เรื่องเด่น ศิษยานุศิษย์อาลัยกันทั่ว! “หลวงตาละมัย-จอมอาคมแห่งเมืองสองแคว”มรณภาพแล้ว

พิษณุโลก – ชาวพุทธ-ลูกศิษย์ลูกหา เศร้าสลดกันทั่ว.. “หลวงตาละมัย” พระเกจิจอมอาคมแห่งเมืองสองแควที่ถูกเรียกเป็นหลวงตามาตั้งแต่อายุ 25 บวชได้เพียง 5 พรรษา มรณภาพแล้ว สิริอายุ 90 ปี 70 พรรษา


วันนี้(8 พ.ย.) เมื่อเวลา 05.30 น.ที่ผ่านมา พระวรญาณมุนี หรือ หลวงตาละมัย อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร อดีตผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดอรัญญิก อ.เมืองพิษณุโลก ได้มรณภาพลงอย่างสงบ สิริอายุ 90 ปี 70 พรรษา ท่ามกลางความเศร้าโศกเสียใจของศิษยานุศษย์ ตลอดจนพุทธศาสนิกชนที่ทราบข่าว

พระวรญาณมุนี หรือ หลวงตาละมัย ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร หรือวัดใหญ่ อ.เมืองพิษณุโลก และรักษาการเจ้าอาวาสวัดอรัญญิก บวชเป็นพระภิกษุมาตั้งแต่อายุครบ 20 ปี ที่วัดจอมทอง ต.จอมทอง อ.เมืองพิษณุโลก มีนามเดิมว่า แจ่ม เอมหยวก เกิดเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2473 ท้องที่ ต.บ้านกร่าง อ.เมืองพิษณุโลก

ภายหลังจากอุปสมบทได้รับฉายาว่า “สุธมฺโม”ได้ศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัย ปริยัติธรรม จนได้นักธรรมเอก และสนใจทางด้านการปฏิบัติธรรมทางกรรมฐานวิปัสสนา ปลุกเสก น้ำมนต์ ลงอักขระเครื่องรางของขลัง นั่งปรก โยกย้ายกระแสจิตพอร่ำเรียนวิชาอาคมสำเร็จ จึงออกเดินธุดงค์ไปในป่าพื้นที่จังหวัดต่างๆ

จนกระทั่งวันหนึ่งขณะนั่งกรรมฐานเรียกว่าสมถะภาวนาภายในถ้ำน้ำปัง จ.เพชรบูรณ์ เวลาประมาณ 10.00 น.มีภิกษุรูปหนึ่ง เข้าไปกราบ 3 ครั้ง พร้อมกับเอ่ยปากเรียกว่า “หลวงปู่ครับ หลวงปู่อยู่ที่นานหรือยัง” “หลวงตาครับ หลวงตาอยู่ที่นี่นานหรือยัง” “หลวงพ่อครับ หลวงพ่ออยู่ที่นี่นานหรือยัง” โดยที่ท่านไม่ยอมตอบทั้ง 3 ครั้ง เพราะคิดว่าพระภิกษุรูปนั้นเสียสติหรือถูกผีเข้าสิง

อย่างไรก็ตามท่านจะหยุดภาวนาเรียกว่า “มนต์คลาย”แล้วลืมตาดูพระรูปนั้นแล้วถามว่า “ทำไมท่านจึงพูดอย่างนี้กับฉัน” พระภิกษุรูปนั้นตอบว่า “ฉันเห็นหลวงพี่แก่หง่อมเลยครับ” จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่บุคคลใกล้ชิด พากันเรียกขานว่า “หลวงตา”มาตั้งแต่มีอายุ 25 ปี และบวชมาได้เพียง 5 พรรษาเท่านั้น

และเนื่องจาก”หลวงตาละมัย”เป็นพระที่มีวัตรปฏิบัติพระธรรมวินัยของสงฆ์อย่างเคร่งครัด จึงได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดใหญ่ เมื่อปี 2516 และอีก 2 ปีต่อมาได้เลื่อนสมณศักดิ์เป็น”พระครูประสาทธรรมวัตร”

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมามีบุคคลทั่วไปทั้งข้าราชการ พ่อค้า ประชาชนจนถึงระดับนักการเมืองชื่อดัง-นายทหารระดับ “บิ๊ก”ทั้งกองทัพบก และกองทัพอากาศ ให้ความศรัทธามักจะมีกิจนิมนต์ไปเจิมป้าย ดูฤกษ์ยาม บริษัท ห้าง ร้าน สร้างบ้าน อาคาร โดยเฉพาะน้ำมนต์เชื่อกันว่ามีอิทธิฤทธิ์และศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก พุทธคุณสามารถขจัดปัดเป่าอันตรายทั้งปวง

