สรุปภัยที่เกิดจากประเทศต่างๆ ทั่วโลก

วันนี้ เสาร์ 13 มกราคม

<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width=567 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>สหรัฐประกาศเตือนภัยสึนามิรัสเซียและญี่ปุ่น</TD></TR><TR><TD class=Text_Story vAlign=top><!-- สึนามิขนาดเล็กพัดใส่ญี่ปุ่นแล้ว ศูนย์เตือนสึนามิแปซิฟิกเตือนภัย ฮาวาย อลาสกา รัสเซียและญี่ปุ่น หลังเกิดแผ่นดินไหวระดับ 8.3 ริคเตอร์ ทางตอนเหนือของมหาสมุทรแปซิฟิก อธิบดีกรมอุตุฯย้ำไม่กระทบประเทศไทย
ศูนย์เตือนภัยคลื่นยักษ์สึนามิแถบมหาสมุทรแปซิฟิก ออกประกาศด่วน เมื่อเช้าวันที่ 13 มกราคม เตือนภัยคลื่นยักษ์ หรือสึนามิ พื้นที่ชายฝั่งของรัสเซีย ญี่ปุ่น และเกาะมาร์คัส ในมหาสมุทรแปซิฟิก ตลอดจนแถบรัฐฮาวายและหมู่เกาะอาลิวเชียน และแถบรัฐอลาสกา หลังตรวจพบแผ่นดินไหวรุนแรงขนาด 8.3 ริคเตอร์ ใต้ทะเลทางตะวันออกของหมู่เกาะคูริล ทางตอนเหนือสุดของญี่ปุ่น ที่อยู่ในครอบครองของรัสเซีย เมื่อเวลา 04.23 น.วันเสาร์ ตามเวลามาตรฐานสากล หรือเวลา 11.23 น. ตามเวลาในไทย โดยศูนย์กลางแรงสั่นสะเทือนอยู่ลึกลงไปใต้พื้นทะเลราว 30 กิโลเมตร
ศูนย์เตือนภัยแห่งนี้ เตือนว่า คลื่นยักษ์อาจถึงชายฝั่งรัฐฮาวายหลังเวลาเที่ยงคืนตามเวลาท้องถิ่น หรือตรงกับเวลา 17.00 น. ตามเวลาในไทย และคาดว่าจะถึงดัตช์ ฮาร์เบอร์ ในรัฐอลาสกา 1 ชั่วโมงก่อนหน้านั้น ขณะเดียวกัน ก็เตือนประชาชนบนหมู่เกาะอลูเตียนส์ รวมทั้งพื้นที่ชายฝั่งตลอดแนวทางใต้-กลางของอลาสกา ไปจนถึงเมืองซีเวิร์ด เตรียมพร้อมรอคำสั่งจากเจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์ฉุกเฉิน
ขณะที่สำนักสำรวจธรณีวิทยาของสหรัฐวัดแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวครั้งนี้ได้ 7.7 ริคเตอร์ โดยมีจุดศูนย์กลางอยู่ห่างไปทางใต้ค่อนไปทางตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองเซเวโร คูริลส์ค ในรัสเซีย หรือหมู่เกาะอิโตโรฟุ ตามชื่อของญี่ปุ่น ราว 500 กิโลเมตร ส่งผลให้เกิดคลื่นสึนามิขนาดเล็กถึงชายฝั่งเมืองคูชิโร เกาะฮอกไกโด ในญี่ปุ่นแล้ว ส่วนสำนักงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น ประกาศเตือนผ่านหน่วยงานท้องถิ่นและบรรษัทกระจายเสียงของญี่ปุ่น หรือเอ็นเอชเค ถึงอันตรายจากคลื่นยักษ์ในพื้นที่แนวชายฝั่งทางเหนือของประเทศ หลังจากมีคลื่นสูง 10 เซนติเมตร ในเมืองเนมูโร ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของคลื่นสึนามิ พร้อมกับเตือนว่าอาจมีคลื่นสูง 1 เมตร ซัดเข้าชายฝั่งทางเหนือและตะวันออกของเกาะฮอกไกโด เวลา 14.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือ เวลา 13.00 น. ตามเวลาในไทย
นอกจากนี้ อาจมีคลื่นยักษ์ซัดบริเวณชายฝั่งเกาะฮอนชูด้วย ขณะนี้มีการอพยพประชาชนหลายพันคนขึ้นไปอยู่บนที่สูงแล้ว แต่ในหลายพื้นที่ก็ยังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลง ขณะที่กรุงโตเกียว รัฐบาลออกคำสั่งตั้งสำนักงานเพื่อรับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการเกิดคลื่นยักษ์ ซึ่งเบื้องต้นยังไม่มีรายงานความเสียหายและผู้ได้รับบาดเจ็บ
อย่างไรก็ดี หลังจากการประกาศเตือนภัยผ่านพ้นไปหลายชั่วโมง ศูนย์แจ้งเตือนภัยสึนามิเขตแปซิฟิกของสหรัฐ ได้ยกเลิกประกาศเตือนภัยสึนามิในทุกพื้นที่ในเขตมหาสมุทรแปซิฟิกที่ก่อนหน้านี้เชื่อว่าอาจจะได้รับผลกระทบจากคลื่นขนาดยักษ์ ท่ามกลางความโล่งอกของทุกฝ่าย เมื่อเหตุแผ่นดินไหวใต้ทะเลทางเหนือของแปซิฟิกไม่พบคลื่นขนาดใหญ่แต่อย่างใด ไม่ว่าจะเป็นที่ญี่ปุ่น และฮาวาย พบแค่คลื่นขนาดครึ่งเมตรหรือเล็กกว่านั้น ขณะที่เมืองชีเมีย ทางตะวันตกสุดของอลาสกา มีรายงานว่าพบคลื่นขนาดสูงไม่ถึง 4 นิ้ว

