ขอเชิญร่วมทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธ

ในห้อง 'ตลาด พระเครื่องเพื่อการกุศล' ตั้งกระทู้โดย พันวฤทธิ์, 29 พฤศจิกายน 2007.

  1. hongsanart

    hongsanart เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    1,332
    ค่าพลัง:
    +10,468
    โอนเงินร่วมบุญ 522.00 บาท (23/7/2552 เวลา 8.55 น.)

    โมทนาบุญกับทุกๆท่านด้วยค่ะ


    .
     
  2. chanunnon

    chanunnon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    185
    ค่าพลัง:
    +755
    อนุโมทนาบุญคะ นัทได้ร่วมทำบุญกับกิจของพวกพี่ตามกำลังค่ะ หากมีโอกาสจะไม่ประมาทในการร่วมบุญ ดูแลพระอาพาธกับพวกพี่น่ะค่ะ เจริญในธรรมค่ะ
     
  3. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,790
    ค่าพลัง:
    +16,105

    ขออนุโมทนาและสาธุบุญด้วยครับ อยู่แดนไกล รักษาสุขภาพด้วย คุณศศิธร กรีโส จนท.ที่ รพ.สงขลา แจ้งมาว่าจำนวนพระสงฆ์ที่อาพาธมีไม่มากแต่มาจากที่ไกล แต่ที่มากคือแม่ชีที่ชราภาพมาจากอำเภอที่ไกลออกไป เงินบางส่วนของ รพ.นี้ ที่ทุนนิธิฯ มอบให้ไป จึงนำไปใช้รักษาทั้งสงฆ์ทั้งชี ครับ ขออนุโมทนาต่อคุณ hongsanart ในฐานะคนพื้นที่ที่ได้บริจาคเข้าทุนนิธิฯ มาทุกเดือนโดยตลอดถ้าผ่านไปทาง รพ. เห็นพระสงฆ์หรือแม่ชีที่เดินออกจาก รพ.สงขลา ก็ให้คิดว่า เราก็มีส่วนช่วยเหลือท่านให้ได้รับการรักษาอย่างดีที่สุดแล้ว ให้ท่านคลายจากเวทนาแล้ว แอบโมทนาบุญในใจก็ได้ครับ ผมจึงถือโอกาสนี้แจ้งให้ไ้ด้รับรู้ถึงการใช้เงินในส่วนนี้ที่ รพ.สงขลาด้วยครับ

    [​IMG]




     
  4. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,790
    ค่าพลัง:
    +16,105
    คืนวันศุกร์ต่อวันเสาร์มีพระดีและของดีมาแนะนำกันเช่นเคย คราวนี้องค์ท่านมีชีวิตอยู่ แต่ข้าวก้นบาตรที่ท่านได้พิจารณาไว้ กลายเป็นพระธาตุหมดแล้ว และเป็นหนึ่งในพระกรรมฐานที่ท่านหลวงตามหาบัว ท่านการันตีถึงความเป็น "อรหัตผล" ไว้ ลองมาดูกันครับ ในสัปดาห์นี้ ว่าท่านคือรูปใดที่ทำได้อย่างนี้...

    ของดีเขาน้อยสามผาน(วัดพิชัยพัฒนาราม)

    [​IMG]

    <!--coloro:#A0522D--><!--/coloro-->ไปกราบหลวงปู่ฟักมาครับ
    องค์หลวงปู่เมตตามาก
    ท่านมีบารมีทางโภคทรัพย์สูงมาก
    แถมยังมีบารมีในการรักษาโรคคล้ายๆคุณแม่บุญเรือน

    ของดีที่เขาน้อยคงหนีไม่พ้นพระหยก(หินเขียวแม่น้ำโขง)
    ที่หลวงปู่จะแจกต่อเมื่อขอ
    และท่านจะกำชับให้แขวนหรือเหน็บติดตัวตลอด
    ท่านบอกเขาจะได้บุญ
    ผมไม่แน่ใจว่าเขาของหลวงปู่คือใคร
    จะเป็นคนที่สร้างถวายหรือจะเป็นสิ่งศักสิทธิ์(ที่ผมคิดว่าน่าจะเป็นพญานาค)

    หลวงปู่ท่านว่าพระท่านมีคุณ3ประการ
    1 แคล้วคลาด
    2 โภคทรัพย์
    3 รักษาโรค

    เคยได้ยินว่ามีคนเอาพระท่านทำน้ำมนต์รดสวนเงาะ ทุเรียน
    ปรากฎว่าผลผลิตเพิ่มขึ้นหลายเท่า
    แถมมีคนบุกมาซื้อเองถึงสวน

    ส่วนเรื่องรักษาโรคก็อาราธนานำพระทำน้ำมนต์อีกนั้นแหละครับ
    โรคแปลกๆหรือโรครักษาไม่หาย น้ำมนต์ท่านรักษาหายมาเยอะแล้ว

    พระหยกหลวงปู่มีความอัศจรรย์ต่อผู้เลื่อมใสเสมอมา
    หากเอาเรื่องราวปาฏิหาริย์ที่ได้ยินมาเขียนหนังสือ
    คงจะยาวกว่า Harry Potter

    [​IMG]
    <!--coloro:#A0522D--><!--/coloro-->
    นี้คือของที่ท่านเมตตาให้มาครับ

    ที่เห็นรูปหลวงปู่มั่นเป็นตำราประจำตัวหลวงปู่ฟักที่ท่านจะแจกคู่กับประคำครับ

    สมัยก่อนนึกถึงประคำก็คงนึกถึงหลวงพ่ออุตตมะ
    แต่ปัจจุุุุบันอาจต้องเปลี่ยนนึกถึงประคำนึกถึง
    หลวงปู่ฟักครับ


    [​IMG]
    <!--coloro:#A0522D--><!--/coloro-->
    นี้คือภายในเล่มครับ
    คาถาท่านพ่อลี ที่หลวงปู่รับรองว่าใครสวดทุกวัน(คงต้องตามจำนวนจบที่ท่านบอก)
    รับรองต้องเห็นผลภายใน7วัน
    จะต้องมีสิ่งดีๆเกิดขึ้นแน่นอนครับ

    [​IMG]

    <!--coloro:#A0522D--><!--/coloro-->อีกหน้าในเล่มครับ

    ผมชอบคำอธิษฐานท่านมากครับ
    หลายคนเจ้านายกลับมาเมตตารักใคร่ก็ด้วยคำอธิษฐานนี้และครับ
    บางคนลูกหนี้ที่หายหน้าหายตาไปเป็นปีอยู่ๆก็โทรมาขอผ่อนใช้หนี้เฉยเลย

    แต่หลวงปู่ท่านบอกว่าต้องสวดคาถาท่านพ่อลีก่อนแล้วต้องนั่งสมาธิด้วย
    ยิ่งเป็นชั่วโมงยิ่งดี

    [​IMG]

    <!--coloro:#A0522D--><!--/coloro-->นี้ปกหลังครับ

    [​IMG]

    <!--coloro:#A0522D--><!--/coloro-->พระธาตุชุดนี้ แปรสภาพจากข้าวก้นบาตร ของหลวงปู่ฟัก สนฺติธมฺโม
    ซึ่ง พระในวัดสันติธรรม ได้เก็บไว้บูชา เมื่อครั้งท่านเมตตามาแสดงธรรมในงานนิทรรศการพระธาตุวัดสันติธรรม ปี ๒๕๕๐ ซึ่งต่อมาระยะหนึ่งได้เกิดมีองค์พระธาตุปรากฏอยู่ในกระปุกที่เก็บข้าวก้น บาตรของหลวง
    ปู่นั้น


    ขอขอบคุณ
    http://www.suankhlang.com/ipb//index.php?showtopic=898

    ผมเองยังไม่เคยไปกราบท่าน แต่แน่นอน ตั้งใจไว้แล้ว ต้องไปแน่นอนครับ แต่ที่แน่ๆ คาถา ท่านพ่อลีนั้น ลองภาวนาอย่างท่านว่าดู เห็นผลนา...จะบอกให้







     
  5. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,790
    ค่าพลัง:
    +16,105
    ร่างกายเราจะอยู่ในโลกอีกไม่กีวัน มันก็พัง (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)


    [​IMG]



    หากต้องการภาพขนาดใหญ่ เพื่อทำ Wallpaper
    Download Wallpaper Link...
    (กดปุ่มเมาส์ด้านขวา เลือก Save Target As)


    ภาพสวยๆ และบทความธรรมะดีๆ จากคุณลูกโป่ง

    http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=21868
     
  6. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,790
    ค่าพลัง:
    +16,105

    ในวันนี้ ผมได้ดำเนินการโอนเงินโดยผ่านไปรษณีย์ธนาณัติไปยัง รพ.ภูมิภาคที่เหลืออีก 2 แห่งแล้วดังนี้

    1. รพ.สมเด็จพระยุพราช(ปัว) จ.น่าน 6,000.- (เท่ากับ รพ.แม่สอด จ.ตาก ที่ทั้งคู่เป็น รพ.ชายแดน และมีพระทั้งพม่าและลาวมารักษาตัวเป็นประจำ จึงให้ต้องพิจารณาการบริจาคเพิ่มมากกว่า รพ.ในชุมชนอีก 1,000.-)

    2. รพ.50 พรรษา มหาวชิราลงกรณ จ.อุบลฯ 5,000.-

    ซึ่งนับเป็นการโอนปัจจัยผ่านทางธนาคารและไปรษณีย์ครบถ้วนแล้วทั้ง 6 รพ.ภูมิภาคในเดือนกรกฏาคมนี้ รวมเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 35,000.- (สามหมื่นห้าพันบาทถ้วน)

