เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๖๗

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 15 สิงหาคม 2024.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,385
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,528
    ค่าพลัง:
    +26,367
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๖๗


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,385
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,528
    ค่าพลัง:
    +26,367
    วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๑๕ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ กระผม/อาตมภาพเดินทางไปยังวัดบึงบาประภาสะวัต หมู่ที่ ๕ บ้านบึงบาพัฒนา ตำบลบึงบา อำเภอหนองเสือ จังหวัดปทุมธานี เพื่อทำการประเมินตรวจยกหมู่บ้านบึงบาพัฒนา ขึ้นเป็นหมู่บ้านศีล ๕ ต้นแบบ

    ครั้นไปถึงแล้วก็ต้องทึ่งกับบริเวณของวัดที่กว้างขวางใหญ่โตมาก ไม่ว่าจะเป็นอุโบสถหรือว่าศาลาการเปรียญเมตตาวิหารคุณ ก็ใหญ่โตโอ่โถงสุด ๆ ถ้าสร้างสมัยนี้คาดว่าหลังหนึ่งน่าจะหลายร้อยล้านบาท..! เป็นฝีมือของหลวงปู่เจ้าคุณทองคำ พระเมตตาวิหารี (ทองคำ เมตฺตาวิหาโร) อดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะอำเภอหนองเสือ ที่ท่านได้สร้างวัดวาอารามเอาไว้จนใหญ่โตมโหฬาร

    ทางวัดได้จัดเตรียมภัตตาหารต่าง ๆ เอาไว้ เพื่อที่จะต้อนรับคณะกรรมการตรวจประเมินในครั้งนี้ แต่ไม่ทราบว่าการประสานงานผิดพลาดตรงไหน จึงไม่มีผู้ใดแจ้งให้ทราบว่าให้ไปฉันเพลที่วัด จนกระทั่งกระผม/อาตมภาพไปถึงในเวลาใกล้เพล รีบส่งรูปถ่ายไปในกลุ่มไลน์ของผู้ตรวจประเมินยกหมู่บ้านศีล ๕ ต้นแบบ (หนกลาง) ก็ไม่ทันการแล้ว

    เพราะว่าพรรคพวกเพื่อนฝูง คณะกรรมการและคณะอนุกรรมการทั้งหลาย ต่างก็มีร้านในดวงใจของตนเองกันหมด ส่วนท่านที่ยังไม่มีก็ตัดสินใจแวะปั๊มน้ำมัน ซื้อข้าวกล่องใส่ท้องกันเองตามอัธยาศัย ในเมื่อเป็นเช่นนั้น จึงเหลือแค่พระเดชพระคุณพระเทพปวรเมธี, รศ. ดร. (ประสิทธิ์ พฺรหฺมรํสี ป.ธ.๙) ประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนโครงการหมู่บ้านรักษาศีล ๕ หนกลาง กับกระผม/อาตมภาพ ๒ รูป ที่ไปนั่งฉันร่วมกับทางวัดบึงบาประภาสะวัต

    ครั้นเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ได้เดินดูนิทรรศการต่าง ๆ ของเขา ที่เป็นหลักเป็นฐานเป็นการเป็นงานอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อไปถึงทางด้านท้าย ที่มีหมอนวดกำลังทำการนวดและตอกเส้นให้กับผู้ป่วยอยู่ ปรากฏว่าทั้งหมอผู้หญิงและหมอผู้ชาย พอเห็นก็ร้องอุทานว่า "หลวงพ่อเล็กวัดท่าขนุน..!" แล้วก็ทิ้งงานมากราบและขอถ่ายรูปเป็นการใหญ่ เป็นอันว่ากระผม/อาตมภาพหนี FC วัดท่าขนุนไม่พ้น เนื่องเพราะทั้งสองท่านต่างก็บอกว่า "ฟังเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนอยู่ทุกวัน"
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,385
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,528
    ค่าพลัง:
    +26,367
    ครั้นเมื่อคณะกรรมการทุกฝ่ายเข้าที่ตรวจประเมินพร้อมแล้ว ก็รอท่านรองผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี ซึ่งวันนี้ทำหน้าที่แทนผู้ว่าราชการจังหวัดที่ติดราชการเร่งด่วน เมื่อท่านมาถึงจึงได้เริ่มทำพิธีเปิดการตรวจประเมินต่าง ๆ

    คราวนี้เมื่อถึงช่วงท้ายของการตรวจประเมินนั้น ท่านรองผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานีได้นำหัวหน้าส่วนราชการต่าง ๆ ปฏิญาณตนในการนำเอาศีล ๕ เป็นหลักดำเนินชีวิต โดยที่ท่านได้กล่าวถึงศีล ๕ ข้อและธรรม ๕ ข้อด้วย แต่ว่าด้วยความที่ท่านก็ไม่ได้สันทัดจัดเจนมาก จึงกล่าวอยู่ในลักษณะที่ว่าขาดความคล่องตัวไปหน่อย

