วิธีป้องกันตัวเอง....จากวิญญาณร้ายและสิ่งแปลกปลอม

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย Lukhgai, 5 มกราคม 2011.

  1. Lukhgai

    Lukhgai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    3,000
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +8,240
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=760 align=left><TBODY><TR><TD align=middle>[​IMG]


    </TD></TR><TR><TD class=textmain>นับวันความ เชื่อที่ว่าโลกของเรายัง มีอีกอย่างน้อย 1-2 มิติ ซ้อนทับกันอยู่แต่เรื่อง ด้วยข้อจำกัดการเมือง เห็นด้วยสายตาและโครง สร้างอณูของผู้อยู่อีกมิติ มีความละเอียดอ่อนมาก เราจึงไม่อาจมองเห็น ตัวตนของผู้อยู่อีกมิติ กันได้
    แม้กระทั่งรับ สัมผัสก็ไม่ได้หากเดิน สวนทางกันเป็นแค่เงา ผ่านทับกันแค่นั้น
    ในสหรัฐอเมริกา ชาวอเมริกันมีจำนวนเพิ่ม มากขึ้นเชื่อเรื่องโลกแห่ง วิญญาณที่อยู่ของดวงวิญญาณ ซึ่งอาจเป็นอีกมิติหนึ่งซ้อน ทับมิติโลกอยู่
    เมื่อมิติซ้อนทับกันอยู่ และฝ่ายเราไม่อาจมองเห็น อีกฝ่ายได้จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเกิดการกระทบกระทั่ง ไปจนถึงการลบหลู่ก้าวล่วงโดยไม่ตั้งใจขึ้น ซึ่งในโลกนี้ มีหลายวัฒนธรรมจะมีพิธีกรรมขอขมาลาโทษต่อสิ่งที่มองไม่เห็น หรือบางที่เรียกว่าภูตผีดวงวิญญาณ
    งที่มองไม่เห็น หากใจดีไม่ถือโทษโกรธเคืองก็อภัยให้ คนเราก็อยู่เย็นเป็นสุข แต่หากต้องการเอาคืนตอบโต้ จึงเกิดการตามรังครวญเกิดขึ้น ดังที่รู้จักในปรากฎการณ์ คนถูกผีหลอก คนถูกผีเข้าสิง หรือมีเหตุเป็นไปต่าง ๆ นานา โดยหาสาเหตุไม่ได้
    มิเชลล์ เบลังเจอร์ เป็นนักปรจิตวิทยา ชาวอเมริกัน ผู้ได้รับการยอมรับจากหมู่ไฮโซและนักการเมืองว่าเป็น ผู้มีพลังจิตสูงเป็นคนทรงเจ้าเข้าผี ที่สามารถขับไล่สิ่งชั่วร้าย ออกจากตัวคน ออกจากบ้าน หรือสถานที่ต่าง ๆ ได้
    เมื่อเร็ว ๆ นี้จอมขมังเวทย์สาวมิเชลล์ได้เขียน หนังสือเล่มหนึ่งชื่อ “เดอะโกสท์ ฮันเตอร์”ส เซอร์ไววอล ไกด์” แปลว่าการล่าผีอย่างปลอดภัย และถูกวิธีเนื้อหาสาระจาก หนังสือเล่มนี้ เป็นการแนะนำกลยุทธตั้งรับมากกว่ารุกเช่น วิธีป้องกันตัวจากการถูกวิญญาณร้าย สิ่งชั่วร้ายเข้าครอบงำ
    “วิธีการของฉันคือการป้องกันตัว ไม่ใช่ไปไล่ผี แล้วจับตัวส่งกลับขุมนรก คราวนี้ไม่ใช่หน้าที่ของเรา” มิเชลล์กล่าว
