ขอค้าน หลวงพ่อเกษม อาจิณสีโล

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย ขันธ์, 27 กุมภาพันธ์ 2008.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    555++
    ไม่รู้หน้าเสื่อ
     
  2. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    ผมขอโทษคุณ watasit ด้วยแล้วกัน นิสัยผมมันชอบกวนคน จริงๆ ไม่มีอะไรหรอก
     
  3. YUT_KOP

    YUT_KOP เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2008
    โพสต์:
    458
    ค่าพลัง:
    +1,033
    ผมขอกล่าวอะไรหน่อยได้ไหมครับ
    1.พระพุทธเจ้า เป็นผู้ไม่กล่าวแย้งกับคำสอนผู้ใด พระตถาคตจะกล่าวเพียงว่า ดูกร... แม้นว่าพระพุทธองค์จะรู้แจ้งเห็นจริงก็จะไม่กล่าวแย้งต่อคำสอนที่เห็นผิด เพียงจะกล่าวให้ จงมาดูก่อน....
    2.ธรรมที่มีอยู่ในทั้ง3โลก มีเพียงพระพุทธเจ้าเท่านั้นที่ รู้แจ้ง ตลอดทั้งหมด
    แม้นว่าเป็นพระอรหันต์ ก็ไม่อาจรู้ได้หมด เพราะพระอรหันต์คือผู้ไกลจากกิเลส คือผู้ที่ ละซึ่ง โลภ โกรษและ หลง แต่ไม่ได้เป็นผู้รู้แจ้ง
    3.การกล่าวแย้ง แม้นว่าเราจะกล่าวสิ่งที่ดี สิ่งที่ถูก แต่การกล่าวนั้นกลับนำมาซึ่งการให้โทษ ทั้งกับผู้กล่าว ผู้ถูกกล่ว และ กับผู้ฟัง ผมคิดว่าการวางอุเบกขา ในบางเรื่องหน้าจะเหมาะสมที่สุด
    4.การวาทะในพระพุทธศาสนาเป็นสิ่งที่ดีหรือไม่ผม ไม่รู้ครับ แต่ผมมั่นใจว่า ถ้าเราปฎิบัติให้ถึงพร้อม เมื่อใดเราเห็นธรรม ความสงสัยจะหมดไป ความเห็นต่างจะไม่มี
    ปล.ทุกท่านมีเจตนาที่ดี ด้วยกันทั้งนั้นขอจงเร่งปฏิบัติ เพื่อขจัดความไม่รู้ในตัวเราออก (ความไม่รู้คือ อวิชชา) ความทุกท่านก็จะเป็น พุทธะ ด้วยกันทั้งหมด
    ผมก็เป็นเพียง คนธรรมดาๆ ที่ยังไม่ โลภ โกรษ และ หลง เหมือนเราๆท่านๆ ขออนุโมทนา กับทุกท่านที่อ่านความเห็นของผมด้วย ขอให้ทุกท่านข้ามทะเลแห่งนี้ไปพร้อมหน้าเถอะ สาธุ....
     
  4. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    ขอบคุณ ครับ คุณ yut kop
     
  5. ถิ่นธรรม

    ถิ่นธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    1,824
    ค่าพลัง:
    +5,398
    อ่านกะทู้นี้เมื่อหลายวันก่อน ก็ดูอยู่ว่าจะมีลูกศิษย์ของหลวงพ่อเกษมมาตอบหรือไม่ ผ่านมาหลายวันได้โอกาสมาดูอีกก็ไม่เห็นมีศิษย์ของท่านมาตอบ แต่ก็เห็นกระทู้บานปลายไปมากจนกลายเป็นเรื่องใหม่ไปแล้ว แต่ก็ไม่สามารถละเลยได้ที่มีการกล่าวหาพระภิกษุสงฆ์อย่างไม่เป็นธรรม

