ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    “สเตียรอยด์” เป็นฮอร์โมนธรรมชาติของมนุษย์ สั่งงานจากสมองส่วนกลางลงมายังต่อมใต้สมอง ควบคุมต่อมหมวกไตให้ผลิตในปริมาณพอเหมาะ ควบคุมความสมดุลของร่างกาย เมื่อมีภาวะเครียดทางกาย ใจ
    IMG_5493.JPG
    ยกตัวอย่างเช่นมีภาวะวิกฤติฉุกเฉิน มีการติดเชื้อ ร่างกายจะสร้างสเตียรอยด์ในปริมาณที่สูงขึ้นหลายเท่าเพื่อพยุงชีวิต และจำกัดการอักเสบให้ไม่รุนแรงเกินไป จะคอยควบคุมให้ร่างกายทนทาน คงความดันโลหิต คุมการอักเสบอยู่จนกระทั่งมีการรักษาด้วยยาฆ่าเชื้อโรค

    จนเมื่อกลับเข้าเป็นภาวะปกติ ฮอร์โมนสเตียรอยด์ก็จะกลับเข้าที่เดิม และยังคุมปรับความสมดุลของร่างกาย ทั้งระดับภูมิคุ้มกัน และปรับระดับเกลือแร่ร่วมกับการทำงานของไต การที่เอามาใช้กิน ฉีดเป็นยาบรรเทาอาการทำให้ อาการปวดเจ็บที่เกิดจากการอักเสบ เช่น ปวดข้อเข่า ปวดเมื่อย หายเป็นปลิดทิ้ง....

    จากการที่สเตียรอยด์สามารถลดอาการอักเสบ ปวด ลดไข้ได้ ทำให้มีการนำมาใช้กันผิดๆ อย่างแพร่หลายเพื่อให้หายเร็วทันใจไม่ว่าปวดเข่า ปวดข้อ ปวดเมื่อย ทั้งที่ใช้เดี่ยวๆ หรือไปผสมกับยาแก้ปวดอื่นๆ เป็นยาชุด เช่น NSAID (เอนเสด ยกตัวอย่าง ยา voltaren brufen) เป็นต้น ทำให้มีผลข้างเคียงมหาศาล กระเพาะตกเลือด กระเพาะทะลุ เป็นโรคไตวาย ในทางการแพทย์ สเตียรอยด์เป็นยาช่วยชีวิต มีประโยชน์ในการรักษาควบคุมโรค การอักเสบที่เกิดจากภูมิแพ้และแพ้ภูมิตัวเอง เช่น โรคพุ่มพวง หรือโรค SLE ที่ระบบภูมิคุ้มกันวิปริต แทนที่จะไปสู้กับเชื้อโรคกลับทำลายร่างกายตนเอง หัวจดเท้า ผมร่วง ผื่นขึ้น หัวใจ ปอด ตับ ไต อักเสบ ข้อบวม และยังใช้ในอีกหลายโรคที่มีการอักเสบแบบไม่ติดเชื้อ อย่างโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์

    แต่ทั้งนี้ การใช้ต้องอยู่ในการควบคุมอย่างระมัดระวังทั้งขนาด วิธีใช้ ระยะเวลา รวมทั้งต้องทราบผลข้างเคียงแทรกซ้อน อาจระคายกระเพาะ หน้าอ้วนอูม คอเป็นหนอก สิว นอนไม่หลับ แต่ทั้งนี้ต้องชั่งประโยชน์และโทษ คือต้องมากกว่าผลข้างเคียง ซึ่งเมื่อค่อยๆ หยุดยาลงทีละน้อย ผลข้างเคียงเหล่านี้ก็จะค่อยๆสงบลง

    ปัญหาสำคัญอยู่ที่การใช้สเตียรอยด์ในเวลานานๆเป็นหลายสัปดาห์ขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง จะทำให้ระบบอัตโนมัติจากสมองส่งผ่านมาต่อมหมวกปรวนแปร ต่อมหมวกไตขี้เกียจ ร่างกายจะใช้แค่สเตียรอยด์ที่ได้จากการกินจากภายนอกเท่านั้น ซึ่งเมื่อหยุดกะทันหันจะเกิดอันตราย ความดันโลหิตตกจนอาจถึงช็อก หรือเมื่อมีภาวะฉุกเฉิน เช่น ติดเชื้อ เครียดทางกาย ซึ่งขณะนี้ร่างกายต้องการระดับสเตียรอยด์สูงขึ้นอีกหลายเท่าจากปกติ เพื่อให้คงชีวิตอยู่ได้ กลับไม่เป็นดังที่ควรจะเป็น ดังนั้นคนไข้ที่ได้รับสเตียรอยด์อยู่แล้วจากแพทย์ในการรักษาโรค เมื่อเกิดเหตุวิกฤติฉุกเฉิน แพทย์จะทำการปรับระดับเพิ่มขึ้นตามความเหมาะสม

