เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๖๗

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 8 พฤษภาคม 2024.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,538
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,537
    ค่าพลัง:
    +26,373
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๖๗


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,538
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,537
    ค่าพลัง:
    +26,373
    วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๘ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ ตั้งแต่ ๖ โมงเช้า กระผม/อาตมภาพก็ไปร่วมทำวัตรกับผู้เข้ารับการอบรมเจ้าอาวาสใหม่ ในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค ๑๔ รุ่นที่ ๓/๒๕๖๗ โดยมีพระเดชพระคุณพระธรรมวชิรานุวัตร, ดร. (แย้ม กิตฺตินฺธโร) เจ้าคณะภาค ๑๔ พระเดชพระคุณพระราชวชิรโมลี (สมชาย พุทฺธญาโณ ป.ธ.๗) รองเจ้าคณะภาค ๑๔ พระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณอาจารย์พระศรีวิสุทธิวงศ์, ดร. (สุวิทย์ ปวิชฺชญฺญู ป.ธ.๙) รองเจ้าคณะจังหวัดนครปฐม ร่วมกันนำเจ้าอาวาสใหม่ทำวัตรเช้า

    ครั้นเสร็จสรรพเรียบร้อย ฉันเช้าแล้ว ก็มาเข้ารับการอบรมชั่วโมงแรก เป็นปกิณกะความรู้สำหรับเจ้าอาวาสใหม่ โดยพระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณอาจารย์พระธรรมวชิรเจติยาจารย์ (ชัยวัฒน์ ปญฺญาสิริ ป.ธ.๙) หรือที่กระผม/อาตมภาพเรียกว่า หลวงพ่อเจ้าคุณชัยวัฒน์ ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค ๑๔

    เมื่อพิธีเปิดและเข้าสู่การบรรยายไปแล้ว กระผม/อาตมภาพก็กราบลาพระเถรานุเถระทุกรูป บอกลาแม้กระทั่งมหากุ้ง (พระ มหาเจษฎา ญาณวิสุทฺโธ ป.ธ. ๓) เลขานุการเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งอยู่ประจำที่โต๊ะลงทะเบียนว่า

    วันนี้แม้ว่าคณะสงฆ์จังหวัดกาญจนบุรีจะเป็นเจ้าภาพในการถวายภัตตาหารเช้า - ภัตตาหารเพล กระผม/อาตมภาพก็ร่วมได้แค่ในการถวายภัตตาหารเช้าเท่านั้น ในส่วนของภัตตาหารเพล ขอถวายเป็นภาระของบรรดาพระเถรานุเถระรูปอื่น ๆ จากจังหวัดกาญจนบุรี เพราะว่ากระผม/อาตมภาพนั้นมีนัดกับหมอเอาไว้

    เหตุก็เพราะว่าจะเดินทางไปประเทศจีนภายในไม่กี่วันนี้ แล้วอายุกาลผ่านวัยมาปูนนี้แล้ว บรรดาหมอต่างก็เป็นห่วงเป็นใย กลัวว่าหลวงพ่อจะสุขภาพชำรุด จึงขอตรวจสุขภาพก่อน ถ้ามีอะไรจะได้รีบจ่ายยาหรือรักษาในเบื้องต้น ไม่ต้องไปอาการกำเริบที่ประเทศจีน..! กระผม/อาตมภาพก็เห็นด้วย โดยเฉพาะการทำฟัน ซึ่งเป็นปัญหาส่วนตัวมาหลายชาติหลายภพแล้ว ถามว่าทำไมถึงเป็นเช่นนี้ ? ก็เพราะนิสัยชอบยิงนกตกปลาของ
    กระผม/อาตมภาพนั่นเอง

