เรื่องเด่น เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๗

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 15 พฤศจิกายน 2024.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,461
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,534
    ค่าพลัง:
    +26,371
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๗


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,461
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,534
    ค่าพลัง:
    +26,371
    วันนี้ตรงวันศุกร์ที่ ๑๕ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๗ เป็นวันพระใหญ่ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ หรือเรียกกันอย่างไม่เป็นทางการว่าวันลอยกระทง ทางวัดท่าขนุนของเราก็มีกิจกรรมต่าง ๆ ตั้งแต่ช่วงเช้ามืด ก็คือตี ๓ ครึ่ง มีการปฏิบัติธรรมของผู้ตั้งใจมาบวชเนกขัมมะปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติ รุ่นที่ ๘/๒๕๖๗ หลังจากนั้นแล้วก็เป็นการออกบิณฑบาตตามปกติ

    เมื่อฉันภัตตาหารเช้าเสร็จแล้ว ก็เข้าสู่การปฏิบัติธรรมรอบสายช่วง ๘ โมงเช้า แต่ว่าได้มอบหมายให้พระวิปัสสนาจารย์คอยดูแลอยู่ผู้ปฏิบัติธรรมอยู่เพียงรูปเดียว ส่วนที่เหลือต้องไปลงอุโบสถ เพื่อร่วมในการอุปสมบทหมู่ปฏิบัติธรรมในช่วงเทศกาลลอยกระทง ซึ่งมีผู้ที่ผ่านการฝึกซ้อมขานนาคมาแล้ว เข้าไปบวชรวม ๕ รูปด้วยกัน

    ออกจากอุโบสถมาพวกเราก็ช่วยกันทอดกฐินถวายวัดพุทธมณฑลอรัญญิกาวาส ที่ปลัดแป๊ะ (พระปลัดวินัย ชาคโร) อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดท่าขนุน ท่านเป็นเจ้าอาวาสอยู่ โดยปกติแล้ววัดพุทธมณฑลอรัญญิกาวาส หรือว่าวัดทุ่งสมอนั้น จะมีหลวงพ่อมณฑล (พระครูสุชาตกาญจนโกศล) ท่านดูแลอยู่ แต่ตอนที่ท่านอายุ ๗๒ ปี ได้ประกาศท่ามกลางญาติโยมทั้งหลายว่า "ขอยกวัดพุทธมณฑลอรัญญิกาวาสให้กับพระอาจารย์เล็ก วัดท่าขนุน รับผิดชอบดูแล"

    กระผม/อาตมภาพได้ส่งพระวัดท่าขนุนหลายต่อหลายรูปเข้าไปเป็นเจ้าอาวาส แต่ปรากฏว่าไม่สามารถที่จะทนกับแรงโทสะของหลวงพ่อมณฑลได้ ถ้าไม่โยกย้ายก็สึกหาลาเพศไปตาม ๆ กัน..! จนกระทั่งมาถึงปลัดแป๊ะ กระผม/อาตมภาพจึงให้นโยบายไปว่า เอาแค่ชื่อเป็นเจ้าอาวาสไปก่อน ตัวตนของเราก็ยังคงอยู่ที่วัดท่าขนุน มีเวลาว่างแล้วค่อยพาพรรคพวกเพื่อนฝูงเข้าไปทำความสะอาดวัดสักวันพระสักครั้งก็พอ จะได้ไม่ต้องไปทนกับเสียงบ่นเสียงด่าของหลวงพ่อมณฑล ก็เลยทำให้ปลัดแป๊ะพอที่จะอยู่ยั้งยืนยงมาได้..!

