ขอเชิญท่านที่มีความจงรักภักดีและเทิดทูนในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย จงรักภักดี, 28 เมษายน 2009.

  1. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    รัฐฉาน

    <!-- /firstHeading --><!-- bodyContent --><!-- tagline -->จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
    <!-- /tagline --><!-- subtitle -->
    <!-- /subtitle --><!-- jumpto -->
    <!-- /jumpto --><!-- bodytext -->
    <TABLE style="TEXT-ALIGN: left; WIDTH: 20em; FONT-SIZE: 95%" class=infobox><TBODY><TR><TD style="TEXT-ALIGN: center; PADDING-BOTTOM: 8px; FONT-SIZE: 135%" colSpan=2>
    รัฐฉาน

    </TD></TR><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #c0c0c0 2px solid; TEXT-ALIGN: center; PADDING-BOTTOM: 10px; PADDING-LEFT: 10px; PADDING-RIGHT: 10px; PADDING-TOP: 10px" colSpan=2>[​IMG]</TD></TR><TR><TD width="50%">เมืองหลวง</TD><TD width="50%">ตองยี</TD></TR><TR><TD>ภูมิภาค</TD><TD>ภาคกลาง ภาคตะวันออก</TD></TR><TR><TD>พื้นที่</TD><TD>155,800 ตารางกิโลเมตร</TD></TR><TR><TD>ประชากร</TD><TD>4,702,000 (พ.ศ. 2541)</TD></TR><TR><TD>กลุ่มชาติพันธุ์</TD><TD>ไทใหญ่, พม่า, จีน, กะฉิน, ดนู, อินทา, ปะหล่อง, ปะโอ, อินเดีย</TD></TR><TR><TD>ศาสนา</TD><TD>พุทธ คริสต์ อิสลาม ฮินดู</TD></TR><TR><TD style="TEXT-ALIGN: center" colSpan=2>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>รัฐฉาน(ไทใหญ่:[​IMG] เมิ้งไต๊) หรือ รัฐไทใหญ่ เป็นรัฐหนึ่งในสหภาพพม่า

    <SCRIPT type=text/javascript>//<![CDATA[if (window.showTocToggle) { var tocShowText = "แสดง"; var tocHideText = "ซ่อน"; showTocToggle(); } //]]></SCRIPT> สภาพภูมิศาสตร์

    ลักษณะภูมิประเทศของรัฐฉานเต็มไปด้วยภูเขาสูงและผืนป่า พื้นที่เต็มไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติที่มีค่า สินค้าส่งออกที่สำคัญของรัฐฉานจึงเป็นจำพวกแร่ธาตุและไม้ชนิดต่างๆ


    รัฐฉานมีตำแหน่งที่ตั้ง ดังนี้
    ประวัติ

    ลักษณะภูมิประเทศของรัฐฉานเต็มไปด้วยภูเขาสูงและผืนป่า รัฐฉานจึงเต็มไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติที่มีค่า สินค้าส่งออกที่สำคัญของรัฐฉานจึงเป็นจำพวกแร่ธาตุและไม้ชนิดต่างๆ ปัจจุบันรัฐฉานเป็นส่วนหนึ่งของประเทศพม่า มีชายแดนติดกับประเทศไทยด้านตะวันออกเฉียงใต้ของรัฐ
    รัฐฉาน ในอดีตกาลมีชื่อเรียกว่า “ไต” หรือที่เรียกกันว่า เมืองไต มีประชากรหลายชนชาติและอาศัยอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข โดยมีชนชาติไทยใหญ่อาศัยอยู่มากที่สุด เมืองไตเคยมีเอกราชในการปกครองตนเองมาเป็นเวลาหลายพันปี ก่อนที่อังกฤษจะขยายอิทธิพลเข้ามาถึง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเมืองไตกับพม่าในอดีตนั้นจัดเป็นอิสระต่อกัน หรือกล่าวได้ว่าเป็นคนละอาณาจักรกัน เหมือนดั่งอาณาจักรอยุธยากับอาณาจักรเขมร
    อาณาเขตของเมืองไตประกอบด้วยเมืองรวมทั้งหมด 33 เมืองแต่ละเมือง ปกครองด้วยระบบเจ้าฟ้าสืบต่อเนื่องกันมาตั้งแต่อดีต และถึงแม้จะมีเจ้าฟ้าปกครองหลายเมือง แต่ทุกเมืองก็รวมกันเป็นแผ่นดินชนชาติไต เนื่องมาจากที่ตั้งของเมืองไตอยู่ใกล้กับประเทศพม่า
    เมืองไตกับประเทศพม่ามีการติดต่อค้าขายช่วยเหลือ และให้ความเคารพซึ่งกันและกันมาโดยตลอด เห็นได้จากในช่วงที่เจ้าฟ้าเมืองไตปกครองประเทศพม่าประมาณเกือบ 300 ปีไม่เคยมีการสู้รบกันเกิดขึ้น และยังมีการติดต่อค้าขายยังดำเนินไปอย่างสันติสุขเช่นกัน จนกระทั่งมาถึงสมัยบุเรงนอง ได้มีการสู้รบกันกับเจ้าฟ้าเมืองไตกับกษัตริย์พม่าเกิดขึ้น โดยฝ่ายเจ้าฟ้าเมืองไตเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ จึงทำให้ราชวงศ์เจ้าฟ้าบางเมือง ต้องจบสิ้นไปดังเช่นราชวงศ์เจ้าฟ้าเมืองนายซึ่งเป็นราชวงศ์ของกษัตริย์มังราย นอกจากนี้ยังมีอีกหลายราชวงศ์ที่ต้องสูญสิ้น ไปเพราะการสู้รบกับบุเรงนอง
    จนมาถึงในสมัยพระเจ้าอลองพญา (พ.ศ. 2305 – 2428) ซึ่งเป็นสมัยที่อยุธยาตกเป็นเมืองขึ้นของพม่า กษัตริย์พม่าได้ทำการปราบปรามราชวงศ์ หรือผู้สืบเชื้อสายของเจ้าฟ้าไทใหญ่จนหมดสิ้นไปเป็นจำนวนมาก อาจกล่าวได้ว่าไตได้เป็นเมืองขึ้นของพม่าไปแล้ว และในช่วงเวลานี้ทหารพม่าได้เริ่มการกดขี่ข่มเหงทำร้ายคนไต ทำให้คนไตรู้สึกเกลียดชังคนพม่านับตั้งแต่นั้น
    เมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2428 อังกฤษได้ทำการจับกุมและยึดอำนาจกษัตริย์พม่า และขยายอาณาเขตไปยังเมืองเชียงตุงทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองไตในปีเป็นเมืองขึ้น พ.ศ. 2433 และได้ประกาศว่า"อังกฤษได้ยึดเอาเมืองไตเรียบร้อยแล้ว"
    เนื่องจากประเทศพม่าซึ่งตั้งอยู่บริเวณที่ราบลุ่มและเมืองไต ซึ่งตั้งอยู่บริเวณเทือกเขาไม่ใช่ประเทศเดียวกัน อังกฤษจึงไม่ได้ทำการเข้ายึดพร้อมกันและถึงแม้อังกฤษ จะยึดทั้งสองเมืองเป็นเมืองขึ้นของต้นแต่อังกฤษก็ไม่ได้ปกครองทั้งสองเมืองในลักษณะเดียวกัน หากแบ่งการปกครองออกเป็นสองลักษณะ คือประเทศพม่าเป็นเมืองใต้อาณานิคม ส่วนเมืองไตเป็นเมืองใต้การอารักขา
    และอังกฤษยัง ได้ทำการจับกุมกษัตริย์พม่าและกำจัดราชวงศ์ทั้งหมดของกษัตริย์พม่า ส่วนเมืองไตอังกฤษไม่ได้ทำลายราชวงศ์เจ้าฟ้า อีกทั้งยังสนับสนุนให้เจ้าฟ้าแต่ละเมือง มีอำนาจปกครองบ้านเมืองของตนเอง และได้สถาปนาให้เมืองทั้งหมดเป็นสหพันธรัฐฉานขึ้นกับอังกฤษ มิได้เป็นส่วนหนึ่งของพม่าแต่อย่างใด
    ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ทางการพม่าพยายามโน้มน้าวเหล่าบรรดาเจ้าฟ้าไต ให้เข้าร่วมเรียกร้องเอกราชจากอังกฤษ เจ้าฟ้าไตจึงได้ร่วมลงนามในสนธิสัญญาปางโหลง เมื่อปี พ.ศ. 2490 กับชาวพม่าและกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ เพื่อขอเอกราชจากอังกฤษ โดยสัญญาดังกล่าวได้นำไปสู่การร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งระบุให้ชนชาติที่ร่วมลงนามในสัญญา สามารถแยกตัวเป็นอิสระได้หลังจากอยู่ร่วมกันครบสิบปี
    แต่เมื่ออังกฤษได้ให้เอกราชกับพม่าและไตแล้ว รัฐบาลกลางพม่าไม่ยอมทำตามสัญญา และพยายามการรวมดินแดนให้เป็นของประเทศพม่า เหตุนี้จึงทำให้ชาวไตหรือไทยใหญ่ จึงก่อตั้งกองกำลังกู้ชาติของตนเองขึ้นในปี พ.ศ. 2491
    ทางรัฐบาลทหารพม่าได้ใช้ระบอบเผด็จการทหารกับชาวไต อีกทั้งยังได้ทำลายพระราชวังของไทยใหญ่ ในเมืองเชียงตุงและอีกหลายเมือง และเข้ามาจัดการศึกษาเกี่ยวกับพม่าให้แก่เด็กในพื้นที่ รัฐบาลทหารพม่าได้บังคับให้ประชาชนกว่า 3 แสนคนย้ายที่อยู่ ประชาชนมักถูกเกณฑ์ไปบังคับใช้แรงงาน ทั้งโครงการก่อสร้างและเป็นลูกหาบอาวุธให้ทหาร ทำให้มีผู้ลี้ภัยจำนวนมากหนีเข้ามายังประเทศไทย
    ปัจจุบันสถานการณ์ภายในรัฐฉานก็ยังไม่มีเสถียรภาพทางความมั่นคงเท่าใดนัก และก็ยังมีกองกำลังกู้ชาติของตนเองอยู่ หากในช่วงที่ไม่มีการปะทะกับฝ่ายรัฐบาลทหารพม่า รัฐฉานก็จะมีความเงียบสงบซึ่ง เป็นพื้นฐานความต้องการที่แท้จริงของ ชาวไตหรือไทใหญ่ และพวกเขายังหวังลึกๆว่าสักวันหนึ่งรัฐฉานจะได้เป็นเอกราชของตนเอง ไม่ขึ้นกับทางพม่าอีกต่อไป
     
