เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๖๖

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๖๖

​

 

วันนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๑๖ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ ช่วงนี้พวกเราจะต้องช่วยทางโรงเรียน ให้คำแนะนำเขาในการส่งรายชื่อนักเรียนเข้าสอบธรรมศึกษา ปีนี้ของเราต้องแยกให้ชัดเจนว่าใครดูแลโรงเรียนไหนบ้าง ทางด้านโรงเรียนทองผาภูมิวิทยา กระผม/อาตมภาพจะดูแลเอง เพราะว่ามีนักเรียนมากที่สุด

โรงเรียนอนุบาลทองผาภูมิให้ปลัดแป๊ะ (พระปลัดวินัย ชาคโร) ดูแล โรงเรียนเทศบาลทองผาภูมิ ปกติก่อนหน้านี้ใครเป็นคนดูแล ? เขามาสอบรวมกับเราหรือเปล่า ? ถ้าอย่างนั้นก็ให้มารวมที่เดียวกัน แล้วของทางโรงเรียนวัชรวิชญ์ ปกติเขาเคยส่ง แต่ตั้งแต่ ผอ.รัตติภรณ์ ถิ่นวัฒนากูลเสียชีวิตแล้ว ก็ดูเงียบ ๆ ไป

ส่วนทางโรงเรียนบ้านจันเดย์ เป็นภาระของมหาไบท์ (พระมหาจักรพงษ์ ปญฺญาทีโป ป.ธ.๖) เพียงแต่ว่าทั้งเลขาฯ บอส (พระสมุห์ณัฐพสิษฐ์ ปญฺญาคโม) เลขาฯ จุก (พระมหาอินทรปกรณ์ ฐิตสุโภ ป.ธ.๔) แล้วก็เลขาฯ พัฒน์ (พระพัฒน์ ฐิตาจาโร) ต้องช่วยกันแนะนำเขาด้วย

เรามีเวลาแค่ประมาณครึ่งเดือนเท่านั้น ในการที่จะส่งรายชื่อและแก้ไขข้อผิดพลาดให้เรียบร้อย ซึ่งเรื่องพวกนี้ ต้องรีบติดต่อกับทางโรงเรียนเขาให้เร็วที่สุด เพราะว่าบางแห่งอย่างโรงเรียนทองผาภูมิวิทยา ครูธรรมจักร นิลรักษา ที่รับผิดชอบอยู่ สอบได้รองผู้อำนวยการ คงต้องย้ายไปรับตำแหน่ง ยังไม่รู้ว่าคนมาใหม่เป็นใคร เพราะฉะนั้น..อย่าเสียเวลาแม้แต่วันเดียว ทำเสร็จเร็วเท่าไร เราก็มีโอกาสแก้ไขได้เร็วเท่านั้น

ส่วนเรื่องของการอบรมนักธรรมชั้นตรีก่อนสอบ ปีนี้อบรมที่วัดเขื่อนวชิราลงกรณ ก็แปลว่าตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป พระใหม่ที่สอบนักธรรมชั้นตรีคงจะต้องปวดหัวหน่อย เพราะว่าอบรมเสร็จก็สอบต่อพอดี ส่วนนี้นอกจากครูบาอาจารย์และกองงานเลขานุการแล้ว ถ้าหากว่ามีใครที่จบนักธรรมชั้นเอกแล้วพอปลีกตัวได้ ให้ปลีกตัวไปช่วยกองงานเลขานุการเพิ่มอีกสัก ๓ รูป เป็นการฝึกงานไปด้วย เนื่องเพราะว่าของพวกนี้ไม่ช้าก็เร็ว จะต้องตกลงมาถึงบ่าของพวกท่านจนได้ ถ้าเป็นงานไว้ก่อน ต่อไปเราก็สบาย ไม่อย่างนั้นแล้วพอถึงเวลาก็หยิบจับอะไรไม่ถูก

โดยเฉพาะในปัจจุบันนี้ ทางกองธรรมสนามหลวง ต้องบอกว่าเป็น "เสือนอนกิน" คือก่อนหน้านี้ เขาจะต้องมีงบประมาณส่งมาให้พวกเราซื้อหาเรื่องกระดาษสอบ ปากกา ยางลบ อะไรพวกนั้น แล้วยังต้องส่งเจ้าหน้าที่นำข้อสอบมาส่งด้วย แต่ตอนนี้ทุกอย่างออนไลน์หมด รายจ่ายตกอยู่กับคณะสงฆ์แต่ละอำเภอเป็นคนจ่ายเอง กระผม/อาตมภาพยังไม่ได้ไปศึกษาดูว่า เขายังได้รับงบประมาณเท่าเดิมหรือเปล่า ? ถ้าหากว่าได้รับเท่าเดิม แต่ลดค่าใช้จ่ายไปมหาศาลเลย โดยเฉพาะพวกเครื่องเขียนต่าง ๆ ก็น่าจะมีเข้ากระเป๋าใครบ้าง !?

