ความวิปลาสของพุทธไทยที่นับถือพระผู้เป็นเจ้าฮินดู

การมีจิตอ่อนน้อม การบูชาคนที่ควรบูชา เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า ผมยอบรับว่าเราต้องนับถือพระพุทธเจ้า และพระรัตนตรัยอย่างสูงสุด ในฐานะที่เราเป็นชาวพุทธ และมีแต่ธรรมะของพระพุทธเจ้าที่สอนให้เราปฏิบัติให้พ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด แต่ถ้าหากเห็นชาวพุทธไปสักการะพระพรหม หรือสักการะท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 แล้วเราไปตำหนิเขา นั่นมันไม่ถูกครับ

ตอนเช้าเราไหว้พ่อแม่ก่อนไปโรงเรียน ไปโรงเรียนเราก็ไหว้อาจารย์ เจอครูกี่คน ๆ เราก็ไหว้ ขากลับบ้านแม่เพื่อนให้ขนมกินเราก็ไหว้ แต่จะไหว้อย่างไร เราก็รู้สำนึกว่าเรามีพ่อมีแม่อย่างละคนเท่านั้น คนอื่นที่เราไหว้น่ะเพราะความเคารพ และแทนพ่อแม่เราไม่ได้ ทุกคนรู้ดี

ผมไหว้พระก่อนออกจากบ้าน พอขับรถผ่านศาลพระพรหมผมก็ยกมือไหว้ 1 ครั้ง ถึงไม่ยกมือก็กำหนดจิตไหไหว้ ถามว่าไหว้ทำไม ก็ท่านช่วยให้กำลังใจคนมาเป็นหมื่นเป็นแสน มีทุกข์ภัยทางเศรษกิจ กำลังจะสอบ หรือตกงานอยู่ มาหาท่าน ไหว้ปะลก ๆ ได้ความสบายใจกลับบ้าน พอสบายใจเข้าแล้ว ทำอะไรมันก็จะสำเร็จขึ้นมาบ้าง ท่านจะช่วยหรือไม่ช่วยพิสูจน์ไม่ได้ แต่คนที่คิดจะฆ่าตัวตาย ก็เลิกล้มไปก็มีมาแล้ว เหตุนี้ท่านจึงมีคุณต่อมนุษย์ คุณอาจะบอกว่าแล้วทำไมคนเหล่านั้นไม่ไปไหว้พระปฏิบัติธรรมล่ะ จะสบายใจละถูกทางกว่า ผมว่าคนที่กำลังจะจมน้ำน่ะ อะไรไกล้ตัวก็ต้องคว้าไว้ก่อน หลาย ๆ คนคงหาทั้งพระทั้งเทพ ถ้าผมเป็นนักเรียนโดนเพื่อนแกล้งที่โรงเรียน ก็คงจะฟ้องครูก่อนฟ้องแม่ (แต่ก็ไม่ได้ยกย่องให้ครูเป็นที่เคารพเหนือแม่) เพราะครูอยู่ที่โรงเรียน แต่แม่อยู่บ้าน

ดังนั้นผมก็ยังคงยืนยันว่า ตำหนิชาวพุทธที่ให้ความเคารพต่อองค์เทพต่าง ๆ นั้น ไม่สามารถตำหนิได้ หลาย ๆ คนที่ปฏิบัติเพื่อละสังโยชน์ แต่เวลาเขาผ่านสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำคัญ เขาก็ยังยกมือไหว้เหมือนเดิม ทั้งพระพรหมที่ราชประสงค์ พระวิษณุกรรม จนถึงเสด็จพ่อ ร4 ที่มหาวิทยาลัย ในฐานะที่มีบุญคุณต่อโลก และต่อมนุษย์ แต่ไม่ได้นับถือเป็นสรณะอย่างที่พวกเขานับถือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ผมว่าพวกเขาไม่สมควรถูกตำหนินะ

ที่ว่าไม่ให้ตำหนิ เพราะเราไม่รู้หรอกว่าคนที่มาไหว้น่ะ เขามีความคิดย่างไร เขาอาจไหว้โดยประกอบไปด้วยปัญญา และไตร่ตรองดีแล้ว หรือเขาอาจจะไม่ใช้ปัญญาเลย มาถึงก็ขอโน่น ขอนี่บนบาลศาลกล่าว เราแยกแยะไม่ได้ ว่าเป็นแบบไหน แล้วเราจะไปตำหนิเขาอย่างไร นอกจากจะยึดตรรกะว่าไหว้ยังไงก็ผิดอยู่ดี????