    แต่ด้วยความที่วัดพุทธมณฑลอรัญญิกาวาสนั้นอยู่ลึกเข้าไปในป่า และการเดินทางยากลำบากมาก ถ้าเป็นหน้าฝน ต่อให้มีรถขับเคลื่อน ๔ ล้อ ก็อาจจะต้องทั้งขุดทั้งเข็น..! จึงทำให้ไม่มีผู้จองกฐินเลย ทางด้านคณะสงฆ์จังหวัดกาญจนบุรีต้องติดต่อหาเจ้าภาพมาทอดกฐินตกค้างให้ทุกปี

    ปีนี้กระผม/อาตมภาพจึงตั้งใจว่าจะเป็นเจ้าภาพเองไปเรื่อย ๆ เนื่องเพราะว่าไม่ได้เหลือบ่ากว่าแรงอะไร ก็แค่ตั้งกองกฐินขึ้นมา แล้วญาติโยมทั้งหลายที่ไป ๆ มา ๆ ก็ช่วยกันทำบุญคนละ ๕ บาท ๑๐ บาท ๒๐ บาท ดีกว่าที่จะไปรับเงินกฐินตกค้าง ๓๐,๐๐๐ บาทจากเจ้าภาพซึ่งมาทอดกฐินตกค้างที่จังหวัดกาญจนบุรีเสียอีก..!
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,461
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,534
    ค่าพลัง:
    +26,371
    ครั้นเมื่อทอดกฐินเสร็จสรรพเรียบร้อยก็รอเวลาไปฉันเพลด้วยกัน แล้วช่วงบ่ายกระผม/อาตมภาพจึงมานำญาติโยมทั้งหลาย บวชเนกขัมมะปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติรุ่นที่ ๘/๒๕๖๗ อย่างเป็นทางการ ก็คือเพิ่งจะมีเวลามาทำพิธีบวชรับศีล ๘ กันตอนนี้เอง ครั้นสมาทานกรรมฐานเรียบร้อยแล้ว ก็มอบให้พระวิปัสสนาจารย์ท่านดูแล ส่วนที่เหลือก็ไปลงอุโบสถทบทวนพระปาฏิโมกข์

    ครั้นออกจากอุโบสถมา ก็ไปร่วมกันวางผางประทีป ๑๐,๐๐๐ ดวง เพื่อตามถวายเป็นพุทธบูชา ปรากฏว่าในระหว่างวันได้มีฝนกระหน่ำลงมาอย่างหนัก ทำให้ลายเส้นต่าง ๆ ที่วาดเอาไว้ด้วยชอล์คหายหมด..! ต้องมาลากเส้นกับแบบฉุกเฉิน แล้วก็วางผางประทีปไปแก้ไขไป ทำให้งานที่ออกมาล่าช้าไปนิดหนึ่ง

    ปกติ ๕ โมงครึ่งก็ตามประทีปได้แล้ว แต่ว่าวันนี้รอจนกระทั่งประมาณ ๖ โมงเย็น ถึงจะเริ่มตามประทีปได้ แต่ก็เป็นการดีตรงที่ว่ายิ่งตามประทีปช้าเท่าไร โอกาสที่ประทีปจะอยู่ได้นานก็มีมากขึ้นเท่านั้น วันนี้เมื่อเป็นวันงานตามประทีป ๑๐,๐๐๐ ดวง พวกเราก็เลยมีการทำวัตรค่ำกันเพียงรอบเดียวเท่านั้น

    ในวันนี้ก็ขอกล่าวถึงเรื่องอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นในคณะสงฆ์ของเรา ในกลุ่มไลน์เขาส่งเอกสารที่หลวงพ่อเจ้าอาวาสวัดสามชุก ต้นสังกัดของ "พระปีนเสา" ได้มีคำสั่งขับท่านออกจากวัด เหตุเพราะว่าดื้อด้าน ไม่ยอมกลับวัดตามที่ทางคณะสงฆ์สั่งเอาไว้ ต่อให้กลับไปก็กลับไปแค่ไม่กี่นาที ถ่ายคลิปถ่ายรูปให้ดูว่ากลับแล้ว หลังจากนั้นก็ทำตัวหายสาบสูญจากวัดไปอีก

