คำทำนายภัยพิบัติ อ.ทิพากร รินไธสงค์ จากปัจจุบัน ไปจนหลังสิ้นปี 2561

หน้า 2 #40
"คราวนี้ ท่าน อ.ทิพากร ท่านให้ระดม ดอกหงอนไก่(เอาทั้งต้น)อย่างน้อย ๙๙๙ ต้น เพื่อทำพิธี สู้กับ พายุสุริยะ

ก็ต้องติดตามดูต่อไปว่า การสู้คราวนี้ จะมองเห็นด้วยตาเปล่า หรือไม่
ก็ต้องติดตามดูต่อไปว่า การสู้คราวนี้ กล้องถ่ายภาพ กล้องถ่ายวีดีโอ จะบันทึกภาพ ได้หรือไม่"

ตายล่ะ ! ! ! ดอกหงอนไก่ สามารถนำมาทำพิธีสู้กับพายุสุริยะ

 

หน้า 3 #41
"ดูอย่างพระนักเทศชื่อดัง แห่ง จ.นนทบุรี
ไปเทศที่ไหน ก็บอก ก็สอนว่า
"อยากได้อะไรให้ทำเอง อย่าไปรอให้เทวดามาช่วย"
สุดท้ายที่เทวดาไม่ช่วยกลับเป็นตัวท่านเอง

เพราะเอาเงินวัดไปซื้อที่แปลงสวย ติดถนนใหญ่หน้าวัด
เสียเงินไป ประมาณ ๑๐ ล้านบาท ซื้อได้กระดาษห่อกล้วยทอดแผ่นเดียว
พวกเทวดาหมั่นใส้ เลยไม่บอก เลยไม่เตือน
สอนบทเรียนราคาแพงให้
ชื่อเสียงที่สะสมมา ก็เลยหายไปตามกาลเวลา"

เอ่อ.... ตกลงคนที่มีธรรมสูงส่ง ออกมาว่ากล่าวพระสงฆ์เลยหรือนี่
อ่าน ๆ ไป มันมีอะไรเยอะเลยนะครับ อัครสาวกทั้งหลาย

 

ครับคุณ pipatz ก็เพราะทำแบบนี้ไงครับ ถึงมีคนที่อวดรู้ะรรมต่าง ๆ มาทดสอบความรู้เรื่องธรรมกับ ผม หรือท่านอื่น ๆ ที่โดนกันอยู่ คนทั่วไปอ่านแค่ ทำบุญ แต่รายละเอียดไม่อ่านเลย ขั้นหนักถึงกับเอาคำวิจารณ์ไปบอกเล่าต่อ ๆ มันเสียหายพังหนักไปอีกครับ

 

หน้า 4 #64
"นั่นก็คือ การขอรับบริจาคแค่ 2% ของความมั่งคั่ง ที่ท่านเหนี่ยวนำเข้ามาให้

ส่วนเงินจำนวนนี้ จะไปผ่านผู้ใดบ้าง ก็แล้วแต่บุญวาสนาบารมี ของท่านนั้นๆ"

ผมรู้แล้วการเหนี่ยวนำความมั่งคั่งมาจากไหน มาจากการขอรับบริจาคแค่ 2% มันก็เลยให้คิดอีกว่า 2% นี้คือหักเงินเดือนค่าใช้จ่ายต่อเดือนออกมาจากรายได้ของผู้บริจาคต่อเดือนเพื่อมาบริจาค หรือ 2% นี้ สร้างความมั่งคั่งให้กับใคร

 

เอ่อ ลุงมหาที่เคารพครับ เข้ามาอ่านแล้วจะโต้แย้งหรือออกความเห็นข้อความไหนเชิยนะครับเพราะผมรู้ว่าท่านลุงมหาอ่านอยู่ตอน 10 โมงกว่า ๆ นี่เอง

 

นักลงทุน ผู้มีเงินเย็น ต้องลงทุนอย่างไร

ขออนุญาตครับ

การบอกเล่าของท่าน อ.ทิพากร นั้น ท่านได้เมตตาทำนาย ทิศทางเศรฐกิจ การเงินเอาไว้ว่า

"ราคาทองปัจจุบัน บาทละ ๘,๐๐๐ กว่าบาท"
"อีกสองสามเดือน ทองจะขึ้นแตะ ๑๐,๐๐๐ บาท"
"หลังจากนั้น อีก ๑๒ เดือน ทองจะขึ้นแตะ ระดับ ๒๐,๐๐๐ บาท"
"ญาติธรรมท่านใดมีเงินเหลือใช้ มีเงินเย็น ซื้อทองเก็บเอาไว้ได้เลย"