    ที่เป็นวิกฤติระดับชาติ ภูมิภาคและประเทศเพื่อนบ้านเราขณะนี้ และเป็นมาเนิ่นนานหลายสิบปี จนมากขึ้นเรื่อยๆ คือ การที่เอาสเตียรอยด์จะด้วยจงใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม ปนใส่ในยาชุดแก้ไข้ แก้ปวด แก้อักเสบ หรือในรูปแบบของอาหารเสริม สมุนไพร ซึ่งแท้จริงมีฤทธิ์เป็นสเตียรอยด์ ทั้งนี้จะเห็นผลมหัศจรรย์ทันที หายป่วย หายเมื่อย หายไข้ แต่ถ้าไข้นั้นเกิดจากโรคติดเชื้อ อาการจะดีขึ้นพักเดียว และเชื้อโรคจะแพร่จำนวนลุกลามเข้าอวัยวะ เข้ากระแสเลือดจนเสียชีวิตได้



    ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ในการใช้ระยะยาวเป็นสัปดาห์หรือเดือนอย่างต่อเนื่อง จะกดการทำงานตามธรรมชาติที่ให้มีระดับสูงต่ำตามภาวะความจำเป็น เมื่อเกิดมีภาวะฉุกเฉินเช่นโรคหัวใจ โรคติดเชื้อนิดๆหน่อยๆที่แม้ไม่รุนแรงนัก จะทำให้เกิดความดันโลหิตต่ำจน ถึงช็อก (adrenal crisis) แม้ว่าทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) จะมีประกาศอยู่อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าพวกหมอเราเองจะตระหนักในภาวะนี้แล้วก็ตาม แต่ในโรงพยาบาลในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โรงพยาบาลเดียวใน 2 ปี (2013-2014) มีผู้ป่วยช็อกจากสาเหตุนี้ซึ่งพิสูจน์ยืนยันแล้วมากกว่า 80 ราย (วารสาร Tropical Doctor) และอาจจะมีจำนวนมากกว่านี้ เพราะถ้าโรคติดเชื้อมีความร้ายกาจอยู่แล้ว อาการช็อกจากภาวะสเตียรอยด์มีไม่พอ บวกกับช็อกจากติดเชื้อจะทำให้ทวีความรุนแรงมากขึ้นไปอีก จากที่หมอคุยกับรุ่นน้องๆในอีกจังหวัดหนึ่งทางอีสานในเดือนกันยายนปีนี้ ก็เจอสภาพเช่นนี้เหมือนกัน

    จากการสำรวจในโครงการแกนนำนักวิจัยอาชีพของเรา ซึ่งหมอดื้อเป็นหัวหน้าโครงการ ใช้ทุนจาก สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) พบว่า ผู้ป่วยช็อกเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องมีหน้าบวม อ้วน น้ำตาลต่ำในเลือด เกลือแร่แปรปรวน หรือมีเม็ดเลือดขาวบางชนิด (eosinophil) ขึ้น ดังที่ปรากฏเหมือนในตำรา อาจเป็นเพราะได้สารสเตียรอยด์จำนวนพอประมาณติดต่อกันเนิ่นนาน แต่แน่นอนทำให้ต่อมหมวกไตไม่ทำงาน และ ไม่ยอม “ช่วยชีวิต” เราในภาวะวิกฤติ

    หมอขอร้องให้พวกเราบุคลากรสาธารณสุขช่วยกันสอดส่อง และห้ามปรามการใช้ “ยาผีบอก” หรือ “สมุนไพร” ที่อาจมีสเตียรอยด์ปนเปื้อนเหล่านี้ และตระหนักว่าภาวะช็อกอาจเกิดจากการได้ยาผีบอก ยาชุด ที่กดการทำงานของต่อมหมวกไต จะได้ให้การรักษาได้ทันท่วงที