    ในการถอนฟันกรามซี่แรก กระผม/อาตมภาพมองเห็นภาพตนเอง ที่ใช้เนื้อเอ็นฝาหอยโข่งชิ้นเดียว ตกปลาหมอหมดฝูงเลย..! ถามว่าทำไมรู้ว่าปลาหมอหมดฝูงเลย ? ก็เพราะว่าบริเวณนั้นน้ำใสมาก สามารถมองเห็นปลาหมอตัวประมาณสองนิ้วมือผู้ใหญ่ ว่ายกันอยู่เป็นฝูง ครั้นเอาเบ็ดเกี่ยวเนื้อเอ็นฝาหอยโยนลงไป ปลาก็แย่งกันฮุบ ดึงขึ้นมาแล้ว ปลดลงตะข้อง ส่วนที่เหลือก็ไม่หนีไปไหน ยังคงอยู่บริเวณนั้น หย่อนลงไปเมื่อไรก็กินเมื่อนั้น ซึ่งปลาหมอจำนวน ๑๐ กว่าตัว โดนกวาดหมดฝูงในครั้งนั้น..!
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,538
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,537
    ค่าพลัง:
    +26,373
    ครั้นต้องมาผ่าเหงือกเพื่อเอารากฟันออก เนื่องเพราะว่าฟันของกระผม/อาตมภาพไม่เหมือนกับชาวบ้านชาวเมืองเขา ฟันกรามคนอื่นส่วนใหญ่ก็มีแค่ ๓ ขา แต่ของกระผม/อาตมภาพกลับมีอยู่ ๔ ขา ก็เลยทำให้คุณหมอซึ่งใช้คีมบีบให้ฟันแตก จะได้ดึงขึ้นมาง่าย ๆ หลงลืมเอาไว้ ๑ ขา ครั้นเหงือกบวมจนหน้าโย้ไปข้างหนึ่ง ไปหาหมอใหม่ เขาถึงได้เอ็กซเรย์แล้วก็ตกใจ เพราะว่ายังมีรากฟันอยู่อีกทั้งอัน ต้องเอาออกถึงจะยุบลง ตอนที่เอารากฟันออกนั่นเอง ภาพกรรมในอดีตก็ได้ปรากฏขึ้นมาให้เห็นชัด ๆ เลย

    อีกส่วนหนึ่งก็เกิดจากเรื่องของเวรของกรรมในการตกปลานี่เอง เนื่องเพราะว่าในสมัยเด็กนั้น โยมแม่มีลูกถึง ๑๓ คน จะหาเลี้ยงทุกปากทุกท้องให้อิ่มก็เป็นเรื่องยาก กระผม/อาตมภาพกับเพื่อน ๆ วัยทะโมน จึงต้องพกหนังสติ๊ก ถือคันเบ็ดออกจากบ้านตั้งแต่เช้ามืด พูดง่าย ๆ ว่า "ออกพร้อมพระบิณฑบาต..!" ก็คือพอได้อรุณ นกกาเริ่มร้องก็ออกแล้ว

    การยิงนกตกปลาก็เพื่อนำเอามาเป็นอาหารในครอบครัวของตนเอง โดยเฉพาะการตกปลานั้น ต้องบอกว่า
    กระผม/อาตมภาพ "ทำบาปขึ้น" มาก โดยปกติถ้าคนเราลงน้ำ ปลาก็จะว่ายหนีกันหมด แต่เนื่องจากว่าทำเลดี ๆ บนฝั่งนั้นโดนผู้ใหญ่ยึดหมดแล้ว กระผม/อาตมภาพที่เป็นเด็กดื้อ ไม่ยอมถอยให้เรื่องที่ตั้งใจทำง่าย ๆ จึงลุยน้ำลงไปเกือบถึงอก แล้วก็เหวี่ยงเบ็ดตกปลา เหลือเชื่อว่าตกได้อีกเสียด้วย..!