นอกจากนี้ท่านยังบอกเล่าเรื่องราว ความเจริญของภาคอีสาน
เมื่อประมาณสองปีที่แล้วว่า

"ต่อไปที่ดินทางภาคอีสานจะขึ้นเอาๆ"
"จะมีคนแห่ขึ้นมาซื้อมาก"
"โดยเฉพาะที่ดิน เมือง ขอนแก่น โคราช อุดร"
"ราคาที่ดินจะเพิ่ม สอง สามเท่า เพิ่มไปเรื่อยๆ"

เป็นที่น่าเสียดาย ญาติธรรมพระใหญ่ส่วนมากมีแต่ ชาวบ้านธรรมดาๆ
หรือไม่ก็เป็น ข้าราชการชั้นผู้น้อย เป็นข้าราชการที่มีครอบครัวใหญ่ ค่าใช้จ่ายสูง
เลยหาคน มีเงินเย็นไม่ค่อยได้


เรื่อง ทิศทางเศรฐกิจนั้น ก็ตามที่ท่าน อ.ทิพากร บอกไว้นั่นละครับ
ยังไม่มีอะไรเปลี่ยน
เพราะอันนี้ เป็นระยะการสร้างรัตนบัลลังค์ ซึ่งจะเป็นปี พ.ศ.๒๕๕๖-๒๕๕๗

เสียดายเมื่อก่อน ผมใช้กล้องถูกๆถ่าย ถ่ายคลิปได้แค่ ที่ละ ๑ ชั่วโมง
ตาม แบต ที่แถมมากับกล้อง ๒ อัน
ก็เลยบันทึกไม่ได้ตลอดเวลา

ที่การอั๊พโหลดช้า ก็เพราะว่า คอมพิวเตอร์ผมเสีย ไปเกือบเดือน
เพิ่งจะได้กลับมาเมื่อวาน ยังเซ็ตเครื่องไม่เข้าที่เลย

ที่ถ่ายมาตั้งแยอะ ก็เลยแค่ เซพ เอาไว้ใน ฮาร์ดดีสไปก่อน
ยังอิมพอร์ทเข้า โปรแกรมตัดต่อยังไม่ได้

ผมก็จะรีบ ตัดต่อ อั๊พโหลดด่วนเหมือนกัน รอไปนานเดี๋ยวจะเป็นกองใหญ่

ก็ขอนำข้อความที่ได้เคยเขียนไปแล้ว แต่กระทู้ของผมได้ถูกปิดไป(ผมไม่ได้ปิดเองนะครับ)

นำมาเป็นข้อเตือนใจญาติธรรมชาวพุทธอีกที

เรื่องราวข้างล่าง ก๊อปปี้มาจาก เว็บลิงค์นี้นะครับ

http://palungjit.org/threads/คำบอกเ...ปี-พ-ศ-2561-หรือไม่.311269/page-2#post5912696

"บุคคลสี่จำพวก องค์พระกัสสปะสัมมาสัมพุทธเจ้า แสดงที่เมืองพาราณสี"

ท่านอาจารย์ทิพากร ท่านได้เมตตาบอกเล่าเรื่องราวของบุคคลสี่จำพวก บ่อย ถี่ ขึ้นเรื่อยๆ

องค์พระกัสสปะสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ได้เคยเสด็จมาที่เมืองพาราณสี
กล่าวกับมหาชนทั้งหลายว่า

บุคคลผู้ใดในโลกนี้มีอยู่สี่จำพวกด้วยกัน

บุคคลจำพวกที่๑ ที่เกิดมาในโลกนี้

บุคคลที่เกิดความศรัทธาในการทำบุญ
แล้วทำบุญ และเปิดโอกาส หรือว่า บอกบุญ
ให้คนอื่นมีส่วนร่วมในการทำบุญด้วย

พระพุทธองค์เลยตรัสต่อไปว่า

บุคคลประเภทนี้
แม้เกิดในชาติปัจจุบัน จะบริบูรณ์ในโภคทรัพย์
และพวกลูกๆหลานๆและบริวารทั้งหลายก็บริบูรณ์ในโภคทรัพย์ด้วย

