วิญญาณ จิต ธรรมชาติที่เกี่ยวข้อง

จิตใจ การอ่านใจ สัญชาติญาณ และคำตอบที่ปราศจากอคติ

<!-- Main -->การอ่านใจอาจจะทำได้เมื่อ จิตใจนั้นปลอดโปร่ง ว่าง ปราศจากนิวรณ์ โดยเฉพาะจิตใจที่เป็นส่วนใต้สำนึก

จิตใจส่วนนี้มันเป็นธาตุที่คอยรับรู้ ไปรับรู้เรื่องราวต่างๆ อยู่เสมอ ฟอร์มตัวทำงานกันเพื่อรู้ๆ และก็รู้

เมื่อไม่มีสิ่งใดรบกวน สิ่งต่างๆ ก็ยิ่งปรากฏชัดและถูกต้อง

เมื่อเราต้องการที่จะอ่านใจ ก็ทำการเดาหรือว่าหน่วงในใจว่าเค้าคิดอะไรอยู่ โดยปราศจากอคติหรือสิ่งรบกวนใดๆ และไม่ต้องไปใช้เหตุผลในการเดา ไม่เดาสุ่ม ไม่ใช่การกะ การประมาณ เพราะคำตอบเหล่านี้มาจากจิตในส่วนที่เราควบคุมได้ คำนวณได้ เหนือสำนึก

ในบางคราว จิตใจมันจะส่งสัญญาณหรือความรู้ออกมา ซึ่งจะปนกันระหว่างความรู้ที่ออกมาจากจิตสำนึก และความรู้ที่ออกมาจากจิตลึกๆ ซึ่งความรู้เหล่านี้เมื่อส่งออกมาเราจะตัดสินใจเรื่องต่างๆ ผิดบ้างถูกบ้าง

เมื่อเราทำใจให้สงบลงมากๆ แล้วค่อยตัดสินโดยปราศจากอคติ หรือสิ่งรบกวน ไม่ว่าจะเป็นความกลัว การคาดคะเนโดยจิตสำนึก ความเกลียด ความรัก จิตเราจะไปเอาความรู้ คำตอบที่ถูกต้องหรือดี มาให้
<TABLE cellSpacing=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><!--Last Update : 2 พฤษภาคม 2549 14:01:39 น.-->ตัวผลิตกับตัวรับสัญญาณในหัว สมาธิและการอ่านใจ

<!-- Main -->จากการนั่งสมาธิ เมื่อได้ทำการสังเกตดูแล้ว จะเห็นจิตที่แบ่งออกได้เป็น 2 ส่วน ทำงานแยกกันต่างหากอย่างชัดเจน

1. ส่วนที่คอยผลิตสังขาร อารมณ์ ความคิดต่างๆ ออกมา
2. ตัวรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งจะไม่รับรู้ ไปสนใจสิ่งอื่นๆก็ได้ จะรับรู้ก็ได้ เป็นจิตสำนึก

มีข้อสังเกตสิ่งนึงคือ เรายังไม่ทราบว่าตัวรับรู้นั้น ทำการรับรู้สังขาร (1) อย่างไร มันเป็นกลไกทางไฟฟ้าหรือว่าเป็นกลไกทางนามธรรมทางเคมีหรือทางทางกลตามหลักทางการแพทย์



อย่างไรก็ตาม ถ้ามันแยกกันเป็น 2 ส่วนอย่างชัดเจนเหมือนดังรูป ถ้าจะเชื่อมโยงกับเรื่องการอ่านใจ ซึ่งเกิดขึ้นเป็นปรกติธรรมดาในคนทำสมาธิได้ดีและทำมานาน เราอาจจะอนุมานว่าเบอร์ 2 นั้นสามารถรับรู้เบอร์ 1 ของคนอื่นด้วยอาการอย่างที่เกิดขึ้นในรูป เพียงแต่เรายังไม่ทราบว่าตัวกลางของจิตนั้นมันเป็นอย่างไร

ส่วนการอธิบายการทำสมาธิ การทำสมาธิเป็นการยึดเบอร์ 1 กับเบอร์ 2 เข้าไว้ด้วยกันกับหลักยึดอันใดอันหนึ่ง เช่น ลมหายใจหยาบ-ละเอียด, รูปภาพเคลื่อนที่, รูปภาพนิ่ง เป็นการทำให้เบอร์ 1 นั้นไม่วุ่นวายไป สมาธิอาจจะกล่าวได้ว่าเป็นการสงบเบอร์ 1 และการทำให้เบอร์สองอยู่ใต้การบังคับบัญชาอย่างเต็มที่

