“เมตตาของเทวดา”ดร.สนอง วรอุไร

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย NoOTa, 16 กันยายน 2009.

  1. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,492
    “เมตตาของเทวดา”ดร.สนอง วรอุไร


    [​IMG]

    [​IMG];aa42[​IMG]

    นอกจากมนุษย์แล้ว เทวดาก็มีเมตตาได้ ดังจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในครั้งพุทธกาลให้ฟังว่า

    มีอยู่วันหนึ่งพระสารีบุตรอาพาธและโรคที่เป็นนั้นจะหายไปได้ต้องฉันข้าวมธุปายาส พระมหาโมคคัลลานะได้กล่าวกับพระสารีบุตรผู้เป็นอัครสาวกคู่กับท่าน ได้แนะนำพระสารีบุตรว่า

    “มีโยมคนหนึ่งได้เปิดโอกาสให้ท่านขอในสิ่งที่ต้องการ(ปวารณา)ได้ กระผมจะส่งคนไปบอกให้หุงข้าวมธุปายาสเตรียมไว้ วันพรุ่งนี้กระผมจะไปบิณฑบาตข้าวมธุปายาสมาถวายท่าน”

    เมื่อพระสารีบุตรผู้เคร่งครัดในธรรมวินัยได้ยินเช่นนั้น จึงกล่าวห้ามมิให้ท่านโมคคัลลานะ ส่งคนไปบอกบ้านที่ปวารณาไว้ แต่ปรากฏว่า เทวดาประจำองค์พระสารีบุตรมีความปรารถนาจะให้พระสารีบุตรหายจากอาพาธ จึงไปดลใจให้โยมที่ปวารณาไว้ หุงข้าวมธุปายาสไว้ใส่บาตรในวันรุ่งขึ้น
    ผลปรากฏว่าเหตุการณ์เป็นเช่นนั้นจริง พระมหาโมคคัลลานะไปบิณฑบาต และได้ข้าวมธุปายาสมาถวายพระสารีบุตร ท่านรับประเคนแล้วพิจารณาข้าวมธุปายาสที่รับไว้แล้วจึงได้เททิ้ง ด้วยรู้ว่าเทวดาประจำองค์ไปดลใจให้เขาทำเพื่อถวายท่าน

    ที่บอกเล่ามาให้ฟังเพื่อจะบอกว่า เทวดาก็มีเมตตา ปรารถนาให้พระสารีบุตรหายจากอาพาธ


    [​IMG]

    ยังมีอยู่อีกกรณีหนึ่ง ที่จะเล่า เรื่องความเมตตาของเทวดาคือ ในครั้งที่พระพุทธะประทับอยู่ในกุฏิบนยอดเขาคิชฌกูฏ ท้าวเวสสุวัณซึ่งเป็นหนึ่งในจตุโลกบาล ผู้เป็นใหญ่ในสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา มีมเตตาต่อภิกษุที่ไปปฏิบัติธรรมอยู่ในป่าเปลี่ยว มีอมนุษย์บางพวก ไม่ศรัทธาในคำสอนของพระพุทธะ ที่ห้ามมิให้ฆ่าสัตว์ จึงประพฤติตนหลอกหลอนให้ภิกษุหวาดกลัว ท้าวเวสสุวัณจึงมาถวายมนต์ตราที่เรียกว่า “อาฏานาฏิยปริตร” แด่พระพุทธะ เพื่อประทานให้ภิกษุนำไปสาธยายคุ้มครองตนมิให้อมนุษย์เข้ามาหลอกหลอน นี่เป็นเครื่องบ่งชี้ให้เห็นความมีเมตตาของเทวดา(ท้าวเวสสุวัณ) ที่มีต่อมนุษย์


    [​IMG]
    [​IMG]