    ก่อนหน้านี้ที่อ่านพระไตรปิฎก กระผม/อาตมภาพก็นึกไม่ออกเกี่ยวกับคำพูดอยู่ ๒ คำ ก็คือ "ทุมมังกุบุคคล" หรือ "บุคคลผู้เก้อยาก" ซึ่งถ้าแปลเป็นภาษาไทยตรง ๆ ก็คือ "ไอ้พวกหน้าด้านหน้าทน" อีกคำหนึ่งก็คำว่า "ปทปรมะ" ที่แปลว่า "ผู้มากด้วยบทบาท" ทั้ง ๒ คำนี้ไม่ทราบว่าเป็นอย่างไร

    แต่ในปัจจุบันนี้ เมื่อมาเจอบุคคลผู้หนึ่ง ซึ่งทำตัวเหมือนกับเป็นพระป่วย ถึงขนาดต้องปิดตาข้างหนึ่ง ใช้ไม้เท้าช่วยเดินลากขาไปลักษณะแบบเจ็บไข้ได้ป่วยสาหัสมาก เพื่อเรียกร้องความเห็นใจจากญาติโยม จะได้บริจาคปัจจัยให้กับท่านไปรักษาตัว


    เมื่อคณะสงฆ์เห็นท่านทำแบบนี้บ่อย ๆ ก็มีคำสั่งให้สึกเสีย ท่านเองก็ทั้งถกเถียง ทั้งด่าว่า จนกระทั่งท้ายสุดไม่สามารถที่จะต่อต้านได้ก็ยอมสึกหาลาเพศ แต่รุ่งขึ้นท่านก็ใส่ชุดขาวมาเดินลากขาบิณฑบาตอีก ทั้ง ๆ ที่ตอนตำรวจและพระวินยาธิการไปจับ ท่านก็เดินปกติทุกอย่าง จึงได้เข้าใจว่าคำว่า "ทุมมังกุบุคคล" หรือ "ไอ้พวกหน้าด้านหน้าทน" นั้นเป็นอย่างนี้เอง ก็คือหน้าด้านหน้าทน ไม่ได้รู้สึกหวั่นไหวอะไรกับเรื่องของกฎหมายบ้านเมืองหรือศีลธรรมเลย..!
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,461
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,534
    ค่าพลัง:
    +26,371
    ในเมื่อเข้าใจแล้ว พอมาเจอ "พระปีนเสา" เข้าก็พอเข้าใจคำว่า "ปทปรมะ" ไปด้วย พวกเราที่จดจำได้ถึงบุคคลประเภทที่เรียกว่าปทปรมะ ก็มักจะคิดว่าเป็นพวกที่สั่งสอนไม่ได้ แต่ความจริงไม่ใช่สั่งสอนไม่ได้ แต่เป็นพวกที่ทำตัวเป็นน้ำล้นแก้ว ไม่ว่าใครจะยัดเยียดอะไรให้ด้วยความหวังดี ท่านก็ไม่รับเสียทั้งสิ้น มีการแถข้างเอาตัวรอดไปอยู่ตลอดเวลา จึงได้ชื่อว่าปทปรมะ แปลว่ามากด้วยบทบาทอย่างยิ่ง เมื่อมาเจอ "พระปีนเสาเข้า" ถึงได้เข้าใจว่าคำว่า "ผู้มากด้วยบทบาท" นั้นเป็นอย่างนี้นี่เอง

    ก็ต้องเจริญพรขอบคุณท่านผู้ที่ได้รับฉายาว่า "เปรตเดินดิน" ซึ่งสึกหาลาเพศเป็น "ทิด" ไปแล้ว และขอขอบพระคุณท่าน "พระปีนเสา" ที่ทำให้กระผม/อาตมภาพเข้าใจได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ถึงศัพท์ในพระไตรปิฎกทั้ง ๒ คำนี้ เพราะว่าก่อนหน้านี้ไม่เข้าใจ เมื่อเห็นข้อวัตรปฏิบัติของท่านแล้ว จึงได้เข้าใจมากขึ้น

    ขอให้อานิสงส์นี้ส่งผลให้ท่านทั้งสองเป็นผู้ที่ประกอบด้วยดวงปัญญา สามารถนำตนให้พ้นจากความมืดบอดทั้งปวงขึ้นมา ได้เห็นแสงเห็นธรรมกับคนอื่นเขาบ้าง ไม่ใช่ว่ามาสร้างความเสียหายให้กับพระพุทธศาสนาไปเรื่อย ๆ แบบนี้..!

