เด็กหาย ยอดสูงขึ้น-อายุลดลง ..รายต่อไปลูกใคร?

ในห้อง 'ข่าวทั่วไป' ตั้งกระทู้โดย KK1234, 26 มีนาคม 2009.

  1. KK1234

    KK1234 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    2,401
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,515
    เด็กหาย ยอดสูงขึ้น-อายุลดลง ..รายต่อไปลูกใคร?



    [​IMG]


    "มีเด็กหายมากเป็นประวัติการณ์ถึง 44 คน จากจำนวนคนหาย 58 คน และที่สำคัญเด็กที่หายไปนั้นมีอายุน้อยลง คือจากเดิม 16-18 ปี กลายเป็น 11-12 ปี และอายุที่น้อยที่สุดคือ 8 ขวบ"

    ...นี่เป็นสถานการณ์เด็กหาย แค่ในช่วงเดือน ต.ค. 2551 ที่ผ่านมา และเฉพาะในส่วนที่ ศูนย์ข้อมูลคนหาย มูลนิธิกระจกเงา รับรู้-รับแจ้ง ซึ่งในรายละเอียดของสถานการณ์ปัญหานี้...ถือว่าน่าเป็นห่วง

    ลอยกระทง ปีนี้...ก็อาจจะมียอดเด็กหายอีกหลายคน

    ปลายสัปดาห์เมืองไทยมีงานใหญ่ที่สำคัญ ก็ต้องระวัง

    ทั้งนี้ ปัญหาเด็กและเยาวชนในเมืองไทยมีมากมายสารพัด สะท้อน ให้เห็นถึงสถาบันครอบครัวไทยที่นับวันจะอ่อนแอลงเรื่อย ๆ ปัญหาเด็กมีทั้งเด็กติดยาเสพติด เด็กเร่ร่อน เด็กขอทาน เด็กกำพร้า เด็กยากจน เด็กก่ออาชญากรรม เด็กติดเกม และ เด็กหาย ก็เป็นอีกปัญหาที่สังคมต้องช่วยกันจับตา ช่วยกันแก้ไข-ป้องกัน

    แม้กรณีเด็กหายจะมิใช่ปัญหาใหม่ ในอดีตก็มีข่าวขบวนการลักเด็ก-แก๊งลักเด็ก โดยเด็กถูกนำตัวไปบังคับเป็นขอทาน บังคับใช้แรงงาน บังคับค้าประเวณี หรือถูกนำไปขายให้ต่างชาติ อย่างไรก็ตาม จากตัวเลข-สถานการณ์เด็กหายในช่วงเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา เดือนเดียวมีเด็กหายจำนวนมาก สังคมไทยยิ่งละเลยมิได้

    "ปรากฏการณ์เหล่านี้สะท้อนอะไรหลายอย่างให้กับสังคมมาก ทำไมเด็กจึงสื่อสารกับคนภายนอกและคนแปลกหน้ามาก คำตอบก็คือปัญหาครอบครัวขาดความอบอุ่น ขาดการพูดคุย ขาดความเข้าใจกัน ไม่มีกิจกรรมระหว่างกัน" ...เป็นการระบุของ ธิติมา หมีปาน หัวหน้าศูนย์ข้อมูลคนหาย มูลนิธิกระจกเงา ซึ่งธิติมาบอกว่า... เด็ก ที่หายไปไม่ใช่เด็กที่มีปัญหาหรือมีพื้นฐานครอบครัวแตกแยก เด็กบางคนครอบครัวมีฐานะ-มีทุกอย่างพร้อมด้วยซ้ำ แต่สิ่งที่ขาดคือความอบอุ่นในครอบครัวจนเด็กไปพึ่งอย่างอื่น

    หัวหน้าศูนย์ข้อมูลคนหายบอกต่อไปว่า... สังคมไทยตอนนี้ ต้องยอมรับว่าผู้ปกครองต้องทำงานนอกบ้าน แต่ก็มีวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ หรืออย่างน้อยต้องมีวันหยุด 1 วัน ก็ควรจะแบ่งใช้เวลานี้ในการดึงเด็กให้อยู่กับครอบครัว มีกิจกรรมร่วมกัน หรือไปเที่ยวด้วยกัน หรือช่วงเย็นๆ ของทุกวันก็น่าจะมีเวลาพูดคุยกันเพื่อให้ทราบถึงความเป็นไปของคนในครอบครัว เช่น ลูกมีเพื่อนเป็นใครบ้าง หรือการเรียนเป็นอย่างไร เพื่อตัดเวลาที่จะต้องไปพึ่งพาคอมพิวเตอร์ หรือโทรศัพท์มือถือ ให้น้อยลง เพราะทั้งสองอย่างนี้อาจจะสร้างปัญหาให้เกิดขึ้นได้

    "ส่วนใหญ่มีแต่คนกล่าวถึงข้อดีของคอมพิวเตอร์ และโทรศัพท์มือถือที่เป็นอุปกรณ์ในการสื่อสาร แต่ไม่ค่อยมีใครกล่าวถึงโทษของเจ้าอุปกรณ์นี้เลย ซึ่งอย่าลืมว่าเวลา 1 วันของเด็กนั้น ครึ่งหนึ่งอยู่ที่โรงเรียน ครึ่งหนึ่งอยู่ที่บ้าน เมื่อครอบครัวเกิดปัญหาขึ้นมา เด็กก็มักจะพึ่งพา 2 สิ่งนี้แก้เหงา"

