เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๘ สิงหาคม ๒๕๖๕

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 8 สิงหาคม 2022.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,692
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,555
    ค่าพลัง:
    +26,395
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๘ สิงหาคม ๒๕๖๕


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,692
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,555
    ค่าพลัง:
    +26,395
    วันนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๘ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ กระผม/อาตมภาพได้เดินทางไปเป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรม ถวายพระครูพลธรรมาภิรัต (นิพนธ์ พลวโร) อดีตเจ้าอาวาสวัดเขาแหลม อดีตเจ้าคณะตำบลธรรมเสน ที่ศาลาอเนกประสงค์ วัดเขาแหลม ตำบลเขาชะงุ้ม อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี ซึ่งพระครูนิพนธ์ท่านเป็นเพื่อนร่วมรุ่นพระอุปัชฌาย์มาด้วยกัน แต่ว่ามรณภาพเสียแล้วด้วยอายุแค่ ๕๖ ปี เนื่องจากว่ามีโรคประจำตัว ทั้งเบาหวานและความดันเป็นปกติ

    เรื่องนี้ต้องบอกว่าเป็นปัญหาใหญ่ เนื่องจากว่าญาติโยมทั้งหลายก็มักจะถวายแต่อาหารที่ตนเองชอบให้กับพระ ในเมื่อพระท่านไม่สามารถที่จะเลือกได้ ต้องฉันไปตามมีตามได้ ก็กลายเป็นว่าอาหารในปัจจุบันนั้น กระผม/อาตมภาพเข็ดเหลือเกินกับอาหารรสหวาน ไม่ว่าจะเป็นต้ม เป็นแกง เป็นผัด ล้วนแล้วแต่หวานทั้งสิ้น แม้แต่แกงส้ม ซึ่งคำว่าส้ม แปลว่าเปรี้ยว ก็ยังกลายเป็นแกงหวาน น้ำพริกกะปิก็กลายเป็นกะปิหวาน..!

    เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ บางท่านแก้ตัวว่าเป็น "ตำรับชาววัง" กระผม/อาตมภาพในฐานะที่เคยเลาะรั้วอยู่ข้างวังมานาน ขอยืนยันว่าชาววังไม่ได้กินหวาน เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าสำรับอาหารไทยนั้นมีอาหารหวานต่างหากอยู่แล้ว ในเมื่อมีอาหารหวานต่างหาก ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องทำกับข้าวให้มีรสหวาน กับข้าวที่มีความหวานปนอยู่นิดหน่อย ก็จะเป็นประเภทแกงบวน แกงบอน แกงเทโพ นอกนั้นก็จะมีรสอยู่ชัดเจนในส่วนของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นเปรี้ยว เค็ม เผ็ด เหล่านี้เป็นต้น

    ในเมื่อเลือกไม่ได้ ต้องฉันไปตามที่มี โรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ ก็ถามหาได้ง่าย จึงทำให้หลายท่านต้องเจ็บไข้ได้ป่วย มีโรคประจำตัวที่สำคัญและเสียชีวิตตั้งแต่อายุยังไม่มากมายนัก เรื่องพวกนี้เราเองก็ต้องระมัดระวัง โดยเฉพาะคนจีนมีสุภาษิตที่ว่า "โรคภัยเข้าทางปาก เภทภัยออกจากปาก" ก็แปลว่า อะไรที่รับประทานหรือว่าฉันเข้าไป ก่อให้เกิดโรคได้ง่ายที่สุด ส่วนอะไรที่พูดออกมาโดยไม่คิด ก็สร้างภัยให้กับตนเองได้ง่ายที่สุดเช่นกัน เรื่องกิน เรื่องพูด จึงเป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวังอย่างยิ่ง

    แล้วในวันนี้ เนื่องจากว่าเป็นวันที่ ๘ เดือน ๘ ก็ปรากฏว่ามีบรรดาไลน์ต่าง ๆ ส่งการขายโปรโมชั่นพิเศษเข้ามา เนื่องในวัน ๘.๘ เป็นจำนวนมาก แล้วที่น่ากลัวที่สุดก็คือ กระผม/อาตมภาพสั่งพวงหรีดไปถวายพระครูนิพนธ์ ปรากฏว่าทันทีที่พูดคำว่าพวงหรีด ข้อมูลเกี่ยวกับพวงหรีดจำนวนมากมายมหาศาลก็ทะลักมาเต็มเครื่องมือถือ..!