    และจากประสบการณ์ของผู้บรรยายที่เกี่ยวกับเรื่องเมตตาของเทวดา จะบอกเล่าให้ฟังว่า มีเพื่อนของผู้บรรยายไดซื้อที่ดินผืนหนึ่งไว้ใกล้กับมหาวิทยาลัยที่ตัวเองไปรับราชการอยู่ที่นั่น บนที่ดินแปลงนั้นมีบ่อน้ำที่ขุดโดยชาวบ้าน อยู่ในบริเวณด้านหน้าของที่ดิน เพื่อนของผู้บรรยายเล่าให้ฟังว่า เขาอยากถมดินกลบทับบ่อน้ำเพื่อให้ดูสวยงาม และจะปลูกบ้านอยู่บนที่ดินแปลงนั้น ความคิดที่จะถมดินทับบ่อน้ำได้รับการท้วงติงจากชาวบ้านอยู่เสมอ
    เมื่อถึงเวลาที่มีการปลูกบ้านลงบนที่ดินผืนนั้น เพื่อนคนนี้ได้แวะเวียนไปดูความก้าวหน้าของการสร้างบ้านอยู่เสมอในห้วงเวลาหลังเลิกงานแล้ว
    จนกระทั่งวันหนึ่งขณะที่เขาแวะไปดูบ้านที่กำลังอยู่ในระหว่างก่อสร้าง ปรากฏว่าหัวหน้าผู้รับเหมาสร้างบ้านได้บอกกับเขาว่า

    “เมื่อกี้มีผู้ชายผมขาว แต่งกายในชุดสีขาว มาบอกกับเขาว่า ถ้าจะถมบ่อน้ำให้ใช้ท่อหย่อนปลายข้างหนึ่งให้จมอยู่ใต้ผิวน้ำ และให้ปลายท่ออีกข้างหนึ่งโผล่ขึ้นเหนือผิวดิน แล้วก่อซีเมนต์ปิดทับบ่อน้ำได้”

    เมื่อเพื่อนได้ยินคำบอกเล่าจากหัวหน้าผู้รับเหมาฯจึงรีบตามหาผู้ชายที่อยู่ในชุดแต่งกายสีขาว หาอย่างไรก็หาไม่พบ เพราะเขามิใช่มนุษย์ แต่เป็นภุมมเทวดา เนรมิตกายหยาบมาเป็นมนุษย์เพื่อช่วยเหลือเจ้าของบ้าน หลังจากปลูกบ้านแล้วเสร็จ เจ้าของบ้านและบริวารจึงได้เข้าอยู่อาศัยในบ้านหลังที่ปลูกขึ้นนั้น
    มีอยู่วันหนึ่ง แม่บ้านและคนทำอาหาร ได้เห็นชายสูงวัยคนหนึ่งในชุดสีขาว นั่งอยู่โคนต้นมะมื่นใหญ่ที่ขึ้นอยู่หน้าบ้าน เจ้าของบ้านจึงได้รู้ ชายที่มาบอกวิธีแก้ปัญหาเรื่องบ่อน้ำก็คือเทวดา( เจ้าที่)นั่นเอง

    คนที่อยู่ทางภาคเหนือ มีความเชื่อว่า การถมบ่อน้ำที่เคยดื่ม เคยใช้จะนำความวิบัติมาสู่ชีวิตได้ เรื่องเช่นนี้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ไม่อาจพิสูจน์ได้ จึงเป็นเรื่องทีน่าคิด ดังที่ผู้บรรยายจะบอกเล่าให้ฟังว่า

    มีอยู่วันหนึ่งผู้บรรยายได้รับเชิญไปบรรยายธรรมที่วัดแห่งหนึ่ง ในอำเภอบ้านโฮ่ง จังหวัดลำพูน เป็นงานพระราชทานเพลิงศพของพระผู้ใหญ่แห่งอำเภอบ้านโฮ่ง ก่อนการบรรยายจะมาถึง มีผู้นำพาผู้บรรยายไปดูสถานที่ตั้งของวัดก่อนล่วงหน้าหนึ่งวัน ขณะที่ผู้นำไปดูวัดได้จอดรถอยู่หน้าบ้านหลังใหญ่แห่งหนึ่ง ได้ชี้ให้ดูบ้านนั้นพร้อมพูดว่า
    “อาจารย์เห็นบ้านหลังนี้แล้วคิดอะไร” ผู้บรรยายพูดว่า “เป็นบ้านร้าง”เขาได้อธิบายต่อไปว่า เจ้าของบ้านนั่งตายอยู่ในบ้าน ภรรยาเจ้าของบ้านเป็นอัมพาต จึงไม่มีผู้ใดเข้าอยู่อาศัย เป็นบ้านร้างอย่างที่อาจารย์เข้าใจ

    เมื่อได้พูดคุยกันจึงได้รู้ถึงสาเหตุแห่งความวิบัติของคู่สามีภรรยาว่า เขาทั้งสองเป็นคนไม่เชื่อเรื่องอาถรรพ์ เขาได้ปลูกบ้านคร่อมลำเหมืองที่มีน้ำไหล ซึ่งใช้เป็นทางสัญจรของอมนุษย์( พญานาค)