    การที่คุณขันธ์กล่าวหาหลวงพ่อเกษมซึ่งเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา ได้รับการอุปสมบทอย่างถูกต้องตามพระธรรมวินัย แต่คุณกล่าวหาท่านว่าขาดจากความเป็นพระภิกษุ ซึ่งการขาดจากความเป็นพระภิกษุนี้จะต้องเข้าข่ายอาบัติขั้นปาราชิกเท่านั้น แต่ข้อกล่าวหาที่ยกมานั้นหากเป็นจริงตามที่คุณพูดก็ไม่ข่ายปาราชิกอย่างเด็ดขาด หากคุณจะปรับอาบัติท่านด้วยจตุตถปาราชิกก็ยังไม่เข้าข่ายตามพระธรรมวินัย ไม่เชื่อก็ลองเปิดพระวินัยปิฏกพิสูจน์ก็ได้ว่าผมพูดความจริง หากท่านมีสติวิปลาสแสดงธรรมผิดเพี้ยนไปจากที่พระพุทธเจ้าทรงสอน ตามพระธรรมวินัยอาจปรับอาบัติได้เพียงแค่ขั้นปาจิตตีย์เท่านั้นในข้อหากล่าวตู่พระธรรมวินัย หากผู้ที่กล่าวตู่ยอมรับต่อสงฆ์และปรับความเห็นให้ถูกต้องก็พ้นจากอาบัติ ซึ่งความผิดระดับนี้ไม่ทำให้ขาดจากความเป็นพระอย่างที่คุณพยายามใส่ความ นี่เป็นการตัดสินตามพระวินัยที่พระพุทธเจ้าวางเอาไว้ ต้องยึดหลักเกณฑ์ให้แม่น ไม่ใช่เอาทรรศนะตนเองมาตัดสินพระภิกษุสงฆ์ตามใจชอบ

    ดังนั้นการที่คุณปรับอาบัติท่านเกินความผิดที่มี(กรณีคำกล่าวหาทั้งหมดของคุณเป็นจริง) โดยมุ่งหวังให้ผิดในระดับปาราชิกทั้งที่ไม่ถึงขั้นนั้น อาบัติปาราชิกนี้เมื่อเทียบกับทางโลกก็คือการประหารชีวิต เป็นโทษสูงสุด การใส่ร้ายว่าปาราชิกก็คือการพยายามฆ่าพระภิกษุให้ตายไปจากพระธรรมวินัยเป็นครุกรรมฝ่ายอกุศล ดังนั้นสิ่งที่คุณทำอยู่จึงไม่ใช่สิ่งที่สมควรจะทำ แม้ในอนาคตกาลถึงยุคผ้าเหลืองน้อยห้อยหู มาความเป็นสงฆ์แทบมิได้แล้ว แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังกล่าวว่าเป็นนาบุญอันเลิศ ใครทำบุญก็ได้บุญมหาศาล ใครล่วงเกินก็เป็นบาปมหันต์ การกระทำของคุณในขณะนี้จึงเป็นบาปหนักไม่ใช่น้อย หากสั่งสมบาปแบบนี้บ่อยๆ อาจถึงขั้นอเวจีมหานรก อย่าล้อเล่นเชียว

    นอกจากนี้ ไม่เพียงแต่ปรับอาบัติปาราชิกนอกพระธรรมวินัยแล้ว คุณยังกล่าวหาว่าท่านเป็นมารอีก แถมจ้องทำลายพระศาสนานี่เป็นการยัดเยียดข้อหาที่ไม่ต้องยกพระวินัยขึ้นเทียบก็รู้ว่าเป็นการใส่ความแบบดื้อๆ คุณรู้ได้อย่างไรว่าท่านมีเจตนาจ้องทำลายพระศาสนา คุณมีญาณกำหนดรู้วาระจิตของผู้อื่นหรืออย่างไร

    อย่างที่เคยเตือนคุณขันธ์เหมือนที่เคยเตือนเมื่อครั้งก่อนในกระทู้ที่ผ่านมา การที่คุณได้ใส่ร้ายผู้อื่นไปโดยพลั้งเพลอด้วยอารมณ์แบบเกินจริง จนต้องเอาหลักฐานมายืนยันถึงความผิดพลาดในข้อหาที่คุณตั้งขึ้นไปแล้วครั้งหนึ่ง มาบัดนี้คุณก็ยังทำแบบเดิมอีก ผมก็ต้องชี้แจงและเตือนคุณอีกว่า การที่จะกล่าวหาพระภิกษุสงฆ์หรือใครก็ตามควรจะระมัดระวังมากกว่านี้ ไม่ใช่เอะอะก็ปรับอาบัติปาราชิกอย่างเดียว มันเสียทีที่เป็นผู้ศึกษาธรรม ทางที่ดีควรอ่านพระวินัยปิฎกให้กระจ่างกว่านี้ก็จะรู้ว่าสิ่งที่คุณเที่ยวกล่าวหาผู้อื่น มันผิดพลาดร้ายแรงไปจากพระธรรมวินัยมากขนาดไหน