    ธิติมาบอกต่อถึง "สาเหตุที่ทำให้เด็กหาย" ว่า... หลัก ๆ มี 2 สาเหตุคือ

    1. ถูกล่อลวงผ่านทางคอมพิวเตอร์ โปรแกรมแชต เกมออน ไลน์ หรือไฮไฟว์ ซึ่งถ้าเป็นเด็กผู้หญิงจะยิ่งน่ากลัวมาก เพราะมักถูกล่อลวงทางเพศโดยผู้ชายที่มีอายุกว่า 20 ปีขึ้นไป บางกรณีผู้ชายอายุกว่า 40 ปีขึ้นไป และเด็กผู้หญิงนั้นเมื่อออกจากบ้านไปอยู่กับผู้ชาย ทำงานบ้านก็ไม่เป็น เพราะเคยเป็นแต่คุณหนูมาก่อน เมื่อถูกทิ้งก็อาจจะเข้าวังวนค้าประเวณี-ค้าบริการทางเพศได้ง่าย ส่วนเด็กผู้ชายก็เข้ากลุ่มเด็กเร่ร่อน ก่ออาชญากรรมเพื่อดำรงชีพ

    2. น้อยใจพ่อแม่ที่ไม่เข้าใจ หรือดุด่าว่ากล่าว จึงหนีออกจากบ้าน อย่างไรก็ดี เทียบสองสาเหตุแล้ว สาเหตุแรกน่ากลัวกว่า เพราะถึงตามตัวเจอก็มีโอกาสหายอีก 2-3 ครั้ง ไปกับคนที่ไม่ซ้ำหน้ากัน ในขณะที่เด็กที่ออกจากบ้านด้วยกรณีน้อยใจนั้น เมื่อตามกลับมาแล้วโอกาสจะหายไปอีกน้อยกว่ากรณีแรกมาก

    "กรณีหลังไม่น่ากลัว มากเท่าไหร่ เพราะเมื่อเด็กและครอบครัวคุยกัน แลกเปลี่ยนความเข้าใจกันระหว่างคนรุ่นเก่าและคนรุ่นใหม่ ก็แก้ไขปัญหาได้ แต่ควรจะระวังกรณีแรกให้มาก ๆ" ...ธิติมา ระบุ

    ทั้งนี้ จากสถิติคนหายทั่วประเทศนับตั้งแต่เดือน ต.ค. 2546-ต.ค. 2551 ทางมูลนิธิกระจกเงาได้รับการแจ้งเหตุจำนวน 1,180 ราย คนที่หายเป็นเพศชาย 400 คน เพศหญิง 780 คน เป็นเด็กอายุไม่เกิน 18 ปี จำนวน 704 คน แบ่งเป็นชาย 137 คน หญิง 577 คน โดยช่วงอายุที่หายไปมากที่สุดคือ 11-15 ปี จำนวน 424 คน เป็นชาย 78 คน และหญิง 339 คน ซึ่งตัวเลขเหล่านี้ก็สะท้อนได้ว่าปัญหาคนหาย-เด็กหาย...เป็นเรื่องใหญ่มิใช่ น้อย

    กับแนวทางจัดการกับปัญหานี้ ทางศูนย์ข้อมูลคนหายได้เสนอ 2 มิติ คือ

    1. เชิงนโยบาย ควรมี "กฎหมายวิธีพิจารณาความว่าด้วยคนหาย" ที่ครอบคลุมเรื่องระเบียบและวิธีดำเนินการกรณีคนหายอย่างครบถ้วน เพราะทุกวันนี้ยังสับสนกันอยู่ เช่น การแจ้งความคนหาย เข้าใจกันว่าต้องหาย เกิน 24 ชั่วโมง ทั้งที่ไม่จำเป็น แม้แต่ตำรวจเองก็ยังสับสน

    2. เชิงป้องกัน กำหนดให้ "วันอาทิตย์เป็นวันครอบครัวแบบจริงจัง" ซึ่งครอบครัวต้องให้ความสำคัญ มีกิจกรรมสานสัมพันธ์ในครอบครัว และโรงเรียนควรมีส่วนช่วยจัดกิจกรรมเพื่อให้ผู้ปกครองของเด็กได้เจอเพื่อน ๆ ของลูก หรือเจอผู้ปกครองของเพื่อนลูก เพื่อช่วยกันป้องกันปัญหาอีกทาง

    เมืองไทยปัจจุบันนี้...ยอดเด็กหาย กำลังพุ่งสูง จะหายไปด้วยเหตุใด...ก็น่าห่วง-เป็นเรื่องร้าย

    ตื่นตัวใส่ใจดูแลบุตรหลานกันให้ดี...อย่าชะล่าใจ มิฉะนั้น...รายต่อไปอาจเป็นบุตรหลานคุณ ?!?


    ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
    [​IMG]

    นำมาจาก
    http://icare.kapook.com/missing.php?ac=detail&s_id=61&id=867
     

แชร์หน้านี้

Loading...