บุคคลประเภทที่๒ ที่เกิดมาในโลกนี้

เกิดความศรัทธาในการทำบุญ แล้วทำบุญ
แต่ไม่เปิดโอกาสให้บุคคลอื่นได้ร่วมทำบุญด้วย

บุคคลในประเภทนี้
ชาติปัจจุบัน จะบริบูรณ์ในโภคทรัพย์ แม้ในชาติหน้าก็บริบูรณ์ในโภคทรัพย์
แต่พวกลูกๆหลานๆและบริวารทั้งหลาย ไม่ได้บริบูรณ์ในโภคทรัพย์ด้วย

บุคคลประเภทที่๓ ที่เกิดมาในโลกนี้

คือบุคคลที่ไม่เกิดความศรัทธาในการทำบุญ ไม่ยอมทำบุญ
ไม่ยอมบอกบุญ และไปบอกให้ผู้อื่นไม่ให้ทำบุญด้วย

บุคคลในประเภทนี้
แม้เกิดในชาติปัจจุบันและในภายภาคหน้า
ก็จะไม่บริบูรณ์ในโภคทรัพย์
และพวกลูกๆหลานๆและบริวารทั้งหลาย
ก็ไม่บริบูรณ์ในโภคทรัพย์ด้วย

บุคคลประเภทที่๔ ที่เกิดมาในโลกนี้

คือ บุคคลที่ไม่มีความศรัทธาในการทำบุญ และไม่ทำบุญ
แต่ไปบอกให้คนอื่นได้ทำบุญ และเกิดความศรัทธาในการทำบุญ

บุคคลในประเภทนี้
แม้เกิดในชาติปัจจุบันหรือในชาติหน้า ก็จะไม่บริบูรณ์ในโภคทรัพย์
แต่พวกลูกๆหลานๆและวงศ์ตระกูลนั้น บริบูรณ์ในโภคทรัพย์

ขอโมทนาบุญ
ขออนุโมทนาบุญ
ร่วมกับญาติธรรมผู้ร่วมสร้างพระใหญ่ชัยภูมิ
ร่วมกับญาติธรรมผู้ร่วมสนับสนุนการสร้างพระใหญ่ชัยภูมิ
ร่วมกับญาติธรรมผู้เห็นดี เห็นงามในการสร้างพระใหญ่ชัยภูมิ
ร่วมกับญาติธรรม ผู้มุ่งสู่ความหลุดพ้น
ร่วมกับญาติธรรม ผู้มุ่งสู่พุทธภูมิ
ขอขอบพระคุณครับ
ลุงมหา

 

นักลงทุนเขาไม่ลงในหุ้นปั่น หรือหุ้นสร้างกระแสหรอกครับ เพราะมันคือความฉิบหาย

 

เอ่อคุณลุงมหาครับ
"ที่การอั๊พโหลดช้า ก็เพราะว่า คอมพิวเตอร์ผมเสีย ไปเกือบเดือน
เพิ่งจะได้กลับมาเมื่อวาน ยังเซ็ตเครื่องไม่เข้าที่เลย"
ลุงอย่าโกหกสิครับ เพราะตั้งแต่วันที่ 1/1/56 ลุงเข้ามานะครับนี่เอาแค่ ปีนั้นะครับลุงบอกเสียเป็นเดือน วันที่ 1/1/56 ลุงไปอยู่กระทุ้มุลนิธิพระใหญ่ไงครับ
แล้ววันที่ 3,4,5,7/1/56 คงไม่ใช่ลุงใช่ไหมครับ เพิ่งเข้าเมื่อวานเอง
แหม ลุงกับสาวกนี่เหมือนกันเลยนะ เอาธรรมะมาเล่นอีกแล้ว ผมรู้ที่ผมโดนสาวกลุงมาลองนี่เพราะไปขัดอกขัดใจอะไรหรือเปล่า สาวกลุงมากัดผมเองนะ ผมก็เล่นลุงแบบนี้แหละ ธรรมะสูง ภูมิธรรมสูง บารมีสูง แต่มุสา หรือโกหกนั่นแหละ
อย่าทำสิคุณลุงมหา

 