    ส่วนคำสอนของหลวงพ่อเกษมที่คุณยกขึ้นมาตั้งเป็นข้อกล่าวหาเช่น ในเรื่องการโอนบุญก็ดี การสวดมนต์เบียดเบียนภูตชั้นต่ำก็ดี หรือพระคาถาชินบัญชร ผมก็พอเห็นเค้าเงื่อนที่ปรากฏในพระสูตรหลายแห่งที่อาจพอเทียบเคียง แต่ยังไม่ได้อ่านคำสอนของหลวงพ่อเกษมโดยตรง จึงยังไม่สามารถวินิจฉัยได้ คงต้องอ่านและวิเคราะห์พอสมควร หากท่านใดมีที่มาของแหล่งข้อมูลก็โปรดอนุเคราะห์ด้วย
     
  6. หลับตา

    หลับตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    716
    ค่าพลัง:
    +3,151
    ^
    ^
    ^

    http://www.samyaek.com/ebook/book7.pdf

    http://www.samyaek.com/board2/index.php?topic=933.0
    <TABLE width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center>เรื่อง..การเผาหนังสืออุทิศบุญที่ได้ผลทิ้ัง
    « เมื่อ: วันที่ 23 กุมภาพันธ์ , 2008 เวลา 12:22:13 pm »
    </TD><TD style="FONT-SIZE: smaller" vAlign=bottom noWrap align=right height=20></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <HR class=hrcolor width="100%" SIZE=1>
    เนื่องจากมีการพิมพ์หนังสือ "การอุทิศบุญที่ได้ผล" แจกจ่ายกันอย่างกว้างขวางทั้งในและนอกประเทศ
    ทำให้คณะผู้จัดพิมพ์หนังสือ "การอุทิศบุญที่ได้ผล" บางกลุ่ม - บางคณะ
    ไม่ทำตามต้นฉบับเดิมของหนังสือที่ได้ไป แต่มีการดัดแปลง - แก้ไข - เพิ่มเติม
    เข้าไปในเนื้อหาของหนังสือ "การอุทิศบุญที่ได้ผล" ที่ทางกลุ่มและคณะนั้นได้จัดพิมพ์
    ซึ่งทางวัดสามแยกไม่ได้รู้เรื่องด้วยเลย โดยเป็นการกระทำของกลุ่ม - ของคณะที่ได้จัดพิมพ์หนังสือ
    "การอุทิศบุญที่ได้ผล" เองทั้งหมด

    เรื่องที่เพิ่มเติมเข้าไปใหม่ในหนังสือ "การอุทิศบุญที่ได้ผล " โดยไม่เกี่ยวข้องกับวัดสามแยกเลยก็คือ
    บทสวดมนต์ต่างๆ - บทคาถาอาคมต่างๆ - วิธีการทำสมาธิอย่างนั้นอย่างนี้ - ภาพพระพุทธรูปต่างๆ
    หรือคำแนะนำอื่นใดอีกที่นอกเหนือไปจากที่มีอยู่ในต้นฉบับเดิมซึ่งได้รับการรับรองจากวัดสามแยก

    เมื่อหนังสือ "การอุทิศบุญที่ได้ผล" ฉบับเพิ่มเติมโดยพลการดังกล่าวมา
    มีผู้นำมาถวายที่วัดสามแยกเป็นจำนวนมาก เพื่อแจกจ่ายแก่สาธุชนผู้สนใจจะศึกษา
    เมื่อคณะพระวัดสามแยกและหลวงพ่อเกษมตรวจสอบดูแล้ว
    พบว่ามีการเพิ่มเติมเนื้อหาเข้าไปโดยพลการ โดยไม่ได้รับการรับรองจากวัดสามแยก

    ก็จะสั่งระงับการแจกจ่ายที่วัดสามแยกอย่างเด็ดขาด และจะเก็บรวบรวมเพื่อเผาทำลายให้เร็วที่สุด
    เมื่อเช้านี้ก็สั่งเผาทำลายไปแล้ว 1 ชุดใหญ่ๆ และถ้าหากมีกรณีเช่นนี้เกิดขึ้นอีก
    ก็จะสั่งเผาทำลายอีกต่อไป แม้ว่าหนังสือชุดนั้นจะมีจำนวนซัก 1 ล้านเล่มก็ตาม
    ก็จะทำการเผาทำลายทิ้งแน่นอน