    ครั้นได้ปลามาก็ปลดออก ใส่กระเป๋ากางเกงเอาไว้ ถามว่าทำไมไม่กลัวปลาหนี ? เนื่องเพราะว่าปลาในสมัยนั้น ส่วนใหญ่เป็นปลาหมอนา ตัวใหญ่ประมาณ ๓ นิ้วมือบ้าง ๒ นิ้วมือบ้าง ถ้าหากว่าจับหันหัวไปทางไหน ก็มีแต่มุดไปด้านนั้นอย่างเดียว ดังนั้น..เมื่อใส่ลงไปในกระเป๋ากางเกง ปลาก็มีแต่มุดเข้าอย่างเดียว ไม่มีการถอยออก จึงทำให้สามารถที่จะตกปลาได้หลายตัว ทั้ง ๆ ที่แช่น้ำอยู่อย่างนั้น

    ปรากฏว่าประมาณ ๓๐ ปีที่แล้ว กระผม/อาตมภาพทำครอบฟันเป็นครั้งแรก แล้วบริเวณนั้นก็เกิดอาการเหงือกบวม เจ็บปวดอยู่ทุกวัน เป็นหนองบ้าง ยุบบ้าง ตามแต่หมอจะจ่ายยาให้ แต่ว่าหมอก็ตรวจหาไม่เจอว่าเกิดจากสาเหตุอะไร นอกจากบอกว่าน่าจะเป็นโรคปริทันต์ ก็คือมีการติดเชื้อ แล้วเป็นหนองที่โคนรากฟัน แต่ครั้นหมอทำการเอาวัสดุที่อุดและรากฟันออก ล้างจนสะอาดแล้วสะอาดอีก ค่อยใส่เข้าไปใหม่ ดูแล้วดูอีกจนแน่ใจว่าไม่มีเชื้ออะไรหลงเหลือแล้ว พออุดและครอบฟันลงไปก็บวม เจ็บปวดทุกวันเหมือนเดิม..!
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,538
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,537
    ค่าพลัง:
    +26,373
    จนกระทั่งเมื่อเดือนที่แล้วนี่เอง ที่กระผม/อาตมภาพรู้สึกขัดใจมาก เนื่องเพราะว่าครั้งที่เอาลิ้นแตะบริเวณนั้น จะรู้สึกว่ามีขอบอะไรคม ๆ อยู่ชิ้นหนึ่งกระทบลิ้นอยู่เสมอ แต่ทำไมหมอถึงหาไม่เจอทุกครั้ง ? ด้วยความที่เป็นคนบ้าดีเดือด และโหดร้ายแม้กระทั่งตัวเอง กระผม/อาตมภาพจึงใช้มีดปลายแหลมธรรมดา ที่ใช้ทำครัวหรือปอกผลไม้นี่เอง แหย่เข้าไปตรงนั้นแล้วก็งัด..! ผลก็คือเลือดท่วมปาก แต่ว่ามีเศษฟันอยู่ชิ้นหนึ่งติดออกมาด้วย..!

    เศษฟันชิ้นนั้นนั่นแหละ แทรกอยู่ระหว่างเหงือกกับฟันที่ครอบลงไป เมื่อครอบฟันลงไปเมื่อไร ก็จะเบียดอยู่กับเหงือก ทำให้เกิดการกระทบกระทั่ง อักเสบอยู่ตลอดเวลา แก้ไขเท่าไรก็แก้ไม่หาย เพราะว่าหมอไม่ทราบว่ามีเศษฟันอยู่ตรงนั้น จนกระทั่งกระผม/อาตมภาพงัดออกมาได้ บริเวณนั้นก็เลิกบวมเลิกอักเสบต่อไป กลายเป็นว่าต้องทนมาประมาณ ๓๐ ปี กรรมส่วนนี้ถึงได้คลายตัวลง

    ทั้ง ๆ ที่กระผม/อาตมภาพนั้นทำการปล่อยนก ปล่อยปลา ปล่อยวัว ปล่อยควายอยู่ทุกเดือน ทำมาตลอดตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๒๙ ตามที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงท่านได้สั่งเอาไว้ ท่านบอกว่า "เล็ก..แกเป็นทหารมาทุกชาติ ฆ่าเขาเอาไว้มาก เศษกรรมตรงนี้จะทำให้ป่วยบ่อย ให้ไปปล่อยปลาที่เขาจะฆ่า เดือนหนึ่งประมาณตัว - สองตัว แล้วจะสามารถบรรเทากรรมตรงนี้ได้"

