หลวงปู่พิศดู วัดเทพธารทอง และพระคณาจารย์สายต่างๆ (ข้อมูลวัตถุมงคล หน้า 1-8)....

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย ทุเรียนทอด, 16 พฤษภาคม 2011.

  1. ทุเรียนทอด

    ทุเรียนทอด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,329
    ค่าพลัง:
    +57,982
    [​IMG]

    [​IMG]

    ประวัติ-ชาติภูมิ ของ หลวงปู่พิศดู ธมฺมจารี

    นามเดิมชื่อ พิศ สิงหพันธุ์(ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นพิศดู) ชื่อเล่นชื่อ โบ๊ะ
    เกิด เมื่อ วันเสาร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2466 ปีกุน ที่ ต.เกาะปอ อ.เกาะกง จ.ปัจจันตคีรีเขต(ปัจจุบันคือ จ.กำปอด) ประเทศกัมพูชา

    โยมบิดา ชื่อ อี้
    โยมมารดา ชื่อ เพี้ยน
    มีพี่น้องร่วมสายโลหิตด้วยกัน รวม 3 คน หลวงปู่เป็นพี่คนโต
    อุปนิสัย เป็นคนเรียบร้อย รักสันโดษ เอาจริงเอาจัง เฉลียวฉลาดและมีความจำดีเยี่ยม:cool:

    บรรพชา
    พออายุได้ 15 ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดเกาะปอ อยู่จำพรรษาได้เพียง 1 พรรษา พออายุได้ 16 ปีก็ได้อพยพหนีภัยสงครามเข้ามา อยู่ที่ อ.คลองใหญ่ จ.ตราด ประเทศไทย พำนักอยู่ ณ วัดลำดวน ต่อมาจึงได้เดินทางมายัง จ.จันทบุรี และได้ฝากตัวเป็นลูกศิษย์กับท่านพ่อลี ธมฺมธโร ยอดขุนพลแห่งกองทัพธรรมสายป่า ท่านพ่อลีเห็นแววว่าเณรพิศนี้ต่อไปจะได้บวชยาว และจะได้ดีในวันข้างหน้าจึงรับไว้ในการดูแลและให้ช่วยงานอยู่วัดป่าคลองกุ้ง อ.เมือง จ.จันทบุรี จวบจนอายุได้ 21 ปีบริบูรณ์ จึงได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ

    อุปสมบท
    พออายุได้ 21 ปี ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ พัทสีมา วัดจันทนาราม ต.จันทนิมิตร อ.เมือง จ.จันทบุรี เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ.2487 เวลา 15.15 น. โดยมีพระอมรโมลี เป็นพระอุปปัชฌาย์ และมีท่านพ่อลี ธมฺมธโร เป็นพระกรรมวาจาจารย์สังกัดธรรมยุตินิกาย ได้รับฉายาว่า ธมฺมจารี แปลว่า ผู้ประพฤติธรรม ได้อยู่จำพรรษาที่วัดป่าคลองกุ้ง และได้ดูแลอุปัฏฐากรับใช้ท่านพ่อลีด้วยดี รวมทั้งได้เรียนนักธรรมบาลี จนสอบได้นักธรรมชั้นโท หลวงปู่ท่านเป็นคนที่มีปัญญามากไม่ว่าจะเรียนรู้อะไรก็สามารถสำเร็จและเจนจบได้อย่างรวดเร็ว แม้แต่การท่องจำบทพระปาฏิโมกข์ก็สามารถท่องได้จบภายใน 15 วัน โดยที่ไม่ต้องเปิดทวนตำราเลย จากนั้นจึงเข้าสู่เส้นทางศึกษาการปฏิบัติธรรมอย่างจริงจัง โดยรับเอาพระกัมมัฏฐานการปฏิบัติภาวนา พุทโธ ตามแบบสายพระป่าอาจารย์มั่น หลวงปู่ท่านบอกว่า เพียงแค่ท่านพ่อลีสอนการภาวนา ท่านก็ทำตามได้ไม่นานจิตก็รวมเข้าสู่ฐานได้อย่างรวดเร็ว บังเกิดความสว่างไสวขึ้นมาอย่างน่าประหลาดใจเป็นที่สุด จากนั้นท่านก็เอาดีแต่ทางปฏิบัติเพียงอย่างเดียว และได้เที่ยวเดินตามธุดงค์ไปกับท่านพ่อลีและคณะ ไปกันทั่ว บุกป่าฝ่าดงไปตามป่าเขาลำเนาไพร จนถึงประเทศเพื่อนบ้านเพื่อการขัดเกลากิเลส และได้พจญภัยมาทุกรูปแบบ ท่านเป็นพระที่ท่านพ่อลีไว้ใจ และโปรดปรานมากเป็นพิเศษ ถึงกับขนาดบอกและฝากฝังกับลูกศิษย์ต่างๆเอาไว้เลยว่า ต่อไปภายหน้าถ้าเกิดเรา(ท่านพ่อลี)ไม่อยู่แล้ว ให้พวกเธอไปหาท่านพิศดูแทนนะ ต่อไปท่านจะแทนเราได้

    พอพรรษาได้ 10 พรรษาก็ได้ออกธุดงค์เพียงรูปเดียวไปแถบภาคเหนือเพราะได้มีเสียงเล่าลือกันว่าที่นั่นมีของดี ด้วยความอยากรู้ท่านก็อยากพิสูจน์ด้วยตาตนเอง และทางภาคเหนือนั้นเป็นที่ๆนักปฏิบัติรุ่นเก่าๆชอบไปภาวนากัน ท่านได้จาริกไปถึง จ.เชียงใหม่ อยู่ที่นั่นได้ 1 ปีเต็มๆ โดยจำพรรษา ณ วัดเจดีย์หลวง อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ได้มีโอกาสเข้ากราบครูบาอาจารย์ต่างๆหลายองค์ อาทิหลวงปู่ตื้อ อจลธัมโมเป็นต้น หลวงปู่ท่านเล่าว่า อยู่ที่นั่นก็เที่ยวจาริกไปเรื่อยๆ และก็ได้พบของดีอย่างที่เขาว่าจริงๆ แต่หลวงปู่ท่านไม่ยอมบอกว่าเป็นอะไร

    ต่อมาได้ไปจำพรรษาอยู่ ณ วัดทรายงาม ต.หนองบัว อ.เมือง จ.จันทบุรี หลวงปู่อยู่ที่นั่นได้เพียง 5 พรรษาช่วงนั้นท่านเร่งทำความเพียรอย่างหนักเพื่อหาหนทางแห่งการดับทุกข์ด้วยตนเอง จวบจนบรรลุในสิ่งที่ตั้งความปรารถนาไว้ หลวงปู่ท่านมีจริตเป็นพระปัจเจกภูมิ เพราะฉะนั้นการปฏิบัติท่านมักไม่ได้ไปศึกษาความรู้จากใคร มีแต่ผึกฝนเรียนรู้และหาคำตอบด้วยตัวท่านเองเป็นหลัก เคยถามท่านว่า หลวงปู่มีอาจารย์ที่สอนการปฏิบัติคือใครบ้าง ท่านก็ตอบมาคำเดียวสั้นๆว่า มีท่านพ่อลีองค์เดียว

    จากนั้นท่านก็ยังปลีกตัวออกธุดงค์เที่ยวหาความวิเวก และดื่มด่ำในรสอมตะธรรม หาความสงบสันโดษตามจริตวิสัยที่มีมาแต่เดิมอย่างมิรู้สิ้น และโปรดสัตว์เรื่อยไป ไม่ค่อยได้อยู่เป็นที่เป็นทาง ส่วนใหญ่ท่านชอบหาความสงบวิเวกแถวๆเทือกเขาสระบาปซึ่งเป็นเทือกเขาใหญ่ สมัยก่อนเป็นป่าชัฏ ดงดิบ เต็มไปด้วยสิงห์สาราสัตว์น้อยใหญ่ แมกไม้นาๆพันธ์ รวมทั้งไข้ป่า และสาง สมิง วิญญาณที่ชาวบ้านชาวป่าต่างหวาดหวั่นพรั่นพรึง แต่องค์หลวงปู่ท่านก็สามารถฟันฝ่า และอาศัยอยู่ที่นั่นได้เป็นปกติ และส่วนใหญ่ท่านจะออกธุดงค์เพียงองค์เดียว จะมีบ้างในบางครั้งที่มีลูกศิษย์อาสาคอยเดินติดตามรับใช้ อาหารส่วนใหญ่ก็เป็นพวกพลไม้ป่าที่ลูกศิษย์เก็บหามาถวาย แต่ในบางครั้งก็หาไม่ได้ก็ต้องยอมอดกัน แต่ท่านก็อยู่ได้โดยไม่มีความวิตกเดือดร้อน แต่ก็มีหลายครั้ง ที่เป็นเรื่องแปลกๆ คือ ในบางวันที่อยู่กันกลางป่ากลางเขา ไม่มีบ้านคน บางครั้งหลวงปู่จะออกไปบิณฑบาต องค์เดียว กลับมาพร้อมกับข้าวสุก 2-3 ปั้น บางครั้งท่านก็ให้ลูกศิษย์เดินตามเข้าไปบิณฑบาตด้วย เดินกันไปถึงตีนเขา ท่านก็บอกว่ารอตรงนี้ก่อน เดี๋ยวเรามา ท่านก็เดินขึ้นเขาไปองค์เดียว ไม่ถึง 10 นาที กลับลงมาพร้อมกับข้าวสุกสีเขียวอ่อนอมเหลือง และมีกลิ่นหอมกรุ่นอยู่ในบาตร 2-3 ปั้น ซึ่งอาหารดังกล่าวนี้ มักเรียกกันว่า ข้าวเทวดา หรือว่าอาหารทิพย์นั่นเอง เรื่องนี้เคยได้ฟังจากคนที่อยู่ในเหตุการณ์นั้นมาเล่าให้ฟังเองเลย