    จึงขอแจ้งต่อบรรดาสาธุชนทั้งหลายผู้มีจิตศรัทธาอยากจะพิมพ์หนังสือที่ออกไปจากวัดสามแยกทุกฉบับ
    อย่าทำการ ดัดแปลง - แก้ไข - เพิ่มเติม ส่วนหนึ่งส่วนใดของหนังสือ
    ที่ไม่ได้รับอนุญาตจากวัดสามแยกก่อน

    ขอทุกท่านรับทราบโดยทั่วกัน



    ป.ล. ถ้าท่านใดต้องการจะพิมพ์หนังสือจากวัดสามแยก ถ้าจะให้ดีก็สอบถามมาที่วัดสามแยกก่อน
    เพื่อท่านจะได้หนังสือฉบับที่ได้รับการปรับปรุงแก้ไขล่าสุดจากทางวัดสามแยกไปพิมพ์แจกจ่ายแก่ผู้สนใจต่อไป
     
  7. หลับตา

    หลับตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    716
    ค่าพลัง:
    +3,151
    http://www.samyaek.com/board2/index.php?topic=384.0

    <TABLE width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center></TD><TD vAlign=center>เรื่องรูปของ...พระเกษม อาจิณฺณสีโล
    « เมื่อ: วันที่ 08 มิถุนายน , 2007 เวลา 03:39:16 am »
    </TD><TD style="FONT-SIZE: smaller" vAlign=bottom noWrap align=right height=20></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <HR class=hrcolor width="100%" SIZE=1>
    ข้าพเจ้าได้รู้และเห็นอันตรายหลายๆอย่างของผู้ยึดติดในรูปทั้งหลายแล้ว
    เมื่อตรวจดูในพระไตรปิฎกก็ได้เจอคำที่พระพุทธองค์ ได้ประกาศโทษของผู้ที่ยึดติดในรูปหลายๆเรื่อง
    แม้แต่ผู้ยึดติดในรูปร่างกายของพุทธองค์ในคราวที่ยังทรงพระชนม์อยู่ก็มีโทษมากเช่นเดียวกัน

    ข้าพเจ้าอยากจะบอกกล่าวถึงผู้ที่เชื่อถือในพุทธธรรม
    ให้นำรูปถ่ายของข้าพเจ้าทั้งหมดที่ท่านมีอยู่ เผาทิ้งให้หมด
    ขอให้ท่านทั้งหลายที่เชื่อถือในพุทธธรรม
    จงยึดถือเฉพาะคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ข้าพเจ้าได้สอนออกไป
    ให้ยึดถือคำสอนในลักษณะของการเรียนแล้วนำไปปฏิบัติ
    เพื่อท่านจะได้มีที่พึ่งคือพุทธ – ธรรม – สงฆ์ โดยไม่เกี่ยวกับวัตถุใดๆทั้งหมด
    และอย่ายึดถือข้าพเจ้าในลักษณะของรูปใดๆทั้งหมดรวมทั้งรูปร่างกายของข้าพเจ้าในปัจจุบันนี้ด้วย

    รูปที่ว่านี้ข้าพเจ้าหมายถึงภาพถ่ายรูปนิ่งทั้งหมด
    ไม่รวมถึงภาพใน วีซีดี ที่เป็นภาพประกอบการแสดงธรรม อันนั้นให้คงไว้ตามเดิม
    แต่ก็อย่าไปยึดถือรูปของข้าพเจ้าในวีซีดีว่าเป็นที่พึ่ง


    แม้แต่เรื่องการพิมพ์หนังสือของวัดสามแยก
    นับจากนี้ไป ท่านผู้ใดที่มีจิตศรัทธาอยากจะพิมพ์หนังสือที่เกี่ยวกับวัดสามแยก
    ข้าพเจ้าก็ไม่ต้องการให้ท่านผู้ใดนำรูปถ่ายของข้าพเจ้าไปลงบนหนังสืออีก
    อยากจะให้มีเฉพาะเนื้อหาสาระคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ข้าพเจ้าได้แสดงออกไปแต่เพียงอย่างเดียว
    เพราะผู้ที่เห็นรูปถ่ายของข้าพเจ้าแล้ว บางท่านยึดเอารูปถ่ายของข้าพเจ้าเป็นที่พึ่ง
    ซึ่งการกระทำอย่างนั้น เป็นการกระทำที่ผิดกับหลักธรรมของพระพุทธเจ้าอย่างมาก

