ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,686
    ค่าพลัง:
    +97,150
    จากการที่ แอดมิน The Great Shift ถามว่า

    พวกคุณเห็นไหมว่ากิจกรรมออโรร่านั้นคือ ไม่ได้อยู่ในวงแหวน?
    Can you guys see that spot of aurora activity the is Not In The Ring?
    FB_IMG_1563492997298.jpg

    แอดมิน The Great Shift อธิบายสาเหตุ:
    มันหมายถึงความผิดปกติในสนามแม่เหล็ก เสาขนาดเล็ก! (micro-pole)
    It means anomaly in the magnetic field. A micro-pole!
    FB_IMG_1563493418690.jpg
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,686
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ดวงอาทิตย์สองขั้วเหนือ
    13 มิ.ย. 2546
    รายงานโดย: วิมุติ วสะหลาย (wimut@hotmail.com)
    suns magnetic field changing1.jpg
    โดยปรกติ ดวงอาทิตย์มีขั้วแม่เหล็กสองขั้วเช่นเดียวกับโลก คือขั้วเหนือและขั้วใต้ แต่ในช่วงเดือนมีนาคม 2543 ขั้วใต้แม่เหล็กของดวงอาทิตย์อ่อนลงและเกิดขั้วเหนือขึ้นแทนที่ กลายเป็นดาวฤกษ์ที่มีขั้วเหนือสองขั้ว

    แม้เรื่องนี้จะฟังดูเป็นเรื่องเหลือเชื่อแต่ก็เกิดขึ้นจริง ปรากฏการณ์นี้เป็นผลข้างเคียงจากวัฏจักรสุริยะ ซึ่งมีคาบ 11 ปีเนื่องจากเกิดการเปลี่ยนแปลงของไดนาโมในดวงอาทิตย์

    พีต ไรลีย์ จากไซนส์แอปพลิเคชันอินเตอร์เนชันนัลคอร์ปอเรชันในซานดิเอโกอธิบายว่า ความจริงแล้วขั้วใต้แม่เหล็กไม่ได้หายไปเสียทีเดียว แต่ได้กลายสภาพไปเป็นแถบของเส้นแรงแม่เหล็กมีทิศแม่เหล็กใต้พาดรอบดวงอาทิตย์และเคลื่อนที่ขึ้นไปทางเหนือชั่วคราว พอถึงเดือนพฤษภาคม ขั้วใต้แม่เหล็กได้กลับไปสู่ที่เดิมอีกครั้งในบริเวณใกล้กับขั้วใต้ของแกนหมุนดวงอาทิตย์ เมื่อถึงปี 2544 สนามแม่เหล็กดวงอาทิตย์ได้กลับขั้วโดยสมบูรณ์ ขั้วใต้แม่เหล็กไปอยู่ที่ขั้วเหนือดวงอาทิตย์ ส่วนขั้วเหนือแม่เหล็กลงมาอยู่ที่ขั้วใต้ของดวงอาทิตย์ ดังที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

    สนามแม่เหล็กดวงอาทิตย์มีขอบเขตครอบคลุมระบบสุริยะทั้งหมด แม้แต่ดาวพลูโตก็โคจรอยู่ภายในสนามแม่เหล็กนี้ บริเวณที่อยู่ภายในสนามแม่เหล็กดวงอาทิตย์เรียกว่า ฮีลิโอสเฟียร์ ภายในฮีลิโอสเฟียร์มีสิ่งหนึ่งเรียกว่า แผ่นกระแส (current sheet) ซึ่งเป็นแผ่นใหญ่โตมหึมาของรอยต่อสนามแม่เหล็กระหว่างขั้วเหนือและขั้วใต้ ภายในแผ่นกระแสมีกระแสไฟฟ้าไหลอยู่ประมาณ 10-10 แอมแปร์ต่อตารางเมตร

    เนื่องจากรังสีคอสมิกไม่สามารถทะลุแผ่นกระแสได้แต่จะพุ่งเลียดไปกับแผ่น แผ่นกระแสจึงมีบทบาทเหมือนกำแพงป้องกันรังสีคอสมิกให้กับโลก เมื่อรูปร่างของแผ่นกระแสเปลี่ยนไป ย่อมทำให้ผลกระทบของรังสีคอสมิกต่อโลกเปลี่ยนไปด้วย

    ขณะที่โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ ช่วงที่โลกฝ่าเข้าไปในบริเวณที่มีขั้วแม่เหล็กใต้ สนามแม่เหล็กดวงอาทิตย์จะหักล้างกับสนามแม่เหล็กโลก ทำให้พลังงานจากลมสุริยะทะลุทะลวงเข้ามายังบรรยากาศชั้นล่างของโลก ทำให้เกิดปรากฏการณ์พายุแม่เหล็กโลก ซึ่งมีผลเสียหลายอย่าง ทั้งต่อดาวเทียม ระบบส่งจ่ายไฟฟ้าแรงสูงบนโลก แต่ก็สร้างสีสันให้กับท้องฟ้าบริเวณขั้วโลกด้วยการทำให้เกิดปรากฏการณ์แสงเหนือใต้

    หากเราสามารถทราบรูปร่างปัจจุบันของแผ่นกระแสแล้ว ก็จะทราบว่าเมื่อใดที่โลกจะเกิดพายุแม่เหล็กโลกได้ แต่เนื่องจากแผ่นกระแสนี้มองไม่เห็น ดังนั้นจึงต้องใช้วิธีสร้างแบบจำลอง ไรลีย์ได้ใช้ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ของไอบีเอ็มที่มีชื่อว่า บลูฮอไรซอน สร้างแบบจำลองของการดึงสนามแม่เหล็กของลมสุริยะด้วยวิธีประยุกต์สมการแรงต้านทานอุทกพลศาสตร์แม่เหล็ก โดยมีข้อมูลสนามแม่เหล็กบนพื้นผิวของดวงอาทิตย์ที่ได้จากกล้องโทรทรรศน์บนโลกเป็นข้อมูลดิบ

    ในช่วงปรกติ แผ่นกระแสมีรูปร่างเหมือนกระโปรงนักเต้นระบำที่บานและหยักเป็นลอน วางอยู่ในแนวเส้นศูนย์สูตรของดวงอาทิตย์ แต่จากการคำนวณของบลูฮอไรซอนพบว่า ในช่วงที่เกิดขั้วเหนือสองขั้ว แผ่นกระแสเปลี่ยนรูปไปจนดูคล้ายกับหอยสังข์ยักษ์ที่มีความกว้างหลายพันล้านกิโลเมตร

    เพื่อพิสูจน์ความถูกต้องของแบบจำลอง นักดาราศาสตร์ได้ตรวจสอบเทียบกับข้อมูลของยานยูลิสซีส ซึ่งได้เดินทางตัดผ่านแผ่นกระแสสองครั้งในปีนั้นคือในเดือนมีนาคมและเดือนเมษายน พบว่าการคำนวณของคอมพิวเตอร์สอดคล้องตรงกับข้อมูลของยูลิสซีส เป็นการพิสูจน์ความถูกต้องของแบบจำลองได้เป็นอย่างดี