ประการสำคัญยังได้รับการยอมรับจากพระเกจิอาจารย์ที่มีพรรษาอาวุโสกว่า และมีชื่อเสียงในสายกรรมฐาน ร่วมพิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคลต่างๆ อยู่เสมอ อาทิ พระราชอุดมมงคล หรือหลวงพ่ออุตมะ หลวงปู่โง่น โสรโย เป็นต้น

แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นวัตรปฏิบัติเคร่งครัด นับตั้งแต่ปี 2515 ไม่เคยขาดกล่าวคือ ในฤดูการทอดกฐินและเข้าพรรษา ท่านจะกลับไปรับกฐินและจำพรรษาที่วัดใหญ่อันเป็นวัดที่ประดิษฐานหลวงพ่อพระพุทธชินราช จึงนับว่าพระวรญาณมุนี เป็นพระภิกษุที่จรรโลงและเผยแผ่พระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง มั่นคงต่อการบำเพ็ญตนอยู่ในกรอบของผู้ทรงศีลประพฤติปฏิบัติพระธรรมวินัยของสงฆ์ดุจดังคำสั่งสอนแห่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งสืบทอดความเป็นศิษย์ตถาคตภายใต้ร่มกาสาวพัสตร์มายาวนาน 70 พรรษา



ขอขอบคุณที่มา
https://mgronline.com/local/detail/9620000107225

 

เมื่อวันที่ 8 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 05.30 น.วันนี้ พระวรญาณมุณี หรือ หลวงตาละมัย อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร (วัดใหญ่) และอดีตรักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดอรัญญิก อ.เมืองพิษณุโลก ได้มรณภาพลงด้วยโรคชราภาพ ที่โรงพยาบาลพุทธชินราช อ.เมือง จ.พิษณุโลก หลังเข้ารับการรักษาอาการอาพาธตั้งแต่ช่วงเดือนต.ค.ที่ผ่านมา สิริอายุรวม 89 ปี ศิษยานุศิษย์ต่างโศกเศร้าเสียใจเป็นอย่างมาก ซึ่งวันนี้ทางคณะกรรมวัดจะได้ตั้งศพให้พี่น้องประชาชนได้กราบสักการะสรีระสังขารที่ห้องรับรองนิติเวชโรงพยาบาลพุทธชินราช ก่อนจะมีการเคลื่อนศพกลับไปยังวัดอรัญญิกในวันพรุ่งนี้ต่อไป

สำหรับประวัติของพระวรญาณมุนี หรือ หลวงตาละมัย อุปสมบทตั้งแต่อายุครบ 20 ปี ที่วัดจอมทอง ต.จอมทอง อ.เมืองพิษณุโลก นามเดิมว่า แจ่ม เอมหยวก เกิดเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2473 ต.บ้านกร่าง อ.เมืองพิษณุโลก ได้รับฉายาว่า “สุธมฺโม” และได้ย้ายมาจำพรรษาวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร (วัดใหญ่) ศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัย ปริยัติธรรม จนได้นักธรรมเอกและมีความสนใจทางด้านปฏิบัติธรรมทางกรรมฐานวิปัสสนา ปลุกเสกน้ำมนต์ลงอักขระเครื่องรางของขลัง นั่งปรกโยกย้ายกระแสจิต พอร่ำเรียนวิชาอาคมสำเร็จจึงออกเดินธุดงค์ไปในป่าพื้นที่จังหวัดต่างๆ และเคยร่วมพิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคลต่างๆ กับเกจิชื่อดังมากมาย เช่น พระราชอุดมมงคล หรือ หลวงพ่ออุตมะ หลวงปู่โง่น โสรโย ขณะที่หลวงตาละมัยเป็นพระที่มีวัตรปฏิบัติพระธรรมวินัยของสงฆ์อย่างเคร่งครัด จึงได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร (วัดใหญ่) เมื่อปี 2516 และอีก 2 ปีต่อมาได้เลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูประสาทธรรมวัตร



ขอขอบคุณที่มา
https://www.dailynews.co.th/regional/740621

 

วันนี้ (8 พ.ย.62) เวลา 05.30 น. พระวรญาณมุนี หรือ หลวงตาละมัย อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร หรือ วัดใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก อดีตผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดอรัญญิก อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก มรณภาพ สิริอายุ 90 ปี 70 พรรษา

พระวรญาณมุนี บวชเป็นพระภิกษุมาตั้งแต่อายุครบ 20 ปี ที่วัดจอมทอง ตำบลจอมทองอำเภอเมืองจังหวัดพิษณุโลก ซึ่ง มีนามเดิมว่า แจ่ม เอมหยวก เกิดเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2473 ท้องที่ตำบลบ้านกร่าง อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก

ภายหลังจากอุปสมบทได้รับฉายาว่า “สุธมฺโม” ได้ศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัย ปริยัติธรรม จนได้นักธรรมเอก และได้สนใจทางด้านประพฤติปฏิบัติธรรมทางกรรมฐานวิปัสสนา ปลุกเสก น้ำมนต์ ลงอักขระเครื่องรางของขลัง นั่งปรก โยกย้ายกระแสจิต พอร่ำเรียนวิชาอาคมสำเร็จ จึงออกเดินธุดงค์ไปในป่าพื้นที่จังหวัดต่างๆ

จนกระทั่งวันหนึ่งขณะนั่งกรรมฐานเรียกว่าสมถะภาวนาภายในถ้ำน้ำปัง จังหวัดเพชรบูรณ์ เวลาประมาณ 10.00 น. มีภิกษุรูปหนึ่ง เข้าไปกราบ 3 ครั้ง พร้อมกับเอ่ยปากเรียกว่า “หลวงปู่ครับ หลวงปู่อยู่ที่นานหรือยัง” “หลวงตาครับ หลวงตาอยู่ที่นี่นานหรือยัง” “หลวงพ่อครับ หลวงพ่ออยู่ที่นี่นานหรือยัง” โดยที่ท่านไม่ยอมตอบทั้ง 3 ครั้ง เพราะคิดว่าพระภิกษุรูปนั้นเสียสติหรือถูกผีเข้าสิง

อย่างไรก็ตาม ท่านจะหยุดภาวนาเรียกว่า “มนต์คลาย” แล้วลืมตาดูพระรูปนั้นแล้วถามว่า “ทำไมท่านจึงพูดอย่างนี้กับฉัน” พระภิกษุรูปนั้นตอบว่า “ฉันเห็นหลวงพี่แก่หง่อมเลยครับ” จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่บุคคลใกล้ชิด พากันเรียกขานว่า “หลวงตา” มาตั้งแต่มีอายุ 25 ปีและบวชมาได้เพียง 5 พรรษาเท่านั้น


เนื่องจาก หลวงตาละมัย เป็นพระที่มีวัตรปฏิบัติพระธรรมวินัยของสงฆ์อย่างเคร่งครัด จึงได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดใหญ่ เมื่อปี 2516 และอีก 2 ปีต่อมาได้เลื่อนสมณศักดิ์เป็น “พระครูประสาทธรรมวัตร” ในปี 2518

ทำให้มีบุคคลทั่วไปให้ความศรัทธามักจะมีกิจนิมนต์ไปเจิมป้าย ดูฤกษ์ยาม บริษัท ห้าง ร้าน สร้างบ้าน อาคาร โดยเฉพาะน้ำมนต์เชื่อกันว่ามีอิทธิฤทธิ์และศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก พุทธคุณสามารถขจัดปัดเป่าอันตรายทั้งปวงจึงมีบุคคลระดับเข้าไปขอให้ท่านอาบน้ำมนต์ทั้งข้าราชการ พ่อค้า ประชาชนจนถึงระดับนักการเมืองชื่อดังนายทหารระดับ “บิ๊ก” ทั้งกองทัพบก และกองทัพอากาศ

ประการสำคัญยังได้รับการยอมรับจากพระเกจิอาจารย์ที่มีพรรษาอาวุโสกว่า และมีชื่อเสียงในสายกรรมฐานค่อนข้างแนบแน่น และร่วมพิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคลต่างๆ อยู่เสมอ อาทิ พระราชอุดมมงคล หรือหลวงพ่ออุตมะ หลวงปู่โง่น โสรโย เป็นต้น สิ่งหนึ่งที่เป็นวัตรปฏิบัติเคร่งครัด นับตั้งแต่ปี 2515 ไม่เคยขาดกล่าวคือ ในฤดูการทอดกฐินและเข้าพรรษา ท่านจะกลับไปรับกฐินและจำพรรษาที่วัดใหญ่อันเป็นวัดที่ประดิษฐานหลวงพ่อพระพุทธชินราช

จึงนับว่าพระวรญาณมุนี เป็นพระภิกษุที่จรรโลงและเผยแผ่พระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง มั่นคงต่อการบำเพ็ญตนอยู่ในกรอบของผู้ทรงศีลประพฤติปฏิบัติพระธรรมวินัยของสงฆ์ดุจดังคำสั่งสอนแห่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งสืบทอดความเป็นศิษย์ตถาคตภายใต้ร่มกาสาวพัสตร์มายาวนาน 70 พรรษา

ขอขอบคุณที่มา
https://www.sanook.com/news/7946494/

 