    ก็แปลว่าปัจจุบันนี้โทรศัพท์มือถือ หรือว่าสิ่งต่าง ๆ ที่สามารถสื่อโซเชียลได้นั้น น่าจะมีการรับฟังผู้ใช้ว่ามีความต้องการอะไร แล้วก็จะส่งสิ่งนั้นมาให้เลือกหา พูดง่าย ๆ ว่าเสนอขายในสิ่งที่เราต้องการ ถ้าหากว่าตรงกับความชอบใจ ก็เท่ากับเขาสามารถขายสินค้านั้นได้ โดยที่อาศัยเครื่องมือในมือของเราคือโทรศัพท์มือถือ นับว่าเป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก..!
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,692
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,555
    ค่าพลัง:
    +26,395
    โดยเฉพาะกระผม/อาตมภาพนั้น จะได้รับข้อมูลว่าแต่ละเดือนตนเองไปที่ใดมาบ้าง เป็นระยะทางใกล้ไกลเท่าไร เมืองสำคัญที่ไปมีเมืองไหนบ้าง ระยะทางที่เราใช้รถยนต์ ระยะทางที่เราเดิน แต่ละอย่างเป็นระยะใกล้ไกลเท่าไร ก็แปลว่า ถ้าหากว่ามีผู้ที่ไม่หวังดีปรารถนาดีจะลอบสังหารใครสักคนหนึ่ง แค่รู้ว่าเขาใช้โทรศัพท์เบอร์อะไร คุณก็ไม่รอดแล้ว..!

    เรื่องพวกนี้มีทั้งคุณอนันต์และโทษมหันต์ ขอให้ท่านทั้งหลายพิจารณาดูเอาเองก็แล้วกัน แต่ว่าตัวกระผม/อาตมภาพนั้น ๖ โมงเย็นเมื่อไรก็ปิดโทรศัพท์ จะเปิดอีกทีก็หลังจากบิณฑบาตฉันเช้าเสร็จแล้ว ถ้าใครโทรมาในเวลาช่วงนั้น ก็แปลว่าไม่ได้เจอกัน


    อีกเรื่องหนึ่งที่อยากจะกล่าวถึงในที่นี้ก็คือว่า มีบรรดาญาติโยมจำนวนมากด้วยกัน น่าจะไม่ได้ฟังเสียงธรรมจากวัดท่าขนุน โทรศัพท์มาสอบถาม ไม่ว่าจะทางเลขานุการส่วนตัว เลขานุการเจ้าอาวาสวัดท่าขนุน เลขานุการรองเจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ เพื่อที่จะสอบถามว่า วันใดที่กระผม/อาตมภาพอยู่วัดบ้าง ? เพื่อที่เขาทั้งหลายเหล่านั้นจะได้มากราบทำบุญด้วย ครั้นได้รับคำตอบว่าไม่สามารถที่จะบอกได้ หลายท่านก็โกรธไปเลย โดยที่ไม่ได้ฟังเหตุผลว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น

    อย่างเช่นวันนี้ ความจริงกระผม/อาตมภาพก็ต้องมีเวลาว่างอยู่วัด แต่ในเมื่อเพื่อนร่วมรุ่นพระอุปัชฌาย์ท่านมรณภาพ ในฐานะประธานองค์กรพระอุปัชฌาย์รุ่นที่ ๕๑ กระผม/อาตมภาพก็จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องไปทำหน้าที่ของตน จึงต้องออกจากวัดมาเพื่อจัดงานสวดพระอภิธรรมถวายท่านพระครูนิพนธ์ที่วัดเขาแหลม จังหวัดราชบุรี

    ก็แปลว่าท่านทั้งหลาย ถ้าหากทราบข่าวว่ากระผม/อาตมภาพว่างเว้นจากภารกิจ อยู่ที่วัดท่าขนุน ท่านไปถึงก็อาจจะไม่พบเจอ เพราะว่าตอนที่ท่านถามนั้นว่าง แต่ว่าหลังจากนั้นแล้วไม่ว่าง บางท่านก็ตอบอย่างชัดเจนว่า "ตอนนี้ว่าง" แล้วก็โดนญาติโยมต่อว่ามา ว่า "พูดจากวนอวัยวะเบื้องต่ำ..!" ทั้ง ๆ ที่เขาเองก็บอกกล่าวอย่างชัดเจนแล้ว

    แม้กระทั่งญาติโยมจำนวนมากที่อยู่รอบวัดท่าขนุน ถึงเวลาเห็นกระผม/อาตมภาพบิณฑบาตก็สบายใจ วันนี้หลวงพ่ออยู่วัดแน่นอน ปรากฏว่าช่วงสายหอบหิ้วสังฆทานและข้าวปลาอาหารไปจะถวาย หลวงพ่อวัดท่าขนุนอยู่ห่างวัดไปสามสี่ร้อยกิโลเมตรแล้ว..! เพราะว่าฉันเช้าเสร็จ ก็มีงานด่วน จำเป็นต้องวิ่งออกจากวัดมา เรื่องพวกนี้พูดไปแล้วก็มีคนเข้าใจได้น้อย
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,692
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,555
    ค่าพลัง:
    +26,395
    ท่านพระครูวิบูลเจติยานุรักษ์, ดร. เจ้าคณะจังหวัดสุพรรณบุรี ที่เป็นเพื่อนร่วมรุ่นเรียนด้วยกันมา ตั้งแต่ระดับประกาศนียบัตร ปริญญาตรี ปริญญาโท บางทีท่านก็ส่งกำหนดการของตนมาให้ว่าวันหนึ่งมีถึง ๕-๖ งาน กระผม/อาตมภาพก็แค่ส่งภาพกระดานข่าววัดท่าขนุนคืนไปให้ บอกกับท่านว่า "ถ้ารู้สึกว่าเหนื่อย..ก็จะได้รู้ว่ามีคนที่เหนื่อยพอกันอยู่บ้าง" ก็ทำเอาหัวเราะ..แหะ..แหะ..ใส่กันในกลุ่มไลน์ หลังจากนั้นแล้วต่างคนก็ต่างทำหน้าที่ของตัวเองไป