การสร้างวัดและสถานที่ปฏิบัติธรรม

จะต้องเริ่มด้วยการศรัทธา จากผู้คนส่วนในหมู่บ้านรวมตัวกันและเห็นสมควรว่า
ควรจะมีสถานที่ปฏิบัติธรรมใว้รองรับญาดิโยมเพื่อที่จะเข้ามาแสวงหาบุญกุศล
ในเขตบวรพระพุทธศาสนา จึงมีการตั้งกองทุนรวบรวมศรัทธา และเริ่มหาสถานที่ที่เหมาะสม และจึงไปนิมนต์พระที่จะมาเผยแพร่ธรรม มาอยู่แล้วจึงช่วยกันเริ่มสร้างสิ่งปลูกสร้างต่างฯถวายวัดเป็นของสงฆ์ ตามแต่กำลังทรัพย์และศรัทธา
การสร้างสึ่งปลูกสร้างต่างฯ จึงเป็นหน้าที่ของอุบาสก และอุบาสิกา และ
ชาวบ้านในหมู่บ้านนั้นฯ สมัยก่อนจึงมีสิ่งปลูกสร้างแค่เท่าตามความจำเป็น
เท่านั้น ในการเผยแพร่ธรรม มีกุฏี ที่พระสงฆ์อยู่ และศาลาการเปรียญ
ใว้รองรับสารพัดงาน มีห้องเล็กฯขนาดพอนอนได้ ๑ คนสำหร้บผู้ที่จะมา
เข้าปฏิบัติกรรมฐาน ใว้ราวห้าถึงสิบห้อง และเตาที่เผาศพทำแบบง่าย
เพียงเทปูนเป็นกำแพงทั้งสองด้านพื่อที่จะวางโรงศพได้เวลามีงานเผาศพ
นอกเหนือจากนั้นถือว่าเกินความจำเป็น การสร้างนั้นค่อยเป็นไปตามกำลัง
ศรัทธา โดยมิใช่หน้าที่ของพระสงฆ์ที่จะมาขอเรี่ยไรหรือหาทุนแต่อย่างไร
และการเผยแพร่ธรรมนั้นไม่มีความจำเป็นจะต้องมีสิ่งปลูกสร้างใหญ่ฯโตฯมากมาย และหาคนปฏิบัติ แทบจะไม่ได้

เตือนชาวพุทธอีกครั้ง
พระพุทธเจ้าทรงประสูตร ที่ใต้โคนต้นไม้
พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ ที่บนกองหญ้ารองนั่ง
พระพุทธเจ้าทรงดับขันธ์ปรินิพาน ที่ใต้โคนต้นไม้
ส่วนสถานที่จะทำให้บรรลุเข้าถึงธรรมได้นั้น ไม่ต้องเสียเงินมาปลูกสร้างเลย
แม้นแต่เพียงสตางค์เดียว กับเป็นธรรมชาติของเราที่มีอยู่แล้ว ที่ผู้เผยแพร่
พระพุทธศาสนาและผู้ที่ปฏิบัติ กลับมองข้ามไป ครับ

 

อยากทราบผมเอ่ยนามสาวกรึยังครับ ทำไมต้องออกตัวขนาดนี้ ร้อนตัวหรือ
อย่าสิ ก็เลยรู้เลยว่าใช่
อ่ะมีอะไรจะสาธยายก็ว่ามา อวดมาเยอะ ๆ เห็นอยู่ว่าที่กระทุ้อื่นก็ copy มาแปะเหมือนกัน นึกว่าเจ๋ง

 

ขอบคุณลุงมหามากครับ ยังไงขอความกรุณาช่วย upload การเปิดบุญล่าสุด
ให้หน่อยนะครับ ผมจะได้เปรียบเทียบดูว่าเหมือนกับที่เคยเปิดบุญกันมาเรื่อย ๆ
หรือไม่

 

วัตถุอะไรต่ออะไร ไม่ต้องไปเน้นสร้างนู่นสร้างนี่สร้างนั่นหรอกพ่อคุณ ของนอกตัวทั้งนั้น

สร้างปัญญาทางธรรมอย่างพุทธะ ให้เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ให้ตัวโลภ ตัวโกรธ ตัวหลง มัน หลุด มันร่อน ออกไปจากกายนี้ ใจนี้เถอะ



ตั้งแต่เด็กๆ คนไทยเรา มักถูกสอนให้เชื่อ โดยไม่ต้องสงสัยใดๆ ทั้งสิ้น ทั้งจากพฤติกรรมของผู้ใหญ่ ที่แสดงให้เด็กดูอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน

และคำกล่าวที่ใช้แก้ตัว ความไม่รู้ของผู้ใหญ่ "ไม่เชื่ออย่าลบหลู่"

