เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๗

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 3 พฤศจิกายน 2024.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,385
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,528
    ค่าพลัง:
    +26,367
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๗


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_6296.jpeg
      IMG_6296.jpeg
      ขนาดไฟล์:
      137.6 KB
      เปิดดู:
      22
  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,385
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,528
    ค่าพลัง:
    +26,367
    วันนี้ตรงวันอาทิตย์ที่ ๓ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๗ เมื่อวานนี้ทั้งที่เครื่องบินล่าช้าไป ๕๐ นาที แต่ด้วยการสงเคราะห์ของท่านเจ้าพ่อหลักเมืองศรีลังกา พวกเราก็มาถึงสนามบินนานาชาติบันดารานายะเก กรุงโคลัมโบ ประเทศศรีลังกา ก่อนเวลาถึง ๓๐ นาที

    การผ่านกองตรวจคนเข้าเมืองศรีลังกาก็สะดวกมาก โดยเฉพาะพระภิกษุสงฆ์ไปใช้ช่องทางพิเศษของลูกเรือ ทำให้สามารถผ่านไปได้อย่างรวดเร็ว แต่มาช้ามากตรงการรอรับกระเป๋า เนื่องเพราะว่าทั้งคณะมีถึง ๑๒๓ รูป/คน จึงทำให้เวลาที่ได้รับกำไรมา ๓๐ นาทีนั้นกลายเป็นขาดทุนไป ๒ ชั่วโมง ก็คือกว่าที่จะรวมตัวกันแล้วสามารถออกมาขึ้นรถบัสที่จอดรออยู่ได้ ก็ใช้เวลาไปทั้งสิ้น ๒ ชั่วโมง ๓๐ นาที..!

    โดยเฉพาะมีญาติโยมท่านหนึ่ง ซึ่งมาเมื่อไรก็จะติด ตม.ศรีลังกาเมื่อนั้น เพราะว่าท่านไม่มีวันเกิด มีแต่เดือนเกิดและปีเกิดเท่านั้น ทำให้ พระดร.ท่านอารีรัตนะ ซึ่งเป็นผู้ประสานงาน ต้องเสียเวลาไปอธิบายและรับรองให้ทุกครั้ง

    พวกเราฝ่าฝนมาขึ้นรถบัสที่จอดรออยู่ทั้ง ๓ คัน กระผม/อาตมภาพได้รถหมายเลข ๑ มุ่งตรงไปยังวัดเกลานิยะ หรือที่คนไทยเรียกว่าวัดกัลยาณี โดยที่มีฝนพรำไปตลอดทาง ไปถึงก็เป็นเวลาค่ำมืดแล้ว ถ้าตรงกับเมืองไทยก็น่าจะประมาณทุ่มครึ่ง เป็นเวลาที่อุบาสกอุบาสิกา พุทธศาสนิกชนชาวศรีลังกา ไปสวดมนต์ไหว้พระกันเป็นจำนวนมาก

    ที่น่าชื่นใจที่สุดก็คือทุกคนแต่งชุดขาวไปวัดกัน แม้ว่าฝนจะตกอยู่ตลอดเวลาก็ทำลายศรัทธาไม่ได้ นั่งสวดมนต์กันอยู่ตามชายคาบ้าง ตามใต้ต้นไม้บ้าง ส่วนภายในมหาวิหารวัดเกลานิยะนั้นก็เต็มแน่นไปหมด พวกเราจึงต้องเดินเข้าไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ โดยเฉพาะต้นพระศรีมหาโพธิ์แบบเกรงใจเจ้าภาพสุด ๆ

    เมื่อเสร็จจากพิธีกราบไหว้บูชาและถ่ายรูปหมู่กันแล้ว พวกเราก็ย้อนกลับมา แต่หารถไม่เจอ เนื่องเพราะว่าตอนแรกรถบัสเข้ามาส่งพวกเราจนถึงประตูด้านใน เดินไปไม่กี่ก้าวก็เป็นต้นพระศรีมหาโพธิ์แล้ว แต่ขากลับ รถบัสของเราไปจอดแอบอยู่ด้านนอกประตูข้างกำแพง แล้วก็ไม่มีใครมายืนรอบอก อาจจะเป็นเพราะฝนกำลังตกอยู่ จึงทำให้กระผม/อาตมภาพต้องเสียเวลาเดินวนไปทางด้านที่จอดรถใหญ่ เพื่อดูว่ารถของเราไปอยู่ที่นั่นหรือไม่ ?