จริง ๆ แล้วมันก็ขึ้นอยู่กับว่า เขาใช้ปัญญาไหม เขารู้จักคิดไหม เหมือนที่ผมตอบไปในความเห็นที่ 8

ตัวผมเองที่ตอบด้วยความเห็นแบบนี้ เพราะเจอมากับตัว ครั้งหนึ่งแฟนจะสอบก็เลยไปไหว้พระพรหม แต่ผมไปยืนดูแล้วไม่ไหว้ เพราะในใจคิดว่าวันนั้นเรายังไม่ได้ไหว้พระเลยแล้วจะมาว่ายพระพรหมได้อย่างไร แฟนก็เลยโกรธใหญ่ ประมาณว่าผมถือดีอย่างไร มากเกินไปแล้ว ทะเลาะกันเล็กน้อย ใจขุ่นมัวมาตลอดมทางกลับบ้าน ระหว่างทางคิดไตร่ตรองตลอดว่าเราทำถูกหรือทำผิด พอกลับมาบ้านก็มาพิจารณาดูใจของตัวเองว่ามันขุ่นมัวเพราะอะไร ไม่ใช่เพราะทะเลาะกับแฟน เลิกทะเลาะไปนานแล้วก็ไม่หายขุ่น จึงค่อย ๆ พิจารณาดูจิต ก็พบว่าสิ่งที่เราทำเป็นมานะ ซึ่งเป็นกิเลสตัวที่1 รายึดมั่นถือมั่นในอัตตาตัวเองเป็นกิเลสตัวที่สอง จิตขาดพรมวิหารสี่เพราะขาดมุทิตา สามอย่างนี้ทำให้ผมขุ่นมัวขนาดทำสมาธิไม่ได้เลย พอเช้าอีกวันหนึ่งหลานกำลังจะไปโรงเรียนก็มาสวัสดีผม ผมก็ตื่นขึ้นมาจากความโง่เลย รู้ทันทีว่าการแสดงความอ่อนน้อมถ่อมตนมันขึ้นกับวาระและโอกาส และควรทำทันทีที่เป็นวาระที่เหมาะสม ไม่ใช่อยู่หน้าพระพรหมแล้วไม้ไหว้ จะกลับบ้านมาไหว้พระก่อน แล้วกลับไปไหม่ มันก็ไม่ใช่ จากนั้นผมก็ทำอะไรถูกกาละเทศะมากขึ้น และที่นี้ก็ไหว้ตลอดเลย แต่เป็นการไหว้แบบแสดงความเคารพ ทั้งผู้มีพระคุณต่อตัวเรา คุณต่อชาวโลก คุณต่อศาสนา และผู้มีอาวุโส และเริ่มไปไหว้พระสยามเทวธิราชที่ศาลหลักเหมือง จากที่ไม่ยอมไหว้มาเลยตั้งแต่เด็ก ๆ ผลจากการเปลี่ยนแปลงตัวเองในครั้งนั้นทำให้รู้สึกสบายใจมากขึ้น และการปฏิบัติธรรรมก็ได้ผลดีมากขึ้น อย่างเห็นชัดมาก ๆ

 

