เรื่องเด่น เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๖๘

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 23 มีนาคม 2025 at 19:37.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    21,085
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,683
    ค่าพลัง:
    +26,543
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๖๘


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    21,085
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,683
    ค่าพลัง:
    +26,543
    วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๒๓ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ ก่อนอื่นก็ต้องขอแสดงความยินดีกับพระมหามนูรักษ์ ฐิตคุโณ ป.ธ.๓ ของพวกเรา ที่สอบบาลีรอบแรกผ่านไปได้รูปเดียว ที่เหลือก็ซ่อมกันแหลกลาญ..!

    คราวนี้ในส่วนที่พวกเราจะเข้าอบรมกันตั้งแต่พรุ่งนี้ เพื่อไปรอสอบซ่อม ถ้าเป็น "วิชาแปล" กระผม/อาตมภาพไม่ห่วง ห่วงแต่ "วิชากลับ" เท่านั้น อยากจะเน้นให้พวกเราดูเรื่องของกัตตุวาจก กัมมวาจก อะไรพวกนั้น แล้วก็ "กิริยาคุมพากย์" ถ้าดูไม่ออกคุณตายแน่นอน..! คราวนี้ก็ต้องอยู่ที่อาจารย์ของเราด้วย เพราะว่าวิชากลับนั้นจะยากกว่า อย่าลืมประโยคครู " สูโท โอทนํ ปจติ" เราต้องแยกให้ออกว่าใครกระทำ ใครเป็นผู้ถูกกระทำ ปวดหัวแย่เลยถ้าแยกไม่ออก..!

    ประโยคบาลีอย่างเช่นว่า "อาจริเยน สามเณโร กุฏึ สมฺมชฺชาปิยเต" แปลง่าย ๆ ว่าอะไร ? "อันว่าสามเณร อันอาจารย์ ให้กวาดอยู่ ซึ่งกุฏิ" ประโยคนี้คุณคิดว่าเป็นประโยคอะไร ? เป็นเหตุกัมมวาจก เพราะประธานเป็นผู้ถูกกระทำ ประธานคือสามเณร อาจารย์ใช้ให้ไปกวาดกุฏิ ก็เลยต้องแยกให้ออก เนื่องเพราะว่าประธานก็ต้องเป็นปฐมาวิภัตติ สามเณโร เราจะแปลอย่างไรในปฐมาวิภัตติ ก็ไปไล่ สิ โย, อัง โย, นา หิ, สะ นัง ฯลฯ ของเราปฐมาวิภัตติก็ "อันว่า อันว่าทั้งหลาย" ถ้าตตยิวิภัตติก็ "ด้วย โดย อัน ตาม เพราะ มี ได้ทั้ง ทาง" ประสาทจะกิน..! อาจริเยน (อาจารย์) กลายเป็นผู้กระทำ เพราะฉะนั้น..อาจารย์ส่วนใหญ่จะต้องเป็นตติยาวิภัตติ ถ้าหากว่าภาษาอังกฤษ วิภัตติก็คือ Tense กาล เวลา

    เรื่องของบาลีเป็นเรื่องที่เข้าใจยาก เรียนจนจบถึงจะเข้าใจ แต่คราวนี้ถ้าจบก่อนเรียนคือสอบตก ก็เสียเวลาไป แล้วอะไรที่เขายกตัวอย่างอยู่ก็ไปนั่งท่อง แล้วก็พยายามทำความเข้าใจให้ได้ว่าอะไรเป็นอะไร ทำไมถึงเป็น "สูเทน โอทเนน" กระผม/อาตมภาพว่าพูดไป พวกที่ยังไม่ได้เรียน เดี๋ยวหนีกันหมด ไม่มีใครเรียนหรอก..! ให้พยายามหน่อย ใครที่ผ่านวิชากลับได้
    กระผม/อาตมภาพถือว่าฟลุคเลยนะ ไม่ใช่เก่ง..แต่ฟลุค ไอ้วิชาแปลง่ายกว่าดันไปซ่อม แต่วิชากลับยากกว่า ดันสอบได้ กระผม/อาตมภาพก็งง ๆ อยู่เหมือนกันว่า ตกลงนั่นคืออะไรกันแน่ ? แต่ได้มาแล้วก็เอาเถอะ..!
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    21,085
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,683
    ค่าพลัง:
    +26,543
    ส่วนของมหาเก่งนั้นเป็นเรื่องปกติครับ ไอ้ที่ผมบอกว่า "สิงห์สนามซ้อม" ต่อให้เราขยันแค่ไหนก็ตาม แต่ถ้าเขาออกไม่ตรงกับที่เราอ่านนี่ตายเหมือนกัน..! เพราะฉะนั้น..เราจะสอบตกโด่เด่อยู่คนเดียว ก็ถือว่าเป็นการฝึกกำลังใจของตัวเอง เสียเวลาฟรีไปปีหนึ่ง ปีหน้าสู้กันใหม่ เพื่อนเขาตามทัน จะได้มีเพื่อนช่วยกันเรียนด้วย..!

