป็นเวลาถึง 1 ปี เนื่องจากผลกระทบของไวรัสโควิด-19 ที่กำลังแพร่ระบาดอย่างหนักในขณะนี้

นายบาลาคริสนันกล่าวว่า การระบาดไปไกลเกินกว่าควบคุมแล้ว เนื่องจากโควิด-19 ได้แพร่กระจายไปนอกภูมิภาคเอเชีย อาทิ อิหร่าน อิตาลี และสหรัฐอเมริกา ซึ่งตามสถิติล่าสุดจำนวนผู้ติดเชื้อทะลุ 100,000 คนใน 6 ทวีปทั่วโลก และผู้เสียชีวิตขยับขึ้นแตะระดับ 4,000 คน

“หากโควิด-19 มีการแพร่ระบาดที่คล้ายคลึงกับโรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง หรือซาร์ส (SARS) ซึ่งกินเวลาเพียง 4 เดือน ระยะเวลาของความเสียหายทางเศรษฐกิจก็จะอยู่ราว ๆ 6 เดือน แต่โควิด-19 มีแนวโน้มที่จะแพร่ระบาดเป็นเวลายาวนานกว่า ซึ่งจะทำให้ผลกระทบที่ตามมากินเวลานานขึ้นตามไปด้วย” นายบาลาคริสนันระบุ

นอกจากนี้ เขายังแสดงความคิดเห็นว่า ความเป็นไปได้ของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 มี 2 ทางด้วยกัน คือหนึ่งอาจกลายเป็นโรคระบาดใหญ่ที่แพร่กระจายไปทั่วโลก (pandemic) ซึ่งจะส่งผลกระทบที่ร้ายแรงต่อทุกๆประเทศ และอีกทางหนึ่งคือเป็นโรคระบาดประจำถิ่น (endemic) ซึ่งจะเป็นเชื้อไวรัสธรรมดาที่ทำให้ผู้คนล้มป่วย


https://www.thansettakij.com/conten...ehYiIGM2qSXi-4ABwQ-s2p3GCiqw9Vy45RebDl2hp_hHc

 

ทอท.เปิดโรงแรมโนโวเทลสุวรรณภูมิแอร์พอร์ต กักกัน COVID-19 สำหรับต่างชาติฟรี

ทอท.เปิด โรงแรมโนโวเทลสุวรรณภูมิแอร์พอร์ต กักกัน COVID-19 สำหรับต่างชาติฟรี! รองรับกว่า 100 ห้อง โดยมีจุดประสงค์อำนวยความสะดวกแก่ชาวต่างชาติจากประเทศกลุ่มเสี่ยงที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย รองรับกักตัว 14 วัน

12 มี.ค. 2563 นายประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลังและในฐานะประธานคณะกรรมการ บริษัทท่าอากาศยานไทยจำกัด มหาชนหรือทอท. เผยว่าได้สั่งการให้ทอท. ประสานไปยัง โรงแรมโนโวเทล สุวรรณภูมิ แอร์พอร์ต จัดเตรียมพื้นที่และห้องพักประมาณ 100 ห้อง

โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยก่อนที่สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) จะออกประกาศเรื่อง แนวปฏิบัติสำหรับผู้ดำเนินการเดินอากาศเกี่ยวกับการให้บริการจากท้องที่นอกราชอาณาจักรที่เป็นเขตติดโรคติดต่ออันตรายกรณีโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ต้องมีใบรับรองแพทย์ก่อนออกบัตรโดยสารขึ้นเครื่องบิน

เนื่องจากอาจจะต้องถูกกักตัว14วัน ป้องกันการระบาดโรคไวรัส และอาจจะไม่มีที่พักจึงจัดเตรียมพื้นที่ไว้รองรับคาดว่าจะเปิดให้เข้าพักได้1-2วันนี้โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย “เนื่องจากรัฐบาลหาสถานที่ไม่ได้ เราจัดเตรียมไว้ให้ แบ่งครึ่งโซนแยกออกมา มีทางเข้า-ออก แยกออกต่างหาก” ประธานบอร์ด ทอท.กล่าว

สำหรับ โรงแรมโนโวเทล สุวรรณภูมิ แอร์พอร์ต เป็นโรงแรมอย่างเป็นทางการเพียงแห่งเดียวของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มีห้องพักทั้งหมด 612 ห้อง มีสิ่งอำนวยความครบครัน ห้องอาหารและบาร์ 8 ห้อง, วูส์ สปา, สระว่ายน้ำกลางแจ้ง,ฟิสเนส เซ็นเตอร์ครบวงจร และยังสามารถขึ้นได้ที่ชั้น 2 ประตู 4 หรือจะเดินทางชั้นใต้ดินที่เชื่อมต่อจากโรงแรมฯ ไปยังอาคารผู้โดยสารสนามบินโดยใช้เวลาเพียง 5 นาที

Cr. ภาพปก novotelairportbkk.com

The post ทอท.เปิดโรงแรมโนโวเทลสุวรรณภูมิแอร์พอร์ต กักกัน COVID-19 สำหรับต่างชาติฟรี appeared first on SpringNews.