อืม ครับมนุษย์หนะเก่งอยู่แล้วสร้างมดหรือสัตว์อาจไม่ดีดีเท่าการร้างศรัทธาและความเชื่อครับ ใช่เลยครับอย่างที่คุณ666 บบอกนั่นแหละใช่เลยนุษย์สร้างเรื่องราวความเชื่อหรือคำภีร์อะไรให้คนศรัทธาได้มานานแล้วแหละครับคงหลายพันปี แต่อาจและเพิ่งสร้างหรือโคลนนิ่งอะไรทำนองนั้นได้เมื่อไม่นานเนอะ ใช่ๆเห็นด้วยๆครับ เอาเช่นนั้นแล้วกันครับตามท่านว่าแหละครับไม่อยากไม่ควรเคารพเทพพรหมก็ดีครับเป็นหนึ่งทางเลือกหนึ่งครับ ไม่เถียงครับผมนับถือพุทธเจ้าให้ที่สุดเลยนั่นแหละดีแล้วครับ ส่วนที่จะด่าปรามาสอะไรเทพพรหมก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกครับเอาเลยครับสนับสนุนไม่ขัดอยู่แล้วครับ ตามสะดวกเลยครับผม ถ้าให้สุดๆไปเลยก็เอางี้เลยก็ดีนะครับผมสนับสนุนไปยืนด่าหรือปรามาสด่าให้เจ็บแสบตามสถานที่มีรูปเคารพของพวกเทพพรหมเลยเอาให้ดุเด็ดเจ็บแสบเลยครับไม่ต้องออกเสียงก็ได้ด่าในใจแล้วท้าไปเลยว่าไม่เชื่อหรอกไอ้เศษทองเหลืองไอ้ปูนปั้น ไอ้หินแกะ ไอ้พวกไม่มีคุณธรรมมีความเลวทรามชั่วช้าทั้งนั้นแน่จริงก็มาหามาแสดงให้ดูสิวะว่ามีดีจิงเจ๋งจิงเหรอ เอาเลยครับหนับหนุนเต็มที่(แล้วในจิตอาจตั้งจิตต่อพระพุทธเจ้าว่าสิ่งที่ข้าพเจ้าคิดหากถูกต้องขอบารมีพระพุทธองค์โปรดคุ้มครองข้าพเจ้าอย่าให้พวกเทพพรหมชั่วช้าเหล่านั้นมาทำอะไรข้าพเจ้าได้ ไม่ต้องกลัวอยู่แล้วนี่ครับพระพุทธองค์ท่านเหนือทั้งสามโลกครับบารมีท่านคุ้มครองคุณแน่ แต่หากข้าพเจ้าคิดผิดสมมตินะครับก็อธิษฐานกับพุทธองค์ท่านว่าขอให้เกิดเหตุให้ข้าพเจ้าได้เรียนรู้ได้เกิดปัญญาด้วยเถิด) คนเราถ้าจะมีจุดยืนแล้วเอาให้ชัดๆไปเลยครับผม เอาให้สุดๆรู้ดำรู้แดงพิสูจน์กันไปเลยเนอะ ผมว่าอย่างคุณ 666 กล้าแน่นอนอยู่แล้วชัวร์ไม่กลัวอยู่แล้วครับ เอาเลยครับผมเชียร์จริงๆนะเนี่ย เพราะผมเป็นคนนึงที่ไม่เชื่ออะไรง่ายๆต้องพิสูจน์ก่อน ลองเอาวิธีที่ผมแนะนำไปลองพิสูจน์ก็น่าจะดีนะครับ เอาแบบตระเวนให้ทั่วเมืองเลย ถ้าไม่ทราบที่เดี๋ยวผมพอแนะนำได้ เช่นโบสถ์พราหมณ์เสาชิงช้า ศาลพรหมเอราวัณ วัดแขกสีลม พระคเณศ พระตรีมูรติที่เซ็นทรัลเวิล วัดเทพมณเฑียรแถวเสาชิงช้า ตามศาลเจ้าต่างๆ ศาลพระคเณศ พระตรี พระศิวะอุมาที่ห้วยขวาง ศาลหลักเมือง ฯลฯ ตระเวนเลยครับเอาเท่าที่ผมแนะก็ได้หรือเพิ่มเติมเองก็แล้วแต่เอาให้รู้เลย จิงๆนะผมพูดด้วยจิงใจมิได้กวนนะครับเพราะผมเป็นคนชอบพิสูจน์เลยแนะนำให้คุณพิสูจน์บ้าง ตระเวนด่า ทดสอบทดลอง ปรามาสไปเรื่อยๆครับเอาสักเดือนสองเดืนหรือสามเดือน เอาเฉพาะช่วงว่างจากงานก็ได้ เสาร์อาทิตย์ปะมานนั้นก็ได้ ดีๆครับแล้วรอดูผลลัพธํว่าออกมายังไง แต่ต้องทำนะครับ ทำติดต่อกันสักสามเดือน เพื่อทดลองไงครับอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ไง ได้ผลยังไงลองมาเล่าประสบการณ์ให้ฟังหน่อยนะครับจะรอติดตาม
ด้วยความเคารพครับ
ผมผู้เป็นกระพี้แห่งพุทธะหรืออาจจะด้อยกว่าด้วยซ้ำละเนอะ
ขอสิริแห่งจิตสถิตอยู่กับท่าน

 