    ขอร้องให้ สวทช. กระทรวงวิทยาศาสตร์ ขยายผลที่ได้จากการสำรวจวิจัยเล็กๆของเรารวมทั้งรายงานมากมายหลายชิ้นที่พี่ๆน้องๆหมอในประเทศรายงานเอาไว้ไปร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงศึกษาธิการ ปลุกระดมขจัดล้างยาพิษเหล่านี้

    อย่าไปแคร์ว่างานวิจัยต้องตีพิมพ์ระดับโลก องค์กรต้องติดอันดับนานาชาติ งานที่ตอกย้ำเพื่อช่วยชีวิตและสุขภาพควรมาก่อน

    ลองนึกภาพนะครับถ้าคนไทยเกือบครึ่งประเทศต่อมหมวกไตฝ่อไม่ทำงาน เวลามีเชื้อโรคแม้ไม่ดุเดือดเข้ามา กลับต้องเข้าโรงพยาบาลเสียชีวิตทั้งๆที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น เหมือนอย่างที่เคยพูดก่อนหน้าครับ ขอร้องให้กระทรวง สำนัก ขยับเป็นระบบเถิดครับ จะให้หมอไหว้ก็ยอม.

    หมอดื้อ

    https://www.thairath.co.th/content/531358
    .
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    โลกร้อนคุกคาม "น้องหมีขั้วโลก" ต้องคุ้ยกองขยะกิน ของเสียที่ถ่ายออกมาคือพลาสติกทั้งนั้น

    เมื่อไม่นานมานี้เว็บไซต์ข่าวต่างประเทศได้รายงานว่า นักวิทยาศาสตร์รัสเซียส่งสัญญาณเตือนว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เกิดขึ้นจากสภาวะโลกร้อน กลายเป็นสิ่งผลักดันให้หมีขั้วโลกต้องเข้ามาหาอาหารในถิ่นที่อยู่ของมนุษย์มากขึ้น และน่าเศร้าที่อาหารถึง 1 ใน 4 ของพวกมัน ก็คือขยะพลาสติก ที่อาจคร่าชีวิต ของพวกมันได้

    เมื่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมาเยือน แผ่นน้ำแข็งอันเป็นที่อยู่ในแถบขั้วโลกของพวกมันถูกทำลาย หมีขั้วโลกเหล่านี้ก็ถูกบีบคั้นให้เข้ามาหาอาหารบนพื้นดิน และอยู่ใกล้ชิดกับมนุษย์มากขึ้น จนเกิดเป็นภาพช็อกโลกขณะที่หมีขั้วโลกพากันมาคุ้ยเขี่ยกองขยะ ภายในเมืองที่ตั้งอยู่ในเขตอาร์กติกของรัสเซีย

    ด้านรองผู้อำนวยการอุทยานแห่งชาติอาร์กติกของรัสเซีย เปิดเผยว่า การที่หมีขั้วโลกเข้ามาใกล้กับแหล่งที่อยู่ของมนุษย์มากขึ้น เปิดโอกาสให้นักวิทยาศาสตร์สามารถตรวจสอบและวิเคราะห์ของเสียที่พวกมันขับถ่ายออกมาได้ โดยพบว่าสิ่งที่ปะปนอยู่ในอุจจาระของพวกมัน ก็คือพลาสติกหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นถุงพลาสติก แรปห่ออาหาร และอื่น ๆ ซึ่งขยะพลาสติกเหล่านี้อาจทำให้สัตว์ทั้งหลายเริ่มตายลงได้

    นอกจากหมีขั้วโลก สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในทะเลและเหล่านกอาร์กติกอื่น ๆ ก็มีการบริโภคพลาสติกเข้าไปเช่นกัน จนกลายมาเป็นสาเหตุที่สัตว์ตามขั้วโลกตายมากขึ้น นอกจากนี้นักวิทยาศาสตร์ยังพบว่าอวนจับปลาที่ถูกทิ้งไว้ในทะเล ก็กลายมาเป็นอันตรายต่อแมวน้ำและสัตว์ทะเลอื่น ๆ เช่นกัน

    ทั้งนี้ จากรายงานของสำนักข่าวเอเอฟพี ได้มีการเผยภาพถ่ายของเหล่าหมีขั้วโลกนับสิบตัวที่มารุมคุ้ยเขี่ยกองขยะบนเกาะโนวายาเซมลยา ดินแดนของรัสเซียที่อยู่ในแถบอาร์กติก