ถ้าจะสังเคราะห์ลงกับขันธ์ห้า

เบอร์1 = เวทนา, สัญญา, สังขาร
เบอร์2 = วิญญาณโดยเฉพาะมโนวิญญาณ​

ภาพหน้าตาและการทำงานของวิญญาณ
<!-- Main -->สงสัยว่าพอเห็นภาพแล้ว บางท่านอาจจะนึกว่าหลอกกันเล่น

ภาพนี้นำมาจาก Encarta เป็นภาพของการทำงานของเส้นประสาทในร่างกาย ผมเองไม่ทราบเช่นกันว่า อะไรส่งอะไรต่อกันไป แต่อยากจะกล่าวว่า นี้แหละคือคำจำกัดความของวิญญาณที่แท้จริง

ในภาพแสดงการทำงานอย่างชัดเจนการการเกิดขึ้นของวิญญาณ เราเห็นรอยต่อของอายตนะภายนอกกระทบกับอายตนะภายใน ผัสสะเกิดขึ้นด้วยอาการเช่นนี้ ถึงเราจะมีกล้องขยายต่อไป ก็ไม่ได้เห็นธาตุพิเศษ พิสดารอะไรอีกแล้ว มันทำงานกันอย่างนี้แหละ ด้วยสารเคมี ด้วยกลไกไฟฟ้า

ส่วนความรู้สึกโดยรวมของเรามันพิเศษหน่อย เป็นเพราะมันประกอบด้วยการทำงานอย่างนี้อย่างเป็นระบบ เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก เป็นกลุ่มๆ ซับซ้อน ทักทอกัน ปรุงแต่งกันไปมามากกว่าในภาพนี้มาก

ความรู้ตรงนี้จะทำให้เกิดความเข้าใจอีกหลายๆ อย่างตามขึ้นมาอีกเยอะ



ภาพที่ยกมาตรงนี้จริงๆ แล้ว ต้องการชี้ให้เห็นอะไรอีกหลายๆ อย่าง เท่าที่พอจะนึกได้ในที่นี้ได้แก่เช่น
- การทำงานของ "การรับรู" หรือ " วิญญาณ" หรือว่า "จิต" ไม่ได้เกิดขึ้นจากธาตุพิเศษที่มีการหยั่งลง หรือว่าเป็นทำนองเจตภูติ

-ภาพที่ยกมา แสดงพื้นฐานกลไก ย่อยที่สุด ระดับหนึ่งของ "จิต"

- เราจะมีคำตอบเรื่องของ "ระยะทาง" หรือ " มิติ" ... ซึ่งลิงค์ต่อไปยังเรื่องของ การอธิบายเรื่องการอ่านใจผู้อื่น หรือเรื่องลางสังหรณ์ สัญชาติญาณพิเศษ

- เอาไว้ตอบคำถามเรื่องหุ่นยนต์ มี ชีวิตหรือไม่

- เป็นพื้นฐานเอาไว้ใช้ค้นคว้าต่อเนื่องเรื่องจิตวิญญาณเรื่องอื่นๆ (กลไกการเกิด ฯลฯ)

- เรื่อง อนัตตาของวิญญาณ


กลไกของวิญญาณ
<!-- Main -->draft

วิญญาณคือ การรับรู้ การรู้ รู้ขึ้นมาได้
วิญญาณเกิดขึ้น เมื่อมีการกระทบกันของอายตนะภายนอก และภายใน ในที่นี้ได้แก่ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ธรรมารมณ์ vs ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เมื่อกระทบกันแล้ว รู้แล้ว ก็ดับไป เกิดขึ้นแล้วดับไป

จะเห็นว่า วิญญาณไม่ใช่อายตนะ ไม่ใช่วัตถุ แต่เป็นอาการอันหนึ่ง เป็นนามธรรมอย่างหนึ่ง ที่รับรู้อะไร ๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นการรู้ชนิดไม่ซับซ้อน หรือว่าซับซ้อนอย่างที่เราสามารถรับรู้แล้วแปลความ คิดได้


วิญญาณเป็นสิ่งที่เป็นพื้นฐานที่สุด เป็นหนึ่งองค์ประกอบที่สำคัญใน 5 หมวดของขันธ์


ตำแหน่งของการรู้ไม่ได้เกิดขึ้นที่จุดของการกระทบของอายตนะนอกใน จุดกระทบเป็นจุดอ้างอิง วิญญาณเป็นนามธรรม ซึ่งจริงๆ แล้วไม่มีตำแหน่ง อายตนะเท่านั้นที่มีตำแหน่ง วิญญาณอาศัยอายตนะเป็นที่เกิดขึ้น