มีปัญญาพอครับ พวกคลั่งเทพมันเล่นถึงตาย อย่างกรณีคนบ้าทุบซากหินซากปูนซึ่งสมมติติ้งต่างกันว่าเป็นจอมเทพพรห์ม( เอราวัณ) โหยยยย พวกคลั่งเทพฮินดูเล่นกระทืบคนบ้าซะตายคาทีนน โหดมากครับไร้อารยธรรมสำหรับพวกคลั่งเทพ ในอินเดียอีกที่หนึ่ง ฆ่ากันตายเรื่องเทพอยู่บ่อย ๆ แถมมีโบสถ์แห่งความอัุปรีย์ของฮินดูอยู่แห่งหนึ่ง มีพิธีกรรรมบ้าบอเสพกามถวายเทพเจ้า ใครเข้าไปในที่นั้นเอากันได้หมดเพราะอยู่ในความมืด ไม่มีใครเห็นตัวใครจับโดนใครก็เอากันเลย จะได้บุญเยอะถ้าไปเอาโดน พ่อ แม่ พี่ น้อง ลูก ของตัวเอง นี้ไงครับส่งเสริมกันเข้าไป ชาวพุทธไปไหว้กันให้เยอะนะ เทพฮินดูนะ

 

คุณ 666 ครับ ผมว่าหยุดเถอะนะครับ ประเด็นที่อยากจะให้ทุกคนได้ตระหนักคือ ให้เข้าถึงไตรสรณคมน์อย่างบริสุทธิ์ เพื่อการเป็นพุทธที่แท้จริง

จริงๆแล้วจะเทพเชื้อชาติไหน เขาก็ต้องทำดีมาก่อนถึงได้เสวยชาติเป็นเทวดาได้ ดังนั้น เราควรรณรงค์ให้คนเข้าถึงไตรสรณคมน์อย่างถูกต้องจะดีกว่า แต่ถ้าผู้ใดไม่มีปัญญาจะคิดได้ก็ปล่อยเขาไปเถอะครับ

ถ้าอย่างนี้ ดูๆจะเป็นการโจมตีเทพของศาสนาอื่นมากเกินไป เราในฐานะชาวพุทธ ไม่ควรทำอย่างนั้นนะครับ

การระลึกถึงคุณธรรมของเทวดา หรือที่เรียกว่า เทวดานุสติ ก็สามารถทำได้นะครับ แต่เราจะระลึกว่า คุณธรรมอะไรที่ทำให้เป็นเทวดา นั่นคือ หิริ โอตัปปะ และศีล นะครับ

แต่ไม่ใช่การไปกราบไหว้บูชา อ้อนวอนขอลาภ ขอยศ ซึ่งมันผิดหลักของพุทธครับ

ให้ชาวพุทธเข้าใจประมาณนี้น่ะครับ

 

"อย่างวันี้ผมดูรายการทีวีพูลทูไนท์ ดาราสองท่านเป็นชาวพุทธแท้อยากจะทำบุญถวายพระพี่นางกับไปบูชาองค์เทพทางฮินดูและบอกว่าดูศักดิ์สิทธิ์กว่าวัดไทยทำบุญกับพราหมณ์แล้วได้บุญจริง มันชักแปรปรวนไปใหญ่แล้วครับอยากอุทิศบุญกุศลไปถวายของเทวดา และดาราฆยิงสองท่านยังว่าวัดแขกสีลมดูดีกว่าวัดพุทธอีกผมดูแล้วหดหู่ครับ"
----------------------------------------
-จะทำบุญให้พระพี่นางที่วัดฮินดู--> ก็ทำไป ไม่ผิด เป็นสิทธิของเขาและก็ควรได้บุญไม่มากก็น้อย แต่การที่เขามองข้ามสิ่งดี ๆ ที่ตัวเองเป็นคนพุทธ เป็นเห็นชอบในคติพราหม์ ก็คงมีมารมาบังตาเขาไว้ คำว่ามารในที่นี้ผมหมายถึง กิเลสมาร ไม่ใช่ เทวบุตตมาร

-บอกว่าดูศักดิ์สิทธิ์กว่าวัดไทยทำบุญกับพราหมณ์แล้วได้บุญจริง -->อันนี้โดนกิเลสข้อ "กามฉันทะ" คือยึดติดกับรูบลักษณ์ภายนอกที่สวยงาม กิเลสมันบังตา ทำให้เกิดอวิชชา ยังโง่อยู่มาก ของพุทธก็ได้บุญและมากกว่าด้วย และมีการทำบุญได้ตั้ง 10 วิธี