  2. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
  3. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    ....พันเอกเจ้ายอดศึกผู้นำกองกำลังกู้ชาติไทใหญ่ยุคปัจจุบัน ตอบคำถามสั้นๆ ถึงที่มาทางประวัติศาสตร์อันทำให้ทหารไทใหญ่นับถือสมเด็จพระนเรศวรฯ อย่างที่สุดว่า

    "พระนเรศวรฯ กับเจ้าคำก่ายน้อยเจ้าฟ้าของไทใหญ่ ท่านเป็นเพื่อนกัน มีจุดมุ่งหมายเหมือนกัน คือต้องการรบพม่า ต้องการขับไล่พม่าออกจากแผ่นดินไทยและแผ่นดินไทใหญ่ คนไทใหญ่ถือว่าถ้าพระนเรศวรฯ ยังอยู่ ไทใหญ่จะไม่ลำบากอย่างนี้ เพราะท่านมีนโยบายปราบพม่าให้หมดสิ้น คนไทใหญ่ทุกคนรู้เรื่องนี้ ผมศึกษาประวัติศาสตร์ ได้รู้ และเชื่อถือมาก ทหารไทใหญ่ทุกคนเชื่อเพราะรู้ประวัติศาสตร์ ผมอธิบายให้ฟังทุกคน"

    "เจ้าคำก่ายน้อย" ที่พันเอกเจ้ายอดศึกกล่าวถึง คือเจ้าฟ้าวีรบุรุษคนหนึ่งของชาวไทใหญ่ ผู้เป็นสหายร่วมรบมากับสมเด็จพระนเรศวรฯ มีปรากฏในประวัติศาสตร์ที่คนไทใหญ่รับรู้มายาวนาน......

    แหล่งที่มา :สมเด็จพระนเรศวรฯกับคนไทใหญ่ โดย vacharaphol www.palungjit.org
     
  4. ไก่เหลืองหางขาว

    ไก่เหลืองหางขาว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2009
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +493
    [​IMG]

    ถ้าสมทบทุนตามนี้ก็จะเป็นการสั่งจองพระบรมรูป แต่ถ้าอยากสมทบทุนเฉยๆโดยไม่เกี่ยวข้องกับการสั่งจองพระบรมรูปจะต้องทำอย่างไรครับ
     
  5. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    การรับบริจาค

    บัญชีธนาคารทหารไทย สาขากระทรวงกลาโหม
    ชื่อบัญชี มูลนิธิพิทักษ์ภูมิไทย
    หมายเลขบัญชี ๐๓๙-๒-๖๔๒๗๒-๔ ประเภทออมทรัพย์

    ผู้บริจาคสมทบทุนการจัดสร้างพระมหาเจดีย์ชนะศึกและพระบรมราชานุสาวรีย์ฯ
    สามารถใช้หลักฐานหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้

    มูลนิธิพิทักษ์ภูมิไทย หมายเลขทะเบียน กท ๑๕๑๗

    ติดต่อบริจาคที่สำนักงานมูลนิธิพิทักษ์ภูมิไทย โทร. ๐-๒๒๘๐-๐๐๒๐ ถึง ๓
    หรือ ๐-๒๖๒๘-๑๘๑๐ ถึง ๕ ต่อ ๒๔๖๓ ในวันและเวลาราชการ
     
  6. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    ...ความใกล้ชิดระหว่างพระนเรศวรฯ กับไทใหญ่นั้น มาจากช่วงที่พระนเรศวรฯ เสด็จประทับอยู่ที่เมืองหงสาวดีในฐานะเชลยศึก พระองค์ทรงสนิทสนมกับเจ้าคำก่ายน้อยเจ้าฟ้าไทใหญ่ซึ่งมีฐานะเป็นเชลยเช่นกัน ทั้งสองพระองค์ได้ให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกันโดยตลอด จนกระทั่งพระนเรศวรฯ เสด็จกลับพิษณุโลก ทหารไทใหญ่บางส่วนได้เดินทางกลับมาพร้อมกับพระองค์มากเท่าที่จะมาได้ และอยู่ในกองทัพของพระนเรศวรฯ ร่วมทำการรบมาด้วยกัน

    หลังจากบุเรงนองเสด็จสวรรคต โอรสของบุเรงนองคือนันทบุเรงขึ้นเสวยราชย์ ได้จัดเตรียมกำลังเพื่อเข้ายึดเมืองพิษณุโลก และเรียกร้องให้สมเด็จพระนเรศวรฯ นำตัวเจ้าฟ้าไทใหญ่และประชาชนซึ่งตามเสด็จพระองค์ไปอยู่ที่เมืองพิษณุโลกมอบให้พม่า แต่พระนเรศวรฯ ไม่ทรงยินยอม
    ....

    เครดิต Google Image Result for http://image.dek-d.com/21/2056665/101665577
     
  7. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    ...ความสัมพันธ์ระหว่างสยามกับชนกลุ่มน้อย ตั้งแต่สมัยอยุธยาถึงต้นรัตนโกสินทร์ โดยเฉพาะกับมอญ กะเหรี่ยง ไทใหญ่นั้น มีความแนบแน่นลึกซึ้ง มอญ กะเหรี่ยง ไทใหญ่ คือ "ชาวด่าน" ที่คอยป้องกันขอบขัณฑสีมาจากการรุกรานของพม่า หลักฐานทางไทใหญ่กล่าวย้ำถึงสัมพันธภาพแน่นแฟ้นนี้ว่า จนแม้ไทใหญ่ที่ถูกกุมตัวเป็นเชลยอยู่กลางเมืองพม่าเอง ก็พร้อมจะแข็งขืนไม่ยอมอยู่ใต้อำนาจพม่า แต่มาฝักฝ่ายอยู่กับฝ่ายไทยซึ่งเป็นเชื้อชาติเดียวกัน ดังที่ "เคอแสน" นักประวัติศาสตร์ชาวไทใหญ่บันทึกไว้ในบทความ "สมเด็จพระนเรศวรมหาราชและเจ้าคำก่ายน้อยแห่งไทใหญ่" ในนิตยสารศิลปวัฒนธรรม ฉบับเดือนสิงหาคม ๒๕๔๕ ว่า ครั้งที่กษัตริย์บุเรงนองยกทัพเข้ามาตีเมืองไทย ลาว เชียงใหม่ เชียงห่ม ในปี พ.ศ. ๒๑๐๘ นั้น

    "เจ้าฟ้าไทใหญ่และทหารไทใหญ่ที่ถูกจับเป็นเชลยอยู่ในเมืองหงสาวดีนั้นถือโอกาสจุดไฟเผาหอ, วังในเมืองหงสาวดีเสียหาย จนกระทั่งพวกอำมาตย์ของพม่าต้องหนีไปอยู่ที่ "เมืองทละ" การเผาหอ, วัง ในครั้งนี้เจ้าฟ้าไตย (ไทใหญ่) ให้เหตุผลว่า เพราะพม่าทำการรุกรานนำทัพเข้าตีเมืองพี่เมืองน้องของไตย หลังจากบุเรงนองทราบข่าวจึงรีบยกทัพกลับเมืองหงสาวดีทันที และจับเจ้าฟ้าไตยและคนไตยหมื่นกว่าคนทำการเผาทั้งเป็นที่เมืองหงสาวดี"

    และ "เคอแสน" ยังกล่าวไว้อีกด้วยว่า สมเด็จพระนเรศวรฯ คือบุรพกษัตริย์ที่รวบรวมก่อตั้งอาณาจักรไทใหญ่ โดยที่สมเด็จพระนเรศวรฯ ทรงปรึกษากับเจ้าคำก่ายน้อย เจ้าฟ้าไทใหญ่ เพื่อจะสร้างกองทัพราชอาณาจักรไทย-ไทใหญ่ ให้เข้มแข็งถาวรต่อไปในวันข้างหน้า โดยทางไทใหญ่นั้นเจ้าคำก่ายน้อยรับอาสาที่จะเจรจากับเจ้าฟ้าไทใหญ่ทุกเมือง

    ........
     