    ทั้งนี้ก็ด้วยความเป็นห่วงต่อท่านทั้งหลายที่จะเกิดอันตรายจากรูปทั้งหลายตามที่ข้าพเจ้า
    ได้รับทราบด้วยความรู้ของข้าพเจ้าเองและประกอบคำสอนของพุทธองค์ในพระไตรปิฎก
    ที่ตรงกันกับความรู้อันน้อยนิดของข้าพเจ้า

    ข้าพเจ้าจึงนำข้อความนี้ออกเตือนท่านทั้งหลายที่เชื่อถือในพุทธธรรม

    ขอท่านทั้งหลายรับทราบโดยทั่วกัน

    *** เนื้อเรื่องอ่านประกอบมีอยู่ที่หมวดเครื่องรางของขลัง โรงเรียนวัดสามแยก

    พระเกษม อาจิณฺณสีโล
     
  8. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    ผมไม่ได้ปรามาสเลย แต่พูดตามความจริงทุกประการ

    ข้อที่ว่า ทำไมผมจึงบอกว่า ท่านขาดความเป็นพระ คำว่าพระนั้นคือ พระสงฆ์ ผู้ปฏิบัติตามพระพุทธองค์ และผมจะชี้ให้เห็นว่าทำไม

    สิ่งที่ หลวงพ่อเกษมสอน ไม่ใช่แค่ผิดหลักในพุทธศาสนา แต่ท่านมีมิจฉาทิฎฐิ ท่านกำลังจะทำอนันตริยกรรม คือ แยกหมู่สงฆ์ ให้แตกออกจากกัน

    ตามข้อที่ท่านบอกว่า "ผู้ใดฟังท่านเข้าใจ ก็มาหาท่าน ผู้ใดฟังท่านไม่เข้าใจก็ไปหาที่อื่น" ข้อนี้ ท่านไม่ได้ฟังเหตุผลของผู้อื่นเลย ท่านยืนกรานที่จะทำตามแบบฉบับท่าน โดยเอาลูกศิษย์เป็นพวกตน และ คนอื่นเป็นอีกพวกหนึ่ง ตามธรรมดา หากไม่มีืทิฎฐิแล้ว การที่ตนเองสอนผิด ก็ควรจะยอมรับ และ ออกมาชี้แจง และไม่ควร มีการ ปกปิดเว็บไซต์ กีดกันฝ่ายที่ไม่ใช่พวกตนและเห็นพ้องกับตนออก
    ผมว่า พฤติกรรมแบบนี้ เหมือนกับ พวกลัทธิ
    ตามธรรมดา พระ คือ ผู้ที่ตัดกิเลส หากว่าผู้ใดกล่าวว่าตน ตนก็ออกมาชี้แจงและ ต้องเตือนลูกศิษย์ว่า คนที่ไม่เข้าใจเราเขาไม่ผิด
    ไม่ใช่บอกให้ลูกวัด กีดกันผู้อื่น ข้อนี้กีดกันเช่นไร ก็ไปสำรวจกันเองนะ

    พวกท่านที่บอกว่า ผมทำไม่ถูกปรามาสพระ แต่ผมจะบอกว่า ท่านนั่นแหละ กำลังส่งเสริมผู้กำลังจะทำอนันตริยกรรม

    อย่ามาบอกว่า อย่างไรเสียท่านก็พระ คนพูดแบบนี้ ก็ไม่รู้จักแยกแยะ
    ผมจะบอกว่า อย่างไรเสีย พระธรรมก็มาก่อน ความเชื่อว่านี่คือ พระ

    กลับไปพิจารณากัน ก่อนจะมากล่าวว่าผม
     
  9. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    ขอนอกเรื่อง
    ปรึกษาอาจารย์หน่อยครับ

    อารมณ์ มันเห็นอะไรก็ไม่ใช่เรา ทั้งนอกกายและในกาย
    ไม่ได้นึกคิดนะ แค่เห็นเฉยๆ
    ดูหนังก็ไม่สนุก กินอาหารก็สักแต่ว่ากิน
    ภาวะนี้ไม่ดีเลยครับ ไม่เกื้อในงานที่ทำ
     
  10. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    “อานนท์ พระธรรมและพระวินัยนั้นแล จะเป็นศาสดาของเธอทั้งหลายแทนเราตถาคตเมื่อเราตายไปแล้ว”