    คณะของไรลีย์ใช้เวลานานถึง 10 ปีในการพัฒนาซอฟต์แวร์นี้ เป้าหมายของโปรแกรมคือต้องการให้สามารถพยากรณ์สภาพของพายุแม่เหล็กล่วงหน้าได้ถึง 4 วัน

    http://thaiastro.nectec.or.th/news/2692/

    ภาพจาก http://unbonmotgroundswell.blogspot.com/2013/08/suns-magnetic-field-to-reverse.html?m=1
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,686
    ค่าพลัง:
    +97,150
    การกลับขั้วของสนามแม่เหล็กโลก และสนามแม่เหล็กของดวงอาทิตย์จะคล้ายๆ กันคือในกระบวนการจะมีการแตกขั้วสนามแม่เหล็กเพิ่มขึ้น และก็จะเริ่มกลับขั้วสนามแม่เหล็ก จากเหนือไปใต้ และใต้ไปเหนือ การที่ขั้วสนามแม่เหล็กเหนือ และใต้ของโลก แตกขั้วหมดแล้ว ก็น่าจะหมายถึงการพร้อมที่จะกลับขั้วสนามแม่เหล็กของดวงดาวแล้ว คิดว่าขั้วสนามแม่เหล็กเหนือ และใต้ของโลกแตกขั้วครบหรือยัง

    FB_IMG_1563493418690.jpg suns magnetic field changing1.jpg
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,686
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สนามแม่เหล็กบนดวงอาทิตย์ (Magnetic Fields of the Sun)

    ตั้งแต่อดีตกาล มนุษย์มีความคุ้นชินกับปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์มาเป็นเวลาช้านานแต่ไม่มีความเข้าใจเกี่ยวกับปรากฏการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น มนุษย์ยุคก่อนต่างก็เกิดความหวาดกลัวที่จะเผชิญหน้ากับปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อเวลาผ่านไปมนุษย์พยายามเสาะแสวงหาความรู้และทำความเข้าใจเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบตัว โดยการสังเกตการณ์ปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์

    วัฏจักรการเปลี่ยนแปลงระบบของวัตถุท้องฟ้าและจดบันทึกข้อมูลดังกล่าว เพื่อใช้เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตร่วมกับปรากฏการณ์ทางธรรมชาติต่างๆ ปัจจุบัน มนุษย์มีความรู้ความสามารถทางด้านเทคโนโลยีและเทคโนโลยีอวกาศที่จะสามารถไข ความลับของวัตถุท้องฟ้าที่อยู่ไกลออกไปจากโลกได้มากขึ้น รวมถึงดาวฤกษ์ที่อยู่ใกล้กับโลกของเรามากที่สุดอย่าง “ดวงอาทิตย์” ซึ่งถือเป็นดาวฤกษ์หัวหน้าครอบครัวในระบบสุริยะที่คอยส่องแสงสว่างและให้พลังแก่ดาวเคราะห์ในระบบสุริยะ ดวงอาทิตย์เป็นก้อนแก๊สขนาดใหญ่มีปฏิกิริยาภายในเป็นปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชัน (Nuclear Fusion) ที่บริเวณผิวของดวงอาทิตย์นอกจากจะมีอุณหภูมิสูงมากแล้วก็ยังมีปรากฏการณ์ต่างๆเกิดขึ้นมากมายอาทิเช่น ปรากฏการณ์การลุกจ้า (Solar Flare)ปรากฏการณ์การเกิดจุดบนดวงอาทิตย์ (Sunspot)ปรากฏการณ์การปลดปล่อยมวลของดวงอาทิตย์(Coronal mass Ejection :CME) ลมสุริยะ (Solar wind) และพายุสุริยะ (Solar storm) เป็นต้น การเกิดปรากฏการณ์ทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้นนั้นล้วนแล้วแต่เป็นผลเกี่ยวเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงของสนามแม่เหล็กบนดวงอาทิตย์ทั้งสิ้น



    as20120319_1_1.jpg

    ภาพแสดงส่วนประกอบและโครงสร้างภายในของดวงอาทิตย์ บริเวณต่างๆ ที่เกิดปรากฏการณ์บนดวงอาทิตย์
    ภาพโดย: องค์การนาซาและองค์การอวกาศยุโรปบันทึกภาพจากกล้องโทรทรรศน์อวกาศโซโฮ (SOHO)



    สนามแม่เหล็กบนดวงอาทิตย์ (Magnetic Fields of the Sun) มีความแตกต่างจากสนามแม่เหล็กของโลกที่มีโครงสร้างของสนามแม่เหล็กอย่างชัดเจนเนื่องจากดวงอาทิตย์มีลักษณะโครงสร้างเป็นก้อนแก๊ส แต่โลกของเรามีลักษณะเป็นก้อนวัตถุแข็งจากคุณสมบัติความเป็นแก๊สของดวงอาทิตย์เองทำให้ดวงอาทิตย์มีโครงสร้างสนามแม่เหล็กที่ซับซ้อนกว่าโลกของเรามาก โดยสนามแม่เหล็กของดวงอาทิตย์นั้นเกิดจากการหมุนวนของประจุไฟฟ้าพลังงานสูง หรือที่เรียกกันว่า “พลาสมา” จากทฤษฏีทางฟิสิกส์อนุภาคมูลฐานนั้นจะมีคุณสมบัติทางกลศาสตร์ควอนตัม (Quantum Mechanics)อย่างหนึ่งคือการสปิน ซึ่งการสปินที่เกิดจากการหมุนรอบตัวเองของอนุภาคต่างๆ สามารถทำให้เกิดสนามแม่เหล็กขึ้นได้ ในกรณีของดวงอาทิตย์นั้นก็เช่นกันสนามแม่เหล็กบนดวงอาทิตย์เกิดจากการเคลื่อนที่ของอนุภาคหมุนวนรอบแกนกลาง เมื่อเกิดการหมุนวนของอนุภาคดังกล่าวจะสร้างสนามแม่เหล็กขึ้น ลักษณะเส้นแรงของสนามแม่เหล็กจะพุ่งออกเป็นเส้นโค้งจากพื้นผิวดวงอาทิตย์และมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา และ เนื่องจากดวงอาทิตย์หมุนรอบตัวเองทำให้พลาสมาภายในเกิดการหมุนวนด้วยอัตรา เร็วที่ไม่เท่ากันทำให้ความเข้มของสนามแม่เหล็กบนดวงอาทิตย์ในแต่ละตำแหน่ง มีค่าไม่เท่ากัน

    สาเหตุที่ทำให้ความเข้มของสนามแม่เหล็กบนดวงอาทิตย์ในแต่ละตำแหน่งมีค่าไม่เท่ากัน ก็ด้วยเหตุผลเดิมที่กล่าวมาข้างต้นคือคุณสมบัติความเป็นก้อนแก๊สของดวง อาทิตย์ ดวงอาทิตย์หมุนรอบตัวเองด้วยอัตราเร็วเฉล่ียเป็นเวลาประมาณ 1 เดือนแต่ตามความเป็นจริงแล้วคาบการหมุนรอบตัวเองของดวงดวงอาทิตย์ที่ละติจูดต่างกันจะมีอัตราเร็วไม่เท่ากัน ลักษณะการหมุนเช่นน้ีเรียกว่า “การหมุนรอบตัวเองแบบดิฟเฟอ-เรนเชียล (Differential rotation) ” กล่าวคือมวลแก๊สภายในดวงอาทิตย์ที่ละติจูดสูงหรือตำ่ลงห่างจากเส้นศูนย์สูตรของดวงอาทิตย์ จะมีอัตราเร็วรอบแกนหมุนน้อยลงตามลำดับ จนถึงบริเวณขั้วเหนือและขั้วใต้ของดวงอาทิตย์จะมีคาบการหมุนรอบตัวเองประมาณ 36วัน ส่วนบริเวณเส้นศูนย์สูตรของดวงอาทิตย์จะมีคาบการหมุนรอบตัวเองประมาณ 25 วัน ความแตกต่างเช่นนี้มีผลทำให้เส้นแรงของสนามแม่เหล็กบนดวงอาทิตย์นั้นถูกบิดและเบนออกจากแนวสมดุลต่างกัน จึงเป็นที่มาของความปั่นป่วนของสนามแม่เหล็กบนดวงอาทิตย์ ดังรูป



    as20120319_1_2.jpg

    ภาพแสดงเส้นแรงแม่เหล็กบริเวณผิวของดวงอาทิตย์ขณะที่พลาสมาเคลื่อนที่ ซึ่งในแต่ละตำแหน่งจะมีการบิดเบนของเส้นแรงแม่เหล็กที่ต่างกัน
    และอธิบายกระบวนการของการเกิดปรากฏการณ์ต่างๆ บนพื้นผิวของดวงอาทิตย์