    เมื่อกลับขึ้นมา ด้วยความที่เปียกฝน จึงต้องรีบฉันยาป้องกันไข้เอาไว้ก่อน ครั้นเมื่อขึ้นรถมากันครบถ้วนแล้ว ก็ขออภัยต่อญาติโยมทั้งหลายที่ต้องตัดโปรแกรมวัดคงคารามออกไป เพราะว่าไปถึงตอนนี้ วัดของเขาก็คงจะปิดแล้ว คณะใหญ่ถ้าหากว่าช้ากันคนละเล็กคนละน้อย ก็จะทำให้เสียเวลามากแบบนี้ทั้งสิ้น..!
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,385
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,528
    ค่าพลัง:
    +26,367
    พวกเราเดินทางไปถึงที่พัก ก็คือโรงแรม Cinnamon Lakeside Colombo ซึ่งเป็นโรงแรมประมาณ ๔ ดาว เข้าไปถึงก็ต้องรีบจัดห้องว่าใครจะพักอยู่กับใคร กระผม/อาตมภาพจะได้รับให้พักห้องเดี่ยวเสมอ เข้าไปถึงห้องปรากฏว่าอากาศเย็นมาก เนื่องเพราะว่าทางโรงแรมตั้งเครื่องปรับอากาศเอาไว้ที่ ๒๑ องศาเซลเซียส

    กระผม/อาตมภาพนั้น ถ้าหากว่าอยู่ห้องปรับอากาศ ไม่ตั้งไว้ที่ ๒๗ ก็ ๒๘ องศาเซลเซียส แต่ว่าไม่สามารถจะหาที่ลดหรือเพิ่มอุณหภูมิได้ จึงต้องไปหยิบเอาชุดนอนของโรงแรม ซึ่งค่อนข้างหนา มาใส่ทับชุดของตนเอง แล้วก็มุดเข้าใต้ผ้าห่มนอนไปเลย โดยไม่ได้สรงน้ำ..!

    ครั้นตื่นขึ้นมาเป็นเวลาตี ๓ ของประเทศศรีลังกา จะมาส่งงานต่าง ๆ แต่ปรากฏว่าโรมมิ่งที่เปิดเอาไว้นั้นอาการค่อนข้างจะหนัก ส่งรูปแค่รูปเดียวใช้เวลาประมาณ ๔ นาที..! ดังนั้น..ถ้าหากว่าจะส่งงานทั้งหมด อาจจะต้องใช้เวลาเป็นชั่วโมง ๆ เมื่อลองใช้ WIFI ของทางโรงแรมดู อาการก็ใกล้เคียงกัน แถมยังหลุดแล้วหลุดอีก จึงต้องไปรบกวนไอ้ตัวเล็ก ด้วยการขอยืมใช้ WIFI ที่ไม่ทราบเหมือนกันว่าอีกฝ่ายได้มาเป็นความเร็วเท่าไร สามารถที่จะส่งได้ง่ายและสะดวกกว่ามาก

    ครั้นส่งงานเรียบร้อยแล้วก็กลับมาสรงน้ำ แต่งตัว เมื่อรอเวลาจนตี ๕ ครึ่งก็ลงไปรอที่ห้องอาหารด้านล่าง แต่เนื่องจากว่าห้องอาหารเปิดตอน ๖ โมงเช้า จึงเดินลงไปทางทะเลสาบ ซึ่งมีนกน้ำต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก ที่เห็นอยู่ก็มีนกกระยางกรอก นกกระสา และที่นึกไม่ถึงก็คือมีนกกระทุงตัวใหญ่มากอยู่ ๒ ตัวอีกด้วย