    ส่วนภรรยาเอาสังกะสีมาทำคล้ายฝาชีปิดบ่อน้ำที่ชาวบ้านใช้ดื่มใช้อาบ ซึ่งเป็นช่องทางหายใจของเมืองบาดาล เหตุผลลึกๆเช่นนี้ วิทยาศาสต์ไม่สามารถรู้เห็นเข้าใจว่ามีอยู่จริง เขาทั้งสองจึงต้องพบกับความวิบัติของชีวิต


    [​IMG];aa42[​IMG]

    เมตตาเป็นคุณธรรมที่ยิ่งใหญ่ (หน้า ๗๐-๗๑)

    จากประสบการณ์ตรงเกี่ยวกับเมตตาที่บอกเล่ามาเป็นสัจจะ และมิได้คิดว่าตัวเองเป็นผู้วิเศษแต่อย่างใด หากทุกท่านให้อภัยต่อสิ่งที่เป็นเหตุขัดใจในทุกเรื่องได้ เมตตาบารมีย่อมเกิดขึ้นแน่นอน แล้วทำให้มีอารมณ์สงบเย็น

    อานิสงส์ของการมีเมตตา อาทิ หลับเป็นสุข ตื่นเป็นสุข นอนไม่ฝันร้าย เป็นที่รักของมนุษย์และ อมนุษย์ มีเทวดาคุ้มรักษา ไฟ ยาพิษ ศัตราไม่แผ้วพาน มีจิตตั้งมั่น สีหน้าผ่องใส ฯลฯ ย่อมเป็นผลให้ผู้มีเมตตาได้รับสรรพสัตว์ที่เวียนตายเวียนเกิดอยู่ในภพต่างๆของวัฏสงสาร โดยเฉพาะสัตว์มนุษย์และเทวดา สามารถพัฒนาเมตตาบารมีให้เกิดขึ้นได้
    ส่วนสัตว์ที่เป็นพรหม มีพรหมวิหารธรรม (เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา) เป็นคุณสมบัติประจำตนอยู่แล้ว ซึ่งเป็นผลที่ได้มาในครั้งที่เกิดเป็นมนุษย์

    เมตตาเป็นหนึ่งในคุณธรรมที่นำสู่ความตั้งมั่นเป็นสมาธิของจิต มนุษย์ที่พัฒนาจิต(สมถภาวนา)จนเข้าถึงความเป็นสมาธิแน่วแน่(อัปปนาสมาธิ)หรือเรียกว่า “สมาธิระดับฌาน” หากทิ้งขันธ์ลาโลกในขณะที่จิตทรงอยู่ในฌาน ย่อมไปอุบัติเป็นสัตว์ในพรหมโลกชั้นต่างๆ ตามกำลังของฌานที่พัฒนาได้
    ตรงกันข้ามกับมนุษย์ที่ไม่มีเมตตา เมื่อถึงวาระสิ้นอายุขัยและต้องทิ้งขันธ์ลาโลกไป จิตวิญญาณย่อมโคจรไปเกิดเป็นสัตว์อยู่ในภพต่ำ นับแต่ภพเดรัจฉานไปจนภพนรก

    ดังนั้นมนุษย์ผู้มีเมตตา เป็นคุณธรรมประจำใจ จึงมีแต่คิดช่วยเหลือผู้อื่นให้ได้ประโยชน์โดยไม่มีประมาณ

    ซึ่งจะเห็นได้จากตัวอย่างของพระพุทธะ ขณะกำลังจะเสด็จดับขันธปรินิพพาน ได้ยินเสียงสนทนาระหว่างพระอานนท์พุทธอุปัฎฐาก ที่ไม่ยินยอมให้สุภัททปริพาชกชาวเมืองกุสินารา เข้าถามปัญหาธรรมกับพระพุทธเจ้าถึงสามหน ด้วยเหตุที่พระอานนท์เกรงว่าพระพุทธเจ้าจะทรงเหน็ดเหนื่อย

    พระพุทธะผู้เปี่ยมด้วยเมตตาได้ตรัสกับพุทธอุปัฎฐากว่า

    “ อานนท์ ให้สุภัททะเข้ามาหาเราเถิด”

    พระองค์ได้ตรัสสอนสุภัททะว่า..