    ในเรื่องของศีลนั้น ส่วนหนึ่งพวกเราบางทีก็รักษาเองได้โดยอัตโนมัติ แต่เราท่านทั้งหลายต้องเข้าใจว่าการรักษาศีลนั้น จะเป็นศีลหรือไม่เป็นอยู่ที่เจตนาในการงดเว้น ไม่ใช่ว่าเราไม่ได้ฆ่าสัตว์ เราก็มีศีลข้อที่ ๑ แล้ว

    เนื่องเพราะว่าศีล ๕ และธรรม ๕ ซึ่งใช้คำว่า เบญจศีลเบญจธรรมนั้น เป็นของที่คู่กัน ก็คือเราจะงดเว้นจากการทำปาณาติบาตได้ เราต้องประกอบไปด้วยจิตที่มีเมตตาต่อสัตว์โลก แล้วขณะเดียวกันยังต้องมีเจตนางดเว้นด้วย ดังเช่นองค์ประกอบของศีล ๕ ที่มีอยู่ว่า

    ๑) ปาโณ คือสัตว์นั้นมีชีวิตอยู่

    ๒) ปาณะสัญญิตา เรารู้ว่าสัตว์นั้นมีชีวิตอยู่

    ๓) วะธะกะจิตตัง เรามีจิตคิดจะฆ่า

    ๔) ปะโยโค ประกอบไปด้วยความเพียรพยายามในการฆ่า

    และ ๕) เตนะมรณัง สัตว์นั้นตายลงด้วยความเพียรพยายามนั้น

    ถ้าครบองค์ประกอบทั้ง ๕ นี้ก็แปลว่าท่านผิด ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์
    แต่ไม่ใช่ที่มีผู้กล่าวว่า ถ้าเราไม่ตั้งใจฆ่าแล้วไม่ผิด เนื่องเพราะว่าองค์ประกอบทั้ง ๕ นั้น ต่อให้ท่านไม่เจตนา แต่ถ้าสัตว์นั้นตายลงไปเพราะเรา ก็ยังเป็น ๑ ในองค์ประกอบทั้ง ๕ นั้น แปลว่ามีส่วนผิดอยู่ ก็คือเป็นส่วนของกตัตตาวาปนกรรม ก็คือกรรมที่ทำโดยขาดเจตนา ไม่ใช่ว่าไม่มีโทษ หากแต่ว่ามีโทษเพียง ๑ ใน ๕ ส่วนเท่านั้น
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,385
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,528
    ค่าพลัง:
    +26,367
    ดังนั้น..ในเรื่องของศีลจึงเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน ถ้าสามารถงดเว้นได้โดยเด็ดขาดเลยก็จะดีมาก แต่กว่าที่จะทำถึงระดับนั้นได้ เราก็ต้องมีสมาธิเป็นเครื่องช่วยเหลือ เพราะว่าสมาธินั้นจะช่วยให้สติของเราแหลมคมว่องไว ขยับตัวเมื่อไรก็จะระลึกได้ทันทีว่า เราจะล่วงละเมิดศีลข้อใดหรือเปล่า ?

    ขณะเดียวกันถ้ามีโอกาสละเมิดศีล เราก็จะมีกำลังสมาธิในการระงับยับยั้งตนเองไม่ให้ละเมิดได้


    เรื่องของศีลจึงไม่ใช่รักษาลอย ๆ อย่างเดียว หากแต่ต้องประกอบไปด้วยสมาธิและปัญญาเป็นปกติ ก็คือปัญญาในการที่จะหลบเลี่ยงไม่ให้ตนเองไปละเมิดศีล ขณะเดียวกันก็มีสมาธิจิตในการหักห้ามตนเองไม่ให้ละเมิดศีล มีสติระลึกรู้เท่าทันว่าเราจะต้องไม่ละเมิดศีล เป็นต้น

    เรื่องของศีลจึงไม่ใช่เรื่องของการควบคุมแค่กายวาจา อย่างที่หลายท่านมักจะสอนกัน หากแต่ว่าเป็นการควบคุมตั้งแต่ใจของเรา ถ้าหากว่ากำลังใจของเราทรงตัว โอกาสที่จะละเมิดศีลก็มีน้อยมาก เพราะว่า สติ สมาธิ ปัญญา สมบูรณ์พร้อม

    แต่ถ้าหากว่ากำลังใจไม่ทรงตัว สติขาดตกบกพร่อง ก็อาจจะละเมิดศีลโดยไม่เจตนาบ้าง หรือว่าละเมิดศีลโดยไม่อาจจะระงับยับยั้งต่อสิ่งที่มายั่วยุอยู่ตรงหน้าบ้าง ทำให้เรากลายเป็นบุคคลที่ศีล ๕ ขาดโดยสมบูรณ์ ไม่ใช่อยู่ในลักษณะของศีลด่างศีลพร้อยเท่านั้น