*ภัยธรรมชาติกระหน่ำ 3 ทวีป*
วันเดียวกัน สำนักงานป้องกันภัยพลเรือนของฟิลิปปินส์ แจ้งว่า น้ำท่วมและแผ่นดินถล่มอันเนื่องจากฝนตกหนักนานกว่าสัปดาห์บนเกาะเลย์เตและเกาะซามาร์ ทางตอนกลางของประเทศ รวมทั้งเกาะมินดาเนา ทางตอนใต้ ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 21 คน สูญหาย 5 คน บาดเจ็บอีก 16 คน บ้านเรือนพังเสียหายกว่า 800 หลัง ประชาชนราว 2.3 หมื่นคน ต้องอพยพออกจากบ้านเรือน ถนนหลายสายบนเกาะมินดาเนายังคงใช้การไม่ได้ เพราะน้ำท่วมหรือพังเสียหาย
ส่วนที่มาเลเซีย สำนักข่าวเบอร์นามา รายงานว่า เกิดฝนตกหนักในภาคใต้ของประเทศ ทำให้ประชาชนประมาณ 5 หมื่นคน ต้องหลบภัยในที่สูง หลังพยายามกลับเข้าบ้านพัก อุทกภัยครั้งนี้นับเป็นครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบ 37 ปี ส่งผลให้ถนนหลักหลายสายในรัฐยะโฮร์ถูกตัดขาด โดยเฉพาะพื้นที่ในเมืองยะโฮร์ บารู ประสบภัยรุนแรงที่สุด ประชาชนเกือบ 2 หมื่นคน ต้องอพยพออกจากพื้นที่ คาดว่าสถานการณ์จะเลวร้ายลงไปอีก เนื่องจากฝนจะตกต่อเนื่องจนถึงวันจันทร์
ทั้งนี้ เมื่อเดือนที่แล้วมีผู้เสียชีวิต 15 คน ไร้ที่อยู่อาศัยกว่า 1 แสนคน เนื่องจากน้ำท่วม สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจประมาณ 28 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ขณะเดียวกัน ที่ยุโรปยังต้องเผชิญกับพายุร้ายและคลื่นลมแรงที่กวาดซัดเกาะหลายเกาะของอังกฤษและบางส่วนของทวีปยุโรป ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 2 คน หายสาบสูญอีก 7 คน ด้านเจ้าหน้าที่ยามฝั่งของอังกฤษต้องตระเวนไปที่ทะเลเหนือท่ามกลางทะเลบ้า เพื่อลากจูงเรือโดยสารลำหนึ่ง ซึ่งบรรทุกผู้โดยสารราว 100 คน ที่ต้องลอยเคว้งกลางทะเล เพื่อกลับขึ้นชายฝั่งทางตะวันออกเฉียงเหนือของสกอตแลนด์ ขณะที่เรือบรรทุกสินค้าลำหนึ่งหวุดหวิดชนขุดเจาะน้ำมันแห่งหนึ่ง
ส่วนที่เบลเยียม ชายคนหนึ่งเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนมอเตอร์เวย์ เนื่องจากกระแสลมแรงราว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำให้ไม่สามารถควบคุมรถได้จนเกิดอุบัติเหตุดังกล่าว ที่เนเธอร์แลนด์ ทางการประเมินความเสียหายจากพายุที่พัดกระหน่ำชายฝั่งว่าสูงถึง 15 ล้านยูโร นอกจากนี้ ลมพายุซึ่งรุนแรงพอๆ กับเฮอร์ริเคนยังพัดกระหน่ำสาธารณรัฐเช็ก ทำให้หลังคาบ้านปลิวว่อน ต้นไม้ถูกลมพัดจนถอนรากถอนโคน ไฟฟ้าดับในหลายพื้นที่รวมไปถึงบริเวณชายแดนของโปแลนด์และออสเตรีย
ข้ามฟากมหาสมุทรแอตแลนติกไปที่ทวีปอเมริกา ลมหนาวจากขั้วโลกได้พัดกระหน่ำทั่วภาคกลางของแคนาดา จนกระทั่งทางการต้องประกาศเตือนภัยประชาชนว่าอุณหภูมิอาจจะลดฮวบฮาบจนถึงจุดเยือกแข็งภายใน 10 นาที โรงเรียนหลายแห่งในจังหวัดมานิโตบา ต้องปิดโดยปริยาย ขณะที่สตรีคนหนึ่งเสียชีวิตเนื่องจากรถยนต์ลื่นไถลตกถนน ส่วนอีก 2 คน เสียชีวิตเนื่องจากรถพุ่งชนกองหิมะ
ด้านสำนักสิ่งแวดล้อมแคนาดา เตือนว่า กระแสลมแรงจัดอาจทำให้อุณหภูมิลดลงจนติดลบ 45 องศาเซลเชียส ในจังหวัดมานิโตบาและซาสคัตเชวัน ขณะที่เมืองวินนิเปก ซึ่งเป็นเมืองใหญ่เมืองหนึ่ง อุณหภูมิได้ลดต่ำไปถึงระดับ -30 องศาเซลเซียสแล้ว ถือเป็นเมืองใหญ่ที่เผชิญกับความหนาวเย็นมากที่สุดในประเทศ
*อธิบดีกรมอุตุฯ ย้ำไม่กระทบไทย*
นายศุภฤกษ์ ตันศรีรัตนวงศ์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวถึงกรณีเกิดแผ่นดินไหวขนาด 8.3 ริคเตอร์ มีศูนย์กลางอยู่บริเวณทิศตะวันออกของเกาะคูริล หรือละติจูด 46.7 องศาเหนือ ลองจิจูด 154.4 องศาตะวันออก ของประเทศญี่ปุ่น เบื้องต้นได้รับรายงานว่าเกิดคลื่นสึนามิขนาดเล็กที่บริเวณชายฝั่งทางตอนเหนือของเกาะฮอกไกโด เมื่อเวลา 12.52 น. ตามเวลาประเทศไทย แต่เหตุการณ์ดังกล่าวจะไม่มีผลกระทบกับประเทศไทย เนื่องจากประเทศไทยอยู่ห่างจากญี่ปุ่นมาก น่าจะกระทบกับประเทศที่อยู่ใกล้กับบริเวณที่เกิดมากกว่า
อย่างไรก็ตาม กรมอุตุฯ กำลังเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดว่าญี่ปุ่นได้รับความเสียหายมากน้อยแค่เพียงใด และกรมอุตุฯ จะประกาศทางสื่อทั้งทีวี วิทยุ มือถือ แจ้งเตือนให้ประชาชนรับทราบการเกิดแผ่นดินไหวครั้งนี้ด้วย