    จากภาพที่ (a) แสดงให้เห็นลักษณะเส้นแรงแม่เหล็กไฟฟ้าของดวงอาทิตย์ จากเหตุผลเดิมที่กล่าวถึงเนื้อสารของดวงอาทิตย์นั่นคือพลาสมา ซึ่งพลาสมาคือแก๊สประจุไฟฟ้าพลังงานสูงเมื่อประจุไฟฟ้าเกิดการเคลื่อนที่ก็ย่อม หมายถึง เกิดการไหลของกระแสไฟฟ้าขณะเดียวกันก็จะเกิดสนามไฟฟ้า (electric fields) ขึ้นบนดวงอาทิตย์ตามหลักฟิสิกส์แล้วเมื่อเกิดสนามไฟฟ้าขึ้นบริเวณใดบริเวณหนึ่งก็จะมีการเหนี่ยวนำให้เกิดสนามแม่เหล็กไฟฟ้าขึ้นตามมา ในทางกลับกันถ้าเกิดสนามแม่เหล็กขึ้นก็จะมีการเหนี่ยวนำให้เกิดสนามไฟฟ้าขึ้นด้วยเสมอ ทั้งนี้เมื่อดวงอาทิตย์เกิดการหมุนรอบตัวเอง เนื้อสารบนดวงอาทิตย์ในแต่ละตำแหน่งก็จะหมุนรอบตัวเองด้วยอัตราเร็วที่ไม่เท่ากัน ที่บริเวณเส้นศูนย์สูตรของดวงอาทิตย์พลาสมาจะเคลื่อนที่เร็วกว่าบริเวณขั้วทั้งสองของดวงอาทิตย์ และจะหมุนไปในทิศทางเดียวกันกับทิศทางการหมุนของดวงอาทิตย์ ผลคือเส้นแรงแม่เหล็กจะถูกบิดและเบนออกจากแนวสมดุลเดิมอย่างต่อเนื่องจนในที่สุดก็จะเกิดแนวเส้นแรงแม่เหล็กใหม่วางตัวในแนวตามขวาง (longitude) ของดวงอาทิตย์ตามภาพ (b)เมื่อเส้นแรงแม่เหล็กที่ผิวดวงอาทิตย์ถูกบิดมากขึ้นหลายๆ รอบ เส้นแรงแม่เหล็กก็จะเกิดการถักทอพันกันเป็นเกลียวและมีความเข้มของสนามแม่เหล็กมากพอที่จะทำให้เกิดเป็นบ่วงสนามแม่เหล็ก(magnetic loop) ลอยตัวขึ้นสู่พื้นผิวของดวงอาทิตย์ที่ชั้นโคโรนา ตามภาพที่ (c)

    หลังจากเกิดบ่วงสนามแม่เหล็กขึ้นแก๊สที่มีประจุเหล่านี้ก็จะเคลื่อนที่ไปตามแนวเส้นแรงแม่เหล็ก ในบริเวณที่มีเส้นแรงของสนามแม่เหล็กหนาแน่นหรือมีความเข้มของสนามแม่เหล็กสูงก็จะมีพลาสมาเคลื่อนที่ไปที่บริเวณนั้นมาก จึงทำให้บริเวณดังกล่าวจึงมีอุณหภูมิสูงกว่าบริเวณรอบข้างทำให้มีความหนาแน่นน้อยลงและลอยตัวขึ้นสู่พื้นผิวดวงอาทิตย์ แต่สิ่งที่สำคัญคือในขณะที่พลาสมาลอยตัวขึ้นสู่พื้นผิวบนดวงอาทิตย์ พลาสมาจะดึงเส้นแรงสนามแม่เหล็กที่บริเวณนั้นขึ้นมาด้วยบริเวณดังกล่าวจึงมีอุณหภูมิต่ำกว่าบริเวณรอบข้างเกิดเป็นจุดบนดวงอาทิตย์ (sunspot) ขึ้นใน 2บริเวณ ที่ บริเวณบ่วงสนามแม่เหล็กลักษณะการเกิดเช่นนี้จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องบนพื้น ผิวดวงอาทิตย์และจำนวนจุดบนดวงอาทิตย์ก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เป็นกลุ่มๆ ดังภาพที่ (d-f) ส่วนบริเวณบ่วงสนามแม่เหล็กนี้เองเส้นสนามแม่เหล็กก็จะเกิดการบิดตัวมากขึ้นเรื่อยๆ การที่เส้นแรงแม่เหล็กเกิดการบิดตัวมากขึ้นนั้น หมาย ถึงบริเวณนั้นมีการสะสมพลังงานมากขึ้นเช่นกันจนถึงจุดวิกฤตทำให้เส้นแรงแม่ เหล็กที่บิดพันกันเป็นเกลียวขาดออกจากกันและเกิดการปลดปล่อยมวลออกสู่อวกาศ หรือที่เรียกว่าการปลดปล่อยมวลโคโรนา (Coronal mass ejection : CME) มวลที่ถูกปลดปล่อยออกมาและมีความเร็วหลุดพ้น (Escape Velocity) นั้นจะอยู่ในรูปของประจุไฟฟ้าพลังงานสูงเคลื่อนที่ด้วยความเร็วมากกว่า 618 กิโลเมตรต่อวินาทีพลาสมาบางส่วนจะตกกลับลงสู่ผิวของดวงอาทิตย์ด้วยแรงโน้มถ่วงของดวงอาทิตย์ ลึกลงไปที่ชั้นบรรยากาศของดวงอาทิิตย์ที่มีชื่อว่า ชั้นพาความร้อน (Convection zone) ภายในชั้นนี้ก็ยังมีกิจกรรมเช่นเดิมคือการหมุนวนของพลาสมา โดยจะหมุนวนมีทิศทางเข้าสู่ขั้วทั้งสองของดวงอาทิตย์ในขณะนั้นก็จะเกิดการต่อกันขึ้นมาใหม่ของเส้นแรงแม่เหล็ก (Reconnection) ขึ้นตามภาพที่ (g)พลาสมาและจะหมุนวนไหลต่อเข้าหาแนวเส้นศูนย์สูตรของดวงอาทิตย์ ดังภาพ (h) ขณะที่เกิดการต่อใหม่ของเส้นแรงแม่เหล็กเหล่านี้ เมื่อไหลไปยังเส้นศูนย์สูตรจะเป็นช่วงที่มีโอกาสเกิดการกลับขั้วของสนามแม่เหล็กบนดวงอาทิตย์ขึ้น ดวงอาทิตย์จะมีการสลับขั้วกันทุกๆ 11 ปี เป็นไปตามวัฏจักรของดวงอาทิตย์ (Solar Cycle) จากการบันทึกข้อมูลของดวงอาทิตย์ทำให้เราเข้าใจธรรมชาติของพื้นผิวดวงอาทิตย์มากขึ้นปรากฏการณ์การเกิดจุดบนดวงอาทิตย์ไม่ได้คงที่หากแต่มีการเปลี่ยนแปลงขนาดและจำนวนอยู่ตลอดเวลา โดยจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นและลดลงสลับกันเป็นรอบๆ ในช่วงที่มีจำนวนจุดบนดวงอาทิตย์มากที่สุดช่วงนี้เราเรียกว่า ช่วงสูงสุดสุริยะ (Solar Maximam) หลังจากนั้นจำนวนจุดบนดวงอาทิตย์จะค่อยๆ ลดลงจนถึงช่วงต่ำสุด หรือมีจำนวนน้อยลงเราเรียกช่วงนี้ว่า ช่วงต่ำสุดสุริยะ (Solar Minimam)