  8. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    ....ความสัมพันธ์ใกล้ชิดระหว่างชนกลุ่มน้อยกับทางฝ่ายไทย จนไทใหญ่ต้องสังเวยชีวิตไปหมื่นกว่าศพนี้ ยังมีเรื่องราวต่อเนื่องมาอีก ในช่วงที่สมเด็จพระนเรศวรฯ ทรงทำสงครามประกาศอิสรภาพจากการยึดครองของพม่า ครั้งนั้นทหารไทใหญ่ได้เป็นกำลังพลสำคัญ เป็นเพื่อนตายร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่มากับทหารไทย ต่อสู้เพื่อเอกราชของชาติไทย กอบกู้เรียกคืนแผ่นดินจากการยึดครองของพม่า ดังมีหลักฐานทางฝ่ายไทย ปรากฏอยู่ในพระราชพงศาวดารกรุงสยามฉบับบริติชมิวเซียม กล่าวถึงในสมัยที่ไทยยังเป็นเมืองขึ้นของพม่า กษัตริย์พม่าเห็นว่าสมเด็จพระนเรศวรฯ นั้น "ประกอบไปด้วยปัญญาหลักแหลมลึกซึ้ง ทั้งการสงครามก็องอาจกล้าหาญ นานไปเห็นจะเป็นเสี้ยนศัตรูต่อเมืองหงสาวดีเป็นมั่นคง" พระเจ้าหงสาวดีจึงอ้างว่ากรุงอังวะเป็นกบฏขอให้สมเด็จพระนเรศวรฯ ยกทัพไปช่วยพม่าปราบกบฏ แต่ขณะเดียวกันก็ลอบส่งแม่ทัพพม่าคือ "นันทสุ" กับ "ราชสังคราม" เข้ามากวาดต้อนผู้คนจากเมืองกำแพงเพชรไปเป็นกำลังทัพ เพื่อตัดกำลังสมเด็จพระนเรศวรฯ ทั้งยังวางแผนลอบสังหารสมเด็จพระนเรศวรฯ อย่างแยบยล

    ประวัติศาสตร์ช่วงนี้เองที่ระบุไว้ชัดเจนว่า คนไทใหญ่ที่ถูกนันทสุกับราชสังครามกวาดต้อนครัวไปเป็นกำลังฝ่ายพม่านั้น ไม่ยอมสยบและสู้รบแข็งขืนเต็มสามารถ ดังที่ปรากฏในพระราชพงศาวดารกรุงสยามฉบับบริติชมิวเซียม หน้า ๑๕๑-๑๕๒ ว่า "ขณะนั้นพระยากำแพงเพชรส่งข่าวไปถวายว่า ไทใหญ่เวียงเสือ เสือต้าน เกียกกาย ขุนปลัด มังทราง มังนิ่ววายลองกับนายม้าทั้งปวงอันอยู่ ณ เมืองกำแพงเพชร พาครัวอพยพหนี พม่ามอญตามไปทัน ได้รบพุ่งกันตำบลหนองปลิงเป็นสามารถ พม่ามอญแตกแก่ไทใหญ่ทั้งปวงๆ ยกไปทางเมืองพระพิษณุโลก สมเด็จพระนเรศวรเป็นเจ้าทราบดังนั้น ก็ให้ม้าเร็วไปบอกแก่หลวงโกษา และลูกขุนอันอยู่รักษาเมืองพระพิษณุโลกว่าซึ่งไทใหญ่หนีมานั้นเกลือกจะไปเมืองอื่นให้แต่งออก (อายัด) ด่านเพชรบูรณ์ เมืองนครไทย ชาตระการ แสเซาให้มั่นคงไว้ อย่าให้ไทใหญ่ออกไปรอด หลวงโกษาและลูกขุนทั้งปวงทราบดังนั้น ก็แต่งออกไปกำชับด่านทางทั้งปวงตามรับสั่ง ฝ่ายไทใหญ่ก็พาครอบครัวตรงเข้ามาเมืองพระพิษณุโลก หลวงโกษาและลูกขุนทั้งปวงก็รับพิทักษ์รักษาไว้ นันทสุกับราชสังครามมีหนังสือมาให้ส่งไทใหญ่ หลวงโกษา และลูกขุนผู้อยู่รักษาเมืองพระพิษณุโลกก็มิได้ส่ง".....


    เครดิต
    Google Image Result for http://image.dek-d.com/21/2056665/101665577
     
  9. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    เราค่อนข้างจะคุยกันแต่เรื่องในอดีตเสียเป็นส่วนใหญ่ วันนี้ขออนุญาตนำเสนอในเรื่องที่ดูจะเป็นอนาคตแต่ก็ยังต้องวนเวียนอยู่กับเรื่องราวในอดีตอยู่บ้าง แต่ก็เป็นอดีตที่ยังมีความเป็นมาให้ต้องศึกษาและเฝ้าติดตาม เรื่องนั้นก็คือเรื่องในทะเลจีนใต้ ที่จีนกำลังแผ่ขยายอิทธิพลอยู่ในภูมิภาคแถบนี้อย่างน่าสะพึงกลัว

    ...นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1970 หรือตั้งแต่เมื่อ 40 ปีที่แล้ว...ที่บรรดา สังคมนานาชาติ ได้เริ่มเกิดความตระหนัก หรือเริ่มเกิดความหวั่นไหวขึ้นมาว่า การเข้ายึดครองพื้นที่เกาะแก่งต่างๆ ในทะเลจีนใต้ของจีนนั้น น่าจะไม่ได้เป็นไปเพียงเพื่อวัตถุประสงค์ในทางเศรษฐกิจ หรือในทางอธิปไตยล้วนๆ แต่เพียงเท่านั้น แต่ยังมีความหมายยาวไกลไปถึงวัตถุประสงค์ทางการเมือง และการทหารแบบเต็มๆ อีกด้วย...
    -----------------------------------------------
    โดยเฉพาะเมื่อกองทัพเรือจีนได้ส่งกำลังทหารเข้าไปลงมือสร้างสนามบินทางทหารขึ้นมาบนเกาะวู้ดดี้ หนึ่งในหมู่เกาะพาราเซล รวมทั้งยังส่งกองเรือเฉพาะกิจไปจัดวางกำลังทหารไว้ที่แนวปะการังฟายรี่ ครอส (Fiery Cross Reef) และแนวปะการังชิกัว (Chigau Reef) บริเวณด้านเหนือของเกาะสแปรตลีย์ จนส่งผลให้เกิดการปะทะกับกองเรือเวียดนามในปี ค.ศ. 1989 ชนิดต้องมีการยิง มีการจมเรือ บาดเจ็บ ล้มตายร่วมๆ ร้อยชีวิต หนักซะยิ่งกว่าไต้ก๋งเรือประมงจีนโดนกองทัพเรือญี่ปุ่นจับตัวไปเมื่อเร็วๆ นี้ ไม่รู้กี่สิบกี่ร้อยเท่า และการพัฒนาสนามบินบนเกาะวู้ดดี้ที่ยังคงดำเนินอยู่จนตราบเท่าทุกวันนี้ จนสามารถใช้เป็นฐานรองรับขยายขอบเขตปฏิบัติการทางอากาศให้กับเครื่องบินลาดตระเวนโจมตีของจีน รวมทั้งการสร้างสิ่งปลูกสร้างทางทหารเพิ่มเติมเอาไว้อีกเยอะแยะมากมาย ในแถบแนวปะการังมิสชีพ (Mischief Reef) ซึ่งอยู่ห่างจากฟิลิปปินส์ไปทางตะวันตกประมาณ 150 ไมล์ ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นเครื่องพิสูจน์ยืนยันถึงความพยายามทางยุทธศาสตร์ ที่จะเพิ่มอิทธิพลในการควบคุมทะเลจีนใต้ของจีนอย่างเห็นได้โดยชัดเจน...

    ...ศูนย์ประเมินผลและยุทธศาสตร์ระหว่างประเทศ (International Assesment and Strategy Center) ณ กรุงวอชิงตัน ที่ได้ออกมา ฟันธง แบบตรงไป-ตรงมา เอาไว้เลยว่า "สำหรับคณะผู้นำทางการเมืองของจีนแล้ว การควบคุมทะเลจีนใต้ถือเป็นวัตถุประสงค์และเป้าหมายอันสำคัญอย่างยิ่งยวด เพื่อที่จะสร้างหลักประกันให้กับความอยู่รอดทางเศรษฐกิจและทางการเมืองของระบบเผด็จการโดยพรรคคอมมิวนิสต์"...


    ....เทียบเคียงกับคำพูดของผู้นำทางทหารของจีนเอง อย่างเช่น คำพูดของพลเอก สีว์ไฉโฮ่ว รองประธานคณะกรรมการกลางฝ่ายทหาร ซึ่งเคยกล่าวกับผู้นำทางทหารของกองทัพสหรัฐ ระหว่างการเดินทางเยือนประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อแลกเปลี่ยนแนวคิดด้านยุทธศาสตร์เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว ที่ระบุเอาไว้ว่า "วัตถุประสงค์ของจีนในทะเลจีนใต้นั้น ไม่ได้มุ่งที่จะกีดกันบทบาทของสหรัฐ หรือต้องการให้สหรัฐต้องยกเลิกบทบาทไปเลย เพียงแต่ต้องการที่จะให้สหรัฐลดบทบาทบางอย่างลงไปบ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกิจกรรมการตรวจการณ์ สอดแนมนอกชายฝั่งของจีน ที่สร้างแรงกดดันให้กับฐานทัพเรือจีนบนเกาะไหหลำมาโดยตลอด"...

    ...ย่อมแสดงให้เห็นถึง ความพยายามที่จะเพิ่มบทบาทของจีนในทะเลจีนใต้อย่างเห็นได้โดยชัดเจน อันเป็นไปตามยุทธศาสตร์ โลกแบบหลายขั้วอำนาจ ไม่ใช่ โลกแบบขั้วอำนาจเดียว อย่างที่สหรัฐต้องการนั่นเอง...

    ....ยุทธศาสตร์ของจีนในลักษณะเช่นนี้.....ย่อมเป็นอะไรที่ขัดแย้งกับยุทธศาสตร์ความเป็นเจ้าโลกของอเมริกาในระดับพื้นฐาน ในแง่ของยุทธวิธี การเติบโตของฐานทัพเรือจีนบนเกาะไหหลำนั้น นอกจากมันจะเป็นฐานที่มั่นของเรือบรรทุกเครื่องบินระดับบลู นาวีของจีนแล้ว มันยังเป็นที่ซ่องสุมของกองเรือดำน้ำติดขีปนาวุธนิวเคลียร์ข้ามทวีป หรือที่มีชื่อเรียกย่อๆ ว่า SSBNs (Nuclear ballistic Missile Sub-Marines) ที่สามารถออกปฏิบัติการทางทหารได้ตลอดทั่วทั้ง มหาสมุทรอินเดียไปจรดทะเลจีนตะวันออก ดังที่นายกฯ ญี่ปุ่น ต้องออกมาแสดงความหวาดหวั่นไปเมื่อวันสองวันนี้นั่นเอง...



