คาถา บูชาเสด็จเตี่ย (กรมหลวงชุมพร) - เอื้ออังกูร

ในห้อง 'รวมบทสวดมนต์และคาถา' ตั้งกระทู้โดย torphak, 1 กุมภาพันธ์ 2021.

  1. torphak

    torphak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    4,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +293
    ที่มา : youtube koonkroo
    ตำนานท่าเตียน ยักษ์วัดแจ้ง ยักษ์วัดโพธิ์
    www.youtube.com/watch?v=ldu-f2DnRP0
     
  2. torphak

    torphak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    4,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +293
  3. torphak

    torphak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    4,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +293
    ที่มา : youtube รอยทราย ในสายลม
    รัตนโกสินทร์ - สุทธิพงษ์ วัฒนจัง
    www.youtube.com/watch?v=4J1WgPSB4sM
     
  4. torphak

    torphak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    4,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +293
    มูลนิธิสรรพราเชนทร์

    pics_topic_2045.jpg

    ประวัติการก่อตั้ง มูลนิธิสรรพราเชนทร์
    ประวัติการก่อตั้ง มูลนิธิสรรพราเชนทร์
    มูลนิธิสรรพราเชนทร์ เดิมจัดตั้งเป็นมูลนิธิสรรพราเชนทร์ โดยคณะผู้มีจิตศรัทธาต่อการกุศล ในปี พ.ศ. ๒๕๔๐ และได้ดำเนินการจดทะเบียนก่อตั้งเป็นมูลนิธิตามกฎหมายเมื่อวันที่ ๔ เมษายน ๒๕๔๙ ปัจจุบันมีคณะกรรมการบริหาร จำนวน ๑๙ ท่าน มูลนิธิสรรพราเชนทร์มีวัตถุประสงค์ในการดำเนินงานเพื่อเทิดพระเกียรติพลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ผู้ทรงคุณูปการแห่งกองทัพเรือและปวงชนชาวไทย รวมทั้งบำเพ็ญงานสาธารณประโยชน์ต่างๆ อาทิ งานด้านการศึกษาและพระศาสนา งานด้านสังคมสงเคราะห์ เช่น การกุศลและสาธารณภัย เป็นต้น

    ประวัติการก่อสร้างพระวิหารเทวสถิตย์ เพื่อประดิษฐาน
    พระรูปพลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์เนื้อโลหะผสมสำริด ใหญ่ที่สุด ความสูง ๓.๙๐ เมตร อันศักดิ์สิทธิ์
    ในปี พ.ศ. ๒๕๔๖ มูลนิธิสรรพราเชนทร์ ได้รับมอบรับที่ดิน บริเวณบ้านหนองขาหยั่ง ต.สนามจัทร์ อ.เมือง จ.นครปฐม จาก พลเรือเอก โกมุท พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ขนาดความสูง ๓เมตร ๙๐ เซนติเมตร ซึ่งจัดเป็นพระรูปเนื้อโลหะผสมสำริดขนาดใหญ่ที่สุด จาก นางชนิดา กมลนาวิน ภริยาของ พล.ร.อ.โกมุท กมลนาวิน ผู้เป็นทายาทของ พล.ร.ท.พระยาราชวังสัน (ศรี กมลนาวิน) ศิษย์รุ่นแรกในพระองค์ ซึ่งทางมูลนิธิฯได้จัดสร้างไว้

    ต่อมามูลนิธิฯ ได้ประกอบพิธีอัญเชิญพระรูปขึ้นประดิษฐานบนแท่น เมื่อวันอาทิตย์ ที่ ๓๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ จากนั้นได้ดำเนินการก่อสร้างพระวิหารฯ เป็นลักษณะอาคาร ๒ ชั้น รูปทรงจัตุรมุขประดับกระจกทั้งหลัง มีลักษณะตามสถาปัตยกรรม และคติความเชื่อในคัมภีร์ไตรภูมิกถาหรือไตรภูมิพระร่วง แสดงเรื่องแผนภูมิจักรวาล อันมีตัวปราสาทจัตรมุขเป็นประธานที่เปรี่ยมประดุจเขาพระสุเมรุ ซึ่งเป็นศูนย์กลางจักรวาลที่สถิตของเหล่าเทพเจ้าผู้เป็นใหญ่ในสรวงสวรรค์ ในการก่อสร้างได้สอดแทรกคติความเชื่อดังกล่าวไปในตัวปราสาทประธาน อาทิ หน้าบันด้านมุขตะวันออกและมุขตะวันตก งานปูนปั้นเป็นรูปพระอาทิตย์ประทับนั่งในบุษบกบนราชรถเทียนราชสีห์ ตามคติความเชื่อว่าพระอาทิตย์เป็นผู้ให้แสงแสดงแก่โลกในเวลากลางวัน สวมเทริดทรงน้ำเต้ากลม พระหัตถ์ซ้ายถือดอกบัวบานหมายถึงการห้ามอุปัทวันตรายทั้งปวง ส่วนพระหัตถ์ขวาถือดอกไม้บัวตูมหมาถึงการอำนวยพร อีกด้านสลักเป็นรูปพระจันทร์ประทับนั่งในบุษบกบนราชรถเทียนม้า ตามคติความเชื่อว่า พระจันทร์เป็นเทพเจ้าผู้ให้แสงสว่างแก่โลกในเวลากลางคืน สวมเทริดทรงน้ำเต้ากลมพระหัตถ์ขวาถือพระขรรค์ การสลักหน้าบันเป็นรูปพระอาทิตย์และพระจันทร์มีความหมายว่าพระอาทิตย์และพระจันทร์เวียนรอบเขาพระสุเมรุ