    แม้แต่ที่วัดทรายงาม และที่วัดเทพธารทองเองท่านก็เคยได้รับบิณฑบาตอาหารทิพย์จากชาวลับแล หรือพวกกายทิพย์บ้างหลายครั้ง สังเกตุดูถ้าจะมีพวกชาวบังบดมาถวายอาหาร ท่านก็จะนั่งอยู่หน้ากุฏิแล้วเอาบาตรมาตั้งไว้ สักพักก็จะมีชาวบ้านแต่งตัวแปลกๆ เหมือนกับคนสมัยก่อนย้อนไปสัก 60-70 ปี ตามลักษณะที่ได้รับการบอกเล่ามานั้น ชาวบังบดหรือลับแลที่มา มีลักษณะหน้าตาผิวพรรณดี สะอาดเรียบร้อย ไม่พูดมาก และบริเวณคางจะเป็นเหลี่ยมๆ ได้มาใส่บาตรท่าน เรื่องนี้ก็เคยได้ฟังมาจากพระชุดอุปัฏฐากสมัยเก่าๆเล่าให้ฟังอีกว่า พอพวกเขากลับไป หลวงปู่ท่านก็ฉันแล้วก็ยังแบ่งให้ลูกศิษย์ได้จัดการต่อ ท่านก็จะบอกว่าให้กินซะ นี่แหละข้าวทิพย์ หากินยากนะ... สิ่งที่น่าแปลกก็คือแม้เป็นเพียงข้าวเปล่าๆ แต่พอได้กินเข้าไปกลับมีความอร่อย นุ่มละมุนละมัย และมีกลิ่นหอมอ่อนๆ รสชาติพอดีๆ อร่อยกว่ากว่าข้าวที่เราได้กินกันเป็นไหนๆ
    องค์หลวงปู่ท่านได้ออกได้ธุดงค์จาริกไปเรื่อยๆ สลับกับการจำพรรษาตามสถานที่ต่างๆ เช่น วัดเขาน้อยท่าแฉลบ วัดเขาแก้ว บางพรรษาก็ได้ไปจำพรรษาอยู่ที่วัดเขาสุกิม อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี โดยการนิมนต์ของหลวงปู่สมชาย ฐิตวิริโย พักอยู่ที่นั่นได้ประมาณ 2 ปี จึงย้ายไปจำพรรษาที่วัดเนินดินแดงต่อไป เนื่องด้วยสถานที่ไม่ค่อยถูกกับจริตวิสัย อีกอย่างถูกหมู่พระด้วยกันดูถูกว่าท่านไม่ค่อยร่วมลงสังฆกรรมด้วยกัน เอาแต่พักอยู่แต่ในห้องในกุฏิ ความนี้รู้ถึงท่านหลวงปู่สมชาย จึงเรียกประชุมลูกศิษย์พร้อมกันเพื่ออบรมณ์ และให้ไปขอขมากรรมต่อองค์หลวงปู่พิศดู ข้อหาปรามาสพระอริยะเจ้า..

    [​IMG]
    มาอยู่วัดเทพธารทอง
    ต่อมาท่านได้รับคำสั่งจากทางคณะสงฆ์ให้ไปอยู่ที่วัดเทพธารทอง หมู่ 6 บ้านคลองตะเคียน ต.พลวง กิ่งอ.เขาคิชฌกูฏ จ.จันทบุรี เมื่อประมาณปี พ.ศ.2520 ซึ่งขณะนั้นมีสภาพคล้ายวัดร้าง ไม่มีพระภิกษุอยู่จำพรรษา สมัยนั้นมีเพียงศาลาอเนกประสงค์ยกใต้ถุนสูง 1 หลัง และกุฏิโทรมๆอีกเพียง 2-3 หลังเท่านั้น รอบๆบริเวณวัดนั้นยังเป็นป่าชัฏ ยังมีมีไก่ป่าและสัตว์ป่าอยู่อาศัยเป็นจำนวนมาก หลวงปู่ได้อาศัยศาลาอเนกประสงค์ดังกล่าวใช้เป็นกุฏิที่พำนักเรื่อยมา และต่อมาได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้รักษาการเจ้าอาวาสวัดเทพธารทองอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ.2522
    เดิมทีในวันแรกที่มาพำนักอยู่นั้น ท่านมีความกังวลนิดๆอยู่เรื่องหนึ่งว่า อาหาร และการเป็นอยู่ที่นี่ช่างลำบากแท้เหมือนกับว่าถูกสั่งให้มาทิ้งให้อยู่คนเดียว แต่ก็เพียงการรำพึงรำพันเล่นๆเท่านั้น หาเอามาเป็นอารมณ์ไม่ และในคืนนั้นเองขณะที่ท่านได้เจริญภาวนาอยู่เป็นปกติ ได้ปรากฏมีเทวดา และกายทิพย์มากมาย ที่อาศัยอยู่ ณ บริเวณเขาคิชฌกูฏ มาหาท่าน และขอถวายตัวเป็นลูกศิษย์ดูแล โดยกล่าวว่า เรื่องอาหารบริโภคและการเป็นอยู่ พระคุณเจ้าไม่ต้องเป็นกังวลไป เรื่องเหล่านี้ไว้เป็นหน้าที่ของพวกโยมเอง พอรุ่งขึ้นอีกวันก็มีคนคนเข้ามาทำบุญกับองค์หลวงปู่มากมาย และตั้งแต่นั้นมา หลวงปู่ท่านก็ไม่เคยขัดสนขาดแคลนเครื่องบริโภคใดๆเลย
    หลวงปู่ท่านอยู่แบบสมถะ เรียบง่ายตามข้อวัตรปฏิบัติขิงพระกรรมฐานสายป่า และไม่ค่อยจุคลุกคลีกับผู้ใด จะมีบ้างก็ตรงที่อาจไม่เป็นที่ชอบใจของพวกพรานป่าระแวกใกล้เคียงนั้น ตรงที่องค์หลวงปู่ท่านชอบคอยตามแก้บ่วงบาศก์และเครื่องมือดักจับสัตว์ต่างๆที่พวกเขาชอบเอามาดักจับเพื่อนำไปขาย พวกเขาจึงคิดหาวิธีกลั่นแกล้งท่านต่างๆนาๆ มีอยู่ทุกรูปแบบ ทั้งเล่ห์ กล มนต์คาคารวมถึงวิชาไสยศาสตร์ต่างๆ แต่ก็ไม่อาจทำอันตรายแก่องค์หลวงปู่ได้เลย มีแต่จะส่งผลย้อนกลับเข้าหาตัวผู้กระทำอย่างรวดเร็วและสาสม โดยที่ท่านมิได้ทำการ ตอบโต้ใดๆเลย บางคนถึงกับเสียชีวิตเลยก็มี ทั้งนี้เป็นเพราะผลกรรมล้วนๆ

    เหตุการณ์ที่ทำให้ผู้คนรู้จักองค์หลวงปู่
    ต่อมาเมื่อปี พ.ศ.2542 ได้เกิดฝนตกหนักบริเวณพื้นที่ กิ่งอ.เขาคิชฌกูฏ และอ.ใกล้เคียง ติดต่อกันหลายวัน ทำให้ภูเขาที่มีลักษณะเป็นดินทรายปนหิน พังถล่มลงมา ทั้งท่อนไม้ ต้นไม้ หักโค่งลงมาอย่างถอนรากถอนโคน ก่อนที่จะเกิดโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่นี้เพียง 7 วันนั้นเอง องค์หลวงปู่ท่านก็ได้บอกเตือนชาวบ้านที่มาทำบุญที่วัดถึงภัยธรรมชาติอันจะเกิดขึ้นอีกเพียงไม่กี่วัน แต่ก็ไม่ค่อยมีใครสนใจกับคำเตือนนั้นเท่าที่ควร ท่านก็ได้แต่ปลงธรรมสังเวช แต่ท่านก็รับรองสถานที่ๆปลอดภัยที่สุดให้กับผู้ที่เชื่อในท่านว่า ที่อื่นเราไม่รับรองนะ แต่ที่วัดเทพฯนั้นปลอดภัยแน่นอน พอผ่านไปได้ 7 วันเขาคิชฌกูฏ ทางฝั่งต้นน้ำสายหนึ่ง ก็เกิดพังถล่มลงมา ทำให้ท่อนไม้ท่อนซุงจำนวนหลายร้อยหลายพันท่อน ไหลลงมาตามกระแสน้ำอันเชี่ยวกรากอย่างบ้าคลั่งด้วยกำลังมหาศาลยากที่สิ่งใดจะต้านทานได้ แต่ด้วยเดชะบุญมหาบารมีธรรมขององค์หลวงปู่พิศดู กระแสน้ำทะเลซุง ที่กำลังโหมลงมาผ่านพื้นที่ของวัดนั้น ปรากฏว่าได้มีท่อนซุงขนาดใหญ่ ที่ไหลลงมาจากภูเขา ผ่านลำธารทองวัดเทพธารทอง กลับเรียงซ้อนกันตามแนวขอบเขตริมฝั่งคลองของวัด ทำให้กระแสน้ำที่ไหลมาได้ปะทะกับท่อนซุงอย่างจัง ทำให้กระแสน้ำนั้นได้หักเหเหลี่ยนทิศทางไม่เข้ามาในวัด จึงเกิดเป็นคลองสายที่สองขึ้นขนาบกับคลองเก่าที่มีอยู่แต่เดิม วัดของท่านจึงรอดพ้นภัยด้วยปาฏิหาริย์ ทั้งๆที่มีกุฏิริมน้ำที่ตั้งอยู่ ก็เป็นแนวขวางกระแสน้ำนั้นด้วย แต่ก็กลับหาอันตรายได้ไม่ แต่เป็นที่น่าเวทนา ที่กระแสน้ำทะเลซุงนั้นได้ไหลลงไปตามลำคลอง พัดพังถล่มทำให้สถานีตำรวจเก่าเกิดความเสียหาย ถนนและการคมนาคนถูกตัดขาดสิ้นเชิง ข่าวการรอดพ้นจากภัยธรรมชาติของวัดเทพธารทอง ทำให้เป็นที่สนใจของผู้คน รวมทั้งสื่อวิทยุ หนังสือพิมพ์หลายฉบับก็ต่างประโคมข่าวปาฏิหาริย์ในครั้งนี้ องค์หลวงปู่พิศดู และวัดเทพธารทอง จึงเป็นที่รู้จักของบุคคลทั่วไปนับตั้งแต่บัดนั้นเอง เคยได้ถามองค์หลวงปู่ว่า เหตุการณ์ตอนนั้นองค์หลวงปู่ทำอย่างไร ท่านก็ตอบว่า ก็นอนก่ายเกกสวดมนต์ (คาถาป้องกันภัย) อยู่ที่กุฏิเฉยๆ
    ครูบาอาจารย์บางท่านก็เมตตาเล่าให้ฟังว่า เหตุการณ์ครั้งนั้น หลวงปู่ท่านเข้าสมาบัติโดยฉัพพรรณ (ในอิริยาบทนอนก่ายเกก..) และใช้กระแสจิตบังคับท่อนซุงขนาดใหญ่ให้มาเรียงซ้อนกัน ตามแนวขอบเขตริมฝั่งคลองของวัดเป็นที่อัศจรรย์ นับเป็นความอาจหาญ และเชี่ยวชาญในด้านการใช้อำนาจจิต ด้วยฤทธิ์อภิญญาขององค์หลวงปู่เป็นที่ยิ่ง.. สาธุ