    ขอขอบคุณ : ท่านขุนน้อย เจ้าของบทความ "ทะเลจีนใต้" http://www.thaipost.net/news/051010/28304
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 ตุลาคม 2010
  10. ไก่เหลืองหางขาว

    ไก่เหลืองหางขาว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2009
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +493
    ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับผม
     
  11. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    [​IMG]

    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=650><TBODY><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ภาพจาก China Military Power Mashup�|�China Powerful Military News, images and videos information เรือพิฆาตกว่างโจว ออกเดินทางจากเกาะไหหลำในทะเลจีนใต้ มุ่งหน้าสู่อ่าวเอเดน ทางตะวันตกมหาสมุทรอินเดียที่อยู่ไกลโพ้นในเดือน ม.ค.ปีนี้ เพื่อปฏิบัติภารกิจคุ้มครองกองเรือสินค้าของจีนให้พ้นมือโจรสลัด เรือพิฆาตติดขีปนาวุธลำนี้ กำลังจอดอยู่ที่ท่าเรือกรุงย่างกุ้ง เพื่อเยือนสันถวไมตรีพม่า

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    ASTVผู้จัดการออนไลน์ -- เรือรบกองทัพเรือจีน 2 ลำ เข้าจอดเทียบท่าเรือติวาลา (Thiwala) กรุงย่างกุ้ง ค่ำวันจันทร์ (30 ส.ค.) ที่ผ่านมา เพื่อเยือนสันถวไมตรีพม่า ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดไม่บ่อยครั้งนักในหลายปีมานี้ แม้พม่าจะให้หมู่เกาะในทะเลอันดามันเป็นที่แวะพักสำหรับเรือรบจีนก็ตาม

    เรือพิฆาตกว่างโจว (Guangzhou) หมายเลข 168 ภายใต้การบัญชาของ พล.ร.ต.จางเวินตัน (Zhang Wendan) เข้าเทียบท่าเมื่อเวลา 17.10 น.โดยมีทูตทหารเรือจีนประจำพม่าไปรอรับ ต่อมาคณะของ พล.ร.ต.จาง ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากผู้บัญชาการท่าเรือติวาลา และเจ้าหน้าที่ระดับสูงอีกหลายคน

    นายเหย่ต้าโป (Ye Dabo) เอกอัครรัฐทูตจีนประจำย่างกุ้ง เข้าร่วมในพิธีต้อนรับดังกล่าวด้วย หนังสือพิมพ์นิวไลท์ออฟเมียนมาร์ กล่าว

    ต่อมาเวลา 17.30 น.เรือฟริเกตเชาหู (Chaohu) หมายเลข 568 ก็ได้เข้าเทียบท่าอีกลำ เรือรบของจีนทั้งสองลำจะอยู่เยือนกรุงย่างกุ้งจนถึงวันที่ 2 ก.ย.ศกนี้ เพื่อกระชับความสัมพันธ์มิตรภาพกับความเข้าใจอันดีระหว่างกองทัพเรือเช่นเดียวกันกับประชาชนสองประเทศ หนังสือพิมพ์ของรัฐบาล กล่าว

    จีนไม่มีชายฝั่งทะเลติดมหาสมุทรอินเดีย แต่เป็นที่ทราบกันดีว่ารัฐบาลทหารพม่าได้อนุญาตให้กองเรือของจีนในภูมิภาคนี้ใช้ท่าเรือที่หมูเกาะโคโค ในทะเลอันดามันเป็นที่แวะจอดพักเติมน้ำดื่มและอาหาร รวมทั้งเพื่อการพักผ่อนด้วย
     
  12. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    CNN สื่อรายใหญ่ของสหรัฐอเมริกาได้ตีพิมพ์รายงานมุมมองบทบาทความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ โดย ทอม เอแวนส์ เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยชี้ให้เห็นทิศทางการขยายตัวทางเศรษฐกิจและอิทธิพลของจีนในภูมิภาคเอเชีย และแนวโน้วที่จีนจะเติบโตเป็นประเทศมหาอำนาจ โดยรายงานดังกล่าวนำเสนอข้อมูล ดังนี้

    -จีนมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วล้ำหน้าสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง โดยเศรษฐกิจจีนขยายตัวร้อยละ 8.9 ในไตรมาสที่ผ่านมา (กรกฎาคม-กันยายน 2552) ในขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ มีอัตราการขยายตัวร้อยละ 3.5 ส่งผลให้จีนมีข้อได้เปรียบทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล

    -จีนเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ที่สุดของโลก โดยได้เปรียบดุลการค้าในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมาทั้งสิ้น 250,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ในทางกลับกัน สหรัฐฯ เป็นผู้นำเข้ารายใหญ่ที่สุดของโลก และมียอดขาดดุลการค้าเมื่อปีที่แล้วทั้งสิ้น 575,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยบริษัท Wal-Mart มีรายงานว่า 1 ใน 8 ของการขาดดุลย์การค้าเกิดขึ้นเพราะบริษัทเดียว คือ Wal-Mart ผู้นำเข้าสินค้าจีนรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ

    - จีนเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ที่สุดของโลก โดยเป็นผู้ถือหลักทรัพย์ในสกุลเงินดอลลาร์ไม่ต่ำกว่า 2 ล้านล้านเหรียญ ในขณะที่สหรัฐฯ เป็นลูกหนี้รายใหญ่ที่สุดของโลก นักวิเคราะห์บางคนมองว่าสภาวะทางการเงินของทั้งสองประเทศส่งผลให้จีนมีอำนาจเหนือเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยจีนสามารถจะเทขายหลักทรัพย์ในสหรัฐฯ ซึ่งอาจจะส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์ลดฮวบในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตรา

    -การขยายตัวอย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจจีนก่อให้เกิดความต้องการวัตถุดิบจำนวนมากจากทั่วทุกมุมโลก ส่งผลให้จีนเข้าไปมีบทบาทอย่างรวดเร็วในประเทศเช่น เวเนซูเอล่า ซูดาน กินี และ พม่า กลุ่มสิทธิมนุษยชนหลายองค์กรมองว่าจีนอยู่เบื้องหลังรัฐบาลเผด็จการของหลายประเทศ เพื่อผลประโยชน์ในการเข้าถึงวัตถุดิบสำคัญรวมถึงแร่ธาตุที่เป็นส่วนสำคัญในการผลิตอุปกรณ์อิเลกทรอนิกส์ เช่น โทรศัพท์

    -สินค้าและเครื่องนุ่งห่มราคาถูกจากโรงงานในจีนถูกส่งออกมาขายมากจนล้นตลาดโลก อีกทั้งยังเป็นการทำลายตลาดแรงงานเก่าแก่ในยุโรปและอเมริกาเหนือ

    -จีนกำลังเสริมแนวรุกเพื่อขึ้นเป็นเจ้าเศรษฐกิจโลกโดยการสร้างเครือข่ายสายลับอุตสาหกรรม (และการทหาร) ไว้ในบรรดาประเทศตะวันตก (สหรัฐฯ จับกุมและลงโทษสายลับจีนเป็นประจำ) โดยให้นักล้วงข้อมูลเจาะเข้าไปในระบบคอมพิวเตอร์ของบริษัทชาติตะวันตกเพื่อขโมยความลับ แม้แต่รัสเซียยังกล่าวหาจีนเรื่องการขโมยเทคโนโลยีและการใช้วิศวกรรมย้อนรอยในการสร้างเครื่องบินรบรุ่นใหม่

    -จีนกำลังสร้างท่าเรือใน พม่า ศรีลังกา และปากีสถาน ซึ่งบรรดาประเทศมหาอำนาจต่างมองว่าเป็นความพยายามที่จะปูทางสร้างแสนยานุภาพทางทะเลของจีนในฝั่งตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิก รวมถึงในมหาสมุทรอินเดียด้วย

    แหล่งที่มา: “จีน” หุ้นส่วนหรือคู่แข่งของสหรัฐฯ -- ศูนย์ข่าวอาร์เอสยูนิวส์
     
  13. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    ดูละครแล้วย้อนดูตัว กำลังจะบอกเพื่อนๆสมาชิกว่าเรามองดูความเป็นไปในภูมิภาคแถบนี้ กันแล้วก็หันมาย้อนมองดูตัวเองกันบ้าง เพื่อที่จะได้ช่วยกันคิดกันอ่าน...

