เรื่องเด่น หลวงตาม้าเล่าให้ฟังเรื่อง จักรแก้ว / อ.รอบทิศ ไวยสุศรี

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย นโมพุทธายะ๕, 14 สิงหาคม 2019.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,363
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,120
    ค่าพลัง:
    +70,465
    พระกาล2.jpg

    หลวงตาม้าเล่าให้ฟังเรื่อง จักรแก้ว

    วันก่อนไปคุยกับหลวงตาหลายเรื่อง เลยได้คุยกับท่านเรื่องจักรแก้วด้วย เห็นว่าหลายเรื่องน่าสนใจดี เลยขอรวบรวมความทรงจำเท่าที่จำได้มาเล่าให้ฟังกันครับ (อาจมีตกหล่นไปบ้าง เพราะไม่ได้จดบันทึกไว้ หากเนื้อหาไม่ครบถ้วน ต้องกราบขอขมาหลวงตาไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ)

    ผม - หลวงตาครับ จักรแก้วนี่ใครดูแลอยู่ครับ
    หลวงตา - พญาครุฑเค้าดูแลอยู่นะ พระกาลไง
    ผม - อ้อ แยกกันดูแลนะครับ แก้วจักรพรรดิก็พญานาคดูแล จักรแก้วก็พญาครุฑดูแล
    หลวงตา - ใช่ๆ แบ่งงานกันไป
    ผม - แล้วสมบัติจักรพรรดิอื่นๆละครับเช่น ปราสาทแก้ว นี่ เวลาใครขึ้นเป็นจักรพรรดิแล้วจะเป็นหลังเดิมเหมือนกันทุกองค์ไหมครับ
    หลวงตา - ไม่นะฮะ อันนั้นเกิดตามบุญของจักรพรรดิแต่ละคน ของใครของมัน
    ผม -อ้อ แสดงว่ามีเฉพาะจักรแก้วกับลูกแก้วที่เป็นของเดิมทุกๆองค์
    หลวงตา - ใช่ฮะ นอกนั้นแล้วแต่ของใครของมัน
    ผม - อย่างนี้ทั้งจักรและลูกแก้วก็มีพลังงานของพุทธะและโพธิสัตว์ทั้งหลายรวมอยู่ด้วยกันเต็มไปหมดเลยสิครับ เพราะทุกองค์ใช้อันเดียวกันคลอด
    หลวงตา - ใช่ฮะ พลังงานไม่มีประมาณนะ รวมทั้งหมดเลย พระพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์ หรือใครที่เคยเสวยเป็นจักรพรรดิ ก็มีพลังงานอยู่ทั้งหมด
    ผม - เอ แล้วถ้าถึงช่วงหมดกัปป์ โลกแตกสลายไป จักรกับแก้ว เค้าไม่สลายไปหมดเหรอครับ
    หลวงตา - ไม่นะ เค้าก็เอาขึ้นไปเก็บไว้บนสวรรค์ พอโลกเกิดใหม่ ก็เอาลงมาใหม่ ใช้อันเดิมตลอดนะ
    ผม - อันเดิมมาตั้งแต่สมเด็จองค์ปฐมเลยเหรอครับ เพราะก่อนท่านสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้า ก็ต้องเป็นจักรพรรดิมาก่อน
    หลวงตา - ใช่ฮะ รวมมาทั้งหมดตั้งแต่องค์แรก เรื่อยไปไม่มีประมาณ
    ผม - โอ้โห งั้นจักรแก้วกับลูกแก้วนี่ก็น่าจะมีพลังงานมากที่สุดแล้ว รวมมาทั้งหมดเลย
    หลวงตา - ใช่สิ จักรนี่เร็วนะ เร็วที่สุด แรงที่สุดกว่าอาวุธทั้งหมด แค่นึกก็ไปแล้ว วิ่งไปจัดการเองหมดเลย ไม่มีใครสู้ได้
    ผม - แล้วพวกครุฑที่ดูแลจักรอยู่ เค้าใช้จักรแก้วได้ไหมครับ
    หลวงตา - ไม่ได้ฮะ ต้องจักรพรรดิเท่านั้น พวกนั้นแค่ดูแลไว้เฉยๆ