    คงเหลือเพียงกิจกรรมในวันอาทิตย์นี้ (26/7) ที่ รพ.สงฆ์ที่จะต้องใช้เงินอีกตามประมาณการดังนี้

    1.ถวายสังฆทานภัตตาหารเช้า ซึ่งในขณะนี้ได้รับแจ้งยอดพระสงฆ์ที่อาพาธที่ตึกกัลญานิวัฒนาแล้ว เช็คยอดเสร็จสิ้นราวๆ สี่โมงเย็นวันศุกร์มีทั้่งสิ้นประมาณ 150 รูป สังฆทานอาหารกล่องๆ ละ 30.- รวมเป็นเงิน 4,500.-

    2.ถวายซื้อเวชภัณฑ์เข้าส่วนกลาง 7,500.-
    3.ถวายซื้อโลหิตเข้าส่วนกลาง 7,500.-

    รวมเป็นเงินที่จะใช้ที่ รพ.สงฆ์ทั้งสิ้น 19,500.-

    งานที่เหลือในขั้นสุดท้ายคือ การเดินทางไปกราบท่าน
    พระอาจารย์อุทัย สิริธโร วัดเขาใหญ่เจริญธรรม ญาณสัมปันโน
    ซึ่งคณะทุนนิธิฯ จะเดินทางไปกราบท่าน หลังจากที่เสร็จภารกิจที่ รพ.สงฆ์ในตอนเช้าราว 9.30 น.แล้ว โดยได้นัดหมายกับลูกศิษย์ท่านที่จะขอเข้ากราบในเวลา 14.00 น. และในงานนี้คาดว่าจะมีผู้ร่วมเดินทางไปทั้งสิ้นเกือบ 30 คน (ออกค่าใช้จ่ายกันเอง) และจะนำปัจจัยจากทุนนิธิฯ ไปร่วมถวายสังฆทานกับท่านโดยแยกเป็น

    1.เป็นต้นบุญของทุนนิธิฯ ใส่ซองถวายสำหรับบริจาคสร้างถาวรวัตถุภายในวัด เป็นเงิน 1,500.-
    2.ซื้อของแห้งเข้าโรงครัว และเครื่องดื่มเพื่อถวายสงฆ์ เป็นน้ำปานะ เป็นเงิน 1,000.-

    รวมเป็นเงินที่จะต้องใช้ที่วัดเขาใหญ่เจริญธรรมทั้งสิ้น 2,500.- (สองพันห้าร้อยบาท)

    และเมื่อนับรวมทุกรายการแล้ว ในเดือนกรกฏาคมนี้ ทุนนิธิฯ ได้ใช้เงินจากบัญชีเพื่อการทนุบำรุงศาสนาตามกิจข้างต้น เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 57,000.- (ห้าหมื่นเจ็ดพันบาทถ้วน)

    ผม และคณะกรรมการทุนนิธิฯ ท่านอื่น จึงขอขอบคุณ และโมทนาสาธุบุญมายัง ผู้ที่ได้บริจาคเงินมายังบัญชีของทุนนิธิฯ ทุกๆ ท่านด้วยครับ และเมื่อเสร็จจากภารกิจทั้งปวงแล้ว จะได้นำรูปถ่ายทั้งหมดและเอกสารที่เกี่ยวข้องในการบริจาคทั้งหมดมาลงให้ได้ดูและได้ทราบกันต่อไป

    พันวฤทธิ์
    25/7/52

    [​IMG]



    ภาพจาก dmc
     
  7. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,790
    ค่าพลัง:
    +16,105
    พรุ่งนี้จะไปกราบท่าน อ.อุทัยฯ ที่ วัดป่าเขาใหญ่ฯ นี่ก็เพิ่งซื้อเครื่องสังฆทานกลับมา งบมีหนึ่งพัน แต่ด้วยจิตที่อยากถวายท่านเลยจ่ายเพลินไปเกือบสองพัน พอเข้ากระทู้จิตดันไพล่ไปถึง ครูอาจารย์ท่านหนึ่งจนได้ พอนึุกถึงท่าน จึงขอแหกกติกาตนเองที่มักจะแนะนำพระใหม่ หรือพระเครื่องในวันศุกร์มาเสนอในวันเสาร์นี้ต่ออีกรูปหนึ่งครับ ลองอ่านดูมินิซีรีส์ของท่านครับ ต้องขออภัยก่อนที่บางช่วงบางตอนตัวหนังสือจะต่างกัน หรือไม่ค่อยต่อเนื่อง เพราะผมต้องค่อยๆ ก๊อป และ เพสท์ ลงมาปะติดปะต่อกันครับ แต่ก็พออนุมานอ่านได้ดังนี้...


    [​IMG]

    อริยสงฆ์ ผู้เปี่ยมไปด้วยเมตตาธรรม

    แห่งวัดเนินตามาก พนัสนิคม ชลบุรี

    หลวงปู่ม่น ธมฺมจิณฺโน ท่านเป็นพระผู้ยึดถือเคร่งครัดในพระธรรมวินัย จึงเป็นเหตุให้สาธุชนแถบเนินตามากมีความเคารพและศรัทธาต่อหลวงปู่เป็นอันมาก เมื่อสมัยที่ทางวัดเนินตามากว่างเว้นเจ้าอาวาสลงพวกญาติโยมจึงเห็นพ้องต้อง กันอาราธนานิมนต์หลวงปู่ม่น ซึ่งขณะนั้นมีอายุเพิ่ง 38 ปี ขึ้นดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสปกครองดูแลคณะสงฆ์ในวัด



    หลวงปู่ม่นนั้นท่านเป็นชาวเนินตามากมาโดยกำเนิด โยมบิดาชื่อ นายมา โยมมารดาชื่อนางแดง นามสกุล วิญญาณ หลวงปู่ได้เกิดมาลืมตาดูโลกเมื่อวันที่ 16 เดือนเมษายน 2453 วึ่งตรงกับวันเสาร์ ขึ้น เจ็ด ค่ำ เดือน ห้า ปีจอ จ.ศ. (จุลศักราช) 1272

    มีพี่น้องร่วมอุทรอีก สองท่าน คือ พี่สาวคนโต "นางเทียม เอมเปีย" (วิญญาณ) และน้องสาวคนสุดท้อง ไนงย้อย โบราณ" โดยมีบุตรชายเป็นหลวงโทนคนเดียวในตระกูล "วิญญาณ"


    ปฐมบทวัย

    ในวัยเด็ก เด็กชายม่น หรือ หลวงปู่ม่น ได้เล่าเรียนหนังสือจากวัดพออ่านออกเขียนได้ คำว่า "วัด"ในสมัยโบราณนั้นแทบจะเป็นทุกอย่างของบรรดาชาวบ้าน เช่น จะศึกษาเล่าเรียนวิชาความรู้ ผู้ที่เป็นพ่อแม่ หรือ ผู้ปกครองมักพาลูกหลานไปเล่าเรียนกันที่วัด

    กระทั่งเจ็บไข้ได้ป่วยก็พากันหามไปให้พระท่านรักษากันที่วัด วัดจึงเป็นทุกสิ่งทุกอย่างในสังคมชนบทที่ห่างไกลความเจริญ

    พระภิกษุในสมัยนั้น นอกจากจะต้องมีความรู้ความสามารถในการสอนสั่งและเขียนอ่านได้แล้วนั้น จะต้องมีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับเรื่องยาสมุนไพร และจะต้องมีพลังจิตที่จะขจัดปัดเป่าโรคภัย หรืออำนาจเร้นลับที่เกิดจากภูตผีปีศาจ คุณไสยมนต์ดำ ซึ่งไม่มีตัวยาอันใดจะรักษาให้หายได้ นอกจากอำนาจพลังจิตและเวทวิทยาคม

    การสอนหนังสือชองพระในวัดต่างจังหวัดในสมัยนั้น ภาษาที่ใช้สอนยังเป็นภาษาบาลี ภาษาขอมผสมภาษาไทย หลวงปู่ในวัยเด็กนั้นเป็นเด็กที่มีความขยันในการเรียนยิ่งกว่าเด็กอื่นๆใน วัยเดียวกันด้านการศึกษาเล่าเรียนของหลวงปู ่ หรือเด็กชายม่นจึงรวดเร็ว อีกทั้งนิสัยส่วนตัวท่านก็เป็นคนโอบอ้อมอารีเรียกได้ว่าฉายแววเป็นคนมี คุณธรรมตั้งแต่เยาว์วัยที่เดียว

    จุดโน้มน้าวจิตใจของหลวงปู่ให้เป็นคนมีคุณธรรมก็ เพราะ โยมบิดามารดาของท่านได้แสองตนเป็นพุทธามกะ ถืออุโบสถศีลฟังธรรมเทศนาทำบุญให้ทานทุกวันพระ จึงทำให้เด็กชายม่นได้ติดตามโยมบิดามารดาไปวัดด้วยเสมอ

    ตามรอยพระพุทธองค์

    เมื่อเติบโตเป็นหนุ่ม หลวงปู่ม่นหรือนายม่น ท่านก็เป็นผู้ขยันขันแข็งในการทำงานโดยเป็นกำลังหลักของครอบครัวความขยันของ ท่านนั้นทำให้ครอบครัวมีฐานะมั่นคง เรียกได้ว่าเป็นผู้มีอันจะกินครอบครัวหนึ่งในตำบลเนินตามากเลยทีเดียว

