เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๖๗

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 28 พฤษภาคม 2024.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,539
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,537
    ค่าพลัง:
    +26,373
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๖๗


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,539
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,537
    ค่าพลัง:
    +26,373
    วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๒๘ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ ตั้งแต่เช้ามืด กระผม/อาตมภาพและคณะก็ได้เดินทางไปยังจังหวัดจันทบุรี ซึ่งต้องใช้คำว่า "เป็นการเดินทางไปรับการทำบุญประจำปี" ซึ่งกระผม/อาตมภาพบางทีก็ใช้คำพูดในลักษณะที่ว่า "เป็นหน้าการไปฉันทุเรียน..!"
    ทั้ง ๆ ที่ตนเองก็ฉันทุเรียนไม่ได้ เนื่องเพราะว่าฉันไป ๑ เม็ด ก็เป็นอันว่าความดันขึ้น ปวดศีรษะไป ๓ - ๔ วันเป็นอย่างน้อย กว่าที่จะบรรเทาลง


    กระผม/อาตมภาพกลายเป็นบุคคลที่ไม่มีลาภปาก ทั้ง ๆ ที่ลูกศิษย์ก็มีสวนทุเรียนอยู่ที่จังหวัดนนทบุรี มีสวนทุเรียนอยู่ที่จังหวัดจันทบุรี และอีกหลายต่อหลายท่านมีสวนทุเรียนอยู่ที่อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสถานที่ที่มีทุเรียนอร่อยเป็นที่เลื่องลือ ได้แต่นั่งมองแล้วก็ลุ้นเวลาคนอื่นเขากินทุเรียนกันเท่านั้นเอง

    ต้นเหตุที่ต้องมาเพื่อที่จะรับการทำบุญประจำปีนั้น เกิดจากในสมัยที่หลวงลุงสุนทร (พระสุนทร สุธมฺมสุเมโธ) ซึ่งท่านเป็นรุ่นน้อง บวชทีหลัง ๓ พรรษา ท่านได้ชวนให้ไปเยี่ยมบ้านของท่าน เมื่อกระผม/อาตมภาพเดินทางไปถึง ได้พูดคุยทักทายกับทางครอบครัวของหลวงลุงสุนทรท่านจนกระทั่งหายคิดถึงกันแล้ว หลวงลุงท่านก็ชวนว่า "ผมจะพาหลวงพี่ไปเยี่ยมเพื่อนตั้งแต่สมัยฆราวาส เป็นนักปฏิบัติธรรมชั้นยอดท่านหนึ่ง"

    แล้วเราก็เดินทางจากบ้านหลวงลุงสุนทรที่อำเภอเขาคิชฌกูฏ ไปยังบ้านของคุณเชิญ บุญรังษี ผู้เป็นเพื่อน ที่บ้านบางกะจะ อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี ครั้นไปถึงพูดคุยทักทายกันแล้ว คุณเชิญ บุญรังษี ซึ่งปฏิบัติธรรมมาหลายสิบปี ก็ขอถามปัญหาที่ติดขัดอยู่ หลวงลุงสุนทรบอกว่า "ถามหลวงพี่ของผมดีกว่า ท่านถนัดเรื่องนี้มากกว่าผมเยอะเลย"

    เมื่อกระผม/อาตมภาพได้แก้ไขปัญหาด้านการปฏิบัติธรรมไปแล้ว คุณเชิญ บุญรังษี ดีใจเป็นอย่างมาก เนื่องเพราะว่าติดขัดมานานหลายปีเหลือเกิน ไม่มีใครสามารถแก้ไขปัญหาให้กับท่านได้ ดังนั้น..จึงได้นิมนต์ โดยบอกว่า "อย่างน้อยขอท่านให้ไปได้ทำบุญสักปีละ ๑ ครั้ง ถ้าหากว่าตนเองเสียชีวิตแล้ว ก็จะให้ลูกหลานนิมนต์ต่อไป.."