-อยากอุทิศบุญกุศลไปถวายของเทวดา --> เทวดาอนุโมทนาบุญที่เราทำได้ แม้จะอยู่สบายอยู่แล้วก็ไม่เป็นไร คนที่ทำให้ถือว่าเป็นการแสดงมุทิตาจิต และการอุทิศส่วนกุศล ก็เป็บ 1 ข้อในบุญกริยาวัถถุ 10 เรื่องมุทิตาจิตนี้สำคัญกับคนที่ต้องการจะทรงพรหมวิหารสี่ แต่หลาย ๆ คนอาจมองข้าม ก็ขึ้นอยู่กับคุณปฏิบิติอะไรอยู่ เพราะธรรมมะในศาสนาพุทธมีเยอะมาก

-วัดแขกสีลมดูดีกว่าวัดพุทธอีกผมดูแล้วหดหู่ครับ --> นี่ไงกามฉันทะ และ อวิชชา รามกันมาเป็นมารบังใจ พวกดาราเกือบจะร้อยทั้งร้อย ถ้าถามเรื่องธรรมมะกับเขา ก็จะเจอแต่พวกมิจฉาทิฐิ คือเห็นผิดเป็นชอบ เห็นชอบเป็นผิด แล้วก็ไม่ต้องไปหดหู่หรอก เพราะการที่จิตเศร้าหมองย่อมมีทุกคติเป็นที่ไป ยืนยันได้จากพระพุทธพจน์ (จิตเตสังกะลิตเฐ สุขติปฎิกังขา ) เราแก้ที่คนอื่นไม่ได้ ก็มาแก้ที่ตัวเราดีกว่า ดูใจของตัวเองเสมอให้มันผ่องใสอยู่ตลอดเวลา

ที่ผมบอกว่า ไหว้เทพต่าง ๆ นั้นไม่ผิดถ้าใช้ปัญญาควบคู่กันน่ะ ไม่ได้หมายความอย่างดาราสองคนนี้นะ แต่ให้ไหว้เพื่อรักษาจิต ให้ตั้งอยู่ในความอ่อนน้อม ถ่อมตนเท่านั้น ไม่ต้องมองไปถึงเทวดาก็ได้ แค่คนมีอายุสักคนหนึ่งท่าทางโกโรโกโส เด็ก ๆ หลายคนเห็นก็จะบอกว่าฉันไม่ไหว้ตาแก่คนนี้ เพราะดูแกเป็นคนแก่บ้า ๆ คิดแบบนี้ดูมีเหตุผลตามความคิดทางโลก แต่กิเลสมันก็หนาขึ้นมาหลายมิลลิเมตรแล้วครับ ตัวมานะ และ อัตตา มันครอบครองใจเราอยู่ เกิดการยึดมั่นถือมั่น อย่างมากเราก็ไม่ไหว้ แต่ใจก็ต้องวางอุเบกขา คือแค่ไม่ไหว้เฉย ๆ แต่ไม่ได้คิดอะไรมาก แบบนี้จึงจะรักษาจิตของเราได้ การละวางอัตตาเป็นสิ่งสำคัญ เพราะถ้าละไม่ได้ก็จะละวางสักกายทิฐิไม่ได้ ก็เท่ากับปิดประตูที่จะได้สัมผัสกระแสของพระนิพพานเลย เพราะสักกายะทิฐิเป็นข้อที่ 1 ในสังโยชน์ 10 ที่ปฏิบัติได้ง่ายที่สุดถ้าเทียบกับข้ออื่น ๆ ถ้าจะเดินเข้าสู่ความเป็น "พระอริยะ" ไม่ว่าขั้นไดล้วนแต่ต้องละ สักกายะทิฐิ ให้ได้ก่อนทั้งนั้น

 

เห็นว่าคุณ Magic Strom ยกคำสอนของของหลวงพอฤษีลิงดำมา ก็อยากจะบอกว่า หลวงพ่อท่านไม่เคยห้ามไม่ให้เราไหว้เทพ เทวดา ต่าง ๆ ครับ แต่ให้ยึดถือพระรัตนตรัยเป็นสิ่งสูงสุด เหนือกว่าเทพกว่าพรมทั้หลาย