    โดยภาพถ่ายนี้บันทึกได้เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2561 อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นอันน่าเศร้าที่อาจนำมาสู่ความขัดแย้งระหว่างมนุษย์กับสัตว์ขั้วโลก ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

    สาเหตุที่เป็นเช่นนั้น สืบเนื่องจากการที่ทะเลเกิดแผ่นน้ำแข็งช้ากว่าปกติ ทำให้หมีขั้วโลกเหล่านี้ไม่สามารถออกไปล่าแมวน้ำในทะเลได้ พวกมันจึงต้องหาแหล่งอาหารอื่นแทน นั่นคือการบุกรุกเข้ามาในหมู่บ้านอันเป็นถิ่นอาศัยของมนุษย์ และลงเอยด้วยการคุ้ยเขี่ยกองขยะเช่นนี้



    ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก themoscowtimes, kapook

     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Setiawan

    น้ำท่วมครั้งใหญ่ในโอมาน 8 ธ.ค. 2562

     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    นาข้าวภาคกลาง ภาคอีสาน เผชิญภัยแล้ง ยืนต้นตายกว่า 2,000 ไร่ #ThaiPBSnews

     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Setiawan

    ความเสียหายที่บันทึกไว้มากที่สุดในบาร์เบริโนกับศาลากลางและค่ายทหารของforest carabinieri ประกาศไม่เอื้ออำนวย แต่สะพานและสะพานรถไฟไม่มีรายงานความเสียหาย


    ความกลัวมากมายโรงเรียนหยุด อาคารที่เสียหายและความล่าช้าของรถไฟถึง 4 ชั่วโมง


    นี่คือผลสืบเนื่องของแผ่นดินไหวขนาด 4.5 ที่เข้ามาในพื้นที่ Mugello ในคืนนี้ ในวิดีโอความเสียหายบางส่วนที่บันทึกที่ Barberino


    แผ่นดินไหว ขนาด 4.8 - ความลึก 10.0 กม.

    4km WNW ของ Scarperia, อิตาลี

    2019-12-09 03:37:05 (UTC)


    The most damage recorded in Barberino with the town hall and the barracks of the forest carabinieri declared uninhabitable, but bridges and viaducts reported no damage.


    A lot of fear, closed schools, damaged buildings, and even 4-hour delays for trains.


    These are some of the consequences of the magnitude 4.5 earthquake that hit the Mugello area tonight. In the video some of the damage recorded at Barberino.


    M 4.8 - 10.0 km depth

    4km WNW of Scarperia, Italy

    2019-12-09 03:37:05 (UTC)


     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Setiawan

    นักท่องเที่ยวเกือบ 1,000 คนติดอยู่ในเมืองท่องเที่ยว Franz Josef ของประเทศนิวซีแลนด์ในวันจันทร์หลังจากฝนตกหนัก ปิดถนน ธ.ค. 2562


    การชะล้างและแผ่นดินถล่มหลายแห่งทางตอนเหนือและทางใต้ของเมืองเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ใกล้กับธารน้ำแข็ง Franz Josef ได้ปิดกั้นถนนทั้งสองทิศทางและมีทางเดียวที่จะเข้าหรือออกโดยเฮลิคอปเตอร์


    ฝ่ายพลเรือนกล่าวว่าเป็นไปได้ว่าถนนจะไม่เปิดก่อนวันศุกร์


     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ในโลกนี้ยังมีความหนาวเหน็บที่รอความช่วยเหลือ,ความเมตตาจากเพื่อนมนุษย์ร่วมโลก

    ที่โมวา.(หว่ามีซูกล๊ะ) ตรงข้ามบ้านแม่ตะวอ อ.ท่าสองยาง จ.ตาก (ฝั่งพม่า)
    ภาพที่ชาวบ้านนำจีวรพระมาห่ม เด็กๆนอนโดยไม่มีผ้าห่มต้องห่มมุ้งแทนผ้าห่ม แต่ละครอบครัวมีลูกเต็มบ้าน เด็กๆต้องนอนยัดกันในกระท่อมหลังเล็กๆ ใส่เสื้อขาดๆไม่เสื้อกันหนาว และเด็กบางคนกำพร้าไม่มีพ่อแม่ ที่นี่เป็นศูนย์อพยพหลบหนีภัยสงคราม