    ภายในปีถัดมานั่นเอง คุณเชิญ บุญรังษี และลูกหลานก็วิ่งจากอำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี นำเอาทุเรียน ๘ ผล ไปถวายให้กระผม/อาตมภาพที่เกาะพระฤๅษี บอกว่าเป็นทุเรียนรุ่นแรกของปีนี้ อยากที่จะถวายพระเสียก่อน..!
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,539
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,537
    ค่าพลัง:
    +26,373
    กระผม/อาตมภาพก็ได้แต่กลืนน้ำลาย เพราะว่าต้องวิ่งเป็นระยะทางถึง ๘ ชั่วโมง กว่าที่จะนำทุเรียนแค่ ๘ ผลไปถวายให้ถึงเกาะพระฤๅษี ในเมื่อเห็นกำลังใจส่วนนี้ของท่านแล้ว กระผม/อาตมภาพจึงต้องหาเวลาเดินทางมาให้ลุงเชิญ บุญรังษี ได้ทำบุญทุกปี จนกระทั่งท่านเสียชีวิตไปแล้ว คุณตี๋ (นายชาญยุทธ บุญรังษี) ผู้เป็นลูกชายก็ได้นิมนต์ต่อมา ซึ่งปัจจุบันนี้คุณตี๋ ได้เปลี่ยนชื่อเป็นกอบกฤต แทนที่จะเป็นชาญยุทธเหมือนเดิม แล้วก็จากบ้านบางกะจะ ก็มาที่สวนของคุณตี๋ที่บ้านเขาพลอยแหวน ตำบลพลอยแหวน อำเภอท่าใหม่นี้แทน

    ครั้นเดินทางไปถึง ก็ได้พูดคุย ตลอดจนกระทั่งรับการทำบุญประจำปีตามปกติ หลังจากที่ฉันเพลแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ขอตัวเดินทางกลับ เนื่องเพราะว่าถนนหนทาง นอกจากจะไกลมากแล้ว ถ้าหากว่ากลับช้า รถยังจะติดมากอีกด้วย

    ครั้นกลับถึงที่พักแล้ว
    กระผม/อาตมภาพได้จัดวัตถุมงคล เพื่อให้ไอ้ตัวเล็กเอาไปส่งให้แก่ผู้ที่ได้จองเอาไว้ ซึ่งรอบนี้นั้น กระผม/อาตมภาพได้นำเอาของแพง หายาก ก็คือบรรดาเบี้ยแก้ต่าง ๆ ทั้งของหลวงปู่เจือ วัดกลางบางแก้ว ซึ่งเป็นรุ่นที่พวกเรายังทันกันอยู่ ไปถึงเบี้ยแก้อันดับ ๑ ของเมืองไทย ก็คือเบี้ยแก้ของหลวงปู่รอด วัดนายโรง ซึ่งกว่าที่กระผม/อาตมภาพจะหาที่สมบูรณ์ได้สักลูกหนึ่งก็แสนจะยาก เพราะว่าผ่านระยะเวลามาเป็นร้อยปีแล้ว..!

    ส่วนใหญ่ก็มักจะห้อยแขวนกันจนหูเบี้ยขาดหมด ยกเว้นว่าไปเจอท่านที่ใช้วิธีแบบโบราณ ก็คือห่อผ้า แล้วก็ขอดใส่ชายผ้าหรือว่าใส่กระเป๋าไว้ ถ้าอย่างนั้นก็พอที่จะรักษาสภาพให้สมบูรณ์เอาไว้ได้