    จนเมื่ออายุล่วงเข้าวัย 29 ปี การตัดสินใจครั้งยิ่งใหญ่ก็เกิดขึ้น เมื่อได้พิจารณาอย่างรอบคอบเห็นว่าทางงครอบครัวของตนมีความมั่นคงเป็นปึก แผ่น ถึงจะไม่มีตนเองคอยช่วยก็มีหนทางในการดำรงชีวิตได้ตลอดไม่อคิดได้อังนั้น ท่านจึงกราบลาบิดามารดาเพื่อขออุปสมบทในบวรพระพุทธศาสนา ซึ่งสร้างความปิติยินดีให้แก่บุพการีทั้งสอง ตลอดจนวงศาคณาญาติเป็นอันมาก

    ครั้งถึงเวลาอันเป็นมหามงคลฤกษ์ วันที่ 9 เมษายน พ.ศ.2481 ตรงกับวันเสาร์ ขึ้น 2 ค่ำ เดือน 5 ปีขาล ใต้ร่มกาสาวพักตร์ ก็ได้กำเนิดภิกษุผู้สืบทอดพระศาสนาเพิ่มขึ้นอีกรูปหนึ่ง ณ พัทธสีมาวัดโคกเพลาะ อ.พนัสนิคม ชลบุรี โดยมี

    พระครูสังวรศีลจารย์ วัดหลวงพรหมาวาส พนัสนิคม ชลบุรี เป็นพระอุปัชฌาย์

    พระครูพิพัฒน์ธรรมคุณ วัดโบสถ์ พนัสนิคม ชลบุรี เป็นพระกรรมวาจาจารย์

    พระครูอาจารย์สุนทร วัดโคกเพลาะ พนัสนิคม ชลบุรี เป็นพระอนุสาวนาจารย์

    โดยไม่รับฉายาว่า "ธมฺมจิณฺโณ" ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

    ศึกษาพระธรรมวินัย

    เมื่ออุปสมบทเรียบร้อยแล้ว หลวงปู่ม่นจึงได้กราบลาพระครูอาจารย์สุนทร พระอนุสาวนาจารย์ แห่งวัดโคกเพลาะ กลับไปจำพรรษายังวัดเนินตามากอันเป็นวัดใกล้บ้านเกิดของท่าน

    ด้วยความอุตสาหะของหลวงปู่ที่มีมาตั้งแต่วัยเยาว์เป็นบ่อเกิดให้มีความขวน ขวายในการศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัย ทั้งยังได้ศึกษาวิชาต่างๆจากตำรา กระทั่งสามารถสอบนักธรรมตรีและโทได้ ในเวลาไม่นานนัก

    ด้วยเหตุที่ว่าหลวงปู่ม่นท่านเป็นคนที่มีสติปัญญาเฉียบแหลม และเป็นคนที่มีความอดทนเป็นเลิศนี่เองที่ทำให้หลวงปู่สามารถท่องปาฏิโมกข์ ซึ่งเป็นหลักพระธรรมวินัยของพระภิกษุในพุทธศาสนาได้ทั้งหมด โดยปกติการท่องปาฏิโมกข์ให้บรรลุได้หมดนั้นต้องใช้เวลาอันยาวนาน แต่สำหรับหลวงปู่ม่นกลับท่องจำได้ในเวลาอันรวดเร็ว

    เหตุนี้จึงนำความปลื้มปิติมาสู่พระภิกษุสงฆ์ในวัดเนินตามาก และวัดใกล้เคียงยิ่งนัก เพราะในแต่ละวัดจะมีพระภิกษุที่ท่องปาฏิโมกข์ได้มีเพียงไมม่กี่รูปเท่านั้น

    นอกเหนือจากการศึกษาพระธรรมวินัยอันเป็นข้อบังคับแล้ว หลวงปุ่ม่นท่านก็มิได้ว่างเว้นในการพัฒนาทางจิตปฏิบัติตนอย่างเคร่งครัด มีสติตื่นอยู่ทุกอริยาบถทั้ง 4 นั่นคือ นั่ง นอน ยืน เดิน นับเป็นการแตกฉานบรรลุปรุโปร่งในคำสอนแห่งพระธรรมศาสดาสามารถเข้าใจถึงความ ถ่องแท้ อันเป็นธรรมชาติของพระพุทธบัญญัติทั้งหมด

    ในยามใดที่ญาติโยมมาสนทนาด้วยท่านก็จะสั่งสอนอบรมให้ทุกคนรู้จักมีเมตตาต่อ สรรพโลก มีความกตัญญูรู้คุณผู้ที่ช่วยเหลือปุปถัมภ์ค้ำชู หัดมองและพิจารณาตนเองว่าวันนี้เราทำดีแล้วหรือยัง ตลอดจนการหัดฝึกจิตให้มีกำลังปฎิบัติสมาธิจิตภาวนา หลวงปู่ท่านเคยบอกว่า

    "เมื่อเกิดเป็นชาวพุทธ มีศาสนาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยว มีพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งที่ระลึก ต้องทำใจให้เข้าถึงพระองค์เท่านั้น ก็ถือว่าเป็นชาวพุทธที่แท้"

    <hr style="color: rgb(225, 225, 225); background-color: rgb(225, 225, 225);" size="1"> <!-- / icon and title --> <!-- message --> รับหน้าที่เป็นเจ้าอาวาส

    หลวงปู่ม่นท่านได้เข้าสู่ร่มกาสาวพักตร์ ปฎิบัติธรรมเรื่อยมาจนถึงในพรรษาที่ 9 แห่งการเป็นภิกษุ
    พระอธิการเจ้าอาวาสรูปที่ 5 แห่งวัดเนินตามากก็ได้ลาสิขาออกไปสู่เพศฆราวาส วัดเนินตามากในเวลานั้น จึงจำต้องไร้ผู้ปกครองดูแล

    ด้วยเหตุที่หลวงปู่ท่านเป็นภิกษุผู้ยึดถือเคร่งครัดในพระธรรมวินัย จึงเป็นเหตุให้สาธุชนศิษยานุศิษย์มอบความเคารพและศรัทธาท่านเป็นอย่างมาก พากันเห็นพ้องต้องกันอารธนานิมนต์หลวงปู่ม่นขึ้นดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัด เนินตามาก ปกครองดูแลคณะสงฆ์ด้วยวัยเพียง 38 ปี

    หลวงปู่ม่น ท่านปกครองดูแลวัดและพระภิกษุสงฆ์ในความปกครองของท่านด้วยความเมตตา และตั้งอกตั้งใจบำรุงศาสนาให้เจริญรุ่งเรือง ทั้งทางศาสนาวัตถุและ ศาสนาธรรม

    หลวงปู่ท่านเป็นพระที่ขยันในการพัฒนาทุรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการอบรมกรรมฐานให้พระเณร และสาธุชนทั่วๆไป อีกทั้งยังพัฒนาเสนาสนะต่างๆ ภายในวัดอย่างแข็งขัน เพราะในอดีตก่อนท่านอุปสมบทนั้นท่านเคยเป็นช่างไม่มาก่อนนั้นเอง หลวงปู่ท่านจึงไม่ค่อยได้ว่าจ้างช่างไม้ที่อื่นมาช่วยก่อสร้างกุฎิวิหารใน วัดเท่าใดนัก

    ด้วยเหตุที่หลวงปู่ม่นท่านเป็นช่างมาก่อนจึงทำให้บรรดาพระเณร และบรรดาศิษย์วัดของท่านต่างก็ได้รับการถ่ายทอดวิชาช่างไปจากท่านด้วย เพราะทุกครั้งที่มีการก่อสร้างใดๆภายในวัด หลวงปู่ท่นจะเป็นผู้นำทีมทำทุกอย่าง

    หลวงปู่ม่นท่านเคยพูดถึงเรื่องการทำงานต่างๆภายในวัดว่า"งาน ทุกอย่างต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน เช่นเดียวกับน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่าฉันนั้น ญาติโยมได้ช่วยกันบริจาคทรัพย์คนละเล็กละน้อย ค่อยๆผสมผสานกันก็จะเกิดเป็นงานชิ้นใหญ่ขึ้นมาได้ เสมือนกับมดตัวเล็กๆหรือผึ้งตัวน้อยนิดก็สามารถทำรังให้ใหญ่โตได้"

    นี้คือคำกล่าวของหลวงปู่ม่น และท่านยังบอกอีกว่า ทุกคนควรมีความสามัคคีกัน เพราะความสามัคคีเป็นบ่อเกิดปห่งความสำเร็จในชีวิต ถ้าไม่รู้จักก่อร่างสร้างตัวด้วยการเริ่มต้นแต่น้อยไปใหญ่

    เสนาสนะที่หลวงปู่ม่นท่านเป็นผู้นำในการจัดสร้างภายในวัดเนินตามากนั้น เช่น ท่านจัดสร้างอุโบสถ ศาลาการเปรียญ กุฎิวิหาร เมรุ หอระฆัง ฯลฯ

    อีกทั้งยังได้สร้างโรงเรียนประถมศึกษาและพัฒนาหมู่บ้ายลนให้เจริญรุ่งเรือง มีไฟฟ้ามีน้ำประปาใช้ เป็นการสรรหาความเจริญมาสู่ท้องถิ่นเป็นอย่างมาก

    ทางด้านศาสนาธรรม หลวงปู่ม่นท่านได้เอาใจใส่เป็นอย่างดีกับการศึกษาของพระเรรในวัด ให้มีการเรียนการสอนนักธรรมชั้นตรีในฤดูพรรษามิได้ขาด ตลอดจนยังได้มีการอบรมธรรมะแก่พระภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกา มาโดยตลอด