มันไม่ใช่เรื่อง แก่นหรือว่ากระพี้ หรือถูกทางไม่ถูกทาง แต่เป็นเรื่องของการแสดงมุทิตาจิต และบูชาบุคคลที่ควรบูชา หลวงพ่อเองกอนจะสอนมโนมยิทธิทุกครั้งก็เรียกชุมนุมเทวดา พอพาไปข้างบนได้แล้วก็ให้เราไหว้ท่านกราบพระอินทร์ กราบท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่ พอจะกลับก็ไหว้ท่านเหล่านั้นแล้วก็กลับมา เป็นการกราบไหว้ผู้มีอาวุโสสูงกว่าตามวาระและโอกาสอันสมควร

ไอ้เรื่องที่ว่า ไม่ใช่ทางตรง เป็นกระพี้ไม่ใช่แก่นอะไรนั่นมันก็ถูกอยู่ครับ แต่พอดีว่าเรากำลังคุยกันว่าถ้าไหว้แล้วผิดไหม คุณ 666 บอกว่าผิดอย่างสิ้นเชิง แต่ผมบอกว่าไม่ผิดถ้าใช้ปัญญาพิจารณาไปด้วย และผมก็ยกข้อธรรมที่เขากับหลักการของผมขึ้นมา ซึ่งอยู่ในหมวดของมงคลสูตร อนุสติ 10 และ บุญกริยาวัถถุ 10

ก็ขอย้ำอีกครั้งว่า ถ้าใช้ปัญญาควบคู่นั้นไม่ผิด แต่ไหว้แบบงมงาย ขอยศขอลาภอันนี้ไม่รวม เพราะไม่ได้ใช้ปัญญาเลย และยังเจิไปด้วยความโลภอันเป็นกิเลส ที่นี้ถ้าเราจะตำหนิมันก็จะกลายเป็นเหมารวมไปหมด มันก็ไม่ถูกไง คนฉลาดแล้วไหว้น่ะมีอยู่ ทางที่ดีก็อย่าไปตำหนิเขาเลย เรามองแล้วพิจาณาให้เป็นข้อธรรมในใจเราดีกว่า ผมว่าทั้งคุณ Magic Strom และคุณ 666 เข้าใจธรรมมะดีพอสมควรแล้ว แต่อยากให้นึกถึงการอยู่ร่วมกันในโลกอย่างมีความสุขด้วยการยอมรับความเป็นเขาเป็นเราด้วยอีกสักข้อ ยอมรับว่าคนเรานั้นมีอะไรไม่เท่ากัน รวมทั้งปัญญาก็ไม่เท่ากัน แต่เราต้องอยู่ร่วมกันให้ได้ เพราะเราเบียด ๆกันอยู่มในโลกแคบ ๆ มันไปไหนไม่ได้ถ้ายังไม่ตาย ถ้าอยากแก้ไขให้คนเลิกงมงายมันก็ต้องค่อย ๆ ให้เขาได้รู้จักธรรมมะ แต่ถ้าใช้วิธีตำหนิหรือด่า มันไม่ค่อยได้ผลครับ วิธีตำหนิหรือด่าเป็นวิธีที่ผู้ใหญ่หรือเจ้านายสั่งสอนลูกน้อง แต่กับเพื่อนร่วมโลกมันจะกลายเป็นความขัดแย้งได้ เหมือนที่เราเห็น ๆ ทุกวันนี้น่ะ เพราะศรัทธาของใครเขาก็ยึดมั่นถือมั่นของเขาอย่างนั้น

ยินดีที่ได้สนทนาธรรมกับทั้งสองท่านครับ แต่ตอนนี้เนื้อหามันชักจะวน ๆ แล้วผมขอจบแค่อันนี้แล้วกัน สวัสดีครับ

 

กลัวลืมประเด็นที่วิวาทะ หัวข้อคือแบบนี้ครับ บู้ชาเทวดาดีๆสัมมาทิฏฐิไม่ว่ากัน บูชาเทพแบบพุทธๆ ไม่ว่ากัน ที่รับไม่ได้คือ






[music]http://www.ganeshhimal.org/MP3/mantra.mp3[/music]









แบบนี้ต่างหากที่ไม่เห็นด้วยให้ชาวพุทธบูชา

 