-->
สึนามิขนาดเล็กพัดใส่ญี่ปุ่นแล้ว ศูนย์เตือนสึนามิแปซิฟิกเตือนภัย ฮาวาย อลาสกา รัสเซียและญี่ปุ่น หลังเกิดแผ่นดินไหวระดับ 8.3 ริคเตอร์ ทางตอนเหนือของมหาสมุทรแปซิฟิก อธิบดีกรมอุตุฯย้ำไม่กระทบประเทศไทย
ศูนย์เตือนภัยคลื่นยักษ์สึนามิแถบมหาสมุทรแปซิฟิก ออกประกาศด่วน เมื่อเช้าวันที่ 13 มกราคม เตือนภัยคลื่นยักษ์ หรือสึนามิ พื้นที่ชายฝั่งของรัสเซีย ญี่ปุ่น และเกาะมาร์คัส ในมหาสมุทรแปซิฟิก ตลอดจนแถบรัฐฮาวายและหมู่เกาะอาลิวเชียน และแถบรัฐอลาสกา หลังตรวจพบแผ่นดินไหวรุนแรงขนาด 8.3 ริคเตอร์ ใต้ทะเลทางตะวันออกของหมู่เกาะคูริล ทางตอนเหนือสุดของญี่ปุ่น ที่อยู่ในครอบครองของรัสเซีย เมื่อเวลา 04.23 น.วันเสาร์ ตามเวลามาตรฐานสากล หรือเวลา 11.23 น. ตามเวลาในไทย โดยศูนย์กลางแรงสั่นสะเทือนอยู่ลึกลงไปใต้พื้นทะเลราว 30 กิโลเมตร
ศูนย์เตือนภัยแห่งนี้ เตือนว่า คลื่นยักษ์อาจถึงชายฝั่งรัฐฮาวายหลังเวลาเที่ยงคืนตามเวลาท้องถิ่น หรือตรงกับเวลา 17.00 น. ตามเวลาในไทย และคาดว่าจะถึงดัตช์ ฮาร์เบอร์ ในรัฐอลาสกา 1 ชั่วโมงก่อนหน้านั้น ขณะเดียวกัน ก็เตือนประชาชนบนหมู่เกาะอลูเตียนส์ รวมทั้งพื้นที่ชายฝั่งตลอดแนวทางใต้-กลางของอลาสกา ไปจนถึงเมืองซีเวิร์ด เตรียมพร้อมรอคำสั่งจากเจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์ฉุกเฉิน
ขณะที่สำนักสำรวจธรณีวิทยาของสหรัฐวัดแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวครั้งนี้ได้ 7.7 ริคเตอร์ โดยมีจุดศูนย์กลางอยู่ห่างไปทางใต้ค่อนไปทางตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองเซเวโร คูริลส์ค ในรัสเซีย หรือหมู่เกาะอิโตโรฟุ ตามชื่อของญี่ปุ่น ราว 500 กิโลเมตร ส่งผลให้เกิดคลื่นสึนามิขนาดเล็กถึงชายฝั่งเมืองคูชิโร เกาะฮอกไกโด ในญี่ปุ่นแล้ว ส่วนสำนักงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น ประกาศเตือนผ่านหน่วยงานท้องถิ่นและบรรษัทกระจายเสียงของญี่ปุ่น หรือเอ็นเอชเค ถึงอันตรายจากคลื่นยักษ์ในพื้นที่แนวชายฝั่งทางเหนือของประเทศ หลังจากมีคลื่นสูง 10 เซนติเมตร ในเมืองเนมูโร ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของคลื่นสึนามิ พร้อมกับเตือนว่าอาจมีคลื่นสูง 1 เมตร ซัดเข้าชายฝั่งทางเหนือและตะวันออกของเกาะฮอกไกโด เวลา 14.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือ เวลา 13.00 น. ตามเวลาในไทย นอกจากนี้ อาจมีคลื่นยักษ์ซัดบริเวณชายฝั่งเกาะฮอนชูด้วย ขณะนี้มีการอพยพประชาชนหลายพันคนขึ้นไปอยู่บนที่สูงแล้ว แต่ในหลายพื้นที่ก็ยังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลง ขณะที่กรุงโตเกียว รัฐบาลออกคำสั่งตั้งสำนักงานเพื่อรับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการเกิดคลื่นยักษ์ ซึ่งเบื้องต้นยังไม่มีรายงานความเสียหายและผู้ได้รับบาดเจ็บ อย่างไรก็ดี หลังจากการประกาศเตือนภัยผ่านพ้นไปหลายชั่วโมง ศูนย์แจ้งเตือนภัยสึนามิเขตแปซิฟิกของสหรัฐ ได้ยกเลิกประกาศเตือนภัยสึนามิในทุกพื้นที่ในเขตมหาสมุทรแปซิฟิกที่ก่อนหน้านี้เชื่อว่าอาจจะได้รับผลกระทบจากคลื่นขนาดยักษ์ ท่ามกลางความโล่งอกของทุกฝ่าย เมื่อเหตุแผ่นดินไหวใต้ทะเลทางเหนือของแปซิฟิกไม่พบคลื่นขนาดใหญ่แต่อย่างใด ไม่ว่าจะเป็นที่ญี่ปุ่น และฮาวาย พบแค่คลื่นขนาดครึ่งเมตรหรือเล็กกว่านั้น ขณะที่เมืองชีเมีย ทางตะวันตกสุดของอลาสกา มีรายงานว่าพบคลื่นขนาดสูงไม่ถึง 4 นิ้ว
</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=585 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=567 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width=567 border=0><TBODY><TR><TD class=Text_Story vAlign=top>
*ภัยธรรมชาติกระหน่ำ 3 ทวีป*
วันเดียวกัน สำนักงานป้องกันภัยพลเรือนของฟิลิปปินส์ แจ้งว่า น้ำท่วมและแผ่นดินถล่มอันเนื่องจากฝนตกหนักนานกว่าสัปดาห์บนเกาะเลย์เตและเกาะซามาร์ ทางตอนกลางของประเทศ รวมทั้งเกาะมินดาเนา ทางตอนใต้ ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 21 คน สูญหาย 5 คน บาดเจ็บอีก 16 คน บ้านเรือนพังเสียหายกว่า 800 หลัง ประชาชนราว 2.3 หมื่นคน ต้องอพยพออกจากบ้านเรือน ถนนหลายสายบนเกาะมินดาเนายังคงใช้การไม่ได้ เพราะน้ำท่วมหรือพังเสียหาย