 

อีกงานหนึ่งก็คือการเตรียมงานตักบาตรเทโวและทอดกฐินสามัคคี ท่านทั้งหลายก็เห็นแล้วว่า มีผู้จองผ้าไตรมาแล้ว ๒,๐๐๐ กว่าไตร ของเรารับได้ประมาณ ๓,๐๐๐ ไตรเท่านั้น ก็จะหมดคลังแล้ว ตรงส่วนนี้ก็ต้องดูไอ้ตัวเล็กว่าจะควบคุมได้เท่าไร แต่กระผม/อาตมภาพส่งวัตถุมงคลให้ไปก่อนแล้ว ๒,๐๐๐ ชิ้น ถ้าเป็นไปได้ ก็คงทยอยส่งให้กับผู้ที่โอนเงินมาแล้ว คือท่านทั้งหลายเหล่านี้ที่จองผ้าไตรเป็นการประกันความเสี่ยง ว่าอย่างไรเสียก็ได้ทำบุญหลังจากที่กระผม/อาตมภาพออกกรรมฐานแน่นอน หลายคนก็จองและโอนเงินล่วงหน้ามาเป็นเดือนแล้ว

คราวนี้ในส่วนของการประชุมคณะกรรมการและจัดสรรแบ่งงานกันนั้น ส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องของการจัดเตรียมสถานที่ ถ้าตอนที่ต้องการอำนวยความสะดวกคล่องตัวในระหว่างของการตักบาตรเทโว เราจะมีคณะของท่านอาจารย์วิชชุ และอาจจะมีทางด้านบริษัทมุลเลอร์ กรุ๊ปมาช่วยด้วย ตรงนั้นน่าจะช่วยแบ่งเบาภาระพวกเราไปได้ส่วนหนึ่ง

ดังนั้น..ตอนนี้ใครรับผิดชอบเรื่องทำความสะอาด ไม่ว่าจะเป็นการขัดล้างพื้นซึ่งมีแต่ตะไคร่ที่งอกงามมาก เพราะว่าฝนตกแดดออกสลับกันไปตลอดเวลา หรือว่าการทำความสะอาดห้องน้ำห้องท่าเตรียมพร้อมเอาไว้ ต้องทยอยทำไปแล้วก็ปิดประตูไว้ก่อน ถึงเวลาก่อนงานสักสองวัน ค่อยไปสำรวจอีกทีว่ามีอะไรสกปรกหรือว่าผิดพลาดไปจากแผนที่วางไว้หรือเปล่า ? เพราะว่าช่วงนั้นกระผม/อาตมภาพเข้ากรรมฐานอยู่ พวกเราก็ต้องปรึกษากับทางน้องเล็ก (นางสาวจิราพร ซื่อตรงต่อการ) และคณะแทน

ส่วนในเรื่องของวัตถุมงคลที่เข้ากรรมฐานปีนี้ ก็คือตะกรุดโลกธาตุ ซึ่งทำเฉพาะเนื้อทองคำเท่านั้น แต่ปรากฏว่าทำไปทำมา จากการคำนวณ ความผิดพลาดไม่ได้เกิดที่เรา และก็ไม่ได้เกิดจากโรงงาน น่าจะเกิดจากอานุภาพพระคาถาเงินล้าน เพราะว่าทำไปทำมา ทองคำก็ยังเหลือ จำนวนตะกรุดก็ได้เกินจากที่สั่งไป เอาไว้หลังจากเข้ากรรมฐานสามวันแล้ว ส่วนที่เหลือจะให้ไอ้ตัวเล็กเอาออกให้บูชาในเว็บไซต์วัดท่าขนุน แต่ว่าก็คงจะเป็นอีกราคาหนึ่ง ไม่ใช่ราคาที่ท่านทั้งหลายได้จองมา