    ผม - แต่ถ้าเป็นพ่อพระกาลก็น่าจะใช้ได้ไหมครับ ท่านเป็นโพธิสัตว์บารมีเต็มแล้ว
    หลวงตา - เอ้อ แบบนั้นใช้ได้อยู่
    ผม - แสดงว่าถ้าเป็นโพธิสัตว์กำลังมากๆ ท่านก็ใช้ได้หลวงตา - ใช้ได้ฮะ
    ผม - อย่างนึกถึงลป.ทวด ลป.ดู่ หรือสวดจักรพรรดิ เราก็ขอน้อมเอากำลังของจักรมาใช้ได้
    หลวงตา - ได้สิ สวดจักรพรรดินี่ สวดแล้วจักรเค้ามาเลยนะ มาล้อมเราไว้ อะไรก็ทำอันตรายเราไม่ได้ เจอจักรสะท้อนกลับไปเลยนะ ไม่ต้องกลัวเลยนะฮะ คนสวดจักรพรรดิเสมอๆนี่ ผีเผอ ไสยศาสตร์อะไรก็ทำอันตรายไม่ได้ มันสะท้อนกลับหมด
    ผม - แล้วถ้าเรานึกถึงโพธิสัตว์องค์อื่นจะใช้ได้ไหมครับเช่น ลพ.ปาน พระกาล
    หลวงตา - ได้ฮะ แต่ต้องน้อมให้เป็น
    ผม - จริงๆทั้งหมดน้อมมาแล้วก็ต้องผ่านลป.ก่อนอยู่ดี
    หลวงตา - ใช่ ก็ท่านนั่งอยู่หัวแถวนี่ น้อมมาก็ต้องผ่านท่านก่อน
    ผม - งั่นก็น้อมจากการสวดจักรพรรดิ หรือนึกถึงลป.ไปเลยก็ง่ายกว่า
    หลวงตา - ก็ใช้ได้เลย
    ผม - แล้วถ้านึกถึงพระพุทธเจ้า หรือใช้บทพุทธคุณอื่นๆเช่น อิติปิโส นี่ น้อมจักรมาใช้ได้ไหมครับ
    หลวงตา - ก็ได้ฮะ พระพุทธพระธรรมพระสงฆ์ท่านพลังงานถึงกันหมด แต่เราต้องน้อมให่เป็น ถ้าไม่น้อมถึงจักร ก็ได้แต่กำลังพุทธะมาเฉยๆ ถ้าน้อมถึงโพธิสัตว์องค์อื่นๆ ถ้าไม่น้อมถึงจักร ก็ได้แต่กำลังขององค์นั่นมา แต่ถ้าลป.ท่านอยู่หัวแถวไง ก็รวมหมด
    ผม - อย่างนี้เราน่าจะสร้างเครื่องรางรูปจักรไว้ใช้นะครับ พลังงานเยอะดี
    หลวงตา - ฮ่ะๆ ไม่ต้องเป็นรูปจักรหรอกฮะ ก็รูปลักษณ์จักรพรรดินี่ไง ในองค์จักรพรรดิ ท่านก็มีสมบัติจักรพรรดิทุกอย่างอยู่แล้ว อย่างที่อ.ป้องจะทำพระกริ่งทรงเครื่งนั่นก็ใช่ฮะ เป็นจักรพรรดิ ก็มีจักรอยู่ในนั่นแล้วฮะ ครบแล้ว คนทำเป็นเขาไม่ต้องไปนั่งทำนั่งแยกรูปลักษณ์อะไรให้วุ่นวายฮะ สร้างจักรพรรดิทีเดียวจบเลย ในนั่นมีทุกอย่างฮะ จะจักร จะแก้ว จะพุทธะ จะโพธิสัตว์ มีหมด หลวงตาถึงให้สวดจักรพรรดิ ให้ทำพระจักรพรรดิ ให้ทำรูปลักษณ์หลวงปู่ดู่เยอะๆไงฮะ มันครบหมดแล้ว ไม่มีประมาณแล้ว ไม่ต้องไปห้อยอะไรเยอะแยะ องค์เดียวจบฮะ ครบหมด
    ผม - เหมือนที่ผมได้ยินครูบาท่านนึงเล่าว่า เห็นคนสวดจักรพรรดิเยอะๆ พอมองไปก็เห็นจักรแก้ววิ่งไปมาเต็มไปหมด
    หลวงตา - ใช่ฮะ ถ้าคนเขาเข้าใจพลังงาน เค้าจะเห็น เค้าจะรู้เอง
    ผม - แต่คนไม่ค่อยเชื่อกันนะครับ เวลาใครมีปัญหาอะไรมา ผมก็บอกให้เขาสวดจักรพรรดิกัน เขาก็ไม่ค่อยยอมทำกัน คิดว่ามันทำไมง่ายจัง ไม่ต้องทำพิธีอะไรยากๆเหรอ
    หลวงตา - ฮ่ะๆ คนไม่เข้าใจ เขาก็ไม่เข้าใจฮะ ถ้าเค้าหมั่นสวด หมั่นศึกษาพลังงาน เขาจะเข้าใจฮะ เขาจะทำ เขาจะเห็นผลจริง หลวงตาก็สวดอยู่บทเดียวนี่เลย

