ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,038
    ค่าพลัง:
    +97,150
    (Mar 23) Solar roof กับ นโยบายจูงใจให้เกิดการติดตั้งในครัวเรือน : ในปัจจุบันระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งแผงโซลาร์บนหลังคา (solar roof)1 เป็นที่สนใจของครัวเรือนอย่างแพร่หลายมากขึ้นในหลายประเทศ มีครัวเรือนจำนวนมากสนใจลงทุนติดตั้ง solar roof
    เนื่องจากระบบดังกล่าวช่วยให้ผู้ที่ติดตั้งสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายจากการใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนได้มาก อีกทั้งยังเป็นระบบที่มีอายุการใช้งานที่ยาวนานนับสิบปีโดยไม่จำเป็นต้องมีการบำรุงรักษามากนัก
    นอกจากนี้ ภาครัฐในหลายประเทศได้เล็งเห็นถึงศักยภาพของ solar roof ในการช่วยลดปัญหาภาวะโลกร้อนและถือเป็นหนึ่งในเครื่องมือสำหรับการเปลี่ยนผ่านสู่การเป็นประเทศที่มีการปล่อยคาร์บอนต่ำ (low carbon) ได้
    อย่างไรก็ดี การติดตั้งระบบ solar roof จำเป็นต้องใช้เงินลงทุนที่สูง ทำให้บางครัวเรือนไม่สามารถติดตั้งระบบได้ ดังนั้นเพื่อเป็นการจูงใจให้ครัวเรือนสนใจลงทุนติดตั้งระบบมากขึ้น
    หลายประเทศจึงมีนโยบายส่งเสริมที่แตกต่างกันไป สำหรับประเทศสหรัฐอเมริกา หลายรัฐได้เลือกใช้นโยบายระบบหักลบจากหน่วยไฟฟ้าที่ประชาชนใช้ไฟฟ้าในเดือนถัดไป (Net Energy Metering หรือ NEM) ซึ่งเป็นการให้เครดิตส่วนลดในกรณีที่ครัวเรือนผลิตไฟฟ้าได้มากกว่าไฟฟ้าที่ใช้
    หมายความว่า เมื่อครัวเรือนติดตั้งแผงโซลาร์บนหลังคา และผลิตไฟฟ้าได้มากกว่าที่ใช้ในครัวเรือน ไฟฟ้าส่วนเกินนี้จะถูกแปลงเป็นเครดิตส่วนลดในบิลค่าไฟฟ้าของเดือนถัดไป โดยที่ 1 หน่วยของไฟฟ้าส่วนเกินจะถูกแปลงเป็นส่วนลดเทียบเท่ากับค่าไฟฟ้า 1 หน่วยในเดือนถัดไป
    ถึงแม้ว่านโยบาย NEM นี้จะช่วยดึงดูดครัวเรือนจำนวนมากให้ลงทุนติดตั้ง solar roof แต่ทว่านโยบายดังกล่าวกลับส่งผลลบต่อครัวเรือนในบางกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มครัวเรือนที่มีความมั่งคั่งน้อย
    กล่าวคือ นโยบาย NEM ทำให้เกิดการผลักภาระต้นทุนคงที่ไปให้กับครัวเรือนที่ไม่มีการติดตั้ง solar roof ซึ่งส่วนใหญ่เป็นครัวเรือนที่มีความมั่งคั่งน้อย ผลที่ตามมาคือ ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยต่อหน่วยสำหรับครัวเรือนที่มีความมั่งคั่งน้อยและไม่มีการติดตั้ง solar roof มีราคาที่สูงขึ้น นำไปสู่ความไม่เท่าเทียมกันในสังคม
    ด้วยเหตุนี้จึงทำให้บางรัฐ เช่น รัฐแคลิฟอร์เนียมีการทบทวนนโยบาย NEM หลายครั้งเพื่อลดปัญหาดังกล่าว ปัจจุบันรัฐแคลิฟอร์เนียได้เปลี่ยนมาใช้นโยบาย NEM 3.0 ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปี 2023
    โดย NEM 3.0 ลดมูลค่าของการให้เครดิตส่วนลดเหลือเพียง 25% การตัดสินใจลดมูลค่าของเครดิตนี้อาจช่วยลดผลกระทบที่ไม่พึงประสงค์ต่อครัวเรือนที่ไม่ติดตั้ง solar roof ได้ แต่ขณะเดียวกันก็เป็นการลดการจูงใจให้ครัวเรือนใหม่ ๆ หันมาติดตั้ง solar roof ด้วยเช่นกัน เพื่อหาทางออกให้กับปัญหานี้ Bollinger et al. (2025) จึงได้ศึกษาหาแนวทางจูงใจในรูปแบบอื่น ๆ แทนการใช้นโยบาย NEM
    Bollinger et al. (2025) ได้ใช้ข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียมจาก Google Sunroof เพื่อประเมินศักยภาพในการผลิตไฟฟ้า โดยพิจารณาจากลักษณะทางกายภาพของหลังคาบ้าน (เช่น ขนาดพื้นที่ ทิศทางของหลังคา เป็นต้น)
    อีกทั้งยังทำการเชื่อมโยงข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียมกับฐานข้อมูลอื่น ๆ เช่น ฐานะทางเศรษฐกิจของครัวเรือน การใช้ไฟฟ้า และการจดทะเบียนติดตั้ง solar roof ของครัวเรือน เพื่อประเมินศักยภาพของครัวเรือน
    โดยใช้กลุ่มตัวอย่างในพื้นที่ของรัฐแคลิฟอร์เนียในระหว่างปี 2014 ถึง 2016 จำนวนทั้งสิ้น 183,667 ครัวเรือน ซึ่งข้อมูลดังกล่าวเป็นข้อมูลในช่วงที่ยังใช้นโยบาย NEM แบบเดิมที่เครดิตยังไม่โดนลดมูลค่า
    การศึกษานี้ได้มีการพัฒนาแบบจำลอง dynamic discrete choice เพื่อวิเคราะห์การตัดสินใจและแรงจูงใจของครัวเรือนในการติดตั้ง solar roof โดยการประมาณค่าอัตราคิดลดแฝง (implicit discount rate) จากอรรถประโยชน์รวมที่ครัวเรือนจะได้รับในอนาคตจากการติดตั้ง
    ผลการประมาณค่าจากแบบจำลองเมื่อแยกตามระดับความมั่งคั่งของครัวเรือนตัวอย่าง พบว่า ครัวเรือนที่มีความมั่งคั่งมากมีอัตราคิดลดแฝงที่ 10.0%
    ส่วนครัวเรือนที่มีความมั่งคั่งปานกลางมีอัตราคิดลดแฝงที่ 13.8% และครัวเรือนที่มีความมั่งคั่งน้อยมีอัตราคิดลดแฝงที่ 15.3% กล่าวคือ ครัวเรือนที่มีความมั่งคั่งน้อยจะได้รับอรรถประโยชน์รวม ณ ปัจจุบันจากการติดตั้ง solar roof ต่ำกว่าครัวเรือนที่มีความมั่งคั่งมาก
    แสดงให้เห็นว่า รัฐควรใช้นโยบายจูงใจที่ให้ผลตอบแทนจากการติดตั้ง solar roof แก่ครัวเรือนที่มีความมั่งคั่งน้อย "สูงกว่า" ครัวเรือนที่ความมั่งคั่งมาก
    นอกจากนี้ ในการศึกษานี้ยังได้มีการปรับแบบจำลองเพื่อทดสอบสถานการณ์ที่ไม่ได้เกิดขึ้นจริง (counterfactual) โดยจำลองการใช้นโยบายลดมูลค่าเครดิตลงเช่นเดียวกับ NEM 3.0 แล้วนำเงินครึ่งหนึ่งของเครดิตที่ประหยัดได้ไปช่วยเหลือในการลงทุนติดตั้ง solar roof แทน ผลลัพธ์ที่ได้คือ ขนาดของการติดตั้ง solar roof ในครัวเรือนใหม่ ๆ
    โดยรวมมีระดับใกล้เคียงกับก่อนที่จะปรับลดมูลค่าเครดิตลง และยังพบว่าครัวเรือนที่มีความมั่งคั่งน้อยมีสัดส่วนในการติดตั้งที่มากขึ้นกว่าตอนก่อนลดมูลค่าเครดิต
    ในขณะที่ครัวเรือนที่มีความมั่งคั่งมากมีการติดตั้งที่ลดลง ซึ่งหมายถึงวิธีการนี้ช่วยลดปัญหาความไม่เท่าเทียมของนโยบายจูงใจให้น้อยลงได้ โดยยังรักษาระดับการเติบโตของการติดตั้ง solar roof ไว้ได้