    ใครมีเสื้อมือสองเสื้อกันหนาว หมวกอุ่น. ถุงเท้า ผ้าห่มแบ่งปันมาให้หน่อยจะเอาไปให้เด็กๆเหล่านี้ครับ ติดต่อได้ที่โพสต์ต้นทางนี้..>>>>


    ภาพและข้อมูลจาก เฟส ป๋าบุญ เพื่อนชีวิต เครัญเญ ศรีคุ้มเกล้า

     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ไอร์แลนด์หนาว 4 ‎°C ผู้คนร่วมใจเอา “เสื้อกันหนาว” แขวนที่สะพาน ให้คนไร้บ้านได้หยิบไปใช้

     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    โลกร้อนทำพิษภัย! ภาพวาดในอดีตเปลี่ยนไป แคมเปญรณรงค์ตระหนักโลกร้อนสุดเจ๋งโดย WWF และ พิพิธภัณฑ์ปราโดของสเปน

    ถ้าจิตกรในอดีตวาดภาพเหตุการณ์ปัจจุบันจะเป็นอย่างไร??? WWF จับมือ พิพิธภัณฑ์ปราโดของสเปน ซ้อนภาพวาดชิ้นโบว์แดงในอดีต ด้วยสถานการณ์ภาวะโลกร้อนของปัจจุบัน!!!

    ปัญหาโลกร้อนเป็นปัญหาเร่งด่วนที่เราทุกคนควรตระหนักถึงและลงมือทำ ในงานประชุม UN Climate Summit COP25 ณ กรุงมาดริด ประเทศสเปนที่ผ่านมา เป็นงานที่ได้รวบรวบนักการเมือง นักการฑูต และบุคคลสำคัญต่าง ๆ มากมาย ต่างเข้าร่วมประชุมเพื่อหาแนวทางสร้างความเปลี่ยนแปลงร่วมกัน

    องค์กร WWF (The World Wide Fund for Nature) จึงได้ร่วมมือกับพิพิธภัณฑ์ปราโด (Museo Del Prado) ได้มีแคมเปญสร้างความตระหนักเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ โดยได้เลือก 4 รูปภาพชิ้นเอกในพิพิธภัณฑ์ปราโดมาดัดแปลงเพื่อสะท้อนปัญหานี้

    ภาพวาดที่ถูกดัดแปลงเหล่านี้พูดถึงตั้งแต่ระดับน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้น การสูญพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต ปัญหาผู้ลี้ภัยจากสภาพภูมิอากาศ ไปจนถึงภัยแล้ง

    โดยทาง WWF เผยว่าอยากให้ข้อความของแคมเปญนี้ไปถึงทุกมุมโลก และเป็นจุดประกายให้ผู้คนได้ถกประเด็นเพื่อหาทางออกที่ด่วนที่สุด ว่าจะทำอย่างไรให้อุณหภูมิของโลกไม่พุ่งขึ้นไปสูงกว่า 1.5 องศาเซลเซียส

    ที่มา
    https://updates.panda.org/wwf-and-t...trUyJ4rOULS43NDf_K9-xWBu2bdpH-Vp5Uxwh0CbaZ5jM

    แพร สันโดษ (แพร)

     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ไอยูซีเอ็น เตือนโลกร้อน! ทำให้มหาสมุทรขาดออกซิเจน
    เผยแพร่: 9 ธ.ค. 2562 00:25 โดย: ผู้จัดการออนไลน์

    562000012141801.jpg

    นักวิจัยเผยปริมาณออกซิเจนในทะเลต่ำลง เพราะการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ปัญหานี้กำลังเกิดขึ้นกับมหาสมุทร เมื่อออกซิเจนในท้องทะเลกำลังหมดลง

    เหตุภาวะโลกร้อนและการปนเปื้อนของสารเคมีจากภาคการเกษตรและอุตสาหกรรมเนื่องจากกิจกรรมของมนุษย์ กำลังทำให้ออกซิเจนหายไปจากมหาสมุทรและคุกคามชีวิตของสัตว์ทะเลหลายชนิด โดยเฉพาะสัตว์น้ำขนาดใหญ่กำลังขาดอากาศหายใจ