Source : #Springnews #สปริงนิวส์
https://www.springnews.co.th/thailand/629881

 

Setiawan

การประกาศ # COVID19 #การระบาดกระจายทั่ว วันนี้เป็นการเรียกร้องให้ดำเนินการ - สำหรับทุกๆ คน, ทุกๆ ที่

นอกจากนี้ ยังเรียกร้องให้มีความรับผิดชอบ และความสมานฉันท์ เช่นเดียวกับประเทศต่างๆ

ในขณะที่เราต่อสู้กับไวรัสเราไม่สามารถปล่อยให้ความกลัวแพร่ระบาด

มาเอาชนะภัยคุกคามที่พบบ่อยนี้ด้วยกัน
Today’s declaration of a #COVID19 #PANDEMIC is a call to action – for everyone, everywhere.

It’s also a call for responsibility & solidarity – as nations united and as people united.

As we fight the virus, we cannot let fear go viral.

Let’s overcome this common threat together.

 

ธนาคารยูโอบี สั่งปิดสาขาราชปรารภชั่วคราว หลังพบพนักงานเจอผู้ป่วย COVID-19 วันที่ 12 มีนาคม 2563 - 10:31 น.

Photographer: Nicky Loh/Bloomberg via Getty Images
ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) (ธนาคาร) ติดตามและประเมินสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 ทั่วโลก โดยมาตรการต่างๆ ของธนาคารจะได้รับการทบทวนอย่างสม่ำเสมอและปรับตามความเหมาะสมให้เท่าทันสถานการณ์และสอดคล้องกับนโยบายของทางกระทรวงสาธารณสุข

จากการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ธนาคารพบว่ามีพนักงานธนาคารยูโอบี สาขาราชปรารภได้มีการพบปะกับผู้ป่วยโควิด-19 โดยพนักงานคนดังกล่าวยังไม่แสดงอาการของโรคใดๆ ในขณะนี้ แต่เพื่อความปลอดภัยของลูกค้าและพนักงาน ธนาคารจึงได้มีการปิดสาขาที่พนักงานปฏิบัติงานทันทีหลังจากได้รับทราบข้อมูล เพื่อทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรคเป็นกรณีพิเศษ (Deep Cleaning) โดยจะเปิดให้บริการอีกครั้งในวันที่ 16 มีนาคม 2563 ด้วยทีมพนักงานชุดใหม่ ทั้งนี้ ธนาคารยังให้พนักงานคนดังกล่าวพร้อมพนักงานที่ปฏิบัติงานที่สาขาราชปรารภทุกคนหยุดปฏิบัติงานและแยกตัวเองเพื่อเฝ้าระวังเป็นเวลา 14 วัน

สำหรับลูกค้าที่ใช้บริการสาขาในวันที่ 9-10 มีนาคม 2563 ที่ผ่านมา ธนาคารได้แนะนำให้ลูกค้าสังเกตอาการ และหากมีไข้ หรือพบอาการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับโรคไวรัสโควิด-19 เช่น ไอ หายใจลำบาก ธนาคารแนะนำให้พบแพทย์เพื่อขอคำแนะนำทันที

ลูกค้าสามารถใช้บริการในสาขาใกล้เคียง
· สาขาซิตี้คอมเพล็กซ์ (เปิดให้บริการจันทร์ ถึง ศุกร์ เวลา 8.30 – 17.00 น.) โทรศัพท์ 02-255-0746
· สาขาเซ็นทรัลเวิล์ด (เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 10.30 – 19.30 น.) โทรศัพท์ 02-252-9681

หรือทำธุรกรรมผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ของธนาคาร ได้แก่ UOB Mighty Application, Personal Internet Banking (PIB) หรือ Business Internet Banking (BIB)

ธนาคารขอขอบคุณพนักงานดังกล่าวที่ได้ปฏิบัติตามมาตรการของธนาคารอย่างเคร่งครัด โดยรายงานเรื่องนี้ให้ทางธนาคารรับทราบอย่างรวดเร็ว ทำให้ธนาคารสามารถดำเนินมาตรการป้องกันได้อย่างทันท่วงที จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 ธนาคารมีความห่วงใยและได้ดำเนินการตามมาตรฐานสุขอนามัยอย่างเคร่งครัดเพื่อความปลอดภัยของพนักงานและลูกค้าเป็นสำคัญ ขอให้ลูกค้ามีความมั่นใจในมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของธนาคาร




https://www.prachachat.net/finance/news-431094