    งานวิจัยชิ้นนี้ช่วยเสนอทางเลือกใหม่สำหรับนโยบายจูงใจติดตั้ง solar roof โดยไม่ทำให้เกิดปัญหาความไม่เท่าเทียม และยังเป็นการใช้งบประมาณของรัฐหรือผู้ให้บริการไฟฟ้าได้อย่างคุ้มค่ามากยิ่งขึ้น ซึ่งอนาคตอาจเป็นทางเลือกที่สำคัญของหลาย ๆ ประเทศรวมถึงประเทศไทยให้สามารถเข้าสู่การเป็นประเทศ carbon neutrality ได้เร็วยิ่งขึ้นได้
    สุรศักดิ์ เจิดพสุพร
    สถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์
    Source: PIER
    https://www.pier.or.th/blog/2025/0201/
    https://www.facebook.com/share/1Gf8sG4nhn/
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,038
    ค่าพลัง:
    +97,150
    (Mar 23) ญี่ปุ่นอยู่อย่างไร เมื่อประเทศขาดแคลนแรงงาน: ข้อมูลจากสำนักงานกำกับดูแลคนเข้าเมืองล่าสุดเมื่อต้นเดือนมีนาคม 2025 พบว่า ญี่ปุ่นมีจำนวนประชากรต่างชาติอาศัยในประเทศสูงถึง 3.77 ล้านคน เพิ่มขึ้นประมาณ 358,000 คน หรือ 10.5% จากตอนสิ้นปี 2023 ซึ่งทำนิวไฮติดต่อกันเป็นปีที่สาม
    หมายความว่า ญี่ปุ่นมีประชากรต่างชาติเพิ่มขึ้นราว 1 ล้านคน ช่วงสามปีที่ผ่านมา
    ขณะที่สถาบันวิจัยประชากรและความมั่นคงทางสังคมแห่งชาติญี่ปุ่น คาดการณ์ว่า ภายในปี 2067 ญี่ปุ่นจะมีสัดส่วนของจำนวนประชากรต่างชาติเกิน 10% ของประชากรทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ด้วยอัตราการเกิดที่ต่ำกว่าคาด ช่วงเวลาดังกล่าวอาจมาถึงเร็วขึ้นกว่าที่คาดการณ์ไว้ด้วย
    ประชากรต่างชาติที่เพิ่มขึ้นในประเทศญี่ปุ่น นอกจากคนต่างชาติที่แต่งงานไปอยู่ญี่ปุ่น ส่วนใหญ่ก็เป็นการเพิ่มขึ้นของกลุ่มแรงงานทักษะที่เข้ามาทำงานในญี่ปุ่น ผ่านโครงการวีซ่าแรงงานทักษะเฉพาะทาง (Specified Skilled Worker) ซึ่งมีการมอบวีซ่าดังกล่าวเพิ่มขึ้น 36.5% นับจากสิ้นปี 2023 และมีการมอบวีซ่าผู้เชี่ยวชาญ (Highly Skilled Professional) เพิ่มขึ้น 19.8% ในช่วงเวลาเดียวกัน
    ข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุข แรงงานและสวัสดิการญี่ปุ่น เผยแพร่เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2025 ระบุว่า ญี่ปุ่นมีแรงงานต่างชาติคิดเป็น 3.4% ของจำนวนแรงงานทั้งหมด
    โดยในเดือนตุลาคม 2024 ที่ผ่านมา ญี่ปุ่นมีจำนวนแรงงานต่างชาติทั้งหมดเป็น 2.3 ล้านคน ซึ่งสถาบันนโยบายและการฝึกอบรมแรงงานแห่งประเทศญี่ปุ่น ประมาณการไว้ว่าในปี 2025 จำนวนแรงงานต่างชาติจะเพิ่มขึ้นอีกเป็น 2.36 ล้านคน
    เมื่อแบ่งตามสัญชาติพบว่า แรงงานต่างชาติส่วนใหญ่เป็นแรงงานจากเวียดนาม 570,000 คน คิดเป็นสัดส่วน 24.8% ตามด้วยจีน 400,000 คน คิดเป็น 17.8% และฟิลิปปินส์ 240,000 คน สัดส่วน 10.7%
    หากพิจารณาการเติบโตของจำนวนแรงงาน โดยแบ่งตามสัญชาติพบว่า แรงงานเมียนมา มีอัตราการเติบโตมากสุด 61% เมื่อเทียบเป็นรายปี (YOY) ตามด้วยแรงงานอินโดนีเซีย ซึ่งเพิ่มขึ้น 39.5% และศรีลังกาเพิ่มขึ้น 33.7%
    อย่างไรก็ดี หากมองในมุมของภาคอุตสาหกรรมพบว่า แรงงานต่างชาติส่วนใหญ่ทำงานในภาคการผลิต มากสุด 590,000 คน คิดเป็นสัดส่วน 26.0% ตามด้วยภาคบริการ 350,000 คน คิดเป็นสัดส่วน 15.4% และค้าส่งและค้าปลีกที่ 290,000 คน หรือ 13.0%
    และพบว่า ภาคบริการสาธารณสุขและสังคมสงเคราะห์ พยาบาลดูแลผู้สูงอายุ มีการจ้างแรงงานต่างชาติเพิ่มขึ้นมากสุดที่ 28.1% เมื่อเทียบเป็นรายปี (YOY) ตามด้วยภาคก่อสร้าง ซึ่งจ้างแรงงานต่างชาติเพิ่มขึ้น 22.7% โรงแรมและร้านอาหารโต 16.9%
    เจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุข แรงงานและสวัสดิการญี่ปุ่นกล่าวว่า เหตุผลที่แรงงานต่างชาติส่วนใหญ่เลือกมาทำงานในญี่ปุ่น แทนที่จะเป็นไต้หวัน หรือเกาหลีใต้ เป็นเพราะว่าญี่ปุ่นมีระบบที่ยอมรับแรงงานและมีความปลอดภัยสาธารณะ (Public Safety) โดยรัฐบาลญี่ปุ่นให้ความช่วยเหลือแรงงานต่างชาติอย่างเต็มที่ มีการตั้งศูนย์ให้คำปรึกษาแรงงานต่างชาติตามหน่วยงานระดับชาติและหน่วยงานระดับท้องถิ่นเพิ่มขึ้นเป็น 261 จุดในปี 2023 จาก 139 จุดในปี 2019 นอกจากนี้ รัฐบาลยังเล็งเพิ่มสถานศึกษาภาษาญี่ปุ่นอีก 20% เป็น 2,727 แห่งในอีก 5 ปีข้างหน้า เพื่อรองรับการให้บริการกับแรงงานต่างชาติ
    นอกจากนี้ รัฐบาลกำลังพิจารณาทบทวนโครงการแรงงานทักษะเฉพาะทาง โดยจะยอมให้ชาวต่างชาติทำงานเพิ่มเติมได้ในอีก 4 สาขา เช่น พนักงานขับรถแท็กซี่ และพนักงานเดินรถไฟ
    Source: ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
    https://www.prachachat.net/world-news/news-1778078
    เพิ่มเติม
    - Survey: Local governments 'battle' to secure foreign workers: https://www.asahi.com/ajw/articles/photo/54351911
    https://www.facebook.com/share/p/1UXmBZ8gZR/
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,038
    ค่าพลัง:
    +97,150
    อึ้ง! สื่อตะวันตกแฉ ยอดติดเอดส์พุ่งใน “ลาว” เขตโปรเจกต์เขื่อน-เหมืองสามเหลี่ยมทองคำ สาวลาวเร่ขายบริการทางเพศ "แรงงานจีน" แบบ 1 ต่อ 10 พบไม่ชอบสวม “ถุงยาง"
    .
    .
    .
    .
    .
    เอเจนซีส์ – เจ้าหน้าที่สาธารณสุขลาวล่าสุดวิตกถึงตัวเลขการติดเชื้อ HIV ป่วยโรคเอดส์พุ่งในเขตสามเหลี่ยมทองคำที่มีพื้นที่ติดต่อระหว่างลาว-ไทย-พม่า หลังคนงานก่อสร้างจีนโปรเจกต์เหมืองและโครงการเขื่อนกระแสไฟฟ้าพลังน้ำซื้อความสุขจากสาวลาว พบสาวลาว 1 คนต้องรับแขกแรงงานจีนถึง 10 คนและไม่ยอมสวมถุงยางอนามัย
    .
    เรดิโอฟรีเอเชียของสหรัฐฯรายงานวันพฤหัสบดี(20)ว่า เจ้าหน้าที่สาธารณสุขลาวแสดงความวิตกถึงพฤติกรรมการมีเพศสัมพันธ์อย่างไม่ปลอดภัยและขาดความรู้ว่าโรคเอดส์นั้นจะแพร่จากคนหนึ่งไปสู่อีกคนได้อย่างไร
    .
    สาววัยรุ่นลาวกำลังติดเชื้อโรคเอดส์หลังขายบริการให้กับแรงงานจีนที่เข้าประเทศมาร่วมหลายพันคนเมื่อไม่กี่ปีมานี้ในโครงการก่อสร้างเขื่อนกระแสไฟฟ้าพลังน้ำและเหมือง
    .