วันที่ 8 พ.ย.62 พระวรญาณมุนี หรือ หลวงตา ละมัย อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร อดีตผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดอรัญญิก อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก ได้มรณภาพด้วยโรคประจำตัว ขณะรักษาตัวที่โรงพยาบาลพุทธชินราชพิษณุโลก เมื่อเวลา 05.30 น. รวมสิริอายุ 89 ปี 3 เดือน 7 วัน


พระวรญาณมุนี หรือ หลวงตาละมัย ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร หรือวัดใหญ่ อำเภอเมืองจังหวัดพิษณุโลก และรักษาการเจ้าอาวาสวัดอรัญญิก บวชเป็นพระภิกษุมาตั้งแต่อายุครบ 20 ปี เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2493 ที่วัดจอมทอง ตำบลจอมทองอำเภอเมืองจังหวัดพิษณุโลก มีนามเดิมว่า แจ่ม เอมหยวก เกิดเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2473 ที่ตำบลบ้านกร่าง อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก อุปสมบท ได้รับฉายาว่า “สุธมฺโม”ได้ศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัย ปริยัติธรรม จนได้นักธรรมเอก และได้สนใจทางด้านประพฤติปฏิบัติธรรมทางกรรมฐานวิปัสสนา ปลุกเสก น้ำมนต์ ลงอักขระเครื่องรางของขลัง นั่งปรก โยกย้ายกระแสจิตพอร่ำเรียนวิชาอาคมสำเร็จ จึงออกเดินธุดงค์ไปในป่าพื้นที่จังหวัดต่างๆ

“หลวงตาละมัย”เป็นพระที่มีวัตรปฏิบัติพระธรรมวินัยของสงฆ์อย่างเคร่งครัด จึงได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร เมื่อปี 2516 และอีก 2 ปีต่อมาได้เลื่อนสมณศักดิ์เป็น”พระครูประสาทธรรมวัตร” ในปี 2518 ในปี 2519 รักษาการเจ้าอาวาสวัดอรัญญิก และปี 2547 เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่ “พระวรญาณมุนี” มีบุคคลทั่วไปให้ความศรัทธามักจะมีกิจนิมนต์ไปเจิมป้าย ดูฤกษ์ยาม บริษัท ห้าง ร้าน สร้างบ้าน อาคาร โดยเฉพาะน้ำมนต์เชื่อกันว่ามีอิทธิฤทธิ์และศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก โดยเฉพาะงานประเพณีแข่งเรือยาวชิงถ้วยพระราชทานของจังหวัดพิษณุโลก ในพิธีเปิดของทุกปี หลวงตาละมัยจะเป็นพระเกจิที่มาทำหน้าที่ประพรหมน้ำมนต์ให้กับเรือยาวที่มาร่วมการแข่งขันทุกปี นอกจากนี้ยังมี บุคคลหลากหลายระดับเข้าไปขอให้ท่านอาบน้ำมนต์จากท่าน ทั้งข้าราชการ พ่อค้า ประชาชนจนถึงระดับนักการเมืองชื่อดังนายทหารระดับ “บิ๊ก”ทั้งกองทัพบก และกองทัพอากาศ

ในปี 2562 หลวงตาละมัยเริ่มป่วยด้วยโรคประจำตัว และเดินทางเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลของจังหวัดพิษณุโลกบ่อยครั้ง การรักษาตัวล่าสุดจนถึงมรณภาพประมาณ 20 วัน อย่างไรก็ตาม แม้จะยังคงรักษาตัวที่โรงพยาบาล ในวันที่ 2 พฤศจิกายน 2562 หลวงตาละมัย ก็ยังคงมาร่วมงานทอดกฐินที่วัดอรัญญิ

สำหรับบรรยากาศเช้าวันนี้ ที่วัดอรัญญิก อ.เมือง จ.พิษณุโลก ได้มีการประชุมร่วมกันระหว่างคณะสงฆ์จังหวัดพิษณุโลก พระวัดอรัญญิก กรรมการวัดอรัญญิก และทหารจากกองทัพภาคที่ 3 สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดพิษณุโลก โดยพระครูปัญญารัตนาทร เจ้าคณะอำเภอเมืองพิษณุโลก เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ในการประชุม และ พระมหาธนะศักดิ์จินตกวี รองเจ้าคณะอำเภอเมืองพิษณุโลก เพื่อเตรียมการจัดพิธีพระราชทานน้ำหลวงสงฆ์ศพในวันอาทิตย์ที่ 10 พฤศจิกายน 2562 นี้ ณ ศาลา วัดอรัญญิก อ.เมืองพิษณุโลก