    พระพุทธองค์ครับ กระผมได้ทำตามคำสอนที่พระพุทธองค์สอนทุกประการ
    ทั้งปฏิบัติตนฝึกตนดีแล้ว จึงได้ฝึกผู้อื่น ได้รู้ธรรมเห็นธรรมตามพระพุทธองค์
    แต่ สมัยนี้ พญามารมีฤทธิ์แก่กล้า บิดเบือนพระธรรม ตู่ธรรมตนเองว่าเป็นธรรมของตถาคต อีกทั้งยังมี ผู้ที่มากด้วยโมหะจริตเดินตามทาง พญามารเหล่านั้น มากมาย
    ก็ขอบารมีพระพุทธองค์ได้ รดลงในใจบุคคลเหล่านั้น ให้เห็นว่า สิ่งใดถูกสิ่งใดผิด ลดโมหะจริตของตนได้

    ผมอาจจะด่า พระ แต่พระนั้น ทำลาย พระธรรมและพระวินัย
    ผู้ใด ควรถูกตำหนิมากกว่ากัน

    ถ้าจะคอยแต่ นั่งนิ่งเป็นใบ้ อึกอักอะไรก็ นั่นพระ นั่นพระ พวกนี้บ้าหรือไง
    รอให้ พระศาสนาดับลงก่อน นั่นแหละ เหลือไว้แต่ พวกพญามาร คงจะชอบกัน
    พูดแล้วโมโห มันน่าด่า

    ผมไม่ต้องการคนส่งเสริมผม ในกรณีนี้ แต่ต้องการ คนที่ออกความเห็น โต้แย้งมากกว่า การบอกว่า นี่คือ ปรามาส
     
  11. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    คุณ ฐาณัฎฐ์ ครับ นั่นมี วิภวตัณหาเจืออยู่ ทำให้ไม่เบิกบานครับ
    อย่าเร่ง หรือ อย่าหนี ดึงใจกลับมาพร้อมที่กายก่อน
    ที่ผมบอกไปตอนแรก ว่า คุณฐานัฎฐ์ยังหยั่งลงไม่ถึง ตัณหา ก็จะทำให้มันแฝงกับเรา ก็นี่แหละครับ
     
  12. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    วิธีแก้ไขนะครับ คุณ ฐานัฎฐ์ มัชฌิมาปฏิปทา
    และ อย่าคิดว่า อารมณ์นั้นจะเป็นอย่างนี้ตลอด
    หรือ อย่าเบื่อในอารมณ์ นี้ ซ้อนไปอีก
    แต่ให้มองว่า เป็น ตถตา หรือ เช่นนั้นเอง ที่เราจะต้องเป็นเช่นนี้ เพราะจิตเรายังหยั่งไปถึงไม่หมด

    เมื่อ เรามองว่า เช่นนั้นเอง จิตเราจะไม่ไป หยุดอยู่กับสิ่งนี้ จิตจะเริ่มเป็นอิสระ และ อำนาจแห่ง ไตรลักษณ์ จะดับ อารมณ์เหล่านั้นไปเอง

    ขออนุโมทนาด้วย มาถูกทางแล้วนะ
     
  13. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    ตามธรรมดา เมื่อ มีอะไรเกิดขึ้นกับเรา และ เราไม่ชอบ ตัวสักกายทิฎฐิที่อยู่ในใจจะเห็นว่า สิ่งนั้น สิ่งนี้เป็นตัวเป็นตน ตั้งอยู่ตลอด ตรงนี้คือ สักกายทิฎฐิ
    จึงทำให้เรา ร้อนรนหรือทุกข์ และ สงสัยว่า นี้เราจะเป็นอย่างไร เราต้องทำอย่างไร ก็เป็น วิจิกิจฉา
    ต้องหลีกหนี หรือ แก้ไข เป็น สีลพตรปรามาส

    หากว่า เรามีปัญญามาก ระดับถึง มรรคญาณแล้ว เราจะเห็นว่า สิ่งเหล่านี้ไม่มีอะไรเลย และไม่ได้ตั้งอยู่กับเรา ไม่ได้เป็นตัวตนแท้จริงที่จะมีอยู่

    เราก็จะไม่หาวิธี เพียงแต่มองไปตรงๆ เราก็จะหยุด ตรงหยุดนี้เป็น มรรคนะ คือ มองเห็น ธรรมนั้นว่า เป็น ตถตาและ ไม่เป็นตัวเป็นตน เรียกว่า สัมมาทิฎฐิ ในอริยมรรค และสัมปยุตด้วย สัมมาสมาธิ คือ หยุด จิตเป็นเอกคตา ไม่ดิ้นรน สอดส่าย หาทางแก้ไขในวิธีิื่อื่น นอกจาก ดับเดี๋ยวนั้นด้วย ธรรม ทันที