    ตอนนี้เข้าใจว่าท่าน "พระปีนเสา" เป็นที่ต้องการของคณะสงฆ์เป็นอย่างยิ่ง เพราะว่า
    กฎหมายคณะสงฆ์นั้นห้ามพระเร่ร่อน ไร้สังกัด ถ้าหากว่าไม่มีสังกัดก็ต้องโดนจับสึกสถานเดียว..! แล้ว "ท่านปีนเสา" ก็ย้ายวัดมาหลายวัดเต็มทีแล้ว จากวัดปุรณาวาสก็ย้ายไปอยู่วัดตะล่อม จากวัดตะล่อมก็ย้ายไปอยู่วัดไทรม้าใต้ จากวัดไทรม้าใต้ก็ย้ายไปอยู่วัดโพธิ์ทะเล จากวัดโพธิ์ทะเลก็ย้ายไปอยู่วัดสามชุก พูดง่าย ๆ ว่าอยู่ที่ไหนก็โดนเขาขับออกจากวัด ช่างเป็นบุคคลที่มีความสามารถมากเหลือเกิน..!

    แล้วขณะเดียวกัน ก็ไม่มีความสำนึกในความประพฤติของตนเองเลยว่า สร้างความเสียหายให้กับคณะสงฆ์อย่างไร จัดเป็นมิจฉาทิฏฐิประเภทหนึ่ง ก็คือเห็นว่าสิ่งที่ตนกระทำนั้นเป็นความสามารถ ในเมื่อเห็นเป็นความสามารถจึงไม่สะทกสะท้าน สามารถทำทุกอย่างในลักษณะการ "หาแสง" ให้กับตนเอง


    ทั้ง ๆ ที่สิ่งที่ตนเองทำนั้น สร้างความเสียหายให้กับคณะสงฆ์ สร้างความเอือมระอาให้แก่เพื่อนสหธรรมิกต่าง ๆ คาดว่าต่อจากนี้ไปท่านก็คงจะทำอะไรยากแล้ว เนื่องเพราะเห็นว่ามีบางคลิปของท่านที่เพื่อนฝูงส่งมาให้ดูนั้น ท่านไปบิณฑบาตแล้วไม่มีใครใส่บาตรให้ฉัน เพราะความโด่งดังของท่านทำให้คนจำหน้าได้เสียแล้ว ท่านก็ยังบ่นน้อยใจว่า "ต้องไปซื้ออาหารในร้านสะดวกซื้อมาฉันเอง ไม่สามารถที่จะบิณฑบาตได้" โดยที่ก็ไม่ได้ดูว่าเพราะเหตุใดเขาถึงไม่ใส่บาตรให้ท่านฉัน

    บุคคลประเภทนี้นอกจากทำตัวเป็นน้ำล้นแก้ว ไม่ยอมรับความคิดคนอื่นแล้ว ยังเป็นบุคคลที่มืดบอด น่าสงสารเป็นอย่างยิ่ง คาดว่าคติคือที่ไปของท่านนั้นคงจะต้องลงต่ำอย่างแน่นอน
    ก็ได้แต่เอาใจช่วยว่าท่านอย่าได้ลงต่ำไปนานนัก อานิสงส์ผลบุญที่ช่วยให้กระผม/อาตมภาพเข้าใจพระไตรปิฎกดีขึ้น ก็คงจะช่วยยกให้ท่านพ้นจากเขตนั้นขึ้นมาได้เร็วขึ้นกว่าเดิมสักนิดหนึ่ง..!

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันศุกร์ที่ ๑๕ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๗
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...