    หลังจากนั้นได้ทำการก่อสร้างศาลาทรงไทย เพื่อประดิษฐานรูปเหมือนบูรพาจารย์ในพระองค์เสด็จเตี่ยฯ จำนวน ๙ รูปตั้งแต่ ปี ๒๕๕๑ เป็นต้นมา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำรูปเหมือนบูรพาจารย์ ทั้ง ๙ รูป ขึ้นประดิษฐานภายในบริเวณพระวิหารฯ และใน พ.ศ.๒๕๕๗ ทางมูลนิธิได้ทำการเททองหล่อ พระอสุรินทราหู ทรงครุฑ ที่มีความสวยสดงดงามตามเทวคติ ๑ เดียวในสยามและมีความศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก ปัจจุบันพระวิหารเทวสถิตย์ จึงเป็นจุดศูนย์รวมของความศักดิ์สิทธิ์ที่เหล่าผู้ศรัทธาเลื่อมใสในพระองค์สามารถมาเยือนได้ในคราวเดียว

    pics_5447_4.jpg

    pics_5447_5.jpg

    pics_5447_6.jpg

    pics_5447_2.jpg

    ที่มา : https://sanamjan.go.th/public/list/data/detail/id/2045/menu/1240/page/6
     
  5. torphak

    torphak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    4,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +293
  6. torphak

    torphak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    4,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +293
  7. torphak

    torphak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    4,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +293
  8. torphak

    torphak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    4,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +293
    พระราชวังเดิม

    %B8%87%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%9E%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%A3_%2822%29.jpg 300px-Phra_Racha_Wang_Derm_%28II%29.jpg 240px-Phra_Racha_Wang_Derm_%28I%29.jpg
    พระบรมรูปขนาดเท่าพระองค์จริง ตำหนักเก๋งสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ท้องพระโรง พระราชวังเดิม

    พระราชวังกรุงธนบุรี หรือ พระราชวังเดิม เป็นพระราชวังหลวงในสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณปากคลองบางกอกใหญ่ ภายในกองบัญชาการกองทัพเรือ ถนนอรุณอมรินทร์ แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร ในเขตที่เคยเป็นที่ตั้งของป้อมวิไชยเยนทร์ ที่สร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ตำแหน่งของคมนาคม และเส้นทางการเดินทัพที่สำคัญ

    สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชได้ทรงโปรดให้สร้างพระราชวังนี้ขึ้นในปี พ.ศ. 2310 ภายหลังจากที่ทรงกอบกู้เอกราชให้ชาติไทย เพื่อใช้เป็นที่ประทับและว่าราชการ เมื่อทรงสถาปนากรุงธนบุรีเป็นราชธานี พร้อมกับปรับปรุงป้อมวิไชยเยนทร์ และเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นป้อมวิไชยประสิทธิ์

    เดิมพระราชวังแห่งนี้มีอาณาเขต ตั้งแต่ป้อมวิไชยประสิทธิ์ขึ้นมาจนถึงคลองเหนือวัดอรุณราชวราราม (คลองนครบาล) และวัดท้ายตลาด (วัดโมลีโลกยาราม) เข้าไปในเขตพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชเสด็จขึ้นครองราชย์สมบัติ ได้ทรงย้ายราชธานีมาอยู่ฝั่งพระนคร โดยสร้างพระบรมมหาราชวังขึ้นเป็นที่ประทับ พระราชวังกรุงธนบุรีจึงได้ชื่อว่า "พระราชวังเดิม" ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

    พระราชวังเดิมในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์
    ครั้นรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ได้ทรงกำหนดเขตวังให้แคบกว่าเดิม โดยให้วัดทั้งสองที่กล่าวแล้วคือ วัดอรุณราชวราราม (วัดแจ้ง) และวัดโมลีโลกยาราม (วัดท้ายตลาด) อยู่ภายนอกพระราชวัง และ นอกจากนี้ทรงแต่งตั้งพระราชวงศ์ชั้นสูงที่ได้รับความไว้วางพระราชหฤทัยมาประทับที่นี่ อันเนื่องจากเห็นว่าพระราชวังนี้มีความสำคัญทางด้านทำเลที่ตั้ง ได้แก่

    มาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) หลังจากสมเด็จพระบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจาตุรนต์รัศมี กรมพระจักรพรรดิพงษ์ สิ้นพระชนม์ ได้พระราชทานพระราชวังเดิมให้เป็นที่ตั้งของโรงเรียนนายเรือ ตามคำกราบบังคมทูลขอพระราชทานจากนายพลเรือตรี พระเจ้าลูกยาเธอ กรมหมื่นชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ เมื่อ พ.ศ. 2449 หลังจากโรงเรียนนายเรือย้ายออกไปอยู่สัตหีบ และย้ายมาอยู่ที่สมุทรปราการ กองทัพเรือจึงได้ใช้ พระราชวังเดิมแห่งนี้เป็นที่ตั้งกองบัญชาการกองทัพเรือ

    ที่มา : https://th.wikipedia.org/wiki/พระราชวังเดิม
     
  9. torphak

    torphak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    4,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +293
     
  10. torphak

    torphak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    4,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +293
    ที่มา : youtube Ch3Thailand 31 ธ.ค. 2018
    ตอน เยือนพระราชวังเดิม รำลึกสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช | Lightning Talk | 31-12-61 | Ch3Thailand
    www.youtube.com/watch?v=5QxT7powejU
     
  11. torphak

    torphak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    4,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +293
    เหรียญ‘เงินชุม คู่ชีวิต’หลวงปู่ทองหล่ออายุ๙๖ปี
    29 ม.ค. 2558

    65gbkhcgjdbf5c8aa56bb.jpg

    พระครูบรรหารนวกิจ (หลวงปู่ทองหล่อ) อายุ ๙๖ ปี ผู้ที่สืบสายพุทธคุณ หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน, หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติการาม และชีวิตผ่านเสด็จในกรมฯ กรมหลวงชุมพรฯ มาแล้ว

    ท่านเป็นพระมหาเถระอาวุโส อายุพรรษาสูงสุดใน จ.พระนครศรีอยุธยา ท่านเกิดในสมัยรัชกาลที่ ๖ ในสกุล “โกมารทัต” นามสกุลพระราชทานในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖

    ก่อนบวชท่านเป็นนักเลงระนาด วังบางขุนพรหม ของจอมพล จอมพลเรือ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต จึงเข้าออกในวังบางขุนพรหมตลอดเวลา