    ในช่วงสูงสุดสุริยะ (Solar Maximam) เมื่อเราสังเกตดวงอาทิตย์ผ่านกล้องโทรทรรศน์ที่บริเวณผิวของดวงอาทิตย์จะมีจุดบนดวงอาทิตย์จำนวนมาก จำนวน จุดบนดวงอาทิตย์ยิ่งมีจำนวนมากเท่าใดก็ยิ่งจะชี้ให้เห็นถึงความปั่่นป่วนของ สนามแม่เหล็กบนดวงอาทิตย์มากขึ้นเท่านั้นตามข้อมูลที่ผู้เขียนได้กล่าวเอา ไว้ข้างต้น ดังตัวอย่างภาพดังต่อไปนี้

    as20120319_1_3.jpg

    ภาพแสดงการเปรียบเทียบจำนวนจุดบนดวงอาทิตย์ระหว่างช่วงสูงสุดสุริยะ (Solar maximam) และช่วงต่ำสุดสุริยะ(Solar minimam)
    ภาพซ้ายเป็นภาพแสดงข้อมูลช่วงสูงสุดสุริยะถูกบันทึกเมื่อเดือนมีนาคม ปี ค.ศ. 2001 ส่วนภาพขวาเป็นภาพแสดงข้อมูลพื้นผิวดวงอาทิตย์ช่วงต่ำสุดสุริยะ ถูกบันทึกเมื่อเดือนมกราคม ปี ค.ศ. 2005

    ภาพโดย : ยานอวกาศโซโฮ (SOHO)รับผิดชอบโดยองค์การนาซา (NASA) และองค์การอวกาศยุโรป (ESA)

    as20120319_1_4.jpg

    ภาพการลุกจ้าของดวงอาทิตย์ (Solar Flare)

    ภาพโดย: ดาวเทียมโซโฮ (SOHO) รับผิดชอบโดยองค์การนาซา (NASA) และองค์การอวกาศยุโรป (ESA)

    as20120319_1_5.jpg

    ภาพการปลดปล่อมวลของดวงอาทิตย์ (Coronal mass ejection : CME) ออกสู่อวกาศ

    ภาพโดย : ดาวเทียมโซโฮ (SOHO) รับผิดชอบโดยองค์การนาซา (NASA) และองค์การอวกาศยุโรป (ESA)

    as20120319_1_7.jpg

    ภาพแสดงลักษณะของพื้นผิวดวงอาทิตย์ขณะเกิดลมสุริยะการเคลื่อนที่ของพายุสุริยะเมื่อปะทะกับสนามแม?เหล็กของโลก
    ส่งผลให้สนามแม่เหล็กโลกลู่เบนมากกว่าเดิมเมื่อเทียบกับเหุตการณ์การเกิดพายุสุริยะ
    แก๊สทีมีอนุภาคประจุไฟฟ้าพลังงานสูงจะเคลื่อนที่เข้าสู่บริเวณขั้วทั้งสองของโลก ทำให้เกิดแสงเหนือ-แสงใต้(aurora) ซึ่งมนุษย์แถบขั้วโลกจะมองเห็นเป็นเรื่องเกือบปกติ
    ภาพโดย : ดาวเทียมโซโฮ (SOHO) รับผิดชอบโดยองค์การนาซา (NASA) และองค์การอวกาศยุโรป (ESA)

    as20120319_1_7.jpg

    ภาพแสดงลักษณะของพื้นผิวดวงอาทิตย์ขณะเกิดพายุสุริยะ มีลักษณะการเกิดก็เช่นเดียวกับการเกิดลมสุริยะแตกต่างกันเพียงแค่จะมีความรุนแรงมากกว่าเดิม
    เนื่องจากแก๊สที่มีคุณสมบัติเป็นประจุไฟฟ้าพลังงานสูง จะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ระบบสื่อสาร ดาวเทียม
    และระบบอิเล็กทรอนิกส์บนยานอวกาศต่างๆ ที่มนุษย์ส่งขึ้นไปสังเกตการณ์อยู่ในอวกาศ

    ภาพโดย : ดาวเทียมโซโฮ (SOHO) รับผิดชอบโดยองค์การนาซา (NASA) และองค์การอวกาศยุโรป (ESA)

    เรียบเรียงโดย ธีรยุทธ์ ลอยลิบ

    สำนักบริการวิชาการและสื่อสารทางดาราศาสตร์

    แหล่งอ้างอิง
    http://www.windows2universe.org/sun/activity/sunspot_cycle.html
    http://apod.nasa.gov/apod/ap000309.html
    http://helios.gsfc.nasa.gov/solarmag.html http://www.enterprisemission.com/hyper_confirm.htm

    เอกภพเพื่อความเข้าใจในธรรมชาติของจักรวาล, วิภู รุโรปการ

    http://www.narit.or.th/index.php/astronomy-article/85-magnetic-fields-of-the-sun
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กรกฎาคม 2019
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,686
    ค่าพลัง:
    +97,150
    The Great Shift
    * หลักสูตร The Great Shift Crash Course *
    การแยกสนามแม่เหล็ก, กราฟไดโพล
    สนามแม่เหล็กของเราเริ่มแตกออกเป็นหลายขั้ว เรารู้ว่ามันกำลังดำเนินการอยู่พักหนึ่ง แต่ก็ไม่ชัดเจน รูปภาพนี้วัดความแรงของสนามเป็น nanoteslas สีน้ำเงินแสดงพื้นที่สัปดาห์ที่พวกเขาขนานนามมหาสมุทรแอตแลนติกผิดปกติ พื้นที่สีแดงแสดงการจัดเรียงไดโพลปัจจุบันของสนามแม่เหล็กของเรา ซึ่ง อ่อนแอกว่าขั้วสนามแม่เหล็กเดี่ยวทั่วไปที่เราคุ้นเคย พื้นที่เหล่านี้ไม่คงที่พวกเขาเดินและผันผวนค่อนข้างน้อย ....
    FB_IMG_1563499131753.jpg
    *The Great Shift Crash Course*
    Magnetic Field Split, Dipole Graph
    Our magnetic field is starting to fragment into multiple poles. We know that has been underway for a while, just wasn't this obvious. This image measures the field strength in nanoteslas. Blue shows the week area they have dubbed the South Atlantic Anomaly. Red areas show the current dipole arrangement of our field. Much weaker than the normal single pole we are used to. These areas are not static, they wander and fluctuate quite a bit....
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,686
    ค่าพลัง:
    +97,150
    นอกจากเกษตรลำไยจะต้องเจอกับภัยแล้ง ลำไยแตก ปัญหาราคาต่ำแล้ว ยังต้องมาระมัดระวังเพลี้ยเหล่านี้อีก มีทุกปีระมัดระวังกันด้วยนะครับ

    เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา รับแจ้งมีขโมยเข้ามาขโมยลำไยบริเวณสวนหลังโรงพยาบาลลี้ ทาง จนท. เข้าตรวจสอบ พบของกลางลำไยใส่ถุงยูเรีย 2 กระสอบ กับ อีก 1 กระโล๊ะ ส่วนคนขโมยหนีไปได้ แต่ทิ้งจักรยานยนต์ไว้ จึงได้ยึดของกลางทั้งหมดไปไว้ที่ สภ.ลี้ สอบสวนต่อ ตอนนี้ทราบชื่อเจ้าของรถแล้ว และคงจะตามตัวผู้ต้องสงสัยได้ภายในเร็วนี้ จึงฝากไปยังเกษตรกรเขตอำเภอลี้ ดูแลผลผลิตของท่านอย่างใกล้ชิดด้วย เพราะมีเหตุขโมยแบบนี้ทุกปี

    ------------------
    ข้อมูลข่าวจากเพจ คนเมืองลี้

     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,686
    ค่าพลัง:
    +97,150
    คมชัดลึกทั่วไทย

    แฉเขื่อนยักษ์จีน-ลาวทำน้ำโขงแล้งผันผวน - จับตาเขื่อนเจ้าพระยา กรมชลฯเข้มจัดสรรน้ำ
    #คมชัดลึก #ลึกกว่าข่าว #คมชัดลึกลึกกว่าข่าว
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,686
    ค่าพลัง:
    +97,150
    วิกฤติดินเค็มอีสาน
    วันที่ 19 กรกฎาคม 2562 - 06:10 น.
    cjabaj9e77f8fb8jije7a.jpg
    :
    แต่ส่วนใหญ่จะประสบปัญหาคุณภาพดินขาดความอุดมสมบูรณ์ ดินเค็ม ดินทราย นอกจากนี้ ยังขาดแคลนแหล่งน้ำ และปัจจัยการผลิตต่างๆ ที่สำคัญคือการปลูกพืชไม่เหมาะสมกับสภาพดิน ทำให้ผลผลิตต่อไร่ต่ำ ส่งผลกระทบต่อรายได้และความเป็นอยู่ของเกษตรกร

    ทั้งนี้สำนักงานพัฒนาที่ดินเขต 5 พยายามถ่ายทอดความรู้เรื่องการทำเกษตรในพื้นที่เหมาะสม (Zoning by Agri-map) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต เกษตรกรสามารถใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดและ ยั่งยืน พร้อมกันนี้ ยังมุ่งเน้นให้เกษตรกรมีสระน้ำในไร่นาอย่างน้อยรายละ 1 บ่อ เพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ในฤดู แล้ง

    5kb68a89c55fkeha99j58.jpg

    ซึ่งจากการสำรวจข้อมูลพบว่าเกษตรกรที่มีสระน้ำในไร่นา เมื่อประสบปัญหาภัยแล้งอย่างปีที่ผ่านมาถือ ว่าแล้งหนักยังมีน้ำเหลือใช้อีก 20-30% ของความจุสระน้ำ เพียงพอที่จะใช้ในการทำเกษตร ลดผลกระทบ จากปัญหาภัยแล้งได้ในระดับหนึ่ง กรมพัฒนาที่ดินได้ทำโครงการแหล่งน้ำ ในไร่นานอกเขตชลประทาน (บ่อจิ๋ว)

    โดยให้เกษตรกรมีส่วนร่วมในการออกค่าใช้จ่าย 2,500 บาทต่อบ่อ ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ากับ ประโยชน์ที่จะได้ร้บ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคอีสานที่ประสบปัญหาภัยแล้งเป็นประจำ ซึ่งไม่เพียงแต่มีแหล่งน้ำไว้ใช้ ในสระน้ำยังสามารถเลี้ยงปลาหรือสัตว์น้ำ ต่างๆ รอบขอบสระก็ปลูกพืชผักสวนครัว ไว้บริโภคใน ครัวเรือนหรือจา หน่ายสร้างรายได้อีกทางหนึ่ง

    ส่วนด้านการปรับปรุงบำรุงดิน ได้ส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกพืชหลังนาโดยเฉพาะพืชตระกูลถั่ว เช่น ปอเทือง เป็นพืชปุ๋ยสดไถกลบเพื่อเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้กับดิน ตัวอย่างที่ อำ เภอโคกโพธิ์ไชย จังหวัด ขอนแก่น เกษตรกรที่นี่จะปลูกพืชหลังนาทุกแปลง

    bfkb5id55hc568c6eaijb.jpg

    ไม่เพียงแต่ดินดีขึ้น ยังสามารถขายเมล็ดพันธุ์พืชปุ๋ยสด คืนให้กับกรมพัฒนาที่ดินเป็นรายได้เสริมจากอาชีพหลัก ช่วยให้เกษตรกรมีรายได้ไม่ต้องอพยพไปหางาน ทำนอกภาคเกษตรหลังฤดูทำนา

    สำหรับพื้นที่ดินเค็มซึ่งเป็นปัญหาสำคัญในพื้นที่ภาคอีสานเนื่องจากมีพื้น ที่ดินเค็มมากถึง 17.5 ล้านไร่ ทางสำนักงานพัฒนาที่ดินเขต 5 ได้ศึกษาวิจัยหารูปแบบการจดัการดินเค็มอย่างมีประสิทธิภาพและถ่ายทอดขยายผลสู่เกษตรกร จนปัจจุบนั มีเกษตรกรหลายรายที่ประสบความสำเร็จ สามารถใช้พื้นที่ดินเค็มทำการเกษตร มีรายได้และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น แสดงให้เห็นว่าปัญหาดินต่างๆ สามารถแก้ไช้ได้เพียงแค่มีการจัดการอย่างถูกต้อง

    อย่างไรก็ตามกรมพัฒนาที่ดินกำลังเร่งทำแผนการใฃ้ที่ดินระดับตำบล โดยมีตำบลนำร่อง 77 ตำบล ใน 77 จังหวัด ซึ่งในแผนที่ดังกล่าวจะมีข้อมูล เช่น ข้อมูลกลุ่มชุดดิน การใช้ประโยที่ดิน ความเหมาะสมของดินกับการปลูกพืช ข้อมูลดินปัญหา เป็นต้น เกษตรกรสามารถใช้ข้อมูลประกอบการตัดสินใจวางแผน ทำการเกษตร สามารถบริหารจัดการพื้นที่ของตนเองได้อย่างเหมาะสมยิ่งขึ้น

    g59gif8ddihgecdbb65hk.jpg

    ในส่วนของพื้นที่ 8 จังหวัดภาค อีสานเหนือ ได้เชิญเกษตรกรในแต่ละตำบลมาให้ความคิดเห็นสำหรับเป็นข้อมูลจัดทำเป็นแผนที่ของตำบล เรียบร้อยแล้ว ทำให้ทราบถึงปัญหาและความต้องการของเกษตรกรในพื้นที่รอบด้านมากขึ้น ดังนั้น สำนักงานพัฒนาที่ดินเขต 5 จึงมอบหมายให้สถานีพัฒนาที่ดินทั้ง 8 จังหวัด เร่งเข้าไปให้การสนับสนุนช่วยเหลือแก้ไขปัญหาต่างๆ ของเกษตรกรในพื้นที่ เพื่อเปิดโอกาสให้เกษตรกรได้เข้าถึงองค์ความรู้และบริการของภาครัฐอย่างทั่วถึงมากขึ้น