    “ธรรมวินัยใด ประกอบไปด้วยมรรคมีองค์แปด ผู้ใดประพฤติถูกตรงตามธรรมแล้ว โลกย่อมไม่ว่างจากพระอรหันต์”

    สุภัททะเกิดศรัทธาต่อพุทธวจนะที่กล่าว จึงขอบวชเป็นภิกษุในพุทธศาสนา หลังจากบวชแล้วจึงเร่งปฏิบัติธรรมจนบรรลุอรหัตตผล อภิญญา ๖ พร้อมกับมีปฏิสัมภิทา๔ ในคืนเดียวกันนั้น ก่อนพุทธปรินิพพาน ปัจฉิมสาวกในพุทธศาสนาจึงได้เกิดขึ้น ด้วยเหตุแห่งเมตตาของพระพุทธะนั่นเอง..

    -------------------

    [​IMG]

    พิมพ์คัดลอกมาจากหนังสือ
    “สัจจบารมีเมตตาบารมี”ของ ดร.สนอง วรอุไร หน้า๗๐-หน้า ๗๕
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • book.jpg
      book.jpg
      ขนาดไฟล์:
      112.2 KB
      เปิดดู:
      1,416
    • book1-re.jpg
      book1-re.jpg
      ขนาดไฟล์:
      60.8 KB
      เปิดดู:
      1,407
    • boo2-re.jpg
      boo2-re.jpg
      ขนาดไฟล์:
      60.3 KB
      เปิดดู:
      1,407
    • 70.jpg
      70.jpg
      ขนาดไฟล์:
      89.4 KB
      เปิดดู:
      1,306
    • 71.jpg
      71.jpg
      ขนาดไฟล์:
      80.1 KB
      เปิดดู:
      1,311
    • 72-re.jpg
      72-re.jpg
      ขนาดไฟล์:
      119.9 KB
      เปิดดู:
      1,324
    • 73.jpg
      73.jpg
      ขนาดไฟล์:
      89.4 KB
      เปิดดู:
      1,320
    • 74-re.jpg
      74-re.jpg
      ขนาดไฟล์:
      84.2 KB
      เปิดดู:
      1,330
    • 75.jpg
      75.jpg
      ขนาดไฟล์:
      27.3 KB
      เปิดดู:
      1,308
  2. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,492
    มี แฮ่ๆด้วยอ่ะ..5555 ;k02
     
  3. wuttichai0329

    wuttichai0329 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    1,015
    ค่าพลัง:
    +741
    ครับผม แฮ่ ๆ
     
  4. pantham phuakph

    pantham phuakph เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    186
    ค่าพลัง:
    +444
    ขออนุโมทนากับทุกท่านครับ

    ผมสนใจหนังสือของ ดร.สนอง วรอุไร จะหาซื้อได้ที่ไหน อย่างไร
    ท่านผู้ใดทราบ กรุณาแจ้งด้วยครับ
     
  5. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,492
    เดี๋ยวจะลองหารายละเอียดให้นะคะ..
    เอาลิ๊งค์ของเล่มนี้มาให้อ่านก่อนแล้วกัน

    คลิก >> [​IMG]
    สัจจบารมี เมตตาบารมี
    ดร.สนอง วรอุไร



    คลิก >> [​IMG]
    ทางเลือกของชีวิต
    ดร.สนอง วรอุไร


    คลิก >>[​IMG]
    ถึงโสดาบันในชาตินี้
    การมีอริยบุคคล ซึ่งในศาสนาอื่นไม่มี
    นี่คือความมหัศจรรย์ในพุทธศาสนา ...ดร.สนอง วรอุไร


    คลิก >>[​IMG]
    มหัศจรรย์แห่งจิต
    ดร.สนอง วรอุไร

    คลิก >>[​IMG]
    ศีลและปัญญา
    คำบรรยายของท่านอาจารย์ ดร.สนอง วรอุไร ณ วัดเขาพุทธโคดม


    [​IMG][​IMG]
    อ่าน




    เครดิต:ชมรมกัลยาณธรรม

    คลิก >> กัลยาณธรรม .. หนังสือแนะนำ อ่านหนังสือแบบ online
     
  6. pantham phuakph

    pantham phuakph เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    186
    ค่าพลัง:
    +444
    คุณหนูตาครับ ขอกล่าวคำขอบคุณด้วยใจ
     

แชร์หน้านี้

Loading...