    ด้วยเหตุที่หลวงปู่ม่นท่านได้เสียสละซึ่งประโยชน์ส่วนตนมากระทำคุณงามความดี มาโดยตลอด ทั้งทางด้านศาสนธรรม และ ศาสนวัตถุ ในปี 2529 ทางคณะสงฆ์จึงได้เสนอขอพระราชทานสมณศักดิ์พระครูสัญญาบัตรชั้นโทที่ "พระครูสุจิณธรรมวิมล" ซึ่งแปลว่า "พระผู้มีจิตใจอันเป็นธรรมที่ยริสุทธิ์ สะอาดหมดจด"



    วัตถุมงคลที่หลวงปู่ท่านจัดสร้างในรุ่นแรกๆนั้น ได้มีลูกศิษย์ลูกหาที่ทราบถึงคุณวิเศษของหลวงปู่ได้นำเอาแผ่นตะกั่วบ้าง แผ่นทองแดงบ้างมาให้ท่านจารเป็นตะกรุดโทนพกติดตัวเป็นที่พึ่งทางใจ

    ตะกรุดโทนที่หลวงปู่ม่นท่านจารนี้จัดได้ว่าเป็นยอดแห่งวัตถุมงคลของหลวงปู่ ก็ว่าได้เพราะมีการสร้างน้อยมาก คุณวิเศษใช้ได้ทั้งทางแคล้วคลาด และอยู่ยงคงกระพัน มีบารายที่นำไปใช้ในทางปราบคุณไสย หรือป้องกันสัตว์ร้ายต่างๆได้อย่างดีเยี่ยม

    เรื่องราวอภินิหารตะกรุดของหลวงปู่ม่นนั้น ได้มีเรื่องราวเล่าขานกันว่าที่กุฎิหลังหนึ่งของวัดกลางทุมมาวาสมีเสาตก น้ำมัน ก่อนหน้านั้นเมื่อประมาณ 4-5 ปีที่แล้วได้มีพระภิกษุรูปหนึ่งผุกคอตายบนกุฎิที่มีเสาตกน้ำมันดังกล่าว

    ต่อมาได้มีพระนวกะรูปหนึ่งชื่อ "พระชัย" ซึ่งเป็นพระบวชใหม่ของวัดกลางทุมมาวาส ได้เข้าพักที่กุฏิหลังที่มีเสาน้ำมันหลังนั้น หลังจากที่พระชัยบวชมาได้ไม่กี่วันก็เกิดเหตุขึ้นเมื่อขณะเดินออกมาจากโบสถ์ อยู่ๆ ก็ล้มลงฟาดพื้นโครมใหญ่

    พอฟื้นขึ้นมาก็มีอาการเหมือนไม่มีความรู้สึกตัว กลางวันเอาแต่นอนซมอยู่ภายในกุฎิ แต่พอตกกลางคืนก็นอนดิ้นทุรนทุรายอยู่ไปจนกระทั่งเช้า

    พระชัยมีอาการดังกล่าวเป็นเวลาร่วมเดือน เดือดร้อนถึงพระเณร และญาติโยม ต้องพาพระชัยไปรักษากับพระเกจิอาจารย์รูปหนึ่งแถบจังหวัดปราจีนบุรี เมื่อพระเกจิอาจารย์ท่านนั้นเห็นอาการของพระชัย ท่านก็กล่าวว่า

    "ต้องถูกคุณไสยแน่ๆ"

    จึงช่วยกันรักษา แต่รักษาไป สอง อาทิตย์อาการก็ไม่ดีขึ้น

    "พระเปีย" ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่ม่น และเป็นพระท่านหนึ่งที่นำพระชัยมารักษาที่วัดแห่งนี้ นึกขึ้นได้ว่าตัวท่านเองมีตะกรุดของหลวงปู่ม่นอยู่ จึงได้เอาตะกรุดที่ท่านมีอยู่นำไปคล้องให้พระชัย และพระชัยก็หลับไป พอตื่นขึ้นมาก็รู้สึกตัว และหายจากการถูกคุณไสย

    เมื่อรู้เรื่องของตัวเองเข้าก็เลยขอตะกรุดโทนดอกดังกล่าวจากพระเปียพกติดตัวตลอดเวลา

    หลังจากนั้นอีกปีเศษ ก็มีผู้หญิงอีกคนหนึ่งชื่อ "นาง" ซึ่งมีอาชีพเป็นครูอยู่แถว อ.พนมสารคาม มาถูกคุณไสยเมื่อเดินผ่านหน้าวัดกลางทุมมาวาสอีกคน แต่อาการไม่เหมือนพระชัย คือยังรู้สึกตัวดีแต่ที่แขนขา เหมือนมีบางสิ่งบางอย่างมาทิ่มตำตลอดเวลา

    ญาติพี่น้องได้พาครูนางไปหาหมอแผนปัจจุบันแต่ก็รักษาไม่หาย ญาติพี่น้องจึงต้องพึ่งหมอผู้เก่งกาจทางไสยศาสตร์ รู้ข่าวทางไหนมีดีก็จะพาไปรักษา แต่อาการก็ไม่ดีขึ้น มีอยู่ครั้งหนึ่งไปหาร่างทรงเจ้าจีน ซึ่งว่ากันว่าเก่งทางเวทวิทยาคมได้ทำของดีให้แขวนคอ

    แต่ครูนางก็สะบัดเอาของดีนั้นทิ้งไป พร้อมทั้งจ้องมองร่างทรงท่านนั้นด้วยสายตาอาฆาตพยาบาท

    ร่างทรงจนปัญญา จึงแนะนำญาติๆของครูนางให้พาไปหาหลวงปู่ม่น เพราะรู้ว่าอาการของครูนางไม่ได้ถูกคุณไสยอย่างเดียว จะต้องมีบางสิ่งบางอย่างที่ลี้ลับแทรกเข้าไปด้วยอย่างแน่นอน

    ญาติๆได้ฟังดังนั้น จึงได้พาครูนางไปหาหลวงปู่ม่น หลวงปู่จึงมอบตะกรุดให้แขวนคอ ปรากฎว่าอาการของครูนางดีขึ้นเป็นลำดับและหายเป็นปกติในที่สุด เมื่อหายดีแล้วเธอได้เล่าให้ญาติๆฟังว่า

    "ตอนนั้นรู้สึกเหมือนอะไรมาถ่วงที่แขนที่ขา แต่พอมาแขวนตะกรุดหลวงปู่ม่นแล้วอาการเหล่านั้นก็หายไปเป็นปลิดทิ้ง"

    เรื่องราวที่เกี่ยวกับความวิเศษของตะกรุดหลวงปู่ม่นนั้นยังมีอีกมากมาย เช่นมีอยู่รายหนึ่งโดยควายขวิดจนกระเด็น แต่ก็ไม่เป็นไร หรือบางคนโดนหมากัดก็ไม่เข้าบางคนขณะออกไปทำไร่ ทำนา ก็ไปเหยียบ งูเห่าเข้า แทนที่จะฉก กลับกลายเป็นเลื่อยหนีหายไปเองอย่างน่าอัศจรรย์

    เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะคนเหล่านั้นมีตะกรุดโทนของหลวงปู่ม่นติดตัวอยู่
    วาจาสิทธิ์ของหลวงปู่

    หลวงปู่ม่นท่านมีสัจจะวาจาที่เฉียบขาด ใครได้ยินได้ฟังแล้วจะต้องเกิดศรัทธา และจะต้องเกิดความเกรงกลัวกันอย่างมากด้วย เพราะท่านพูดอะไรแต่ละครั้งท่านขะพูดอย่างมีสติอยู่เสมอ และเป็นคำพูดที่มีสัจจะทุกคำ

    อย่างเช่น เมื่อครั้งที่มีผู้จัดสร้างวัตถุมงคลของหลวงปู่ม่นขึ้นมาชุดหนึ่งคือชุด "รูปเหมือนลอยองค์" ผู้จัดสร้างได้ขออนุญาตสร้าง เนื้อทองคำ แต่หลวงปู่ไม่อนุญาต ผู้สร้างก็ไม่ฟังเสียงท่าน กลับคิดว่าการทำสร็จแล้วหลวงปู่คงไม่ศรัทธา

    แต่กลับว่าขณะเททองหล่อรูปเหมือนของหลวงปู่กลับหล่อไม่ติดเบ้าหลอม แม้ว่าช่างจะหลอมทองมาหล่อใหม่ถึง 2 ครั้งก็ไม่ติด ผู้จัดสร้างก็พาลคิดไปว่าช่างคงยักยอกทองคำบางส่วนไป โดยเอาโลหะอย่างอื่นเข้ามาผสมไปแทน ทำให้เปอร์เซ็ฯต์ทองนั้นต่ำจึงหล่อไม่ติดเบ้า

    เมื่อคิดว่าช่างยักยอกเอาทองคำบางส่วนไป ผู้จัดสร้างท่านนั้นจึงนำทองคำที่หล่อไม่ติดนั้นไปให้ผู้เชี่ยวชาญดูว่าเป็น ทองคำแท้หรือไม่ ก็ได้รับการยืนยันว่าเป็นทองคำแท้ นับเป็นเรื่องมหัศจรรย์ ที่ทองคำแท้ๆทำไมหล่อไม่ติดเบ้าหลอม นี่คงเป็นเพราะวาจาสิทธิ์ที่หลวงปู่ท่านไม่อนุญาตให้สร้างด้วยเนื้อทองคำ นั้นเอง

    หลวงปู่ม่นนั้นท่านเป็นคนพูดง่ายในสิ่งที่เห็นว่าถูกต้องและไม่เสียหาย แต่ถ้าไม่ถูกต้องและเสียหายแล้วท่านก็จะไม่อนุญาตให้ทำเด็ดขาด จึงทำให้ผู้ใกล้ชิดหลวงปู่เกรงกลัวในคำพูดของท่านเป็นอันมาก