    และองค์หลวงปู่ท่านอยู่จำพรรษาที่วัดเทพธารทองนี้เรื่อยมาตราบจนได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส วัดเทพธารทองอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ.2545-บัจจุบัน

    เริ่มอาพาธ
    และในปี 2545 นั้นองค์หลวงปู่ท่านก็เริ่มอาพาธด้วยโรคปอด และทางเดินหายใจ จึงเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลสองพี่น้อง ต.สองพี่น้อง อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี โดยเป็นภิกษุไข้พิเศษ ในความดูแลของหลวงปู่ฟัก สันติธัมโม เจ้าอาวาสวัดเขาน้อยสามผาน เดิมทีนั้นองค์หลวงปู่ท่านไม่อยากจะไป ท่านตั้งใจจะรักษาตัวเองที่วัด แต่ก็ได้นิมิตรเห็นหลวงปู่ขาว อนาลโย มาบอกให้เปลี่ยนที่อยู่ชั่วคราว เพื่อดำรงค์สังขารอยู่โปรดบริวารไปก่อน จึงยอมเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลดังกล่าว เป็นระยะเวลา 2 ปี จึงได้ย้ายกลับมาจำพรรษาที่วัดเทพธารทองดังเดิม นับตั้งแต่นั้นมา องค์หลวงปู่ท่านก็อาพาธเรื่อยมา และได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลต่างๆ อยู่เสมอ ด้วยอาการของโรคปอดและทางเดินหายใจ ตราบจนกระทั้ง วันที่ 25 สิงหาคม พ.ศ.2553 ทางวัดได้จัดงานตักบาตรพระมหาอุปคุตประจำปี ในวันนั้นองค์ท่านได้ประกาศบอกลูกศิษย์ทั้งหลายว่า ให้มาตักบาตรท่านพ่ออุปคุตพร้อมกัน ปีนี้จัดอย่างยิ่งใหญ่ ครั้งสุดท้ายแล้วนะ ปีหน้าไม่มีแล้ว ให้บอกต่อๆกันด้วย และพิธีในวันนั้นจัดได้อย่างดีที่สุดเท่าที่เคยมีการจัดมาในทุกๆปี พอหลังจากวันดังกล่าวเพียง 2 วัน วันที่ 27 สิงหาคม พ.ศ.2553 หลวงปู่ก็ได้เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลพระปกเกล้า ด้วยมีอาการบวมน้ำตามร่างกาย สาเหตุจากขาดโปรตีนมาก และต่อมาก็ติดเชื้อที่ปอด จึงต้องเจาะคอ จึงได้ย้ายท่านไปรับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลวิชัยยุทธ กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม พ.ศ.2553 เป็นต้นมา อาการทุกอย่างดีขึ้นบ้างตามลำดับ และจนกระทั่ง ย่างเข้าเดือนมีนาคม พ.ศ.2554 อาการขององค์หลวงปู่เริ่มทรุดลงอีกเรื่อยๆ เนื่องจากไตขับของเสียไม่ได้

    มรณภาพ
    และวันที่ 13 เมษายน พ.ศ.2554 เวลา 13.00 น. สิริอายุได้ 88 ปี 2 เดือน 11 วัน พรรษาที่ 67 ..
    องค์หลวงปู่พิศดู ธมฺมจารี พระอริยะสงฆ์ดวงประทีปแก้วแห่งบูรพาภาค ได้มรณะภาพลง อย่างสงบ ราบเรียบที่สุด หาได้มีสิ่งใดมารบกวนท่านเลย โดยท่านค่อยๆผ่อนชีพจรและความดันลงเองเรื่อยๆ ตราบจนหมดลมอย่างสงบเข้าสู่แดนธรรมธาตุนิพพานต่อไป

    หลวงปู่พิศดู จัดเป็นทายาทธรรมสายพระป่าโดยแท้ ท่านเป็นลูกศิษย์ของท่านพ่อลี ธมฺมธโร แห่งวัดอโศการาม อดีตยอดขุนพลแห่งกองทัพธรรมสายป่าและอดีตพระเกจิชื่อดัง ตลอดชั่วอายุขัยขององค์ท่านได้ยึดแนวปฏิบัติสายพระป่าของพระอาจารย์ใหญ่หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต และท่านพ่อลี ธมฺมธโร ผู้เป็นพระอาจารย์จวบจนละสังขาร หลวงปู่ท่านยังเป็นพระอริยะที่องค์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโณ ยกย่องอีกว่า เป็นเพชรน้ำหนึ่งแห่งภาคตะวันออก.. ผู้เปี่ยมไปด้วยเมตตามหาบารมีธรรม.. ซึ่งเราท่านทั้งหลายสามารถยอกรประนมก้มกราบแทบเท้าได้อย่างสนิทใจ




    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กุมภาพันธ์ 2015
  2. ทุเรียนทอด

    ทุเรียนทอด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,329
    ค่าพลัง:
    +57,982
    ข้อมูลเพิ่มเติมครับ.. จากข้อมูลที่ได้มานั้น องค์หลวงปู่พิศดูท่านน่าจะเดินทางมาอยู่ที่วัดเทพธารทอง ประมาณปี 2520 สมัยนั้นสภาพของวัดเทพธารทองค่อนข้างทรุดโทรม และไม่มีพระภิกษุอยู่ดูแล ทางคณะสงฆ์จึงได้นิมนต์องค์หลวงปู่มาจำพรรษาที่วัดเทพธารทองนี้ แต่ยังไม่ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงค์ตำแหน่งผู้รักษาการเจ้าอาวาส และระหว่างที่ท่านอยู่นั้นท่านได้ทำนุบำรุงให้อยู่ในสภาพที่ดีขึ้นเรื่อยมา ต่อมาปี พ.ศ.2522 ท่านจึงได้รับการแต่งตั้งจากทางคณะสงฆ์ให้รั้งตำแหน่งผู้รักษาการเจ้าอาวาสวัดเทพธารทองอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ.2522 ครับ ต่อมาจนกระทั่งถึง ปี พ.ศ.2545 ท่านจึงได้รับแต่ตั้งเป็นเจ้าอาวาสอย่างเป็นทางการอีกครั้งหนึ่ง..

    และเหตุที่องค์หลวงปู่ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสเนิ่นช้านั้น เป็นเพราะองค์หลวงปู่ท่านไม่ได้ยินดีในตำแหน่งปกครองใดๆ ท่านมักจะอยู่แบบสงบ สมถะ ปลีกวิเวกไม่คลุกคลีกับใคร และถึงแม้จะได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสหรือไม่นั้น สำหรับท่านก็ไม่ได้เห็นความสำคัญอะไรอยู่แล้ว ท่านก็อยู่ของท่านแบบนี้ ไม่ได้ยินดีในเรื่องกิจนิมนต์หรือลาภสักการระ และไม่ได้ข้องเกี่ยวกับพิธีการใดๆของทางสงฆ์ จึงไม่จำเป็นต้องอาศัยตราตั้งเจ้าอาวาสดังกล่าว แต่ต่อมาลูกศิษย์ทั้งหลายจึงได้จัดการเดินเรื่องขอรับตราตั้งตำแหน่งเจ้าอาวาสถวายให้กับองค์หลวงปู่ เพื่อที่ท่านจะได้มีอำนาจในการสั่งการเรื่องงาน และเอกสารต่างๆภายในวัด และเพื่อป้องกันปัญหาต่างๆ(ในอนาคต)ได้เต็มที่ด้วยครับ..



    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 ตุลาคม 2014
  3. ธรรมประทีป

    ธรรมประทีป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    2,208
    ค่าพลัง:
    +6,617
    .



    ธมฺมจารีเถโร วันทามิ

    น้อมกราบหลวงปู่พิศดู ครับ



    .
     