    นี่ยังไม่น่าเจ็บใจเท่าไร โน่น ดร.พระครูปรีชาของเรา (พระครูสุตกาญจนวัฒน์, ดร.) เจ้าอาวาสวัดวังปะโท่ สอบประโยค ๔ อ่านไปถึงตรงที่อาจารย์ออกครึ่งเดียว ทำได้ครึ่งหนึ่ง นั่นน่าชอกช้ำกว่าตั้งเยอะ ทำไม่ได้เลย
    กระผม/อาตมภาพไม่ว่านะ ไอ้ทำได้ครึ่งเดียวนี่น่าเจ็บใจมากเลย แต่ว่าเรื่องของบาลีก็เป็นอย่างนี้แหละ ต้องใช้ความพยายามกันต่อไป

    แล้วอีกอย่างหนึ่งก็คือ พัดมหาเปรียญคือสมณศักดิ์ ในเมื่อเป็นเช่นนั้นก็แปลว่า เราสามารถหาสมณศักดิ์ให้กับตัวเองได้ แต่ว่าในสิ่งที่เป็นเป้าหมายบาลีที่ชัดเจนที่สุดก็คือ เพื่อให้แปลพระไตรปิฎกได้ถูกต้อง

    สมัยที่กระผม/อาตมภาพเรียนปริญญาโท ปริญญาเอก พอถึงเวลาทำงานวิจัย ในวิทยานิพนธ์ถ้าเราไปอ้างอิงพระไตรปิฎกฉบับภาษาบาลี เขาให้เอาออกเลย เขาบอกว่าถ้าไม่จบประโยค ๙ ห้ามอ้าง เนื่องเพราะว่าพระไตรปิฎกฉบับภาษาบาลี ขนาดประโยค ๙ บางทียังอ่านไม่รู้เรื่องเลย แล้วคุณไปอ้าง ถึงเวลาจะไปอ้างได้อย่างไร ? ก็ในเมื่อเราเองก็อ่านไม่รู้เรื่อง เพราะฉะนั้น..เราจะเห็นคุณค่าว่าการเป็น "มหา" นั้นยากจริง ๆ

    แต่ว่าสิ่งหนึ่งที่กระผม/อาตมภาพเสนอให้กับทางคณะสงฆ์แล้ว แต่ยังไม่ได้รับการเหลียวแลเลย ก็คือให้เรียนบาลีลักษณะเก็บหน่วยกิต ก็คือขึ้นหน้าอย่างเดียวเลย เขาบอกว่า "ไม่ขลัง" ต้องประมาณว่าเข้าสอบ ๑๐๐ ตก ๗๐ อะไรอย่างนั้น ดูแล้วขลังดี..! ถ้าสบายใจของท่านก็เอาเถอะ ถ้า
    กระผม/อาตมภาพยังมีแรงอยู่ มีโอกาสก็จะเสนอไปเรื่อย ๆ นั่นแหละ..!
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    21,085
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,683
    ค่าพลัง:
    +26,543
    เรื่องต่อมาก็พรุ่งนี้ กระผม/อาตมภาพต้องไปงานต่ออีกแล้ว วิ่งกลับมาจนกระทั่งแวะเข้าห้องน้ำแถวบ้านลิ่นถิ่น เลขาฯ จังหวัดส่งกำหนดการตั้งรองเจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิมา ตูจะบ้า..! ส่งให้เร็วกว่านี้หน่อยได้ไหม ? จะได้ไม่ต้องกลับเลย แต่ว่าไอ้เรื่องงานด่วน ๆ ของกระผม/อาตมภาพนี่มักมาเป็นปกติ