    ก็นี่แหละ มรรค นี่แหละ ผล ทันที

    สาธุ คำสอนของพระพุทธองค์ ล้ำลึกยิ่งนัก ขอให้มองเห็นกันจริงๆ ปฏิบัติกันจริงๆ เถิด จะเห็นใน อรรถโดยลึก และ สอดคล้องกับคำสอนของพระพุทธองค์ ในพระไตรปิฎกทุกประการ ไม่มีผิดเพี้ยน
     
  14. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    เป็นเช่นนั้นครับ
    พระพุทธองค์กล่าวไว้ไม่ผิดเพี้ยน ไม่คลาดเคลื่อนเลย
    ผมก็ระลึกถึง คำนี้ตลอดเวลา

    ขอบคุณครับ ผมประมาท ไปยึดเป็นอารมณ์เอง เข้าใจว่าอิ่มแล้ว...
     
  15. devbara

    devbara เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,086
    ค่าพลัง:
    +5,400
    ส่วนเรา นั่งสมาธิภาวนา สวดพาหุง ชินบัญชร แผ่เมตตา แผ่กุศล สวดบทพระมหาจักรพรรดิ์ของหลวงปูดู่ และก็ปฏิบัติตามหลวงพ่อเกษม ก็คือแผ่บุญ เบิกบุญ
    ก็คือสิ่งไหนดีต่อเราก็ทำ เราว่าไม่มีใครผิดใครถูกหรอก ดีทั้งคู่ ทั้งคุณขันธ์ก็ดีเป็นผู้ปกป้องพระพุทธศาสนา ก็ขออนุโมทนาบุญในสิ่งที่คุณขันธ์ทำ[​IMG][​IMG][​IMG] ส่วนฝ่ายศิษย์หลวงพ่อเกษมก็ดีเป็นผู้มีความกตเวทีต่อครูบาอาจารย์ ก็ขออนุโมทนาบุญด้วย[​IMG][​IMG][​IMG]
     
  16. khajonsak9999

    khajonsak9999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2008
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +1,536
    สาธุ สาธุ สาธุ
    ...................
    ขอสนับสนุนหลวงพ่อเกษมครับ
    ...................
     
  17. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    คุณ จร พวกคุณไม่รู้จัก จิตใจมนุษย์ คุณถึงพูดแบบนี้
    หลวงตามหาบัว กล่าวไว้ว่า ไม่มีอะไรที่อยู่เหนือจิตนี้
    พระอริยะทุกท่าน สอนให้ดับ ทุกข์ที่จิตนีี้

    จะบุญจะบาป จะมีเจ้ากรรมนายเวร มันก็อยุ่ที่จิตนี้
    คิดดี ทำดี ไม่ต้องไปโอนบุญ เบิกบุญ มันก็เกิดผล

    การโอนบุญ เบิกบุญ บุญไปอยุ่บนสวรรค์ นี่เขาเรียกว่า มาม่าหมูสับ แบบท่าน ฐานัฎฐ์กล่าวไว้นั้นแหละ

    ข้อนี้ยังไม่น่าตำหนิ เท่ากับ อัตตาของพระเกษม ที่ไม่ฟังอะไรใครเลย
    ยังไม่น่าตำหนิ ที่มีดับเบิ้ล แสตนดาร์ด บอกให้ศิษย์เตือนตนได้ แต่คนอื่นเตือนตนไม่ได้
    ไม่น่าตำหนิเท่ากับ การอ้างว่าคำสอนอันเป็นขยะ ของท่านนั้น เทียบว่าเป็น คำสอนพระพุทธองค
    อ้างว่าเป็นพระป่า
    อ้างว่าเป็นศิษย์หลวงปู่หล้า