    ท่านได้รับการครอบครูดนตรีไทยจาก จางวางทั่ว พาทยโกศล ครูดนตรีระดับปรมาจารย์ในวังบางขุนพรหม คราวที่ท่านอยู่ในวังบางขุนพรหม เคยพบกับเสด็จในกรม พลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ที่มาทรงระนาดในวังบางขุนพรหมนี้ด้วย

    จึงกล่าวได้ว่า หลวงปู่ทองหล่อ เป็นพระเถระเพียงรูปเดียวในขณะนี้ ที่ทันเห็นเสด็จในกรมหลวงชุมพร ในขณะนั้นหลวงปู่ทองหล่อ ยังเป็นเด็ก เรื่องเล่าของผู้เฒ่าผู้แก่ว่า “เสด็จเตี่ย” กรมหลวงชุมพร เคยพระราชทาน “อุ้ม” หลวงปู่ด้วย ถ้าเรื่องนี้เป็นจริง หลวงปู่ทองหล่อ รูปนี้คือผู้ที่เคยสัมผัสพระวรกายของ “เสด็จเตี่ย” กรมหลวงชุมพร เพียงท่านเดียวที่ยังมีชีวิตอยู่ในขณะนี้

    เมื่ออายุครบบวช ท่านได้อุปสมบท ณ วัดโปรดสัตว์ จ.พระนครศรีอยุธยา โดยมี พระครูพิศาสสรกิจ (หลวงพ่อฟัก) วัดทำเลไท อ.บางปะอิน เป็นพระอุปัชฌาย์ (หลวงพ่อฟัก เป็นพระอุปัชฌาย์ของ หลวงพ่อพรหม วัดขนอนเหนือ), พระครูจันทศีลคุณ (หลวงพ่อบุญลือ) วัดทำเลไท อ.บางปะอิน เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอนุสาวนาจารย์ หลวงพ่อ ถม วัดชีปะขาว อ.บางปะอิน เป็นพระกรรมวาจาจารย์

    อยุธยาสมัยนั้น มีแต่ป่ากับวัดและเจดีย์ร้างเต็มเมืองไปหมด หลังจากบวชแล้ว หลวงปู่ทองหล่อได้ออกธุดงค์ เรียนวิชากับหลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ หลวงพ่ออั้น วัดพระญาติ หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค หลวงพ่อฟัก วัดทำเลไท นับว่า หลวงปู่ทองหล่อ เป็นศิษย์หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค รูปเดียวที่ยังมีชีวิตอยู่

    ปี ๒๕๕๗ หลวงปู่มีอายุครบ ๘ รอบ ๙๖ ปี ได้จัดสร้างเหรียญกรมหลวงชุมพร “เหรียญเงิน-ชุม” ถวายไว้ในพระพุทธศาสนา น้อมถวายพระราชกุศล แด่ “พลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์” พร้อมกับตะกรุดตำรับเก่าอีก ๒ ขนาน คือ ตะกรุดมหาจักรพรรตราธิราช และ ตะกรุดคู่ชีวิต

    ลักษณะ “เหรียญ เงินชุม คู่ชีวิต” ด้านหน้าเชิญพระฉายาลักษณ์ พลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ พระบิดาของทหารเรือ ผู้วางรากฐานการบริหารงานของกองทัพเรือ ทรงได้รับการเชิดชูในหมู่ทหารเรือ เรียกขานพระองค์ว่า "เสด็จเตี่ย" ขณะเดียวกัน พระองค์ทรงมีความรู้ด้านการแพทย์ สามารถรักษาชาวบ้านจนได้รับฉายาว่า “หมอพร” หมอเทวดา ทรงศึกษาวิชาชายชาตรี มวยไทย ศิลปะ ไสยเวทย์ อย่างแตกฉาน ทรงมีครูอาจารย์ระดับตำนานในแผ่นดินหลายพระองค์ อาทิ หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า, หลวงพ่อพริ้ง วัดบางประกอก, หลวงพ่อยิ้ม วัดหนองบัว, หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติฯ, หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน ทรงมีจิตอุดมด้วยพรหมวิหาร ช่วยเหลือประชาชนไม่เลือกหน้า สร้างคุณูปการหลายด้านให้แก่แผ่นดิน

    หลังจากสิ้นพระชนม์ ได้มีการจัดสร้างศาลและอนุสาวรีย์กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์เกือบ ๓๐๐ แห่งทั่วประเทศ อภินิหารของพระองค์ได้ปรากฏโดดเด่น เป็นที่พึ่งแก่คนยากคนจนถึงทุกวันนี้

    ด้านข้างของเหรียญเป็นพระยันต์ “สุริยะประภา” พระยันต์ “จันทราประภา” เชิญไว้ซ้าย-ขวาของพระรูป “สิทธิการิยะ ยันต์สุริยประภา และยันต์จันทรประภา เป็นพญายันต์ที่ประเสริฐกว่ายันต์อื่นใดในโลก ถ้าบุคคลผู้ใดปรารถนาสมบัติ พัสดุเงินทอง แก้วแหวนทุกประการ จงให้สร้างพระยันต์นี้ขึ้นบูชาเถิด พระยันต์มงกุฎพระเจ้า ที่ ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๕ ทรงนับถือ ในครั้งที่เสด็จฯ ประพาสยุโรป ครั้งแรก (พ.ศ.๒๔๔๐) ทรงเสกหญ้าให้ม้ากินด้วยคาถามงกุฎพระเจ้า ม้าตัวนั้นหมดพยศ ให้พระองค์ทรงขี่ รัชกาลที่ ๖ เห็นเป็นปาฏิหาริย์อัศจรรย์ จึงทรงจัดสร้าง “พระบรมรูปทรงม้า” ถวาย พระยันต์นี้จึงเป็นยันต์แห่งความสำเร็จ แก้โรคภัยไข้เจ็บทั้งมวล บุคคลใดมีเคราะห์ก็หายหมด เกิดสง่าราศี เป็นเมตตาแก่คนทั้งหลาย ป้องกันภัยได้สารพัด และ ยันต์อิติปิโส ๘ ทิศ มีลายพระหัตถ์ (ลายเซ็น) ข้อความว่า “จงเจริญ” จะได้เจริญจริงๆ ปิดท้าย