    คราวนี้ผมต้องเชื่อแล้วละว่า ระเบิดที่ "สมานเมตตาแมนชั่น" ย่านบางบัวทอง นนทบุรี เป็น "ของจริง" เพราะป่านนี้แล้ว ยังไม่เห็น ................. เหมือนอย่างทุกคราวที่ผ่านมา ผมอยากจะบอกว่า อย่าไปตกอก-ตกใจอะไรกันไปเลย กับความสูญเสียที่เรียกกลับคืนมาไม่ได้ เราควรบอกกับตัวเองว่า...โชคดีที่ระเบิดก่อน!
    ถ้าไม่ระเบิดเสียก่อน รอจนมือระเบิดประกอบสำเร็จ นำไปวางตามจุดเป้าหมายไม่ว่าในกรุงเทพฯ หรือในที่ไหนๆ แล้วจึงระเบิด ถ้าเป็นอย่างนั้น โชคดีที่ว่าจะกลายเป็น "โชคร้ายของประเทศไทย" ไปทันที
    ก็คิดดูแล้วกัน ขนาดตูมเดียว แมนชั่น "แหลก" เกือบทั้งหลัง พังทะลุจากห้องหนึ่งไปฆ่าคนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ยังอีกห้องหนึ่งได้ มันมีอานุภาพร้ายแรงขนาดไหน ถ้าผู้ประกอบอนันตริยกรรมกับบ้านเมืองทำสำเร็จตามแผนที่จะสร้างบรรยากาศกรุงเทพฯ ให้เหมือน ๓ จังหวัดใต้ เหมือนในปากีสถาน เหมือนในอิรัก
    นำไปวางตามตึก ตามอาคาร ตามถนนรนแคมที่ผู้คนขวักไขว่-ไปมาในกรุงเทพฯ แล้วตั้งเวลาระเบิด ไม่ตายกันเป็นร้อยรึนั่น!? ป่านนี้ "บางกอก ไทยแลนด์" ไม่ยึดพื้นที่ข่าวทั่วโลกด้วยเหตุการณ์น้องๆ 9/11 ถล่มเวิลด์เทรดไปแล้วหรือ บางกอก ไทยแลนด์ จะดังข้ามฟ้า-ข้ามแผ่นดินขับเน้นวลีของใครคนหนึ่งที่ว่า
    "ถ้าผมอยู่ไม่เป็นสุข ใครก็อย่าหวังว่าจะได้อยู่เป็นสุข" ให้ดูขลัง-ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งขึ้น!
    ก็ต้องยอมรับว่า ระเบิดรายวันในกรุงเทพฯ ช่วงนี้ คนไทยส่วนใหญ่พยายาม "ทำใจ" ในการรับรู้อยู่แล้ว แต่กับระเบิดที่เกิดขึ้นในสมานเมตตาแมนชั่น วานซืน ทำใจไม่ไหว
    ครับ...คนไทยกำลังเป็นทุกข์! ........


    ปล.คัดลอกมาเพียงบางส่วนจาก
    มือที่มองไม่เห็น "ของแท้" โดยคุณเปลว สีเงิน ขอขอบคุณhttp://www.thaipost.net/news/071010/28410
     
  14. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    .....ผมเชื่อว่า "พระสยามเทวาธิราช" มีจริง
    และเชื่อว่า "ความเปลี่ยนแปลง" เป็นกฎของธรรมชาติ แต่ "ความซื่อสัตย์-กตัญญู" เป็นกฎของมนุษย์ ฉะนั้น ในความเปลี่ยนแปลงใดๆ ถ้าใช้ "ความซื่อสัตย์-กตัญญู" เป็นสิ่งรองรับล่ะก็ ครรลอง คือ เส้นทางไป จะเป็นครรลองแห่ง "ทำนองคลองธรรม"
    และนั่น...ความเปลี่ยนแปลงนั้น คือ.....
    ความงอกงามไพศาล "จากจุดหนึ่ง-สู่อีกจุดหนึ่ง" ตามเส้นทางคือครรลองที่ "ต้องไป" นั่นเอง!
    เมืองไทยเป็น "เมืองพุทธ" คนไทยอยู่ข้างในอาจไม่เห็น แต่คนที่อยู่ข้างนอกเมืองไทย คือ"ชาวโลก" เขามองจากข้างนอกเข้ามาเห็น เขาจึงพร้อมใจกันยกให้ "ประเทศไทย-ศูนย์กลางพุทธศาสนาแห่งโลก" อันหมายถึง ดินแดนศานติที่คนทั้งโลกปรารถนา "สุขสุดท้าย" ขอได้มาหยุดไว้ ณ ดินแดนแห่งนี้
    เขาอาจให้เหตุผลกับตัวเองไม่ได้ว่าเพราะเหตุใดจึงเกิดความรู้สึกนั้น แต่ "จิตสัมผัส" พลันมาเมืองไทย บอกให้เขารู้อย่างนั้น!?
    ก็เหมือนระเบิดที่ "สมานเมตตาแมนชั่น" นั่นแหละ ทำไมจึงเกิดระเบิดใส่คนทำเสียก่อนที่จะถูกนำไปก่อกรรมทำเข็ญกับชาติบ้านเมืองตามที่พวกเขามุ่งหวัง?
    คำตอบทางวิทยาศาสตร์ ทางเหตุและผลมีเยอะแยะไป แต่ก็นี่แหละ "บ้านเมืองไทย" มีอะไรอีกหลายอย่างมากมาย นอกเหนือจากศาสตร์ต่างๆ ให้ต้องตรึกตรองเพื่อตระหนักรู้ และคำว่า "ตระหนักรู้" นั้น จะสัมพันธ์กับคำว่า "จิตสัมผัส" ด้วยหรือไม่ อันนี้ สุทธิ อสุทธิ ปัจจัตตัง ครับ......


    แหล่งที่มา :
    มือที่มองไม่เห็น "ของแท้" โดยคุณเปลว สีเงิน
     
  15. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    พระสยามเทวาธิราช???


    <!-- main-content-block --><!--7 ตุลาคม 2553 - 00:00-->
    7 ตุลาคม 2553 - 00:00


    ใครจะไปเชื่อว่า...ขนาดผู้ก่อการร้ายชาวอาหรับที่ได้ชื่อว่า โหดๆ เคยก่อปฏิบัติการเลือด ปฏิบัติการทมิฬ ไม่ว่าในประเทศไหนๆ มาโดยตลอด แต่เมื่อเกิดมาจี้เครื่องบิน จับผู้คนเป็นตัวประกัน ลงมาจอดในประเทศไทยแลนด์แดนสยามของหมู่เฮา เมื่อหลายต่อหลายสิบปีที่แล้ว จู่ๆ ก็เกิดอาการใจอ่อนขึ้นมาซะดื้อๆ!!! เริ่มรู้สึกรักชีวิต รักเพื่อนมนุษย์ จนวินาทีสุดท้าย...ก็ยอมปล่อยตัวนักบิน ปล่อยตัวประกัน ยินยอมพร้อมใจที่จะบินกลับประเทศอาหรับ โดยไม่ได้ลงมือก่อปฏิบัติการใดๆให้ต้องเสียเลือดเนื้อ เสียชีวิตผู้คน ตามความมุ่งหมายดั้งเดิมเอาเลยแม้แต่น้อย...
    -----------------------------------------------
    แม้แต่ผู้ก่อการร้ายชาวอิหร่านที่ตัดสินใจขนระเบิดนับเป็นตันๆ ใส่รถบรรทุก กะว่าจะเอามาใช้เป็นเครื่องมือในการล้างผลาญ ทำลายฝ่ายตรงกันข้าม โดยอาศัยประเทศไทยเป็นฉากสร้างสถานการณ์ แต่จู่ๆ ผีหลอกวิญญาณหลอน ที่สิงอยู่ในถังระเบิด หรือ อะไรบางอย่าง ก็มิอาจทราบได้ เกิดดลบันดาลให้รถบรรทุกระเบิดดันไปพุ่งชนกับจักรยานยนต์ของวินมอเตอร์ไซค์ซะดื้อๆ แทนที่จะสามารถขนระเบิดไปก่อเหตุการณ์วินาศกรรมครั้งใหญ่ได้ตามจุดมุ่งหมายที่วางเอาไว้ ดันต้องมาถูกจับเพราะขับรถไปชนกะมอเตอร์ไซค์ แผนการก่อการร้ายในระดับโลกเลยต้องมาพังพินาศ ล้มเหลว เพราะเจอกับการจราจรในเมืองไทยอย่างแทบไม่น่าเชื่อสายตา...
    --------------------------------------------------
    กระทั่งนักก่อการร้ายชาวไทยแท้ๆ ก็ตาม มือระเบิดระดับเทพ ที่หอบระเบิดต่อสายชนวนเรียบร้อยแล้ว เดินทางคิดจะไปวางระเบิดถึงที่ทำการพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง ในช่วงดึกๆ ดื่นๆ เมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว พอเริ่มตั้งท่าคิดจะหาที่เหมาะๆ ในการวางระเบิด จู่ๆ ก็เห็นเงาดำๆ วูบๆ วาบๆ โผล่พรวดพราดพุ่งเข้ามาหาตัวเอง เป็นผลให้เกิดการจุดระเบิดทำลายตัวเองชนิดตายคาที่ ส่วนพรรคพวกที่มีส่วนร่วมปฏิบัติการ ซึ่งเหลือรอดกลับมาบอกเล่าเหตุการณ์ได้แบบหวุดๆ หวิดๆ และต้องกลายเป็นคนพิการอยู่จนตราบเท่าทุกวันนี้ ก็ยังคงงงๆ หาข้อสรุปไม่ได้เอาเลยว่า เงาดำๆ ที่โผล่เข้ามาจู่โจมตัวเองก่อนที่จะลงมือวางระเบิดนั้นเป็น อะไร กันแน่!!!
    ----------------------------------------------------
    เอาเป็นว่า...ไม่ว่าจะเป็นเพราะเหตุใด หรือเป็นเพราะ อะไร ก็ตาม แต่การที่ประเทศไทยแลนด์ แดนสยามของเรานั้น มักจะหลุดรอดจากเหตุการณ์ร้ายๆ มาได้แบบประหลาดๆ หรือในแบบแทบไม่น่าเชื่อสายตา ไม่ว่าในหมู่ชาวไทย หรือชาวต่างประเทศชนิดคราวแล้ว คราวเล่า ด้วยเหตุนี้...การที่ใครต่อใครคิดจะยกเครดิตเหล่านี้ไปให้กับ พระสยามเทวาธิราช ย่อมไม่อาจถือเป็นเรื่องแปลก หรือเป็นเรื่องมหัศจอรอหันการันยอแต่อย่างใด ในเมื่อความ อะเมซซิ่ง ไทยแลนด์ เหล่านี้ มันเป็นไปในทางที่ทำให้เหตุการณ์ร้ายๆ กลายเป็นดี ทำให้บรรดาผู้คิดร้าย มุ่งหมายจะเบียดเบียน ทำลายผู้อื่น มุ่งสร้างความพังพินาศ ฉิบหาย ให้กับสังคม ชาติบ้านเมือง มักต้องประสบกับอุปสรรคความล้มเหลวไปซะทุกที ใครจะเรียกความ อะเมซซิ่ง เหล่านี้ว่า พระสยามเทวาธิราช ย่อมไม่ผิดหลักการและวัตถุประสงค์แต่อย่างใด...
    ----------------------------------------------------
    แรงระเบิดระดับวินาศสันตะโรซึ่งเกิดขึ้นที่อาคาร สมานเมตตาแมนชั่น ย่านตลาดบางบัวทอง ช่วงเย็นของวันอังคารที่ผ่านมานี้ ก็คงต้องจัดอยู่ในเหตุการณ์ประหลาดๆ ที่แสดงออกถึงความ อะเมซซิ่ง ไทยแลนด์ อีกครั้งนั่นแหละ โดยเฉพาะถ้าหากคำนวณถึงความพังพินาศ ที่หนักหนาสาหัสระดับทำให้ตึกรามอาคารทั้งหลังแทบทรุดลงไปกองกับพื้น ซากศพถูกอัดจนกระเด็นปลิวว่อนแทบหาชิ้นส่วนไม่เจอ สิ่งเหล่านี้....ถ้าหากมันไม่เกิดขึ้นในคราวนี้ มันอาจต้องไปเกิดขึ้นกับสถานที่อื่นๆ กับชีวิต เลือดเนื้อของมนุษย์ ของผู้บริสุทธิ์อีกไม่รู้กี่ศพต่อกี่ศพ นำมาซึ่งความปั่นป่วน วุ่นวาย ความสยดสยองพองขนของผู้คนในบ้านเมืองอย่างต่อเนื่องไปอีกกี่ครั้ง ต่อกี่ครั้ง ก็มิอาจ
    สรุปได้ แต่ก็ด้วย เดชะบุญ หรือจะด้วยฤทธิ์เดชของ พระสยามเทวาธิราช ก็แล้วแต่จะเรียก การพังพินาศของอาคารหนึ่งหลังไปพร้อมๆ กับความตายของมือระเบิด และผู้บริสุทธิ์ซึ่งต้องบาดเจ็บ ล้มตาย ตามไปด้วยอีกจำนวนหนึ่ง แม้นจะก่อให้เกิดความน่าสลด หดหู่ อยู่ไม่น้อย แต่มันก็พอช่วยให้เหตุการณ์ร้ายๆ ซึ่งกำลังรอเวลาที่จะเกิดขึ้น ต้องหยุดชะงัก ประสบอุปสรรค ความล้มเหลวลงไปได้ในบางระดับ...