    นอกจากวาจาของหลวงปู่จะศักดิ์สิทธิ์จนเป็นที่เลื่องลือไปทั่งแล้ว หลวงปู่ม่นท่านจะรู้ถึงวาระจิตของผู้อื่นเป็นอย่างดี

    เช่น เคยมีลูกศิษย์ของหลวงปู่คนหนึ่ง มีเจตนาในการสร้างวัตถุมงคลแบบไม่บริสุทธิ์ นั่นคือได้จัดสร้างพระเครื่องเป็นจำนวนมาก โดยได้นำเอาพระเครื่องที่สร้างเป็นรูปของหลวงปู่มอบให้หลวงปู่เสก เพื่อแจกจ่ายให้ญาติโยมบูชาแต่อีกส่วนหนึ่งได้เก็บเอาไว้เองโดยไม่ผ่านพิธี ปลุกเสก เผื่อเอาไว้ว่าหากพระเครื่องรุ่นนี้ดังขึ้นมาก็จะถือโอกาสนำพระของตนที่มี อยู่ออกจำหน่าย ซึ่งเป็นการกะกำไรโดยอาศัยชื่อเสียงของหลวงปู่หลอกลวงผู้คนทั่วไปแต่ศิษย์คนนั้นหารู้ไม่ว่า หลวงปู่นั้นท่านมีฌานหยั่งรู้ ว่าการสร้างวัตถุมงคลครั้งนี้มีการคิดไม่ซื่อกับท่านเกิดขึ้น
    เมื่อทำการพุทธาพิเษกเสร็จแล้ว หลวงปู่ม่นท่านจึงนำเอาพระเครื่องทั้งหมดบรรจุลงในกรุ โดยไม่ยอมแจกให้ใครได้เลย นับว่าเป็นเรื่องแปลกและมหัศจรรย์ยิ่งนัก


    ฉายาอริยสงฆ์ผู้ทรงคุณวิเศษแห่ภาคตะวันออก

    ด้วยรู้ว่าหลวงปู่ท่านเป็นพระที่มากด้วยบุญญาและพลังแห่งเมตตาและพลังเวทย์
    ชาวบ้านและศิษย์ทั้งหลายต่างก็มุ่งที่จะได้เห็นวุตถุมงคลของหลวงปู่ แต่เนื่องจากหลวงปู่ท่านมิได้ลั่วาจาเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยสักครั้ง ลูกศิษย์และชาวบ้านที่เคารพนับถือต่อหลวงปู่ท่านจึงคิดว่าน่าจะมีอะไรสักอย่างที่เป็นสิ่งหลวงปู่มอบให้กับมือเพื่อนำไปบูชาเป็นสิริมิ่งขวัญต่อตนและครอบครัว หรือป้องกันตัว

    วิธีที่จะได้รับของสิ่งน้นจากมือของหลวงปู่ก็ต้องนำสิ่งของๆตนไปด้วย เมื่อเข้ากราบท่านแล้วก็ให้ท่านช่วยเสกเป่าให้ แล้วสิ่งที่นำไปด้วยก็คือแผ่นตะกั่วบ้าง แผ่นทองแดงบ้าง มาให้ท่านลงจารเป็นตะกรุดโทนให้ และนี่เองที่ถือเอาว่าเป็นวุตถุมงคลรุ่นแรกที่หายากมาก เพราะจัดได้ว่าเป็นยอดแห่งวัตถุมงคลของหลวงปู่ก็ว่าได้ เนื่องจากมีการสร้างน้อยมาก ใช้ได้ทั้งทางแคล้วคลาดและอยู่ยงคงกระพัน มีบางรายก็นำไป
    ปราปคุณไสยนอกจากนี้เมื่อลูกศิษย์คนที่ได้รับตะกรุดโทนกลับไปแล้วก็ได้บอกต่อๆกันไปเป็นเหตุให้เหล่าศิษย์ทั้งหลายต่างก็มุ่งหน้ามากราบนมัสการหลวงท่านด้วยความศรัทธายิ่ง แต่ต่างก็นำแผ่นตะกั่วหรือแผ่นทองแดงม่าให้ท่านปลุกเสกเพื่อม้วนเป็นตะกรุดโทนให้บางครั้งหลวงปู่ท่านก็มิได้ขัดต่อศรัทธาที่ญาติโยมและลูกศิษย์ที่ต้องการแต่ท่าน
    ก็มิได้กระทำให้ทุกครั้งที่ขอ ตะกรุดโทนของท่านจึงมีจำนวนจำกัดและน้อยมากคนที่ได้ไปจึงถือเป็นเรื่องที่โชคดีที่สุด หนำซ้ำเรื่องของตะกรุดโทนนี้ยังมีเรื่องราวให้ได้เล่าขานเสริมความอยากของเหล่าสานุศิษย์ให้มีมากขึ้น แต่ก็จนด้วยเกล้า เมื่อหลวงปู่ท่านมีให้เท่านั้นจริงๆจึงได้แต่ฟังเรื่องอภินิหารของคนที่ได้รับตะกรุดไปเท่านั้น

    อภินิหารตะกรุดโทน

    เรื่องของอภินิหารตะกรุดของหลวงปู่ม่นนี้ เกิดขึ้นครั้งแรกที่บรรดาสานุศิษย์ของหลวงปู่เล่าขานกันว่าที่กุฏิหลังหนึ่งของวัด 'กลางทุมมาวาส' มีเสาตกน้ำมันต้นหนึ่งอยู่ภายในกุฏิหลังนั้นด้วย และชาวบ้านหรือผู้ที่รู้ก็พูดกันต่างๆนานาเกี่ยวกับเสาตกน้ำมันเพราะคนต่างจังหวัดมักจะถือเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ บ้างก็ว่ามีไว้จะสร้างความเดือดร้อนมาให้ แต่ถ้าทำอย่างถูกต้องแล้ผู้ที่อยู่อาสัยก็จะเจริญ ว่ากันอย่างนั้น เพราะเชื่อกันว่าที่เสาต้นนั้นมีผู้อาศัยอยู่ด้วย และยิ่งตกมันก็ย่อมแสดงให้รู้ว่าเฮี้ยนพอควรดังนั้นแถวต่างจังไวดจังไม่นิยมนำต้นเสาหรือไม้ที่มีมันไหลออกมานั้นมาปลูกสร้างบ้าน และแล้วเรื่องที่ทุกคนหวั่นวิตกก็เกิดขึ้นจริงๆ เมื่อได้มีพระรูปหนึ่งผูกคอตายบนกุฏิที่มีเสาตกน้ำมันดังกล่าว (เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อ 4-5 ปีทีผ่านมา ) ต่อมาได้มีพระนวกะรูปหนึ่งชื่อ "พระชัย" ซึ่งเป็นพระบวชใหม่ของวัดกลางทุมมาวาส ได้เข้าพักที่กุฏิหลังที่มีเสาตกน้ำมันหลังนั้นอีก หลังจากที่พระชัยบวชมาได้ไม่กี่วัน ท่ามกลางความหวั่นวิตกของชาวบ้านที่พูดกันไปต่างๆนานา แต่ด้วยว่าเป็นพระและยังอยู่ในผ้าเหลืองที่ทรงไว้วึ่งอำนาจพุทธรรมและศีลอันบริสุทธิ์ จึงไม่วิตกว่าจะเกิดเหตุการณ์ใดอย่างที่ชาวบ้านกังวล แต่แล้วเรื่องที่คาดคิดกันล่วงหน้าอย่างที่ชาวบ้านว่าก็เกิดเหตุขึ้นจริงๆ เมื่อพระชัยกำลังเดินออกจากโบสถ์ อยู่ๆก็ล้มพาดพื้นโครมใหญ่สร้าง
    ความตกใจให้แก่พระเณรที่ร่วมเดินออกมาจากโบสถ์ด้วยกันอย่างมาก เนื่องจากพระชัยไม่ได้บ่นหรือว่ามีอาการวิงเวียนศรีษะแต่ประการใด ทั้งยังเป็นภิกษุหนุ่มที่ร่างกายแข็งแรงด้วย แต่ก็คิดว่าอาจจะหน้ามืดอย่างกะทันหันจึงได้ช่วยกันปฐมพยาบาลกระทั่งฟื้น

    วัตถุมงคลบางส่วนของท่าน

    องค์นี้พระปรกใบมะขามรุ่นเมตตา เนื้อนวะโลหะ และเนื้อทองแดงครับ
    <!-- / message --> <!-- attachments --> <fieldset class="fieldset"><legend>
    </legend>
    [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG]

    </fieldset>
    พระรูปหล่อบูชา 5 นิ้ว รุ่น 7 รอบ ออกเมื่อปี 2537

    ลักษณะของพระบูชา มีสร้างขนาด 5 นิ้ว และ 9 นิ้ว พระบูชานั้นผู้ที่ปั้นแม่พิมพ์คือ นายช่างสุรินทร์ ซึ่งปั้นแม่พิมพ์ได้สวยงามมาก การเทหล่อด้วยเนื้อทองเหลือง และตบแต่งด้วยวิธีการเกลาด้วยมือ จึงทำให้ผิวขององค์พระนั้นตึงและราบเรียบไม่มีริ้วรอยขรุขระ และรมผิวด้วยสีดำ พระบูชานั้นเป็นรูปหลวงปู่ห่มดองนั่งขัดสมาธิอยู่บนฐานอาสนะใต้ฐานนั้น อุดด้วยปูนซีเมนต์ขาว และมีขวดแก้วซึ่งภายในบรรจุจีวรและเส้นเกศาของหลวงปู่บรรจุอยู่ ที่ขอบฐานด้านหน้ามีตัวหนังสือเขียนเอาไว้ว่า "พระครูสุจิณธรรมวิมล (หลวงปู่ม่น ธมมจิณโณ)"
    ด้านหลังที่ขอบฐานมีตัวหนังสือเขียนเอาไว้ว่า "ที่ระลึกครบ 7 รอบ" "วัดเนินตามาก ต.โคกเพลาะ
    อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี" และหมายเลขกำกับไว้ทุก ๆ องค์จนครบตามจำนวน พร้อมทั้งมีโค้ต "ส" ตอกกำกับไว้ทุก ๆ องค์ ส่วนพระบูชา 9 นิ้ว ปิดทองจีวรนั้น ก็ไม่มีอะไรแตกต่างกัน ต่างกันก็แต่ว่า จีวรทีห่มหลวงปู่ม่นนั้นได้ปิดทองคำใบแท้ลงไปเท่านั้น!!