    แนวโน้มเคสติดเชื้อ HIV เพิ่มขึ้นพบในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำที่มีพื้นที่ติดต่อระหว่างลาว-ไทย-พม่า ตรงข้ามกับอำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย
    .
    เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำนี้เป็นแหล่งการพนันและการท่องเที่ยวดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนมาเยือนแขวงบ่อแก้วที่สร้างชื่อในฐานะเป็นสวรรค์สำหรับแหล่งการกระทำผิดทั้งหลายรวมขึ้นชื่อในเรื่องการค้าประเวณี
    .
    “ลูกค้าของผู้หญิงเหล่านั้นเป็นชายชาวจีนที่มีพฤติกรรมมักไม่ชอบสวมถุงยางอนามัย” ผู้อำนวยการสมาพันธ์คนอยู่ร่วมกับ HIV/AIDS หรือ APLPlusLaos ให้สัมภาษณ์เรดิโอฟรีเอเชียวันอังคาร(18)
    .
    พร้อมเสริมว่า มีบางตัวอย่างพบว่า มีชาย 1 คนจ่ายเงินผู้หญิงลาวสำหรับบริการทางเพศ และจัดการให้เพื่อนร่วมงานชายของเขามีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงลาวคนเดียวกันนี้
    .
    “คนเหล่านี้จะแบ่งผู้หญิงกับชาย 10 คน” ผู้อำนวยการเสริม และกล่าวต่อว่า “เป็นลักษณะการต่อคิว”
    .
    นอกเหนือจากนี้พบว่าเหมืองโปแตชขนาดใหญ่ในแขวงคำม่วนที่มีแรงงานจีนไม่กี่พันคนต่างเข้าหาสาวรุ่นในพื้นที่ซึ่งเสนอขายบริการทางเพศ แหล่งข่าวมากกว่า 1 คนเปิดเผยกับเรดิโอฟรีเอเชียปีที่แล้ว
    .
    อ้างอิงจากศูนย์เพื่อ HIV/AIDS (Laos’ Center for HIV/AIDS) พบว่าจำนวนคนติดเชื้อ HIV เพิ่มขึ้นทุกปีนับตั้งแต่ปี 2022
    .
    เจ้าหน้าที่สาธารณสุขลาวกล่าวว่า แต่ทว่าพฤติกรรมการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัยและการใช้ยาเสพติดแบบฉีดส่งผลทำให้ลาวตกอยู่ในความเสี่ยงการระบาดขยายตัว
    .
    อ้างอิงจากสื่อลาวไทม์สรายงานเมื่อวันที่ 20 ธ.คปีที่ผ่านมาว่า ลาวพบเคสป่วยติดเชื้อ HIV ใหม่ในปี 2024 ราว 1,896 เคสระหว่างมกราคมปี 2024 - พฤศจิกายนปี 2024
    .
    โดยเสริมว่า เคสติดเชื้อเอดส์ใหม่ของปี 2023 เกิดขึ้นในกลุ่มอายุระหว่าง 15 ปี – 24 ปี คิดเป็น 81% ของทั้งหมด
    https://www.facebook.com/share/p/1AGMbB9krv/
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,038
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สหราชอาณาจักรกำลังสำรวจทางเลือกต่างๆในการส่งตัวพวกผู้อพยพที่พวกเขาปฏิเสธให้ลี้ภัย ไปยัง "ศูนย์ส่งกลับ" ในประเทศต่างๆทางตะวันตกของคาบสมุทรบอลข่าน ตามรายงานของเดอะไทม์สในเมื่อช่วงปลายสัปดาห์ อ้างอิงแหล่งข่าวในรัฐบาล ข้อเสนอนี้มีขึ้นในขณะที่ลอนดอนยังคงประสบปัญหาในการรับมือกับวิกฤตที่ยืดเยื้อมานานหลายปี เกี่ยวกับพวกผู้หวังลี้ภัย ที่ใช้เรือขนาดเล็กล่องข้ามช่องแคบอังกฤษเข้ามา
    แม้ที่ผ่านมา สหราชอาณาจักรใช้มาตรการต่างๆนานาในความพยายามลดและควบคุมผู้อพยพ แต่ผลโพลล่าสุดบ่งชี้ว่าปัญหานี้ยังคงเป็นประเด็นที่สำคัญที่สุดลำดับ 2 สำหรับประชาชนในประเทศ รองจากเศรษฐกิจ โดยขณะเดียวกันผลสำรวจพบว่ามีชาวสหราชอาณาจักรถึง 72% ที่มองว่ารัฐบาลรับมือกับวิกฤตคนเข้าเมืองได้อย่างแย่ๆ
    แหล่งข่าวบอกกับหนังสือพิมพ์เดอะไทม์ส ว่าเวลานี้รัฐบาลกำลังประเมินข้อตกลงหนึ่งๆ ซึ่งจะมีการจ่ายเงินให้แก่ประเทศต่างๆอย่างเช่น แอลเบเนีย, เซอร์เบีย, บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา, และมาซิโดเนียเหนือ สำหรับอ้าแขนรับผู้ถูกปฏิเสธคำขอลี้ภัยเป็นรายหัวไป จากนั้นศูนย์ส่งกลับในประเทศเหล่านี้ จะถูกใช้สำหรับเนรเทศพวกผู้อพยพจากประเทศต่างๆ ที่สหราชอาณาจักรไม่มีข้อตกลงส่งตัวกลับถิ่นฐานร่วมกัน
    ข้อเสนอแผนการนี้ ระบุไว้ว่าจะเคลื่อนย้ายผู้ถูกปฏิเสธคำขอลี้ภัยที่มาจากประเทศต่างๆที่ถูกมองว่าไม่มีความปลอดภัยภายใต้กฎหมายสหราชอาณาจักร อาทิ อัฟกานิสถาน, อิ หร่าน และโซมาเลีย ไปยังศูนย์ส่งกลับนอกชายฝั่ง ส่วนผู้ถูกปฏิเสธคำขอลี้ภัยที่มาจากประเทศต่างๆที่ถูกมองว่ามีความปลอดภัย อย่างเช่นเวียดนาม, ปากีสถานและอินเดีย อาจถูกควบคุมตัวชั่วคราวไว้ตามศูนย์ส่งกลับเหล่านั้น ในระหว่างที่เตรียมการเนรเทศพวกเขากลับไปยังบ้านเกิดเมืองนอน
    เคียร์ สตาร์เมอร์ นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร กำลังแสวงหาความร่วมมือกับบรรดาชาติยุโรปอื่นๆ ที่กำลังวางแผนจัดตั้งศูนย์ส่งกลับแบบเดียวกันนี้ ในประเทศที่ 3 อ้างอิงแหล่งข่าวที่เปิดเผยกับเดอะไทม์ส พร้อมระบุปัจจุบันเนเธอร์แลนด์กำลังหารือเกี่ยวกับโครงการดังกล่าวกับรัฐบาลยูกันดา
    เมื่อปีที่แล้ว เยฟตี คูเปอร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยแห่งสหราชอาณาจักร แถลงแผนเปิดตัวมาตรการต่างๆนานาที่มีเป้าหมายจัดการพวกผู้อพยพและเสริมความมั่นคงตามแนวชายแดน ในบรรดามาตรการต่างเหล่านั้น รวมถึงยกระดับการบังคับใช้กฎหมายและส่งตัวกลับประเทศทางเครื่องบิน เช่นเดียวกับเพิ่มความจุของศูนย์กักกันและคว่ำบาตรนายจ้างที่จ้างงานคนเข้าเมืองผิดกฎหมาย
    อย่างไรก็ตามฝ่ายตรงข้ามวิพากษ์วิจารณ์ว่านโยบายต่างๆนานาดังกล่าวขาดแคลนรายละเอียดและเป็นการไม่ยอมรับ "ศักดิ์ศรีและความเป็นมนุษย์ของพวกผู้อพยพ"
    (ที่มา:เดอะไทม์ส/อาร์ทีนิวส์)
    https://www.facebook.com/share/p/18QKnszmc8/
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,038
    ค่าพลัง:
    +97,150
    พบเงินทุนไหลออกจากอียูแตะระดับ 300,000 ล้านยูโรปต่อปี หลังนักลงทุนรายย่อยและนักลงทุนสถาบันเคลื่อนย้ายเงินเข้าสู่ทรัพย์สินที่อยู่นอกภูมิภาค จากคำกล่าวอ้างของ อันโตนิโอ คอสตา ประธานคณะมนตรียุโรป เมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้ว ท่ามกลางปัญหาต่างๆนานา ที่บางส่วนเป็นผลกระทบจากวิกฤตความขัดแย้งในยูเครน
    ความเห็นของคอสตา มีขึ้นในขณะที่ทางกลุ่มกำลังพิจารณาเพิ่มความช่วยเหลือทางทหารที่มอบแก่ยูเครนอีกเท่าตัว เมื่อเทียบเป็นรายปี พร้อมกับเดินหน้าทำตามคำสัญญามอบความช่วยเหลือทางการเงินแก่เคียฟหลายหมื่นล้านยูโร
    หลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะมนตรียุโรป คอสตาให้สัมภาษณ์กับพวกผู้สื่อข่าวว่า พวกพวกเจ้าหน้าที่ในบรัสเซลส์ กำลังหาทางจัดการกับเงินทุนไหลออกด้วยการลดราคาพลังงาน ซึ่งพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 ปี อันส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมหลักๆและบริษัททั้งหลาย
    "จนถึงตอนนี้ เงินเก็บของครอบครัวอียูราว 300,000 ล้านยูโร ไหลออกจากตลาดสหภาพยุโรปในแต่ละปี" คอสตากล่าว ยอมรับว่าการทำธุรกิจตามปกติไม่ใช่ทางเลือกสำหรับกลุ่มอีกต่อไป "มีเงินจำนวนถึง 300,000 ล้านยูโร ที่ไม่ได้อุดหนุนธุรกิจในสหภาพยุโรป"
    คอสตา เรียกร้องให้ปรับลดกฎระเบียบและระบบราชการที่มากเกินความจำเป็นลง 25% สำหรับบริษัททั้งหมดของยุโรป และ 35% สำหรับธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง ในความพยายามดึงดูดเงินทุนกลับสู่กลุ่ม
    เงินทุนไหลออกมหาศาลหลายแสนล้านยูโร เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่อียูกำลังหาทางคงไว้ซึ่งเงินสนับสนุนยูเครน ความพยายามดังกล่าวมีแรงขับเคลื่อนจากกรณีที่มีความกังวลมากขึ้นในบรัสเซลส์ ว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ อาจหยุดกระแสอาวุธของอเมริกาที่ป้อนแก่รัฐบาลของประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี
    ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่แล้ว คาจา คัลลาส หัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศของอียู เสนอแผนสายเหยี่ยว ที่จะเพิ่มกระแสเงินสดของกลุ่มป้อนแก่เคียฟในปีนี้ เป็นแตะระดับ 40,000 ล้านยูโร
    ในวันพฤหัสบดี(20มี.ค.) ฮังการี ซึ่งวิพากษ์วิจารณ์อียูมาช้านานต่อกรณีมอบความช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครน ปฏิเสธลงนามในแถลงการณ์ร่วมของอียู ที่เรียกร้องให้เพิ่มเงินสนับสนุนเคียฟ
    วิคเตอร์ ออร์บาน นายกรัฐมนตรีฮังการี บอกว่าอียูพังครืนแล้ว เนื่องจากพวกเขาใช้ "เงินไปหมดแล้ว" และความเป็นจริงคือไม่เหลือแม้แต่เพนนีเดียว ที่จะสนับสนุนยูเครน ท่ามกลางความขัดแย้งกับรัสเซีย
    (ที่มา:อาร์ทีนิวส์)
    https://www.facebook.com/share/p/18TdAbRoxg/
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,038
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สุดท้ายแล้วยูเครนจะจัดการเลือกตั้งประธานาธิบดี ท่ามกลางสถานการณ์ที่ยากลำบากของประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี จากความเห็นของ สตีฟ วิตคอฟฟ์ ทูตพิเศษด้านตะวันออกกลางของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ
    .
    วาระการดำรงตำแหน่ง 5 ปีของประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน หมดลงไปตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2024 แต่เขาปฏิเสธจัดเลือกตั้ง โดยอ้างกฎอัยการศึก ในขณะที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ไม่ได้มอง เซเลนสกี ในฐานะผู้นำที่ชอบธรรมของยูเครนอีกต่อไป และอ้างว่าสถานะปัจจุบันของเขาอาจเป็นอุปสรรคขัดขวางการลงนามในข้อตกลงสันติภาพใดๆ
    .
    ในเดือนกุมภาพันธ์ ทรัมป์ ตราหน้า เซเลนสกี ว่าเป็น "เผด็จการที่ปราศจากการเลือกตั้ง" และอ้างว่าคะแนนนิยมในบ้านเกิดเมืองนอนของเขานั้นกำลังดำดิ่ง
    .
    ระหว่างให้สัมภาษณ์ที่มีการเผยแพร่ในช่วงเย็นวันศุกร์ (21 มี.ค.) ทัคเกอร์ คาร์สัน ผู้สื่อข่าวคนดังชาวอเมริกัน ได้สอบถาม วิตคอฟฟ์ หนึ่งในคนกลางหลักของทรัมป์ ที่ทำหน้าที่ประสานระหว่างเคียฟกับมอสโก เขาคิดว่ายูเครนจะจัดการเลือกตั้งหรือไม่
    .
    "ใช่ พวกเขาเห็นพ้องในเรื่องนี้ จะมีการจัดเลือกตั้งในยูเครน" ทูตพิเศษรายนี้ตอบกลับ พร้อมระบุว่า เซเลนสกี อยู่ในสถานะที่ยากลำบากมากๆ เนื่องจากรัสเซียมีประชากรมากกว่ามากและมีอาวุธนิวเคลียร์
    .
    "เขาควรรู้ว่าเขากำลังจะถูกบดเป็นผุยผง ตอนนี้คือเวลาที่ดีที่สุดที่เขาจะบรรลุข้อตกลง ประธานาธิบดีทรัมป์สามารถมอบข้อตกลงที่ดีที่สุดให้แก่เขา" วิตคอฟฟ์ กล่าว และเน้นย้ำว่าความช่วยเหลือใดๆ จะ "ไม่ยั่งยืน" จนกว่าจะมีแผนที่ชัดเจนเกี่ยวกับแนวทางยุติความขัดแย้ง "เราไม่อาจมอบเงินช่วยเหลือพวกเขาไปชั่วกาลปาวสาน"
    .
    โพลิติโก เว็บไซต์ข่าวของสหรัฐฯ รายงานเมื่อช่วงกลางเดือนที่ผ่านมา ว่าสมาชิกในคณะทำงานของประธานาธิบดีทรัมป์ อยู่ในการติดต่อกับบรรดาคู่ปรับทางการเมืองของเซเลนสกี ทั้งอดีตประธานาธิบดีเปโตร โปโรเชนโก และอดีตประธานาธิบดียูเลีย ทีโมเชนโก โดยนักการเมืองทั้ง 2 ยืนยันว่าได้คุยกับรัฐบาลทรัมป์จริง แต่คัดค้านจัดการเลือกตั้ง จนกว่าความขัดแย้งกับรัสเซียจะคลี่คลาย
    .
    (ที่มา : อาร์ทีนิวส์)
    -------------------------------
    แหล่งข่าว
    - https://mgronline.com/around/detail/9680000027511
    -------------------------------
    ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
    Website : http://www.thailandvision.co
    Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
    Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
    Youtube : https://www.youtube.com/c/Thailandvision
    https://www.facebook.com/share/p/1XGof7E2b9/
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,038
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ร้านอาหารในจีนกระเสือกกระสน! เจ๊ง 3,000,000 ร้าน ปีที่แล้ว! "สงครามราคา" สุดโหด แข่งตัดราคา ไม่ใช่แข่งที่รสชาติ! เพราะคนประหยัดจัดๆ ในยุคที่เงินหายาก!
    เทรนด์ตอนนี้ เน้นกาแฟแก้วละ 9.9 หยวน (46 บาท) และเซ็ตครอบครัว อาหารชุด 4 คน 99 หยวน (460 บาท)