    ครั้นถ่ายรูปมุมต่าง ๆ แล้ว เห็นรูปหอโทรคมนาคม ซึ่งถ้าถ่ายผ่านทะเลสาบช่วงตะวันกำลังขึ้น จะเป็นที่ดูแล้วค่อนข้างจะคลาสสิกมาก จึงคิดในใจว่า "ถ้ามีเรือพายประกอบฉากสักลำหนึ่งก็วิเศษเลย" ปรากฏว่าเสียงท่านเจ้าพ่อหลักเมืองถามว่า "จะเอาจริงหรือเปล่าครับ ?" เมื่อบอกว่า "ถ้าได้ก็จะดีมากเลย" ท่านจึงส่งเรือจากที่ไหนก็ไม่ทราบ พายดุ่ย ๆ มาเข้าร่วมเฟรมด้วย กระผม/อาตมภาพก็จึงได้ถ่ายภาพจากความเมตตาของท่านเจ้าพ่อหลักเมืองศรีลังกาเอาไว้เป็นหลักฐานว่า ถ้าเป็นเรื่องของผี เรื่องของเทวดา เขาจะสงเคราะห์แล้ว อย่างไรเสียเขาก็ทำได้
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,385
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,528
    ค่าพลัง:
    +26,367
    เมื่อกลับขึ้นมาก็ได้เวลาห้องอาหารเปิดพอดี จึงเข้าไปตักอาหาร ซึ่งส่วนใหญ่แล้วออกไปทางมังสวิรัติมานั่งฉัน จวนจะอิ่มแล้ว พระครูวิโรจน์กาญจนเขต, ผศ.ดร. เจ้าอาวาสวัดอุทยาน และหลวงพ่อนิล (พระครูวินัยธรธวัชชัย ชาครธมฺโม) ประธานที่พักสงฆ์อาศรมศรีชัยรัตนโคตร จังหวัดสกลนคร จึงมานั่งร่วมโต๊ะด้วย

    กระผม/อาตมภาพฉันอิ่มแล้ว จึงเดินไปหาที่นั่งด้านนอก เพื่อรอรับศรัทธาญาติโยมที่คอยมาทำบุญทุกเช้า ตั้งใจว่าจะให้นับเงินเอาไว้เพื่อทำบุญกฐินของวัดศักติสัทธรรมในวันนี้ แต่ปรากฏว่าผู้นับเงินก็คือน้องเล็ก (นางสาวจิราพร ซื่อตรงต่อการ) มัวแต่ปฏิสันถารกับพรรคพวกเพื่อนฝูงอยู่ ครั้นจะไปขัดคอ เดี๋ยวก็จะกลายเป็นว่าไม่รู้กาลเทศะ จึงได้แต่เก็บเงินเอาไว้ก่อน

    เห็นว่าใกล้เวลาเดินทางแล้ว แต่ว่ารถบัสยังไม่มา กระผม/อาตมภาพจึงเดินออกไปหาทางด้านนอก แล้วก็เจอว่านัดเดินทาง ๘ โมงเช้า แต่ว่า ๗ โมง ๕๐ นาทีแล้ว รถบัสยังจอดอยู่ที่ลานจอดรถด้านนอก จึงให้ตำรวจที่มาคอยนำทางลงไปเรียก รถบัสถึงได้ขึ้นมา ทำให้การเดินทางนั้นช้าไปประมาณ ๗ นาที..!

    พวกเรามุ่งตรงไปยังเมือง ซึ่งบางคนเรียกว่าเมืองกุรุแนแกละ ซึ่งบางคนเรียกว่ากุรุเนกะละ ซึ่งก็คือเมืองเดียวกัน เพื่อที่จะไปยังวัดศักติสัทธรรมที่นั่น มีการจอดแวะกลางทางเพื่อให้เข้าห้องน้ำด้วย แต่ว่าร้านอาหารทั้งร้านมีห้องน้ำผู้หญิงอยู่ ๒ ห้อง ห้องน้ำผู้ชายอยู่ ๒ ห้อง ต้องมารองรับคนจำนวน ๑๒๓ คน ทำให้เสียเวลาไปค่อนข้างจะมาก..!

    ครั้นเดินทางไปก่อนที่จะถึงวัดศักติสัทธรรมประมาณ ๑ กิโลเมตร ทางเจ้าภาพก็ส่งคณะมารอรับที่นั่น เด็ก ๆ เอาพวงมาลัยมาคล้องให้แขกบ้านแขกเมือง ส่วนบรรดาอุบาสกก็ถือร่ม หรือว่ากลดสีเหลืองมารับพระ โดยมีนาฏยกรซึ่งเป็นคณะการแสดงถวายให้กับพระบรมธาตุเขี้ยวแก้วเมืองแคนดี้ มาทำการแสดงเพื่อนำพวกเราเข้าไปยังวัดด้วย

