เรื่องเด่น เปิดโชว์อลังการ-ล้ำค่า พุทธศิลป์จีนโบราณ

ย้อนมิตรภาพ 2 ชาติไทย-จีน กว่า 100 รายการ ชี้หาชมได้ยากบนตึกใบหยก

รมว.ต่างประเทศและเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย ร่วมเปิดงานนิทรรศการ “พุทธศิลป์จีนโบราณล้ำค่า” ที่จัดแสดงพระพุทธรูป วัตถุมงคลและศิลปะจีนโบราณหายากกว่า 100 รายการ ประเมินมูลค่ามิได้ ที่โรงแรมใบหยก พร้อมจัดเสวนา “เจาะเวลาหาอดีตสัมพันธ์ไทย-จีน” พูดคุยเบื้องลึกเบื้องหลังการลงนามความสัมพันธ์ทางการทูตของไทย-จีนในอดีต

ที่โรงแรมใบหยกสกาย เมื่อบ่ายวันที่ 22 พ.ย. นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ และนายหลู่ย์ เจี้ยน เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ร่วมเปิดงานและเดินชมนิทรรศการ “พุทธศิลป์จีนโบราณล้ำค่า” บริเวณหอชมวิว ชั้น 77 ในงานมีการจัดแสดงพระพุทธรูป วัตถุมงคล และศิลปะจีนโบราณกว่า 100 รายการ ที่ประเมินมูลค่ามิได้และไม่เคยปรากฏมาก่อน

เมื่อก้าวเท้าเข้าพื้นที่จัดงาน ส่วนแรกจะพบกับนิทรรศการพุทธศิลป์รัชสมัยสมเด็จพระปิยมหาราช มีการจัดแสดงของล้ำค่า เช่น เครื่องเคลือบเบญจรงค์ พระราชลัญจกรประจำรัชกาล พ.ศ.2411-2453 รูปปั้นพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว หล่อปูนปิดทองฝังด้วยอัญมณี และพระบรมสาทิสลักษณ์ รัชกาลที่ 5 จารลงบนหนังช้าง

ต่อมาเป็นส่วนจัดแสดงพุทธศิลป์ทองคำจีนโบราณ เป็นรูปปั้นพระโพธิสัตว์ปางต่างๆ ทั้งในท่านั่งและท่ายืน พระศรีศากยมุณี พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ทั้งหมดทำขึ้นจากทองคำโบราณ นำมาจากประเทศจีน นอกจากนี้ ยังมีรูปปั้นปูนเพชรสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) อายุประมาณ 150 ปี รูปปั้นสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ที่หล่อปูนปิดทองฝังประดับด้วยอัญมณี พร้อมเครื่องรางของขลังสำหรับใช้ในการออกรบ รวมถึงยังมีพระสมเด็จวัดระฆังยุคต่างๆ ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือของชาวจีน ต่อด้วยส่วนจัดแสดงพุทธศิลป์พระพุทธเจ้าน้อย จัดแสดงพระศรีศากยมุนี ปางประสูติและปางทรมานกาย ทำจากโลหะผสม จากนั้นเป็นส่วนจัดแสดงพุทธศิลป์พระพุทธเจ้าแบบจีน ทำจากโลหะผสม ศิลปะชวา

ในงานนิทรรศการยังมีการจัดแสดงพระศรีอริยเมตไตรย ทำจากหยก มีขนาดใหญ่น้ำหนักกว่า 1,600 กิโลกรัม ประเมินมูลค่ามิได้ โดยมีการจัดแท่นบูชาและกระบอกเสี่ยงเซียมซี ไว้ทำนายดวงชะตาแก่ผู้มาสักการะ โดยแขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมชมรวมถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติ ต่างให้ความสนใจ โดยนำโทรศัพท์มาบันทึกภาพของเก่าล้ำค่าที่หาชมได้ยากอย่างคึกคัก ทั้งนี้ ประชาชนสามารถเข้าชมนิทรรศการพุทธศิลป์จีนโบราณล้ำค่าตั้งแต่วันที่ 22 พ.ย. ไปจนถึงวันที่ 22 ธ.ค. เสียค่าเข้าชม 400 บาท และยังสามารถขึ้นไปชมวิวกรุงเทพมหานครแบบพาโนรามา 360 องศา บนดาดฟ้าพื้นหมุนที่ชั้น 84 ได้อีกด้วย

หลังพิธีเปิดงานมีการเสวนาในหัวข้อ “เจาะเวลาหาอดีตสัมพันธ์ไทย-จีน” พูดคุยเบื้องลึกเบื้องหลัง อุปสรรคต่างๆ ทั้งก่อนและหลังการลงนามความสัมพันธ์ทางการทูตของ 2 ประเทศคือไทยกับจีน โดยนายวรรณไว พัธโนทัย ผู้ร่วมประวัติศาสตร์ ที่เป็นบุตรบุญธรรม นายโจว เอินไหล อดีตนายกฯจีนกล่าวว่า บิดาคือนายสังข์ พัธโนทัย ในตอนนั้นต่อต้านประเทศจีนเพราะเกรงกลัวคอมมิวนิสต์ แต่หลังสงครามเกาหลีที่ฝ่ายจีนได้รับชัยชนะ ทำให้เริ่มมองจีนที่เปลี่ยนไป เพราะเป็นประเทศมหาอำนาจ จึงมีความคิดคบหากับจีน เป็นที่มาของการส่งตนและน้องสาวไปเมืองจีน จากการได้อยู่กับท่านนายกฯโจว เอินไหล ท่านเป็นคนที่มีความรู้สึกดีๆกับประเทศ ไทย ไม่เคยถือสาในเรื่องที่เคยบาดหมางกัน แม้ตอนนั้นที่ประเทศไทยขาดแคลนน้ำมัน ขายข้าวไม่ได้ ทางการจีนก็ให้ความช่วยเหลือ

ขณะที่นายกวน มู่ อดีตเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐ ประชาชนจีนประจำประเทศไทย กล่าวว่า ช่วงที่รัฐบาลจีนเปิดความสัมพันธ์กับรัฐบาลไทยในสมัยของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช อดีตนายกรัฐมนตรี ถือว่าหลังจากนั้นทั้ง 2 ประเทศมีมิตรภาพที่ดีต่อกันมาตลอด ตอนนั้นได้เริ่มเรียนภาษาไทย จนได้มาเป็นเอกอัครราชทูต จากการได้มามีส่วนร่วมของทั้ง 2 ประเทศ ทำให้ได้เห็นว่าความร่วมมือไทยกับจีนที่มีต่อไปต้องอาศัยความเข้าใจกัน และความเชื่อมั่น สิ่งสำคัญของผู้นำต้องเข้มแข็ง กล้าที่จะฟันฝ่าปัญหาต่างๆ

ขอขอบคุณที่มา
https://www.thairath.co.th/content/1427448