กลไกการทำงานของวิญญาณ ถ้าเรามองไปยังคอมพิวเตอร์ เพื่อช่วยในการอธิบายเรื่องของวิญญาณ เราจะเห็นว่า คอมพิวเตอร์ไม่ใช่สิ่งมีชีวิต แต่คอมพิวเตอร์กลับสามารถทำงาน รับรู้ได้ สิ่งนี้เกิดขึ้นจากการทำงานของสิ่งไม่มีชีวิตล้วน ๆ เป็นธาตุทั้งสี่ มาทำงานประชุมกันล้วน ๆ ไม่ได้มีธาตุอะไรพิเศษมากไปกว่านั้น แต่ที่มันสามารถรับรู้ได้ เป็นเพราะมัน ทำงานกันอย่างสลับซับซ้อนต่างหาก จนเสมือนว่ามันสามารถรับรู้ได้ จริงๆ แล้วมันไม่ได้รับรู้ แต่มันทำงานไปตามกลไกของเครื่องจักรอย่างสลับซับซ้อน วิญญาณความรับรู้ของคนเราก็เช่นกัน เวทนาก็เช่นกัน สัญญา สังขารก็เช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม จิต หรือวิญญาณน่าจะเกิดขึ้นมาก่อนขันธ์อื่นๆ


<HR>
note สำหรับคิด

ตัวกลางของวิญญาณ

เรื่องที่ว่า นาม กำเนิด รูป หรือว่า รูป กำเนิด นามก่อน จะแก้ปัญหาไปได้ ถ้าเอาเรื่องของ ภพทั้งสามมาศึกษา คือ มีกามภพ รูปภพ และอรูปภพ อรูปภพไม่มีรูป มีแต่นาม ดังนั้น นามสามารถเกิดขึ้นได้ก่อน ดังนั้นคำตอบนี้จึงไปตอบเรื่องของ big bang ได้ด้วยว่า อะไรเป็นตัวก่อให้เกิด big bang หรือโลกทางวัตถุ<!-- End main-->
</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

รูปธรรม กับ นามธรรม ... ล้วนเกิดมาเกี่ยวพันกันไป ไม่สิ้นสุด พึ่งพาอาศัยกันมาตั้งแต่ถือกำเนิดเกิดสิ่งที่เราเรียกว่า "สิ่งมีชีวิต" ... เนิ่นนาน

เหมือนที่เรากำลังคุยกันอยู่นี่แหล่ะ ความคิดจากบุคคลหนึ่งถูกส่งผ่านไปให้อีกคนหนึ่งได้รับรู้ในความหมายได้

รูปธรรม --> ตัวหนังสือ คีย์บอร์ด คอมพิวเตอร์ อินเตอร์เน็ต
นามธรรม --> อีกคนหนึ่งเข้าใจความหมายที่อยู่บนหน้าจอได้ ทั้งๆ ที่ความหมายที่เราเข้าใจ มิได้มีตัวตนแต่อย่างใด ...

 

อืม..เป็นการเปรียบเทียบ ระหว่าง พุทธศาสนา กับวิทยาศาสตร์ เลยนะเนี่ย แต่ดูๆไปแล้วก็ยังเข้าใจยากอยู่ดี

 

บางทีนะ ###อ่อน### ก็คิดว่าในช่วงที่ดวงจิต(บริสุทธิ์) กำลังก่อร่างสร้างตัวเป็นตัวตนของเราในครรภ์แม่นั้น จิตได้รวมกับวิญญาณขันธุ์ เพื่อสร้างรูปขันธุ์ขึ้นมา นี่เองทำให้เป็นจุดที่ก่อให้เกิดสังขารขันธุ์ตามมาด้วยในขั้นต้น ส่วนเวทนาขันธุ์นั้นเกิดขึ้นมาก่อนที่จะมีสัญญาขันธุ์ และนี่เองคือคำตอบว่า "ทำไมเด็กทารกจึงต้องร้องไห้ในตอนแรกเกิดมา ลืมตามาชำเลืองดูโลก เกิดมาเป็นทารกสามัญชนธรรมดา..." และคำตอบนั่นก็คือทำให้ขันธุ์ครบทั้งห้า อย่างสมบูรณ์ นี่เอง

หรือว่า เจ้าดวงจิตบริสุทธุ์ของเรานี่เองที่เป็นตัวบังคับ DNA เพื่อก่อเกิดให้เป็นรูปขันธุ์หว่า?

เอาเข้าไป ยิ่งโพสท์ยิ่งงงกับตัวเอง ...อาการ (กำเริบ) อีกแล้ว ... เหอะๆ

 

อิอิ นี่รูปการ synapse นี่ เรียนอยู่พอดี