    กระผม/อาตมภาพก็ยังอวดดีกับครูบาอาจารย์ กราบเรียนถามว่า "การปล่อยปลาเป็นการต่ออายุนี่ครับ ในเมื่อกระผมไม่อยากจะอยู่แล้ว จะไปต่ออายุของตนเองทำไม ?" พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านยังเมตตาอธิบายว่า "แกอย่าเข้าใจผิด การปล่อยชีวิตสัตว์ จะเป็นการต่ออายุ ก็เมื่อมีอุปฆาตกรรมแทรกเข้ามาในช่วงนั้นพอดี ถ้าหากว่าไม่มีอุปฆาตกรรมแทรกเข้ามา การที่แกปล่อยเขาให้รอดชีวิต ได้รับความสุข ได้รับความสะดวกสบาย ต่อไปแกทำอะไรก็จะสะดวกสบายไปหมด"
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,538
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,537
    ค่าพลัง:
    +26,373
    กระผม/อาตมภาพเมื่อเข้าใจดังนั้น จึงเริ่มทำการปล่อยปลามาตามที่ครูบาอาจารย์ท่านบอก โดยที่เริ่มปล่อยในวันที่ ๑ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๒๙ เป็นต้นมา พูดง่าย ๆ ว่าปีที่บวชนั่นเอง ปล่อยมาจนกระทั่งถึงทุกวันนี้ แล้วรู้สึกว่าการงานทุกอย่างมีความคล่องตัวจริง ๆ อย่างที่ครูบาอาจารย์ท่านให้คำแนะนำไว้

    โดยเฉพาะทุกครั้งที่ปล่อยปลา ก็ไม่ได้ซื้อแค่ตัวสองตัว อย่างที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านแนะนำไว้ เนื่องเพราะว่าพอเห็นปลาตาปริบ ๆ ก็มักจะเหมาหมดร้าน หรือว่าเหมาหมดตลาด แล้วก็เอาไปปล่อยลงแหล่งน้ำ ทำอย่างนี้มาปีแล้วปีเล่า ผลที่เกิดชัดเจนที่สุดก็คือวังมัจฉาหน้าวัดท่าซุง นั่นเกิดจากการที่กระผม/อาตมภาพปล่อยปลาแทบจะคนเดียว..!

    แล้วเมื่อมาถึงปัจจุบันนี้ เรื่องของกรรมต่าง ๆ แม้ว่าจะบรรเทาลงแล้ว แต่ก็ยังหนักอยู่ดี พูดง่าย ๆ ว่าหากท่านทั้งหลายเป็นอย่างกระผม/อาตมภาพ อาจจะตายไปแล้วหลายรอบ แต่กระผม/อาตมภาพก็ยังสามารถที่จะ อึด ถึก ทน อยู่ได้จนถึงทุกวันนี้ ทั้ง ๆ ที่อายุ ๖๕ ปีเต็ม ย่างเข้า ๖๖ ปีแล้ว

    พระเดชพระคุณหลวงพ่อเจ้าคุณชัยวัฒน์ยังบอกว่า "ไอ้คนหนุ่มมันดีอย่างนี้นี่เอง ดูสิ..เดินฉับ ๆ ไม่เห็นจะต้องเกาะต้องอะไรเหมือนกับผมเลย" กระผม/อาตมภาพก็ได้แต่หัวเราะ กราบเรียนว่า "หลวงพ่อครับ หลวงพ่ออายุ ๘๐ กว่า กระผมเพิ่งจะ ๖๐ กว่า แต่ ๖๐ กว่านี้ไม่น่าจะใช่คนหนุ่มนะครับ" ท่านก็หัวเราะเช่นกัน บอกว่า "ถ้าสำหรับคน ๘๐ กว่าแล้ว คน ๖๐ กว่าก็คือคนหนุ่มนั่นเอง..!"