เด็กๆ ทุกคนต่างก็มีแววตาสงสัยใคร่รู้ อยากรู้ อยากเห็น อยากเข้าใจ เมื่อเจอคำสอนเช่นนี้เข้าไป เลยต้องเงียบ มองตาปริบๆ

สุดท้าย ก็ต้องไหลรวมไปกับกระแสความเชื่อของผู้ใหญ่ในที่สุด คำถามที่ลงท้ายด้วยคำว่า "ทำไม อย่างไร เพราะอะไร" ของเด็กๆ จึงจมหายไปตามกาลเวลา

เมื่อโตขึ้น ก็กลายเป็นผู้ใหญ่ที่เชื่อคนง่าย งมงาย และพร้อมที่จะปลูกฝังความเชื่อนี้ ให้กับเด็กรุ่นใหม่ต่อไป

ถึงเวลาหรือยัง ที่เราจะเปลี่ยนจาก "ไม่เชื่ออย่าลบหลู่" มาเป็น "ไม่เชื่อต้องศึกษา ไม่มีปัญญาต้องเรียนรู้" ตามคำกล่าวของท่าน ว.วชิรเมธี ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้

"ธรรมะศักดิ์สิทธิ์" รวบรวมผลงานเขียนของท่านจากหนังสือเล่มต่างๆ ในประเด็นเกี่ยวกับ ความเชื่อ การทำบุญ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ และกฎแห่งกรรม

เพื่อแสดงให้เห็นว่า ผู้เขียนมีเจตนารมณ์แน่วแน่ ที่จะให้เปลี่ยนสังคมจากความเชื่องมงาย มาใช้ปัญญาพิจารณาทุกๆ สิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัว

 

จริง ๆ เล้ยยยยย นักบุญตัดแปะ

 

หลายรายที่ปั้นแต่งตัวตนเป็นเจ้าลัทธิ นำคนหลงทิศ หลงทาง เข้าสู่ความเป็นอวิชชา มิจฉาทิฐิ พอหมดอายุขัย ก็ต้องไปใช้กรรมในอบายภูมิขุมต่างๆ ยาวนาน

 

ส่วนคนที่เดินตาม ก็ต้องไหลรวมไปกองอยู่ด้วยกัน

 

มีใครชื่อไหนมาสะกิด บอกชื่อมา เผื่อจะนึกออก

ที่ เป็น อยู่ คือ ทุกวันนี้ เพราะโชคดีเจอครูดี ที่ให้ปัญญา ไม่สอนให้งมงายไสยเวทย์ ครูที่ว่า มีทั้งพระ ฆราวาส และหนังสือ

 

คุณพนมกุเลนครับ
แล้วกรณีนี้ล่ะครับ
หน้า 3 #41
"ดูอย่างพระนักเทศชื่อดัง แห่ง จ.นนทบุรี
ไปเทศที่ไหน ก็บอก ก็สอนว่า
"อยากได้อะไรให้ทำเอง อย่าไปรอให้เทวดามาช่วย"
สุดท้ายที่เทวดาไม่ช่วยกลับเป็นตัวท่านเอง

เพราะเอาเงินวัดไปซื้อที่แปลงสวย ติดถนนใหญ่หน้าวัด
เสียเงินไป ประมาณ ๑๐ ล้านบาท ซื้อได้กระดาษห่อกล้วยทอดแผ่นเดียว
พวกเทวดาหมั่นใส้ เลยไม่บอก เลยไม่เตือน
สอนบทเรียนราคาแพงให้
ชื่อเสียงที่สะสมมา ก็เลยหายไปตามกาลเวลา"
บอกถึงอะไรครับ

 

ย้อนกลับไปดู กระทู้เก่าๆ สิว่า เป็นอัปมงคลตื่นข่าวเพียวๆ รึว่าให้ข้อมูลเรื่องโลกร้อน กับเรื่องมรณสติไว้ด้วยไหม

 

แล้วพระรูปนี้ มาเกี่ยวอะไร อย่างงงกันเลยทีเดียว เอ่อมม ต้องบอกหน่อยว่า ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับท่านนี้ นอกจากเคยเห็นท่านออกสื่อต่างๆ แล้วจะยกมาทำไมให้งงกันพ่อคุณ

 

สรุปว่า กระทู้นี้ หมูเขาจะหาม อย่าเอาคานเข้าไปสอด เดี๋ยว....ไก่ตื่น ??