พระมหาธนะศักดิ์จินตกวี รองเจ้าคณะอำเภอเมืองพิษณุโลก เปิดเผยว่า หลวงตาละมัยเป็นพระชั้นผู้ใหญ่ที่คณะสงฆ์และชาวพิษณุโลกให้ความเคารพนับถือมาก วันนี้ได้ประชุมร่วมกันเพื่อเตรียมพิธีการเคลื่อนย่ายสรีระ และเตรียมการจัดพิธีพระราชทานน้ำหลวงสรงศพในวันอาทิตย์ที่ 10 พฤศจิกายน 2562 นี้ กำหนดเวลา 08.00 น. จะเคลื่อนย่ายสรีระของท่านจากโรงพยาบาลพุทธชินราชมาที่ศาลาเทพโลกอุดร วัดอรัญญิก อ.เมือง จ.พิษณุโลก จากนั้นเวลา 09.00 น. จะให้ประชาชนได้ร่วมสรงน้ำศพ เวลา 16.00 น. พิธีพระราชทานน้ำหลวงสรงศพ และสวดพระอภิธรรมในคืนแรก สำหรับในวันนี้และวันพรุ่งนี้ จะเป็นการเตรียมสถานที่ให้เรียบร้อย ส่วนกำหนดการหลังจากนี้จะมีการประชุมร่วมกันอีกครั้งโดยคณะสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่ จะดำเนินการอย่างไรต่อไป


ขอขอบคุณที่มา
https://www.phitsanulokhotnews.com/2019/11/08/136328

 

หลวงตาละมัย
ลูกศิษย์เศร้า! สิ้น ‘หลวงตาละมัย’ ตำนานจอมอาคมแห่งเมืองสองแคว สิริอายุ 90 ปี เผยเป็นเกจิที่มีวัตรปฏิบัติพระธรรมวินัยของสงฆ์เคร่งครัด ปฏิบัติกรรมฐานวิปัสสนา ปลุกเสก น้ำมนต์ ลงอักขระเครื่องรางของขลัง โยกย้ายกระแสจิต วิชาอาคม


เมื่อวันที่ 8 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระวรญาณมุนี หรือ หลวงตาละมัย อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร อดีตผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดอรัญญิก อ.เมือง จ.พิษณุโลก มรณภาพ ลงแล้วเมื่อเวลา 05.30 น. ที่ผ่านมา สิริอายุ 90 ปี พรรษา 70

พระวรญาณมุนี บวชเป็นพระภิกษุมาตั้งแต่อายุครบ 20 ปี ที่วัดจอมทอง ต.จอมทอง อ.เมือง จ.พิษณุโลก ซึ่งมีนามเดิมว่า แจ่ม เอมหยวก เกิดเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2473 ท้องที่ต.บ้านกร่าง อ.เมือง จ.พิษณุโลก
ภายหลังจากอุปสมบทได้รับฉายาว่า “สุธมฺโม” ได้ศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัย ปริยัติธรรม จนได้นักธรรมเอก และสนใจทางด้านประพฤติปฏิบัติธรรมทางกรรมฐานวิปัสสนา ปลุกเสก น้ำมนต์ ลงอักขระเครื่องรางของขลัง นั่งปรก โยกย้ายกระแสจิตพอร่ำเรียนวิชาอาคมสำเร็จ จึงออกเดินธุดงค์ไปในป่าพื้นที่จังหวัดต่างๆ


จนกระทั่งวันหนึ่งขณะนั่งกรรมฐานเรียกว่าสมถะภาวนาภายในถ้ำน้ำปัง จังหวัดเพชรบูรณ์ เวลาประมาณ 10.00 น. มีภิกษุรูปหนึ่งเข้าไปกราบ 3 ครั้ง พร้อมกับเอ่ยปากเรียกว่า “หลวงปู่ครับ หลวงปู่อยู่ที่นานหรือยัง” “หลวงตาครับ หลวงตาอยู่ที่นี่นานหรือยัง” “หลวงพ่อครับ หลวงพ่ออยู่ที่นี่นานหรือยัง” โดยที่ท่านไม่ยอมตอบทั้ง 3 ครั้ง เพราะคิดว่าพระภิกษุรูปนั้นเสียสติหรือถูกผีเข้าสิง


อย่างไรก็ตาม ท่านจะหยุดภาวนาเรียกว่า “มนต์คลาย” แล้วลืมตาดูพระรูปนั้นแล้วถามว่า “ทำไมท่านจึงพูดอย่างนี้กับฉัน” พระภิกษุรูปนั้นตอบว่า “ฉันเห็นหลวงพี่แก่หง่อมเลยครับ” จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่บุคคลใกล้ชิด พากันเรียกขานว่า “หลวงตา” มาตั้งแต่มีอายุ 25 ปี และบวชมาได้เพียง 5 พรรษาเท่านั้น