เอ่อ.. เข้าใจครับผม ไม่ต้องไปแสดงท่าทีก็ได้นี่คับไปยืนนิ่งๆคิดอธิษฐานในใจเอาเลยครับ พวกที่เขานับถือเขาไปไหว้เขาไม่ทราบหรอกว่าว่าคูณ666 คิดอะไรในใจอยู่ ไม่ต้องกลัวครับ อยากให้พิสูจน์ด้วยจิงใจครับ เพราะถ้าไม่งั้นเราก็จะได้เพียงแค่อ่านจากตำราอ่านจากหนังสือ หรือเห็นมนุษย์เขาจัดพิธีโน่นนี่โดยเราก็ไม่รู้อยู่ดีว่ามันจริงเท็จประการใดหรือถูกบิดเบือนเสกสรรค์อย่างไร
ถ้าไม่กล้าทำตามวิธีที่ลองเสนอผมว่าก็คงหมดหนทางในการพิสูจน์ให้รู้เห็นเองตามพุทธองค์ท่านว่าแล้วแหละครับ(กาลามสูตร) ถึงวิวาทะแลกเปลี่ยนไปก็วนอยู่ที่ปัญหาเดิมๆแหละครับพิสูจน์ไม่ได้สักที ถ้าเราไม่ลองเอง คำว่า "ปัตจัตตัง" คงไม่เกิดได้กระมังครับคุณ 666
ด้วยความเคารพครับ

 

พอเถอะนะ กระทู้แบบนี้ เบื่อ
ผู้มีปัญญา ย่อมรู้เข้าใจเอง

 

เอาอย่างนี้
ผมจะไหว้พระพิฆเณศจะทำไม
ท่านเป็นเทวดาจริงซะด้วย
แถมท่านยังช่วยสร้างวัด สร้างโบสถ์
น่าไหว้มั้ยล่ะ

ผมจะไหว้พระอินทร์ ผมจะไว้พระจตุโลกบาลทั้ง 4 ผมจะไว้แม่พระธรณี ผมจะไว้แม่พระคงคา พระยานาค พระฤาษี เพราะเป็นผู้มีความดีน่าเคารพยกย่อง ไหว้ในคุณงามความดี แม้ผีตาย(คนตาย) หลวงปู่ปานยังสอนให้ไหว้เลย (พระแท้นะนั่น ยังไหว้ศพคนตาย คิดดู เทวดา คนดี จะไม่ให้เผมไหว้ได้ไง) คนบางคน ศีลสักข้อก็ยังไม่มี แต่ต้องยกมือไหว้ ยังไหว้ได้ เช่น ญาติ หรือผู้ใหญ่บางคน บางคนโกงกินบ้านเมือง ยังยกมือไหว้กันเลย นี่เทวดาดีๆ แท้ๆ ของดีๆ จะไม่ให้ไหว้ได้ยังไง

อย่างที่คุณ Mikky บอก คนเรามีปัญญาต่างกัน ต่างคนก็บำเพ็ญไปละกัน เมื่อบุญบารมีมากเข้าก็ถึงจุดเดียวกันได้ จะให้ทุกคนบรรลุธรรมหมดก็คงไม่ได้
พวกที่ว่ามีองค์ยังดีกว่าบางคนเสียอีก เพราะเค้าสวดมนต์ไหว้พระ รักษาศีล 5 ศีล 8 กราบไหว้พระรัตนไตรเหมือนกัน ช่วยเหลือคนอื่น (แต่บางคนนิสัยไม่ดี อันนี้ผมก็ไม่ไหว้อีกแหละ พวกโกหกหลอกลวง ฯ)

ไหว้เทพก็ยังดีกว่าบางคน ที่คิดว่าตายแล้วสูญ เกิดตายชาติเดียว เที่ยว-กิน-ดื่ม มีความสุข ก็ถือว่านิพพานแล้ว โดยไม่ดูว่า นิพพานแท้ เขาสิ้นกิเลส เขาบริสุทธิ์ไปตั้งแต่ศีล สมาธิ ปัญญา ไปตามลำดับ ไม่ใช่ว่าหมาแมวจะมีศีล สมาธิ ปัญญา ตัดประหัตถ์ประหารกิเลสไปได้ ซะเมื่อไหร่ (ไหนๆ ก็ไหนๆ อธิบายหน่อยละกัน ที่ว่านิพพานชั่วครู่นั้น เกิดจากการข่มระงับนิวรไว้ คือ ฌานสมาบัตินั่นเอง หมาแมวที่ไหนมันทำฌานให้เกิดได้ คนเท่านั้น เทวดาเท่านั้น พรหมเท่านั้น ถึงจะมีโอกาสชิมนิพพานชั่วครู่ เพราะนิพพานเป็นสุขที่ปราศจากอามิส จบ)