    เรื่องของศีลเป็นตัวสนับสนุนให้สมาธิเกิดได้ง่าย แล้วเรื่องของสมาธิก็จะสนับสนุนปัญญาให้เกิด ครั้นมีปัญญาแล้ว ก็จะกลับไประมัดระวังรักษาศีลอีกครั้งหนึ่ง อยู่ในลักษณะเหมือนกับเราหมุนเกลียวของน็อต ถ้าหากว่าหมุนไปเรื่อย ๆ ท้ายที่สุดน็อตนั้นก็จะสิ้นสุดลงเอง ก็คือทุกอย่างสมบูรณ์บริบูรณ์อยู่ในตัว สติ สมาธิ ปัญญา ทุกอย่างอยู่ในลักษณะสมบูรณ์พร้อม เป็นผู้ที่ไม่ละเมิดศีลด้วยเจตนางดเว้นเป็นสมุจเฉทวิรัติ ก็คือเด็ดขาดไปเลย

    ถ้าอยู่ในลักษณะนั้น โอกาสที่ท่านจะก้าวเข้าสู่ความเป็นพระอริยเจ้าระดับโสดาบัน ก็จะเป็นเรื่องที่ไม่เกินความสามารถของตน
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,385
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,528
    ค่าพลัง:
    +26,367
    การตรวจประเมินโครงการรักษาศีล ๕ ของบ้านบึงบาพัฒนาในวันนี้ ส่วนที่ดีงามที่สุดก็คือได้เห็นส่วนราชการและประชาชน มีความร่วมมือกันอย่างสามัคคีปรองดอง ในการที่จะกระทำให้งานทุกอย่างสำเร็จเรียบร้อยลง

    โดยเฉพาะท่านผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดปทุมธานี ก็คือท่านปราณสุวีร์ อาวอร่ามรัศมิ์ ที่เพิ่งจะโยกย้ายมาจากเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค ๑๔ เมื่อไม่กี่วันนี้เอง ท่านยังปรารภว่า มาถึงแค่ไม่กี่วัน แต่เห็นความสามัคคีกลมเกลียวของทางส่วนราชการและคณะสงฆ์แล้ว ก็มีความสบายใจว่า การทำหน้าที่ของผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดปทุมธานีนี้ไม่ใช่ของยาก เพราะว่าทุกคนพร้อมที่จะแสดงศักยภาพของตนออกมาอยู่แล้ว และตอนท้ายท่านรองผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี ยังได้นำข้าราชการทั้งหมดปฏิญาณตนว่าจะนำหลักของศีล ๕ ไปเป็นหลักในการดำเนินชีวิตอีกด้วย

    ในเมื่อเป็นเช่นนั้น จึงเป็นเรื่องที่สมบูรณ์พร้อม เพราะว่าผู้นำเอาด้วย ส่วนอื่น ๆ ก็ต้องปฏิบัติตาม ถ้าผู้นำในประเทศของเราหลาย ๆ ภาคส่วน หลาย ๆ จังหวัด มีกำลังใจในการนำข้าราชการประพฤติปฏิบัติอยู่ใน ศีล สมาธิ ปัญญา แบบนี้ ความสงบร่มเย็นต่าง ๆ ก็จะเกิดขึ้น เรื่องร้ายต่าง ๆ ที่จะทำให้สิ้นเปลืองงบประมาณ จะทำให้ชาวบ้านของเราเป็นผู้ที่ขาดศีลขาดธรรม จนกระทั่งต้องสูญเสียงบประมาณในการแก้ไขก็จะน้อยลง

    แล้วในขณะเดียวกัน
    เรื่องของสุขภาพ เรื่องของคุณภาพชีวิตก็จะดีขึ้น เพราะว่าเราสามารถละเว้นในข้อประพฤติปฏิบัติต่าง ๆ ที่จะก่อให้การละเมิดศีล ๕ นี้ได้ จึงทำให้รู้สึกว่าการตรวจประเมินเพื่อยกหมู่บ้านศีล ๕ ต้นแบบนั้น เป็นเพียงผลพลอยได้เท่านั้น ผลหลัก ๆ เลยก็คือความรักใคร่สามัคคีในหมู่คณะ ความเป็นปึกแผ่นแน่นหนาระหว่างบ้าน วัด โรงเรียน และส่วนราชการ ที่จะนำพาให้ประเทศชาติของเราเกิดความรักใคร่สามัคคีกลมเกลียว มีศีล ๕ เป็นเครื่องดำเนินชีวิตกันอย่างแท้จริง ซึ่งจะก่อให้เกิดความสงบสุขและสันติสุข ทั้งในชีวิตโลกนี้และโลกหน้าสืบไป

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันพฤหัสบดีที่ ๑๕ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...