ส่วนที่มาเลเซีย สำนักข่าวเบอร์นามา รายงานว่า เกิดฝนตกหนักในภาคใต้ของประเทศ ทำให้ประชาชนประมาณ 5 หมื่นคน ต้องหลบภัยในที่สูง หลังพยายามกลับเข้าบ้านพัก อุทกภัยครั้งนี้นับเป็นครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบ 37 ปี ส่งผลให้ถนนหลักหลายสายในรัฐยะโฮร์ถูกตัดขาด โดยเฉพาะพื้นที่ในเมืองยะโฮร์ บารู ประสบภัยรุนแรงที่สุด ประชาชนเกือบ 2 หมื่นคน ต้องอพยพออกจากพื้นที่ คาดว่าสถานการณ์จะเลวร้ายลงไปอีก เนื่องจากฝนจะตกต่อเนื่องจนถึงวันจันทร์
ทั้งนี้ เมื่อเดือนที่แล้วมีผู้เสียชีวิต 15 คน ไร้ที่อยู่อาศัยกว่า 1 แสนคน เนื่องจากน้ำท่วม สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจประมาณ 28 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ขณะเดียวกัน ที่ยุโรปยังต้องเผชิญกับพายุร้ายและคลื่นลมแรงที่กวาดซัดเกาะหลายเกาะของอังกฤษและบางส่วนของทวีปยุโรป ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 2 คน หายสาบสูญอีก 7 คน ด้านเจ้าหน้าที่ยามฝั่งของอังกฤษต้องตระเวนไปที่ทะเลเหนือท่ามกลางทะเลบ้า เพื่อลากจูงเรือโดยสารลำหนึ่ง ซึ่งบรรทุกผู้โดยสารราว 100 คน ที่ต้องลอยเคว้งกลางทะเล เพื่อกลับขึ้นชายฝั่งทางตะวันออกเฉียงเหนือของสกอตแลนด์ ขณะที่เรือบรรทุกสินค้าลำหนึ่งหวุดหวิดชนขุดเจาะน้ำมันแห่งหนึ่ง
ส่วนที่เบลเยียม ชายคนหนึ่งเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนมอเตอร์เวย์ เนื่องจากกระแสลมแรงราว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำให้ไม่สามารถควบคุมรถได้จนเกิดอุบัติเหตุดังกล่าว ที่เนเธอร์แลนด์ ทางการประเมินความเสียหายจากพายุที่พัดกระหน่ำชายฝั่งว่าสูงถึง 15 ล้านยูโร นอกจากนี้ ลมพายุซึ่งรุนแรงพอๆ กับเฮอร์ริเคนยังพัดกระหน่ำสาธารณรัฐเช็ก ทำให้หลังคาบ้านปลิวว่อน ต้นไม้ถูกลมพัดจนถอนรากถอนโคน ไฟฟ้าดับในหลายพื้นที่รวมไปถึงบริเวณชายแดนของโปแลนด์และออสเตรีย