    c_oc=AQlo7HduYQ_Jtw89y49U0VGMHpRessgIrpUpQ3_jbBCz85XH0aRQN622gjikDq7vjkg&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
    พระกาล9.jpg

    https://www.facebook.com/robtis?__tn__=,dlC-R-R&eid=ARDNlyAG3aAVpkMTyKUvKdhXjwszrSswIozCA843O7gZeGgW3diIWaC87jC6Y0fHQngYo8yrVaXdpmcR&hc_ref=ARReWX1MLpVZs8YPFrJdQHlm2oreIMmHkDjNHqz5dQx30htxH1sW1iGoqOYs5N_9gGY
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 17 สิงหาคม 2019
  2. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,363
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,120
    ค่าพลัง:
    +70,465
  3. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,363
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,120
    ค่าพลัง:
    +70,465
    "ฝึกสติให้มีกำลังที่มั่นคง กำหนดรู้สิ่งใดก็ได้ที่เราชอบจดจำง่าย.. กำหนดรู้ด้วยสติ..ทำทุกๆวัน.เพียรเอาถึงได้.ไม่เพียรไม่ได้.. แค่นั้น"

    ที่ครูบากฤษดาสอนสั้นๆนี้ ครอบคลุมหลักพละ 5 ในพระพุทธศาสนาอย่างลึกซึ้งครบถ้วนทุกประการคือ
    1.ศรัทธา = กำหนดรู้สิ่งใดก็ได้ที่เราชอบจดจำง่าย
    2.วิริยะ = เพียรเอาถึงได้
    3.สติ = กำหนดรู้ด้วยสติ
    4.สมาธิ = ให้มีกำลังมั่นคง
    5.ปัญญา = กำหนดรู้สิ่งที่เราชอบ ด้วยความเพียร ด้วยสติที่มีกำลังมั่นคง ย่อมเกิดปัญญา

    ผู้ใดหมั่นปฏิบัติตามหลักพละ 5 นี้ ย่อมมีพละกำลังที่จะทำให้เกิดความสำเร็จทั้งทางโลกและทางธรรมตามที่ปรารถนาทุกประการ

    ขอบคุณภาพจากคุณ ต่อ บ้านธิ

    wd8DjPVbcBA3S4eYLnmhflhojznPkP62NTA4dnCkqSQQ&_nc_ohc=oir8LNYeJ0YAX-lube4&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...