    ด้านหลังเชิญล็อกเกตหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน พัดคู่ เลื่อนยศ เจริญก้าวหน้า ล้อมรอบด้วย ยันต์ “คู่ชีวิต” ยอดพระยันต์มหาวิเศษ ที่ขึ้นชื่อที่สุดของ หลวงพ่อเงิน แม้แต่ลูกศิษย์อย่าง หลวงพ่อพิธ วัดฆะมัง ได้นำมาสร้างตะกรุด มีราคาเป็นแสนๆ ห้ามตาย ห้ามเคราะห์กรรม ยันต์ “คู่ชีวิต” อยู่กับใคร ชีวิตพลิกผัน นำทางให้ สำเร็จ สูงส่ง รุ่งเรือง ทั้งชีวิต ดังพระอาทิตย์กลางฟ้า

    เหรียญเงินชุม คู่ชีวิต เนื้อทองคำ สร้าง ๙๖ เหรียญ, เนื้อเงิน สร้าง ๕๙๖ เหรียญ, เนื้อทองแดง สร้าง ๓,๕๙๖ เหรียญ และชุดกรรมการ เหรียญเงินชุม คู่ชีวิต, ตะกรุดมหาจักรพรรตราธิราช, ตะกรุดคู่ชีวิต

    ที่มา : https://www.komchadluek.net/news/detail/200381
    ***********************************************************************************************************************************************

    aHR0cHM6Ly9zLmlzYW5vb2suY29tL2d1LzAvdWkvMS85MTk2LzI2ODcwN19fMTExMjIwMTIxMDM1MDYuanBn.jpg

    การบูชาพระราหูนั้นคตินิยมมักทำบูชากันในวันพุธกลางคืน เพราะถือว่าเป็นวันเวลาแห่งพระราหู เพราะราหูเป็นเทพนพเคราะห์ประจำวันพุธกลางคืน การบูชาจึงมักเริ่มในวันพุธ หลังจากที่พระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว หรือในเวลาค่ำ ของถวายจะใช้เป็นของดำ เพราะถือว่าเป็นสีแห่งพระราหูเช่นกันทั้งนี้เนื่องจากคติที่พระราหูมีกายดำ เป็นคราสหรือเงามือนั่นเอง ของดำที่ถวายพระราหูนั้นมักใช้ 8 อย่าง ที่เป็นเลข8 นั้น เพราะเลข8 หมายถึงพระราหู (พระราหูเป็นเทพนพเคราะห์องค์ที่8 ในจำนวน 9 พระองค์ด้วยกัน)

    ของดำ 8 อย่างนั้นได้แก่
    1. ข้าวเหนียวดำ
    2. งาดำ
    3. ถั่วดำ
    4. ขนมเปียกปูน
    5. เฉาก๊วย
    6. องุ่นดำ หรือลูกหว้า (ผลไม้ที่มีสีดำ)
    7. ช็อกโกแลต
    8. เหล้าดำหรือ กาแฟ (เครื่องดื่มที่มีสีดำ)

    นอกจากเครื่องสังเวยพระราหูทั้ง 8 อย่างนี้อาจมีอย่างอื่นอีกก็ได้ เช่นไก่ดำ หรือ ไข่เยี่ยวม้า หรือของคาวอื่นๆ ขนมหวาน ผลไม้อื่นที่ท่านหาซื้อได้ แต่มักเอาแค่ 8 อย่างเท่านั้น ตั้งบูชากลางแจ้ง จุดธูป 8 ดอกบอกกล่าวท่องพระคาถาตามที่ให้ไว้ และระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย คุณบิดามารดา คุณครูบาอาจารย์ พระฤาษีผู้ทรงคุณ และคุณพระราหูเป็นที่สุดขอจงอวยพรแก่ข้าพเจ้าผู้กระทำบวงสรวงนี้ จากนั้นปรารถนาสิ่งใดก็บอกกล่าวไป หากสำเร็จตามที่มุ่งหวังแล้วควรให้ทำบุญใส่บาตรอุทิศให้ครูบาอาจารย์และองค์ พ่อพระราหูด้วยท่านจะเกิดลาภผลยิ่งๆ ขึ้นๆ ไป

    ตำนานพระคาถาสุริยะประภาและจันทรประภา
    เกี่ยวกับเครื่องรางของขลังที่เนื่องด้วยพระราหูนั้น จะมี มหายันต์สุริยะประภาและมหายันต์จันทรประภา ยันต์ทั้งสองนี้ กล่าวว่ามีพระฤาษี 2 ตน อยู่ ณ เขายุคนธร ในยุคโบราณท่านทั้งสองสำเร็จพระเวทย์เจนจบทางธรรม ได้ฌานสมาธิชั้นสูงสุด บรรลุถึงไกวัลย์ภูมิ มีจิตเป็นหนึ่งกับพระเป็นเจ้าแล้วอย่างสมบูรณ์ เป็นมหาโยคีผู้ประเสริฐ ทรงไว้ด้วยเมตตาพรหมวิหาร เมื่อท่านส่องดูด้วยญาณหยั่งรู้จากอำนาจฌานสมาบัติ ว่าในอนาคตกาลภายภาคหน้านั้น โลกจะมีแต่ความเดือดร้อนวุ่นวาย คนจะฆ่ากันตายด้วยราคะ โทสะ โมหะ ข้าวยากหมากแพง คนแล้งน้ำใจ มีคนอธรรมมากว่าคนมีศีลธรรม ด้วยจิตอันมีเมตตากรุณาของมหาโยคีในอดีตนั้น ท่านจึงคิดทำสิ่งหนึ่งอันเป็นที่พึ่งแก่กุลบุตรกุลธิดาที่จะมาเกิดในยุคต่อ ไป ซึ่งต้องผู้ที่มีจิตใจเคารพในพระรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ท่านจึงอนุเคราะห์ด้วยการผูกผ้ายันต์ศักดิ์สิทธิ์ เป็นมหายันต์อันประเสริฐผู้ใดบูชาไว้ย่อมไม่มีอดอยากยากจน แต่บริบูรณ์ด้วยทรัพย์สินเงินทองข้าวปลาอาหารและพ้นจากภยันอันตรายในกลียุค ยันต์ดังกล่าวเรียกว่ายันต์สุริยะประภาและยันต์จันทรประภาให้ใช้คู่กันถือ ว่าประเสริฐดีนัก