    สำหรับองค์ที่ลงให้ชมนั้นเป็นขนาด 5 นิ้วครับ

    <!-- / message --> <!-- attachments --> <fieldset class="fieldset"><legend>
    </legend>
    [​IMG] [​IMG]
    </fieldset>
    แต่สำหรับผม ซึ่งยังจำได้ดีแม้เวลาจะผ่านมานาน วันนั้น ราวปี 36 หรือ 37 ผมกลับมาจากทำงานกับเพื่อนที่ จ.ระยอง พอมีเวลา จึงเลี้ยวรถไปทางพนัสนิคม เพื่อตั้งใจไปหาท่านเพราะได้ทราบกิตติศัพท์ทางจิตของท่าน จาก อ.ประถม อาจสาครไว้บ้างแล้ว แม้เวลาจะเย็นมากแล้วเกือบ 5 โมง พอรถเลี้ยวเข้าวัดไป ผมก็ตรงดิ่งไปที่ตู้พระเพื่อเช่าหาวัตถุมงคลของท่านเพราะนึกว่าท่านงดรับแขกแล้ว แต่พอไปถึง ลูกศิษย์เข็นรถนั่งของท่านมาที่ผมเหมือนกับมารออยู่แล้ว ผมจึงเข้าไปกราบท่าน พร้อมกับบอกว่าตั้งใจมากราบหลวงพ่อแต่คิดว่าหลวงพ่อพักผ่อนแล้ว จึงมาเช่าวัตถุมงคลที่ตู้ตรงนี้ (ทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าจะเช่าอะไรดี) คุยได้สักพัก ผมสังเกตุดูท่าน มีผิวพรรณเปล่งปลั่งมาก เวลาพูดท่านจะพูดช้าๆ ยิ้มน้อย สนทนาสักพักท่านบอกให้ลูกศิษย์ไปหยิบเหรียญมาเหรียญหนึ่ง ท่านใส่มือให้ผมเองเลย บอกว่า "เหรียญรุ่นนี้เค้าว่ายิงไม่ออก" แล้วท่านก็ยิ้มๆ ผมจึงควักแบงค์ 500 ถวายท่าน พร้อมบอกว่าถวายวัดครับ ท่านพยักหน้า ส่วนเจ้าเพื่อนตัวดี เช่าหลายอย่าง แต่ท่านไม่ได้บอกว่าอะไร ดังนั้น ผมจึงเชื่อได้ว่า เหรียญรุ่น "ธรรมรักษานี้" น่าจะเป็นอย่างท่านบอก เพราะชื่อรุ่นก็บอกอยู่แล้ว แถมท่านบอกกับผมเอง ย่อมไม่ใช่เรื่องเท็จเป็นแน่ สำหรับอริยสงฆ์ระดับนี้ครับทุกวันเหรียญนี้ยังอยู่ในสภาพเดิมยังไงยังงั้นคงเหลือแต่เพียงความทรงจำที่ให้ระลึกว่ารับมาจากมือท่านเองแม้เวลาจะผ่านมาเนิ่นนาน พอดีเข้าไปในเวบหนึ่ง เห็นเค้าให้เช่าเหรียญรุ่นนี้ ดูสวยดี จึงนำมาให้ดูกัน รู้สึกว่าเหรียญนี้ ยังไม่มีใครจองด้วยครับ

    [​IMG]

    อัฐิธาตุหลวงปู่ม่น ธัมมจิณโณ วัดเนินตามาก



    เหรียญรุ่นธรรมรักษา หลวงปู่ม่น วัดเนินตามาก กรอบเดิมๆ

    [​IMG]
    <!-- IMG_3265.jpg [ 115.04 KiB | เปิดดู 65 ครั้ง ] -->


    <!--แนบไฟล์:
    <div class="attachcontent">-->
    [​IMG]
    <!-- IMG_3266.jpg [ 117.25 KiB | เปิดดู 65 ครั้ง ] -->


    (โฆษณาตามเวบ)
    เหรียญรุ่นธรรมรักษา หลวงปู่ม่น วัดเนินตามาก จังหวัดชลบุรี เลี่ยมกรอบเดิมๆเหรียญดีมีประสบการณ์ และแกะพิมพ์ทรงได้สวยงาม
    ราคา 700 บาท รวมค่าจัดส่ง

    ขอขอบคุณมินิซีรีส์หลวงปู่ม่นพร้อมรูปบางส่วน
     
  8. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,790
    ค่าพลัง:
    +16,105
    วันนี้ขอแหกกฏตัวเองข้อที่สอง อ่านแล้วสนุกดีครับ

    ความในใจแพนด้า

    [​IMG]

    <!-- ATT00000.jpg [ 84.49 KiB | เปิดดู 367 ครั้ง ] -->

    เกิดมาเป็นสัตว์เลือดอุ่น ...... บ้านอยู่ทางโน้น จีนแผ่นดินใหญ่

    เติบโตเพราะกินไผ่ตง ...... เขาจับมาส่ง ไม่ได้ผลักไส

    มาอยู่เชียงใหม่กับผัว ........อยู่กัน 2 ตัว มีลูกไม่ทันใช้

    ก็มันไม่มีอารมณ์ .......... เสพสมบ่มิสม จับนมจับไข่

    ให้กร๊วบกันโชว์คนอื่น .....เห็นว่าเราหื่น กันนักใช่ไหม

    บอกแล้วไม่มีอารมณ์ ........ผู้คนชื่นชม สมเป็น นิสัย

    เห็นทีต้องผสมเทียม.......ถ่ายผ่านเพนเที่ยม โพสต์โชว์เว๊บไซด์

    ได้ลูกออกมา 1 ตัว.....ทั้งที่ไม่มีผัว หนูกลัวเป็นไข้

    ความสาวยังบริสุทธิ์ ....... จะเอาหน้ามุดไปไว้ที่ไหน

    1 อาทิตย์ ลูกโตหูดำ ....... มันไม่มีหะหรำ และไม่มีไข่

    เป็นตัวเมีย ไม่มีชื่อ .......หน้าตาซื่อ น่ารักกว่าไก่

    อยากมีบ้าน 60 ล้าน (บาท) ..... คนไทยประทานให้หนูได้ไหม

    สื่อช่วยประโคมกันหน่อย.....ออกข่าวบ่อยๆ เด็กๆ ดูได้

    แต่หนูสงสารพี่ช้าง ......ที่เขาอ้างว้าง ไม่ค่อยมีใคร

    หนูเกิดมาจากเมืองจีน ......อยากกลับคืนถิ่น ส่งหนูได้ไหม

    พี่ช้างมากมายหลายเชือก......ต้องนอนเข้าเฝือก รอคนเยี่ยมไข้

    บ้านหนู ไม่ต้องสร้างหรอก .... หนูมันหมีนอก ไม่ใช่หมีไทย

    หนูมีบ้านจริงของหนู ...... พวกคุณมองดู ว่าจริงใช่ไหม

    ใครๆก็รักบ้านเกิด.....ส่งหนูกลับเถิด นะจ๊ะคนไทย

    อยากให้นำเงินทั้งหมด.....เงินแห้งเงินสดให้พังกำไล

    พี่เขาต้องการกว่าหนู ...... อยากให้คิดดู ถ้าคิดกันได้

    พี่เขาช่วยคนไทยมานาน ...... ปกป้องเรือนบ้าน ให้อยู่อาศัย

    ยามรบพี่เขาไม่หวั่น .......ยามสงบ พี่เขานั้น ช่วยแบกต้นไม้

    เขาอยู่กับคุณตลอด......มาแต่อ้อนแต่ออก จริงไหมคนไทย

    สำนึกรักบ้านเกิดบ้าง..... อย่าให้อายช้างอายหมีที่ไหน

    หวังว่าคงจะยินดี.....หลินฮุ่ยวอนพี่ช่วยเหลือช้างไทย

    วอนน้องลุงป้าอาน้า ขอเหอะพี่ขา แพนด้าพ่องจายยยยยยยย



    http://www.navaraht.com/forum/forum40/topic1854.html
     
  9. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,790
    ค่าพลัง:
    +16,105
    จบภารกิจไปอีกวันหนึ่ง สำหรับวันกิจกรรมของทุนนิธิฯ ประจำเดือนกรกฎาคม 2552 นี้ ตอนในตอนเช้าได้ถวายสังฆทานอาหารพระสงฆ์ที่อาพาธจำนวน 150 รูป พร้อมกับการแจกพระพิมพ์กรุวัดสะตือ ขอบารมีบรมครูหลวงปู่พระธรรมฑูตเทพโลกอุดรทำให้ โดยพี่ใหญ่เดินแจกให้เองกับมือทุกคน ตอนสายเดินทางไปกราบท่าน พระอาจารย์อุทัย สิริธโร วัดเขาใหญ่เจริญธรรม ญาณสัมปันโน อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา

    การไปคราวนี้นับว่าสนุกมาก เดิมทีว่าจะไปกันเยอะ แต่ไปมาๆ ติดๆ ขัดๆ เหลือแค่ 13 คน แต่ก็มีความสนุกครื้นเครง เพราะพวกที่มีองค์ในตัว เจอฤทธิ์เดชของพลังพระรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิในวัดเล่นงานซะเดี้ยงไปหมด พวกผมสายพุทโธเลยรอดตัว ต้องช่วยหามพวกสายเฮี้ยนกันพัลวัน ก่อนที่จะไปกราบท่าน อ.อุทัย แม่ออก ที่วัดท่านให้ไปกราบเจดีย์ที่วัดมกุฏคีรีวันก่อน เข้าไปถึงก็ตะลึุง เพราะสวยมากและบรรยากาศดีจริงๆ เหมาะแก่การบำเพ็ญเพียรเป็นอย่างยิ่ง เพราะลมเย็นสบาย ศาลารายรอบเจดีย์มีความสะอาด นับว่าเป็นสถานที่ๆ น่าสนใจมากจริงๆ สำหรับนักปฏิบัติทางจิตทั้งหลาย ตามประสาคนชอบของขลัง เห็นพระเนื้อดินองค์ละ 1 บาท ที่ทางวัดจัดให้บูชา สำหรับบรรจุใต้ฐานพระพุทธรูปบริเวณศาลารายรอบเจดีย์ ลองหยิบมากำหนดดู ฮึย..เอาได้นี่นา เลยขอทำบุญกับท่านมาร้อยองค์ และขอไม่นำบรรจุใต้ฐาน (ท่านบอกบรรจุแล้ว ไม่รู้อีกกี่สิบปีถึงจะเอาออกมาได้) เพราะเข้าใจว่า องค์ผู้อธิษฐานจิตทราบดีอยู่แล้วว่า กว่าจะเปิดฐานพระออกมา ท่านคงสิ้นแล้ว จึงบรรจงอัดพลังไว้เต็มที่ ส่งให้เจ้าน้องตาดีตรวจ น้องบอกว่า อู้ว..ร้อนไปหมดเลยพี่ ส่งให้ไอ้เจ้าองค์กุมารดู เจ้ากุมารบอก หนูเอาองค์เดียวเก็บไว้ ดีมั๊กๆ องค์เดียวให้ยีสิบบาทเลย (เจ้ากุมารนี้ แสดงการบังตนให้ได้ดูด้วยโดยการถ่ายรูปแล้วคนอื่นติดหมด ยกเว้นกุมารน้อยในร่างมนุษย์ตนนี้ซึ่งพี่ใหญ่บอกว่าพวกนี้มีฤทธิ์สามารถทำได้อยู่แล้ว เล่นเอาพวกเราเอะอะในรถกันใหญ่) เอาไว้คราวหน้าสักปลายปี เวลาแจกพระ ก็จะนำชุดนี้มาแจกให้ทั้งหมด บ่ายสามโมงครึ่งถึงได้มีโอกาสได้กราบท่าน อ.อุทัย สมใจอยาก ท่าน อ.อุทัย ท่านเมตตามาก ใบหน้าท่านยิ้มตลอด คณะเราจึงขอถวายไทยทานแด่ท่าน (ไม่ได้กล่าวถวายสังฆทานเพราะเลยเวลามากแล้ว แต่เรียนท่านว่า ของทั้งหมดจะนำเข้าโรงครัวซึ่งก็มีเครื่องครัวทั้งหมด รวมทั้งปลาแห้งสารพัดชนิดทั้งปลากด ปลาสลิด ฯ ที่ซื้อจากแมคโคร และมวกเหล็ก ที่พี่ใหญ่บอกว่าทางวัดไม่มีว่ะ เพราะเป็นวัดในที่สูง คนรอบวัดหาปลาแห้งมาถวายยาก และนึกไม่ถึง แต่พวกน้ำมันพืช ซีอิ้ว น้ำปลา น้ำตาลคนมาถวายไม่ขาด) พอได้กราบท่านสมใจก็เลยถือโอกาสให้ท่านอธิษฐานจิตพระเครื่องโนเนมที่นำติดตัวไปด้วยราวๆ ร้อยองค์ ท่านใช้เวลาราว 3 นาที ส่งคืน บอกว่าใช้ได้ (ก่อนอธิษฐานเราบอกท่านว่า ขอทุกทางครับ และที่เน้นที่สุดคือขอให้ร่ำรวยมากๆ ครับท่านพยักหน้า) อยู่กันสักพักจึงลากลับ ออกจากวัดราวสี่โมงครึ่ง ถึงกรุงเทพฯ ทุ่มครึ่ง ก็นับว่าสนุกทีเดียวในเที่ยวนี้ รูปถ่ายทั้งหมด ตั้งแต่เช้ายันเย็นจะทยอยนำลงมาให้ชมกัน ในช่วงต่อๆ ไป

    สุดท้ายหากจะไปกราบท่าน ควรไปราวๆ สามโมงเย็นก็จะดี ส่วนช่วงบ่ายต้นๆ ให้ไปกราบพระพุทธรูป และไปชมทัศนียภาพในวัดมกุฏคีรีวันก่อน ไปบูชาพระที่จะลงกรุองค์ละบาท(ตามรูปที่เป็นพระลักษณะพระนางพญา และพระรอด) นั่นล่ะ พระเครื่องชุดนี้ดีพลังทีเดียว ทำบุญแล้ว ลงกรุบ้าง ขอกลับบ้าง อีกยี่สิบปี สามสิบปีข้างหน้า เกิดเปิดกรุแล้วดัง จะได้เที่ยวบอกคนอื่นได้ว่า ข้าก็มีน๊ะเฟ้ย.... ส่วนที่วัดเขาใหญ่ฯ รูปถ่ายท่าน อ.อุทัย นั่นแหละดีที่สุดครับ ขอบอก

    พันวฤทธิ์
    26/7/52


    ภาพประกอบจาก
    �š�ä����ٻ�Ҿ�� Google ����Ѻhttp://farm3.static.flickr.com/2161/2285248019_6b89590cfc.jpg

    วัดมกุฏคีรีวัน

    ได้มีโอกาส (และด้วยความตั้งใจ) ไปที่วัดมกุฏคีรีวันอีกครั้ง หลังจากเคยไปเมื่อปีก่อน ตามธรรมเนียมครับ ถ้าผมพาใครไปถนนธนรัชต์ทางขึ้นสู่เขาใหญ่ ผมก็จะพาไปนั่งทานก๋วยเตี๋ยวร้าน”เพชร”
    มาชมกันดีกว่าครับ ว่าขณะนี้การสร้างมหาเจดีย์มกุฎคีรีวันอย่างไรบ้าง
    [​IMG]
    แถวบน
    มุมมองจากด้านข้างของมหาเจดีย์
    พอดีว่าผมลองเดินขึ้นไปด้านบนชั้นสองซึ่งยังสร้างไม่เสร็จ มองออกไปจะเห็นวิวทิวทัศน์ที่น่าสนใจดีครับ
    พระซึ่งทางวัดแจกให้ประชาชนที่ไปเยี่ยมชม ผมจำได้ว่าตอนนั้นที่ผมมาบรรจุพระก็เป็นพระลักษณะคล้ายๆกันนี้
    แถวกลาง
    ภาพมหาเจดีย์ ณ เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551 ครับ
    ภาพวาดมหาเจดีย์
    แถวล่าง
    ภาพมหาเจดีย์เมื่อประมาณ 2 ปีก่อนครับ
    ภาพบริเวณสวนด้านใน ต้องขับแยกไปบริเวณตัววัดครับ
    ภาพพระพุทธรูปปางนาคปรก (ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด) ซึ่งมีตราสัญลักษณ์ประจำพระองค์ ของสมเด็จพระเทพฯที่ฐานพระพุทธรูปด้วยครับ



     
  10. chaipat

    chaipat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,282
    ค่าพลัง:
    +11,099
    ภาพการทำบุญในเดือนกรกฎาคม 2552 นี่ครับ

    1. การจัดภัตราหารสำหรับพระภิกษุสงฆ์ครับ

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    สาธุครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • SDC11325.JPG
      SDC11325.JPG
      ขนาดไฟล์:
      112.3 KB
      เปิดดู:
      1,858
    • SDC11326.JPG
      SDC11326.JPG
      ขนาดไฟล์:
      100.2 KB
      เปิดดู:
      1,632
    • SDC11328.JPG
      SDC11328.JPG
      ขนาดไฟล์:
      100.2 KB
      เปิดดู:
      1,608
    • SDC11329.JPG
      SDC11329.JPG
      ขนาดไฟล์:
      109.9 KB
      เปิดดู:
      1,624
    • SDC11331.JPG
      SDC11331.JPG
      ขนาดไฟล์:
      121.1 KB
      เปิดดู:
      1,579
    • SDC11332.JPG
      SDC11332.JPG
      ขนาดไฟล์:
      105.1 KB
      เปิดดู:
      1,565
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 27 กรกฎาคม 2009
  11. chaipat

    chaipat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,282
    ค่าพลัง:
    +11,099
    ภาพในช่วงที่ต่อมาครับ

    2. การจัดพระที่จะมอบให้เป็นที่ระลึกในรอบการทำบุญของเดือนนี้ครับ

    [​IMG]

    [​IMG]