    *ก็ตลกดีแฮะ ตรงข้ามกับไทย ที่ร้านแพงๆ ยิ่งขายดิบขายดี (ยิ่งที่เจ้าของเพิ่งออกหนังสือสดๆ ร้อนๆ ; ที่เอาอาหารไทยไป "ยกระดับ" กลายพันธุ์เป็นสำหรับ "ผู้ดีพุงแดง ตะแคงพุงแ_ก" --- ประสบความสำเร็จล้นหลาม หลายเจ้า)
    ***ถึงทุกวันนี้ ก็ยังงงๆ เวลาดูรายการแข่งทำอาหาร แล้วโจทย์ว่า "ยกระดับ" ข้าวมันไก่ หรือ "ยกระดับ" หมูสะเต๊ะ ... เอ๊ะ ก็สงสัยว่าไอ้ข้าวมันไก่ ไอ้หมูสะเต๊ะที่เราๆ กินกันมันชั้นต่ำขนาดไหน ถึงต้องวานเชฟเทวดามาช่วยยกขึ้น ...

    ก่อนจะนอกเรื่องไปไกล
    ตอนนี้ เมืองใหญ่ๆ อย่างปักกิ่ง (เป่ยจิง) / เซี่ยงไฮ้ (ซั่งไห่) / กวางเจา (ก่วงโจว) / เซินเจิ้น --- อัตราการปิดตัวของร้านอาหาร ทะลุ 10%
    บางช่วง เผลอๆ ปาเข้าไป 15%