    คือสรุปว่า คนที่มากด้วยอัตตา ทำอะไรด้วยตัณหา แม้มีเมตตาก็หวังเพื่อลาภสักการะ
    คนบางคนไม่ได้ต้องการ เงินทอง แต่ต้องการคนยกย่อง
    ทำอะไร ก็มีตัณหาแฝงอยุ่ลึกๆ ว่า อยากอวด อยากแสดง
    อยากเหนือกว่าคนอื่น
    อ้างว่าตนเองเป็นพระอริยะชั้นสูง มีเทวดารัก ทั้งอินทร์พรหมยมยักษ์ สรรเสริญ
    มีพระอริยะองค์ใดบ้างที่พูดแบบนี้
    พอจนด้วยแต้ม เถียงไม่ออก ไม่มีเหตุผลดีพอ ก็บอกว่าคนอื่นไม่เข้าใจ
    อย่ามาฟังเราเลย ไปฟังท่านอื่นเถิด นี่เขาเรียกว่า สาวก เทวทัต


    ์ขี้เกียจพูดมากกว่านี้ เดี๋ยวศิษย์หลวงพ่อเกษมและตัวหลวงพ่อเกษมมาอ่าน จะกระอักเลือดเสียก่อน ยังมีอีกเยอะนะ
     
  18. khajonsak9999

    khajonsak9999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2008
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +1,536
    จะบอกคุณขันธ์ครับ
    เมื่อวานผมกระอักเลือด...ชั่วๆ ออกมาเป็น กระบุงเลยครับ
    ....................
    รู้สึกว่าตอนนี้ ผมจะเหลือแต่เลือดดีดีครับ
    ขอบคุณที่ทำให้ผมกระอักเลือด
    ....................
    ขอบคุณ คุณขันธ์ครับ
     
  19. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    ดีแล้วนะ คุณจร อย่าเพิ่งคิดว่ามันหมด
    เพราะคุณ จรยังมีอีกเยอะ
    ถ้าอยากจะกระอักอีกเมื่อไร ก็บอก
     
  20. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    ขอโทษนะครับ ผมขออธิบายสภาวะธรรมให้ฟัง

    ผมขอจั่วหัวว่า อันตรายของมิจฉาทิฏฐิ

    ก็อย่างที่ทราบ ก็เพราะกระทู้นี้ ทำให้ผมต้องกลับไปอ่านธรรมะของหลวง
    พ่อเกษม วัดสามแยก เมื่อกลับไปก็พบว่า มีการตบแต่งใหม่หมด เอาคำสอน
    ของตัวเองออกหมด แล้วเอาคำสอนในพระไตรปิฏกยกขึ้นมา ส่วนความเห็น
    ตนนั้นก็ตกสู่ห้องเว็บบอร์ด โดยคนถามนั้น ก็ต้องขออภัยที่พบว่า ปั้น กันมา

    แต่เนื่องจากได้พยายามอ่าน ทำให้ติด มิจฉาทิฏฐิ มาทันที เมื่อวานผมกะว่า
    จะกวดตามคุณฐานัฏฐ์ ก็เลยนั่งสมาธิอานาปานสติ เมื่อถึงอารมณ์หนึ่ง
    เวทนาความเจ็บปวดร่างกายก็เกิด พญามารในจิตผมเองเอ่ยทันที

    "พี่เบิกบุญในการก่อน มาแก้ซิ จะได้ผ่านได้"

    เออเอากับมัน ผมสลัดตัวความคิดให้ระงับ ก็ต้องทำอยู่หลายหนจน
    ไม่ไหว ทำสมาธิแบบอานาปานสติไม่ได้ เลยถอนมาดูจิต ดูอะไรละ

    ตัณหา ไง ตัณหา เท่านั้นที่จะเป็นตัวดึงความโง่ทั้งหลาย ความอยากสำเร็จ
    ความอยากเป็นคนดี ความรู้สึกว่าเป็นคนดี อหังการ มมังการ ล้วนๆ ก็ดูตัว
    นี้ อหังการอยากบรรลุ มันก็โผล่ออกมา เบิกบุญสิพี่ มมังการ มันรับต่อ พี่
    เอาบุญในชาติก่อนมาแลกเลย เอามาก่อน เดี๋ยวค่อยทำใหม่ -- Shipหาย
    ครับแบบนี้ บอกคำเดียว ถ้าคุณเบิกบุญได้ ก็ไม่ไปไหนหหรอก ติดอยู่ตรงนี้
    แหละ ติดในชาติก่อน ชาติหน้า ชาติปัจจุบัน เอามาแก้อะไร ก็ ภพนี้ ที่มันปรุง
    แต่งอยู่ ถ้าไม่มีสัมมาทิฏฐิรับรอง มองไม่เห็น

    ความสบายใจที่เกิดในการเบิกบุญมาดับเวทนา โง่ โดนกิเลสหลอกเรียบร้อย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มีนาคม 2008
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...