    เรื่องนี้ขออาศัยเสียงธรรมจากวัดท่าขนุน บอกกล่าวแก่ญาติโยมทั้งหลายให้ชัดเจนอีกครั้งหนึ่งว่า กระผม/อาตมภาพนั้นลำดับความสำคัญของงานคณะสงฆ์สำคัญกว่าการพบปะกับญาติโยม ดังนั้น...ถ้ามีงานคณะสงฆ์เข้ามา ก็จะไม่ได้ใส่ใจที่จะอยู่รอรับญาติโยมตามนัด หากแต่ว่าไปทำงานคณะสงฆ์ก่อน แต่ถ้าหากว่ามีงานนิมนต์ มีงานคณะสงฆ์ แล้วพอดีมีฎีกาหลวง หรือว่าได้รับอาราธนาให้เข้ารั้วเข้าวัง กระผม/อาตมภาพก็จะทิ้งงานนิมนต์ ทิ้งงานคณะสงฆ์ ไปดำเนินการตามที่ฎีกาหลวงนิมนต์มา

    ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ท่านทั้งหลายก็จะเห็นว่า ตัวของกระผม/อาตมภาพเป็นคนที่พบได้ยาก ความจริงแล้วก็ไม่ได้ยากเลย เพียงแต่ว่าไปให้ถูกจังหวะเท่านั้น หลายต่อหลายท่านก็ตำหนิ ก็บ่น ก็ด่ามา ว่ากระผม/อาตมภาพนั้นไม่ให้เวลาแก่ญาติโยมเลย

    กระผม/อาตมภาพอยากจะบอกว่า ในสมัยที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงยังดำรงชีวิตอยู่ ท่านเองมีภารกิจมากกว่ากระผม/อาตมภาพหลายเท่า แต่กระผม/อาตมภาพไปวัดทีไรก็ได้เจอทุกครั้ง อยากจะบอกว่าที่เจอทุกครั้งเพราะว่ากระผม/อาตมภาพฉลาดกว่าญาติโยม ก็คือเลือกไปวัดเฉพาะตอนที่วัดมีงาน

    ในเมื่อมีงานที่วัด ก็แปลว่าตารางงานของพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านต้องอยู่ที่วัดแน่นอน เราไปวัดในช่วงนั้น อย่างไรเสียก็ได้พบ แล้วทำไมญาติโยมถึงไม่ไปวัดท่าขนุนตอนที่วัดมีงาน ? แต่ว่าเลือกไปตอนที่วัดไม่ได้มีงาน แล้วกระผม/อาตมภาพวิ่งงานอยู่ทางด้านนอก แล้วเราจะพบกันได้อย่างไร ?

    เรื่องแค่นี้ความจริงไม่ต้องใช้หัวแม่เท้าคิดก็น่าจะรู้ ว่าเวลาที่วัดมีงาน อย่างไรเสียกระผม/อาตมภาพก็ต้องอยู่วัด ตารางงานอื่นก็ต้องทิ้งไปก่อน ไม่รับนิมนต์ หรือว่าไม่รับงาน แต่ว่าถ้ามีงานที่ความสำคัญกว่างานวัด ก็จะมอบหมายให้บรรดาผู้ช่วยเจ้าอาวาสทำหน้าที่แทน แล้วตนเองก็ไปงานนั้น ๆ อย่างเช่นว่า ไปตามฎีกาหลวง เป็นต้น

    จึงเป็นเรื่องที่ท่านทั้งหลายจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้ปัญญา ในการที่จะทำอย่างไรให้ได้พบกระผม/อาตมภาพ ไม่ใช่ว่าเที่ยวไปต่อว่าคนโน้น คนนี้ คนนั้น โดยเฉพาะต่อว่ามาถึงกระผม/อาตมภาพเองว่า "พบยาก เล่นตัว ไม่รวยจริงไม่ได้พบ" ก็แล้วแต่กิเลสที่ท่านทั้งหลายจะว่าไป เพราะว่าถ้าท่านปัญญาน้อยขนาดนั้น กระผม/อาตมภาพก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไรให้ท่านทั้งหลายได้เข้าใจ ก็ขอพูดให้กับบุคคลที่เขาเข้าใจฟังไปก็แล้วกัน

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมทั้งหลายแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันจันทร์ที่ ๘ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...