    แหล่งที่มา : พระสยามเทวาธิราช??? | ไทยโพสต์
     
  16. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    ชาติไทยแต่เก่าก่อน ในสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ต่างล้วนยอมสละเลือดเนื้อและชีวิตเพื่อแลกเอาชาติและแผ่นดินคืนมาเพื่อให้ลูกหลานไทยได้มีที่อยู่ที่ทำกินโดยอิสระเสรีไม่ต้องถูกกดขี่ข่มเหง ในเวลานั้นไม่ว่าจะเป็นชายหรือเป็นหญิงต่างอาสาสมัครเข้ามารับใช้ชาติคำกล่าวที่ว่า"เปลก็ไกว ดาบก็แกว่ง" ย่อมเป็นพยานหลักฐานในข้อนี้ได้อย่างชัดเจน
    ล่วงมากาลปัจจุบัน ความเป็นอยู่ของของคนไทยเราหากเปรียบเทียบกับเพื่อนร่วมศึกเมื่อครั้งกระโน้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เพื่อนยังคงต้องต่อสู้ดิ้นรนเพื่อความเป็นชาติและอธิปไตยต่อไป ในขณะที่เพื่อนอีกผู้หนึ่งมีทุกสิ่งทุกอย่างที่เรียกได้ว่าสมบูรณ์ครบถ้วน แต่เหตุไฉนเพื่อนผู้นี้ยังหลงระเริงอยู่กับการสร้างความวุ่นวายเพื่อให้เกิดความไม่สงบภายในชาติของตนเอง

    คงถึงเวลาที่พวกเราจะต้องร่วมมือร่วมใจกันอีกครั้ง แต่ไม่ต้องถึงขั้นเปลก็ไกว ดาบก็แกว่ง เหมือนเมื่อครั้งก่อนกระโน้น เพียงแค่ช่วยกันเป็นหูเป็นตา เห็นอะไรผิดสังเกตก็รีบแจ้งเจ้าหน้าที่บ้านเมืองที่เกี่ยวข้อง เห็นสิ่งใดผิดปกติน่าสงสัยก็ควรต้องสงสัยแล้วก็รีบแจ้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจหรือทหารที่อยู่ไกล้โดยเร็วเท่านั้นแหละครับ ก็ถือว่าเราได้ช่วยชาติบ้านเมืองกันแล้ว ข้อสำคัญท่านจงอย่าได้เข้าไปเกี่ยวข้องหรือแก้ไขต่อความผิดสังเกตหรือสิ่งน่าสงสัยนั้นด้วยตนเองเป็นอันขาด ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญและชำนาญงานรับผิดชอบดำเนินการต่อไปจะดีกว่าครับ
    หากไทยไม่ช่วยไทยแล้วใครจะมาช่วยเรา จะรอคอยแต่พระสยามเทวาธิราชท่านเพียงองค์เดียวเท่านั้นฤๅ?
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 ตุลาคม 2010
  17. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    กินเจ-กินยังไงจะไปถึงเจ?


    <!-- main-content-block --><!--8 ตุลาคม 2553 - 00:00-->
    8 ตุลาคม 2553 - 00:00


    วันนี้ ศุกร์ที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๕๓ แรม ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๐ ปีขาล ตามปฏิทินโหราศาสตร์ของ "ท่านอาจารย์เทพย์ สาริกบุตร" บอกถึงปรากฏการณ์ดวงดาวว่า เป็นวันจันทร์ดับอมาวสี ศุกร์วิกลคติพักร จันทร์ยกเข้าราศีตุล พุธกุมเสาร์ จันทร์ตรีโกณเนปจูน รหัสดวงดาวบอกอะไรบ้างผมไม่ทราบ ต้องรอผู้รู้เฉลย แต่ที่แน่ๆ วันนี้เริ่ม "กินเจ" กันแล้วนะครับ
    ผมก็อยากกินเจ แต่อย่างว่า กินทีไรไปไม่รอดซักที เพราะเจ้าความเห็นแก่กินนี่แหละทำให้ตบะแตกก่อนทุกทีไป ไปโน่น-ไปนี่ ใครเขาเอาอะไรมาให้รับประทานก็อ้างว่า "ไม่อยากขัดศรัทธา" แต่จริงๆแล้ว ไม่อยากขัด "ความตะกละ" ที่รบเร้าใจตัวเองมากกว่า ฉะนั้น ถึงเทศกาลกินเจทีไร ผมก็ทำตนเป็น "คนใจง่าย" ทีนั้น
    คือใครชวนไปกินเจ ผมก็ไปกินเจกับเขา ใครชวนไปกินซากศพสิงสาราสัตว์ ผมก็ไปกินซากสิงสาราสัตว์กับเขา จะไปหวังบุญ-บาปอะไรไม่ได้หรอก นอกจากหวัง "ได้อิ่ม" ไปมื้อๆ เท่านั้น!
    แต่ผมก็สังเกตในเชิงเปรียบเทียบจากตัวเองทุกครั้ง ช่วงกินอาหารเจกับไม่เจ ถ้าครั้งไหนรับประทานอาหารเจติดต่อกันทั้งวัน ท้องไส้จะดีมาก เข้าตามตำราที่ว่า "นอนง่าย หลับง่าย กินง่าย ถ่ายง่าย สบายดี" เนื้อตัวเบา ทั้งที่เดี๋ยวกิน-เดี๋ยวหิวก็ไม่รู้สึกอึดอัด แต่ทั้งที่รู้ว่ากินเจแล้วดี แต่ก็ไม่พยายามตั้งอก-ตั้งใจจะกิน เพราะเจ้าตัว "ตามใจปาก" คือตัวตะกละนั่นแหละเป็นนาย
    คือกินผัก-กินหญ้าแล้ว ถึงอิ่มขนาดไหน ใจก็ยังวิบๆ หวิวๆ "ยังไม่สาแก่ใจ" คงจะเหมือนพวกผีดิบ คือกินอะไรร้อยแปดพันเก้าไปแล้ว แต่ถ้ายังไม่ได้ "กินเลือด" เจ้าตัวความอยากดูคล้ายกับว่ามันไม่ยอมสงบระงับ กระตุ้นให้ใจกระสับกระส่ายจนกว่าจะได้ "เลือดเนื้อ" มาบำบัด
    นี่แสดงว่า แก่นแท้ของการกินเจ ไม่ได้อยู่ที่ผักหญ้าหรือแป้ง หากแต่อยู่ที่ "ใจ" การกินเป็นเพียงรูปแบบเพื่อให้คนไปถึงแก่น ฉะนั้น ลำพังกินแต่เจ ต่อให้เคร่งครัด-ครบถ้วนขนาดไหน สิ่งที่ได้คงจะเป็น "ประโยชน์ทางกาย" เป็นหลัก ถ้าจะให้ได้ประโยชน์ครบด้าน ต้องเคร่งครัด "ทางใจ" ด้วย......


    http://www.thaipost.net/news/081010/28454
     
  18. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    กินเจ-กินยังไงจะไปถึงเจ?