เรื่องพวกนี้ ถ้าเรามีการเตรียมพร้อมแต่เนิ่น ๆ ถึงเวลางานทุกอย่างก็จะเป็นไปด้วยดี ก็คือลักษณะของการไม่ประมาท ไม่คิดว่าเรารู้และเคยชินกับงานแล้ว ต้องคิดไว้ในแง่ร้ายที่สุดเสมอ ว่าถ้ามีปัญหาแล้วเราจะแก้ไขอย่างไร อย่างเช่นว่า ไฟดับ น้ำประปาไม่ไหล เหล่านี้เป็นต้น

ถ้าเรามีการเตรียมพร้อมเอาไว้ ถึงเวลาก็จะไม่สะดุดติดขัด โดยเฉพาะญาติโยมที่อยากทำบุญมีมาก ถึงเวลาแห่กันมาแออัดยัดเยียดไปหมด แล้วคนเวลาอยู่ร่วมกันจำนวนมาก ๆ ก็มักจะไม่ค่อยฟังเสียงกัน บอกให้ทำอย่างหนึ่ง อาจจะไปทำอีกอย่างหนึ่ง แล้วทำให้งานของเราสับสนวุ่นวายขึ้นมาได้

 

ในส่วนของโรงทานยกให้แม่ชีรับผิดชอบไป นอกจากในส่วนที่พวกเราจะทำเองแล้ว ใครก็ตามที่จองโรงทานเข้ามา จะต้องดูให้ดีว่าเรามีเครื่องไม้เครื่องมือพอให้กับเขาหรือเปล่า ? ถ้าไม่พอก็ปฏิเสธได้ ไม่ใช่ว่าคนโน้นก็จะเอาเตา คนนี้ก็จะเอาถังแก๊ส เพราะว่าเราก็มีไม่พอให้เขาทุกคน ถ้าหากว่าใครจองมาช้าแล้ววัสดุของเราหมดคลัง ก็บอกเขาว่าให้ทำเป็นอาหารสำเร็จรูปมา เพราะว่าเครื่องครัวของเราไม่มีมากพอที่จะรองรับได้

คราวนี้เรื่องอื่น ๆ ของเราก็คงต้องไปแก้ไขหน้างาน ส่วนบรรดาผู้ร่วมงานที่จะมา ถ้าหากว่าพวกที่เน้นความปลอดภัย อย่างที่จองทัวร์จองกิฟท์จังพลังเวทย์มา เขามีที่กินที่นอนแน่นอยู่แล้ว ส่วนอื่น ๆ ที่อาจจะจองของคณะโมทนาบุญสัญจร นั่นเขารับรองเรื่องมาร่วมงานกับเรื่องกินเท่านั้น เรื่องที่นอนไม่ต้องไปหวัง ยกเว้นว่าได้จองเอาไว้เองล่วงหน้านานแล้ว

เนื่องเพราะว่าตอนนี้บรรดาที่พักต่าง ๆ ไม่เหลือให้พวกเราแล้ว มีอย่างเดียวก็คือ ถ้าไม่ได้จองที่ในตัวเมืองหรือที่ไทรโยค ซึ่งอย่างไม่มี ๆ ก็ห่างไปประมาณ ๘๐ กิโลเมตร ถ้าถึงตัวเมืองก็ต้อง ๑๔๐ กิโลเมตร..! ก็อาจจะต้องไปจองทางด้านสังขละบุรี นั่นก็ห่างไปประมาณ ๘๐ กิโลเมตร

ต้องบอกว่า ปมาโท มจฺจุโน ปทํ ความประมาทเป็นหนทางแห่งความตาย แต่คาดว่าอดนอนแค่คืนสองคืน คงไม่ถึงกับตายหรอก แต่อาจจะลำบากหน่อย ส่วนเรื่องโรงทาน เรื่องอาหารการกิน เราน่าจะมีพอให้ เพราะว่าเตรียมสำรองเอาไว้แล้ว อย่างไม่มีอะไร อย่างน้อยบะหมี่สำเร็จรูปผัดก็น่าจะช่วยชีวิตไปได้มื้อหนึ่ง

คราวนี้ตัวกระผม/อาตมภาพเอง อายุก็มากขึ้นทุกวัน ยังไม่รู้ว่าการเข้ากรรมฐาน ๓ วัน จะมีเรี่ยวมีแรงเหลือพอที่จะเดินขึ้นยอดเขาพระพุทธเจติยคีรี เพื่อไปรับบาตรเทโวไหวอีกหรือเปล่า ? เพราะว่าจากปกติที่เดินขึ้นประมาณ ๔ นาที ปีที่แล้วจับเวลาดูใช้เวลา ๗ นาที เพิ่มขึ้นมาเกือบเท่าตัว แม้ว่าจะสามารถเดินรวดเดียวถึง แต่รู้เลยว่ากำลังตัวเองตกลงไปทุกที ส่วนญาติโยมไม่ต้องห่วงหรอก กว่าจะขึ้นถึงยอด บางคนก็เล่นเอาครึ่งค่อนชั่วโมง..!