  4. ทุเรียนทอด

    ทุเรียนทอด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,329
    ค่าพลัง:
    +57,982
    รายการวัตถุมงคลขององค์หลวงปู่พิศดู ธัมมะจารี
    ที่เป็นรายการเฉพาะเหรียญรูปเหมือนของท่าน ที่เคยสร้างมานั้นมีทั้งหมด 6รุ่นด้วยกันครับ ดังรายการต่อไปนี้


    [​IMG] [​IMG]

    1.เหรียญรุ่นแรก หรือที่ลูกศิษย์ชอบเรียกกันว่ารุ่น ๒๑ หรือรุ่น ศุกร์
    - เหรียญรุ่นนี้ ทางคณะศิษย์รุ่นเก่าๆได้สร้างถวายให้ท่านเป็นเหรียญรูปเหมือนรุ่นแรก สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2540 มีเนื้อทองแดงรมมันปู เพียงเนื้อเดียว จำนวนสร้างทั้งหมด 5,000 องค์ และคำว่าศุกร์ นั้นหมายความตามกำลังวันของปีที่จัดสร้าง คือปีนั้นวันศุกร์เป็นวันธงชัย ตามหลักโบราณจารย์ถือได้ว่าเป็นวันมงคล วันแข็ง ถ้าเรานับจากวันอาทิตย์เป็นวันเริ่มต้นของสัปดาห์เป็น วันจันทร์ วันอังคาร วันพุธ วันพฤหัสฯ วันศุกร์จะได้เท่ากับเลข ส่วนเลข ๒๑ นั้นมีความหมายดังนี้คือ วันศุกร์มีกำลังวัน ๒๑ หลวงปู่จึงถือเอาวันและเลขกำลังมงคล ๒๑ มาประกอบอยู่กับเหรียญ และได้ทำการอธิษฐานจิตครั้งแรกในวันศุกร์ และเลข นั้นตามโฉลกแล้วเป็นเลขแห่งเงินทอง โชคลาภสักการะ อีกด้วย



    [​IMG] [​IMG]

    2.เหรียญรุ่น2 รูปเสมา
    - เหรียญรุ่นนี้สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2547 องค์หลวงปู่เป็นผู้สั่งให้ท่านพระอาจารย์หนึ่งจัดสร้าง และหลวงปู่ท่านได้เขียนคาถาเป็นอักขระขอมให้ด้วยลายมือของท่านเอง เพื่อจะให้เอาไปใส่ไว้ที่ด้านหน้าของเหรียญ โดยด้านหน้าเป็นรูปเสมา มีรูปพระนาคปรก(พระประจำวันเกิดของหลวงปู่ คือวันเสาร์ ) ด้านล่างมีอักขระคาถาที่ถอดจากลายมือของหลวงปู่ เป็นบทคาถา อังคุริมาละปะริตตัง (หรือยะโตหัง) ด้านหลังเป็นรูปหลวงปู่พิศดู นั่งพับเพียบเต็มองค์ มีเนื้ออัลปาก้าเพียงเนื้อเดียว จำนวนสร้างทั้งหมด 981 องค์ จากนั้นปล็อคก็แตกและไม่สามารถทำการปั๊มต่อได้



    [​IMG] [​IMG]

    3.เหรียญรุ่น3 เม็ดแตง(รูปไข่เล็ก)
    - เหรียญรุ่นนี้สร้างขึ้นในปีพ.ศ.2547 สร้างถวายโดยลูกศิษย์สายหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค เป็นเหรียญรูปไข่ ด้านหน้าเป็นรูปหลวงปู่พิศดูนั่งพับเพียบ และมีลายเซ็นของหลวงปู่อยู่ด้านล่างอ่านว่า ธมฺมจารีภิกขุ ด้านหลังเป็นรูปพระนาคปรก และมีเลข ๑๐ อยู่ด้านล่าง หมายถึง กำลังวันของพระเสาร์ มีกำลังเป็น 10 มีเนื้อทองแดงเพียงเนื้อเดียว จำนวนสร้างทั้งหมด 1,668 องค์



    [​IMG] [​IMG]

    4.เหรียญรุ่น4 ใบโพธิ์จิ๋ว
    - เหรียญรุ่นนี้สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2548 สร้างถวายโดยลูกศิษย์สายหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค เป็นเหรียญรูปใบโพธิ์ขนาดจิ๋ว ด้านหน้าเป็นรูปหลวงปู่พิศดูนั่งสมาธิเต็มองค์ อยู่ในรูปใบโพธิ์ ด้านหลังเป็นยันต์พระเจ้าห้าพระองค์ มีเนื้อทองเหลืองลงยาสีเขียวเพียงอย่างเดียว จำนวนสร้างทั้งหมด 3,124 องค์



    [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    5.เหรียญรุ่น5 ใบโพธิ์ใหญ่

    - เหรียญรุ่นนี้สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2549 สร้างถวายโดยลูกศิษย์ชุด อุปัฏฐาก องค์หลวงปู่ โดยด้านหน้าเป็นรูปหลวงปู่พิศดูครึ่งองค์ อยู่ในใบโพธิ์ มีอักขระขอมข้างๆอ่านว่า ธัม มะ จา รี ด้านหลังเป็นปริษณาธรรมชวนให้ขบคิด อธิบายคร่าวๆได้ว่า มีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปางปฐมเทศนา ประทับอยู่กลางพระธรรมจักร ส่วนด้านล่างเป็นบัวสี่เหล่า หมายถึงบุคคลสี่จำพวก พระพุทธเจ้าทรงเปรียบระดับปัญญา ที่อยู่ในฐานะของบุคคลที่สามารถฝึกสอนให้รู้ธรรมได้และไม่ได้ในทางพระพุทธศาสนา... ออกได้สี่ระดับคือ
    1. ( อุคคฏิตัญญู ) พวกที่มีสติปัญญาฉลาดเฉลียว เป็นสัมมาทิฏฐิ เมื่อได้ฟังธรรมก็สามารถรู้ และเข้าใจในเวลาอันรวดเร็ว เปรียบเสมือนดอกบัวที่อยู่พ้นน้ำ เมื่อต้องแสงอาทิตย์(แสงธรรม)ก็เบ่งบานทันที
    2. ( วิปจิตัญญู ) พวกที่มีสติปัญญาปานกลาง เป็นสัมมาทิฏฐิ เมื่อได้ฟังธรรมแล้วพิจารณาตามและได้รับการอบรมฝึกฝนเพิ่มเติม จะสามารถรู้และเข้าใจได้ในเวลาอันไม่ช้า เปรียบเสมือนดอกบัวที่อยู่ปริ่มน้ำซึ่งจะบานในวันถัดไป
    3. ( เนยยะ ) พวกที่มีสติปัญญาน้อย แต่เป็นสัมมาทิฏฐิ เมื่อได้ฟังธรรมแล้วพิจารณาตามและได้รับการอบรมฝึกฝนเพิ่มเติมอยู่เสมอ มีความขยันหมั่นเพียรไม่ย่อท้อ มีสติมั่นประกอบด้วยศรัทธา ปสาทะ ในที่สุดก็สามารถรู้และเข้าใจได้ในวันหนึ่งข้างหน้า เปรียบเสมือนดอกบัวที่อยู่ใต้น้ำ ซึ่งจะค่อยๆ โผล่ขึ้นเบ่งบานได้ในวันหนึ่ง
    4. ( ปทปรมะ ) พวกที่ไร้สติปัญญา และยังเป็นมิจฉาทิฏฐิ แม้ได้ฟังธรรมก็ไม่อาจเข้าใจความหมายหรือรู้ตามได้ ทั้งยังขาดศรัทธาปสาทะ ไร้ซึ่งความเพียร เปรียบเสมือนดอกบัวที่จมอยู่กับโคลนตม ยังแต่จะตกเป็นอาหารของเต่าปลา ไม่มีโอกาสโผล่ขึ้นพ้นน้ำเพื่อเบ่งบาน
    ถัดจากนั้นมาจะมีอักขระยันต์ที่ระทับอยู่บนใบบัวอ่านได้ว่า พุทโธ ซึ่งเป็นบทกำหนดบริกรรมภาวนาตามแบบสายพระป่ากรรมฐาน และพุทธโธก็ยังแปลความหมายได้อีกว่า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ด้วยธรรม ถัดจากนั้นมา จะมีอักขระอยู่ตรงข้างพระธรรมจักรอีก 4คำ ซึ่งเป็นหัวใจของพระอริยะสัจ4 อ่านว่า ทุสะนิมะ ย่อมาจากคำหน้าของพระอริยะสัจ4 คือ ทุกข์ มุทัย นิโรธ รรค ซึ่งทั้งหมดนี้รวมเรียกว่าหัวใจพระอริยะสัจทั้งสี่ประการ ถัดขึ้นไปด้านบน จะมีอักขระอีก 3 คำอ่านได้ว่า อะ ระ หัง แปลความหมายได้ว่า อรหันต์ หรือ พระอรหันต์ หมายถึงผู้ที่สามารถละกิเลศอาสวะได้ ผู้สำเร็จธรรมวิเศษสูงสุดในพระพุทธศาสนา หรือพระอริยบุคคลชั้นสูงสุด และยอดสุดของด้านหลังเหรียญนั้นคือยันต์ เฑาะอุนาโลม รวมความแล้วนั้น เหรียญรุ่นนี้ มีครบทั้งองค์พระรัตนตรัย คือ พระพุทธ พระธรรม พระอริยะสงฆ์
    เหรียญที่สร้างทั้งหมดมี
    เนื้อเงิน ลงยาสีเขียว 12 องค์
    เนื้อทองแดง ไม่ลงยา 500 องค์
    เนื้อทองแดง ลงยาสีเขียว 500 องค์
    เนื้อทองเหลือง ไม่ลงยา 500 องค์
    เนื้อทองเหลือง ลงยาสีเขียว 500 องค์



    [​IMG] [​IMG]

    6.เหรียญรุ่น6 รุ่นสร้างศาลารวมใจ รูปไข่ชุบสามกษัตริย์
    - เหรียญรุ่นนี้สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2552 สร้างถวายโดย พยาบาลคณะลูกศิษย์วัดบวรฯ เนื่องในโอกาสฉลองศาลากุฏิหลังใหม่ขององค์หลวงปู่พิศดู ด้านหน้าเป็นรูปเหมือนหลวงปู่พิศดูครึ่งองค์ รุ่นนี้แกะรูปหลวงปู่ได้สวยงามชัดเจน และเหมือนองค์หลวงปู่มากที่สุด ด้านหลังเป็นรูปกลีบบัวสี่กลีบ ด้านในกลีบบัวมีภาษาบาลีอ่านว่า ธมฺมจารี สุขํเสติ แปลว่า ผู้ประพฤติธรรมย่อมอยู่เป็นสุข เหรียญที่สร้างมีเนื้อชุบสามกษัตริย์พร้อมเลี่ยมทองไมครอนอย่างดี เพียงอย่างเดียว จำนวนสร้างทั้งหมด 1,000 องค์