    ทั้งประเทศ เฉลี่ย ร้านอาหารเปิดใหม่อยู่ได้แค่ 500 วันก็จอด
    ถ้าปักกิ่ง ก็เร็วหน่อย ปีเดียวก็บ๊ายบายแล้ว

    จีนเผชิญวิกฤติ "เงินฝืด" --- ข้าวของที่ควรจะต้องแพงขึ้น ดันถูกลง
    ถูกแข่งกัน
    ซึ่งไม่ใช่เรื่องดี สำหรับพ่อค้าแม่ค้าและโรงงาน ... มันจะเจ๊งเอาได้
    ยิ่งขายถูก กำไรยิ่งแคบ
    ทำไปทำมา จะถึงขั้นขาดทุนเอา

    ร้านอาหารในจีน แห่เปิดกันบานเบอะ ตอนกลับมาเปิดประเทศหลังโควิด
    คนอัดอั้นจากล็อกดาวน์ ต้องช้อปล้างแค้น! กินระบายแค้น! จับจ่ายใช้สอยกันกระหน่ำ!
    ❌❌❌
    เปล่าเลย!!! ผิดถนัด
    หลังโควิดกลายเป็นหนืด เงินหาลำบาก คนระมัดระวังมากขึ้นมากๆ --- อะไรไม่จำเป็นจริงๆ ก็ไม่อยากจ่าย