    ครั้นไปถึงวัดก็ได้เวลาเพลพอดี กระผม/อาตมภาพหลังจากถวายสักการะพระประธานในวิหารแล้ว ก็นำญาติโยมทั้งหลายไหว้พระ แล้วไปนั่งรอฉันเพล แต่ว่าทางด้านเจ้าภาพอาจจะนัดเวลากันผิดพลาด จึงทำให้อาหารมาช้า กระผม/อาตมภาพต้องไปแสดงตัวให้กับทั้งพระและญาติโยมทางด้านนี้ ได้รู้จักว่าเป็นใคร ? มาจากไหน ? ถึงได้บังอาจเป็นเจ้าภาพมานำกฐินทอดให้ที่นี่..! แล้วค่อยลงไปฉันเพล ซึ่งเป็นอาหารที่พวกเราขนมาเองกันเป็นส่วนใหญ่ โดยที่กระผม/อาตมภาพเองนั้นไม่ค่อยที่จะสนใจอาหารไทย เนื่องเพราะว่าไปที่ไหนก็ฉันอาหารของทางเจ้าภาพเขาทั้งสิ้น
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,385
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,528
    ค่าพลัง:
    +26,367
    ครั้นฉันเพลเรียบร้อยแล้วกระผม/อาตมภาพก็รีบเข้าไปในวิหาร เพิ่งจะนั่งลง ฝนก็กระหน่ำลงมาอย่างหนัก..! ทำให้รอดตัวไป กว่าคนอื่นจะขึ้นมาได้ก็เปียกกันม่อลอกม่อแลก ญาติโยมรีบนับเงินเสร็จเรียบร้อยแล้ว ได้ยอดเงินที่กระผม/อาตมภาพรับมาทั้งสองวัน เป็นจำนวน ๑๒๓,๒๐๐ บาท กระผม/อาตมภาพจึงได้ดึงออกมา ๒๐๐ บาท เพื่อให้ลงตัว ๑๒๓,๐๐๐ บาท แทนจำนวนผู้คนที่มา ๑๒๓ คนเช่นกัน จากนั้นก็รวบรวมเงินจากคณะต่าง ๆ รวมแล้วได้มาทั้งสิ้น ๔๓๔,๑๒๐ บาท กับอีก ๑๖๐ ดอลลาร์

    แล้วท่านอานันทะ เจ้าคณะจังหวัดฝ่ายมัลวัตตะของเมืองกุรุแนแกละก็ได้ประกาศต่อสงฆ์และญาติโยมทั้งหลายว่า ให้ท่านสุเมธะ รักษาการเจ้าอาวาสวัดศักติสัทธรรม ได้เป็นผู้ครองกฐินในปีนี้ ครั้นทำพิธีถวายแล้ว ก็มีการกรานกฐินและครองผ้ากฐินตรงนั้นเลย เมื่อถึงเวลาญาติโยมกรวดน้ำรับพรแล้ว ทางเจ้าภาพก็ได้ถวายของที่ระลึกมาให้ ซึ่งไม่ทราบเหมือนกันว่าหมดไปเท่าไร เนื่องเพราะว่าพระพุทธรูปอย่างเดียวก็ให้มาคนละ ๑ องค์..!

    ครั้นได้รับของที่ระลึกแล้ว กระผม/อาตมภาพก็เดินออกมา เพื่อที่จะกลับไปขึ้นรถ แต่ปรากฏว่าทางรถบัสไม่ทราบว่าไปจอดอยู่ที่ไหน เดินไปประมาณ ๒ กิโลเมตรแล้วยังไม่เจอ ครั้นโทรกลับมาถาม เขาบอกว่าจอดอยู่อีกด้านหนึ่งของวัด ก็ยังสงสัยว่าตอนเดินออกมาก็เห็นอยู่ว่าไม่มีรถ แล้วไปจอดอยู่ได้อย่างไร ?

    ครั้นเดินกลับมาแล้วถึงได้เข้าใจ เพราะว่ารถไปจอดเลยวัดไปมาก และเป็นทางโค้งมองอะไรไม่เห็นเลย แถมยังไม่ส่งใครมายืนบอกตรงหน้าประตูด้วย จึงทำให้รวมแล้ว กระผม/อาตมภาพได้กำไรระยะทางมากกว่าคนอื่น อยู่ที่ ๔ กิโลเมตร..! พวกเราออกเดินทางไปยังเมืองอนุราธปุระ ในเวลาประมาณบ่าย ๒ โมงกว่า เกือบจะบ่าย ๓ โมง ในระหว่างทาง กระผม/อาตมภาพทำการส่งงานต่าง ๆ ด้วย WIFI ของไอ้ตัวเล็กแล้ว ก็ได้ทำการบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนเอาไว้ก่อน ไม่เช่นนั้นอาจจะไม่มีเวลาบันทึกเลยก็เป็นได้

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันอาทิตย์ที่ ๓ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๗
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...