    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    รูปหล่อเหมือนองค์หลวงปู่พิศดู รุ่นแรก

    - รูปหล่อรุ่นนี้สร้างถวายโดยลูกศิษย์ชุดอุปัฏฐากครับ สร้างในปี พ.ศ.2548 ทางคณะนี้พอสร้างเสร็จ ได้ถวายให้หลวงปู่ท่านทั้งหมด ไม่ได้ขอกลับเลยแม้แต่องค์เดียว แต่พระชุดนี้หลวงปู่บอกว่า สร้างได้สวย แต่ยังไม่ค่อยถูกตามลักษณะของสายพระป่า คือ ถ้าเป็นสายพระป่าจะห่มเฉียงธรรมดา ไม่ห่มดองหรือครองจีวรแบบรัดอก แต่ถ้าห่มรัดอกจะเป็นพระสายมหานิกาย แต่อันนี้ไม่เกี่ยวหรอก ผู้ทำ ทำมาถวายด้วยใจบริสุทธิ์ก็ได้อานิสงค์เสมอกัน.. พระรุ่นนี้สร้างเนื้อ ทองเหลืองรมมันปู เพียงอย่างเดียว สร้างทั้งหมดจำนวน 999 องค์ครับ




    ที่ผ่านมา วัตถุมงคลขององค์หลวงปู่พิศดู ธัมมะจารี ทุกรุ่นสร้างด้วยเจตนาที่บริสุทธิ 100% เพราะเจตนาเพื่อสร้างแจกเป็นทานบารมีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ทางวัดมิเคยสร้างวัตถุมงคลเพื่อมาหาปัจจัยเข้าวัด หรือเพื่อเหตุอันมีผลประโยชน์ใดๆทั้งสิ้นไม่ อย่างมากก็สร้างขึ้นมาเพื่อเอาไว้ใช้กันเองในหมู่ลูกศิษย์ และผู้ที่เคารพศรัทธา ในองค์หลวงปู่ และจะคิดราคาสั่งจองเพียงแค่ต้นทุนเท่านั้น และองค์พระเดชพระคุณหลวงปู่ท่านก็มิได้หวังว่าจะหาปัจจัยเพื่อสร้างวัตถุอันใดเลย ท่านมีแต่จะหลีกเลี่ยงทางแห่งลาภสักการะทั้งหลายทั้งปวง และไม่ยินดียินร้ายในการสร้างถาวรวัตถุต่างๆเลย แม้แต่ กฐิน ผ้าป่า แม้แต่กิจนิมนต์ต่างๆ ถ้าไม่จำเป็นจริงๆทางวัดก็มิได้รับนิมนต์ด้วยประการทั้งปวง หลวงปู่ท่านเป็นแบบอย่างที่ดีในการปฏิบัติ ให้อยู่กับธรรมชาติ แบบน้ำพึ่งเรือ-เสือพึ่งป่า โลกไม่ช้ำ-ธรรมไม่เสีย แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีจิตผู้ศรัทธาน้อมนำลาภสักการะต่างๆ อันมีภัตตาหาร สังฆทาน และจตุปัจจัยไทยทานเข้ามาสู่ ด้วยใจที่ปราถนาดี และปีติยินดีด้วยความศรัทธาอย่างยิ่ง แต่ถึงแม้จะมีลาภสักการะเข้ามาเพียงใด องค์หลวงปู่ท่านก็มิได้สะสมหรือยินดียินร้าย และมิได้ในขัดศรัทธา ที่บรรดาสาธุชนน้อมนำมาถวาย หากแต่ท่านก็นำไปช่วยเหลือผู้ยากไร้ ทหาร ตำรวจ เด็กกำพร้า และโรงพยาบาลต่างๆ ดังเช่นตัวอย่างที่องค์พระคุณท่านหลวงปู่ ได้ร่วมบริจาคปัจจัยที่ญาติโยมถวายท่านมา นำเข้าโครงการไถ่ชีวิตโคกระบือ ขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นประจำทุกปี ได้ปีละไม่ต่ำกว่า 109 ตัว และบางปีได้ถึงปีละ 200กว่าตัว เพื่อน้อมถวายเป็นพระราชกุศลแด่องค์พ่อหลวงของแผ่นดิน...ฯลฯ

    นี่แหละจึงเป็นคำกล่าวที่ว่า พระอริยะสงฆ์เนื้อนาบุญที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ท่านก็มีส่วนสำคัญที่จะสงเคราะโลก ประเทศชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์ และจักได้เป็นแบบอย่าง สั่งสอนให้ศาสนิกชนและคนรุ่นหลังถือเอาเป็นแบบอย่างที่ดีงาม เพื่อยังประโยชน์สุขอันจะพึงเกิดแก่ชีวิต ทั้งทางโลกและทางธรรม ทั้งในภพนี้และภพหน้า สาธุ...




     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 ตุลาคม 2014
  5. ทุเรียนทอด

    ทุเรียนทอด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,329
    ค่าพลัง:
    +57,982


    สวัสดีครับพี่ ธรรมประทีป ยินดีต้องรับเป็นการประเดิมการเปิดกระทู้ใหม่ครับ สาธุ
     
  6. ทุเรียนทอด

    ทุเรียนทอด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,329
    ค่าพลัง:
    +57,982
    สวัสดีครับ ยินดีต้อนรับทุกท่าน สู่กระทู้..กระดานที่จะบันทึกเรื่องราว เกี่ยวกับองค์หลวงปู่พิศดู พระอริยะพ่อแม่ครูอาจารย์องค์สำคัญแห่งภาคตะวันออกครับ
     
  7. Noo Norway

    Noo Norway เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    23,623
    ค่าพลัง:
    +82,120
    หนูขอน้อมกราบนมัสการแทบเท้าหลวงปู่พิศดูที่รักเคารพและเทิดทูนยิ่งค่ะ

    ขออนุโมทนากับน้อง x ในการเผยแพร่เกียรติคุณขององค์ครูบาอาจารย์ในครั้งนี้ด้วยนะคะ... สาธุ...
     
  8. ทุเรียนทอด

    ทุเรียนทอด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,329
    ค่าพลัง:
    +57,982
    วัตถุมงคลของหลวงปู่พิศดู ธัมมะจารี
    ที่เป็นรายการเฉพาะเหรียญที่ไม่ใช่ รูปเหมือนของท่าน ที่ทางวัดเคยสร้างมานั้นมี ดังนี้

    [​IMG] [​IMG]
    พระนาคปรกใบมะขาม รุ่นแรก
    - พระนาคปรกนี้(พระประจำวันของหลวงปู่) จัดสร้างโดย ลูกศิษย์ชุดดูแลอุปัฏฐากองค์หลวงปู่ จัดสร้างปี พ.ศ.2548 ด้านหน้าเป็นพระนาคปรกตัดชิดองค์พระ ด้านหลังเป็นอักขระขอมอ่านว่า พุทโธ ถัดลงมา เป็นชื่อฉายาของหลวงปู่พิศดู อ่านว่า ธัมมะจารี และอักขระขอมด้านล่างสุด อ่านว่า สุคโต แปลว่า ผู้ไปดี จำนวนสร้างทั้งหมด
    - เนื้อเงิน 20 องค์
    - เนื้อทองเหลือง 500 องค์
    - เนื้อทองแดง 1,000 องค์(ในจำนวนนี้ เอาไปฝังในล็อกเก็ตรุ่นสอง ประมาณ 400 องค์)


    [​IMG] [​IMG]
    พระนาคปรกใบมะขาม รุ่นสอง
    -พระนาคปรกนี้ จัดสร้างโดยลูกศิษย์ชุดดูแลอุปัฏฐากองคหลวงปู่ จัดสร้างปี พ.ศ.2549 ด้านหน้า เป็นรูปพระนาคปรกคล้ายกันกับรุ่นแรก และด้านหลังเป็นหลังเรียบ ตอกโค๊ตตัว นะธาตุ กำกับ จำนวนสร้างทั้งหมด 500 องค์(ในจำนวนนี้ เอาไปฝังในล็อกเก็ตรุ่นสาม ประมาณ 200 องค์)


    [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG]
    เหรียญพระมหาอุปคุต รุ่นแรก ของวัดเทพธารทอง
    - เหรียญรุ่นนี้เป็นเหรียญที่องค์หลวงปู่ท่านสั่งการให้สร้างด้วยองค์เอง รุ่นนี้เป็นของวัดเทพธารทอง หลวงปู่ท่านได้ปรารภว่า " ให้สร้างขึ้นมาเพื่อเอาไว้ให้ลูกศิษย์ของท่านใช้ ต่อไปจะมีภัยต่างๆรอบด้าน ให้สร้างพระรูปท่านพ่ออุปคุตมาบูชา แล้วจะทำให้ปลอดภัย ในยุคนี้ตั้งแต่สมัยพุทธกาลลงมา พระที่มีฤทธิ์ไม่มีใครเกินท่านพ่ออุปคุต ท่านปราบพยามารซะงอเลย แต่ไม่ใช่แค่ฤทธิ์อย่างเดียวหรอก ทางลาภก็ไม่แพ้ใครนะ.."