    อีกวิธีหนึ่งคือการแนะนำการแกะรอยตามรอยผี หรือดวงวิญญาณว่าสิงอยู่ที่ใดเมื่อรู้แล้วจะได้หลีกเลี่ยง ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว แต่หากจำเป็น เช่น บ้านถูกวิญญาณร้ายมา ยึดครองก็ต้องมีพิธีบอกกล่าวเชื้อเชิญ ให้ออกไปโดยวิธีละมุนละม่อม
    “แต่การตั้งตนเป็นหมอผี ทำพิธีขับไล่ดวงวิญญาณร้ายไม่ให้ใคร จะทำได้เลย ต้องผ่านการฝึกพลังจิต ต้องรู้วิธีปฏิบัติและสิ่งแรกเลยเป็นคุณ สมบัติต้องมีสำหรับผู้คิดขับไล่ผีคือเป็น คนมีสุขภาพแข็งแรง คนที่มีสุขภาพกาย แข็งแรงจิตใจก็ย่อมแข็งแรงตามไปด้วย คุณสมบัติต่อมาเป็นผู้ไม่เดือดร้อนด้านการครองชีพผู้มีกินมีใช้ ย่อมยึดพลังจิตได้ง่ายกว่าผู้อดมื้อกินมื้อ” หมอผีมิเชลล์กล่าว
    “หากว่า ผู้คิดขับไล่ผี ยังมีความพร้อมไม่พอจึงง่าย ต่อการถูกวิญญาณร้าย หรือ สิ่งชั่วร้ายเข้าสิงสู่ร่างเมื่อนั้นไม่อาจ ควบคุมตัวเองได้ บุคลิกเปลี่ยนไปจากคนดี ๆ จะประพฤติชั่วหรือแม้แต่ความนึกคิด ก็จะถูกครอบงำเป็นช่วง ๆ ไป คือหมาย ความว่าผู้ถูกผีสิงไม่ใช่สูญเสียตัวตนไปทั้งหมดจะมีช่วง เวลานึกคิดได้กลับมาเป็นตัวเองได้แต่เป็นช่วงเวลาสั้น ๆ เท่านั้น”
    “การฝึกพลังจิตเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับนักล่าผี ตามวิธีการของฉัน มี 2 ขั้นตอนทำจิตใจให้ปลอดโปร่งไร้สิ่ง อื่นเข้ามารบกวนได้ ประการที่ 2 กำหนดรวมจิตใจไว้ที่จุดใด จุดหนึ่งได้ เช่น ที่กลางอก หรือ ที่ปลายจมูก หากทำได้ 2 อย่างนี้ ถือว่าพอใข้ได้แล้ว”
    “ดังนั้นก่อนที่จะไปเผชิญหน้ากับภูตผีปีศาจ ซึ่งเรามองไม่เห็นจะรับรู้ได้ด้วยสัมผัสทางจิตเท่านั้น เราต้องสร้างเกราะคุ้มครองตัวเองก่อน เป็นเกราะสร้างขึ้นจาก พลังจิตยิ่งเรามีพลังจิตเข้มข้นลึกล้ำเพียงใดเกราะพลังจิต ที่สร้างขึ้นก็ยิ่งมั่นคงแข็งแรงเท่านั้น”
    หมอพลังจิตมิเชลล์ แนะนำอีกว่า “บางครั้งเราอาจ ต้องเจอกับดวงวิญญาณที่มีพลังอำนาจสูงเช่นนี้ สิ่งชั่วร้าย ก็สามารถแทรกซึมผ่านเกราะพลังจิตเข้ามาได้ อาการแรกที่รับรู้ได้ ทางกาย คือ การปวดหัว ปวดเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ต่อมาตัวสั่นระริก เหมือนคนหนาวจัด อาการต่อมาปวดมวนในท้องอย่างรุนแรง ถึงกับอาเจียนออกมาหากโดนเข้าอย่างนี้ก็ต้องปักหลัก สู้อย่างรู้เท่าทัน”
    สิ่งแรกที่ควรกระทำมองไปรอบ ๆ ว่า เราอยู่ตรง จุดไหนที่ใดหากอยู่ในห้องนอนก็หาจุดกึ่งกลางในห้อง อยู่ในป่าหาจุดกึ่งกลางอยู่ระหว่างต้นไม้กับก้อนหินอยู่ใน รถยนต์ก็หาจุดกลางรถ “การยึดจุดกึ่งกลางในสถานที่เกิดเหตุ เผชิญหน้ากับผีร้าย คือการสะกดวิญญาณไม่ให้แสดง อิทธิฤทธิ์ได้เต็มที่เป็นชัยภูมิที่ดีสามารถเอาชนะไปได้ ครึ่งหนึ่งแล้ว”