    http://www.komchadluek.net/news/agricultural/380166
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,686
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ภัยแล้ง! มาแล้วสัญญาณอันตรายวันที่ 19 กรกฎาคม 2562 - 00:00 น.
    bbca99dfehh9akfgifb7a.jpg
    ‘ดับเครื่องชน’ วันนี้ขอให้รัฐบาลติดตามสถานการณ์ภัยแล้งให้ดีเพราะเริ่มมีสัญญาณอันตรายน่าเป็นห่วงสุดโดยเฉพาะท้องที่ภาคอีสานซึ่งจะมีฝนทิ้งช่วงนาน จนเขื่อนพิมายและแม่น้ำชีแล้งแห้งขอด
    กรมอุตุนิยมวิทยาแถลงว่าจะแล้งที่สุดในรอบ 10 ปี ในบริเวณมหาสารคาม, เลย และนครราชสีมา ซึ่งสถานการณ์ภัยแล้งนี้จะต้องเป็นวาระแห่งชาติ เพราะนอกจากสะเทือนถึงชีวิตความเป็นอยู่แล้วเกษตรกรต้องเดือดร้อนหนัก
    เวลานี้ชาวบ้านไม่เข้าใจว่าปรากฏการณ์เอลนีโญหรืออะไรๆ ก็ตามจะส่งผลอย่างไร หวังแต่เทวดาฟ้าดินให้ช่วยส่งพายุฝนเข้ามาดลบันดาลให้เกิดฝนตกด้วยเถิด
    ครม.ในรัฐบาลใหม่ไม่มีเวลาเลี้ยงฉลองกันอีกต่อไปแล้ว ขอให้ช่วยเหลือประชาชนด่วน
    ถึงเวลาที่ต้องแสดงฝีมือแล้ว
    อ๊อด เทอร์โบ
    http://www.komchadluek.net/news/scoop/380038
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,686
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

    Safari กลายเป็นนรกสำหรับนักท่องเที่ยวในแอฟริกาใต้ # 18 กรกฎาคม
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,686
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

    พระอาทิตย์ตกที่น่าตื่นตาตื่นใจใน Manatoba ประเทศ Canada # 18 ก.ค.
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,686
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Clima Extremo 24

    นิวซีแลนด์
    การระเบิดของแก๊สทำให้มีผู้บาดเจ็บอย่างน้อย7คน บ้านหนึ่งหลังถูกทำลายอย่างสมบูรณ์และอีก5 หลังได้รับความเสียหายในเขตชานเมืองของเมืองไครสต์เชิร์ช เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม
    บ้านใกล้เคียงอพยพ หลังจากการระเบิดที่ Marble Court, Northwood Dave Stackhouse ผู้บัญชาการเหตุเพลิงไหม้และพื้นที่ฉุกเฉินของนิวซีแลนด์กล่าวว่าการระเบิดของแก๊สทำให้เกิดการบาดเจ็บหลายราย บริการฉุกเฉินได้อพยพประชาชน 50 คนในพื้นที่
    NUEVA ZELANDA
    Explosión de gas deja al menos siete personas gravemente heridas, una casa quedo completamente destruida y otras cinco están dañadas en los suburbios de Christchurch, 19 de Julio.
    Las casas cercanas han sido evacuadas después de la explosión en Marble Court, Northwood. El comandante del área de Incendios y Emergencias de Nueva Zelanda, Dave Stackhouse, dice que una explosión de gas ha causado múltiples lesiones. Los servicios de emergencia han evacuado a 50 residentes en el área.
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,686
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Clima Extremo 24

    อินโดนีเซีย
    ดินถล่มบนหน้าผาที่หนึ่ง ในสถานที่ท่องเที่ยวของบาดุง หลังจากเกิดแผ่นดินไหว ขนาด 7.3 ที่กระทบกับบาหลีในวันอังคารที่ 16 กรกฎาคม
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,686
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Clima Extremo 24

    ทะเลเซลติก (CELTIC SEA)
    น่ากลัว! แมงกะพรุนยักษ์ขนาดมนุษย์ สร้างความประหลาดใจให้กับนักดำน้ำนอกชายฝั่งของคอร์นวอลล์ ซึ่งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของอังกฤษ.
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,686
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Clima Extremo 24

    สหรัฐอเมริกา
    FB_IMG_1563505411667.jpg
    กว่า 130 ล้านคนอยู่ภายใต้การแจ้งเตือนสำหรับคลื่นความร้อนในสหรัฐอเมริกา
    ส่วนใหญ่ของภาคกลาง และตะวันตกเฉียงเหนือของสหรัฐอเมริกาจะมีดัชนีความร้อนมากกว่า 37.7 องศาเซลเซียส บางพื้นที่จะมีมากถึง 46 องศาเซลเซียส
    เกือบครึ่งหนึ่งของประชากรของสหรัฐอเมริกาจะพบอุณหภูมิอย่างน้อย 35 องศาเซลเซียสในเจ็ดวันข้างหน้าตามนักอุตุนิยมวิทยา
    มากกว่า 130 ล้านคนอยู่ภายใต้ประเภทของการเตือนความร้อนในแนวกว้างของภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐอเมริกา
    นิวยอร์ก, บอสตัน, วอชิงตัน, ฮาร์ตฟอร์ด, คลีฟแลนด์, ดีทรอยต์, ชิคาโก, มินนิอาโปลิส, เซนต์หลุยส์, โอคลาโฮมาซิตี, ลิตเติ้ลร็อคเป็นเพียงบางส่วนของเมืองสำคัญที่จะได้สัมผัสกับคลื่นความร้อน
    มากกว่า 250 ล้านคนจะพบอุณหภูมิสูงกว่า 32 องศาเซลเซียสและนี่คือมากกว่า 85% ของประชากร
    "อุณหภูมิระหว่าง 35 ถึงเกือบ 38 องศาฟังดูแย่ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดของคลื่นความร้อนคืออุณหภูมิกลางคืน" นักอุตุนิยมวิทยาของ CNN กล่าว "อุณหภูมิต่ำจากมิดเวสต์ไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะอยู่ระหว่าง 23 และมากกว่า 26 องศาเซลเซียส ในบางสถานที่อุณหภูมิในตอนกลางคืนอาจไม่ต่ำกว่า 26 องศา "
    วอร์ดกล่าวว่าสถานที่หลายสิบแห่งจะสร้างสถิติสำหรับอุณหภูมิต่ำในช่วงกลางคืน
    “ คลื่นความร้อนมีแนวโน้มที่จะก่อให้เกิดผลกระทบที่รุนแรงที่สุดเมื่อค่าต่ำสุดในเวลากลางคืนเหนือปกติเพราะไม่มีสิ่งใดทำให้ร่างกายหรือบ้านเย็นลงได้” เขากล่าว
    ทางตะวันตกเฉียงใต้ มีอุณหภูมิสูงถึง 46 องศาในฟีนิกซ์ เมื่อวันอังคาร ซึ่งน้อยกว่าสถิติที่ตั้งไว้ในปี 2468 สามองศาอุณหภูมิปกติสำหรับช่วงเวลานี้ของปีคือ 41 องศาเซลเซียส
    ต่ำสุดของคืนที่คาดว่าจะเป็น 32 องศาบริการสภาพอากาศแห่งชาติกล่าวว่า
    การแจ้งเตือนความร้อนยังครอบคลุมบางส่วนของ Carolinas และขยายไปยังที่ราบทางใต้จากโอคลาโฮมาซิตีไปดัลลัส ซึ่งอัตราความร้อนจะเข้าใกล้ 43 องศา บริการสภาพอากาศกล่าว
    ส่วนใหญ่ของมิดเวสต์รวมถึงซานหลุยส์, วิชิต้า, โอมาฮา และแคนซัสซิตี้อยู่ภายใต้การเฝ้าระวัง และคาดว่าปรอทจะสูงถึง 37 องศาเซลเซียสในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
    อุณหภูมิในภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะแผดเผาในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ จากวอชิงตันถึงฟิลาเดลเฟีย และนิวยอร์กอุณหภูมิสูงจะเกิน 37 องศา
    ที่มา: ซีเอ็นเอ็น
    ESTADOS UNIDOS
    Más de 130 millones de personas están bajo alerta por ola de calor en EE.UU.
    Una gran parte del centro y del noroeste de Estados Unidos tendrá un índice de calor de más de 37.7 grados centígrados; algunas áreas tendrán hasta 46 grados centígrados.
    Casi la mitad de la población de Estados Unidos verá temperaturas de al menos 35 grados centígrados en los próximos siete días, según los meteorólogos.
    Más de 130 millones de personas están bajo un tipo de aviso de calor, en una amplia franja de Estados Unidos centrales y del noreste.
    Nueva York, Boston, Washington, Hartford, Cleveland, Detroit, Chicago, Minneapolis, St. Louis, Oklahoma City, Little Rock son solo algunas de las principales ciudades que experimentarán la ola de calor.
    Más de 250 millones de personas verán temperaturas superiores a los 32 grados centígrados, y esto es más del 85% de la población.
    “Las temperaturas entre los 35 y casi 38 grados suenan mal, pero el aspecto más significativo de la ola de calor será la temperatura nocturna”, dijo el meteorólogo de CNN Taylor Ward. “Las bajas temperaturas desde el Medio Oeste hasta el Noreste estarán entre los 23 y los más de 26 grados centígrados. En algunos lugares, las temperaturas durante la noche pueden no caer por debajo de los 26 grados”.
    Ward dijo que docenas de lugares establecerán récords de temperaturas bajas durante la noche.
    “Las olas de calor tienden a causar los impactos más severos cuando los mínimos de la noche están muy por encima de lo normal porque no hay alivio para que los cuerpos o los hogares de las personas se enfríen”, dijo.
    En el sudoeste, las temperaturas alcanzaron los 46 grados en Phoenix el martes, tres grados menos que el récord establecido en 1925. La temperatura normal para esta época del año es de 41 grados centígrados.
    Se esperaba que el mínimo de la noche fuera de 32 grados, dijo el Servicio Meteorológico Nacional.
    Las alertas de calor también cubren partes de las Carolinas y se extienden a las Planicies del sur, desde Oklahoma City a Dallas, donde los índices de calor se acercarán a los 43 grados, dijo el servicio meteorológico.
    Gran parte del Medio Oeste, incluyendo San Luis, Wichita, Omaha y Kansas City, están bajo vigilancia, y se espera que el mercurio alcance los 37 grados centígrados en los próximos días, dijo el NWS.
    Las temperaturas en el noreste serán abrasadoras durante el fin de semana. Desde Washington hasta Filadelfia y Nueva York, las altas temperaturas superarán los 37 grados.
    Fuente: CNN
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,686
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Clima Extremo 24