    3. การมอบเงินบริจาคของพี่ๆ ท่าน ณ รพ. สงฆ์

    [​IMG]

    [​IMG]

    สำหรับเดือนนี้ 15,000.- ครับ

    [​IMG]

    4. น้องๆ ก็กำลังเขียนรายชื่อผู้ทำบุญครับ

    [​IMG]

    หลังจากนั้นผมก็รีบไปเรียนกับเพื่อนครับ

    เนื่องจากวิชาสำคัญ ก็มีพี่ๆ น้องๆ ที่ถ่ายรูปไว้จะมาโพสต่อครับ

    ผมก็ขออนุโมทนาสาธุกับทุกท่านที่ร่วมบุญกุศลกันครับ

    สาธุครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • SDC11336.JPG
      SDC11336.JPG
      ขนาดไฟล์:
      112.9 KB
      เปิดดู:
      1,544
    • SDC11347.JPG
      SDC11347.JPG
      ขนาดไฟล์:
      114.7 KB
      เปิดดู:
      1,529
    • SDC11349.JPG
      SDC11349.JPG
      ขนาดไฟล์:
      117.7 KB
      เปิดดู:
      1,515
    • SDC11356.JPG
      SDC11356.JPG
      ขนาดไฟล์:
      93.8 KB
      เปิดดู:
      1,471
    • SDC11358.JPG
      SDC11358.JPG
      ขนาดไฟล์:
      91.6 KB
      เปิดดู:
      1,481
    • SDC11362.JPG
      SDC11362.JPG
      ขนาดไฟล์:
      100.4 KB
      เปิดดู:
      1,503
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 27 กรกฎาคม 2009
  12. narongwate

    narongwate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,840
    อาหารที่นำไปทำบุญกัน ณ โรงพยาบาลสงฆ์

    [​IMG][​IMG]

    อาหารรอบนี้จะมีเมนูเพื่อสุขภาพ ขอแนะนำ ปลาทู ผักต้ม ชะอมทอด ข้าวคลุกกะปิ น่าทานไหมเอ่ย...
    [​IMG]

    มาดูกันใกล้ ๆ กับเมนูแรกครับ
    [​IMG]

    เมนูถัดมา ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่

    [​IMG]

    ตามติดมาด้วย ข้าวผัด อาหารยอดนิยมrabbit_jump

    ส่วนท่านผู้ใจบุญที่ร่วมกันนำมาเพิ่ม เติมใส่ให้เต็มขอบรรยายด้วยภาพนะครับยังมีท่านอื่นอีกนะครับแต่นำมาลงไม่ครบต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ[​IMG][​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 กรกฎาคม 2009
  13. narongwate

    narongwate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,840
    ขอแทรกบรรยากาศด้วยปลาครับ

    fishh_

    [​IMG][​IMG]


    [​IMG][​IMG]


    อยากรู้ว่าดีทางใดลองถามเจ้าของดูนะครับ (ping)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  14. narongwate

    narongwate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,840
    เผย !! เบื้องหน้าและเบื้องหลัง

    [​IMG]
    ก่อน...
    [​IMG]

    เสร็จสมบูรณ์ thaxx ด้วยความร่วมมือร่วมใจ

    [​IMG]

    ดูกันชัด ๆ ครับผู้ใจบุญทั้งนั้นpiggi
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 กรกฎาคม 2009
  15. narongwate

    narongwate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,840
    โมทนาสาธุ

    เมื่อมาถึงข้างบนต้องทำตามลำดับขั้นตอนเหมือนเช่นทุก ๆ ครั้ง **ทำความดีเป็นนิจ**

    1.รวมพลกันอีกรอบเพื่อจบข้าว/อาหารก่อนถวายพระ ดังเช่นทุก ๆ ครั้ง แต่ไม่ได้ทำแบบขอไปที ทำด้วยความตั้งจิตตั้งใจ และด้วยความเต็มใจ บุญจะไปไหนเสียเมื่อเราตั้งใจเต็มที่บุญก็มาเต็มที่จริงไหมครับ พี่น้อง

    [​IMG][​IMG]

    2 เมื่อเสร็จจากการอธิษฐานจิตแล้วก็ได้เคลื่อนพลเข้าไปเพื่อจะถวายสังฆทาน และ ภัตาหารโดยการนำของคุณ "นายสติ" หรืออาจารย์ปุ๊ กล่าวคำถวาย และรับศีลรับพรกันครบทุกคน
    [​IMG][​IMG]


    [​IMG][​IMG]


    3. หลังจากนั้นก็ได้แยกย้ายกันไปถวายตามตึกต่าง ๆ จนครบ

    [​IMG][​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  16. narongwate

    narongwate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,840
    ทางทุนนิธิได้ร่วมลดปัญหาภาวะโลกร้อนด้วยการ....

    [​IMG]

    เดินลงบันใดครับpity_pig
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  17. narongwate

    narongwate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,840
    เมื่อเดินทางกันครบทุกชั้นแล้ว ก็ได้มารวมตัวกัน ณ ห้องจัดเลี้ยงโดยมีขนมคุณเพชร(เพื่อนคุณโสระ)ซึ่งได้อุปการะทางทุนนิธิมาโดยตลอด ขอขอบพระคุณมา ณ โอกาสนี้ครับ

    รอบนี้เรามีบริกรสาวสวยคอยเสริฟน้ำให้ครับ
    [​IMG]

    และท่านประธานได้กล่าวสรุปผลการดำเนินงานของทุนนิธิฯ

    [​IMG]

    และภาพนี้ก็จะมีปรากฏการณ์ (orb) อิอิ แต่วงใหญ่ ๆ สวยดีครับ

    [​IMG]

    [​IMG]
     
  18. narongwate

    narongwate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,840
    กิจกรรมคณะทุนนิธิสงเคราะห์สงอาพาธ อ.ประถม อาจสาคร ตอน..ทัวร์เขาใหญ่ ไหว้หลวงพ่ออุทัย

    พาหนะที่ทางทุนนิธิได้เช่ามาเพื่องานนี้โดยเฉพาะครับ (เช่ารถด้วยเงินส่วนตัวเน้อ ไม่ได้ใช้เงินของทุนนิธิฯ )
    [​IMG]







    **หมายเหตุ รถตู้นะครับ ที่จอด 4-5 คันนั่นไม่มีเงินพอครับ (||)***
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 100_7787.jpg
      100_7787.jpg
      ขนาดไฟล์:
      86 KB
      เปิดดู:
      1,680
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 กรกฎาคม 2009
  19. narongwate

    narongwate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,840
    ดังคำกล่าวที่ว่า "กองทัพเดินด้วยท้อง" ฉันใดก็ฉันนั้น เมื่อท้องหิวแล้วต้องแวะก่อน ;20
    เห็นฝรั่งลูกโต ๆ ลองแวะไปดูก่อน
    [​IMG]

    กองทัพเริ่มนำท้องเดินเข้าร้านอาหารครับ ;welcome3
    [​IMG]

    ทันใดนั้นก็พลันมาเจอข้าวเหนียวสองสี เหลือง-แดง
    [​IMG]

    ล้อเล่นครับที่จริงแล้วเป็นข้าวเหนียว ขาว-ดำ แถวอิสานเรียกว่าข้าวก่ำเด้อ

    [​IMG]

    ดูอาการแต่ละท่านเอาเองครับบรรยายไม่ถูก;k07
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. narongwate

    narongwate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,840
    เมื่อไปถึงที่วัดเขาใหญ่เจริญธรรม ญาณสัมปันโน ประมาณบ่ายโมงครึ่ง ผู้หญิงท่านหนึ่งแต่งกายนุ่งขาวห่มขาวได้มาบอกกับทางคณะเราว่า พระอาจารย์อุทัย สิริธโร ท่านกำลังให้หมอดูแลสุขภาพของท่านอยู่ให้ทางคณะไปที่วัดมกุฏคีรีวันก่อน
    เริ่มต้นด้วยด้านหน้าเจดีย์ก่อน
    [​IMG]

    รูปปั้นที่อยู่ด้านหน้าไม่รู้ว่าเรียกอะไรครับดูเอาเองเลยละกัน

    [​IMG]

    เมื่อเข้ามาภายในก็จะได้พบกับพระหยกขาวจากพม่าสวยงามมากเลยทีเดียว

    [​IMG]

    พระประธานในเจดีย์คาดว่าจะเป็นหินอ่อนก็งามไม่แพ้กันครับ
    [​IMG]

    เมื่อเดินทะลุไปด้านหลังเจดีย์จะมีทางเดินลงไปเล็กน้อยก็จะพบวิหารเล็ก หลังหนึ่งก็จะมีพระนาคปรก และรูปหล่อหลวงปู่โต
    [​IMG]


    [​IMG]
    ส่วนพระแก้วมรกตองค์นี้จะอยู่ด้านรอบเจดีย์ ใครมีศรัทธาก็ไปเสริมให้เต็มรอบเจดีย์ได้ครับ
    [​IMG]


    ขึ้นมาบนชั้นสองของเจดีย์

    [​IMG]

    วิวโดยรอบพระเจดีย์ครับโดยมีเหล่านายแบบของเราอยู่(f)
    [​IMG]

    แต่เอ...ทำไมบนเจดีย์เมฆดำมาลอยอยู่บนนี้นะ ไม่รู้ว่าเป็นเจ้าเดียวกับของคุณหมูเมื่อตอนทำพระทุนนิธิหรือเปล่า ด้านรอบ ๆ ก็ดูปกติดี



    เอาล่ะไหน ๆ ก็มาเที่ยวที่นี่แล้วก็ช่วยประชาสัมพันธให้กับทางวัด

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้

Loading...