ข้ามฟากมหาสมุทรแอตแลนติกไปที่ทวีปอเมริกา ลมหนาวจากขั้วโลกได้พัดกระหน่ำทั่วภาคกลางของแคนาดา จนกระทั่งทางการต้องประกาศเตือนภัยประชาชนว่าอุณหภูมิอาจจะลดฮวบฮาบจนถึงจุดเยือกแข็งภายใน 10 นาที โรงเรียนหลายแห่งในจังหวัดมานิโตบา ต้องปิดโดยปริยาย ขณะที่สตรีคนหนึ่งเสียชีวิตเนื่องจากรถยนต์ลื่นไถลตกถนน ส่วนอีก 2 คน เสียชีวิตเนื่องจากรถพุ่งชนกองหิมะ

ด้านสำนักสิ่งแวดล้อมแคนาดา เตือนว่า กระแสลมแรงจัดอาจทำให้อุณหภูมิลดลงจนติดลบ 45 องศาเซลเชียส ในจังหวัดมานิโตบาและซาสคัตเชวัน ขณะที่เมืองวินนิเปก ซึ่งเป็นเมืองใหญ่เมืองหนึ่ง อุณหภูมิได้ลดต่ำไปถึงระดับ -30 องศาเซลเซียสแล้ว ถือเป็นเมืองใหญ่ที่เผชิญกับความหนาวเย็นมากที่สุดในประเทศ


*อธิบดีกรมอุตุฯ ย้ำไม่กระทบไทย*
นายศุภฤกษ์ ตันศรีรัตนวงศ์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวถึงกรณีเกิดแผ่นดินไหวขนาด 8.3 ริคเตอร์ มีศูนย์กลางอยู่บริเวณทิศตะวันออกของเกาะคูริล หรือละติจูด 46.7 องศาเหนือ ลองจิจูด 154.4 องศาตะวันออก ของประเทศญี่ปุ่น เบื้องต้นได้รับรายงานว่าเกิดคลื่นสึนามิขนาดเล็กที่บริเวณชายฝั่งทางตอนเหนือของเกาะฮอกไกโด เมื่อเวลา 12.52 น. ตามเวลาประเทศไทย แต่เหตุการณ์ดังกล่าวจะไม่มีผลกระทบกับประเทศไทย เนื่องจากประเทศไทยอยู่ห่างจากญี่ปุ่นมาก น่าจะกระทบกับประเทศที่อยู่ใกล้กับบริเวณที่เกิดมากกว่า อย่างไรก็ตาม กรมอุตุฯ กำลังเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดว่าญี่ปุ่นได้รับความเสียหายมากน้อยแค่เพียงใด และกรมอุตุฯ จะประกาศทางสื่อทั้งทีวี วิทยุ มือถือ แจ้งเตือนให้ประชาชนรับทราบการเกิดแผ่นดินไหวครั้งนี้ด้วย
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=8></TD></TR><TR><TD></TD><TD></TD><TD></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