    ยุโรป

    FB_IMG_1563506057747.jpg

    คลื่นความร้อนที่มีอุณหภูมิสูงถึง 40 องศาในยุโรป
    คลื่นความร้อนจะมีการพัฒนาในช่วงปลายสัปดาห์นี้และต้นสัปดาห์หน้าในยุโรปตะวันตก และยุโรปกลาง อุณหภูมิตอนบ่ายอาจสูงถึง 35-40 ° C ในสเปน, ฝรั่งเศส, อิตาลี, เยอรมนีตอนใต้, สหราชอาณาจักร, สวิตเซอร์แลนด์
    ในวันศุกร์ที่ 19 กรกฎาคมท้องฟ้าจะมีเมฆมากในทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ทิศเหนือ และทิศตะวันออกเฉียงเหนือของทวีปซึ่งจะมีการรายงานฝนในระยะสั้นซึ่งจะมีลักษณะที่เป็นอุปสรรคและโดดเดี่ยวพร้อมกับไฟฟ้าช็อต
    ในหมู่เกาะอังกฤษและทางใต้ของคาบสมุทรสแกนดิเนเวีย ปริมาณน้ำจะมีความสำคัญมากกว่า และจะมีการบันทึกลูกเห็บในส่วนที่เหลือของยุโรป สภาพภูมิอากาศโดยทั่วไปจะมีความสวยงามและมีฝนเพียงแห่งเดียวโดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ภูเขา, คาบสมุทรบอลข่านและยุโรปกลาง
    ลมจะมีความหนาแน่นโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับฝน แต่ในพื้นที่ จำกัด และในคาบสมุทรไอบีเรีย อุณหภูมิจะเพิ่มขึ้นจากวันก่อนหน้า ในครึ่งทางใต้ของยุโรป และจะยังคงใกล้เคียงกับช่วงเวลาก่อนหน้านี้
    EUROPA
    Ola de calor con temperaturas de hasta 40 grados en Europa.
    Se desarrollará una ola de calor al final de esta semana y a principios de la próxima semana en Europa occidental y central. Las temperaturas de la tarde podrían alcanzar nuevamente los valores de 35-40 ° C en España, Francia, Italia, el sur de Alemania, el Reino Unido, Suiza.
    El viernes 19 de julio, el cielo se nublará en el noroeste, norte y noreste del continente, donde se reportarán las lluvias locales de corta duración, que tendrán una naturaleza obstructiva y aislada, acompañadas de descargas eléctricas.
    En el archipiélago británico y en el sur de la península escandinava, las cantidades de agua serán más significativas y se registrarán granizos. En el resto de Europa, el clima será generalmente hermoso y solo aislado serán las lluvias, especialmente en las zonas montañosas, la Península de los Balcanes y Europa Central.
    El viento tendrá intensidades especialmente asociadas con la lluvia, pero en áreas restringidas y en la Península Ibérica. Las temperaturas aumentarán desde el día anterior en la mitad sur de Europa y se mantendrán cercanas a las del período anterior.
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,686
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Clima Extremo 24

    โปโลเหนือ
    FB_IMG_1563506983379.jpg
    บันทึกความร้อนในภาคเหนือของขั้วโลกเหนือ
    สถานที่ที่อาศัยอยู่มากขึ้นไปทางเหนือของโลกและน้อยกว่า 900 กิโลเมตรจากขั้วโลกเหนือ พวกเขาลงทะเบียนที่ 21ºCในวันอาทิตย์ที่ 14 กรกฎาคม
    เครื่องวัดอุณหภูมิถึงวันอาทิตย์ที่ 14 กรกฎาคม 21 องศาเซลเซียส การแจ้งเตือนในตอนเหนือของแคนาดาซึ่งเป็นเมืองเหนือสุดของโลกและอยู่ห่างจากขั้วโลกเหนือไม่ถึง 900 กิโลเมตร