    <!-- main-content-block --><!--8 ตุลาคม 2553 - 00:00-->8 ตุลาคม 2553 - 00:00


    ....อยากที่จะให้ผลออกมาดี อยากนั้นต้องเป็นอยากที่เรียกว่า "ฉันทะ" คือความพอใจ พอใจที่จะทำในสิ่งที่ไม่เป็นโทษ ไม่เป็นการเบียดเบียนทั้งกับตัวเองและผู้อื่น ในขณะเดียวกัน การทำนั้นจะยังประโยชน์ให้เกิดทั้งกับตัวเองและผู้อื่น เป็นผู้มีจิตใจไม่เร่าร้อน กระวนกระวาย เป็นผู้มีจิตใจชุ่มเย็น ตื่นก็เป็นสุข หลับก็เป็นสุข
    ส่วน "อยาก" อีกด้าน จะให้ผลออกมาไม่ดี เพราะเป็นอยากที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานที่เรียกว่า "ตัณหา" เป็นอยากที่จะทำแต่สิ่งเป็นโทษ เป็นการเบียดเบียนทั้งตนเองและผู้อื่น เช่น อยากบึ้ม อยากเปลี่ยนระบบ-ล้มสถาบัน ซึ่งไม่เกิดประโยชน์ทั้งกับตัวเอง กับผู้อื่น กับสังคมชาติบ้านเมือง วันๆ มีชีวิตอยู่ด้วยจิตใจเร่าร้อน ในอกข้นคลั่กด้วยเพลิงพยาบาท ตื่นก็นรก หลับก็นรก
    นี่แหละเป็นตัว "กำหนดค่า" ความสั้น-ยาวของชีวิต และเป็นตัวควบคุมพฤติกรรม "สนองอยาก" ปัจจุบันให้ความสั้น-ความยาวนั้นว่า...สั้น-ยาว แบบจมเขี้ยว หรือจมคูถ?
    กลับมาเรื่องกินเจต่อ ถึงอย่างไรผมก็อนุโมทนา ขอเกาะชายกางเกง ชายผ้าถุงขาวของผู้ถือศีล-กินเจไปสู่แดนสุขาวดีด้วย บางท่านศรัทธาจะกินเจ นึกว่าแค่ไม่กินเนื้อสัตว์ก็พอแล้ว ความจริง "เพื่อความสมบูรณ์พร้อม" มีองค์ประกอบที่ควรปฏิบัติมากกว่านั้น พอดีคุณ BL Today อีเมล์เรื่องนี้มาให้ ขอถือโอกาสนำเผยแพร่ต่อเลย ดังนี้
    หลักธรรมในการกินเจ ในทัศนะของคนกินเจ การกินที่ทำให้ชีวิตผู้อื่นต้องเดือดร้อนล้มตายนั้น “มันมากเกินไป” ทั้งๆ ที่มนุษย์กินแต่อาหารพืชผักก็สามารถมีชีวิตอยู่ได้ การกินเจตั้งมั่นอยู่บนหลักธรรมสำคัญ 2 ประการ คือ ดำรงชีวิตอยู่ด้วยอาหารที่ไม่เบียดเบียนตนเองและดำรงชีวิตอยู่ด้วยอาหารที่ไม่เบียดเบียนผู้อื่น กล่าวคือ
    1.ไม่เอาชีวิตของสัตว์ทั้งหลายมาต่อเติมบำรุงเลี้ยงชีวิตของตน
    2.ไม่เอาเลือดของสัตว์ทั้งหลายมาเป็นเลือดของตน
    3.ไม่เอาเนื้อของสัตว์ทั้งหลายมาเป็นเนื้อของตน
    การรับประทานสิ่งใดก็ตามที่ทำลายสุขภาพร่างกายของตนให้ทรุดโทรม คือ การเบียดเบียนตนเอง ปัจจุบันวิทยาการเจริญก้าวหน้าได้พิสูจน์ยืนยันว่าเลือดและเนื้อของสัตว์ที่ถูกฆ่าตายเต็มไปด้วยพิษภัยมากมาย
    ดังนั้นการกินเจจึงไม่ใช่เพื่อให้เกิดผลดีต่อจิตใจเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมไปถึงการมีสุขภาพพลานามัยที่ดีอีกด้วย ร่างกายและจิตใจเป็นของคู่กัน มีความสัมพันธ์ส่งผลถึงกัน คนเราย่อมไม่อาจจะรู้สึกเบิกบานสดชื่นร่าเริงได้ในขณะที่ร่างกายเจ็บป่วยทรุดโทรมย่ำแย่
    แก้ไข เทศกาลกินเจ (เฉพาะส่วน) - วิกิพีเดีย การปฏิบัติตนในช่วงกินเจ
    ในช่วงเทศกาลกินเจ 9 วัน 9 คืน ผู้ที่ต้องการกินเจอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ตามประเพณีการกินเจ จะต้องปฏิบัติดังนี้
    1.งดเว้นเนื้อสัตว์หรือทำอันตรายต่อสัตว์
    2.งดนม นม - วิกิพีเดีย เนยเนย - วิกิพีเดีย และน้ำมันที่มาจากสัตว์
    3.งดอาหารรสจัด ซึ่งหมายถึงอาหารเผ็ด หวานมาก เปรี้ยวมาก เค็มมาก
    4.งดผักหรือเครื่องเทศที่มีกลิ่นแรง เช่น กระเทียม กระเทียม - วิกิพีเดีย หัวหอม หอมใหญ่ - วิกิพีเดีย ต้นหอม หอมต้นเดี่ยว - วิกิพีเดีย กุยช่าย กุยช่าย - วิกิพีเดีย รวมทั้งใบยาสูบ ยาสูบ - วิกิพีเดีย สิ่งเสพติดและของมึนเมาต่างๆ
    5.รักษาศีลห้า เบญจศีล - วิกิพีเดีย
    6.รักษาจิตใจให้บริสุทธิ์ รักษาอารมณ์
    7.ทำบุญทำทาน
    8.นุ่งขาวห่มขาว
    สำหรับผู้ที่เคร่งครัดเพื่อการกินเจให้เป็นไปอย่างบริสุทธ์โดยแท้ จะเพิ่มการปฏิบัติโดยการกินอาหารเฉพาะที่คนกินเจด้วยกันเป็นผู้ปรุงเท่านั้น รวมถึงจะล้างหม้อไหจนสะอาดเอี่ยม แยกภาชนะสำหรับการปรุงอาหารเจไว้โดยเฉพาะ
    นอกจากนี้ยังจุดตะเกียง แก้ไข ตะเกียง - วิกิพีเดีย ไว้ 9 ดวงตลอดช่วงเทศกาลกินเจ 9 วัน โดยไม่ปล่อยให้ดับ เพื่อเป็นพุทธบูชาและรำลึกถึงบุญคุณของพ่อแม่ญาติพี่น้อง ตลอดจนผู้ที่มีบุญคุณต่อผืนแผ่นดินเกิด 7 วันอันควรงดเว้นจากการกินเนื้อสัตว์ แม้ว่าจะมีผู้คนจำนวนมากที่ยังคงเข่นฆ่ากินเลือดกินเนื้อสัตว์ทุกวัน แต่อย่างน้อยที่สุดควรหยุดคิดสักนิดให้เห็นถึงความสำคัญของวันทั้ง 7 ที่ควรงดเว้นเนื้อสัตว์ เพื่อเป็นมงคลชีวิตสู่ความสำเร็จของตนเองและครอบครัว ถือเป็นมหากุศลและเมตตาธรรมสูงสุด......



    ขอขอบคุณ: คณเปลว สีเงิน กินเจ-กินยังไงจะไปถึงเจ? | ไทยโพสต์


    อนุโมทนา สาธุ
     
  19. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,920
    ค่าพลัง:
    +6,434
    [MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.1169451/[/MUSIC]


    ไปมาเลย์มาค่ะ กลับถึงบ้านเมื่อคืนเกือบเที่ยงคืน เจอร้านขายทังก้าด้วย ภาพ white tara ขนาด 80X120 ซม เขียนด้วยมือ ราคาคิดเป็นเงินบาทคือประมาณ 35,000 บาท ผงะหงายออกมาจากรูปเมื่อได้ยินราคาแพงเยี่ยงนี้ เลียบๆเคียงๆได้ซีดีศิลปินทิเบตที่ใช้ ขลุ่ย เครื่องเป่า ระฆัง กลอง แบบทิเบต ทำดนตรีแบบทิเบตโบราณ ฟังแล้วผ่อนคลายดวงจิตมากค่ะ นำมาฝากในวันแรกของเทศกาลกินเจค่ะ เปิดฟังตั้งแต่เช้าแล้ว ขอนำมาฝากก่อนจะแต่งตัวไปทำงานค่ะ

    พี่จงรักภักดีค่ะ มันมีระเบิดเกิดขึ้นแถวๆบางบัวทองหรือคะ เพิ่งอ่านจากที่พี่เขียนยังงงอยู่ ทำไมมีระเบิดได้ ???