เนื่องจากหลวงตาละมัยเป็นพระที่มีวัตรปฏิบัติพระธรรมวินัยของสงฆ์อย่างเคร่งครัด จึงได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดใหญ่ เมื่อปี 2516 และอีก 2 ปี ต่อมาได้เลื่อนสมณศักดิ์เป็น “พระครูประสาทธรรมวัตร” ในปี 2518 ทำให้มีบุคคลทั่วไปให้ความศรัทธา มักจะมีกิจนิมนต์ไปเจิมป้าย ดูฤกษ์ยาม บริษัท ห้าง ร้าน สร้างบ้าน อาคาร โดยเฉพาะน้ำมนต์ เชื่อกันว่ามีอิทธิฤทธิ์และศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก พุทธคุณสามารถขจัดปัดเป่าอันตรายทั้งปวง จึงมีบุคคลระดับเข้าไปขอให้ท่านอาบน้ำมนต์ทั้งข้าราชการ พ่อค้า ประชาชน จนถึงระดับนักการเมืองชื่อดัง นายทหารระดับสูงของกองทัพบกและกองทัพอากาศ

ประการสำคัญยังได้รับการยอมรับจากพระเกจิอาจารย์ที่มีพรรษาอาวุโสกว่า และมีชื่อเสียงในสายกรรมฐานค่อนข้างแนบแน่น และร่วมพิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคลต่างๆ อยู่เสมอ อาทิ พระราชอุดมมงคล หรือหลวงพ่ออุตมะ หลวงปู่โง่น โสรโย เป็นต้น สิ่งหนึ่งที่เป็นวัตรปฏิบัติเคร่งครัด นับตั้งแต่ปี 2515 ไม่เคยขาดกล่าวคือ ในฤดูการทอดกฐินและเข้าพรรษา ท่านจะกลับไปรับกฐินและจำพรรษาที่วัดใหญ่ อันเป็นวัดที่ประดิษฐานหลวงพ่อพระพุทธชินราช

จึงนับว่าพระวรญาณมุนี เป็นพระภิกษุที่จรรโลงและเผยแผ่พระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง มั่นคงต่อการบำเพ็ญตนอยู่ในกรอบของผู้ทรงศีล ประพฤติปฏิบัติพระธรรมวินัยของสงฆ์ ดุจดังคำสั่งสอนแห่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งสืบทอดความเป็นศิษย์ตถาคตภายใต้ร่มกาสาวพัสตร์มายาวนาน 70 พรรษา

ขอขอบคุณที่มา
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_3040319

 

พระวรญาณมุนี หรือ หลวงตาละมัย อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส “วัดใหญ่”พิษณุโลก ละสังขาร สิริอายุ 89 ปี เผยบวชตั้งแต่หนุ่ม อายุ 20 ปี เป็นผู้ประพรมน้ำมนต์ ในพิธีเปิดการแข่งขันเรือยาวชิงถ้วยพระราชทานทุกปี

วันที่ 8 พ.ย.62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระวรญาณมุนี หรือ หลวงตาละมัย อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร อดีตผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดอรัญญิก อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก ได้มรณภาพด้วยโรคประจำตัว ขณะรักษาตัวที่โรงพยาบาลพุทธชินราชพิษณุโลก เมื่อเวลา 05.31 น. สิริอายุ 89 ปี 3 เดือน 7 วัน


ที่วัดอรัญญิก อ.เมือง จ.พิษณุโลก ได้มีการประชุมร่วมกันระหว่างคณะสงฆ์จังหวัดพิษณุโลก พระวัดอรัญญิก กรรมการวัดอรัญญิก และทหารจากกองทัพภาคที่ 3 สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดพิษณุโลก โดยพระครูปัญญารัตนาทร เจ้าคณะอำเภอเมืองพิษณุโลก เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ในการประชุม และพระมหาธนะศักดิ์จินตกวี รองเจ้าคณะอำเภอเมืองพิษณุโลก เพื่อเตรียมการจัดพิธีพระราชทานน้ำหลวงสรงศพในวันอาทิตย์ที่ 10 พฤศจิกายน 2562 นี้

พระมหาธนะศักดิ์จินตกวี รองเจ้าคณะอำเภอเมืองพิษณุโลก เปิดเผยว่า หลวงตาละมัย เป็นพระชั้นผู้ใหญ่ที่คณะสงฆ์และชาวพิษณุโลกให้ความเคารพนับถือมาก วันนี้ได้ประชุมร่วมกันเพื่อเตรียมพิธีการเคลื่อนย้ายสรีระ และเตรียมการจัดพิธีพระราชทานน้ำหลวงสรงศพในวันอาทิตย์ที่ 10 พฤศจิกายน 2562 นี้ กำหนดเวลา 08.00 น. จะเคลื่อนย้ายสรีระของท่านจากแผนกนิติเวชโรงพยาบาลพุทธชินราช มาที่ศาลาเทพโลกอุดร วัดอรัญญิก อ.เมือง จ.พิษณุโลก จากนั้นเวลา 09.00 น. จะให้ประชาชนได้ร่วมสรงน้ำศพ เวลา 16.00 น. พิธีพระราชทานน้ำหลวงสรงศพ และสวดพระอภิธรรมในคืนแรก สำหรับในวันนี้และวันพรุ่งนี้ จะเป็นการเตรียมสถานที่ให้เรียบร้อย ส่วนกำหนดการหลังจากนี้จะมีการประชุมร่วมกันอีกครั้งโดยคณะสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่ จะดำเนินการอย่างไรต่อไป