    เหรียญรุ่นนี้สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2550 โดยทางลูกศิษย์ชุดดูแลอุปัฏฐาก และลูกศิษย์ใกล้ชิดร่วมกันบริจาคปัจจัยสร้างถวายให้ท่าน เพื่อสนองความประสงค์ขององค์ท่าน และเป็นการบูชาพระคุณแด่พ่อแม่ครูอาจารย์ นับว่าเป็นเหรียญพระมหาอุปคุตที่สร้างอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรก และเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของทางวัดเอง และองค์หลวงปู่ได้เมตตาให้บท พระคาถาวันโลกดับ ขึ้นประทับเอาไว้ล้อมยันต์ที่ด้านหลังของเหรียญ คาถาวันโลกดับ เป็นคาถาที่พบในศิลาจารึก ในวัดเชตวันวิหาร ประเทศอินเดีย เขียนจารึกโดยท่านพระอานนท์เอกองค์อรหันต์พุทธอนุชา ตามพุทธทำนาย ให้ชาวพุทธไว้สวดป้องกันอันตราย ยามที่โลกมีภัยสงคราม ภัยอันตรายต่างๆ จะมีมหันตภัยอันใหญ่หลวง จึงได้รจนาแต่งขึ้นไว้ พระคาถาดังกล่าวว่าไว้ดังนี้
    " ทิตะทิรา ทันมันฑะโล กะลิลา กะละลา สะติโส จะถิโท คะหะตะเน ฯ " (พระคาถาบทนี้เป็นบทย่อ หรือเป็นบทหัวใจ)
    เหรียญพระมหาอุปคุตนี้ด้านหน้าเป็นรูปท่านมหาพระอุปคุตประทับนั่งอยู่บนผิวน้ำ มีดอกบัวผุดขึ้นขนาบข้างพระวรกายทั้งสองข้าง พระหัตถ์หนึ่งจกบาตรเป็นการแสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ มีกินมีใช้ ความมั่งคั่งร่ำรวย พระหัตถ์อีกหนึ่งถือดอกบัวและแหงนหน้าขึ้นมองเพื่อบูชาองค์สมเด็จพระทศพล บ้างก็ว่าเป็นปางชำเลืองแลมาร หรือเป็นการคอยเหลือบมองดูพระยามารมิให้มีโอกาสทำอันตรายต่อผู้ที่ศรัทธาต่อพระศาสนาได้ ด้านข้างมีอักขระขอม อ่านว่า อุปคุตโต นะโมพุทธายะ ด้านบนสุดเป็น ยันต์อุนาโลม ส่วนด้านหลังมียันต์ตรงกลาง เรียกว่า ยันต์ลงเครื่อง ซึ่งยันต์นี้เป็นยันต์ใช้ลงได้ทุกอย่าง มีพุทธคุณรอบด้าน และเป็นแคล้วคลาด เมตตามหาโชคลาภ-ปราบมาร ล้อมรอบด้วยอักขระขอมจารึก พระคาถาวันโลกดับ เหรียญชุดนี้องค์หลวงปู่ท่านได้อธิษฐานจิต และอัญเชิญบารมีท่านพระมหาอุปคุตมาเสกให้เองเลย จึงนับว่าเป็นเหรียญพระมหาอุปคุตรุ่นแรกขององค์หลวงปู่..

    เหรียญที่สร้างทั้งหมดมีดังนี้
    - เนื้อตะกั่วลองพิมพ์ ปีกหนา สร้าง 14 องค์
    - เนื้อตะกั่วลองพิมพ์ ปีกบาง สร้าง 12 องค์
    (ตอกโค๊ต และ หมายเลขกำกับทุกองค์)

    - เนื้อนวะโลหะชนวนศักดิ์สิทธิ์ สร้าง 100 องค์ (ตอกโค๊ตและหมายเลยกำกับทุกองค์)

    - เนื้อทองเหลือง ลงยาสีเขียว สร้าง 100 องค์ (ตอกโค๊ตกำกับเป็นสัญลักษณ์ แยกแยะได้)
    - เนื้อทองเหลือง ไม่ลงยา สร้าง 900 องค์ (ตอกโค๊ตกำกับทุกองค์)
    - เนื้อทองแดง รมมันปู สร้าง 1,000 องค์ (ตอกโค๊ตกำกับทุกองค์)


    [​IMG] [​IMG]
    เหรียญพระมหาอุปคุต ออกให้ธุดงคสถานเขาน้ำซับ
    - เหรียญรุ่นนี้ สร้างในปี พ.ศ.2550 พร้อมกับเหรียญพระมหาอุปคุตของวัดเทพธารทอง โดย พระอาจารย์หนึ่ง เจ้าอาวาสสำนักสงฆ์เขาน้ำซับ(ในเครือวัดเทพธารทอง) เหรียญนี้ลักษณะด้านหน้าเหมือนกันกับเหรียญของวัดเทพธารทองทุกอย่าง ต่างกันแต่ด้านหลัง คือเป็นยันต์มงกุฏพระพุทธเจ้า มีทั้งแบบมีห่วงและไม่มีห่วง จำนวนสร้างทั้งหมดดังนี้
    - เนื้อทองเหลืองลงยา 300 องค์
    - เนื้อทองเหลืองไม่ลงยา 500 องค์
    - เนื้อทองแดง รมมันปู 500 องค์
    - เนื้อทองแดง จ่าเงา 500 องค์



    [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG]
    เหรียญพระมหาอุปคุต ทรงระฆัง ออกให้วัดปะต๊ะ หรือวัดปาต๊ะ(พระหัตถ์ 4 รอย) เมืองลา(สิบสองปันนา) ประเทศจีน
    - เหรียญรุ่นนี้ สร้างในปี พ.ศ.2552 โดยท่านเจ้าอาวาสวัดปาต๊ะ เพื่อแจกให้พี่น้องญาติโยมในแถบนั้น เพื่อใช้ป้องกันอันตราย และเพื่อใช้หาทุนสร้างถาวรวัตถุต่างๆของทางวัดต่อไป รูปร่างของเหรียญเป็นทรงระฆัง ด้านหน้าของเหรียญเป็นรูปพระมหาอุปคุตปางมารวิชัยแบบหงายพระหัตถ์ ประทับนั่งอยู่บนผิวน้ำ มีดอกบัวผุดขึ้นขนาบข้างพระวรกายทั้งสองข้าง บนดอกบัวมีอักขระขอมอ่านว่า พุทโธ พระหัตถ์ข้างหนึ่งอุ้มบาตร พระหัตถ์อีกข้างหนึ่งหงายวางบนพระชานุ(เข่า)โดยถือดอกบัวเอาไว้ด้วย ด้านบนพระประภามณฑลมีอักขระภาษา ตัวเมืองล้านนา อ่านว่า ปาฏิหารมารฮ้ายบ่หัน แปลว่า ปาฏิหาริย์มารร้ายไม่เห็น ด้านบนสุดตรงบริเวณคอระฆังเป็นรูปดอกบัว 5 ดอก อันสื่อความหมายถึงพระพุทธเจ้าที่จะมาตรัสรู้ในภัทรกัปนี้ มีอยู่ 5 พระองค์ .ส่วนด้านหลังป็น รูปหินปาต๊ะ หรือหินรูปพระหัตถ์ 4 รอย อยู่บนฐานดอกบัวรองรับ มีอักขระตัวเมืองด้านข้างดอกบัวอ่านว่า วัดปาต๊ะ--เมืองลา ด้านข้างหินปาต๊ะจะมียันต์ทั้งสองข้าง เรียกว่า ยันต์นะพระเจ้า 5 พระองค์ มีอักขระขอมอยู่ใต้ยันต์ด้านซ้ายอ่านว่า สุสะปะวะ และอักขระขอมใต้ยันต์ด้านขวาอ่านว่า ธัมมะจารี ถัดจากหินปาต๊ะ ขึ้นไปเป็นรูปโบว์ มีอักขระตัวเมืองล้านนาอ่านว่า พระหัตถ์ สี่รอย เหรียญที่สร้างทั้งหมดมี
    - เนื้อนวะโลหะ 600 องค์
    - เนื้อทองเหลือง 5,000 องค์
    - เนื้อทองแดง 5,000 องค์
    และทางวัดปาต๊ะได้ถวายหลวงปู่พิศดูเอาไว้แจกลูกศิษย์อยู่ส่วนหนึ่ง พอจะประมาณคร่าวๆได้ว่ามี เหรียญทองเหลืองทองแดงรวมกันได้ประมาณ 200 องค์ เนื้อนวะโลหะ อีก 100 องค์ เนื้อนวะโลหะตอกโค๊ตกำกับเพียงเนื้อเดียว
    รวมความแล้ว เหรียญชุดปาต๊ะนี้อยู่ในประเทศไทยประมาณ 300 องค์ เท่านั้น




    [​IMG] [​IMG]
    เหรียญพระมหาอุปคุต องค์จิ๋ว(รุ่น..พระชนะมาร)

    - เหรียญนี้จัดสร้างพร้อมกับล็อกเก็ตรุ่นโสฬสญาณมงคลปู่หลาน ในปีพ.ศ.2553 โดยคณะศิษยจ์อุปัฏฐากได้ขออนุญาติองค์หลวงปู่จัดสร้าง พิธีอธิษฐานจิตโดยท่านครูบากฤษดา วัดสันพระเจ้าแดง และองค์หลวงปู่พิศดู ได้อธิษฐานจิตตลอดมาเป็นเวลาหลายเดือนก่อนจะเข้าสู่แดนนิพพาน นับเป็นวัตถุมงคลรูปพระมหาอุปคุตรุ่นสุดท้ายที่องค์หลวงปู่ได้สร้างเสกสรรไว้
    โดยออกแบบให้เป็นรูปพระมหาอุปคุต พระหัตถ์ข้างหนึ่งจกบาตร อีกพระหัตถ์หนึ่งถือดอกบัว เพื่อบูชาพระพุทธองค์ และแหงนพระภักร์ชำเลืองมาร(มิให้ทำกิจอันเดือดร้อนวุ่นวายต่อผู้ที่นับถือพระศาสนา) เพราะองค์พระมหาอุปคุตเป็นผู้เลิศในทางฤทธิ์ เป็นผู้ที่พระพุทธองค์ทรงพุทธทำนายเอาไว้ว่า ต่อไปภายหน้าหลังพุทธปรินิพพานแล้ว 200 ปีเศษ ท่านพระอุปคุตจะมาเกิด และจะบรรลุโมขธรรมนำพาเวนัยสัตว์น้อยใหญ่ให้พ้นจากบ่วงของมาร ท่านจักเป็นผู้ทำกิจบางอย่างในพระศาสนาแทนพระพุทธองค์ และพระพุทธองค์ยังทรงยกย่องให้ท่านเป็นอนุพุทธะ(พระพุทธเจ้าน้อย) ที่ปราศจากมหาปุริสลักษณะ ท่านพระมหาอุปคุตองค์นี้จะเป็นผู้ปราบพยามารให้ละพยศ เพื่อให้ตั้งความปราถนาซึ่งพุทธภูมิต่อไป และด้วยองค์ท่านพระมหาอุปคุต ท่านอาศัยอยู่ในย่านปราสาทแก้วกลางสะดือทะเล จึงออกแบบองค์พระให้ท่านประทับอยู่ในซุ้มปราสาทกลางน้ำ ส่วนด้านหลัง ออกแบบให้เป็นอักขระขอมนำมาผูกร้อยเรียงกันเป็นยันต์ อ่านได้ว่า " พระชนะมาร "
    จำนวนสร้างทั้งหมดได้สร้างออกเป็นของ 2 วัด คือวัดป่ายาง(สันพระเจ้าแดง) ด้านหลังจะไม่ได้บอกชื่อวัดเป็นแต่เพียงมียันต์อย่างเดียว โดยได้สร้างถวายไว้รวม 2 เนื้อ คือเนื้อทองเหลือง และทองแดง รวมกันได้ 2,000 องค์