    นี่คือบันทึกของความร้อนแน่นอน สำหรับฤดูร้อนเหนือ เนื่องจากมีการบันทึกได้รับรองวันอังคารนี้หน่วยงานอุตุนิยมวิทยาแคนาดา แจ้งเตือน เป็นฐานทัพถาวรที่จัดตั้งขึ้นในคู่ขนาน 82 เพื่อสกัดกั้นการสื่อสารของรัสเซียและมีสถานีอากาศตั้งแต่ปี 1950 อุณหภูมิเฉลี่ยสำหรับเดือนกรกฎาคมอยู่ที่ 3.4 องศาและสูงสุดเฉลี่ยคือ 6.1 องศา
    ในวันอาทิตย์ที่ 14 กรกฎาคม สถานีนี้บนชายฝั่งมหาสมุทรอาร์กติก มีอุณหภูมิสูงถึง 21 องศาและในวันก่อนหน้านั้นเทอร์โมมิเตอร์มีอุณหภูมิ 20 องศา ซึ่งสูงที่สุด บันทึกดังกล่าวก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2499 แต่ได้รับอันตราย ตั้งแต่ปี 2555 โดยมีอุณหภูมิสูงถึง 19 ถึง 20 องศาหลายวัน เร็กคอร์ดได้รับเกินระดับเมื่อปกติเป็นค่าสุดขีด
    “ นี่เป็นบันทึกที่สมบูรณ์แบบที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน” นักอุตุนิยมวิทยาจากกระทรวงสิ่งแวดล้อมแคนาดากล่าว Castellan พิจารณาว่า "น่าประทับใจจากมุมมองทางสถิติ" และ "อีกตัวอย่างหนึ่งในบรรดาบันทึกอื่น ๆ อีกนับร้อยนับร้อยที่สร้างขึ้นโดยภาวะโลกร้อน"
    ฐานตั้งอยู่บนเกาะ Ellesmere มี 75 คนรวมถึงบุคลากรทางทหารและพลเรือนที่เรียกตัวเองว่า Frozen Chosen (ผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นภาษาสเปน) พวกเขาใช้เวลาสามถึงหกเดือนในการให้บริการที่สถานี เมืองใหญ่ที่อยู่ใกล้ที่สุดคือโตรอนโตห่างจากทางใต้ไป 4,380 กิโลเมตร
    บันทึกดังกล่าวถูกสร้างขึ้นในบริบทของคลื่นความร้อนที่รุนแรงด้วยอุณหภูมิสูงทางตอนเหนือของแคนาดาที่ "ทำลายล้างโดยสิ้นเชิง" โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขา "อบอุ่นกว่าปกติเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ครึ่ง" วายวาย Castellan
    เดวิด ฟิลลิปส์นักอุตุนิยมวิทยาด้านสภาพอากาศสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กล่าวว่ามันไม่ใช่เรื่องที่พูดเกินจริง หากพูดถึงคลื่นความร้อนในแถบอาร์กติก “ ทางเหนือจากยูคอนไปจนถึงหมู่เกาะอาร์กติกบันทึกน้ำพุที่อบอุ่นที่สุดที่สองหรือสาม” เขาเล่า
    แบบจำลองการคาดการณ์ของรัฐบาลแคนาดา "แสดงให้เห็นว่าแนวโน้มในการแจ้งเตือนจะดำเนินต่อไปในเดือนกรกฎาคมจากนั้นระหว่างเดือนสิงหาคมถึงต้นเดือนกันยายน"
    คลื่นความร้อนเกิดจากแรงดันสูงเหนือกรีนแลนด์ซึ่งเป็น "ที่ค่อนข้างพิเศษ" และดึงลมใต้ในมหาสมุทรอาร์กติกออกมา อาร์กติกกำลังร้อนเร็วกว่าส่วนอื่น ๆ ของโลกสามเท่า กัสเตลแลน,เน้นเพื่อเตือนถึงความเร่งด่วนในการลดการปล่อยคาร์บอนอย่างรุนแรง
    ที่มา: ประเทศ
    POLO NORTE
    Se registro récord de calor en el norte del Polo Norte.
    El lugar habitado más al norte del planeta y a menos de 900 kilómetros del Polo Norte. Allí se registraron 21ºC el domingo 14 de julio.
    Los termómetros alcanzaron el domingo 14 de Julio los 21 grados centígrados en Alert, en el extremo norte de Canadá, la localidad más septentrional del planeta y que se encuentra a menos de 900 kilómetros del Polo Norte.

    Se trata de un récord de calor absoluto para el verano boreal desde que hay registros, ha certificado este martes la agencia de meteorología canadiense. Alert es una base militar permanente establecida en el paralelo 82 para interceptar comunicaciones rusas y dispone de una estación meteorológica desde 1950. Su temperatura media para un mes de julio es de apenas 3.4 grados y la media máxima es de 6.1 grados.
    El domingo 14 de julio, esta estación a orillas del océano Ártico alcanzó los 21 grados, y el día anterior el termómetro marcó 20 grados, que era hasta entonces la máxima. Ese récord se había establecido el 8 de julio de 1956, pero lleva peligrando desde 2012, con varios días con temperaturas extremas de 19 a 20 grados. El récord se ha superado así en un grado, cuando lo habitual, al ser valores extremos, es que se haga por décimas.
    “Este es un récord absoluto, nunca lo habíamos visto antes“, ha declarado meteorólogo del Ministerio de Medio Ambiente de Canadá. Castellan lo considera “impresionante desde el punto de vista estadístico” y “un ejemplo más entre cientos y cientos de otros récords establecidos por el calentamiento global”.
    n la base, ubicada en la isla de Ellesmere, viven 75 personas, entre militares y personal civil, que se llaman a sí mismos Frozen Chosen (los elegidos congelados en castellano). Pasan de tres a seis meses de servicio en la estación. La ciudad importante más cercana es Toronto, a 4.380 kilómetros al sur.
    El récord se ha producido en el marco de una intensa ola de calor, con unas altas temperaturas en el norte de Canadá que son “totalmente devastadoras”, sobre todo porque han sido “temperaturas mucho más cálidas de lo habitual durante una semana y media”, se lamenta Castellan.
    “No es exagerado hablar de una ola de calor ártica”, ha señalado David Phillips, climatólogo integrante de Medio Ambiente y Cambio Climático, una oficina del Gobierno canadiense. “El norte, desde Yukon hasta las islas del Ártico, registró su segunda o tercera primavera más cálida”, ha recordado.
    Los modelos de previsiones del Gobierno canadiense “muestran que la tendencia en Alert continuará en julio, y luego entre agosto y principios de septiembre”.
    La ola de calor se debe a un frente de alta presión sobre Groenlandia, que es “bastante excepcional” y alimenta los vientos del sur en el océano Ártico, ha explicado Castellan. El Ártico se está calentando tres veces más rápido que otras partes del planeta, ha subrayado Castellan, para alertar de la urgencia de una drástica reducción de las emisiones de carbono.
    Fuente: El Pais
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,686
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Clima Extremo 24

    ตุรกี

    สถานการณ์ที่สำคัญคือ Cumayeri, Akçakoca, 30 กิโลกรัม ฝนที่ตกลงมาในเวลาประมาณ 8-9 ชั่วโมง สถานที่อยู่อาศัยที่, สถานที่ธุรกิจต่างๆ จมอยู่ใต้น้ำ, กระแสน้ำที่แรง, วันที่ 18 กรกฎาคม

     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,686
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Clima Extremo 24

    ตุรกี
    สถานการณ์วิกฤติของน้ำท่วมที่ Akçakoca, กระแสน้ำเชี่ยวกรากกำลังกวาดทุกสิ่งไปสู่ทะเลดำ, Akçakoca ในจังหวัดDüzce, ในวันที่ 18 กรกฎาคม
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,686
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Clima Extremo 24

    ตุรกี
    พวกเขาพบปลาตายนับพันอยู่ในลำธาร
     

แชร์หน้านี้

Loading...