หนุมานล้มลุก ทรงฤทธิ์มหาปราบ ขันติโก 94 หลวงปู่สาย วัดดอนกระต่ายทอง จ.อ่างทอง

ในห้อง 'วิธีดูพระเครื่อง-เครื่องรางของขลัง' ตั้งกระทู้โดย supachaisun, 26 กันยายน 2011.

  1. supachaisun

    supachaisun สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +4
    พระเกจิอาจารย์ชื่อดัง "หลวงปู่สาย ขันติโก" วัดดอนกระต่ายทอง อ.ไชโย จ.อ่างทอง อายุ ๙๔ ปี ท่านสืบทอดสายวิทยาคมของวัดนก จ.อ่างทอง เรียนรู้ด้านอักขระเลขยันต์ และว่านสมุนไพรจากหลวงปู่เฟื่องและพระอาจารย์ ปลั่ง วัดนก อ่างทอง ซึ่งเป็นศิษย์สายพุทธาคมมาจากหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จ.ชัยนาท นอกจากนี้หลวงปู่ท่านยังได้ศึกษาวิชาโดยตรงกับ หลวงพ่อซวง วัดชีปะขาว จ.สิงห์บุรี หลวงปู่สาย วัดดอนกระต่ายทอง พระเกจิอาจารย์พุทธาคมชั้นยอดแห่งจังหวัดอ่างทอง ผู้เป่าเสกอะไรเป็นขลังสิ้นทุกประการ อำนาจจิตท่านถึงขนาดนั่งปรกปลุกเสกทำให้สายสิญจน์ที่ถืออยู่เกิดไฟไหม้ ได้รับการยกย่องจากพระเกจิละแวกเดียวกันว่า "เป็นพระเกจิกสิณไฟ" มีชื่อเสียงในการเพ่งกสิณ พลังจิต ในการปลุกเสกวัตถุมงคลต่างๆ ได้เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาของผู้เคารพศรัทธาอยู่บ่อยครั้ง

    [​IMG]
    เล่ากันว่าท่านได้เพ่งกสิณบรรจุพลัง จนไฟลุกไหม้จากมือวิ่งไปตามสายสินธ์ในรอบมณฑลพิธีโดยที่สิ่งของอื่นๆ อยู่ในสภาพปกติ ซึ่งน่าจะไหม้ไฟไปด้วย มีประชาชนที่ร่วมพิธีได้เรียนถามหลวงปู่สายว่า เกิดอะไรขึ้นท่านบอกว่า "บรรจุกสิณธาตุไฟแรงไปหน่อย" หลังเสร็จพิธี ประชาชนต่างเช่าบูชาวัตถุมงคลรุ่นนั้นไปจนหมด

    หลวงปู่สาย ท่านสืบสายวิชาอาคมพลังพุทธคุณ จากอดีตเจ้าอาวาสวัดดอนกระต่ายทอง ซึ่งเป็นลูกศิษย์สายของ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ท่านเป็นพระอภิญญาวาจาสิทธิ์ วิปัสสนาแก่กล้า สำเร็จวิชากสิณไฟชั้นสูง พุทธาคม เมตตา คงกระพันชาตรี หลวงปู่สายท่านยังไม่เคยจัดสร้างหนุมานมาก่อน เคยศึกษาในตำราเก่าของหลวงปู่ศุข หลวงปู่ท่านให้ทำเป็นรูปหนุมานนั่งขัดสมาธิเพชรลืมตาอ้าปาก หลวงปู่ท่านว่าเป็นตอนที่หนุมานลืมตาอ้าปากเมื่อออกจากญาณสมาบัติใหม่ๆ เวลานี้เป็นเวลาที่หนุมานมีกำลังมากที่สุด มีฤทธิ์มีกำลังแก่กล้าเต็มเปี่ยมอย่างที่สุด เรียกว่า “ทรงฤทธิ์” นอกจากนี้ที่ก้นยังทำเป็นแบบก้นล้มลุก โดยถือเคล็ดคำว่า “ล้มลุก” เป็นอมตะเหมือนกับ