สังเกตดูให้ดีว่า ตอนนี้ภัยกระหน่ำมาทั้ง ดิน น้ำ ลม ไฟ มากันทั่วถึงทั่วโลกแล้ว

 

<TABLE height=34 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=780 border=0><TBODY><TR><TD style="PADDING-LEFT: 30px">เอเชียใต้เป็นทะเลทราย ไทยร่วมวางแผนป้องกัน [11 ม.ค. 50 - 01:15]
</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=text cellSpacing=0 cellPadding=0 width=780 border=0><TBODY><TR><TD align=middle><TABLE class=text cellSpacing=0 cellPadding=0 width="85%" border=0><TBODY><TR><TD>นายอภิชาต จงสกุล รองอธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน เผยว่า กรมพัฒนาที่ดินได้ร่วมกับสำนักงานเลขาธิการ อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการแปรสภาพเป็นทะเลทราย จัดประชุมเพื่อทำแผนต่อต้าน การแปรสภาพเป็นทะเลทรายในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งมีประเทศสมาชิกรวม 11 ประเทศ ได้แก่ ประเทศไทย, พม่า, ลาว, เวียดนาม, กัมพูชา, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์, อินโดนีเซีย, บรูไน, สิงคโปร์ และติมอร์เรตเต เนื่องจากแต่ละประเทศมีปัญหาความแห้งแล้งความเสื่อมโทรมของดิน ซึ่งเป็นปัญหาคล้ายคลึงกัน จึงต้องมีการจัดประชุมหารือเพื่อหาแนวทางการบูรณางาน ด้านการต่อต้านการแปรสภาพเป็นทะเลทรายร่วมกันในระดับภูมิภาคอย่างเป็นระบบ
รองอธิบดีกรมพัฒนาที่ดินกล่าว จากการประชุมหารือในครั้งนี้ได้ข้อสรุปว่า ประเทศสมาชิกในภูมิ ภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีลักษณะภูมิประเทศแตกต่างกันไป จึงมีรูปแบบการดำเนินงานไม่เหมือนกัน ที่ประชุมจึงเห็นควรให้มีการแบ่งกลุ่มประเทศสมาชิกออกเป็น 2 กลุ่ม คือกลุ่มประเทศที่เป็นเกาะและกลุ่มประเทศที่ไม่เป็นเกาะ โดยแต่ละประเทศดำเนินงานด้านการต่อต้านการแปรสภาพ เป็นทะเลทรายที่มีความเหมาะสมมากที่สุด
กรมฯได้รับมอบหมายให้เป็นเจ้าภาพในการดำเนินงานด้านนี้ ที่ผ่านมาได้ทำงานเกี่ยวกับการปรับปรุงฟื้นฟูทรัพยากรดินทุกรูปแบบ ทั้งด้านการจัดระบบอนุรักษ์ดินและน้ำ การพัฒนาที่ดิน, เกษตรอินทรีย์, การปรับปรุงพื้นที่ดินเค็ม, ดินเสื่อมโทรม 100 ประเทศทั่วโลกประสบปัญหาการแปรสภาพเป็นทะเลทราย มีผลกระทบต่อประชากรโลกประมาณ 900 ล้านคน ทำให้องค์ การสหประชาชาติต้องจัดทำอนุสัญญาสหประชา ชาติขึ้นเมื่อปี 2537 และจนถึงขณะนี้มีสมาชิกรวม 191 ประเทศ.
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
http://www.thairath.co.th/news.php?section=agriculture&content=33028

 

วันนี้มีทั้งเครื่องบินตก และรถไฟชนกัน

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 width="95%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=headline-bold>สหรัฐเผชิญพายุน้ำแข็ง หิมะ น้ำท่วม และทอร์นาโด