    ในเมื่อเป็นเช่นนี้ จึงต้องเห็นความสำคัญในการนัดของหมอ หรือจะเรียกว่าเห็นแก่เงินก็ได้ เพราะว่าทุกครั้งที่หมอรักษาให้ ก็มักจะถวายค่ารถกลับมา ๑,๐๐๐ บาทบ้าง ๒,๐๐๐ บาทบ้าง บางทีก็มีญาติโยมไปดักรออยู่ที่ร้านหมอ ถึงเวลาก็ชิงถวายมาอุตลุดไปหมด กระผม/อาตมภาพก็ได้แต่ถอนใจตัวเองว่า คนอื่นไปหาหมอแล้วต้องเสียเงิน แต่กระผม/อาตมภาพไปหาแล้วหมอต้องเสียเงิน..! กลายเป็นอะไรที่ย้อนแย้งกันพิกล
     
  6. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,538
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,537
    ค่าพลัง:
    +26,373
    ดังนั้น..วันนี้ภารกิจที่สำคัญก็คือไปตามที่หมอช่วยรักษาให้ แล้วสิ่งที่กระผม/อาตมภาพเป็นอยู่มาก ๆ ในปัจจุบันนี้ก็คือ อาการที่เขาเรียกกันง่าย ๆ ว่า "กระดูกทับเส้น" มีการปวดร้าวลงขา ลงสะโพก ต้องหาท่ากายบริหารต่าง ๆ มาบริหารตัวเอง เพื่อบรรเทาอาการ เมื่อมีโอกาสได้พบหมอที่จัดกระดูกทีหนึ่ง ก็สบายขึ้นทีหนึ่ง บางทีเพิ่งจะจัดเสร็จ นั่งรถยังไม่ทันจะกลับถึงที่พัก รถตกหลุม..กระแทกโครมเดียวก็กลับไปเหมือนเดิมแล้ว..!

    ก็ได้แต่นั่งปลงอนิจจังว่า เออหนอ..เราช่างสร้างกรรมเอาไว้หนักขนาดนี้ คุณหมอแต่ละท่านแต่ละโรค ล้วนแล้วแต่พยายามรักษาอย่างดีที่สุด แต่ก็เหมือนอย่างกับประชดก็ไม่ปาน พอลับหลังหมอ อาการทุกอย่างก็กลับเป็นอย่างเดิมทันที แต่ก็ยังดีว่าได้รับการบรรเทาไปชั่วขณะหนึ่ง

    ทำให้นึกถึงว่า ถ้าเราอยู่ในโลกันตนรก เมื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ครั้งหนึ่ง พระรัศมีแผ่ผ่านไปวาบหนึ่ง เหมือนอย่างกับสายฟ้าแลบ บรรดาผู้ที่ตกอยู่ในความมืดชั่วกาลนานอย่างสัตว์ในโลกันตนรก ก็จะได้เห็นแสงสว่างอยู่วูบหนึ่ง กระผม/อาตมภาพก็คงคล้าย ๆ กับตกโลกันตนรกเหมือนกัน ก็คือเศษกรรมทำให้ต้องเจ็บไข้ได้ป่วย รักษาแล้วก็สบายได้แค่วูบเดียว..!

    ดังนั้น..ในเรื่องของการเวียนว่ายตายเกิด อยู่ในโลกที่เต็มไปด้วยโรคภัยไข้เจ็บอันน่ากลัวนี้ จะไม่มีสำหรับเราอีกต่อไปแล้ว ถ้าหากว่าชาตินี้ สามารถตะเกียกตะกายไปถึงพระนิพพานได้ กระผม/อาตมภาพก็จะพยายามทำไปจนสุดความสามารถ ทำไปจนกว่าจะสิ้นลม ตามที่ครูบาอาจารย์ได้ให้คำสั่งสอนเอาไว้

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันพุธที่ ๘ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...