    ส่วนที่ออกที่วัดเทพธารทอง ด้านล่างของยันต์จะเขียนบอกชื่อวัดเทพธารทอง จำนวนการสร้างโดยแบ่งเป็น
    - เนื้อเงิน 19 องค์
    - เนื้อนวะโลหะ 200 องค์
    - เนื้ออัลปาก้า 200 องค์
    - เนื้อทองเหลือง 1,000 องค์
    - เนื้อทองแดง 1,000 องค์
    - เนื้อตะกั่ว ไม่ตัดปีก 59 องค์




    [​IMG] [​IMG]
    เหรียญกลีบบัว สมเด็จองค์ปฐม รุ่นแรก

    - เหรียญรุ่นนี้ทางคณะลูกศิษย์ที่จัดสร้าง ล็อกเก็ตรุ่นล็อกเก็ตพ่อลูก นั้นได้สร้างขึ้นเพื่อเอาไปติดไว้ด้านหลังองค์ล็อกเก็ต ส่วนพระที่เหลือก็ได้นำแจกจ่ายผู้ที่มากราบเยี่ยมหลวงปู่
    พระทุกองค์ได้ทำการตอกโค๊ต และหมายเลข โดยเหตุผลคือ สมเด็จองค์ปฐมที่ และเป็นรุ่น ของหลวงปู่
    พระทั้งหมดนี้ หลวงปู่อธิษฐานจิตนานถึง 1 ไตรมาส(3 เดือนครับ)
    จำนวนสร้างทั้งหมดมีดังนี้


    พระสมเด็จองค์ปฐมกลีบบัว เนื้อพิเศษ สร้าง 200 องค์
    พระสมเด็จองค์ปฐมกลีบบัว เนื้อ ทองเหลือง สร้าง 500 องค์
    พระสมเด็จองค์ปฐมกลีบบัว เนื้อ ทองแดง สร้าง 500 องค์

    (ในจำนวนนี้แบ่งเอาไปติดไว้ด้านหลังล็อกเก็ต ประมาณ 750 องค์)




     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มกราคม 2015
  9. Noo Norway

    Noo Norway เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    23,623
    ค่าพลัง:
    +82,120
    ข้อมูลแน่นและมีประโยชน์มากๆค่ะ...
     
  10. ทุเรียนทอด

    ทุเรียนทอด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,329
    ค่าพลัง:
    +57,982
    รูปหล่อพระมหาอุปคุต
    ก่อนที่ทางวัดจะสร้างเหรียญพระมหาอุปคุตรุ่นแรก องค์หลวงปู่ได้สั่งให้ลูกศิษย์จาก จ.ระยอง ไปหาเช่ามาจากที่ไหนก็ได้ แล้วเอามาให้ท่านอธิษฐานให้เป็นรูปแทนองค์พระมหาอุปคุต เมื่อได้จำนวนพอสมควรแล้ว ทางลูกศิษย์จึงขออนุญาตนำไปตอกโค๊ดเพื่อให้สามารถแยกแยะกันได้ชัดเจน
    พระชุดนี้มีทั้งแบบย้อมสีทองและไม่ย้อมสีทอง รวมทั้งหมดมีอยู่ประมาณ 200 องค์ ซึ่งมีอยู่ด้วยกันหลายพิมพ์มาก ต่อมาท่านเห็นว่าอยากจะสร้างเป็นเอกลักษณ์ของทางวัดเอง จึงให้สร้างเหรียญพระมหาอุปคุตรุ่นแรกขึ้นมา เพราะฉะนั้น พระชุดนี้ จึงเป็นรูปองค์พระมหาอุปคุตรุ่นแรกสุด ที่องค์หลวงปู่สั่งให้ทำขึ้นครับ..


    [​IMG] [​IMG]

    เหรียญพระมหาอุปคุต เนื้อตะกั่วเทหยอดแม่พิมพ์

    เป็นชุดที่เทกันลองแม่พิมพ์ดูครับโดยใช้เนื้อตะกั่วชนวนต่างๆ พระชุดนี้เทกันตอนสมัยที่ทำเหรียญพระมหาอุปคุตรุ่นแรก คือพอปั๊มเหรียญชุดนี้เสร็จ ก็นำมาเทตะกั่วหยอดแม่พิมพ์ดู แต่พอเทออกมาพระไม่ค่อยสวย ฝีมือแบบชาวบ้านๆ จึงระงับการทำไว้เพียงแค่นั้น เพียง 18 องค์ครับ และกดเป็นเนื้อผงได้อีก 1-2 องค์ จึงนำมาตอกโค๊ตเอาไว้ด้วย แล้วนำไปฝากหลวงปู่ช่วยอธิษฐานให้ หลังจากที่ได้ถวายเหรียญพระมหาอุปคุตรุ่นแรกไปได้ไม่นาน เพราะฉะนั้น พระชุดนี้จึงไม่ได้เข้าอธิษฐานพร้อมกับเหรียญพระมหาอุปคุตรุ่นแรกนะครับ..
    แล้วจึงถวายพระชุดนี้ให้กับทางวัดเขาน้ำซับไว้แจกพวกนายช่าง และคนที่มาช่วยงานในวัด
    ด้านหลังมีทั้งแบบเรียบ และแบบหลังลายผ้าครับ และส่วนใหญ่จะมีลงเหล็กจารแทบทุกองค์
    ส่วนแม่พิมพ์ทั้งหมดได้ทำลายไปแล้ว ไม่สามารถใช้งานได้จึงสบายใจได้ครับ.. รวมถึงพระรุ่นอื่นๆด้วย ครับ



     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กรกฎาคม 2015
  11. Noo Norway

    Noo Norway เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    23,623
    ค่าพลัง:
    +82,120
    สาธุ... สาธุ... สาธุ...
     
  12. bat119

    bat119 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2009
    โพสต์:
    14,591
    ค่าพลัง:
    +30,884
    กราบหลวงปู่พิศดู หวัดดีคุณทุเรียนทอดและสมาชิกทุกท่านครับ
     
  13. kamolnetr

    kamolnetr เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    212
    ค่าพลัง:
    +633
    กราบหลวงปู่พืศดู
    สวัสดี..สมาชืกทุกท่าน เข้ามาลงชื่อติดตามเรื่องราวดีๆครับ
     
  14. จันท์คับ

    จันท์คับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    3,334
    ค่าพลัง:
    +11,056
    กราบหลวงปู่พิศดู สวัสดีครับพี่ทุเรียนทอดและสมาชิกทุกท่าน ตามมาเป็นกำลังใจและร่วมซึมซับบารมีธรรมอันยิ่งใหญ่ของหลวงปู่ครับ
     
  15. เฉียวฟง

    เฉียวฟง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,190
    ค่าพลัง:
    +4,913
    กราบหลวงปู่พิศดู สวัสดีคุณทุเรียนทอด และสมาชิกทุกท่านครับ
     
  16. ทุเรียนทอด

    ทุเรียนทอด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,329
    ค่าพลัง:
    +57,982
    วันก่อนผมกราบพระสวดมนต์ก่อนนอนเสร็จ ก็ได้จ้องมองรูปเหมือนองค์หลวงปู่พิศดูขนาดบูชา 9 นิ้ว แล้วก็รำพึงรำพันในใจว่า องค์หลวงปู่ท่านไปนิพพานแล้ว แต่ยังคอยตามดูลูกศิษย์อยู่เหมือนเดิมใช่ไหมครับ ถ้าใช่อยากให้องค์หลวงปู่มาแสดงอะไรให้ผมรู้และมั่นใจบ้าง ผมคิดถึงหลวงปู่ครับ ในใจตอนนั้นรู้สึกเคว้งๆ คล้ายกับมันขาดที่ยึดเกาะฉะนั้น แล้วก็ก้มลงกราบองค์หลวงปู่แนบพื้นด้วยความเคารพบูชาอยู่างสูงยิ่ง เทิอดทูนเอาไว้อย่างสูงสุด แล้วก็ไปหลับตามปกติ ในคืนนั้นเองผมก็ฝันครับ ฝันว่า ได้ไปกราบองค์หลวงปู่ดูท่านอารมณ์ดีมากเป็นพิเศษ ท่านนั่งอยู่ที่เก้าอี้ตัวหนึ่ง ผมก็เดินไปกราบท่าน ท่านก็หัวเราะแล้วก็เอาไม้เกาหลังที่ท่านเคยใช้มาเขียนยันต์ให้ที่ศรีษะของผม เขียนไปก็ท่องมนต์ไป แล้วก็เป่ามาที่ศรีษะผม ทำอย่างนี้ประมาณ 3 ครั้ง แล้วท่านก็บอกกับผมว่า ให้หมั่นภาวนาพุทโธเข้าไว้นะ แล้วท่านก็หยิบปากกาเมจิมาเขียนยันต์ลงไปที่ไม้เกาหลังของท่าน แล้วก็มอบให้ผมกับมือของท่านเอง แล้วผมก็ตื่น พอตื่นมารู้สึกว่า ปิติมากยกมือ สาธุ ท่วมหัวเลย พ่อแม่ครูบาอาจารย์อย่างท่านนั้น ไม่เคยทิ้งลูกศิษย์จริงๆครับ