แต่ผมไม่สนเรื่องที่พราหมณ์แต่งขึ้นมา ว่าพระเจ้าสร้างโลก แล้วไปนับว่าเทวดาองค์นั้น หรือพรหมองค์นั้น เป็นคนสร้างโลก องค์นั้นเป็นเมีย องค์นั้นเป็นลูก ผมไม่สน ผมสนว่า หากหนีจากสามโลกไม่พ้นในชาตินี้ อย่างน้อยตายไปต้องเป็นเทวาเป็นอย่างต่ำ ไม่เช่นนั้นขาดทุน ท่านเหล่าใดเป็นเทวดา มีความดีอย่างไร ผมจะเอาไว้เป็นแบบอย่าง

และสรณะสูงสุดไม่มีสิ่งอื่นยิ่งกว่า ไม่มีใครจะมาลบล้างได้ คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์

 

เราก็ไหว้นะพระพิฆเนศอ่ะ ไม่เห็นเสียหาย อ่ะ เราว่าศักดิ์ศิษย์ดีออก

 

ไร้สาระ

 

ขอแสดงความเห็นส่วนตัวสักเล็กน้อยนะครับ จริง ๆ แล้วผมว่าการที่คนเรานับถือพระผู้เป็นเจ้าของฮินดูนั้น เกิดจากความศรัทธาและความเชื่อของบุคคลนั้น ๆ และเกิดจากการไม่เข้าใจว่าธรรมะคืออะไร ธรรมะอยู่ที่ไหน ผมเชื่อว่าหลายคนไม่สามารถตอบคำถามนี้ได้ รวมถึงผมด้วยที่ไม่สามารถอธิบายให้กระจ่างชัดได้ หลายคนอาจพูดว่าธรรมะ คือคำสอนของพระพุทธเจ้าไง ธรรมะอยู่ในพระไตรปิฎกไง ธรรมะอยู่ที่วัดอยู่ที่พระไง จากความไม่เข้าใจนี่เองผมจึงคิดเอาเองว่าเทพจากฮินดูจึงเข้ามามีบทบาททางความคิดและความเชื่อได้ง่ายครับ

 

<TABLE width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>

​

</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE width=500 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>มงคลที่ ๓. การบูชาบุคคลที่ควรบูชา ควรบูชา ไตรรัตน์ ขัตติเยศร์
ผู้วิเศษ ก่อเกื้อ เหนือเกศา
ครูอาจารย์ เจดีย์ ที่สักการ์
ด้วยบุปผา ปฏิบัติ สวัสดิ์การ
การบูชา คือการแสดงความเคารพบุคคลที่เรานับถือ ยกย่อง เลื่อมใสในบุคคลคนนั้น ซึ่งการบูชาแบ่งออกเป็น ๒ อย่างคือ
๑. อามิสบูชา คือการบูชาด้วยสิ่งของเช่น การนำเงินให้พ่อแม่ไว้ใช้จ่าย หรือมอบทรัพย์สินให้พ่อแม่ หรือการนำดอกไม้ ธูปเทียนไปบูชาพระก็ถือเป็นอามิสบูชาเป้นต้น
๒.ปฏิบัติบูชา คือการบูชาด้วยการเจริญสมาธิภาวนา การฝึกจิตให้ไม่ฟุ้งซ่าน เห็นความจริงในความเป็นไปของโลกเป็นต้น
บุคคลที่ควรบูชา มีดังนี้คือ
๑.พระพุทธเจ้า (คงไม่ต้องอธิบาย)
๒.พระปัจเจกพระพุทธเจ้า หมายถึงพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา
๓.พระมหากษัตริย์ผู้ตั้งอยู่ในทศพิศราชธรรม
๔.บิดามารดา
๕.ครูอาจารย์ ที่มีความรู้ดี มีความสามารถ และประพฤติดี
๖.อุปัชฌาย์ หรือผู้บังคับบัญชาที่มีความประพฤติดี ตั้งอยู่ในธรรม

</TD></TR></TBODY></TABLE>
ที่มาhttp://www.dhammathai.org/treatment/poem/poem03.php

 

พระพุธเจ้าไม่ได้สอนให้คนงมงายนะค่ะ เเละอีกอย่างก็ไม่ได้สอนให้ดูถูกความเชื่อของคนอื่นด้วยอย่างที่ คุณเมจิก ว่า หุหุ ถ้าคุณยังมาพูดอย่างนี้คุณคิดเหรอว่าคุณจะไปนิพพานได้อ่ะค่ะ ....