    มิหนำซ้ำ คนตกงานเยอะ ยิ่งจากภาคอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังร่อแร่ หรือจากสายธุรกิจการศึกษา สายการเงิน หรือสายไหนก็เหอะ
    พอไม่มีงาน แต่มีเงินก้อน ก็เปิดร้านอาหารเอา
    เปิดกันจ้าละหวั่น ก็ยิ่งต้องแข่งขันเอาตัวรอด

    ร้านอาหารที่เล่นตลาดกลางๆ ในจีนนี่หนักสุด
    (ราคาประมาณ 100-120 หยวน/หัว ; ราวๆ 460-550 บาท/หัว)
    ร้านเหล่านี้ เจ๊งแหลกลาญ
    *ซึ่งกลับเป็นร้านกลุ่มที่ค่อนข้างไปได้ดีในไทย (จากสายตาผมนะ ไม่มีสถิติอิง)
    ***ที่เขียนข้างบนๆ ถึงได้อ้างถึงบรรดาเชนร้านอาหารของคนคนนั้นในไทย เพราะราคามันประมาณนี้แหละ
    แต่ผลประกอบการ ตรงกันข้าม คนละเรื่องเลย!

    ร้านกลุ่มนี้ในจีนต้องหั่นราคาสู้ ทำสงครามราคา
    แต่มันก็หั่นมาได้ถึงจุดจุดหนึ่งแหละ มีขีด
    สุดท้าย ก็ต้องไปดิ้นรนลดต้นทุนสุดๆ เอา
    ได้บ้างไม่ได้บ้าง
    ถ้าไม่ไหว ก็โบกมือลา จบ

    คนจีนก็ไม่เรื่องมาก
    ขอให้ราคามันถูกกว่าไว้ก่อน --- อร่อยน้อยหน่อย คุณภาพบางลงหน่อย แต่ประหยัดกระเป๋าได้มาก ก็เอา
    (แต่ความจริง ความอร่อยก็มีผลบ้างแหละ --- จีนมีร้านมากให้เลือก ถูกด้วย ความอร่อยพอได้ พอถูๆ ไถๆ ด้วย มันก็มี)

    พอเป็นเทรนด์นี้ ร้านอาหารก็อยู่ยากขึ้นๆ ๆ

    ปี 2020 มีร้านปิด 3 แสนร้าน
    ค่อยๆ ไต่ขึ้นมาเรื่อยๆ
    ข้ามมาปี 2023 ปิดไป 1.4 ล้าน
    ปี 2024 นี่สิ กระโดดปรู๊ด ขึ้นไปเฉียด 3 ล้านเลย

    2025 นี่ยังไง
    น่ากลัวมาก
    หม่ำๆ

    https://www.reuters.com/world/china/chinas-restaurants-race-bottom-deflation-hit-economy-2025-03-21/

    https://www.facebook.com/share/p/1AG5gz4a2d/
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,038
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Mar 24, 2025 คนเป็นหนี้! แบงก์ชาติเปิด 8 สาเหตุทำคนไทยเป็นหนี้ เกือบ 60% คนทำงานครั้งแรกก็เป็นหนี้ พบ 25% เป็นหนี้เสียตั้งแต่อายุเบญจเพส กว่า 60% เงินใช้ฉุกเฉินไม่พอเลยจำเป็นกู้หนี้

    ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือแบงก์ชาติ เปิดเผย 8 ข้อเท็จจริงของการติดหนี้ของคนไทย มีดังนี้

    1. เป็นหนี้เร็ว พบว่า 58% ของคนวัยเริ่มทำงานระหว่าง 25-29 ปี ติดหนี้ และ 1 ใน 4 หรือ 25% เป็นหนี้เสีย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหนี้บัตรเครดิต หนี้ส่วนบุคคล และหนี้รถยนต์/หนี้มอเตอร์ไซค์

    2.เป็นหนี้เกินตัว พบว่า 30% ของลูกหนี้บัตรเครดิต และหนี้ส่วนบุคคลมีบัตรเกิน 4 ใบ และมีวงเงินรวม 10-25 เท่าของรายได้ ซึ่งตรงกันข้ามกับต่างประเทศที่มีห้ามเกิน 5-12 เท่าของรายได้

    3.เป็นหนี้โดยไม่ได้ข้อมูลที่ครบถ้วนถูกต้อง ปรากฏว่า 4 ใน 5 หรือ 80% ของปัญหาการเสนอขายสินเชื่อของแบงก์ คือลูกหนี้มักได้รับข้อมูลไม่ครบถ้วน ไม่ถูกต้อง

    4.เป็นหนี้เพราะจำเป็น พบว่า 62% ของครัวเรือนมีเงินออมไม่เพียงพอเผื่อฉุกเฉิน ครัวเรือนกว่าครึ่ง หรือมากกว่า 50% มีเงินไม่พอจ่ายหนี้ถ้ารายได้ลดลง 20%

    5.เป็นหนี้นาน ปรากฏว่า 1 ใน 4 หรือ 25% ของคนอายุมากกว่า 60 ปี ยังมีภาระหนี้เฉลี่ยสูงกว่า 400,000 บาทต่อคน นอกจากนี้ 40% ของลูกหนี้บัตรเครดิต และหนี้ส่วนบุคคลมักจ่ายขั้นต่ำ

    6.เป็นหนี้เสีย หนี้เสีย 10 ล้านบัญชี พบว่าเกือบครึ่ง หรือราว 4.5 ล้านบัญชี เสียช่วงโควิด-19 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหนี้ส่วนบุคคล และหนี้เกษตร

    7.เป็นหนี้ไม่จบไม่สิ้น พบว่า 20% ของหนี้เสียเป็นหนี้ที่ถูกฟ้องแล้ว นอกจากนี้ 1 ใน 3 หรือ 33% ของลูกหนี้ที่ถูกยึดทรัพย์ขายทอดตลาดยังคงปิดหนี้ไม่ได้