    หนุมานที่ไม่มีวันตาย ตราบใดที่มีลมพัดมาก็จะฟื้นคืนกำลังดังเดิม ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของหลวงปู่สายซึ่งยังไม่มีคณาจารย์องค์ใดจัด สร้างในรูปแบบนี้มาก่อน ที่ฐานได้บรรจุพระคาถา “หัวใจหนุมาน” ครั้งนี้หลวงปู่ท่านให้ใช้ “ยันต์อิติปิโสทรงฤทธิ์” จากตำราเก่าแก่สายวัดปากคลองมะขามเฒ่า จึงเป็นที่มาของคำว่า “รูปหล่อล้มลุกหนุมานทรงฤทธิ์มหาปราบ” ที่ก้นของหนุมานได้คว้านรูบรรจุอุดผงวิเศษนานัปการ อาทิเช่น เส้นเกศาและผ้าจีวรหลวงปู่สาย แล้วนำไปแช่ในน้ำว่านยา ๑๐๘ เสกให้ครบ ๗ วัน ตามตำราการสร้างหนุมานสายวัดมะขามเฒ่า


    หนุมานล้มลุก ทรงฤทธิ์มหาปราบ ขันติโก 94 หลวงปู่สาย วัดดอนกระต่ายทอง

    หนุมานเป็นพญาวานรเผือกทหารเอกของพระราม ถือกำเนิดเกิดจากพระอิศวรมีเทวบัญชาให้พระพายพัดเอากำลังแห่งพระองค์และเทพ ศาสตราวุธของพระองค์ เข้าสู่ท้องของนางสวาหะที่ถูกสาป อันได้แก่ คทาเพชรเป็นสันหลัง, ตรีเพชรเป็นกาย, จักรแก้วเป็นศรีษะ นางสวาหะตั้งท้องนาน ๓๐ เดือน คลอดลูกออกทางปากเป็นวานรเผือกคลอดมาก็อายุได้ ๑๖ ปี ตรงกับวันอังคารเดือนสามปีขาล ลักษณะพิเศษของหนุมาน คือ มีเขี้ยวแก้วอยู่กลางเพดานปาก มีกุณฑลขนเพชร สามารถแผลงฤทธิ์ให้มีสี่หน้าแปดมือ และหาวเป็นดาวเป็นเดือนได้ ใช้ตรีเพชร(สามง่าม) เป็นอาวุธประจำตัว(จะใช้เมื่อรบกับยักษ์ตัวสำคัญๆ) มีความเก่งกล้ามาก สามารถแปลงกายหายตัวได้ ทั้งยังอยู่ยงคงกระพัน แม้ถูกอาวุธของศัตรูจนตายเมื่อมีลมพัดมาก็จะฟื้นคืนได้อีก นอกจากนี้หนุมานยังเป็นลิงที่รูปงาม มีนิสัยเจ้าชู้ มีเมียมากถึง ๖ นาง ได้ทำงานที่ไหนก็ได้เมียเสมอ
    ด้วยคุณลักษณะ อันวิเศษของหนุมาน โบราณาจารย์ท่านจึงนำมาจัดสร้างเป็นรูปหนุมานเครื่องรางของขลังที่มี คุณวิเศษอิทธิฤทธิ์ครอบจักรวาล เป็นมหาอุด อยู่ยงคงกระพันชาตรี มหาอำนาจ มหากำลัง เสน่ห์เมตตามหานิยม ในอดีตพระคณาจารย์ที่สร้างหนุมานที่มีชื่อเสียงมีหลายท่าน หลวงปู่สายท่านยังไม่เคยจัดสร้างหนุมานมาก่อน เคยถามท่านตอนที่อารมณ์ดีๆ เกี่ยวกับการทำหนุมานท่านก็เล่าให้ฟังว่าเคยศึกษา ในตำราเก่าของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ต้องทำให้มีตัวด้วยอาการ ๓๒ และธาตุ ต้องชุบตัวด้วยว่านยาแต่ก็ยังไม่เคยทำลอง ทำดูก็ดีเหมือนกัน ให้ทำเป็นรูปหนุมานนั่งขัดสมาธิเพชรลืมตาอ้าปาก หลวงปู่ท่านว่าเป็นตอนที่หนุมานลืมตาอ้าปากเมื่อออกจากญาณสมาบัติมาใหม่ๆ เวลานี้เป็นเวลาที่หนุมานมีกำลังมากที่สุด เพราะบำเพ็ญตบะทรงซึ่งมหิทธานุภาพ อิทธิฤทธิ์มหาเดชมหาอำนาจเรียกกำลังปลุกตัวอย่างบริบูรณ์เต็มที่แล้วมีฤทธิ์ มีกำลังแก่กล้าเต็มเปี่ยมอย่างที่สุด เรียกว่า “ทรงฤทธิ์” และการที่ลืมตาอ้าปากนั้นก็เพื่อให้เป็นเคล็ดในด้านตั้งตนตั้งตัวมีโชคลาภ หาเงินหาทองคล่อง มีกินมีใช้ตลอดไม่ขาดแคลน นอกจากนี้ที่ก้นยังทำเป็นแบบก้นล้มลุกเหมือนกับพระกริ่งล้มลุกของท่านเจ้ามา วัดจักรวรรดิ์ (สามปลื้ม) โดยถือเคล็ดคำว่า “ล้มลุก” เป็น อมตะเหมือนกับหนุมานที่ไม่มีวันตายตราบใดที่มีลมพัดมาก็จะฟื้นคืนกำลังดังเดิม นับเป็นครั้งแรกของการจัดสร้างหนุมานก้นล้มลุก เพื่อให้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของหลวงปู่สายซึ่งยังไม่มีคณาจารย์องค์ใด จัดสร้างในรูปแบบนี้มาก่อน ที่ฐานได้บรรจุพระคาถา หัวใจหนุมาน คือ หะนุมานะ ยะตะมะอะ มีความงดงามอย่างยิ่ง คมชัดลึก เป็นงานที่ครบถ้วนทั้งศาสตร์และศิลป์ เมื่อมองดูราวกับหนุมานมีชีวิต ดูสงบสำรวมแต่มีพลังอย่างประหลาด