    พระคาถาบูชาพระราหู
    พระคาถาสุริยะประภา
    โอม เอกะจักขุนาฬิเกลา สุริยะประภา ราหูคาหา สัตตะรัตนะ สัมปันโณ มณีโชติระโสยะภา สุวัณณะรัชตะสมิทธา อะ
    หัง วันทามิ เมสะทา โอม กุเสโต มะมะ กุเสโต โตราโม มะมะ โตราโม คุยหะโม มะมะ คุยหะโม
    คุติโม มะมะ คุติโม

    พระคาถาจันทรประภา
    โอม เอกะจักขุนาฬิเกลา จันทรประภา ราหูคาหา สัตตะรัตนะ สัมปัณโณ มณีโชติระโสยะภา สุวัณณะรัชตะสมิ
    ทธา อะหัง วันทามิ เมสะทา โอม ยะถาตัง มะมะ ตังถายะ ตังวะตัง มะมะ ตังวะตัง ตังเสถา มะมะ ถาเสตัง
    กาติยะ มะมะ ยะติกา

    พระคาถาบูชาพระราหู
    นะ ตะ ภะ อะ สะ ทุ กะ ภะ กรุ อะ ระ ขุ สะ ชนะใจมนุษย์ ทั้งบุรุษสตรี สมณะพราหม์ชี มีเมตตากรุณัง
    สิทธิกิจจัง สิทธิกัมมัง สิทธิวาจัง สิทธิชัยยัง สัพพะปาปัง สัพพะศัตรู วินาศสันติ สิทธิลาภัง ภวันตุเมฯ


    ที่มาข้อมูลและภาพ : https://guru.sanook.com/9196/
     
  12. torphak

    torphak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    4,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +293
  13. torphak

    torphak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    4,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +293
    ที่มา : youtube Eager of Know
    คาถาพระราหูสุริยะประภา พระราหูจันทรประภา | Eager of Know
    www.youtube.com/watch?v=sLU_roMO7oQ
     
  14. torphak

    torphak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    4,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +293
    1 ในอาหารโปรดเสด็จเตี่ย

    ตัวอย่างสูตรขนมจีนน้ำพริก

    “ขนมจีนน้ำพริกชาววัง” สูตรการค้า ทำขายได้เลย สิ่งสำคัญที่จะทำให้ประสบความสำเร็จคือรสชาติของขนมจีน ซึ่งผู้ประกอบการต้องลองผิดลองถูกมากพอสมควร ดังนั้น ชี้ช่องทางรวย จึงนำสูตรการค้าขนมจีนน้ำพริกชาววัง มาฝาก

    ส่วนผสมที่ 1
    1.มะพร้าวคั้น 1 กิโลกรัม
    2.กุ้งนาง 5-6 ขีด
    วิธีทำ : ปอกกุ้งต้มกับหางกะทิ 6-7 ถ้วย พอสุกตักกุ้งขึ้น

    ส่วนผสมที่ 2 (คั่วสุก)
    1.หัวหอมซอย 1 ถ้วย
    2.กระเทียมซอย 1/2 ถ้วย
    3.ขิงอ่อนหั่นบางๆ 1/2 ถ้วย
    4.รากผักชี 1/2 ถ้วย

    วิธีทำ : นำส่วนผสมทั้งหมดคั่วให้สุกแล้วนำไปโขลกกับกุ้งให้ละเอียดใส่หางกะทิส่วนผสมที่1

    ส่วนผสมที่ 3 (เครื่องปรุงรส)
    1.น้ำมะขามเปียกข้น 2 ถ้วย
    2.น้ำตาลปีบ 2 ถ้วย
    3.น้ำตาลทราย 2 ถ้วย
    4.น้ำปลา 1 ถ้วย
    5.เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ
    6.น้ำมะนาว 1/2 ถ้วย
    7.น้ำส้มซ่าหรือน้ำมะกรูด 1/2 ถ้วย
    8.ถั่วทองคั่วปั่น 1 ถ้วย

    ส่วนผสมที่ 4 (เครื่องโรยหน้า)
    1.น้ำพริกเผา 1/2 ถ้วย
    2.หอมเจียว 1/2 ถ้วย
    3.กระเทียมเจียว 1/2 ถ้วย
    4.ถั่วลิสงคั่ว 1 ถ้วย
    5.พริกแห้งทอด 1/2 ถ้วย
    6.มะกรูดผ่าซีก 5-6 ลูก
    7.ผักชีเด็ดเป็นใบๆ 1/2 ถ้วย

    วิธีทำ
    1.นำหัวกะทิประมาณ 2 ถ้วย ใส่หม้อตั้งไฟให้เดือดจนแตกมัน
    2.นำหางกะทิที่โขลกกับกุ้งในส่วนผสมที่ 2 เทใส่
    3.ใส่น้ำตาลปี๊บ น้ำตาลทราย น้ำมะขาม น้ำปลา เกลือ ตามด้วยน้ำพริกเผาเพื่อให้มีสีแดงมัน
    4.ใส่ถั่วทองคั่วป่น (อาจใช้นมสดเทใส่เพื่อให้ถั่วละลายก่อนเทลงหม้อ)
    5.ในทุกขั้นตอนให้หมั่นคนให้เข้ากัน โดยถั่วทองจะทำให้น้ำข้นขึ้น ไม่ต้องเคี่ยวนาน ชิมรสหวาน เค็ม เปรี้ยว พอเดือดปิดแก๊สยกลงพักไว้ให้เย็น
    6.ใส่น้ำมะนาว น้ำมะกรูด น้ำส้มซ่า (ถ้าไม่มีน้ำส้มซ่าให้ใส่น้ำมะนาวและน้ำมะกรูด หรือถ้าไม่มีน้ำส้มซ่าอย่างเดียวให้ใส่ 1 ถ้วย) คนให้เข้ากัน ชิมรสหวาน เค็ม เปรี้ยว
    7.นำมาเทใส่ภาชนะเตรียมขาย โรยหน้าด้วยน้ำพริกเผา ถั่วลิสงคั่ว หอมเจียว กระเทียมเจียว พริกแห้งทอด ผักชี และมะกรูดผ่าซีก