    8.เป็นหนี้นอกระบบ พบว่า 42% ของ 4,600 ครัวเรือนในไทยที่ถูกสุ่มตัวอย่างกลายเป็นหนี้นอกระบบ เฉลี่ยคนละ 54,300 บาท

    #แบงก์ชาติ #ติดหนี้ #หนี้เสีย #คนไทย #หนี้ #หนี้ครัวเรือน #หนี้นอกระบบ #บัตรเครดิต #หนี้ส่วนบุคคล #ธนาคาร #เศรษฐกิจ #BTimes

    https://www.facebook.com/share/p/1BfGzncySi/
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,038
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Mar 22, 2025 เบี้ยวยื่นจ่าย! กรมสรรพากรจี้ติดอินฟลูเอนเซอร์-เคโอแอลไทยไม่เคยแม้แต่จะยื่นเสียภาษี ผงะ 3-4 ปีผ่านมาสายรีวิวสินค้า ขายของออนไลน์ ปักตะกร้า ไม่เคยเสียภาษี เด็กรุ่นใหม่ทำงานมีเงินเท่าไหร่ใช้หมด ไม่มาเสียภาษี

    นายปิ่นสาย สุรัสวดี อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่าผมติดตามโซเชียลมีเดีย เห็นคนที่เป็นอินฟลูเอนเซอร์ชั้นนำ หรือขายสินค้าออนไลน์หลายคน พอตรวจเช็คชื่อออกมาว่าเสียภาษีหรือไม่ เชื่อมั้ยครับอย่าว่าแต่เสียภาษีเลย ยื่นแบบภาษียังไม่ยื่นเลย ย้อนไป 3-4 ปี ก็ไม่เคยยื่นเลย กรมสรรพากรมีอำนาจตรวจสอบย้อนหลังได้ 2 ปี และขยายเวลาตรวจสอบได้เป็น 5 ปี ในกรณีมีรายได้เข้าเกณฑ์ แต่ไม่เสียภาษี จะต้องชำระพร้อมเบี้ยปรับ ซึ่งจากต้องเสีย 10,000 ก็กลายเป็น 50,000 บาท หรือ 5 เท่า เด็กรุ่นใหม่ทำงานได้เงินเท่าไหร่ก็ใช้หมด ซึ่งพอเรียกเก็บไปไม่มีเงินมาจ่ายสักคน

    กลุ่มที่เป็นห่วง คือกลุ่มขายของออนไลน์ การทำธุรกิจอีคอมเมิร์ซ อินฟลูเอนเซอร์ รับรีวิวสินค้า จากดูข้อมูลจะพบว่า คนเหล่านี้ไม่ยื่นเสียภาษีกันเลย อยากให้มีการยื่นภาษีให้ถูกต้องและให้ความสำคัญมาก เพราะการมาเรียกปรับทีหลังไม่มีประโยชน์ต่อทั้งกรมฯและผู้เสียภาษี

    ทั้งนี้ บทลงโทษสำหรับคนที่เข้าเกณฑ์แต่ไม่เสียภาษีเงินได้นั้น อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า จะมีทั้งโทษแพ่งและอาญา ในปัจจุบันกรมสรรพากรจะใช้โทษทางแพ่ง โดยมีทั้งส่วนของเบี้ยปรับและเงินเพิ่ม โดยค่าปรับนั้นมีตั้งแต่ 0 – 2 เท่าของภาษีที่ต้องจ่าย นอกจากนั้น ยังมีส่วนเงินเพิ่มคิดที่อัตรา 1.5% ต่อเดือน ซึ่งหากปรับกันเต็มที่นั้นอาจเกินกว่ามูลค่าภาษีที่ต้องเสียจริงกว่า 4 เท่า

    #กรมสรรพากร #สรรพากร #รีวิวสินค้า #ขายของออนไลน์ #อินฟลูเอนเซอร์ #KOL #อีคอมเมิร์ซ #ภาษี #เศรษฐกิจ #BTimes

    https://www.facebook.com/share/p/19io3X1cr9/
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,038
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Editor's Pick: เป็นที่พูดถึงกันอย่างมากในสังคมไทย เกี่ยวกับพฤติกรรมการอวดความร่ำรวยและไลฟ์สไตล์ที่หรูหรา ของเหล่าคนดัง เซเลบริตี้ อินฟลูเอนเซอร์ ต่าง ๆ นานา ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว ก็ถูกจับได้ว่าไม่ได้รวยจริงอย่างที่ตัวเองโอ้อวด ซึ่งเทรนด์อวดความร่ำรวย ทั้งที่ตัวเองไม่ได้รวยจริงแบบนี้ ในภาษาอังกฤษเรียกว่า Fake Flexing เป็นปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลกและเป็นคอนเทนต์ที่ได้รับความนิยม เพราะตรงกับค่านิยมของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการความร่ำรวยตั้งแต่อายุยังน้อย โดยไม่ต้องทำงานหนัก ซึ่งคนจำนวนมากพร้อมเชิดชูคนที่ร่ำรวย ใช้ของแพง มีชื่อเสียงโด่งดัง โดยไม่ได้สนใจว่าเงินเหล่านั้นมาจากที่ไหน

    การอยากมีตัวตนในสังคมคือแรงขับเคลื่อนในจิตใจที่สำคัญ ที่ทำให้คนกลุ่มนี้ พร้อมจะทำทุกวิถีทางที่จะทำให้ตัวเองมีตัวตนและมีที่ยืนในสังคม ทั้งที่ตัวจริง ไม่ได้เป็นคนรวยอะไรขนาดนั้น จึงต้องแกล้งทำเป็นคนรวยเพื่อไม่ให้ตัวเองรู้สึกด้อยค่าไปกว่าคนอื่น

    อ่านเนื้อหาเพิ่มเติมได้ที่ https://www.tnnthailand.com/world/193394/
    —————
    ภาพ: Reuters
    #TNNWorldNews #TNNOnline #ข่าวต่างประเทศ #ข่าว #ต่างประเทศ #โซเชียลมีเดีย #ของแพง #แบรนด์เนม #อวดรวย #อินฟลูเอนเซอร์ #อินฟลู

    https://www.facebook.com/share/p/18TkKLGfvA/
     

แชร์หน้านี้

Loading...