    ท่านทั้งหลายก็ต้องเข้าใจว่าเรื่องของงาน ถ้าหากว่าเราไม่สามารถจัดลำดับความก่อนหลังเร็วช้าได้จริง ๆ บางทีก็เครียดไปเลย ให้คนอื่นมารับ ๓๐ กว่าตำแหน่งอย่างกระผม/อาตมภาพนี่ก็ไม่ได้หรอก ประสาทกินแน่นอน..! ล่าสุดนี่ตำแหน่งที่มาก็ที่ปรึกษาผู้อำนวยการวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรี แล้วที่ขอตามมาติด ๆ ก็ที่ปรึกษาผู้อำนวยการวิทยาลัยสงฆ์สุพรรณบุรี และที่ปรึกษาผู้อำนวยการวิทยาลัยสงฆ์เพชรบุรี บอกเขาไปว่าให้ดูระเบียบด้วยว่าแต่งตั้งซ้ำซ้อนกัน ถึงจะเป็นคนละวิทยาลัยสงฆ์จะได้หรือเปล่า ? เขามีระเบียบห้ามไว้ไหม ?

    เรื่องพวกนี้จะว่าไปแล้วก็ไม่มีอะไรหรอก เขาต้องการให้เราออกความคิดเห็นว่าบริหารแล้วควรที่จะไปทางไหน ? แต่ขณะเดียวกันบางที่ก็ดื้อสุด ๆ คือสิ่งที่แนะนำไป ทำให้ท่านต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองมาก ถึงจะก่อให้เกิดความดีความงาม ความเจริญขึ้น ท่านก็ไม่เอา พวกนี้อยู่ในภาษาอังกฤษเรียกว่า safe zone ไม่กล้าก้าวออกไปข้างนอก เพราะไม่เคยชิน แล้วท่านทั้งหลายที่รู้สึกว่าตัวเองไม่กล้าเปลี่ยนแปลง ไม่กล้าทำอย่างอื่น ขอให้รู้ว่าวันไหนที่เราหลุดออกจาก safe zone เมื่อไร เราตายเมื่อนั้น..!

    ตัวกระผม/อาตมภาพเองเปลี่ยนแปลงตัวเองมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว ยกเอาตัวอย่างง่าย ๆ จากที่ทำงานอยู่ พูดง่าย ๆ ว่าเขาตั้งเงินเดือนให้สูงมากในสมัยนั้น สมัยที่ทองคำบาทหนึ่งยังอยู่ที่ ๒,๐๐๐ กว่า ๓,๐๐๐ บาท เขาให้เงินเดือน ๓๐,๐๐๐ บาท มีสวัสดิการที่พัก อาหาร รักษาพยาบาลพร้อม แต่กระผม/อาตมภาพปฏิเสธไป เพราะตั้งใจว่าจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง ก็คือไปฝึกฝนวิชาทหารแทน เรียนทหารอยู่ กำลังรุ่ง เพื่อนฝูงไม่มีใครตามทัน ก็ลาออกมาบวชเอาดื้อ ๆ ถ้าเป็นพวกคุณจะกล้าทำกันไหม ?