    เครื่องเคียงขนมจีนน้ำพริก
    1.ไข่ต้ม
    2.ผักดิบ เช่น หัวปลีซอยบางๆ (แช่น้ำส้มเพื่อไม่ให้ดำ), กระถิน, มะละกอดิบซอย ฯลฯ
    3.ผักลวก เช่น ผักบุ้ง, มะระ, ถั่วพู
    4.ผักชุบแป้งทอด เช่น ใบผักบุ้ง, พวงชมพู ฯลฯ

    *****เคล็ดลับ
    1.การใส่ส่วนผสมน้ำมะนาว น้ำมะกรูด ต้องรอให้ส่วนผสมเย็นก่อน กลิ่นและรสจะได้ไม่เสีย
    2.เครื่องปรุงรส น้ำตาลปี๊บจะหอมกว่าน้ำตาลทราย ถ้าใช้น้ำตาลปี๊บอย่างเดียวให้ใส่ปริมาณ 4 ถ้วย
    3.การใช้นมสดช่วยจะทำให้น้ำพริกมีกลิ่นหอมและมันขึ้น



    1425558839-44-o.jpg


    noodle-curry-3.jpg

    D5706929-14.jpg


    ที่มา : https://www.tvpoolonline.com/content/800271
     
  15. torphak

    torphak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    4,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +293
  16. torphak

    torphak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    4,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +293
  17. torphak

    torphak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    4,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +293
    จังหวัดตรังเปิดพระตำหนัก “เสด็จเตี่ย” บนเกาะเนรมิต สถานที่พึ่งทางใจของพี่น้องชาวเรือ
    เผยแพร่: 2 ส.ค. 2562 13:29 โดย: ผู้จัดการออนไลน์

    562000007589001.jpg

    ตรัง - เปิดพระตำหนัก “เสด็จเตี่ย” บนเกาะเนรมิต กลางแม่น้ำตรัง สถานที่พึ่งทางใจของพี่น้องชาวเรือ และกำลังกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ของเมืองกันตัง เมืองท่าเก่าแก่ริมฝั่งทะเลอันดามัน

    วันนี้ (2 ส.ค.62) ที่เกาะเนรมิต ต.กันตังใต้ อ.กันตัง จ.ตรัง ซึ่งเป็นเกาะกลางแม่น้ำตรัง หน้าเมืองกันตัง นายลือชัย เจริญทรัพย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ร่วมกับสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย สาขาตรัง ทัพเรือภาคที่ 2 จ.สงขลา และ อบต.กันตังใต้ ได้ร่วมพิธีบวงสรวงเปิดพระตำหนัก พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ หรือ “เสด็จเตี่ย” พระบิดาแห่งกองทัพเรือไทย

    และได้ร่วมเชิญธงราชนาวีขึ้นประดับปลายเสาธง ที่สมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย สาขา จ.ตรัง ร่วมสร้างใหม่ขึ้นมา สูง 12 เมตร พร้อมกับร่วมพิธีพุทธาภิเษกเหรียญกรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ โดยมีชาวตรังที่ทราบข่าว รวมทั้งเจ้าของผู้ประกอบการเรือประมง อ.กันตัง และผู้ประกอบการเดินเรือขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ เดินทางไปร่วมงานเป็นจำนวนมาก เพื่อความเป็นสิริมงคลในการประกอบอาชีพทำประมงและเดินเรือต่อไป

    562000007589002.jpg

    สำหรับพระตำหนัก “เสด็จเตี่ย” แห่งนี้ ได้สร้างขึ้นมาครั้งแรกเมื่อปี 2517 โดย นายประพันธ์ รัตปริคณน์ อดีตนายอำเภอกันตัง ซึ่งเป็นที่เคารพศรัทธาของประชาชน และชาวประมง รวมทั้งชาวเรือขนส่งสินค้าระหว่างประเทศเป็นอย่างมาก โดยไต้ก๋งเรือทุกลำที่จะออกจากท่าเรือ นอกจากจะมีการเซ่นไหว้แม่ย่านางเรือแล้ว เมื่อแล่นเรือผ่านหน้าพระตำหนัก ก็จะต้องจุดประทัดเสียงดังสนั่นหวั่น เพื่อขอพรจากพระองค์ท่าน หรือหากเกิดคลื่นลมแรง หรือประสบปัญหาวิกฤตจากมรสุมในทะเล ก็จะขอพรพระองค์ท่านเพื่อให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวง จึงเป็นที่เคารพศรัทธาของประชาชนโดยทั่วไปเป็นอย่างมาก

    กระทั่งต่อมา บริเวณพื้นที่โดยรอบสถานที่ตั้งพระตำหนักได้ถูกคลื่นกัดเซาะชายฝั่ง จนต้นสนจำนวนมากล้มตาย และผืนดินหายไปจำนวนมาก หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงได้สร้างพนังกั้นคลื่นโดยรอบเพื่อป้องกันปัญหาการเซาะหน้าดิน รวมทั้งสร้างศาลาอเนกประสงค์ขึ้นมาเพิ่มเติมอีก 1 หลัง พร้อมปรับปรุงภูมิทัศน์โดยรอบจนแล้วเสร็จดังกล่าว