</TD></TR><TR><TD class=text-normal-th bgColor=#e9e9f3>ชิคาโก 15 มค. - สื่อท้องถิ่นและเจ้าหน้าที่สหรัฐ รายงานว่า ฝนที่ตกลงมาเป็นน้ำแข็ง ท่ามกลางหิมะ ลูกเห็บ น้ำท่วมฉับพลัน และทอร์นาโด กระหน่ำพื้นที่ต่าง ๆ ของสหรัฐ ในช่วงสุดสัปดาห์นี้ ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 13 ราย จากอุบัติเหตุถนนลื่น ในขณะที่พายุเล่นงานพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศ และคาดว่าจะมีไปจนถึงวันอังคารนี้
น้ำแข็ง ลม และหิมะ ทำให้ต้นไม้หักโค่น สัญญาณไฟจราจรและไฟฟ้าดับ ทำให้การเดินทางบนถนนติดขัด ต้องยกเลิกเที่ยวบินหลายร้อยเที่ยว และการสวดมนต์ที่โบสถ์วันอาทิตย์ และธุรกิจต้องปิดกิจการ มีผู้เสียชีวิต 10 คน จากถนนลื่นที่รัฐโอกลาโฮมา และยังมีอุบัติเหตุอีกกว่า 200 ราย ผู้คนนับแสนไม่มีไฟฟ้าใช้ ต้องขอความช่วยเหลือจากรัฐบาลกลาง
ส่วนที่รัฐมิสซูรี ตามสถานที่ และโรงแรมต่าง ๆ เต็มไปด้วยผู้คนที่มาอาศัยไออุ่นท่ามกลางอุณหภูมิเย็นจัด ขณะที่รัฐเท็กซัส เกิดฝนตก และน้ำท่วมฉับพลัน สำหรับที่รัฐแคลิฟอร์เนีย อุณหภูมิเย็นจัดเป็นประวัติการณ์ ทั้งที่ปกติมักมีสภาพอากาศอบอุ่นปานกลางตลอดทั้งปี ด้านรัฐโคโลราโด หิมะตกหนา 1 เมตร และมีรายการแผ่นน้ำแข็งหนา 3 นิ้ว ที่รัฐอิลลินอยส์ แคนซัส และมิสซูรี โดยคาดว่าพายุจะเล่นงานบริเวณชายฝั่งตะวันออกในวันอังคารนี้.-สำนักข่าวไทย
</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 width="95%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=headline-bold>รถไฟตกรางที่อินโดนีเซีย ตาย 5 บาดเจ็บเป็นร้อย


</TD></TR><TR><TD class=text-normal-th bgColor=#e9e9f3>จาการ์ตา 16 ม.ค.- เกิดเหตุขบวนรถไฟตกรางร่วงลงท้องน้ำแห้งผากบนเกาะชวาของอินโดนีเซีย ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 5 คน บาดเจ็บอีกร่วมร้อยคน
อุบัติเหตุเกิดขึ้นเมื่อเช้ามืดวันนี้ห่างจากเมืองปูร์โวเคอร์โตในจังหวัดชวากลางไปทางตะวันตกราว 11 กิโลเมตร เป็นขบวนรถไฟที่กำลังมุ่งหน้าไปยังกรุงจาการ์ตา ผู้รอดชีวิตเล่าว่า รถไฟขบวนนี้ซึ่งมีผู้คนเบียดเสียดแออัดมากหยุดกะทันหันและพลิกคว่ำเหนือขบวนรถอีกขบวนหนึ่งที่จอดตกรางอยู่ .-สำนักข่าวไทย


[ 2007-01-16 : 10:03:41 ] </TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<table width="95%" align="center" border="0" cellpadding="2" cellspacing="0"><tbody><tr><td class="headline-bold">เรือขนส่งสินค้าเกิดชนเข้ากับเรือโดยสารไฮโดรฟอยในอิตาลี ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 4 คน</td></tr><tr><td>
</td></tr><tr><td class="text-normal-th" bgcolor="#e9e9f3">เหตุเรือขนส่งสินค้าเกิดชนเข้ากับเรือโดยสารไฮโดรฟอยในอิตาลี ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 4 คน บาดเจ็บอีกจำนวนมาก
อุบัติเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเรือขนส่งสินค้าได้เข้าชนเข้าที่ด้านขวาของเรือโดยสารไฮโดรฟอยขณะที่เรือโดยสารกำลังจะเข้าเทียบท่าเรือเมสซิน่า ของเกาะซิซีลี่ ด้านเจ้าหน้าท่าเรือเมสซิน่า ระบุว่า อุบัติเหตุดังกล่าวทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 4 คนซึ่งทั้งหมดเป็นลูกเรือของเรือโดยสารไฮโดรฟอย
นอกจากนี้ ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกราว 88 จากจำนวนผู้โดยสารทั้งหมด 150 คน นอกจากนี้ ยังมีคนติดอยู่ในซากเรือโดยสารอีก 2 คน และจนถึงขณะนี้ยังไม่มีการชี้ชัดว่าอะไรคือสาเหตุของอุบัติเหตุครั้งนี้