    กระผม/อาตมภาพที่เจอเบี้ยแก้สมบูรณ์ลูกแรก แม้ว่าราคาจะสูงมาก ก็พยายามตื๊อ จนกระทั่งทางด้านเจ้าของยินยอมจำหน่ายให้ ครั้นเมื่อสอบถามเพิ่มเติมแล้ว ถึงได้รู้ว่ามีบางท่าน ซึ่งสมัยนั้นได้ขอให้หลวงปู่รอดสร้างเบี้ยแก้ให้ทั้งครอบครัว จึงได้ติดตามไป แล้วก็ทำการกวาดมาจนหมด..! เนื่องเพราะว่าเด็กรุ่นหลัง ๆ นั้น มักจะไม่เห็นคุณค่า

    รุ่นปู่ย่าตาทวดทันพระเกจิอาจารย์ เห็นความขลัง ความศักดิ์สิทธิ์ของวัตถุมงคล จึงเพียรพยายามที่จะหามาเพื่อป้องกันตนเองและครอบครัว พอผ่านถึงรุ่นลูก ความสำคัญก็ลดน้อยลงไป ครั้นถึงรุ่นหลาน ส่วนใหญ่ก็มักจะเอามาจำหน่าย หาเงินใส่กระเป๋าเสียมาก กระผม/อาตมภาพต้องนับว่าโชคดี ที่ไปเจอบุคคลที่ท่านใช้วิธีเก็บเบี้ยแก้ด้วยห่อผ้า แล้วก็ขอดติดตัวเอาแบบคนโบราณ จึงได้เบี้ยที่ค่อนข้างสมบูรณ์มาหลายตัว..!
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,539
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,537
    ค่าพลัง:
    +26,373
    หรือบางคนที่พอมีจรรยาบรรณอยู่บ้าง ก็มักจะตีว่าเป็นของแท้ แต่ว่ามักจะให้ราคาต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ซึ่งกระผม/อาตมภาพเจอมาด้วยตนเอง ก็คือมีเซียนพระใหญ่อยู่รายหนึ่ง เพิ่งจะจำหน่ายหลวงปู่ทวด เนื้อว่าน ปี ๒๔๙๗ ไปในราคา ๒,๕๐๐,๐๐๐ บาท

    กระผม/อาตมภาพให้ลูกศิษย์นำพระของตนเอง ซึ่งสวยกว่า เอาไปให้เขาลองตีราคาดู ปรากฏว่าอีกฝ่ายให้ราคาแค่แสนเดียว..! กระผม/อาตมภาพจึงได้มอบพระหลวงปู่ทวด เนื้อว่าน ปี ๒๔๙๗ องค์นั้นให้กับลูกศิษย์ บอกว่า "เขาให้ราคาเท่าไรก็อย่าขาย แต่เอาไปแขวนเย้ยมันเสียบ้าง ว่าเรามีของสวยกว่า..!"

    เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ หลายท่านที่เข้าไปในวงการแล้วก็เข็ดหลาบไปตาม ๆ กัน เนื่องเพราะว่าไปโดนเขาต้มเอาบ้าง ไปโดนเขากดราคาบ้าง ไปโดนเขาตีว่าเป็นของปลอมบ้าง จนกระทั่งเสียกำลังใจ เลิกคบ เลิกเข้าวงการไปเลยก็มี แต่เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ ถ้าเราเข้าใจว่าเป็นธรรมดาของบุคคลที่ยังเต็มด้วย รัก โลภ โกรธ หลง ก็จะต้องทำในลักษณะนี้เพื่อตนเอง

    แต่ถ้าหากว่าท่านใดไปเจอกับเซียนพระ หรือว่าผู้ที่เล่นเครื่องรางของขลัง ที่มีศีลมีธรรม ท่านก็จะได้ราคาที่ยุติธรรมเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งน้อยนักที่เราจะได้เจอบุคคลแบบนั้น ส่วนใหญ่ก็มักจะฟันกันชนิดหัวขาดไปข้างหนึ่ง..! เรียกง่าย ๆ ว่ากินกำไรทีเดียว แล้วก็ไม่ต้องคบหากันไปอีกเลย เป็นต้น

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุ สามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันอังคารที่ ๒๘ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...