คราวนี้ส่วนหนึ่งที่ต้องระมัดระวังก็คือ จะมีพระเณรอาคันตุกะสวมรอย "ตีเนียน" เข้ามาหรือเปล่า ? ถ้าหากว่ามี ให้ดึงออกไปเลย เพราะว่าพวกนี้เคยมาแล้วก็มักจะติดใจ แล้วก็มาบ่อย สมัยก่อนเราปล่อยให้ที่อื่นเข้ามาร่วมงานของเราได้ แต่กลายเป็นว่าพวกเขามักจะไปเน้นเรื่องของการรับเงิน ทำให้วัดวาอารามของเราเสียหายไปด้วย เพราะฉะนั้น..ให้ตัดออกไปเลย หมดเรื่องหมดราว..!

ยกเว้นว่าที่มาจากสาขาของเรา ถ้าหากว่าทางวัดวังปะโท่ วัดพุทธมณฑลอรัญญิกาวาส วัดพุทธบริษัท สำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษี สำนักสงฆ์ถ้ำทะลุ อยากจะมาร่วมงานด้วยก็ได้ เพราะว่าเป็นพระที่อบรมไปจากวัดของเราเอง ย่อมรู้อยู่ว่าต้องทำตัวอย่างไร

 

ก็ได้แต่ฝากงานพวกท่านเอาไว้ล่วงหน้า เพราะว่ากระผม/อาตมภาพเองงานเยอะมาก ส่วนใหญ่แล้วเรื่องด่วน ๆ ก็มักจะวิ่งเข้ามา อย่างวันที่ ๑๗ นี้ก็มีงานสวดพระอภิธรรมถวายหลวงพ่อวัดเฉลิมพระเกียรติ กระผม/อาตมภาพแจ้งกับทางคณะกรรมการหมู่บ้านรักษาศีล ๕ ไปแล้วว่า ติดนัดทางด้านวิศวกรที่จะนำแบบสะพานแขวนมาให้ดู ไม่สามารถที่จะไปได้ ขอให้ส่งหน้าบัญชีมา จะได้โอนเงินไปร่วมด้วย แต่ว่าเขายังไม่ส่งมาให้

แล้วเรื่องด่วน ๆ เหล่านี้ เวลาเข้ามา บางทีต้องบอกว่างานหลักของเราก็วุ่นวายไปหมด จะไม่ไปก็ไม่ได้ เพราะว่ากระผม/อาตมภาพเป็นคณะกรรมการดำเนินงาน ซึ่งถือว่าเป็นตัวหลักของหมู่บ้านรักษาศีล ๕ แต่ถ้าจะไป สิ่งที่เรานัดเอาไว้ล่วงหน้านานแล้วก็จะเสียหายได้

ดังนั้น..จึงต้องชั่งน้ำหนักดูว่าเราควรจะถือทางด้านไหนเป็นหลัก ในเมื่อด้านโน้น เราสามารถที่จะโอนเงินไปร่วมได้ ทางด้านนี้เราจำเป็นที่จะต้องอยู่เพื่อตอบคำถามของเขา หรือซักถามในจุดที่เราข้องใจสงสัย ก็จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องให้ความสำคัญทางด้านนี้มากกว่า

เรื่องพวกนี้ ถ้าหากว่าเราฝึกกรรมฐานไว้แล้ว ควรที่จะทำให้ได้ ก็คือต้องมีสติ รับมือกับงานที่เข้ามาให้ถูกต้อง แยกความก่อนหลังเร็วช้าของงาน จัดลำดับความสำคัญ แล้วก็ทำไปตามนั้น งานทุกอย่างก็มีโอกาสที่จะสำเร็จลงด้วยดี

สำหรับวันนี้ก็เรียนถวายแก่พระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันจันทร์ที่ ๑๖ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)