พระวรญาณมุนี หรือ หลวงตาละมัย ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร หรือวัดใหญ่ อำเภอเมืองจังหวัดพิษณุโลก และรักษาการเจ้าอาวาสวัดอรัญญิก บวชเป็นพระภิกษุมาตั้งแต่อายุครบ 20 ปี เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2493 ที่วัดจอมทอง ตำบลจอมทองอำเภอเมืองจังหวัดพิษณุโลก มีนามเดิมว่า แจ่ม เอมหยวก เกิดเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2473 ที่ตำบลบ้านกร่าง อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก อุปสมบท ได้รับฉายาว่า “สุธมฺโม” ได้ศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัย ปริยัติธรรม จนได้นักธรรมเอก และได้สนใจทางด้านประพฤติปฏิบัติธรรมทางกรรมฐานวิปัสสนา ปลุกเสก น้ำมนต์ ลงอักขระเครื่องรางของขลัง นั่งปรก โยกย้ายกระแสจิตพอร่ำเรียนวิชาอาคมสำเร็จ จึงออกเดินธุดงค์ไปในป่าพื้นที่จังหวัดต่าง ๆ

“หลวงตาละมัย” เป็นพระที่มีวัตรปฏิบัติพระธรรมวินัยของสงฆ์อย่างเคร่งครัด จึงได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร เมื่อปี 2516 และอีก 2 ปีต่อมาได้เลื่อนสมณศักดิ์เป็น “พระครูประสาทธรรมวัตร” ในปี 2518 ในปี 2519 รักษาการเจ้าอาวาสวัดอรัญญิก และปี 2547 เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่ “พระวรญาณมุนี” มีบุคคลทั่วไปให้ความศรัทธามักจะมีกิจนิมนต์ไปเจิมป้าย ดูฤกษ์ยาม บริษัท ห้าง ร้าน สร้างบ้าน อาคาร


“โดยเฉพาะน้ำมนต์เชื่อกันว่ามีอิทธิฤทธิ์และศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก ในงานประเพณีแข่งเรือยาวชิงถ้วยพระราชทานของจังหวัดพิษณุโลก พิธีเปิดของทุกปี หลวงตาละมัยจะเป็นพระเกจิที่มาทำหน้าที่ประพรมน้ำมนต์ให้กับเรือยาวที่มาร่วมการแข่งขันทุกปี นอกจากนี้ยังมีบุคคลหลากหลายระดับเข้าไปขอให้ท่านอาบน้ำมนต์จากท่าน ทั้งข้าราชการ พ่อค้า ประชาชนจนถึงระดับนักการเมืองชื่อดังนายทหารระดับ “บิ๊ก” ทั้งกองทัพบก และกองทัพอากาศ”

ในปี 2562 หลวงตาละมัยเริ่มป่วยด้วยโรคประจำตัว และเดินทางเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลของจังหวัดพิษณุโลกบ่อยครั้ง การรักษาตัวล่าสุดจนถึงมรณภาพประมาณ 20 วัน อย่างไรก็ตาม แม้จะยังคงรักษาตัวที่โรงพยาบาลพุทธชินราช อ.เมืองพิษณุโลก ในวันที่ 2 พฤศจิกายน 2562 หลวงตาละมัย ก็ยังคงมาร่วมงานทอดกฐินที่วัดอรัญญิก

ขอขอบคุณที่มา
https://www.thairath.co.th/news/local/north/1699800

 

ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายนว่า พระวรญาณมุนี หรือ หลวงตาละมัย อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร อดีตผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดอรัญญิก อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก มรณภาพ วันเดียวกันนี้ เวลา 05.30 น.สิริอายุ 90 ปี 70 พรรษา

พระวรญาณมุนี หรือ หลวงตาละมัย ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร หรือวัดใหญ่ อำเภอเมืองจังหวัดพิษณุโลก และรักษาการเจ้าอาวาสวัดอรัญญิก

พระวรญาณมุนี บวชเป็นพระภิกษุมาตั้งแต่อายุครบ 20 ปี ที่วัดจอมทอง ตำบลจอมทองอำเภอเมืองจังหวัดพิษณุโลก ซึ่ง มีนามเดิมว่า แจ่ม เอมหยวก เกิดเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2473 ท้องที่ตำบลบ้านกร่าง อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก

ภายหลังจากอุปสมบทได้รับฉายาว่า “สุธมฺโม” ได้ศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัย ปริยัติธรรม จนได้นักธรรมเอก และได้สนใจทางด้านประพฤติปฏิบัติธรรมทางกรรมฐานวิปัสสนา ปลุกเสก น้ำมนต์ ลงอักขระเครื่องรางของขลัง นั่งปรก โยกย้ายกระแสจิตพอร่ำเรียนวิชาอาคมสำเร็จ จึงออกเดินธุดงค์ไปในป่าพื้นที่จังหวัดต่างๆ

จนกระทั่งวันหนึ่งขณะนั่งกรรมฐานเรียกว่าสมถะภาวนาภายในถ้ำน้ำปัง จังหวัดเพชรบูรณ์ เวลาประมาณ 10.00 น.มีภิกษุรูปหนึ่ง เข้าไปกราบ 3 ครั้ง พร้อมกับเอ่ยปากเรียกว่า “หลวงปู่ครับ หลวงปู่อยู่ที่นี่นานหรือยัง” “หลวงตาครับ หลวงตาอยู่ที่นี่นานหรือยัง” “หลวงพ่อครับ หลวงพ่ออยู่ที่นี่นานหรือยัง” โดยที่ท่านไม่ยอมตอบทั้ง 3 ครั้ง เพราะคิดว่าพระภิกษุรูปนั้นเสียสติหรือถูกผีเข้าสิง

อย่างไรก็ตามท่านจะหยุดภาวนาเรียกว่า “มนต์คลาย”แล้วลืมตาดูพระรูปนั้นแล้วถามว่า “ทำไมท่านจึงพูดอย่างนี้กับฉัน” พระภิกษุรูปนั้นตอบว่า “ฉันเห็นหลวงพี่แก่หง่อมเลยครับ” จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่บุคคลใกล้ชิด พากันเรียกขานว่า “หลวงตา”มาตั้งแต่มีอายุ 25 ปีและบวชมาได้เพียง 5 พรรษาเท่านั้น

เนื่องจาก”หลวงตาละมัย”เป็นพระที่มีวัตรปฏิบัติพระธรรมวินัยของสงฆ์อย่างเคร่งครัด จึงได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดใหญ่ เมื่อปี 2516 และอีก 2 ปีต่อมาได้เลื่อนสมณศักดิ์เป็น”พระครูประสาทธรรมวัตร” ในปี 2518

ทำให้มีบุคคลทั่วไปให้ความศรัทธามักจะมีกิจนิมนต์ไปเจิมป้าย ดูฤกษ์ยาม บริษัท ห้าง ร้าน สร้างบ้าน อาคาร โดยเฉพาะน้ำมนต์เชื่อกันว่ามีอิทธิฤทธิ์และศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก พุทธคุณสามารถขจัดปัดเป่าอันตรายทั้งปวง

จึงมีบุคคลระดับเข้าไปขอให้ท่านอาบน้ำมนต์ทั้งข้าราชการ พ่อค้า ประชาชนจนถึงระดับนักการเมืองชื่อดังนายทหารระดับ “บิ๊ก”ทั้งกองทัพบก และกองทัพอากาศ

ประการสำคัญยังได้รับการยอมรับจากพระเกจิอาจารย์ที่มีพรรษาอาวุโสกว่า และมีชื่อเสียงในสายกรรมฐานค่อนข้างแนบแน่น และร่วมพิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคลต่างๆ อยู่เสมอ อาทิ พระราชอุดมมงคล หรือหลวงพ่ออุตมะ หลวงปู่โง่น โสรโย เป็นต้น สิ่งหนึ่งที่เป็นวัตรปฏิบัติเคร่งครัด นับตั้งแต่ปี 2515 ไม่เคยขาดกล่าวคือ ในฤดูการทอดกฐินและเข้าพรรษา ท่านจะกลับไปรับกฐินและจำพรรษาที่วัดใหญ่อันเป็นวัดที่ประดิษฐานหลวงพ่อพระพุทธชินราช

จึงนับว่าพระวรญาณมุนี เป็นพระภิกษุที่จรรโลงและเผยแผ่พระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง มั่นคงต่อการบำเพ็ญตนอยู่ในกรอบของผู้ทรงศีลประพฤติปฏิบัติพระธรรมวินัยของสงฆ์ดุจดังคำสั่งสอนแห่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งสืบทอดความเป็นศิษย์ตถาคตภายใต้ร่มกาสาวพัสตร์มายาวนาน 70 พรรษา

ขอขอบคุณที่มา
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_1744880