    แม้แต่เมื่อวานนี้ก็ตาม ตอนผมเพิ่งตื่นนอนใหม่ๆ พอลืมตาได้เท่านั้น ก็ได้กลิ่น(ทิพย์)ของท่าน ชัดเจนมากๆ เป็นกลิ่นเฉพาะตัวท่านเลยจริงๆ ไม่มีกลิ่นไหนจะเหมือนกลิ่นกายของท่าน ลูกศิษย์ที่ได้เคยดูแลอุปัฏฐากท่านจะรู้กันดีครับว่ากลิ่นเฉพาะตัวของท่านเป็นอย่างไร ก็น่าแปลกนะครับ ทั้งๆที่ห้องนอนของผมก็ปิดหน้าต่างประตูมิดชิดหมด แต่กลับได้กลิ่นของท่านได้อย่างชัดเจนมากๆ ผมรู้สึกว่า ท่านมาตามให้ไปที่วัด และก็น่าแปลกอีกอย่างนึงคือ ในวันเดียวกันนั้นแฟนผมเขาก็ฝันเห็นองค์หลวงปู่มาบอกว่า ให้ไปช่วยงานทางโน้น(ที่วัด)หน่อย ไปช่วยดูแลหน่อย นี่แหละครับก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งเล็กๆ ที่ผมอยากจะสื่อว่า แม้องค์ท่านจะดับขันธ์เข้านิพพานไป แต่ก็ไม่ได้หายไปไหน ก็เพียงแต่ท่านเปลี่ยนที่อยู่ใหม่เท่านั้นเอง ก็ยังคอยตามดู และคอยช่วยเหลือลูกศิษย์ของท่านอยู่เสมอไม่ว่าใครก็ตาม เพียงแค่เราไม่อาจเห็นท่านได้เท่านั้นครับ สาธุ




    .
     
  17. ทุเรียนทอด

    ทุเรียนทอด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,329
    ค่าพลัง:
    +57,982

    สวัสดีครับพี่บัติ และสมาชิกทุกท่านครับ
     
  18. ทุเรียนทอด

    ทุเรียนทอด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,329
    ค่าพลัง:
    +57,982


    สวัสดีครับคุณ kamolnetr ขอบคุณมาก ที่ติดตามครับ
     
  19. ทุเรียนทอด

    ทุเรียนทอด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,329
    ค่าพลัง:
    +57,982

    สวัสดีครับคุณ จันทคับ ขอบคุณมากครับที่ติดตาม ช่วยกันเผยแพร่พระอริยะสงฆ์บ้านเรากันครับ เพื่อบ้านเราจะได้เป็นที่เชิดหน้าชูตา ที่มีพระอริยะสงฆ์ระดับสูง ให้ลูกหลานได้กราบไหว้บูชาไม่รู้ลืม
     
  20. ทุเรียนทอด

    ทุเรียนทอด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,329
    ค่าพลัง:
    +57,982
    [​IMG][​IMG]
    พระปัจเจกโพธิ์ (สีเขียว) หลวงปู่พิศดู
    พระชุดนี้สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2552 โดยคณะศิษย์ท่านครูบากฤษดา โดยได้มีผู้ร่วมบริจาคมวลสารเพื่อใช้สร้างอย่างมากมายคับคั่งมากๆ ทั้งนี้สำเร็จได้ด้วยการร่วมแรงร่วมใจกัน เจตนาการสร้างก็สำเร็จเต็มร้อยครับตอนที่นำพระไปถวายองค์หลวงปู่พิศดู ท่านได้ร่วมอนุโมทนาบุญด้วย และยังสั่งให้ยกไปวางไว้ที่บนหัวเตียงนอนของท่าน โดยก็บอกว่า "นี่ของดี พระปัจเจกโพธิโปรดสัตว์"
    โดย รูปแบบ พิมพ์ทรงสี่เหลี่ยม องค์พระจำลองมาจากรูปหล่อองค์พระปัจเจกโพธิเก่าแก่ ของวัดสันพระเจ้าแดง จ.ลำพูน ประทับนั่งอยู่ในซุ้มประตูทรงคล้ายเสมามีข้อความพิเศษว่า "สติ" ส่วนอักขระตัวเมืองด้านล่างสุดบริเวณฐาน อ่านว่า พระปัจเจกโพธิพระชุดนี้สร้างออกมาหลายวรรณะ(สี)ด้วยกัน แต่สีเขียวเป็นสีเฉพาะขององค์หลวงปู่เอง สร้างทั้งหมด ประมาณ 3,000 องค์
    สาเหตุ หลักที่สร้างเป็นพระปัจเจกโพธินั้น ความหมายอีกนัยหนึ่งก็คือ ภูมิธรรมขององค์หลวงปู่พิศดูนั้น ท่านปราถนาเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้ามาแต่เดิม คล้ายกับหลวงปู่เสาร์ กันตสีโล จวบจนบารมีธรรมของท่านเต็มที่ และเห็นว่าความเกิด ความแก่ ความเจ็บ นำมาซึ่งความทุกข์ทั้งปวง จึงเกิดความเบื่อหน่ายในชาติภพ จึงได้ถอนความปราถนาพระปัจเจกฯสำเร็จเป็นพระอรหันต์ในชาตินี้
    พระ ผงปัจเจกโพธิรุ่นนี้ยิ่งได้พระอรหันต์พิเศษผู้มีความปราถนาซึ่งพระปัจเจก ภูมิเดิมเป็นผู้อธิษฐานจิตด้วยแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องบรรยายสรรพคุณให้มากนัก พระรุ่นนี้ครูบาอาจารย์บอกว่า..ศักดิ์สิทธิ์ตั้งแต่ยังไม่เสกแล้ว เพราะเจตนาดี มวลสารก็ดี ท่านจึงตั้งชื่อรุ่นให้ว่า " รุ่น สมปราถนา " เรียก ได้ว่าเหมือนดั่งได้มหาบารมีธรรมของพระปัจเจกพุทธเจ้า และพระอริยะปัจเจกภูมิ อัดพลังครอบลงไปแบบเต็มๆ นับว่าตรงสายอย่างที่สุด...


    สำหรับ พระผงปัจเจกโพธิ์นี้จัดว่าเป็นสิ่งมงคลวัตถุที่ดีมาก เป็นของสูง ตั้งแต่ท่านแจกออกไป ก็ได้สร้างประสบการณ์ เรื่องโชคลาภซึ่งมีมากมายในหมู่ลูกศิษย์โดยเฉพาะทางแถบ จ.ระยอง-กรุงเทพฯ แต่บางคนได้มาแรกๆ ไม่ได้สนใจอะไรมากเอาใส่ไว้ในลิ้นชักเฉยๆ แต่ต่อมาต้องเอามาเลี่ยมอย่างดี ไว้ห้อยประจำคอเลยครับ เพราะไปเจอดีเข้านั่นเอง



    สำหรับการบูชาพระผงปัจเจกโพธิ์นั้น สามารถบูชาควบคู่กับคาถาพระปัจเจกโพธิของหลวงปู่ปาน หรือคาถาเงินล้านของหลวงพ่อฤาษีลิงดำได้เลย โดยควรจะบูชา 3,5,7,9 จบ ตามแต่ถนัด แต่ควรจะให้สม่ำเสมอไม่ลดลง ถ้าจะให้ได้ผลดียิ่งๆขึ้นควรบูชาพระทุกเช้า ค่ำ และทำบุญตักบาตรเป็นประจำ จะช่วยเพิ่มพูนโภคทรัพย์สมบัติ โชคลาภ อำนาจวาสนา อยู่เย็นเป็นสุขยิ่งๆขึ้นไป ด้วยมหาบารมีธรรมของพระปัจเจกโพธิ ที่เลิศทั้งในทางลาภ และทางฤทธิ์เป็นอเนกอนันต์..

    คาถาพระปัจเจกโพธิ (ของหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค)
    (ตั้งนะโม 3 จบ)

    พุทธะ มะอะอุ นะโมพุทธายะ
    วิระทะโย วิระโคนายัง วิระหิงสา วิระทาสี วิระทาสา วิระอิตถิโย
    พุทธัสสะ มานีมามะ พุทธัสสะ สะวาโหม


    คาถาเงินล้าน (ของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ)
    (ตั้งนะโม3 จบ)

    สัมปะจิตฉามิ นาสังสิโม
    พรหมา จะ มหาเทวา สัพเพยักขา ปะรายันติ (คาถาปัดอุปสรรค)
    พรหมา จะ มหาเทวา อภิลาภา ภะวันตุ เม (คาถาเงินแสน)
    มหาปุญโญ มหาลาโภ ภะวันตุ เม (คาถาลาภไม่ขาดสาย)
    มิเตพาหุหะติ (คาถาเงินล้าน)
    พุทธะมะอะอุ นะโมพุทธายะ วิระทะโย วิระโคนายัง วิระหิงสา วิระทาสี วิระทาสา วิระอิตถิโย พุทธัสสะ มานีมามะ พุทธัสสะ สวาโหม (คาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า)
    สัมปะติจฉามิ (คาถาเร่งลาภให้ได้เร็วขึ้น)
    เพ็งๆ พาๆ หาๆ ฤาๆ

    (ตัวคาถาต้องว่าทั้งหมด )

    ของหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (ฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง



    .
    <!-- google_ad_section_end -->__________________
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->หลวงปู่ สอนให้พุทโธ<!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 สิงหาคม 2012

แชร์หน้านี้

Loading...