    นายลือชัย เจริญทรัพย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง กล่าวว่า เนื่องจากชาวกันตังและชาวตรัง ยึดมั่นในพระบารมีของ “เสด็จเตี่ย” มาโดยตลอด จึงได้ร่วมกันประกอบพิธีเพื่อระลึกถึงคุณงามความดีของพระองค์ท่าน ที่มีทั้งต่อคนไทย ต่อกองทัพเรือ ต่อพี่น้องชาวเรือ และชาวประมง จนถือเป็นจุดรวมใจที่สำคัญ ซึ่งนอกจากจะมีการประกอบพิธีทางสงฆ์ พิธีบวงสรวง และพิธีพุทธาภิเษกแล้ว ยังมีการมอบทุนการศึกษาให้แก่นักเรียนจากโรงเรียนต่างๆ ในพื้นที่ อ.กันตัง จำนวน 9 โรง รวม 65 ทุนๆ ละ 2,000 บาท พร้อมมอบลูกฟุตบอล อีกจำนวน 60 ลูก

    562000007589003.jpg

    นอกจากนั้น ยังมอบเก้าอี้พนักพิงให้แก่พระตำหนัก จำนวน 60 ชุด เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระองค์ท่าน ซึ่งพระตำหนักแห่งนี้ทางจังหวัดได้กำหนดให้อยู่ในแผนการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว เพราะเป็นแลนด์มาร์กสำคัญในฐานะที่ อ.กันตัง เป็นเมืองเก่า เพื่อรำลึกถึงความรุ่งเรืองในอดีตที่ผ่านมา

    ด้าน นางแววตา กันตังกุล อายุ 54 ปี ชาว ต.กันตังใต้ กล่าวว่า รู้สึกดีใจมากที่ได้มาร่วมพิธีในวันนี้ เพราะถือเป็นสิริมงคลของตนองและชาวอำเภอกันตัง เนื่องจากพระตำหนักเป็นที่นับถือและยึดเหนี่ยวทางใจ ทั้งการออกทะเล หรือการบนบานศาลกล่าว เพื่อขอให้ทำมาหากินคล่อง

    ทั้งนี้ พระตำหนัก "เสด็จเตี่ย" บนเกาะเนรมิต เกิดจากการขุดลอกร่องน้ำบริเวณท่าเทียบเรือต่างประเทศ แต่เนื่องจาก 2 ฝั่งแม่น้ำตรัง เป็นที่ดินกรรมสิทธิ์ของประชาชน จึงต้องนำดินโคลนใต้ท้องน้ำที่ดูดขึ้นมาทิ้งลงกลางแม่น้ำ จนกลายเป็นเกาะกลางน้ำ กว้างประมาณ 800 เมตร บนเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 20 ไร่ และชาวบ้านได้เรียกกันต่อมาว่า “เกาะเนรมิต”

    562000007589004.jpg

    ส่วนพระตำหนัก มีลักษณะเป็นศาลาทรงไทย ขนาดกว้าง 3 เมตร ยาว 5 เมตร หลังคามุงกระเบื้อง ภายในมีพระแท่นเป็นที่ประดิษฐานพระรูปเนื้อสัมฤทธิ์ ของเสด็จกรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ ขนาดสูง 1 เมตร ส่วนฝาผนังด้านหลังพระรูป มีพระฉายาลักษณ์ของเสด็จกรมหลวงชุมพรฯ ขนาด 40 นิ้ว ติดอยู่ และยังมีแผ่นอะลูมิเนียมติดผนังด้านละแผ่น รวม 2 แผ่น แผ่นหนึ่งบันทึกประวัติของเสด็จในกรมฯ และการก่อสร้างพระตำหนักด้วยตัวอักษรลงยาสีกรมท่า ส่วนอีกแผ่นหนึ่ง บันทึกรายชื่อผู้บริจาคเงิน และช่วยเหลือในการสร้างพระตำหนักครั้งแรกเมื่อวันที่ 5 มกราคม 2517

    ขณะที่ด้านหน้าพระตำหนัก มีเสาธงสูง 12 เมตร ประดับธงราชนาวี และมีปืนใหญ่โบราณ จำนวน 1 กระบอก พร้อมต้นประดู่ 2 ต้น ทั้งนี้ หากประชาชนสามารถมองจากตลาดกันตัง ก็จะเห็นพระตำหนัก และเสาธงราชนาวี อย่างสวยสง่า ชัดเจน สมพระเกียรติ

    ที่มา : https://mgronline.com/south/detail/9620000073470
     
  18. torphak

    torphak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    4,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +293
  19. torphak

    torphak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    4,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +293
    ที่มา : youtube บ่าววี อาร์สยาม - หัวข้อ
    เที่ยวเมืองตรัง
    www.youtube.com/watch?v=ArCBDsZxlmA
     
  20. torphak

    torphak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    4,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +293
    20042564002-1024x576.jpg

    สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงมีพระราชดำริ ให้มีหน่วยงานที่ดูแลงานด้านหม่อนไหมของประเทศ เพื่อให้งานด้านหม่อนไหมของไทยมีความยั่งยืน พระองค์ได้ทรงพระราชทานชื่อหน่วยงานที่รับผิดชอบในการดำเนินการด้านหม่อนไหมของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ว่า “สถานบันหม่อนไหมแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ” และได้มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา ให้เป็นส่วนราชการในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยมีผลบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 12 สิงหาคม 2548 เพื่อทำหน้าที่เป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินการและบริหารจัดการด้านหม่อนไหมให้เป็นไปอย่างครบวงจร ต่อมาสถาบันหม่อนไหมแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ได้รับการสถาปนาเป็น “กรมหม่อนไหม” จัดเป็นกรมลำดับที่ 14 ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีผลเป็นหน่วยงานตามกฏหมาย ตั้งแต่วันที่ 4 ธันวาคม 2552

    สำนักงานหม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เขต 5 จังหวัดชุมพร เดิมชื่อ สำนักงานหม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติฯ ภาคใต้ สังกัดสถาบันหม่อนไหมแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ต่อมาหลังจากได้รับการสถาปนาเป็นกรมหม่อนไหม สำนักงานหม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติฯ ภาคใต้ ได้ถูกปรับเปลี่ยนชื่อเป็นสำนักงานหม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เขต 5 จังหวัดชุมพร สังกัดกรมหม่อนไหม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งมีหน่วยงานในความรับผิดชอบ จำนวน 4 ศูนย์ ได้แก่
    1. ศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ (กาญจนบุรี)
    2. ศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ (ชุมพร)
    3. ศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ (ตรัง)
    4. ศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ (นราธิวาส)