    พรรคพวกเพื่อนฝูงและผู้บังคับบัญชา เขามักจะถามว่า "ทำไมกล้าขัดแย้งกับเจ้านาย ?" ก็บอกกลับไปว่า "ผมไม่ได้คิดจะตายอยู่กับการเป็นทหาร ต่อให้ไม่เป็น ผมก็หากินอย่างอื่นได้ ไม่เหมือนกับพวกคุณที่ไม่กล้าทำอะไรเลย เพราะกลัวว่าหลุดออกไปแล้วจะทำมาหากินอย่างอื่นไม่เป็น..!"
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    21,085
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,683
    ค่าพลัง:
    +26,543
    อยู่วัดท่าซุงจนกระทั่งเป็นมาเฟีย พระ ๔๐ กว่ารูป ถ้าบอกซ้ายหันขวาหัน จะหันตามมา ๓๐ กว่ารูป กระผม/อาตมภาพก็ออกมาหน้าตาเฉยอย่างนั้นแหละ..! อยู่ในลักษณะอย่างนั้นแล้ว เราจะหาความก้าวหน้าไม่ได้ เพราะว่าเขายกไปไว้ที่สูงแล้ว จะเดินไปทางไหน ? ก็เราอยู่บนยอดเขา มีทางเดียวคือต้องลงจากยอดเขามาถึงจะเดินต่อได้ จนกระทั่งป่านนี้รุ่นพี่หลายคนยังไม่กล้าขยับออกจากวัดท่าซุงเลย..!

    กระผม/อาตมภาพออกมาปีหนึ่ง สร้างเกาะพระฤๅษีเสร็จเรียบร้อย หลวงตาวัชรชัย (พระราชภาวนาพัชรญาณ วิ.) ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดสระบุรี เจ้าอาวาสวัดเขาวง (ถ้ำนารายณ์) ท่านเห็นก็ออกมาบ้าง "กูเป็นรุ่นพี่ อะไร ๆ กูก็ดีกว่า เล็กมันทำได้กูต้องทำได้" ออกมาได้ ๗ - ๘ เดือน โทรมาบอก "เล็กโว้ย กูจะหัวหงอกหมดแล้ว มึงทำได้อย่างไรวะ ?" ก็ตอบไปว่า "มีเงินผมก็ทำ ถ้าไม่มีเงินผมก็นอน แต่ไม่ได้นอนเลยสิครับ..!"

    ท่านก็บอกว่า "มึงก็พูดง่ายเนอะ" ก็นิสัย
    กระผม/อาตมภาพเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ครับ ก็คือถ้าหากว่าครูบาอาจารย์จะใช้งานก็ต้องอำนวยความสะดวกให้ด้วย ถึงขนาดกราบเรียนกับหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านว่า "ถ้าต้องให้ขอเขาแม้แต่บาทเดียว ผมจะไม่ทำงานเลย..!" ท่านก็ถามว่า "แกจะเอาอย่างนั้นแน่นะ ?" ตอบท่านไปว่า "แน่ครับ" แล้วท่านทำได้จริง ๆ ด้วยครับ..!

    มีอยู่วันหนึ่งกำลังทำวัตรเช้าอยู่ ท่านบอกรีบเข้ากรุงเทพฯ เลย
    กระผม/อาตมภาพกราบเรียนถามว่า "ไปทำไมครับ ?" ""ไปเอาสตางค์" กระผม/อาตมภาพก็งง ๆ แต่ครูบาอาจารย์ท่านสั่งก็ไป คว้าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ๒ ซอง ชงกินเสร็จเรียบร้อย ก็ขอให้ทางศูนย์จัดการต้นน้ำเอารถไปส่งที่ปากซอย นั่งมอเตอร์ไซค์ออกไป ก็ดีเหมือนกัน แล้วจับรถเข้ากรุงเทพฯ

    จนกระทั่งก่อนถึงสายใต้เก่า ไม่ใช่สายใต้ใหม่ เพราะว่าตอนนี้ย้ายอีกแล้ว ก็เป็นอันว่าสายใต้แห่งที่ ๒ แล้วกัน ไม่ใช่แห่งที่ ๓ ในปัจจุบัน เห็นหลวงปู่มหาอำพัน - ท่านเจ้าคุณพระภาวนาปัญญาวิสุทธิ์ (อำพัน อาภรโณ บุญ-หลง) วัดเทพศิรินทราวาส ยืนเต็มถนนเลย บอกว่า "คุณ..แวะวัดเทพศิรินทร์หน่อยครับ" กราบเรียนหลวงปู่ไปว่า "หลวงพ่อให้ผมมากรุงเทพฯ ผมยังไม่รู้เลยว่าจะให้ไปไหน ? เพราะท่านบอกว่าให้มาเอาเงิน" หลวงปู่ท่านบอกว่า "ไปเอาที่วัดเทพศิรินทร์นั่นแหละ..!"
     