</td></tr></tbody></table>

<table width="95%" align="center" border="0" cellpadding="2" cellspacing="0"><tbody><tr><td class="headline-bold">เรือชนกันใกล้อิตาลี มีผู้เสียชีวิตแล้ว 4 ราย</td></tr><tr><td class="text-normal-th" bgcolor="#e9e9f3">โรม 16 ม.ค.- สถานีโทรทัศน์สกายทีจี24 ในอิตาลีรายงานว่า มีผู้เสียชีวิตแล้ว 4 ราย บาดเจ็บอีกหลายสิบคนหลังจากเกิดเหตุเรือสินค้าชนกับเรือโดยสารข้ามฟากในช่องแคบเมสซินาที่อยู่ระหว่างอิตาลีและเกาะซิซิลีเมื่อวันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่น
ด้านสำนักข่าวอันซาของอิตาลีรายงานว่า การชนกันทำให้เรือโดยสารข้ามฟากความเร็วสูงแตกเป็นช่องโหว่ที่ลำเรือ ผู้โดยสารพากันแตกตื่นกระโดดลงทะเล ผู้เสียชีวิตทั้ง 4 คน เป็นลูกเรือของเรือโดยสาร โดยมีกัปตันและหัวหน้าวิศวกรรวมอยู่ด้วย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้มีผู้บาดเจ็บถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล 88 คน ในจำนวนนี้ 7 คน อาการสาหัส
เรือโดยสารข้ามฟากเซเกสต้าเจ๊ทบรรทุกผู้โดยสาร 150 คน ขณะเกิดเหตุชนกับเรือสินค้าซูซานบอร์ชาร์ดในช่องแคบเมสซินาที่มีความกว้าง 3.2 กิโลเมตร เมื่อเวลาประมาณ 18.20 น.วันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่น ตรงกับเวลา 01.20 น.วันอังคารตามเวลาในไทย สถานีโทรทัศน์อาร์เอไอรายงานว่า เรือสินค้าแล่นตัดหน้าเรือโดยสารในช่องแคบดังกล่าวที่มีเรือสัญจรพลุกพล่าน ขณะนี้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นและเจ้าหน้าที่กระทรวงคมนาคมได้แยกกันสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว.-สำนักข่าวไทย



[ 2007-01-16 : 09:25:55 ]
</td></tr></tbody></table>

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 width="95%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=headline-bold>พายุหิมะคร่าชีวิตคนในสหรัฐแล้ว 25 ราย

</TD></TR><TR><TD class=text-normal-th bgColor=#e9e9f3>ชิคาโก 16 ม.ค.- พายุหิมะพัดกระหน่ำทั่วพื้นที่ตอนกลางของสหรัฐ เมื่อวานนี้ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตแล้วรวม 25 ราย ในจำนวนนี้ครึ่งหนึ่งอยู่ที่รัฐโอกลาโฮมา ทำให้ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ต้องประกาศภาวะฉุกเฉิน
อุบัติเหตุที่เกิดจากสภาพอากาศตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา คร่าชีวิตคนในรัฐโอกลาโฮมา 11 ราย รัฐมิสซูรี 8 ราย และรัฐแคนซัส 6 ราย ประธานาธิบดีบุช ต้องประกาศภาวะฉุกเฉินที่รัฐโอกลาโฮมา หลังพายุหิมะทำให้ประชาชน 100,000 ราย ไม่มีไฟฟ้าใช้ ขณะนี้สำนักงานจัดการภัยฉุกเฉินของรัฐบาลกลางได้จัดส่งเครื่องกำเนิดไฟฟ้าและน้ำดื่มให้แก่ชุมชนที่ได้รับความเดือดร้อนแล้ว
ส่วนที่รัฐเท็กซัส ผู้ว่าการรัฐได้สั่งการให้กองกำลังแห่งชาติออกปฏิบัติหน้าที่หลังจากเกิดฝนตกหนัก วัดปริมาณน้ำฝนได้สูงกว่า 6 นิ้ว ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน นอกจากนี้ ยังเกิดน้ำท่วมที่รัฐอาร์คันซอ และรัฐหลุยเซียนา ขณะเดียวกัน ท่าอากาศยานนานาชาติดัลลัสฟอร์ทเวิร์ธ ได้ยกเลิกเที่ยวบินหลายสิบเที่ยว เนื่องจากพายุหิมะ และมีรายงานว่า อุณหภูมิที่ท่าอากาศยานลดลงใกล้จุดเยือกแข็ง แม้แต่รัฐแคลิฟอร์เนีย ริมมหาสมุทรแปซิฟิก ที่ปกติมีอุณหภูมิปานกลางตลอดทั้งปี ขณะนี้ก็มีอากาศหนาวที่สุดเป็นประวัติการณ์ อุณหภูมิที่นครลอสแองเจลิส เมื่อเช้าวันจันทร์ ลดลงไปอยู่ที่ 2 องศาเซลเซียส ต่ำที่สุดในรอบ 75 ปี ขณะที่เกษตรกรในเขตเซ็นทรัล วัลเลย์ ของรัฐแคลิฟอร์เนีย วิตกว่า พืชผล เช่น ส้ม มะนาว มูลค่ารวม 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จะได้รับความเสียหายจากสภาพอากาศหนาวจัด
นักพยากรณ์อากาศแจ้งว่า พายุที่กระหน่ำพื้นที่ตอนกลางของสหรัฐ กำลังเคลื่อนตัวไปทางตะวันออก คาดว่าจะสร้างความเดือดร้อนน้อยลงเมื่อพัดผ่านพื้นที่รัฐนิวอิงแลนด์ ทางตะวันออกเฉียงเหนือ สถานการณ์จะดีขึ้นแต่ยังคงมีอากาศหนาวเย็นอยู่.-สำนักข่าวไทย

</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ประเทศเค้าเป็นประเทศหนาว มีอุปกรณ์ช่วยกันหนาวพร้อม คิดดูว่าถ้าเกิดในประเทศร้อนอย่างเราทำอย่างไรดี