    ปัจจุบัน พื้นที่มหาสมุทรประมาณ 700 แห่ง มีปริมาณออกซิเจนอยู่ในระดับต่ำจนอันตราย เมื่อเทียบกับอีก 45 แห่งในช่วงทศวรรษ 1960 ซึ่งนักวิจัยระบุว่า การสูญเสียออกซิเจนในทะเลนี้ เป็นภัยคุกคามต่อสัตว์ทะเลหลายสปีชีส์ โดยเฉพาะสัตว์ทะเลขนาดใหญ่ เช่น ฉลาม ปลาทูน่า และปลากระโทงทั้งหลาย

    เกรเทล อากิลา (Grethel Aguilar) รักษาการผู้อำนวยการของสหภาพระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (The International Union for the Conservation of Nature - IUCN) กล่าวในงานประชุม COP25 ว่า สุขภาพของมหาสมุทรควรเป็นข้อพิจารณาที่สำคัญในการประชุมครั้งนี้ เพราะอุณหภูมิน้ำทะเลที่สูงขึ้น ทำให้ออกซิเจนขาดแคลนอย่างหนัก ทั้งยังส่งผลให้ความสมดุลอันเปราะบางของสัตว์น้ำเกิดความยุ่งเหยิงอีกด้วย

    ภาวะโลกร้อนทำให้อุณหภูมิของน้ำทะเลสูงขึ้น ส่งผลให้ปริมาณออกซิเจนต่ำลง ซึ่งตอนนี้ มหาสมุทรจะสูญเสียปริมาณออกซิเจนไปอีก 3-4% ภายในปี ค.ศ.2100 และจะเกิดผลกระทบต่อระดับน้ำทะเลที่ 1,000 เมตรจากผิวน้ำ ซึ่งเป็นระดับที่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูงสุด รวมถึงแนวทะเลที่อยู่บริเวณกลางเส้นละติจูดถึงเหนือขึ้นไป

    562000012141802.jpg
    ระดับออกซิเจนที่ลดต่ำลง ทำให้ปลาทั้งหลายต้องอพยพไปยังผิวน้ำและพื้นที่ทะเลตื้น ซึ่งยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการถูกจับปลาโดยชาวประมงมากขึ้น ขณะเดียวกัน บางพื้นที่ที่มีระดับออกซิเจนต่ำว่าจุดอื่นอยู่แล้ว แต่เมื่อออกซิเจนลดลง ก็อาจจะเพิ่มความเสียหายให้เกิดขึ้นกับพื้นที่ดังกล่าวหนักขึ้นไปอีก

    ตามข้อมูลของคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Intergovernmental Panel on Climate Change - IPCC) รายงานว่า ทั้งการทำประมงเกินขนาด ขยะพลาสติกในทะเล ต่างก็เป็นปัญหาใหญ่สำหรับมหาสมุทรทั่วโลก ตอนนี้ ทะเลมีสภาพเป็นกรดมากกว่าในช่วงก่อนอุตสาหกรรมประมาณ 26% เนื่องจากดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ส่วนเกินในชั้นบรรยากาศ

    “เพื่อหยุดยั้งการขยายตัวของพื้นที่ที่ขาดแคลนออกซิเจน เราต้องควบคุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างเด็ดขาด เช่นเดียวกับการควบคุมมลภาวะจากธาตุอาหารพืช (Nutrient pollution) ที่มาจากการทำเกษตรกรรมและแหล่งอื่นๆ” แดน ลาฟฟอรี (Dan Laffoley) หนึ่งในผู้เขียนรายงานจาก IUCN กล่าว
    562000012141803.jpg

    ข้อมูลอ้างอิง
    https://www.theguardian.com/…/oceans-losing-oxygen-at-unpre…


    https://mgronline.com/greeninnovation/detail/9620000117413
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    50°c เท่ากับ 122°f

    อุณหภูมิของออสเตรเลียอาจสูงถึงระดับ 50 องศา ภายในปลายศตวรรษนี้ แต่ก่อนอื่นเราต้องเอาชีวิตรอดในฤดูร้อนที่อัดแน่นด้วยคลื่นความร้อนและไฟป่า

    สภาสภาพภูมิอากาศได้เตือนซิดนีย์และเมลเบิร์นอาจเริ่มพบกับอุณหภูมิ 50C องศา หากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกยังคงเพิ่มขึ้น

    ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าในช่วงฤดูร้อนนี้ก็กำลัง 'ก่อตัวขึ้น คลื่นความร้อน ความแห้งแล้ง และไฟป่า'

    'การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศกำลังทำให้เกิดเหตุการณ์สภาพอากาศรุนแรงที่เรากำลังเผชิญอยู่' ศาสตราจารย์วิลฟ์สเตฟเฟนกล่าว

    'เราได้เห็นบันทึกอุณหภูมิที่ทำลายสถิติ ไฟป่าในฤดูหนาวและความแห้งแล้งยาวนาน การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศมีอิทธิพลต่อสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด '

    รายงานดังกล่าวระบุว่า 'สภาพอากาศที่ร้อนผิดปกติ' ปกคลุมประเทศจะกลายเป็น 'เรื่องปกติ'

    'ซิดนีย์และเมลเบิร์นจะได้สัมผัสกับฤดูร้อน 50 ° C ภายในสิ้นศตวรรษ - แม้ว่าภาวะโลกร้อนจะถูก จำกัด อยู่ที่ 2 ° C เหนือระดับก่อนอุตสาหกรรม "รายงานดังกล่าวอ้างถึงการศึกษาในปี 2560

     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    บังเอิญ? หนึ่งวันก่อนการปะทุของภูเขาไฟบนเกาะ White Island ฟ้าผ่า 109,000 ครั้ง - 300,000 Discharges ในวันเดียวกัน # NewZealand # lightning # eruption


    Coincidence? 109,000 Lightnings Strike over New Zealand One Day Before White Island Deadly Volcanic Eruption – 300,000 Discharges on the Same Day #NewZealand #lightning #eruption


    https://strangesounds.org/2019/12/c...uption-300000-discharges-on-the-same-day.html


     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

    น้ำท่วมฉับพลัน ใน Centurión , แอฟริกาใต้ #9 ธันวาคม


     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

    น้ำท่วมรุนแรง ใน Centurión , แอฟริกาใต้ #9 ธันวาคม


     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

    พายุหนักทำให้เกิดน้ำท่วมและต้นไม้ล้มและบ้านเสียหาย ในอินโดนีเซีย # 4 ธันวาคม


     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

    พายุลูกเห็บอย่างรุนแรงในบัวโนสไอเรส, อาร์เจนตินา


     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    John Traczyk

    IMG_5497.JPG
    ด้วยการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลเราได้รับการกระทบ ผ่านจุดที่ไม่กลับ มาแล้ว


    การเจรจาต่อรองสภาพภูมิอากาศในมาดริดกำลังพยายามหลีกเลี่ยงการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเล 2 เมตร แต่งานวิจัยแนะนำ 10 ครั้งที่ - 65 ฟุต - หลีกเลี่ยงไม่ได้


    เมื่อสัปดาห์ที่แล้วมีผู้คน 25,000 คนจาก 200 ประเทศมารวมตัวกันที่มาดริดเพื่อหารือเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเลขาธิการAntónio Guterres เลขาธิการสหประชาชาติได้กล่าวคำเตือนที่เข้มงวดนี้:


    เมื่อพูดถึงการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ“ จุดที่ไม่ย้อนกลับ จะไม่เกินขอบฟ้าอีกต่อไป มันอยู่ในสายตาและพุ่งเข้าหาเรา”


    “the point of no return is no longer over the horizon. It is in sight and hurtling toward us.”


    "เราแช่ในระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น 20 เมตรแล้ว" James White นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยโคโลราโดที่ศึกษาภูมิอากาศโบราณ เพื่อรับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับอนาคต "ชายฝั่งคือขนมปังปิ้ง"


    ยี่สิบเมตรคือ 65 ฟุต - เพียงพอที่จะท่วมท้นบริเวณชายฝั่งอันกว้างใหญ่ แทนที่ผู้คนหลายร้อยล้านคน


    จนถึงระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น ในขณะที่กรีนแลนด์และแอนตาร์กติกามีน้ำแข็งและน้ำทะเลขยายตัว เมื่อมันอุ่นขึ้นระดับน้ำทะเลทั่วโลกสูงขึ้นประมาณ 7 ถึง 8 นิ้วตั้งแต่ปี 1900


    แต่การเพิ่มขึ้นนั้นกำลังเร่งขึ้นโดยมีประมาณ 3 นิ้วที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 1993 นอกจากนี้เพียง 8 นิ้วเท่านั้นที่ทำให้เกิดน้ำท่วมบริเวณชายฝั่งทะเลที่มีน้ำท่วมเป็นวงกว้างและรุนแรงมากขึ้นดังที่ได้แสดงให้เห็นเมื่อไม่นานมานี้