    เมื่อเข้าถึงจุดกึ่งกลางของสถานที่ได้แล้ว มิเชลล์แนะนำอีกว่า ให้อยู่ในอิริยาบทที่ตัวเองรู้สึกสบาย ที่สุดหลับตาลงหายใจเข้าปอดลึกที่สุด 3 ครั้ง ดูว่ายังหายใจ ติดขัดอีกหรือไม่ ถ้ายังไม่โปร่งโล่ง ก็สูดลมหายใจลึก ๆ อีก 3 ครั้ง หรือ ทำจนรู้สึกระบบการหายใจคล่อง ปากคร่อง จมูกขึ้น
    จากนั้นสำรวมจิตใจกำหนดจิตใจความรู้สึก พุ่งไปยังจุดใดจุดหนึ่ง ที่ตนเองถนัดเช่น กลางหว่างอก ที่ปลายจมูก ที่หน้าผากหรือที่ใจกลางฝ่ามือ
    “ปกติแล้วคนเรามีแสดงออร่าออกจากตัวได้เอง ออร่านี่เองมีเกราะตามธรรมชาติของคนเรา แต่หากเราฝึก พลังจิตได้เข้มข้นกว่าคนปกติ ร่างกายก็แผ่รังสีออร่าได้เข้มข้น ตามไปด้วยพระชาวทิเบต ฝึกเพิ่มรังสีออร่า เรียกว่าแสงพุทธฉาย” ( พระพุทธเจ้า เมื่อตรัสรู้ มีแสงรัศมีแผ่ออก พระองค์ทุกทิศทาง เรียกว่า ฉัพพรรณรังสี แสดงให้รู้ว่า มีพลิตจิตในระดับสูงสุดแล้ว)
    หมอผีมิเชลล์กล่าวอีกว่า “เราคงปฏิบัติตาม พระชาวทิเบตไม่ได้เพราะท่านเป็นมืออาชีพตามข้อแนะนำ ของฉันเมื่อรวมจิตอยู่ที่จุดใดจุดหนึ่งแล้วก็แผ่พลังจิตนั้น ออกไปให้ได้มากที่สุดเท่าที่ทำได้เราทำได้หรือไม่? ให้รับสัมผัส จากตัวเองในระดับต้น ส่วนใหญ่สู้สึกว่าเหมือนมทีฟองน้ำ ห่อหุ้มอยู่รอบตัว บางคนรู้สึกเหมือนถูกท่อหุ้มด้วยแรงโชติช่วง”
    “ทั้งหมดนี้คือเกราะพลังจิต ซึ่งสามารถป้องกัน สิ่งชั่วร้ายที่เรามองไม่เห็นมาแผ้วพาลหรือเข้ามาทำร้ายได้ แต่หากเกิดการเผชิญหน้า วิญญาณปรากฏให้เห็นต้องพูด เจรจากันดี ๆ บอกกล่าวว่าเราจำเป็นต้องใช้สถานที่แห่งนี้ เพื่อ ดำรงชีวิตหรือไปนอนกลางป่ากลางเขาก็บอกกล่าวเรามาดี ขอพักสักคืนพรุ่งนี้ก็จะจากไป”
    “ชาวเอเซีย มีพิธีขอขมาลาโทษ เมื่อเขาไปอยู่ในที่แปลกปลอม ตรงนี้นับว่าตรงประเด็น ขณะที่เขากล่าว ขอขมาพวกเขาก็สำรวจจิตสร้างเกราะพลังจิตคุ้มครอง ตัวเองโดย อัตโนมัติ” หมอผีแสนสวยกล่าว
    “สิ่งสำคัญที่สุด อย่าให้เกิดการเผชิญหน้า ถ้าหลบเลี่ยงได้ก็หลบไป หากจำเป็นต้องอยู่ ต้องบอกกล่าวและร้องประพฤติ ปฏิบัติโดยให้การเคารพ อย่าทะนงตนว่าตนเองเหนือกว่า ทำแค่นี้ได้คุณไม่มีวันได้รับอันตรายจากสิ่งที่มองไม่เห็น บางทีพวกเขาจะคุ้มครองป้องกันภัยให้คุณด้วยซ้ำ”
    หนังสือวิธีล่าผีโดยถูกวิธีและปลอดภัย วางแผงขายในอังกฤษ และสหรัฐอเมริกาในเมืองไทย ไม่แน่ใจที่ขายหรือไม่?

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     

แชร์หน้านี้

Loading...