    ครั้งนี้ หลวงปู่ท่านให้ใช้ ยันต์อิติปิโสทรงฤทธิ์ จากตำราเก่าแก่สายวัดปากคลองมะขามเฒ่า ที่หลวงปู่ได้ เคยศึกษามา อันว่าพระคาถาอิติปิโสนั้น มีอยู่มากมายหลายแบบนักแต่ละแบบย่อมทรงอานุภาพแตก ต่างกันไปตามกลบทที่โบราณจารย์ท่านบรรจงผูกเรียงขึ้นไว้สำหรับยันต์ อิติปิโสทรงฤทธิ์นั้น เป็นยันต์ตาราง ๘๑ ช่อง ตรงกลางลงองค์พระ ชั้นนอกล้อมด้วยบทพระพุทธคุณ ๕๖ อักขระลงอักขระแบบม้าย่อง ชั้นในตรงกลางลงด้วย พระไตรสรณคมน์ ด้านหลังลงยันต์ ยอดมงกุฏพระพุทธคุณ ทรงคุณานุภาพยิ่งนัก คุ้มกันภยันตรายได้ทุกประการ จึงเป็นที่มาของคำว่า รูปหล่อล้มลุกหนุมานทรงฤทธิ์มหาปราบ ที่ก้นของหนุมานได้คว้านรูบรรจุอุดผงวิเศษนานับประการ อาทิเช่น เส้นเกศาและผ้าจีวรหลวงปู่สาย, ผงว่านยา ๑๐๘ , ผงพุทธคุณ, หินเขี้ยวหนุมาน, ตะกรุดนะธาตุ ฯลฯ ขอกล่าวถึงขั้น ตอนการสร้างหนุมานตามตำหรับหลวงปู่ศุขสักหน่อย ไม่ค่อยมีใครพูดถึงและเข้าใจว่าหลวงปู่ศุข เองท่านก็ไม่เคยทำไว้มีแต่เพียง กล่าวไว้ในตำราส่วนที่เกี่ยวกับเครื่องราง ขั้นตอนก็พิสดารยุ่งยากมากต้องหล่อหลอมชนวนและแผ่นยันต์หนุมานต่างๆก่อเกิด เป็นเลือดเป็นเนื้อแห่งหนุมานตาม ฤกษ์ยามที่กำหนดโดยถือเอาเพชฌฆาตฤกษ์และโจรฤกษ์ซึ่งดีในด้านทำของขลังอยู่ยงคงกระพัน มหาปราบ และบรรจุมวลสารว่านยาเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงนำมาเสกโดยการตั้งรูปตั้งนาม เรียกอาการ ๓๒ ตั้งธาตุปลุกธาตุหนุนธาตุด้วย ดิน,น้ำ,ลม,ไฟ,วิญญาณธาตุ และ บรรจุหัวใจหนุมานลงในวัตถุมงคล จากนั้นจึงนำไปแช่ในน้ำว่านยา ๑๐๘ เพื่อชุบตัวหนุมานให้เป็นกายสิทธิ์ทรงฤทธิ์เสกให้ครบ ๗ วัน ตามตำราการสร้างหนุมานของสายวัดมะขามเฒ่า ให้มีชีวิตมีตัวตนครบถ้วนทั้งรูปและนาม หลวงปู่ท่านตั้งใจทำให้เป็นพิเศษ แผ่นยันต์ที่ลงทั้งสิ้นเฉพาะในการนี้ ๓๒ แผ่นยันต์ เปรียบเสมือนอาการ ๓๒ ของหนุมานได้แก่