    ในสหรัฐอเมริกาน้ำท่วมชายฝั่งที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นจากระดับน้ำทะเล เป็นแนวโน้มที่เลวร้ายยิ่งขึ้น ว่า "คุกคามตลาดอสังหาริมทรัพย์ชายฝั่งและโครงสร้างพื้นฐานสาธารณะของอเมริกาที่มีมูลค่าหลายล้านล้านดอลล่าร์สหรัฐ โดยมีผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจขนาดใหญ่"


    ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นหกสิบห้าฟุตนั้นสูงกว่าที่เราเคยสัมผัสมาเกือบ 100 เท่า นี่คือสิ่งที่จะเกิดกับส่วนหนึ่งของชายฝั่งสหรัฐอเมริกา:


    ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นยี่สิบเมตร - ที่ 65 ฟุต - จะท่วมทั้งหมดของเดลาแวร์ (ที่มา: Climate Central)


    ในแผนที่ด้านบนให้ดูที่ Delaware ซึ่งเป็นรัฐแรกที่ให้สัตยาบันรัฐธรรมนูญของสหรัฐอเมริกา มันถูกกลืนไปที่ทะเลอย่างสมบูรณ์


    (สำหรับแผนที่เชิงโต้ตอบขนาดเต็มดูคุณลักษณะของ Climate Central ได้ที่นี่)

    https://ss2.climatecentral.org/#8/3...-K14_RCP85-SLR&level=20&unit=meters&pois=hide


    With Sea Level Rise, We've Already Hurtled Past a Point of No Return.


    Climate negotiators in Madrid are trying to avoid 2 meters of sea level rise, but research suggests 10 times that — 65 feet — is already inevitable.


    As 25,000 people from 200 countries were converging on Madrid last week for the start of climate change talks, U.N. Secretary-General António Guterres voiced this stern warning:


    When it comes to climate change, “the point of no return is no longer over the horizon. It is in sight and hurtling toward us.”


    "We’ve already baked in 20 meters of sea level rise,” says James White, a University of Colorado scientist who has studied ancient climates to gain insights about the future. "The coast is toast."


    Twenty meters is 65 feet — enough to inundate vast swaths of coastal territory, displacing hundreds of millions of people.


    So far, sea level rise has been relatively modest. As Greenland and Antarctica have shed ice, and sea water has expanded as it has warmed, global mean sea level has come up by about 7 to 8 inches since 1900.


    But the rise is accelerating, with about 3 of those inches occurring since 1993. Moreover, just those 8 inches have made high-tide coastal flooding more extensive and severe — as was demonstrated recently with the catastrophic floods in Venice.


    In the U.S., coastal flooding exacerbated by sea level rise is a worsening trend that "threatens America’s trillion-dollar coastal property market and public infrastructure, with cascading impacts to the larger economy," according to the most recent U.S. National Climate Assessment.


    Sixty-five feet of sea level rise is nearly 100 times higher than what we've experienced so far. Here's what that would do to just one part of the U.S. coast:


    Twenty meters of sea level rise — that's 65 feet — would inundate all of Delaware. (Source: Climate Central)


    In the map above, have a look at Delaware — the first state to ratify the U.S. Constitution. It's completely swallowed by the sea.


    (For a full-size, interactive map, see Climate Central's feature here.)

    https://ss2.climatecentral.org/#8/3...-K14_RCP85-SLR&level=20&unit=meters&pois=hide


     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    รายงานข่าวนิวซีแลนด์ล่าสุดจากงบทางการระบุว่ามี 47 คนบนเกาะไวท์ ในเวลาของการปะทุ ของภูเขาไฟ ห้าคนได้รับการยืนยันว่าตายและอีก 8 คนหายไป

     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ถนนที่ถูกน้ำท่วมใน #Beirut, LEBANON หลังจากฝนตกหนัก, วันที่ 9 ธันวาคม

    Inundated streets in #Beirut, LEBANON after heavy downpours, December 9.

     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    John Traczyk


    Schumann Resonance แอมพลิจูดพุ่งสูงขึ้นสั้นๆ ไปที่ 74 เป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง

    IMG_5498.JPG IMG_5499.JPG

    The Schumann Resonance briefly spiked to an amplitude of 74 for one hour about 10 hours ago.


     

แชร์หน้านี้

Loading...