  6. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    21,085
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,683
    ค่าพลัง:
    +26,543
    กระผม/อาตมภาพก็ต้องเรียกแท็กซี่วิ่งไปวัดเทพศิรินทราวาส เข้าทางประตูโรงเรียน ยังไม่ทันจะเดินเข้าเลย มีโยม ๓ คนเดินสวนเข้ามา แต่งชุดดำกันหมด น่าจะมางานศพ ผู้ชายที่อายุมากหน่อยเดินนำหน้า ถามว่า "หลวงพี่มาจากไหนครับ ?" กระผม/อาตมภาพตอบไปว่า "อาตมภาพบอกไปแล้วโยมจะว่าบ้าหรือเปล่า ? ก็คือมาจากกาญจนบุรี และครูบาอาจารย์บอกว่าให้มาเอาเงินก่อสร้างที่นี่ แต่ยังไม่รู้ว่าจะมาเอาเงินกับใคร ?"

    เขาควักให้ตรงนั้นเลย ๓๐,๐๐๐ บาท พร้อมกับนามบัตรใบหนึ่ง บอกว่า "ขาดอะไร ที่ไหน เมื่อไร โทรบอกได้ทุกเวลา" ท่านนามสกุลเตชะไพบูลย์ครับ..!
    กระผม/อาตมภาพรับมาแค่ ๓๐,๐๐๐ บาท แล้วตั้งแต่บัดนั้นจนบัดนี้ไม่เคยโทรไปเลย ถ้าโทรไปก็คือต้องขอ แล้วเราสัญญากับครูบาอาจารย์ว่า "ถ้าต้องขอแม้แต่บาทเดียวก็จะไม่ทำงาน" แล้วจะไปขออย่างไร ?

    ดังนั้น..เรื่องพวกนี้ของเราเอง บางอย่างถ้าหากว่าเราไม่แบกโลกเอาไว้ก็ไม่เครียด ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดก็พอ มีเงินก็ทำ ไม่มีเงินก็นอน แล้วท่านทั้งหลายเห็นว่า ๓๐ กว่าปีที่ผ่านมา กระผม/อาตมภาพได้นอนบ้างไหม ? กำลังนอนอยู่กลางคันบางทียังโดนปลุกเลย..!

    จึงอยากจะฝากให้กับท่านทั้งหลายว่า หน้าที่การงานต่าง ๆ ที่ทำกันอยู่ เราทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด เรียนก็เรียนให้เต็มที่ หน้าที่รับผิดชอบก็ทำให้เต็มที่ แล้วส่วนที่ทิ้งไม่ได้เลยก็คือพยายามรักษาอารมณ์ใจของเราเอาไว้ให้ดี อย่าให้ความสำคัญเรื่องอื่นเข้ามาทดแทนการรักษากำลังใจ เพราะว่าการบวชของเรานั้น ก็คือบวชมาเพื่อละกิเลส อะไรที่ทำให้กิเลสเพิ่มขึ้น ให้พยายามละเสีย

    ทุกท่านจะเห็นว่ากระผม/อาตมภาพเองเฉย ๆ กับเรื่องสมณศักดิ์ หน้าที่การงาน ตำแหน่งอะไรทุกอย่าง แต่ท้ายสุดเขาก็ยัดมาให้ ถึงได้ถือหลักว่า
    "ถ้าให้ก็รับ แต่ถ้าให้ขอเองไม่เอา" ถือว่าเป็นผลพลอยได้ที่ช่วยให้การงานของเราสะดวกขึ้น แต่ถ้าให้ไปขอเองจะไม่ขอ เห็นบางท่านดิ้นรนเพื่อที่จะขอ กระผม/อาตมภาพก็เหนื่อยแทนเหมือนกัน พวกเราก็ถือตามหลักนี้แหละ ละกิเลสเป็นงานหลัก ส่วนอื่นเป็นงานรอง แต่ว่างานรองของเราก็ทำให้เต็มที่เต็มความสามารถของเรา ถึงเวลาผลตอบแทนทุกอย่างก็จะมาเอง

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันอาทิตย์ที่ ๒๓ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...