    ๑. แผ่นยันต์มหาอุดปืน ๒. แผ่นยันต์ปืนแตก ๓. แผ่นยันต์แคล้วคลาด ๔. แผ่นยันต์เพชรหลีก ๕. แผ่นยันต์เพชรกลับ ๖. แผ่นยันต์นะจังงัง ๗. แผ่นยันต์ฝนแสนห่า ๘. แผ่นยันต์กระทู้ ๗ แบก ๙. แผ่นยันต์พระเจ้าชุมนุมธาตุ ๑๐. แผ่นยันต์พุทธจักร ๑๑. แผ่นยันต์บารมี ๓๐ ทิศ ๑๒. แผ่นยันต์ตรีนิสิงเห ๑๓. แผ่นยันต์พิชัยสงคราม ๑๔. แผ่นยันต์หนุมานออกศึก ๑๕. แผ่นยันต์หนุมานยกธงรบ ๑๖. แผ่นยันต์หนุมานคลุกฝุ่น ๑๗. แผ่นยันต์ปถมัง ๑๘. แผ่นยันต์โสฬสมหามงคล ๑๙. แผ่นยันต์มหาทมึน ๒๐. แผ่นยันต์เกราะเพชร ๒๑.แผ่นยันต์อาการ ๓๒ ๒๒.แผ่นยันต์ปัญจอาวุธ ๒๓.แผ่นยันต์ประจำทิศทั้ง ๘ ๒๔.แผ่นยันต์บัวแก้วบัวขวัญ ๒๕.แผ่นยันต์ ๙ ยอด ๒๖.แผ่นยันต์พระเจ้าห้ามอาวุธ ๒๗.ยันต์เกศาผิด ๒๘.แผ่นยันต์อิติปิโสทรงฤทธิ์ ๒๙.แผ่นยันต์พญาหนุมาน ๓๐.แผ่นยันต์แสนสากเหล็ก๓๑.แผ่นยันต์มหาละลวย ๓๒.แผ่นยันต์ดวงชะตากำเนิดหนุมาน