    น้องโมเย พี่ทางสายธาตุจะรับประทานเจ ส่งแรงบุญแรงใจของพี่เองไปช่วยเป็นกำลังใจในการแต่งเพลงถวายพระแม่กวนอิมของน้องค่ะ

    คุณไก่เหลืองฯ สวัสดีค่ะ พระบรมราชานุสาวรีย์ของพระองค์ท่านจะเป็นแรงใจให้คนไทยต่อสู้กับปัญหาภายในประเทศของเราต่อไป

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,920
    ค่าพลัง:
    +6,434
    สงครามครั้งสุดท้าย
    สมเด็จพระนเรศวรมหาราชและพระเอกาทศรถทรงนำทัพบุกตีพม่ารามัญเป็นครั้งที่สามหรือครั้งสุดท้าย ขณะที่กองทัพสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเดินทัพอยู่นั้น พระองค์ก็ทรงประชวรและสวรรคตกลางทาง กองทัพอยุธยาจึงได้นำทัพกลับ

    การสวรรคต
    สมเด็จพระนเรศวรกับสมเด็จพระเอกาทศรถ เสด็จยกกองทัพออกจากพระนคร เมื่อวันพฤหัสบดี แรม 8 ค่ำ เดือนยี่ ปีมะโรง พ.ศ. 2148 เสด็จโดยกระบวนเรือจากพระตำหนักป่าโมก แล้วเสด็จขึ้นบนที่ตำบล เอกราชไปตั้งทัพชัย ณ ตำบลพระหล่อ แล้วยกกองทัพบกไปทางเมืองกำแพงเพชรสู่เมืองเชียงใหม่ ครั้นเสด็จถึงเมืองเชียงใหม่ก็หยุดพักจัดกระบวนทัพอยู่หนึ่งเดือน แล้วให้กองทัพสมเด็จพระเอกาทศรถยกไปทางเมืองฝาง ส่วนกองทัพหลวงยกไปทางเมืองหาง ครั้นเสด็จถึงเมืองหางแล้วก็ให้ตั้งค่ายหลวงประทับอยู่ที่ทุ่งแก้ว สมเด็จพระนเรศวรทรงพระประชวรเป็นระลอกขึ้นที่พระพักตร์ แล้วกลายเป็นบาดทะพิษพระอาการหนัก จึงโปรดให้ข้าหลวงรีบไปเชิญเสด็จสมเด็จพระเอกาทศรถมาเฝ้า สมเด็จพระเอกาทศรถเสด็จฯ มาถึงได้ 3 วัน สมเด็จพระนเรศวรก็เสด็จสวรรคต เมื่อวันจันทร์ ขึ้น 8 ค่ำ เดือน 6 ปีมะเส็ง ตรงกับวันที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2148 สิริพระชนมพรรษา 50 พรรษา รวมสิริดำรงราชสมบัติ 15 ปี สมเด็จพระเอกาทศรถจึงได้อัญเชิญพระบรมศพสมเด็จพระนเรศวรกลับกรุงศรีอยุธยา

    ชีวิตส่วนพระองค์
    พระราชประวัติของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชส่วนใหญ่ได้จากพงศาวดารอยุธยา ซึ่งมักมีการจดบันทึกในพระราชกรณียกิจ ซึ่งส่วนใหญ่บันทึกถึงการทำสงครามกับอาณาจักรเพื่อนบ้านเป็นอันมาก จนมองข้ามเกี่ยวกับเจ้านายฝ่ายในหรือพระมเหสีของพระองค์ แต่อย่างไรก็ตามได้มีการปรากฏพระนามของเจ้านายฝ่ายใน ในเอกสารของต่างชาติ 5 ฉบับด้วยกัน ซึ่งได้แก่ จดหมายเหตุสเปน (History of the Philippines and Other Kingdom) ของบาทหลวงมาร์เชโล เด ริบาเดเนย์รา (Marchelo de Ribadeneira, O.F.M), จดหมายเหตุวันวลิต, พงศาวดารละแวก, คำให้การขุนหลวงหาวัด และพงศาวดารพม่าฉบับหอแก้ว ซึ่งปรากฏพระนามพระนามพระมเหสี 3-4 พระองค์ โดยมีพระนามดังนี้[42]

    1.พระมณีรัตนา จากคำให้การขุนหลวงหาวัด
    2.เจ้าขรัวมณีจันทร์ จากจดหมายเหตุวันวลิต
    3.โยเดียมี้พระยา พระราชธิดาในพระเจ้านรธามังสอ กับพระนางเชงพยูเชงเมดอ[43] ปฐมวงศ์พม่าที่ปกครองอาณาจักรล้านนา จากพงศาวดารพม่า
    4.พระเอกกษัตรีย์ พระราชธิดาในพระเจ้าศรีสุพรรณมาธิราช เจ้าแผ่นดินเขมร จากพงศาวดารเขมร
    อย่างไรก็ตามก็มีการกล่าวถึง พระมณีรัตนา และเจ้าขรัวมณีจันทร์ น่าจะเป็นบุคคลเดียวกัน และถือว่าเจ้าขรัวมณีจันทร์ มีบทบาทสูงกว่าพระมเหสีจากเชียงใหม่และเขมร[44] โดยมีการสถาปนาพระนางเป็นอัครมเหสีดังที่ปรากฏในคำให้การขุนหลวงหาวัดที่กล่าวถึงเมื่อครั้งที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชเสด็จขึ้นเสวยราชย์สมบัติต่อจากพระราชบิดา ความว่า

    ส่วนพระนเรศวรนั้น ก็เข้าไปยังกรุงศรีอยุธยา ก็เสด็จเข้าสู่พระราชฐานอันอัครเสนาบดีและมหาปุโรหิตทั้งปวง จึงทำการปราบดาภิเษกแล้วเชื้อเชิญให้เสวยราชสมบัติ จึงถวายอาณาจักรเวนพิภพแล้วจึงถวายเครื่องเบญจราชกกุธภัณฑ์ทั้ง ๕ และเครื่องมหาพิไชยสงครามทั้ง ๕ ทั้งเครื่องราชูปโภคทั้งปวงอันครบครัน แล้วจึงถวายพระนามใส่ในพระสุพรรณบัตรสมญา แล้วฝ่ายในกรมจึงถวายพระมเหษีพระนามชื่อพระมณีรัตนา และถวายพระสนมกำนัลทั้งสิ้น แล้วครอบครองราชสมบัติเมื่อจุลศักราช ๙๕๒ ปีขาลศก อันพระเอกาทศรถนั้นก็เปนที่มหาอุปราช

    — คำให้การขุนหลวงหาวัด

    หลังจากการสวรรคตของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และสมเด็จพระเอกาทศรถได้เสด็จขึ้นครองราชย์ต่อนั้น เจ้าขรัวมณีจันทร์ได้ปรากฏอีกครั้งในจดหมายเหตุวันวลิต ที่ได้กล่าวว่า "พระชายาม่ายในพระเจ้าอยู่หัวในพระโกศ คือพระ Marit หรือ พระองค์ดำ" เข้าใจว่าในอีกพระราชฐานะหนึ่งน่าจะทรงเป็น เจ้าขรัว (คหบดีชาวจีน) มีเหตุการณ์หนึ่งที่ทรงเสด็จไปช่วย "พระองค์ไล" หรือศรี ที่มีเหตุวิวาทกับพระยาออกนา จนต้องพระราชอาญาจนถึงชีวิต ข้ารองพระบาทในพระองค์ไลจึงได้ีรีบไปทูลขอพึ่งพระบารมีเจ้าขรัวมณีจันทร์ พระนางจึงรีบเสด็จเข้าเฝ้าสมเด็จพระเอกาทศรถ จนสมเด็จพระเอกาทศรถยินยอมด้วยความเกรงพระทัย (แต่ในจดหมายเหตุวันวลิตกล่าวว่า ถูกฟันด้วยพระแสงดาบและถูกจำคุกเป็นเวลา 5 เดือน เจ้าขรัวมณีจันทร์จึงได้ขอพระราชทานอภัยโทษ)



    ทางสายธาตุมีความเห็นตามความเห็นข้างต้นเช่นเดียวกัน เจ้าขรัวไม่น่าจะมาจากคำว่าขรัวตาขรัวยาย เพราะพระองค์ไลถูกฟันขาแขนเมื่อพระชนม์ 18-19 พรรษา เจ้าขรัวมณีจันทร์ทรงน่าจะมีพระชนม์ราว 39-40 พรรษา คงจะยังไม่ทรงมีพระเจ้าหลานประสูติออกมาเรียกพระองค์ว่า ขรัวยาย ....ความเห็นของทางสายธาตุ

    และในสมัยพระเจ้าปราสาททองก็มีคนระดับเจ้าขรัวเป็นที่ปรึกษาเจ้าพระยาพระคลัง ซึ่งบันทึกในเหตุการณ์ชาวดัชต์ 12 คนเมาแล้วไปมีเรื่องกับเจ้าชายคนหนึ่งที่มีวังอยู่ฝั่งตรงข้ามกับวัดวรเชษฐ์ ก็คือ วังหลัง เป็นวังที่สมเด็จพระเอกาทศรถทรงมาประทับเป็นพระองค์แรกหลังจากที่สร้างขึ้นเป็นครั้งแรกในแผ่นดินสมเด็จพระมหาธรรมราชา ภายหลังเป็นที่ประทับของเจ้านายตำแหน่งวังหลังสืบมาจนเสียกรุงฯครั้งที่สอง วังหลังถูกรื้อเอาอิฐมาสร้างพระราชวังหลวงกรุงรัตนโกสินทร์

    เหตุการณ์นั้น วัน วลิต ต้องมาขอความช่วยเหลือจากเจ้าขรัวคนนี้เพราะว่าเข้านอกออกในพระราชวังได้คล่องเพราะเป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัยของพระเจ้าปราสาททอง วัน วลิตหวังจะพึ่งบารมีเจ้าขรัวที่ปรึกษาเจ้าพระยาพระคลังคนนี้นี่เอง คิดว่าเจ้าขรัวคนที่ช่วยชาวดัชต์ 12 คนคนนั้นคงจะดำรงตำแหน่งเจ้ากรมท่าซ้าย พระยาโชฏึกราชเศรษฐี

    ประวัติการสร้างวังหน้าและวังหลัง อยุธยา

    ป.ล. ตามประวัติศาสตร์ กล่าวถึงวัดวรเชษฐ์ว่ามีเนื้อที่ตลอดแนวด้านตะวันตกของพระนคร เป็นวัดใหญ่มากขนาดพันกว่าไร่


    นำข้อมูลสีน้ำเงินมาจาก ทำตังค์ดอทคอม รวมทุกอย่างเกี่ยวกับทำตังค์ - Powered by PHPWind
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 ตุลาคม 2010

แชร์หน้านี้

Loading...