    สำนักงานหม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติฯ เขต 5 จังหวัดชุมพร มีอาณาเขตติดต่อ ดังนี้
    ทิศเหนือ ติดต่อกับพื้นที่ของศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติฯ ชุมพร
    ทิศใต้ ติดต่อกับพื้นที่แปลงหม่อนของศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติฯ ชุมพร
    ทิศตะวันออก ติดต่อกับพื้นที่ของศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติฯ ชุมพร
    ทิศตะวันตก ติดต่อกับถนนเพชรเกษม

    20042564003-1024x410.png

    “อนุรักษ์ สืบทอดภูมิปัญญาลายผ้า พัฒนาผลิตภัณฑ์หม่อนไหม อย่างยั่งยืนสู่อาเซียน”

    20042564004-1024x410.png

    1) อนุรักษ์และคุ้มครองพันธุกรรมหม่อนไหม และวัสดุย้อมสี และสืบสานวัฒนธรรมภูมิปัญญาเกี่ยวกับหม่อนไหม
    2) วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีด้านหม่อนไหมแบบครบวงจร
    3) บริการวิชาการและปัจจัยการผลิตด้านหม่อนไหมที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน
    4) ส่งเสริม พัฒนาการผลิตและสร้างความเข้มแข็งให้เกษตรกรและผู้ประกอบการด้านหม่อนไหม
    5) ส่งเสริมและพัฒนาการตลาดหม่อนไหม การตรวจสอบและรับรองมาตรฐานการผลิตและสินค้าหม่อนไหม
    6) พัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ความเชี่ยวชาญในภารกิจที่รับผิดชอบและเป็นองค์การแห่งความผาสุก
    7) ดำเนินการเกี่ยวกับความร่วมมือกับต่างประเทศด้านหม่อนไหม

    ตัวอย่าง ลวดลายผ้าประจำถิ่น จ.ชุมพร

    เทคนิคการทอ : มัดหมี่
    ลักษณะเด่น : สร้างสรรค์ลวดลายให้มีลักษณะเป็น เส้น จุด ที่มีความเหลี่ยมสมมาตร
    ที่มา : จากสมอเรือ เพื่อสื่อในเชิงสัญลักษณ์ถึงกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์
    หรือ เสด็จเตี่ย หรือหมอพร ซึ่งเป็นที่เคารพนับถืออย่างยิ่งของชาวชุมพร

    แหล่งทอ : กลุ่มสันตินิมิตร จ.ชุมพร

    19.jpg

    ลาย : ลูกกล้วย
    เทคนิคการทอ : มัดหมี่
    ลักษณะเด่น : สร้างสรรค์ลวดลายให้มีลักษณะเป็น เส้น จุด ที่มีความเหลี่ยมสมมาตร
    ที่มา : นำสัญลักษณ์ของกล้วย ซึ่งถือเป็นพืชเศรษฐกิจในอดีต จนตั้งชื่อเรียกของหมู่บ้าน มาสร้างสรรค์เป็นลวดลาย
    แหล่งทอ : ตำบลนาสัก อำเภอสวี จังหวัดชุมพร

    11.jpg

    ลาย : ใบกล้วย
    เทคนิคการทอ : มัดหมี่
    ลักษณะเด่น : สร้างสรรค์ลวดลายให้มีลักษณะเป็น เส้น จุด ที่มีความเหลี่ยมสมมาตร
    ที่มา : นำสัญลักษณ์ของกล้วย ซึ่งถือเป็นพืชเศรษฐกิจในอดีต จนตั้งชื่อเรียกของหมู่บ้าน มาสร้างสรรค์เป็นลวดลาย
    แหล่งทอ : ตำบลนาสัก อำเภอสวี จังหวัดชุมพร

    12.jpg

    ลาย : พุทธรักษา
    เทคนิคการทอ : มัดหมี่
    ลักษณะเด่น : สร้างสรรค์ลวดลายให้มีลักษณะเป็น เส้น จุด ที่มีความเหลี่ยมสมมาตร
    ที่มา : นำออกดอกพุทธรักษาซึ่งเป็นดอกไม้ประจำเมืองชุมพรมาออกแบบเป็นลวดลายผ้า เพื่อสื่อถึงการทำงานที่มีใจเป็นหนึ่งเดียว
    แหล่งทอ : ตำบลเขาค่าย อำเภอสวี จังหวัดชุมพร

    13.jpg

    ลาย : นกนางแอ่นคู่
    เทคนิคการทอ : มัดหมี่
    ลักษณะเด่น : สร้างสรรค์ลวดลายให้มีลักษณะเป็น เส้น จุด ที่มีความเหลี่ยมสมมาตร
    ที่มา : มาจากนกนางแอ่น ที่ทำรังนก ซึ่งเป็นของขึ้นชื่อของจังหวัดชุมพร
    แหล่งทอ : กลุ่มแสนอุดม จ.ชุมพร

    14.jpg

    ลาย : เกล็ดปลาหมอชุมพร
    เทคนิคการทอ : มัดหมี่
    ลักษณะเด่น : สร้างสรรค์ลวดลายให้มีลักษณะเป็น เส้น จุด ที่มีความเหลี่ยมสมมาตร
    ที่มา : มาจากปลาหมอ ซึ่งเป็นสัตว์น้ำเศรษฐกิจขึ้นชื่อของจังหวัดชุมพร จึงได้นำเอาลักษณะของเกล็ดปลา มาออกแบบ แล้วจัดองค์ประกอบใหม่ให้มีความสวยงาม
    แหล่งทอ : ตำบลนาสัก อำเภอสวี จังหวัดชุมพร

    16.jpg

    ที่มา : https://qsds.go.th/newqsissout/ลวดลายผ้าประจำถิ่น/
     

แชร์หน้านี้

Loading...