    สำหรับ แผ่นดวงชะตากำเนิดหนุมานสำคัญ อย่างยิ่ง ท่านว่าเป็นชะตากำเนิดของเขา จะทำรูปเขาจะต้องมีดวงชะตาเกิดของเขาด้วย มันถึงจะเป็นตัวเป็นตนที่แท้จริง เขาจะเกิดขึ้นได้อย่างสมบูรณ์ ส่วนว่านยาที่นำมาชุบตัวหนุมานได้แบ่งประเภทออกเป็น๕กลุ่มดังนี้
    ๑.) ว่านจำพวกคงกระพัน อาทิเช่น ว่านเฒ่าหนังเหนียว ว่านพระยาดาบหัก ว่านคางคก ว่านมหานิล ว่านสบู่เลือด ว่านมหาปราบ ว่านหนุมานประสานกาย ว่านหนุมานนั่งแท่น ฯลฯ

    ๒.) ว่าน จำพวกเมตตาและมหาลาภ อาทิเช่น ว่านเสน่ห์จันทร์แดง ว่านเสน่ห์จันทร์ขาว ว่านนางคุ้ม ว่านนางกวัก ว่านเศรษฐี ว่านนางล้อม ว่านขอทอง ว่านพญาเงินไหล ฯลฯ

    ๓.) ว่านจำพวกแคล้วคลาด อาทิเช่น ว่านเพชรหลีก ว่านเพชรกลับ ว่านเพชรหลง ว่านเกราะเพชร ว่านกำแพงเพชร ฯลฯ

    ๔.) ว่าน จำพวกกายสิทธิ์ เทวดารักษา อาทิเช่น ว่านพระอินทร์ ว่านพระอาทิตย์ ว่านมหากาฬ ว่านมเหศวร ว่านพระนารายณ์ ว่านตาละปัตฤษี ว่านประกายสิทธิ์ ว่านพระตบะ ฯลฯ

    ๕.) ว่านจำพวกสะกดกำบัง อาทิเช่น ว่านจังงัง ว่านกำบัง ว่านขุนแผนสะกดทัพ ว่านนาคราช ฯลฯ

    นอกจากนี้ ยังมีใบไม่รู้นอนทั้ง ๑๖ ชนิด ดังนี้ ใบ มหาระงับ ใบผักกะเฉด ใบกระทืบยอด หญ้าใต้ใบ ใบชุมเห็ด ใบสมิ แคขาว ใบตาล ใบขนุน ใบจาก ใบคูณ ใบเงิน ใบทอง ใบนาก ใบพยุง ใบรัก ที่ขาดไม่ได้คือ หญ้าแห้วหมู ท่านว่าเพราะหญ้าแห้วหมูเป็นพืชที่ตายยากขนาดนำไปต้มแล้วก็ยังสามารถขึ้น ใหม่ได้อีกเป็นเคล็ดวิชาอย่างหนึ่งของการชุบตัวหนุมานให้เป็นกายสิทธิ์ไม่มี วันตาย

    จำนวนการจัดสร้างมีดังนี้
    1.เนื้อนำฤกษ์โลหะชนวนล้วน ก้นอุดผงว่านเกศา,ผ้าจีวร,ผง,ฝังตะกรุดเงินสามดอก สร้าง ๕๙ องค์ (กรรมการ)
    2.เนื้อนวะฤทธิ์โลหะชนวนอาวุธสำริดโบราณ ก้นอุดผงว่านเกศา,ผ้าจีวร,ผง,ฝังตะกรุดเงินสามดอก สร้าง ๒๑๙ องค์
    3.เนื้อตะกั่วผสมแร่จ้าวน้ำเงิน,ชินตะกั่วสังขวานรและชนวน ก้นอุดผงว่านเกศา, ผ้าจีวร,ผม ฝัง ตะกรุดเงินคู่ สร้าง ๑,๕๑๙ องค์
    4.เนื้อทองแดงเถื่อนผสมชนวน ก้นอุดผงว่านผ้าจีวร,ผงฝังตะกรุดเงินหนึ่งดอก สร้าง ๒,๕๑๙ องค์

    หนุมานทุกตนทุกเนื้อ ตอกโค๊ต และหมายเลขกำกับทุกตนครับ

    "พลังศรัทธา พระเครื่องเมืองไทย"

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้

Loading...